(WN) I’m the Evil Lord of an Intergalactic Empire! 50

Now you are reading (WN) I’m the Evil Lord of an Intergalactic Empire! Chapter 50 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ณ ห้องเรียนภายในสถาบันการทหาร

 

ในห้องบรรยายแบบขั้นบันได เลียมถูกรายล้อมด้วยนายร้อยจากตระกูลขุนนาง  

 

ตั้งแต่การจำลองการรบกับดอล์ฟเมื่อวาน พวกขุนนางก็เข้ามาหาเขามากขึ้น

 

“เลียม คุณยอดเยี่ยมมาก!”

 

“ทั้งที่ยังอยู่ปีหนึ่ง คุณกลับเอาชนะดอล์ฟรุ่นพี่อันดับหนึ่งคนนั้นได้!”

 

“อย่างที่คิดเลย ประสบการณ์การต่อสู้จริงนั้นคนละระดับกันเลย”

 

ขณะที่เลียมได้รับคำชม เขาก็ยืดอกอย่างภูมิใจ

 

“ไม่เท่าไหร่หรอกน่า…เขาแค่อ่อนแอเกินไป”

 

ผู้คนรอบๆยังคงสรรเสริญเขาอย่างต่อเนื่อง

 

วอลเลซเฝ้าดูเหตุการณ์จากระยะไกล พวกนายร้อยจากตระกูลขุนนางต่างประจบประแจงเลียมอย่างโจ่มแจ้ง ต่างจากเมื่อวาน  

 

“…รีบเกาะขาคนมีอำนาจขนาดนั้นเลยนะ เจ้าพวกนี้ตรงไปตรงมาจนน่าประทับใจทีเดียว”

 

นักเรียนในห้องเรียนมีสีหน้าขมขื่นขณะที่พวกเขาเฝ้าดูเหตุการณ์นี้

 

เหมือนกับวอลเลซ พวกเขารู้สึกทึ่งกับความรวดเร็วในการเปลี่ยนหน้าของเหล่าขุนนาง

 

(เมื่อวานนี้พวกเขาเรียกเลียมว่าเป็นคนบ้านนอกโง่ๆ แต่ตอนนี้พวกเขาแทบจะเลียรองเท้าเลียมด้วยซ้ำ)  

 

ด้วยชัยชนะของเลียมเหนือดอล์ฟ ขุนนางที่เคยเยาะเย้ยเขาในตอนนี้ทำตัวเหมือนเป็นผู้ติดตามของเขา

 

(ฮา… ฉันคิดถึงโรงเรียนประถม)

 

ในตอนนั้นยังมี เคิร์ท เพื่อนอีกคนของเลียมอยู่ด้วย

 

ถ้าเขามาที่สถาบันการทหารด้วย เขาคงจะจัดการกันคนพวกนี้ให้ห่างจากเลียมอย่างแน่นอน

 

อย่างไรก็ตาม เคิร์ตเป็นทายาทของตระกูลบารอนเอ็กซ์เนอร์ ซึ่งเป็นครอบครัวที่มีสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับกองทัพ

 

บ้านที่เป็นแบบนั้นมักเลือกสถาบันการทหารให้เป็นทางเลือกสุดท้ายในการฝึกอบรม

 

หลังจากจบการศึกษาระดับประถม เคิร์ทได้ลงทะเบียนเรียนในสถาบันการศึกษาเพื่อเข้ารับคุณสมบัติเป็นข้าราชการก่อน

 

หลังจากที่เขาจบการศึกษาจากสถาบันการศึกษา เขาจะเข้ากองทัพหลังจากที่ประจำการอย่างน้อยสี่ปี *1

 

เพราะแบบนั้น เคิร์ตจึงไปเป็นนักศึกษาของสถาบันการศึกษา

 

(จะว่าไป เขาดูหดหู่ไม่น้อยเมื่อต้องแยกทางกับเลียม)  

 

เนื่องจากเลียมตัดสินใจไปสถาบันการทหารก่อน เคิร์ตจึงค่อนข้างหดหู่

 

แม้ว่าเขาอยากจะให้เลียมลงทะเบียนเรียนในสถาบันการศึกษาด้วยกัน แต่เลียมเป็นเคานต์ เขาไม่สามารถอยู่ในกองทัพได้ตลอด

 

เข้าไม่ได้เป็นผู้สืบทอด แต่เขาได้สืบทอดตำแหน่งเจ้าบ้านไปแล้ว และจำเป็นต้องกลับไปปกครองอาณาเขตของตน

 

วอลเลซมองเลียมที่กำลังได้รับคำสรรเสริญจากคนรอบข้าง

 

“มันเร็วไปสิบปีที่มือสมัครเล่นที่ไม่มีประสบการณ์การต่อสู้จริง จะเอาชนะผมได้”

 

เมื่อเลียมพูดแบบนั้น สภาพแวดล้อมรอบๆ ตัวของเขาเริ่มสับสนและพูดว่า “สิบปี?” “ใช้เวลาเพียงสิบปีก็เก่งได้แบบนั้นเลย?” “นั่นเร็วจนน่าตกใจทีเดียว” *2

 

ในตอนนั้นเอง – [มารี เซรา แมร์เรียน] พุ่งเข้ามาในห้องเรียนด้วยผมสั้นสีม่วงของเธอ

 

ใช่แล้ว ผมสีม่วง

 

ในสถาบันการทหารที่เต็มไปด้วยผู้ชาย ความงามระดับเธอเธอจึงเป็นบุคคลที่โดดเด่นมาก

 

“ดิฉันได้ยินข่าวแล้วค่ะ ท่านเลียม!”

 

เธอเข้าประชิดตัวเลียมทันที และจับมือเขาด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย

 

“…มารีเหรอ?”

 

มารียังคงร่ายคำสรรเสริญเลียมต่อ โดยไม่สนใจใบหน้าบึ้งตึงที่เขากำลังทำอยู่

 

“ท่านเอาชนะอันดับหนึ่งของสถาบันในการต่อสู้จำลอง! ท่านเลียมสุดยอดที่สุด! น่าเสียดายที่มารีคนนี้ ไม่สามารถเห็นท่าทางอันกล้าหาญของคุณเมื่อวานนี้ ถ้าดิฉันรู้ดิฉันจะรีบวิ่งไปทันที!”

 

วอลเลซถอนหายใจ

 

(อัศวินของเลียมทุกคนนี่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจริงๆ)

 

มารีก็เข้ามาสถาบันการทหารกับเลียมด้วย

 

เหตุผลก็เพื่อที่เธอจะได้รับคุณสมบัติอัศวิน

 

แม้ว่าบันทึกของเธอจะหายไป แต่จริงๆแล้วเธอเป็นวีรสตรีที่ได้รับตำแหน่งอัศวินไปตั้งแต่เมื่อสองพันปีก่อน

 

จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อคนแบบนั้นเข้ามาในสถาบันการทหาร?

 

–สถาบันการทหารไม่ค่อยได้รับนักเรียนที่มีที่มาที่ไปแปลกๆ และยังไม่มีมาตรการใดๆ ที่เตรียมไว้เพื่อจัดการกับคนเหล่านั้น

 

ดังนั้นจึงมีการแยกจากหลักสูตรทั่วไป เป็นชั้นเรียนที่ทำขึ้นโดยเฉพาะเพื่อรองรับกลุ่มคนดังกล่าว

 

มันเป็นสถานที่ที่เก็บผู้ที่มีพรสวรรค์ หรือแม้แต่พวกคนที่มีเบื้องหลังแปลกๆเข้าเรียน

 

กล่าวโดยย่อ มันคือสถานที่รวบรวมเด็กที่มีปัญหา และผู้สอนทั้งหมดที่สอนก็มีแต่ทหารผ่านศึก

 

ในชั้นเรียนดังกล่าว มารีปฏิเสธที่จะตัดผมสั้นในวันแรก

 

ซึ่งแน่นอนว่าครูฝึกสั่งให้เธอตัดผมสั้น แต่มารีกลับตอบโต้ด้วยการทุบตีพวกเขาทั้งหมดด้วยกำลังและเริ่มสอนพวกเขาแทน

 

เธอเบ้ปาก “อาจารย์ของจักรวรรดิมีน้ำยาแค่นี้งั้นเรอะ? ฉันไม่คิดว่าคุณจะสอนอะไรฉันได้” มารีกล่าวด้วยความผิดหวัง

 

ครูฝึกไม่สามารถเอาชนะเธอได้ และการขับไล่เธอออกไปโดยตรงจะบ่อนทำลายอำนาจของพวกเขา จากปัญหานี้ สุดท้ายพวกเขาลงเอยด้วยการขอความช่วยเหลือจากเลียม  

 

เลียมที่เพิ่งตัดผมได้กล่าวขึ้น “อะไร? ทั้งที่ผมก็ตัดผมจนสั้นเหมือนกัน แต่คุณกลับเอาแต่บ่นอย่างงั้นเรอะ? ไปตัดมันเดี๋ยวนี้!”  

 

ในวันรุ่งขึ้น มารีถึงได้มาพร้อมผมสั้นทรงใหม่ของเธอ

 

เมื่อเห็นแบบนั้น ครูฝึกก็บ่น “พวกเราเสียเวลาขนาดนั้นไปทำไมกันนะ?”  

 

ถึงจะเป็นแบบนั้น มารีก็ถูกโยนเข้าไปในห้องเรียนที่เต็มไปด้วยเด็กที่มีปัญหาซึ่งแยกจากเลียม ซึ่งพยายามหาเหตุผลที่จะออกมาพบเขาอยู่เสมอ

 

หลังจากเห็นเธอ เลียมก็ดูห่อเหี่ยวขึ้นมาทันที

 

“นั่นล่ะๆ น่าเสียดายจังเนอะ ผมเข้าใจแล้ว…. เพราะงั้น มารี คุณควรกลับไปที่ห้องเรียนของคุณได้แล้ว”

 

“ไม่ค่ะท่านเลียม ดิฉันยังสรรเสริญท่านไม่พอ! ถ้าดิฉันไม่บอกว่าคุณวิเศษแค่ไหน นั่นจะเป็นความอัปยศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของมารี!”

 

ดวงตาของเธอแดงก่ำ

 

มารีกล่าวชมเชยต่อไป และพวกคนที่ทำตัวเหมือนเป็นผู้ติดตามของเลียมต่างพากันถอยห่าง

 

“แน่นอนว่า การที่ท่านเลียมผู้แสนวิเศษนั้น ทำเรื่องสุดยอดอันแสนยอดเยี่ยมเป็นเรื่องธรรมดา และเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้—”

 

เมื่อเห็นมารีที่เริ่มร่ายคำสรรเสริญยืดยาว วอลเลซก็เริ่มคิด

 

(อา… ฉันคิดถึงวันเก่าๆขึ้นมาเลย)

 

◇ ◇ ◇

 

ผมชอบคนที่ทำตามคำสั่ง

 

คนที่เหมือนสุนัขที่กระดิกหางมาหาอย่างมีความสุข และต้อนรับผมด้วยความตื่นเต้น  

 

แต่เมื่อมองไปที่มารีที่พูดพร่ำเพ้ออย่างตื่นเต้นต่อหน้าผมแล้วนั้น…

 

มันต่างกัน…

 

มารีที่ตื่นเต้นจนตาแดงก่ำ พลางตะโกนออกมาอย่างแรงกล้า “ท่านเลียมเป็นศูนย์รวมแห่งความสมบูรณ์แบบ!” และสิ่งอื่น ๆ ตามแนวทางเหล่านั้น  

 

–ผมชอบคนที่ประจบสอพลอและยกยอผม แต่เมื่อเห็นแบบนี้ ผมได้แต่รู้สึกผิดหวัง

 

แม้แต่หัวหน้าอัศวินของผม เทียก็เหมือนกัน

 

ผมแน่ใจเลยว่าแม้แต่ตอนที่ผมสะดุดล้ม พวกเขาจะชมเชยและพูด “ท่านเลียมสุดยอด!” อะไรแบบนั้น

 

เมื่อมันมากเกินไป คำชมทั้งหมดของพวกเขาเริ่มรู้สึกเหมือนกำลังล้อเลียนผมซะมากกว่า

 

-คำพูดของพวกเขามันช่างว่างเปล่า

 

“ท่านเลียมเป็นคนที่ยอดเยี่ยม!”

 

“…เข้าใจแล้วๆ มันเยี่ยมมาก ตอนนี้มารี กลับไปที่ห้องเรียนของคุณได้แล้ว”

 

“ท-ทำไมล่ะคะท่านเลียม!”

 

“คลาสเรียนจะเริ่มแล้ว”

 

“เอ่อ แค่เรื่องแบบนั้น—”

 

“กลับไปได้แล้ว!!!”

 

“ค่ะ!”

 

คุณมีความตระหนักตนในฐานะรองหัวหน้าอัศวินของผมบ้างไหมเนี่ย?

 

เธอมีความสามารถอย่างแน่นอน แต่ดูเหมือนว่าเธอจะลืมไขสกรูสักสองสามตัว

 

ผมห่อไหล่ลงอย่างเหนื่อยใจเมื่อเห็นมารีวิ่งออกจากห้องเรียน และดูเหมือนทุกคนจะเริ่มรักษาระยะห่างจากผม

 

ทั้งหมดนี้เป็นเพราะพฤติกรรมที่รุนแรงของเธอ

 

ทั้งที่ในที่สุดผมก็มีกลุ่มลูกน้องมารวมตัวกัน แต่เธอก็มาทำลายมันซะงั้น

 

มารีบางครั้งก็ไร้ประโยชน์จริงๆ

 

เธอไม่รู้ว่าจะชมเชยอย่างพอประมาณอย่างไร เธอจึงลงเอยด้วยการทำให้ผมดูเหมือนคนโง่อยู่เสมอ

 

อา~ ตอนนี้เล่นเอาหมดอารมณ์เรียนเลย

 

◇ ◇ ◇

 

หนึ่งในนักเรียนนายร้อยที่เข้าไปล้อมรอบเลียมกำลังแอบออกจากห้อง

 

ขณะที่เขาพยายามจะหลบหนีไปด้วยความประหม่า มารีซึ่งซ่อนอยู่หลังมุมห้อง ร้องเรียกเขา

 

“เฮ้ ชั้นเรียนกำลังจะเริ่ม คุณจะไปไหน?”

 

นักเรียนคนนั้นลืมตาขึ้นด้วยความประหลาดใจ แต่ในทันใดนั้นก็ดึงมีดออกมาแล้วพุ่งเข้าใส่เธอ

 

มารีคว้าแขนของเขา แล้วตรึงคนร้ายลงไปที่พื้นอย่างรวดเร็ว

 

“…คุณจะทำอะไรถึงต้องพกมีดมาด้วย”

 

“ป-ปล่อยฉันนะ!”

 

มารีจับนิ้วของนักเรียนนายร้อยคนนี้แล้วบิดมันไปในทิศทางตรงกันข้าม พร้อมยิ้ม

 

“อือออ-!”

 

เมื่อเห็นนักเรียนคนนี้พยายามกลั้นเสียงกรีดร้อง รอยยิ้มของมารีก็ยิ่งกว้างขึ้น

 

“พวกมือสมัครเล่น…บอกฉันหน่อยซิว่าทำไมคุณถึงเข้าหาท่านเลียม”

 

เธอดัดนิ้วอีกครั้ง แต่นักเรียนคนนี้ก็ยังไม่ตอบ

 

ขณะที่เขาพยายามจะหลบหนี ชายคนหนึ่งในชุดดำขณะสวมหน้ากากที่น่าขนลุกก็ผุดขึ้นจากพื้น

 

มารีไม่ได้ตกใจ แต่นักเรียนนายร้อยตัวสั่นด้วยความกลัว

 

คนที่ปรากฏตัวขึ้นคือ [คุคุริ]

 

เขาเป็นลูกน้องที่ปกป้องเลียมจากเงามืด

 

“มารี คุณอาจจะสร้างปัญหาได้ถ้าคุณลงมือด้วยตัวเอง”

 

“คุคุริ คนๆนี้ทำงานให้ใคร? อย่าบอกนะว่าเป็นตระกูลเบิร์กลีย์ที่ส่งนักฆ่าระดับนี้มา”

 

คุคุริหัวเราะเล็กน้อยกับคำพูดนั้น

 

“…ไม่ใช่ครับ เขาเป็นแค่หนึ่งในลูกน้องของบ้านลอว์เรนซ์ และเขาไม่ใช่นักฆ่า”  

 

“งั้นเขาก็เป็นแค่เบี้ยตัวหนึ่งของดอล์ฟสินะ?”

 

เมื่อมารีหักนิ้วของนักเรียนคนนี้อีกนิ้ว ลูกน้องของบ้านลอว์เรนซ์คนนี้พลันมีสีหน้าขมขื่นขึ้นมา เขาไม่สามารถซ่อนอารมณ์ขุ่นเคืองที่อีกฝ่ายรู้จักนายจ้างของเขาแล้ว

 

“ใช่แล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะปลอมแปลงตัวตนและแทรกซึมเข้ามาในสถาบันการทหาร ทุกอย่างในบันทึกของชายคนนี้เป็นข้อมูลปลอม ดูเหมือนว่าเขาจะอยู่ที่นี่เพื่อช่วยส่งเสริมให้ดอล์ฟเป็นอันดับหนึ่งของรุ่น”

 

“เข้าใจล่ะ มันเป็นแบบนี้นี่เอง…”

 

เพื่อให้ดอล์ฟได้เปรียบ เขารวบรวมข้อมูลและบางครั้งกระจายข่าวลือ

 

เห็นได้ชัดว่าเขาเกี่ยวข้องกับสิ่งแย่ๆในข่าวลือ แต่จากมุมมองของคุคูริและมารี ทั้งหมดนี้แค่การละเล่นของเด็ก

 

คุคุริบ่นกับมารี

 

“ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าหาท่านเลียมเพื่อรวบรวมข้อมูล ฉันก็เลยแค่เฝ้าสังเกตการณ์”

 

“เขาเข้าหาท่านเลียมด้วยเจตนาร้าย เพียงแค่นั้นก็สมควรตายแล้ว ว่างั้นไหม?”

 

คุคุริทำท่าทางลำบากใจ

 

“ฉันก็คิดแบบนั้น แต่ก็มีหลายอย่างที่ต้องเอามาพิจารณาด้วย ฉันแค่จับเขาไว้เพราะการลอบสังหารดูเหมือนจะไม่ใช่เป้าหมายของเขา เอาล่ะ มาเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของบุคคลนี้และรายงานเขาต่อกองทัพดีกว่า”

 

“หือ แปลว่าฉันไม่สามารถฆ่าเขาได้งั้นเรอะ?”

 

“คุณจะฆ่าเขาก็ได้ แต่การกระทำของดอล์ฟก็จะไม่ถูกเปิดเผย อีกอย่าง ถ้าเราจะฆ่าเราสามารถกำจัดเขาได้ทุกเมื่อที่ต้องการ”

 

มารีปล่อยตัวนักเรียนคนนี้ไปอย่างไม่เต็มใจ ปล่อยให้คุคุริคว้าตัวเขาขณะที่จมลงไปกับพื้น

 

เขาพยายามตะโกน แต่คุคุริปิดปากเขาไว้ ทำให้เขาสามารถขอความช่วยเหลือได้

 

เมื่อมองดูพวกเขาหายไป มารีจึงเดินทางต่อไปยังห้องเรียนของเธอ

 

“… สถาบันการทหารมีศัตรูของท่านเลียมอยู่มากมายทีเดียว”

 

ศัตรูทุกคนที่เข้าใกล้เลียมได้รับการจัดการโดย มารีและคุคุริอย่างลับๆ

 

◇ ◇ ◇

 

ไม่กี่สัปดาห์ต่อมา

 

ดอล์ฟ ต่างจากเลียม ที่รายล้อมไปด้วยศัตรู

 

“ไอ้พวกเวร บ้าเอ๊ย! ไอ้พวกนั้นแม่งล้อเลียนฉันเหมือนคนโง่! ทำไมฉันต้องรับผิดพร้อมพวกมันด้วยวะ ไอ้พวกไร้ประโยชน์เอ้ย!”

 

นักเรียนนายร้อยที่รับใช้ดอล์ฟถูกเปิดโปงสถานะที่แท้จริงโดยสถาบันและกักขังไว้

 

พวกเขาถูกไล่ออกจากโรงเรียนทันที และเพราะเป็นลูกน้องของดอล์ฟ ทำให้ดอล์ฟต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของพวกเขาเช่นกัน

 

แต่ถึงอย่างนั้น ดอล์ฟก็ไม่ถูกขับไล่ไปด้วยเพราะระดับขุนนางของเขา  

 

ในตอนนี้เนื่องจากเขาถูกขึ้นบัญชี ทำให้ผลการเรียนของเขาส่วนใหญ่ถูกระงับ

 

สำหรับกองทัพ ถือได้ว่าเขาได้ถูกปลดจากทุกตำแหน่งในทางทหารแล้ว

 

“ฉันจะทำยังไง? ฉันควรทำยังไงดี!”

 

บ้านลอว์เรนซ์เป็นครอบครัวที่มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับกองทัพ ดังนั้นพฤติกรรมของดอล์ฟจึงสร้างปัญหาให้กับพวกเขาอย่างมาก

 

เพราะแบบนั้น เขาจึงถูกญาติของเขารังเกียจและไม่สามารถคาดหวังความช่วยเหลือจากพวกเขาได้

 

“…ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเลียมจากบ้านแบนฟิลด์ ฉันควรจะเป็นผู้ชายที่ก้าวหน้าจากตำแหน่งการทหารและกลายเป็นจอมพล” *3

 

แม้ว่าเขาจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเป้าหมายนั้น แต่การทำงานหนักทั้งหมดของเขาก็หายไปในพริบตา

 

ดอล์ฟเกลียดเลียมยิ่งขึ้นไปอีก

 

“ฉันจะไม่มีวันให้อภัยคุณ เลียม!”

 

ดอล์ฟที่โกรธจัดสาบานว่าจะแก้แค้น ไม่ว่าด้วยวิธีอะไรก็ตาม

 

———–

 

ไบรอัน (´・ω・`) “มันเจ็บปวด… เมื่อเห็นว่าอัศวินแห่งบ้านแบนฟิลด์ไม่รู้จักวิธีสรรเสริญอย่างพอประมาณก็… เจ็บปวด”

 

Avolenn (*´ω`*) “ตอนที่ 50 ละโว้ย!!”

 

ไบรอัน (`・ω・´) “….”

 

———–

เชิงผู้แปล

*1 การศึกษา แบ่งเป็นสองสาย ถ้าเลือก

-สถาบันการทหาร เหมือนการเกณฑ์ทหาร เข้าเรียน พร้อมรับใช้จักรวรรดิ แล้วหลังจากนั้นก็จะไปทางไหนก็ได้ รับราชการ/ดูแลบ้านในฐานะขุนนาง

-สถาบันการศึกษา เรียนระบบศึกษาธรรมดา เพื่อเป็นราชการ แต่ถ้าอยากอยู่กับกองทัพก็เข้าเรียนปรับพื้นฐานสถาบันการทหารอีกรอบเพื่ออยู่กับกองทัพในภายหลัง

คิดว่างั้นนะ

*2 “มันเร็วไปสิบปี”  สำหรับโลกเราอาจจะถือว่านาน แต่ในโลกนิยายนี่ 10ปีถือว่าไม่นานขนาดนั้นเพราะคนในโลกนั้นอายุสามารถยืนได้หลายร้อยปี  

งงมากระบบการเรียน – -พวกนี้*

 

สนับสนุนผู้แปลได้ที่นี่นะครับ กสิกร 475-2-65694-8 เมือง บ.

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

(WN) I’m the Evil Lord of an Intergalactic Empire! 50

Now you are reading (WN) I’m the Evil Lord of an Intergalactic Empire! Chapter 50 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ณ ห้องเรียนภายในสถาบันการทหาร

 

ในห้องบรรยายแบบขั้นบันได เลียมถูกรายล้อมด้วยนายร้อยจากตระกูลขุนนาง  

 

ตั้งแต่การจำลองการรบกับดอล์ฟเมื่อวาน พวกขุนนางก็เข้ามาหาเขามากขึ้น

 

“เลียม คุณยอดเยี่ยมมาก!”

 

“ทั้งที่ยังอยู่ปีหนึ่ง คุณกลับเอาชนะดอล์ฟรุ่นพี่อันดับหนึ่งคนนั้นได้!”

 

“อย่างที่คิดเลย ประสบการณ์การต่อสู้จริงนั้นคนละระดับกันเลย”

 

ขณะที่เลียมได้รับคำชม เขาก็ยืดอกอย่างภูมิใจ

 

“ไม่เท่าไหร่หรอกน่า…เขาแค่อ่อนแอเกินไป”

 

ผู้คนรอบๆยังคงสรรเสริญเขาอย่างต่อเนื่อง

 

วอลเลซเฝ้าดูเหตุการณ์จากระยะไกล พวกนายร้อยจากตระกูลขุนนางต่างประจบประแจงเลียมอย่างโจ่มแจ้ง ต่างจากเมื่อวาน  

 

“…รีบเกาะขาคนมีอำนาจขนาดนั้นเลยนะ เจ้าพวกนี้ตรงไปตรงมาจนน่าประทับใจทีเดียว”

 

นักเรียนในห้องเรียนมีสีหน้าขมขื่นขณะที่พวกเขาเฝ้าดูเหตุการณ์นี้

 

เหมือนกับวอลเลซ พวกเขารู้สึกทึ่งกับความรวดเร็วในการเปลี่ยนหน้าของเหล่าขุนนาง

 

(เมื่อวานนี้พวกเขาเรียกเลียมว่าเป็นคนบ้านนอกโง่ๆ แต่ตอนนี้พวกเขาแทบจะเลียรองเท้าเลียมด้วยซ้ำ)  

 

ด้วยชัยชนะของเลียมเหนือดอล์ฟ ขุนนางที่เคยเยาะเย้ยเขาในตอนนี้ทำตัวเหมือนเป็นผู้ติดตามของเขา

 

(ฮา… ฉันคิดถึงโรงเรียนประถม)

 

ในตอนนั้นยังมี เคิร์ท เพื่อนอีกคนของเลียมอยู่ด้วย

 

ถ้าเขามาที่สถาบันการทหารด้วย เขาคงจะจัดการกันคนพวกนี้ให้ห่างจากเลียมอย่างแน่นอน

 

อย่างไรก็ตาม เคิร์ตเป็นทายาทของตระกูลบารอนเอ็กซ์เนอร์ ซึ่งเป็นครอบครัวที่มีสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับกองทัพ

 

บ้านที่เป็นแบบนั้นมักเลือกสถาบันการทหารให้เป็นทางเลือกสุดท้ายในการฝึกอบรม

 

หลังจากจบการศึกษาระดับประถม เคิร์ทได้ลงทะเบียนเรียนในสถาบันการศึกษาเพื่อเข้ารับคุณสมบัติเป็นข้าราชการก่อน

 

หลังจากที่เขาจบการศึกษาจากสถาบันการศึกษา เขาจะเข้ากองทัพหลังจากที่ประจำการอย่างน้อยสี่ปี *1

 

เพราะแบบนั้น เคิร์ตจึงไปเป็นนักศึกษาของสถาบันการศึกษา

 

(จะว่าไป เขาดูหดหู่ไม่น้อยเมื่อต้องแยกทางกับเลียม)  

 

เนื่องจากเลียมตัดสินใจไปสถาบันการทหารก่อน เคิร์ตจึงค่อนข้างหดหู่

 

แม้ว่าเขาอยากจะให้เลียมลงทะเบียนเรียนในสถาบันการศึกษาด้วยกัน แต่เลียมเป็นเคานต์ เขาไม่สามารถอยู่ในกองทัพได้ตลอด

 

เข้าไม่ได้เป็นผู้สืบทอด แต่เขาได้สืบทอดตำแหน่งเจ้าบ้านไปแล้ว และจำเป็นต้องกลับไปปกครองอาณาเขตของตน

 

วอลเลซมองเลียมที่กำลังได้รับคำสรรเสริญจากคนรอบข้าง

 

“มันเร็วไปสิบปีที่มือสมัครเล่นที่ไม่มีประสบการณ์การต่อสู้จริง จะเอาชนะผมได้”

 

เมื่อเลียมพูดแบบนั้น สภาพแวดล้อมรอบๆ ตัวของเขาเริ่มสับสนและพูดว่า “สิบปี?” “ใช้เวลาเพียงสิบปีก็เก่งได้แบบนั้นเลย?” “นั่นเร็วจนน่าตกใจทีเดียว” *2

 

ในตอนนั้นเอง – [มารี เซรา แมร์เรียน] พุ่งเข้ามาในห้องเรียนด้วยผมสั้นสีม่วงของเธอ

 

ใช่แล้ว ผมสีม่วง

 

ในสถาบันการทหารที่เต็มไปด้วยผู้ชาย ความงามระดับเธอเธอจึงเป็นบุคคลที่โดดเด่นมาก

 

“ดิฉันได้ยินข่าวแล้วค่ะ ท่านเลียม!”

 

เธอเข้าประชิดตัวเลียมทันที และจับมือเขาด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย

 

“…มารีเหรอ?”

 

มารียังคงร่ายคำสรรเสริญเลียมต่อ โดยไม่สนใจใบหน้าบึ้งตึงที่เขากำลังทำอยู่

 

“ท่านเอาชนะอันดับหนึ่งของสถาบันในการต่อสู้จำลอง! ท่านเลียมสุดยอดที่สุด! น่าเสียดายที่มารีคนนี้ ไม่สามารถเห็นท่าทางอันกล้าหาญของคุณเมื่อวานนี้ ถ้าดิฉันรู้ดิฉันจะรีบวิ่งไปทันที!”

 

วอลเลซถอนหายใจ

 

(อัศวินของเลียมทุกคนนี่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจริงๆ)

 

มารีก็เข้ามาสถาบันการทหารกับเลียมด้วย

 

เหตุผลก็เพื่อที่เธอจะได้รับคุณสมบัติอัศวิน

 

แม้ว่าบันทึกของเธอจะหายไป แต่จริงๆแล้วเธอเป็นวีรสตรีที่ได้รับตำแหน่งอัศวินไปตั้งแต่เมื่อสองพันปีก่อน

 

จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อคนแบบนั้นเข้ามาในสถาบันการทหาร?

 

–สถาบันการทหารไม่ค่อยได้รับนักเรียนที่มีที่มาที่ไปแปลกๆ และยังไม่มีมาตรการใดๆ ที่เตรียมไว้เพื่อจัดการกับคนเหล่านั้น

 

ดังนั้นจึงมีการแยกจากหลักสูตรทั่วไป เป็นชั้นเรียนที่ทำขึ้นโดยเฉพาะเพื่อรองรับกลุ่มคนดังกล่าว

 

มันเป็นสถานที่ที่เก็บผู้ที่มีพรสวรรค์ หรือแม้แต่พวกคนที่มีเบื้องหลังแปลกๆเข้าเรียน

 

กล่าวโดยย่อ มันคือสถานที่รวบรวมเด็กที่มีปัญหา และผู้สอนทั้งหมดที่สอนก็มีแต่ทหารผ่านศึก

 

ในชั้นเรียนดังกล่าว มารีปฏิเสธที่จะตัดผมสั้นในวันแรก

 

ซึ่งแน่นอนว่าครูฝึกสั่งให้เธอตัดผมสั้น แต่มารีกลับตอบโต้ด้วยการทุบตีพวกเขาทั้งหมดด้วยกำลังและเริ่มสอนพวกเขาแทน

 

เธอเบ้ปาก “อาจารย์ของจักรวรรดิมีน้ำยาแค่นี้งั้นเรอะ? ฉันไม่คิดว่าคุณจะสอนอะไรฉันได้” มารีกล่าวด้วยความผิดหวัง

 

ครูฝึกไม่สามารถเอาชนะเธอได้ และการขับไล่เธอออกไปโดยตรงจะบ่อนทำลายอำนาจของพวกเขา จากปัญหานี้ สุดท้ายพวกเขาลงเอยด้วยการขอความช่วยเหลือจากเลียม  

 

เลียมที่เพิ่งตัดผมได้กล่าวขึ้น “อะไร? ทั้งที่ผมก็ตัดผมจนสั้นเหมือนกัน แต่คุณกลับเอาแต่บ่นอย่างงั้นเรอะ? ไปตัดมันเดี๋ยวนี้!”  

 

ในวันรุ่งขึ้น มารีถึงได้มาพร้อมผมสั้นทรงใหม่ของเธอ

 

เมื่อเห็นแบบนั้น ครูฝึกก็บ่น “พวกเราเสียเวลาขนาดนั้นไปทำไมกันนะ?”  

 

ถึงจะเป็นแบบนั้น มารีก็ถูกโยนเข้าไปในห้องเรียนที่เต็มไปด้วยเด็กที่มีปัญหาซึ่งแยกจากเลียม ซึ่งพยายามหาเหตุผลที่จะออกมาพบเขาอยู่เสมอ

 

หลังจากเห็นเธอ เลียมก็ดูห่อเหี่ยวขึ้นมาทันที

 

“นั่นล่ะๆ น่าเสียดายจังเนอะ ผมเข้าใจแล้ว…. เพราะงั้น มารี คุณควรกลับไปที่ห้องเรียนของคุณได้แล้ว”

 

“ไม่ค่ะท่านเลียม ดิฉันยังสรรเสริญท่านไม่พอ! ถ้าดิฉันไม่บอกว่าคุณวิเศษแค่ไหน นั่นจะเป็นความอัปยศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของมารี!”

 

ดวงตาของเธอแดงก่ำ

 

มารีกล่าวชมเชยต่อไป และพวกคนที่ทำตัวเหมือนเป็นผู้ติดตามของเลียมต่างพากันถอยห่าง

 

“แน่นอนว่า การที่ท่านเลียมผู้แสนวิเศษนั้น ทำเรื่องสุดยอดอันแสนยอดเยี่ยมเป็นเรื่องธรรมดา และเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้—”

 

เมื่อเห็นมารีที่เริ่มร่ายคำสรรเสริญยืดยาว วอลเลซก็เริ่มคิด

 

(อา… ฉันคิดถึงวันเก่าๆขึ้นมาเลย)

 

◇ ◇ ◇

 

ผมชอบคนที่ทำตามคำสั่ง

 

คนที่เหมือนสุนัขที่กระดิกหางมาหาอย่างมีความสุข และต้อนรับผมด้วยความตื่นเต้น  

 

แต่เมื่อมองไปที่มารีที่พูดพร่ำเพ้ออย่างตื่นเต้นต่อหน้าผมแล้วนั้น…

 

มันต่างกัน…

 

มารีที่ตื่นเต้นจนตาแดงก่ำ พลางตะโกนออกมาอย่างแรงกล้า “ท่านเลียมเป็นศูนย์รวมแห่งความสมบูรณ์แบบ!” และสิ่งอื่น ๆ ตามแนวทางเหล่านั้น  

 

–ผมชอบคนที่ประจบสอพลอและยกยอผม แต่เมื่อเห็นแบบนี้ ผมได้แต่รู้สึกผิดหวัง

 

แม้แต่หัวหน้าอัศวินของผม เทียก็เหมือนกัน

 

ผมแน่ใจเลยว่าแม้แต่ตอนที่ผมสะดุดล้ม พวกเขาจะชมเชยและพูด “ท่านเลียมสุดยอด!” อะไรแบบนั้น

 

เมื่อมันมากเกินไป คำชมทั้งหมดของพวกเขาเริ่มรู้สึกเหมือนกำลังล้อเลียนผมซะมากกว่า

 

-คำพูดของพวกเขามันช่างว่างเปล่า

 

“ท่านเลียมเป็นคนที่ยอดเยี่ยม!”

 

“…เข้าใจแล้วๆ มันเยี่ยมมาก ตอนนี้มารี กลับไปที่ห้องเรียนของคุณได้แล้ว”

 

“ท-ทำไมล่ะคะท่านเลียม!”

 

“คลาสเรียนจะเริ่มแล้ว”

 

“เอ่อ แค่เรื่องแบบนั้น—”

 

“กลับไปได้แล้ว!!!”

 

“ค่ะ!”

 

คุณมีความตระหนักตนในฐานะรองหัวหน้าอัศวินของผมบ้างไหมเนี่ย?

 

เธอมีความสามารถอย่างแน่นอน แต่ดูเหมือนว่าเธอจะลืมไขสกรูสักสองสามตัว

 

ผมห่อไหล่ลงอย่างเหนื่อยใจเมื่อเห็นมารีวิ่งออกจากห้องเรียน และดูเหมือนทุกคนจะเริ่มรักษาระยะห่างจากผม

 

ทั้งหมดนี้เป็นเพราะพฤติกรรมที่รุนแรงของเธอ

 

ทั้งที่ในที่สุดผมก็มีกลุ่มลูกน้องมารวมตัวกัน แต่เธอก็มาทำลายมันซะงั้น

 

มารีบางครั้งก็ไร้ประโยชน์จริงๆ

 

เธอไม่รู้ว่าจะชมเชยอย่างพอประมาณอย่างไร เธอจึงลงเอยด้วยการทำให้ผมดูเหมือนคนโง่อยู่เสมอ

 

อา~ ตอนนี้เล่นเอาหมดอารมณ์เรียนเลย

 

◇ ◇ ◇

 

หนึ่งในนักเรียนนายร้อยที่เข้าไปล้อมรอบเลียมกำลังแอบออกจากห้อง

 

ขณะที่เขาพยายามจะหลบหนีไปด้วยความประหม่า มารีซึ่งซ่อนอยู่หลังมุมห้อง ร้องเรียกเขา

 

“เฮ้ ชั้นเรียนกำลังจะเริ่ม คุณจะไปไหน?”

 

นักเรียนคนนั้นลืมตาขึ้นด้วยความประหลาดใจ แต่ในทันใดนั้นก็ดึงมีดออกมาแล้วพุ่งเข้าใส่เธอ

 

มารีคว้าแขนของเขา แล้วตรึงคนร้ายลงไปที่พื้นอย่างรวดเร็ว

 

“…คุณจะทำอะไรถึงต้องพกมีดมาด้วย”

 

“ป-ปล่อยฉันนะ!”

 

มารีจับนิ้วของนักเรียนนายร้อยคนนี้แล้วบิดมันไปในทิศทางตรงกันข้าม พร้อมยิ้ม

 

“อือออ-!”

 

เมื่อเห็นนักเรียนคนนี้พยายามกลั้นเสียงกรีดร้อง รอยยิ้มของมารีก็ยิ่งกว้างขึ้น

 

“พวกมือสมัครเล่น…บอกฉันหน่อยซิว่าทำไมคุณถึงเข้าหาท่านเลียม”

 

เธอดัดนิ้วอีกครั้ง แต่นักเรียนคนนี้ก็ยังไม่ตอบ

 

ขณะที่เขาพยายามจะหลบหนี ชายคนหนึ่งในชุดดำขณะสวมหน้ากากที่น่าขนลุกก็ผุดขึ้นจากพื้น

 

มารีไม่ได้ตกใจ แต่นักเรียนนายร้อยตัวสั่นด้วยความกลัว

 

คนที่ปรากฏตัวขึ้นคือ [คุคุริ]

 

เขาเป็นลูกน้องที่ปกป้องเลียมจากเงามืด

 

“มารี คุณอาจจะสร้างปัญหาได้ถ้าคุณลงมือด้วยตัวเอง”

 

“คุคุริ คนๆนี้ทำงานให้ใคร? อย่าบอกนะว่าเป็นตระกูลเบิร์กลีย์ที่ส่งนักฆ่าระดับนี้มา”

 

คุคุริหัวเราะเล็กน้อยกับคำพูดนั้น

 

“…ไม่ใช่ครับ เขาเป็นแค่หนึ่งในลูกน้องของบ้านลอว์เรนซ์ และเขาไม่ใช่นักฆ่า”  

 

“งั้นเขาก็เป็นแค่เบี้ยตัวหนึ่งของดอล์ฟสินะ?”

 

เมื่อมารีหักนิ้วของนักเรียนคนนี้อีกนิ้ว ลูกน้องของบ้านลอว์เรนซ์คนนี้พลันมีสีหน้าขมขื่นขึ้นมา เขาไม่สามารถซ่อนอารมณ์ขุ่นเคืองที่อีกฝ่ายรู้จักนายจ้างของเขาแล้ว

 

“ใช่แล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะปลอมแปลงตัวตนและแทรกซึมเข้ามาในสถาบันการทหาร ทุกอย่างในบันทึกของชายคนนี้เป็นข้อมูลปลอม ดูเหมือนว่าเขาจะอยู่ที่นี่เพื่อช่วยส่งเสริมให้ดอล์ฟเป็นอันดับหนึ่งของรุ่น”

 

“เข้าใจล่ะ มันเป็นแบบนี้นี่เอง…”

 

เพื่อให้ดอล์ฟได้เปรียบ เขารวบรวมข้อมูลและบางครั้งกระจายข่าวลือ

 

เห็นได้ชัดว่าเขาเกี่ยวข้องกับสิ่งแย่ๆในข่าวลือ แต่จากมุมมองของคุคูริและมารี ทั้งหมดนี้แค่การละเล่นของเด็ก

 

คุคุริบ่นกับมารี

 

“ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าหาท่านเลียมเพื่อรวบรวมข้อมูล ฉันก็เลยแค่เฝ้าสังเกตการณ์”

 

“เขาเข้าหาท่านเลียมด้วยเจตนาร้าย เพียงแค่นั้นก็สมควรตายแล้ว ว่างั้นไหม?”

 

คุคุริทำท่าทางลำบากใจ

 

“ฉันก็คิดแบบนั้น แต่ก็มีหลายอย่างที่ต้องเอามาพิจารณาด้วย ฉันแค่จับเขาไว้เพราะการลอบสังหารดูเหมือนจะไม่ใช่เป้าหมายของเขา เอาล่ะ มาเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของบุคคลนี้และรายงานเขาต่อกองทัพดีกว่า”

 

“หือ แปลว่าฉันไม่สามารถฆ่าเขาได้งั้นเรอะ?”

 

“คุณจะฆ่าเขาก็ได้ แต่การกระทำของดอล์ฟก็จะไม่ถูกเปิดเผย อีกอย่าง ถ้าเราจะฆ่าเราสามารถกำจัดเขาได้ทุกเมื่อที่ต้องการ”

 

มารีปล่อยตัวนักเรียนคนนี้ไปอย่างไม่เต็มใจ ปล่อยให้คุคุริคว้าตัวเขาขณะที่จมลงไปกับพื้น

 

เขาพยายามตะโกน แต่คุคุริปิดปากเขาไว้ ทำให้เขาสามารถขอความช่วยเหลือได้

 

เมื่อมองดูพวกเขาหายไป มารีจึงเดินทางต่อไปยังห้องเรียนของเธอ

 

“… สถาบันการทหารมีศัตรูของท่านเลียมอยู่มากมายทีเดียว”

 

ศัตรูทุกคนที่เข้าใกล้เลียมได้รับการจัดการโดย มารีและคุคุริอย่างลับๆ

 

◇ ◇ ◇

 

ไม่กี่สัปดาห์ต่อมา

 

ดอล์ฟ ต่างจากเลียม ที่รายล้อมไปด้วยศัตรู

 

“ไอ้พวกเวร บ้าเอ๊ย! ไอ้พวกนั้นแม่งล้อเลียนฉันเหมือนคนโง่! ทำไมฉันต้องรับผิดพร้อมพวกมันด้วยวะ ไอ้พวกไร้ประโยชน์เอ้ย!”

 

นักเรียนนายร้อยที่รับใช้ดอล์ฟถูกเปิดโปงสถานะที่แท้จริงโดยสถาบันและกักขังไว้

 

พวกเขาถูกไล่ออกจากโรงเรียนทันที และเพราะเป็นลูกน้องของดอล์ฟ ทำให้ดอล์ฟต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของพวกเขาเช่นกัน

 

แต่ถึงอย่างนั้น ดอล์ฟก็ไม่ถูกขับไล่ไปด้วยเพราะระดับขุนนางของเขา  

 

ในตอนนี้เนื่องจากเขาถูกขึ้นบัญชี ทำให้ผลการเรียนของเขาส่วนใหญ่ถูกระงับ

 

สำหรับกองทัพ ถือได้ว่าเขาได้ถูกปลดจากทุกตำแหน่งในทางทหารแล้ว

 

“ฉันจะทำยังไง? ฉันควรทำยังไงดี!”

 

บ้านลอว์เรนซ์เป็นครอบครัวที่มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับกองทัพ ดังนั้นพฤติกรรมของดอล์ฟจึงสร้างปัญหาให้กับพวกเขาอย่างมาก

 

เพราะแบบนั้น เขาจึงถูกญาติของเขารังเกียจและไม่สามารถคาดหวังความช่วยเหลือจากพวกเขาได้

 

“…ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเลียมจากบ้านแบนฟิลด์ ฉันควรจะเป็นผู้ชายที่ก้าวหน้าจากตำแหน่งการทหารและกลายเป็นจอมพล” *3

 

แม้ว่าเขาจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเป้าหมายนั้น แต่การทำงานหนักทั้งหมดของเขาก็หายไปในพริบตา

 

ดอล์ฟเกลียดเลียมยิ่งขึ้นไปอีก

 

“ฉันจะไม่มีวันให้อภัยคุณ เลียม!”

 

ดอล์ฟที่โกรธจัดสาบานว่าจะแก้แค้น ไม่ว่าด้วยวิธีอะไรก็ตาม

 

———–

 

ไบรอัน (´・ω・`) “มันเจ็บปวด… เมื่อเห็นว่าอัศวินแห่งบ้านแบนฟิลด์ไม่รู้จักวิธีสรรเสริญอย่างพอประมาณก็… เจ็บปวด”

 

Avolenn (*´ω`*) “ตอนที่ 50 ละโว้ย!!”

 

ไบรอัน (`・ω・´) “….”

 

———–

เชิงผู้แปล

*1 การศึกษา แบ่งเป็นสองสาย ถ้าเลือก

-สถาบันการทหาร เหมือนการเกณฑ์ทหาร เข้าเรียน พร้อมรับใช้จักรวรรดิ แล้วหลังจากนั้นก็จะไปทางไหนก็ได้ รับราชการ/ดูแลบ้านในฐานะขุนนาง

-สถาบันการศึกษา เรียนระบบศึกษาธรรมดา เพื่อเป็นราชการ แต่ถ้าอยากอยู่กับกองทัพก็เข้าเรียนปรับพื้นฐานสถาบันการทหารอีกรอบเพื่ออยู่กับกองทัพในภายหลัง

คิดว่างั้นนะ

*2 “มันเร็วไปสิบปี”  สำหรับโลกเราอาจจะถือว่านาน แต่ในโลกนิยายนี่ 10ปีถือว่าไม่นานขนาดนั้นเพราะคนในโลกนั้นอายุสามารถยืนได้หลายร้อยปี  

งงมากระบบการเรียน – -พวกนี้*

 

สนับสนุนผู้แปลได้ที่นี่นะครับ กสิกร 475-2-65694-8 เมือง บ.

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+