สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหนเล่มที่ 29 849 ถ่ายทอดเคล็ดวิชา

Now you are reading สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน Chapter เล่มที่ 29 849 ถ่ายทอดเคล็ดวิชา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เกิดเหตุการณ์ครั้งสำคัญ

ผู้วิเศษจิ่วเทียนถูกลูกศิษย์ของตนทรยศ ทั้งยังเป็นศิษย์ที่เขาไว้วางใจมากที่สุด ขณะที่เขากำลังฝึกตนบำเพ็ญเพียร ศิษย์ผู้นั้นใช้กำลังบุกเข้าไป ทำให้พลังลมปราณของเขาตีกลับ ส่งผลทำให้เกิดอันตรายอย่างมาก ธาตุไฟเกือบเข้าแทรก เขาจึงได้รับบาดเจ็บสาหัสเพราะสาเหตุนี้

จากนั้น ผู้อื่นได้ใช้โอกาสนี้ตามล่าสังหารผู้วิเศษจิ่วเทียน พยายามแย่งชิงวิธีการฝึกตนบำเพ็ญเพียรของเขา

ภายใต้ความอับจนหนทาง ผู้วิเศษจิ่วเทียนเดินทางมาถึงอาณาจักรเทียนเหอ และเข้าไปในแหวนเก้ามังกรเพื่อหลบหนีจากโลกภายนอกและรักษาอาการบาดเจ็บของตนเอง

ทว่าผิดพลาดครั้งเดียว แพ้ทั้งกระดาน

อาการบาดเจ็บของผู้วิเศษจิ่วเทียนไม่สามารถฟื้นฟูได้อีกต่อไป หนำซ้ำพลังภายในยังถดถอยกว่าเมื่อก่อนมาก จนกระทั่งกลายเป็นเซียนสลายร่างกลับสู่ดินแดนฮุ่นตุ้น

ในวินาทีสุดท้ายของชีวิต ผู้วิเศษจิ่วเทียนได้สร้างระบบการฝึกตนบำเพ็ญเพียรไว้ภายในแหวนเก้ามังกร รอคนที่มีวาสนาต่อกันในอนาคตเปิดเข้ามาภายในแหวนเก้ามังกร และเข้ามาที่จวนจิ่วหลงเทียน เพื่อสืบทอดเคล็ดวิชาการฝึกตนบำเพ็ญเพียรของเขา ทำให้วิชาฝึกตนบำเพ็ญเพียรของเขารุ่งโรจน์ขึ้นอีกครั้ง

หากมีโอกาสไปถึงดินแดนเสวียนหลิงได้ หวังว่าศิษย์ผู้สืบทอดจะสามารถตามหาศิษย์ชั่วที่ทำร้ายเขาในอดีต และล้างแค้นให้กับเขา

แท้จริงแล้วมันเป็นวาสนาและโชคชะตาของตงหลิงหวง ที่ได้พบจวนจิ่วหลงเทียน นางคงเป็นคนที่มีวาสนาต่อกัน ดั่งที่ผู้วิเศษจิ่วเทียนเขียนไว้ในคัมภีร์

เพราะแหวนเก้ามังกรถูกส่งต่อมาถึงเสด็จแม่ของนาง ไม่รู้ว่าผ่านมือมาแล้วกี่คนและฝึกตนมาแล้วกี่ครั้ง ทว่าสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ ไม่เคยมีใครพบจวนจิ่วหลงเทียนแห่งนี้

ยิ่งไปกว่านั้น ขณะที่อยู่ในมือของเสด็จแม่นางก่อนหน้านี้ นางได้ฝึกตนจนถึงระดับสูงสุดแล้ว ทว่าเสด็จแม่ของนางไม่พบจวนจิ่วหลงเทียนแห่งนี้เช่นกัน!

ครั้งนี้นางไม่ได้ทำอันใดเลย นางเพียงมีสายเลือดเดียวกับเสด็จแม่ของนาง ก็สามารถได้รับผลที่สุกงอมอย่างเหลือเชื่อเช่นนี้โดยไม่ได้ลงแรงแม้แต่น้อย

พูดตามตรง ภายในใจตงหลิงหวงยังรู้สึกละอายใจอยู่บ้างเล็กน้อย

ภายในคัมภีร์เทพลั่วจิ่วเทียน นอกจากการบันทึกชีวิตของผู้วิเศษจิ่วเทียนแล้ว ด้านหลังคัมภีร์ยังมีภาพวาดอีกด้วย

ภายในภาพวาดได้บันทึกช่องทางลึกลับที่ซ่อนอยู่ภายในถ้ำ

ตงหลิงหวงพบตำแหน่งของช่องลับที่ซ่อนอยู่ตามภาพวาด เมื่อเปิดมันออก สิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้าของนางคือ ภาพเหมือนของผู้วิเศษจิ่วเทียนที่ขยายใหญ่ขึ้น

ด้านข้างมีตัวอักษรหลายตัวเขียนไว้ ผู้ที่เข้ามายังจวนจิ่วหลงเทียนเป็นผู้ที่มีวาสนาต่อกัน จงคุกเข่าโขกศีรษะคำนับเพื่อเป็นศิษย์ของข้า สืบทอดตำนานเคล็ดวิชาของข้า

ความมหัศจรรย์เช่นนี้ บางคนต้องการอย่างไรก็หาไม่ได้ ทั้งยังเป็นเคล็ดวิชาอันทรงพลังของผู้วิเศษจิ่วเทียน ตงหลิงหวงเต็มใจเป็นอย่างมาก นางจะมีความลังเลได้อย่างไร?

นางรีบคุกเข่ากับพื้นอย่างรวดเร็ว และทำตามคำพูดข้างต้น โขกศีรษะคำนับเป็นอาจารย์ศิษย์ เนื่องจากชื่อของผู้วิเศษจิ่วเทียนมีคำว่า ‘จิ่ว’ ที่มีความหมายว่า ‘เก้า’ ตงหลิงหวงจึงโขกศีรษะจำนวนเก้าครั้ง

ขณะที่ตงหลิงหวงโขกศีรษะครบเก้าครั้ง หน้าผากของนางพลันแตกออก เลือดสีแดงสดหยดหนึ่งไหลซึมออกมาจากบาดแผล ทว่ามันไม่ได้ตกลงไปบนพื้น แต่กลับลอยขึ้นกลางอากาศ ทันใดนั้นก็ลอยไปหารูปของผู้วิเศษจิ่วเทียน จากนั้นจึงปรากฏแสงระยิบระยับรวมกันและค่อยๆ แผ่ขยายออกจนกระจายไปทั่วทั้งถ้ำ ปกคลุมเหนือถ้ำทั้งหมด ดั่งสายฝนที่ตกลงบนชั้นตำราและศาสตราเทพ

ในเวลาเดียวกัน ตงหลิงหวงรู้สึกว่ามีแสงสว่างแปลกประหลาดเข้ามาในร่างกายของนาง พลังทั่วทั้งร่างเพิ่มขึ้นอย่างมาก

นางลองกำหมัดเพื่อสัมผัสถึงพลังภายในร่างกายของตน และพบว่านอกจากพละกำลังที่แข็งแกร่งมากขึ้นแล้ว แม้แต่ผิวหนังบนร่างกายของนางก็แข็งแกร่งกว่าเดิมมาก

ได้ยินมาว่าขั้นแรกในการฝึกตนบำเพ็ญเพียรคือ การเสริมสร้างพลังร่างกายและฝึกฝนผิวหนัง หรือว่า… หยดเลือดเมื่อครู่เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน โลหิตของนางได้เชื่อมสัมพันธ์กับเคล็ดลับวิชาในที่แห่งนี้? นางได้กลายเป็นศิษย์ของผู้วิเศษจิ่วเทียนอย่างเป็นทางการแล้ว และเข้าสู่ระดับขั้นวิถีแห่งการฝึกตนบำเพ็ญเพียรเรียบร้อย?

ครั้งแรกที่ได้สัมผัสสิ่งเหล่านี้ ตงหลิงหวงยังคิดว่ามันเป็นเรื่องอัศจรรย์ นางจึงเริ่มพลิกความลับของการฝึกตนในคัมภีร์ลึกลับ

นี่เป็นเพียงการเริ่มต้น หากต้องการฝึกฝน ยังเป็นเรื่องที่ยากลำบาก ตงหลิงหวงทำได้เพียงสร้างความคุ้นเคยกับวิธีการเสียก่อน

นอกจากนั้น ข้างนอกยังมีเรื่องสำคัญอีกมากมายรอให้นางจัดการ นางไม่สามารถอยู่ที่นี่นานเกินไป นางจึงออกไปหลังจากอยู่ข้างในเป็นเวลาสองสามชั่วยาม

หลังออกมาจากแหวนเก้ามังกร ข้างนอกฟ้ายังมืดสนิท ตงหลิงหวงยังคงพลิกตัวไปมาบนเตียงเพราะนอนไม่หลับ นางจึงออกไปด้านนอกและเดินไปรอบๆ สวน

นางกำนัลอวิ๋นจือได้ยินการเคลื่อนไหว จึงรีบลุกขึ้นเดินเข้าไปในเรือนเพื่อรับใช้

“พระสนม กลางคืนหมอกลงจัด ถนอมพระวรกายด้วยเพคะ”

“ไม่เป็นอันใด เจ้าไปพักเถิด! ข้าไม่เป็นอันใด เพียงเดินเล่นรอบๆ เรือนเท่านั้น”

“เพคะ! ”

ดูเหมือนอวิ๋นจือจะไม่คิดอันใดมากและเดินกลับไป

ตงหลิงหวงเดินอยู่ภายในเรือนเพียงลำพัง ก่อนที่นางจะรู้ตัว นางก็เดินมาถึงเรือนของพระชายาหลู่หยางอ๋องแล้ว

นางเดินมาถึงหน้าประตูและจำได้ว่า ขณะที่พระชายาหลู่หยางอ๋องยังทรงมีพระชนม์ชีพ พระองค์ปฏิบัติต่อนางเป็นอย่างดี แม้พระองค์จะสิ้นพระชนม์แล้ว ทว่าสถานที่แห่งนี้สามารถดึงดูดความทรงจำของตงหลิงหวงได้อย่างง่ายดาย นางจึงก้าวเข้าไปข้างใน

นางจำได้ว่าพระชายาหลู่หยางอ๋องเป็นสตรีที่อ่อนโยนและงดงามอย่างมาก พระองค์มีพระทัยที่เปี่ยมไปด้วยคุณธรรม มีพรสวรรค์ และทรงโปรดปรานกล้วยไม้ยิ่งนัก ดังนั้น แม้พระองค์จะจากไปแล้ว ทว่าภายในสวนยังเหมือนเดิม มันยังคงเต็มไปด้วยกล้วยไม้นานาพรรณ

นอกจากนั้นยังมีภาพวาดเกี่ยวกับกล้วยไม้ที่มีชื่อเสียงมากมาย

ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม จะเห็นได้ว่า ตั้งแต่พระชายาหลู่หยางอ๋องสิ้นพระชนม์ เรือนแห่งนี้ไม่ได้ถูกทิ้งร้าง สิ่งของประดับตกแต่งภายในไม่เปลี่ยนแปลง หลู่หยางอ๋องส่งคนมาทำความสะอาดอยู่เสมอ

ตงหลิงหวงเดินๆ หยุดๆ ชื่นชมไปตลอดทาง จนเดินมาถึงห้องบรรทมของพระชายาหลู่หยางอ๋องโดยไม่รู้ตัว

นางจำได้ว่าตอนที่นางยังเด็ก นางถูกเสด็จพ่อทำโทษ และขังให้สำนึกผิดในห้องนอนของนางเอง ทว่าในตอนนั้น นางซุกซนอย่างมาก สำนึกผิดได้ไม่กี่ชั่วยามก็แอบหนีไปเล่นกับจวิ้นเอ๋อร์ที่จวนหลู่หยางอ๋องบ่อยครั้ง

เมื่อเสด็จพ่อทรงทราบเรื่องนี้ก็ทรงกริ้วอย่างมาก และพาคนมาจับตัวนางด้วยพระองค์เอง นางซ่อนตัวอยู่ภายในห้องบรรทมของพระชายาหลู่หยางอ๋อง ให้ตายก็ไม่ยอมออกไป

อย่างไรเสีย ที่นี่ก็คือห้องบรรทมของสตรี และเป็นห้องบรรทมพระชายาแห่งพระอนุชาของฮ่องเต้ ฮ่องเต้ไม่สามารถบุ่มบ่ามเข้ามาตามอำเภอใจได้ ทว่าพระองค์ทรงรับสั่งให้ผู้อื่นเข้ามาจับตัวนาง ทว่าไม่มีผู้ใดกล้าลงมือรุนแรง ฮ่องเต้ทรงยืนอยู่ด้านนอกเป็นเวลาหลายชั่วยาม…

เมื่อหวนนึกถึงเรื่องนี้ ตงหลิงหวงก็อดหัวเราะไม่ได้ ทว่าขณะที่นางยิ้ม ดวงตาทั้งสองพลันปรากฏแสงระยิบระยับของน้ำตาที่คลอเบ้า

คนจากไปแล้ว ทว่าตอนนี้สิ่งต่างๆ ยังคงอยู่ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างไม่สามารถหวนกลับคืนมาได้อีก

ตงหลิงหวงมองไปรอบห้อง เวลาก็ดึกมากแล้ว อีกไม่นานก็จะเช้า นางไม่สามารถอยู่ที่นี่นานได้ จึงตัดสินใจกลับให้เร็วที่สุด

ทว่าทันทีที่นางหันหลังกลับ หางตาของนางก็มองไปที่ข้างเตียง และพบว่ามีปุ่มรูปร่างแปลกประหลาด

ตอนที่มองปุ่มนั้นครั้งแรก ดูเหมือนว่าไม่มีอันใดแตกต่าง ทว่าตงหลิงหวงอยู่ในค่ายทหารมาหลายปี นางไวต่อการซุ่มโจมตีและกลไกอย่างมาก เมื่อนางหันกลับมามองอีกครั้ง นางจึงรู้สึกว่ามีบางอย่างแตกต่างออกไป

ตงหลงหวงเดินเข้าไปและลองหมุนปุ่มที่ยื่นออกมาเล็กน้อย เป็นจริงดั่งคาด บนศีรษะของนางมีเสียงกลไกเคลื่อนที่ดัง ‘แกรก แกรก แกรก’

ผนังข้างเตียงมีทางเดินลับที่คนผู้หนึ่งสามารถเดินผ่านเข้าออกได้

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *