สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหนเล่มที่ 29 851 เทียบได้กับวิหารวิญญาณ

Now you are reading สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน Chapter เล่มที่ 29 851 เทียบได้กับวิหารวิญญาณ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตงหลิงหวง…

พอนึกถึงชื่อนี้ แผ่นหลังของทุกคนพลันเย็นวาบ

แม้แต่ละคนจะถือกระบี่ที่มีไอสังหาร ทว่าใบหน้ากลับเผยความหวาดกลัวออกมา พวกเขาถอยไปด้านหลังอย่างควบคุมไม่ได้

ภายในใจหัวหน้าองครักษ์เซวียปรากฎความหวาดกลัว ทว่าเขาเป็นผู้บัญชาการองครักษ์ เป็นกระดูกสันหลังของคนเหล่านี้ หากวันนี้เขาถอย ภารกิจในวันนี้คงล้มเหลวเป็นแน่

หากทำสำเร็จลุล่วง พวกเขาจะยังเป็นเบี้ยที่มีประโยชน์ของหลู่หยางอ๋อง หากไม่สำเร็จ พวกเขาก็เป็นแค่ตัวเสียสละ

เมื่อครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ ใจของหัวหน้าองครักษ์เซวียก็สั่นไหว สองมือของเขาคว้าองครักษ์ข้างกายทั้งสองแล้วผลักไปด้านหน้า

“ยืนบื้ออันใดอยู่ ยังไม่บุกเข้าไปอีก! ”

องครักษ์ทั้งสองไม่อาจถอยได้ ทำได้เพียงเดินเข้าไปเท่านั้น ขาทั้งสองข้างสั่นราวกับตะแกรงร่อน

ทว่าพวกเขายังไม่ทันเข้าไปใกล้เตียง และยังเห็นไม่ชัดว่าเบื้องหน้าเกิดอันใดขึ้น คอของพวกเขาก็ถูกหักและโยนออกไป

ศพทั้งสองร่างจมกองเลือดอยู่แทบเท้าของหัวหน้าองครักษ์

องครักษ์ที่เหลือด้านหลังต่างตกใจจนหน้าซีดเผือด ทันใดนั้นก็ถอยหลังไปหนึ่งก้าว

หัวหน้าองครักษ์เซวียกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคออย่างยากลำบากด้วยท่าทางตกใจกลัว เขายกกระบี่ในมือขึ้น “ทุกคนไม่ได้รับอนุญาตให้ถอย ตามข้าบุกเข้าไปเดี๋ยวนี้”

เขาพูดพลางนำทุกคนเดินไปข้างหน้าด้วยตนเอง

ตอนนี้ไม่มีผู้ใดหนีพ้น

หัวหน้าองครักษ์เซวียเดินนำหน้าด้วยความระมัดระวัง และเดินอย่างมั่นคงทุกย่างก้าว

สายลมพัดผ่าน ผ้าม่านพลิ้วไหวรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ทำให้บรรยากาศยิ่งน่าสะพรึงกลัว

องครักษ์ที่เดินอยู่ริมสุดถูกผ้าม่านรัดคอ ทันใดนั้นก็ส่งเสียงร้อง “อ้าก” คนที่เหลือต่างหวาดกลัวเสียงนั้นจนถอยกรูไปด้านหลัง เมื่อรู้ตัวว่าเกิดอันใดขึ้น เหงื่อบนหน้าและบนร่างก็ไหลลงมาไม่หยุดราวกับหยาดฝน

“พวกไม่ได้เรื่อง! ”

หัวหน้าองครักษ์เซวียยกกระบี่ในมือขึ้นมาตัดศีรษะของคนผู้นั้นอย่างรวดเร็วราวกับสับกะหล่ำปลีที่ไร้ประโยชน์ ก่อความวุ่นวายช่วงเวลานี้เท่ากับทำลายขวัญเหล่าทหารให้เกิดความโกลาหล ในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชา หัวหน้าองครักษ์เซวียจะยอมให้คนเช่นนี้มีชีวิตอยู่ได้อย่างไร?

เชือดไก่ให้ลิงดู ขวัญกำลังใจของกองทัพจะได้มั่นคง

เมื่อคนที่เหลือเห็นสิ่งนี้ เดิมทีหัวใจที่ตื่นตระหนกจนแทบทะลุถึงคอหอยพลันยกสูงขึ้น พวกเขาไม่กล้าประมาทเลินเล่ออีก และเดินตามติดด้านหลังของหัวหน้าองครักษ์เซวียไปที่ม่านหน้าต่างทีละก้าว

ตอนที่กระบี่ในมือของหัวหน้าองครักษ์เซวียกำลังจะสัมผัสม่านหน้าต่าง ทันใดนั้น บุคคลปริศนาสี่คนก็กระโดดออกมาจากเตียง

ตามด้วยคนชุดดำที่กระโดดออกมาจากด้านหลังเตียง หลังฉากกั้น และในตู้ทีละคน ทุกคนล้วนคุ้นเคยกับการแต่งกายและสัญลักษณ์บนร่างของคนเหล่านั้น ดูเพียงแวบเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นคนของรัชทายาทตงหลิงหวง

ไม่คิดว่ารัชทายาทและกองอารักขาส่วนพระองค์ของนางจะมาแล้วจริงๆ

ทุกคนตกใจจนไร้แรงต่อต้านชั่วครู่ ในตอนที่มีปฏิกิริยาก็ถูกคนปริศนาเหล่านั้นฆ่าไปมากกว่าครึ่งแล้ว

หัวหน้าองครักษ์เซวียรีบพาองครักษ์บางส่วนถอยไปที่ลานด้านหน้าและเรียกยอดฝีมือในจวน

เพียงพริบตาเดียว กลุ่มคนจำนวนมากก็ล้อมรอบลานในจวนจนแน่นขนัด

แม้ในจวนหลู่หยางอ๋องจะมีผู้คุ้มกันส่วนพระองค์และองครักษ์จำนวนมาก ทว่าคนที่ตงหลิงหวงพาเข้าเมืองหลวงในครั้งนี้ ทั้งหมดล้วนเป็นสุดยอดองครักษ์ของนาง อีกทั้งคนที่อยู่ในจวนตอนนี้ยังเป็นองครักษ์ที่นางภาคภูมิใจที่สุด นั่นก็คือกลุ่มฉีเฟิง

หลังต่อสู้ไประยะหนึ่ง หัวหน้าองครักษ์เซวียก็รู้ซึ้งถึงความเก่งกาจของอีกฝ่าย และรู้ว่าพลังของตนเองเอาชนะอีกฝ่ายไม่ได้ เขาจึงตัดสินใจกลับไปรายงานหลู่หยางอ๋องเพื่อให้ท่านอ๋องตัดสินพระทัย

ภายในโถงว่าราชการ หลังจากที่หลู่หยางอ๋องทราบข่าวนี้ สีหน้าของเขาก็ดำทะมึนราวกับหมึก

“อันใด? ปล่อยให้หนีไปได้? ข้าจงใจลงมือก่อนก็เพื่อจับกุมตงหลิงหวงให้ได้ พวกเจ้าดันปล่อยให้นางหนีไป? พวกเจ้าทำบ้าอันใดกัน? ”

ยามนี้องครักษ์เพิ่งได้รู้ว่าเดิมที พระสนมน่าหลานที่อยู่ในจวนไม่ใช่พระสนมน่าหลาน ทว่าเป็นรัชทายาทตงหลิงหวง

องครักษ์ที่กลับมารายงานตัวสั่นเทา “ทูล… ทูลท่านอ๋อง หัวหน้าองครักษ์เซวียพาคนไปที่จวนพระสนมทันทีที่ได้รับรายงานจากองครักษ์เงา ทว่าช้าไปหนึ่งก้าว

และไม่ทราบว่ารัชทายาทตงเฉินทราบข่าวได้อย่างไร จึงได้จากไปก่อน ส่วนคนที่อยู่ในจวน นึกไม่ถึงว่าจะเป็นกลุ่มองครักษ์ฉีเฟิง องครักษ์ส่วนพระองค์”

กลุ่มฉีเฟิง…

ดวงตาทั้งสองข้างของหลู่หยางอ๋องพลันหรี่ลง มือที่วางอยู่บนโต๊ะกำเข้าหากันแน่น

กลุ่มฉีเฟิง เขาเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน ได้ยินว่าเป็นองครักษ์ชั้นเยี่ยมที่สุด และเป็นนักฆ่าที่น่าภาคภูมิใจที่สุดของรัชทายาทตงเฉิน ความสามารถนั้นเทียบเท่ากับองครักษ์เงาของวิหารวิญญาณ ไม่คิดว่า… ตงหลิงหวงจะพากลุ่มฉีเฟิงเข้ามาในเมืองหลวงแล้ว

เจ้า ตงหลิงหวง…

“เรียกองครักษ์มาทั้งหมด ให้จิงจ้าวหยิ่นส่งทหารจำนวนมากไปคุ้มกันจวนหลู่หยางอ๋อง ข้าจะนำกองทัพไปจับตงหลิงหวงด้วยตนเอง”

หลู่หยางอ๋องสั่งการเสร็จก็เดินไปที่ตำหนักว่าราชการด้วยท่าทางร้อนรน องครักษ์ไม่กล้ารีรอจึงรีบตามไป หลังจากออกไป เขาได้กำชับคนเฝ้าประตูให้ไปจัดการตามที่หลู่หยางอ๋องรับสั่ง

ผ่านไปไม่นาน ตามตรอกซอกซอยทุกมุมที่อยู่ด้านนอกจวนหลู่หยางอ๋องก็เต็มไปด้วยการคุมกันที่หนาแน่น องครักษ์และทหารล้อมรอบจวนหลู่หยางอ๋องทั้งภายในและภายนอก แน่นหนาจนแมลงวันไม่สามารถบินผ่านไปได้

หลู่หยางอ๋องยืนอยู่ในจุดที่สูงที่สุดของห้องใต้หลังคา แววตาคมกริบราวกับเหยี่ยวมองไปรอบด้าน ทันใดนั้นก็ตะโกนเสียงดัง

“ตงหลิงหวง ข้ารู้ว่าเจ้ายังอยู่ในจวนนี้ ข้าจะให้เวลาเจ้าหนึ่งก้านธูป เจ้าจงเดินออกมาเอง หากหมดเวลาหนึ่งก้านธูปแล้ว เจ้ายังไม่รู้กาลเทศะ ข้าจะสั่งทำลายจวนหลู่หยางอ๋อง ตอนนั้นอย่าหาว่าข้าไม่สนเรื่องน้าหลานก็แล้วกัน”

สิ้นเสียงหลู่หยางอ๋อง รอบด้านกลับเงียบสงัดไร้ซึ่งเสียงตอบรับ

แววตาของบรรดาองครักษ์และทหารที่อยู่โดยรอบปรากฏความขึงขัง ใบหน้าราวกับหมาป่าหิวโหยรอตะครุบเหยื่ออันโอชะ

ภายในจวนพระสนมน่าหลาน ฉีเฟิง องครักษ์ชั้นยอดที่สุดมีพละกำลังแข็งแกร่งที่สุด รูปร่างปราดเปรียวว่องไว และมีสายตาเฉียบคม พวกเขาถืออาวุธนานาชนิดเพื่อเผชิญหน้ากับหัวหน้าองครักษ์เซวีย ไม่มีผู้ใดกล้าลงมือก่อน และไม่มีผู้ใดกล้าบุ่มบ่ามเช่นกัน

แท้จริงแล้ว ตอนนี้ตงหลิงหวงยังอยู่ในจวนหลู่หยางอ๋อง เพียงแค่นางไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในจวน

หลังกลับมาจากเรือนของพระชายาหลู่หยางอ๋อง ในใจของตงหลิงหวงก็รู้สึกไม่สงบ นางมักจะรู้สึกว่าอาจมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น

ท้ายที่สุด นางก็ถอนตัวก่อนกำหนด

ทว่าก่อนจะถอนตัว นางต้องพาตงหลิงจวิ้นมาดูทางลับในห้องบรรทมของพระชายาหลู่หยางอ๋องให้ชัดเจนก่อนว่าเกิดอันใดขึ้นกันแน่

ทว่าตามสถานการณ์ในปัจจุบัน หากคิดจะพาตงหลิงจวิ้นมาอย่างโจ่งแจ้งย่อมเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นนางจึงคิดแผนการอย่างรอบคอบ

อันดับแรกคือ เรียกฉีเฟิงที่แอบตามนางออกมาจัดการกับองครัก์ที่คอยสะกดรอยตามนางทั้งหมด

ทว่าตอนที่กำลังจัดการนั้น ตงหลิงหวงพบว่าองครักษ์หายไปหนึ่งคน นางรู้ได้ในทันทีว่าคนผู้นั้นต้องไปที่วังเพื่อรายงานหลู่หยางอ๋องแน่นอน

เมื่อหลู่หยางอ๋องรู้ว่านางเข้าไปในห้องบรรทมของพระชายาหลู่หยางอ๋อง ตามนิสัยขี้ระแวงของหลู่หยางอ๋อง ไม่ว่าองครักษ์เงาจะเห็นอันใดหรือไม่ เขาจะต้องลงมือทันที

ดังนั้นนางจึงตัดสินใจลงมือก่อนล่วงหน้า

ต่อจากนั้น นางก็ให้คนไปรับตงหลิงจวิ้นมา ก่อนจะรีบตรงไปยังเส้นทางลับในห้องบรรทมของพระชายาหลู่หยางอ๋องอย่างรวดเร็ว

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *