สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหนเล่มที่ 32 939 ผู้ใด

Now you are reading สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน Chapter เล่มที่ 32 939 ผู้ใด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ซูจิ่นซีกำลังครุ่นคิด ทันใดนั้น ลมหนาวก็พัดโจมตีแทรกเข้ามาพร้อมกับอากาศหนาวเย็น

ลมหนาวเย็นยะเยือกจนไม่อาจลืมตาได้ ซูจิ่นซียกมือขึ้นป้องดวงตาและก้าวถอยหลัง

ทว่าในขณะที่นางก้าวถอยหลังนั้น จู่ๆ ก็ปรากฏเสียงดังมาพร้อมกับลมหนาว

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ข้ากำลังคิดว่าท่ามกลางแสงจันทร์ในคืนนี้ เหตุใดจึงได้กลิ่นหอมเตะจมูกเช่นนี้ ที่แท้ก็มีสตรีงดงามอยู่ใกล้ ๆ เรือนอี๋หงของข้า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ในเมื่อมาแล้ว ก็มาอยู่เป็นเพื่อนข้าเถิด”

เมื่อสิ้นเสียงพูดที่น่าหวาดกลัวนั้น ก็ตามมาด้วยเสียงตกใจของเป่ยถังหลี

“อ้าก… ”

ซูจิ่นซีรีบลืมตาขึ้นมอง นางเห็นเพียงร่างสีขาวราวกับนกกระเรียน เหาะหนีไปพร้อมกับเป่ยถังหลีท่ามกลางแสงจันทร์

ซูจิ่นซียังไม่ทันตอบโต้ อู๋จุนและอวิ๋นจิ่นก็ไล่ตามร่างนั้นไปแล้ว

เสียงของอู๋จุนดังฝ่าสายลมมาด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองเล็กน้อย “บัดซบ ชิงทั้งของและคนต่อหน้าข้าไป เห็นข้ามีตัวตนอยู่หรือไม่? ”

เดิมที ซูจิ่นซีต้องการไล่ตามอู๋จุนและอวิ๋นจิ่น ทว่าขณะที่นางกำลังเหาะขึ้น สัตว์ร้ายตัวหนึ่งก็กระโดดมาขวางหน้า ทำให้นางต้องต่อสู้กับสัตว์ร้ายนั้น อย่างไรก็ไม่อาจปลีกตัวออกไปได้

เยี่ยโยวเหยารีบเข้ามาอยู่ข้างกายซูจิ่นซี แม้วรยุทธ์ของทั้งสองจะสูงส่ง ทว่าสัตว์ร้ายที่แท่นจิ่วโยวร้ายกาจดั่งตำนานที่เล่าขานกันมา ในเวลานี้ไม่มีอู๋จุนกับอวิ๋นจิ่นช่วยจัดการกับพวกมัน ทำให้ยากที่จะหลบหนีไปได้

……

หลังผ่านไปครู่ใหญ่ อู๋จุนกับอวิ๋นจิ่นก็กลับมา อู๋จุนแบกเป่ยถังหลีบนบ่า

เป่ยถังหลีพยายามขัดขืน นางใช้ทั้งปากกัดมือข่วน ดิ้นรนทุกวิถีทาง เท้าทั้งคู่ยังกวัดแกว่งไปมา มือยังทุบบนแผ่นหลังของอู๋จุนไม่หยุด

“เจ้าปล่อยข้า ปล่อยข้า! ข้าจะไปเอาเพลิงอัคคีจิ่วโยว เจ้าปล่อยข้าเดี๋ยวนี้”

อู๋จุนกัดฟันกรอด “เงียบเดี๋ยวนี้! หากตะโกนอีกครั้ง ข้าจะโยนเจ้าไปเป็นอาหารสัตว์ร้าย! ”

ทันทีที่สิ้นเสียงของอู๋จุน สัตว์ร้ายก็จู่โจมมาทางอู๋จุนและเป่ยถังหลี มันส่งเสียงคำรามสะเทือนเลื่อนลั่นดั่งขุมนรก เป่ยถังหลีใบหน้าซีดเผือดและเงียบเสียงในทันที

ร่างสีขาวราวหิมะของอวิ๋นจิ่น หยุดยืนอยู่ข้างกายซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยา “ท่านอ๋อง พระชายา ถอยเถิด! หากยังไม่ถอย คนของจวนเป่ยอี้อ๋องจะตามมาทันแน่พ่ะย่ะค่ะ”

“ตกลง! ” ซูจิ่นซีกับเยี่ยโยวเหยาตอบตกลงพร้อมกัน และรีบจัดการให้ทุกคนล่าถอยกลับ

“แล้วสตรีบ้านี่ทำเช่นไร? ” อู๋จุนถามด้วยน้ำเสียงอึดอัด

ทุกคนเหลือบมองเป่ยถังหลีที่อยู่บนบ่าของอู๋จุน อวิ๋นจิ่นเป็นคนแรกที่พูดว่า “สตรีนางนี้มีความลับมากมาย พาตัวกลับไปด้วยเถิด! ”

อู๋จุนไม่มีทางเลือกอื่น ทำได้เพียงยื้อยุดอยู่กับเป่ยถังหลีต่อไป

ไม่นานนัก ทุกคนก็ถอยออกจากเขาจิ่วโยว แม้พวกเขาจะล่าถอยได้อย่างรวดเร็ว ทว่าคนจากจวนเป่ยอี้อ๋องยังพบเห็นการเคลื่อนไหวและส่งคนมาตรวจสอบบนภูเขา ทว่าเมื่อคนจากจวนเป่ยอี้อ๋องมาถึงเขาจิ่วโยว ซูจิ่นซีและคนอื่นๆ ก็ได้ถอนตัวไปยังที่พักของพวกเขาแล้ว

……

ทุกคนล่าถอยกลับมาได้กว่าครึ่งชั่วยามแล้ว ทว่าเป่ยถังหลียังดิ้นรนและส่งเสียงดังอึกทึก

นางร้องไม่หยุด “ปล่อยข้า ปล่อยข้า! เจ้าเป็นใคร จับข้ามาเพื่ออันใด!

ข้าเป็นถึงคุณหนูจิ่วแห่งจวนเป่ยอี้อ๋อง หากพวกเจ้ากล้าแตะต้องข้า พี่ชายของข้า เป่ยถังเย่ไม่ปล่อยพวกเจ้าไว้แน่นอน! ”

ซูจิ่นซี เยี่ยโยวเหยา ตงหลิงหวง อู๋จุน อวิ๋นจิ่น ถังเสวี่ย และคนอื่นๆ ต่างจับจ้องไปที่สตรีนางนี้เป็นเวลานาน

ถังเสวี่ยเป็นคนแรกที่ทำลายความเงียบและส่ายศีรษะ “ซูจิ่นซี แม้ข้าไม่ได้พบปะพูดคุยกับหลานเยวี่ยหลี แม่นางคนนั้นมากนัก ทั้งยังพบกันเพียงสองสามครั้ง แต่ตอนนี้ข้ามั่นใจได้เลยว่าสตรีที่อยู่ตรงหน้านี้ ไม่ใช่หลานเยวี่ยหลีแน่นอน”

สตรีนางนี้หยาบกระด้าง ต่างจากหลานเยวี่ยหลีเหมือนเป็นคนละคน

ซูจิ่นซีไม่พูดอันใด นางเหลือบมองไปทางอวิ๋นจิ่น

อวิ๋นจิ่นเข้าใจในทันที เขาเดินเข้าไปหาเป่ยถังหลี

เมื่อเป่ยถังหลีเห็นอวิ๋นจิ่นเดินใกล้เข้ามา นางก็มีสีหน้าหวาดระแวง “เจ้า… เจ้าคิดจะทำอันใด? ”

รอยยิ้มอ่อนโยนปรากฏขึ้นที่มุมปากของอวิ๋นจิ่นราวกับดวงอาทิตย์ที่อบอุ่นและอ่อนโยน ซึ่งทำให้ความหวาดระแวงของเป่ยถังหลีลดลงหลายส่วน

“อย่ากังวลไปเลย แม่นางเป่ยถัง ข้าไม่มีเจตนาร้าย และไม่คิดจะทำร้ายแม่นาง ข้าเพียงต้องการตรวจชีพจรให้เจ้าเท่านั้น”

เป่ยถังหลีเห็นรอยยิ้มของอวิ๋นจิ่น นางตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้น อวิ๋นจิ่นก็รีบคว้าข้อมือของเป่ยถังหลีเพื่อตรวจชีพจร

เป่ยถังหลีไม่ได้หลบเลี่ยง นางมองนิ้วมือของอวิ๋นจิ่นด้วยสีหน้าสงสัย

หลังจากนั้นไม่นาน อวิ๋นจิ่นก็ลุกขึ้นและส่ายศีรษะเล็กน้อยให้ซูจิ่นซี พลางพูดว่า “ทูลพระชายา แม้ชีพจรของแม่นางเป่ยถังจะแปลกประหลาดเล็กน้อย ทว่าอาจสัมพันธ์กับพลังแปลกประหลาดในร่างกายของนาง ตัดกรณีการสูญเสียความทรงจำออกไปได้เลยพ่ะย่ะค่ะ”

“เจ้าแน่ใจหรือ? ” ซูจิ่นซีจ้องดวงตาอวิ๋นจิ่นเพื่อยืนยันอีกครั้ง

อวิ๋นจิ่นมีท่าทางมั่นใจ รอยยิ้มมุมปากของเขายังคงอยู่ “กระหม่อมแน่ใจพ่ะย่ะค่ะ ตามทักษะทางการแพทย์ของกระหม่อม ไม่เห็นอาการความจำเสื่อมในตัวแม่นางเป่ยถังเลยพ่ะย่ะค่ะ”

ซูจิ่นซีเข้าใจสถานการณ์ของอวิ๋นจิ่นเป็นอย่างดี แม้แต่อวิ๋นจิ่นยังมองไม่เห็น ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น

อู๋จุนพูดแทรก “ข้าก็พูดแล้ว แม่นางผู้นี้ไม่ใช่คนเดียวกับแม่นางสกุลหลาน! ”

เยี่ยโยวเหยาไม่เคยสนใจเรื่องเช่นนี้ ตงหลิงหวงไม่ได้มาจากแคว้นจงหนิงและไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ครั้งนี้นางจึงงดแสดงความคิดเห็น

ซูจิ่นซีนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงค่อยๆ เดินมาหาเป่ยถังหลี ก่อนจะนั่งลงและจ้องดวงตาของเป่ยถังหลีอยู่เป็นเวลานาน

เป่ยถังหลีไม่รู้ว่าซูจิ่นซีกำลังจะทำอันใด นางรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย จึงกระชากเสียงถามว่า “เจ้า… เจ้าต้องการจะทำอันใด? ข้าขอเตือนเจ้าก่อน ข้าเป็นคุณหนูจิ่วแห่งจวนเป่ยอี้อ๋อง หากเจ้ากล้าแตะต้องข้า พวกเจ้าจะต้องมีจุดจบที่น่าอนาถ”

ทันทีที่สิ้นเสียงของเป่ยถังหลี ซูจิ่นซีก็เอ่ยถามเสียงแข็งว่า “ข้าจะถามคำถามเจ้าสองคำถาม หากเจ้าตอบข้าตามความจริง ข้าจะปล่อยเจ้าไป”

ดวงตาของเป่ยถังหลีพลันทอประกาย “จริงหรือ? ” ทว่านางกลับมาตื่นตัวและระแวดระวังอีกครั้ง “พวกเจ้าเจ้าเล่ห์เพทุบาย จะปล่อยข้าไปง่ายๆ ได้อย่างไร? เจ้า… เจ้าคิดจะทำอะไรข้ากันแน่? ”

ซูจิ่นซีเข้าใจดี สตรีนางนี้เจ้าคิดเจ้าแค้นเรื่องที่นางเคยคุกคามตอนอยู่ที่แท่นจิ่วโยว ทว่าซูจิ่นซีไม่ได้ใส่ใจมากนัก

“คำถามแรก เจ้ามาทำอันใดที่แท่นจิ่วโยวตอนกลางดึก? ”

เป่ยถังหลีหลบเลี่ยงสายตา นางไม่กล้าสบตาซูจิ่นซีโดยตรง “เจ้าถามคำถามนี้เพราะเหตุใด? ข้าจะไปที่ใดก็เรื่องของข้า เกี่ยวอันใดกับเจ้า? ”

ซูจิ่นซีไม่รีบร้อน นางทอดสายตาจ้องหน้าเป่ยถังหลี พลางเคาะนิ้วมือบนขาของนาง ทว่าทุกครั้งที่นางเคาะลงไป ก็ราวกับกดทับหัวใจของเป่ยถังหลี จิตใจของนางรู้สึกร้อนรนมากขึ้นเรื่อยๆ

สุดท้าย เป่ยถังหลีก็ไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป นางรีบพูดขึ้นว่า “ข้ากำลังตามหาเพลิงอัคคีจิ่วโยว เพราะว่าเพลิงอัคคีจิ่วโยวมีประโยชน์กับข้ามาก อย่าถามข้าว่าใช้ทำอันใด ต่อให้เจ้าสังหารข้า ข้าก็ไม่ยอมบอก”

ซูจิ่นซียกยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ตกลง ข้าจะไม่ถาม คำถามที่สอง คนที่ขโมยเพลิงอัคคีจิ่วโยวจากมือเจ้าไปนั้น เป็นผู้ใด? เจ้ารู้จักเขาหรือไม่? ”

ทันทีที่สิ้นเสียงของซูจิ่นซี เห็นได้ชัดว่าสีหน้าของเป่ยถังหลีพลันซีดขาว แววตางดงามปรากฏความหวาดกลัวและความตื่นตระหนก

คนผู้นั้นเป็นใครกันแน่?

เหตุใดเมื่อเป่ยถังหลีได้ยินซูจิ่นซีพูดถึงคนผู้นั้น นางจึงตื่นตระหนกและหวาดกลัวอย่างมาก?

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *