สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหนเล่มที่ 32 931 ลำบากเจ้าแล้ว

Now you are reading สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน Chapter เล่มที่ 32 931 ลำบากเจ้าแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ไม่รู้ว่าแม่นางผู้นั้นกำลังคิดอันใดอยู่ ดวงตากลมโตเหมือนองุ่นคู่นั้นมองไปที่ซูจิ่นซี พลางกลอกไปมาอย่างใช้ความคิด

อู๋จุนยังคิดว่าแม่นางผู้นั้น แท้จริงแล้วคือหลานเยวี่ยหลี และนางจำซูจิ่นซีได้

ตอนที่เขากำลังจะถอดผ้าปิดหน้าของตนเองออก กลับไม่คิดว่าแม่นางผู้นั้นจะเชิดลำคอและพูดจาโอหัง

“ข้าเติบโตถึงเพียงนี้ เคยเห็นพวกมักใหญ่ใฝ่สูง ทว่าไม่เคยเห็นคนไร้ยางอายเช่นพวกเจ้า! กล้ามักใหญ่ใฝ่สูงบุกรุกจวนอี้อ๋องของข้า ความกล้าของพวกเจ้ามีไม่น้อยเลย”

เมื่อสิ้นเสียงพูด ซูจิ่นซีและอู๋จุนยังไม่ทันได้พูดอันใด นางก็ชูคอไปด้านนอกแล้วตะโกนลั่น

“องครักษ์ มีมือสังหาร! มีคนลอบสังหารข้า ทุกคนรีบมา! ”

อู๋จุนขบกรามอย่างเดือดดาล “นางเด็กบ้า! ”

ซูจิ่นซีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที นางดึงอู๋จุนและรีบเหาะขึ้นไปบนหลังคา หนีไปยังทิศทางที่นางมาอย่างรวดเร็ว

ทว่าอย่างไรเสีย ที่นี่ก็เป็นจวนอี้อ๋อง เป็นศูนย์กลางอำนาจแคว้นเป่ยอี้

ทันทีที่เด็กผู้นั้นตะโกนเรียกคน ก็มีกลุ่มคนวิ่งดัง ‘ตึก ตึก ตึก’ มาขวางทางซูจิ่นซีและอู๋จุน ทั้งหมดล้วนเป็นยอดฝีมือที่ไม่ธรรมดา

ซูจิ่นซีมองใต้ชายคาอีกครั้ง บนพื้นเต็มไปด้วยองครักษ์สวมชุดเกราะที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี

ดวงตาเฉี่ยวคู่งดงามของอู๋จุนหรี่ลงเล็กน้อย แววตาเย็นชาจับจ้องไปที่ยอดฝีมือตรงหน้า ในมือถือแส้หงหลิงยืนอยู่ข้างหน้าซูจิ่นซี

“แม่นางพิษน้อย ยืนนิ่งๆ ด้านหลัง พี่จุนจะปกป้องเจ้าเอง! ”

แม้วรยุทธ์ของอู๋จุนจะด้อยกว่าซูจิ่นซีมาก ทว่าทุกครั้งที่พบอันตราย อู๋จุนจะยืนอยู่ด้านหน้าซูจิ่นซี ปกป้องซูจิ่นซี ดังนั้นซูจิ่นซีจึงไม่ต่อล้อต่อเถียงกับอู๋จุน นางขยับไปด้านหลังหนึ่งก้าวและวิเคราะห์สถานการณ์เบื้องหน้าอย่างลับๆ

ในเวลานี้มีองครักษ์ทั้งหมดสิบหกคนกำลังขวางทางพวกเขา ใต้ชายคาคงมีประมาณห้าหกสิบคน

จวนอี้อ๋องค่อนข้างใหญ่ แม้เสียงของคุณหนูจิ่วจะดังเพียงใด ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเรียกองครักษ์ทั้งหมดของจวนอี้อ๋องมา ในตอนนี้ คนที่มาคงเป็นพวกที่อยู่ในละแวกใกล้เคียง

ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงความวุ่นวาย พวกเขาควรรีบเผด็จศึกจะเป็นการดีที่สุด

ทว่าอาคมกำไลปี่อั้นไม่สามารถใช้งานได้ชั่วคราว ไม่ว่าจะเป็นกระบี่จื๋ออิ่งหรือกระบี่เฟิ่งอวี่ล้วนไม่สามารถเอาออกมาจากอาคมกำไลปี่อั้นได้ ดังนั้นในตอนนี้ สิ่งที่ซูจิ่นซีสามารถใช้การได้เป็นเพียงกระบี่ธรรมดาเท่านั้น

นอกจากนั้น นี่เป็นครั้งแรกที่ประมือกับองครักษ์จวนอี้อ๋อง นางไม่รู้ว่าฝีมือของพวกเขาเป็นอย่างไร และยิ่งไม่รู้เลยว่าจะรีบเผด็จศึกออกไปได้ก่อนที่กำลังเสริมขององครักษ์จวนอี้อ๋องจะมาถึงหรือไม่

ทันทีที่ความคิดนี้แวบเข้ามาในสมอง ซูจิ่นซีก็ยกกระบี่ในมือขึ้นแล้วพุ่งไปที่องครักษ์สิบหกคนนั้น ในขณะเดียวกันก็พูดกับอู๋จุนหนึ่งประโยค “รีบเผด็จศึกแล้วออกไปด้านนอก อย่าต่อสู้ยืดเยื้อ”

อู๋จุนแสดงสีหน้าจริงจัง “ได้! ”

ซูจิ่นซีแสดงจุดอ่อนก่อน เพื่อจับการเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้ จากนั้นจึงเริ่มต่อสู้กับพวกเขาอย่างจริงจัง

อู๋จุนใช้แส้หงหลิงซึ่งไม่อาจดูถูกพลังของมัน อีกอย่าง แม้วรยุทธ์ของเขาจะด้อยกว่าซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยา ทว่าเมื่อเทียบกับยอดฝีมือก็ยังถือว่าสูงกว่ามาก

ในไม่ช้า ยอดฝีมือวรยุทธ์ผู้แข็งแกร่งทั้งสิบหกคนก็ถูกพวกเขาทั้งสองจัดการไปแล้วกว่าครึ่ง

องครักษ์ที่อยู่ด้านล่างชายคาเหล่านั้น เพียงถืออาวุธและจับจ้องซูจิ่นซีกับอวิ๋นจิ่นอย่างระมัดระวังโดยไม่ได้พุ่งเข้ามา ดังนั้นเมื่อมีช่องว่าง ซูจิ่นซีและอู๋จุนจึงวิ่งตรงไปด้านนอกและมาถึงตำแหน่งที่พวกเขาเข้ามาในจวนอี้อ๋อง

ตรงหน้ามีเพียงกำแพงกั้น หากออกไปจากกำแพงก็เป็นประตูด้านนอกจวนอี้อ๋อง

อู๋จุนถือแส้หงหลิง ภายในใจต้องการปกป้องซูจิ่นซีและยังคงต่อสู้กับองครักษ์ ซูจิ่นซีเดินแผ่วเบาไม่กี่ก้าวก็ถึงข้างกายอู๋จุน นางกระชากไหล่อู๋จุนอย่างรุนแรงแล้วผลักไปทางกำแพง

“เจ้าออกไปก่อน! ”

ร่างอู๋จุนหมุนอยู่กลางอากาศโดยไม่ได้ออกไปตามที่ซูจิ่นซีต้องการ ทว่าเขากระโดดลงด้านล่างกำแพงแทน

“ไม่ได้ แม่นางพิษน้อย พี่จุนเป็นบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ จะทิ้งเจ้าไปได้อย่างไร? จะไปก็ไปด้วยกัน! ”

เขาพูดพลางกำลังจะถือแส้หงหลิงสู้กับองครักษ์ต่อ ทว่าแววตาเย็นชาของซูจิ่นซีกลับมองมา

“ยังไม่ไปอีก! สองคนมีแต่จะยิ่งทำให้ยุ่งยาก เจ้าออกไปรอข้าด้านนอกก่อน! ”

เมื่ออู๋จุนเห็นทักษะในการลงมือที่เป็นระเบียบเรียบร้อยและว่องไว ในไม่ช้าจึงวิเคราะห์ออกว่านางคงมีแผนสองและยังมีแผนจัดการกับปัญหาในอนาคต

เขาจึงพูดขึ้นว่า “แม่นางพิษน้อย ระวังด้วย พี่จุนจะรออยู่ด้านนอก”

จากนั้น เขาก็ข้ามกำแพงออกไป

หลังอู๋จุนจากไป สายตาของซูจิ่นซียิ่งไร้ความปรานี ทันใดนั้น นางก็ยกกระบี่ในมือขึ้น พลังแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้เป็นเท่าตัว ก่อนจะตรงไปฟันองครักษ์สองนายล้มลงกับพื้น

เดิมทีมีองครักษ์วรยุทธ์แข็งแกร่งสิบหกคน ในตอนนี้เหลือเพียงสามคน เสียง ‘ฟึบ ฟึบ ฟึบ’ ดังขึ้นไม่กี่ครั้ง เพียงพริบตาเดียว องครักษ์หลายคนก็เหาะขึ้นมาจากด้านล่างชายคา

แม้อาวุธจะไม่ได้แข็งแกร่งเท่าอีกสามคน ทั้งวรยุทธ์ก็ไม่ได้แข็งแกร่งเท่าพวกเขา ทว่าพวกเขาได้เปรียบเรื่องจำนวนคน!

ซูจิ่นซีมองอย่างคร่าวๆ ดูแล้วมีไม่น้อยกว่ายี่สิบสามสิบคน

ไม่ต้องพูดถึงการจัดการ แม้คนพวกนี้จะตามรังควานเพื่อขวางทางซูจิ่นซีและจงใจถ่วงเวลาให้กำลังเสริมที่เหลือมาถึงก็คงถ่วงเวลาได้อีกเพียงช่วงเวลาหนึ่ง

ยิ่งไปกว่านั้น ไม่รู้ว่ากำลังเสริมที่ตามมาทีหลังมีฝีมือมากเพียงใด อย่างไรก็ตาม จวนอี้อ๋องคงไม่ขาดแคลนยอดฝีมือพิสดารแน่นอน

ดูแล้ว การใช้วรยุทธ์จัดการและหนีไปในระยะเวลาอันสั้นคงเป็นไปไม่ได้แล้ว เช่นนั้นข้าต้องขอโทษด้วย พี่สาวต้องใช้ท่าไม้ตายเสียแล้ว

ขณะครุ่นคิด ซูจิ่นซีก็ยกยิ้มแปลกประหลาดที่มุมปาก พลางค่อยๆ เปิดระบบถอนพิษ

ในตอนที่พวกองครักษ์จวนอี้อ๋องเห็นชัดเจนว่ามุมปากของซูจิ่นซีปรากฏรอยยิ้มชั่วร้าย มันก็สายไปเสียแล้ว

ยังไม่ทันได้ดมกลิ่นแปลกประหลาด และไม่ทันเห็นสิ่งของแปลกประหลาดอันใด ร่างกายขององครักษ์ทั้งหมดก็อ่อนปวกเปียกและล้มลงไปนอนกับพื้นทีละคน

เพียงพริบตาเดียว องครักษ์ที่ยืนอยู่บนชายคาก็ล้มลงไปบนพื้น

เมื่อองครักษ์ใต้ชายคาเห็นสิ่งนี้ พวกเขาพลันหน้าถอดสี พวกเขากำลังจะถืออาวุธพุ่งเข้าใส่ซูจิ่นซี ทว่าน่าเสียดายที่ยังไม่ทันได้เคลื่อนไหว จู่ๆ มือเท้าก็อ่อนแรงและล้มลงไปบนพื้นเช่นเดียวกัน

เมื่อเห็นผลการต่อสู้ที่กองเต็มพื้น รอยยิ้มที่มุมปากเย็นชาของซูจิ่นซีก็ชัดเจนและงดงามยิ่งขึ้น

นางปรบมือและแอบพูดกับระบบถอนพิษในใจว่า “ตั้งแต่ร่ำเรียนวรยุทธ์จนถึงขั้นสูงสุด ไม่ได้ใช้สิ่งที่ถนัดนี้มาเป็นเวลานานแล้ว ที่รัก ลำบากเจ้าแล้ว! ”

จากนั้น นางก็กระโดดขึ้นไปนอกกำแพงโดยไม่เหลียวมององครักษ์ด้านหลังอีก

ทว่าซูจิ่นซีที่เพิ่งกระโดดข้ามกำแพงและกำลังเหาะไปฝั่งตรงข้าม ทันใดนั้น แสงเย็นเยือกก็กระทบมาที่หน้าของซูจิ่นซี

หากซูจิ่นซีต้องการออกไป นางทำได้เพียงเลิกต่อต้าน ผลสุดท้ายมีเพียงทางตัน

หากไม่ต่อต้านและต้องการหนีออกไป ย่อมไม่มีอาจทำได้

“บัดซบ! ผู้ใดปรากฏตัวในเวลานี้? ”

ซูจิ่นซีสาปแช่งอย่างรุนแรง

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *