สามีข้าคือขุนนางใหญ่บทที่ 705-2 พ่อลูกเซวียนหยวน (2)

Now you are reading สามีข้าคือขุนนางใหญ่ Chapter บทที่ 705-2 พ่อลูกเซวียนหยวน (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 705 พ่อลูกเซวียนหยวน (2)

ท่านชายใหญ่หันใช้มือข้างหนึ่งคว้าทวนของอีกฝ่ายไว้ จากนั้นใช้มืออีกข้างคว้ากระบี่ของทหารขึ้นมาและเล็งเข้าไปที่ทรวงอกของกู้เจียว

“เจียวเจียว…” อาจารย์แม่หนานเริ่มหน้าถอดสี

ทันใดนั้น เสียงร้องของม้าดังขึ้นพร้อมกับเงาของร่างสีดำที่ปรากฏตัวกะทันหัน

“ราชาม้าเฮยเฟิง” ท่านชายใหญ่หันชะงักมือทันที

กู้เจียวสบโอกาสตอนอีกฝ่ายไขว้เขว ยกเท้าขึ้นเตรียมจะถีบอีกฝ่าย ทว่าท่านชายใหญ่หันไหวตัวทันและรีบยกกระบี่ขึ้นเป็นเกราะกำบัง

ร่างของพวกเขากระเด็นออกไปทั้งคู่เนื่องจากแรงปฏิกิริยา

ราชาม้าเฮยเฟิงเดินเข้าไปหาท่านชายใหญ่หัน

“ในที่สุดก็เจอเจ้าแล้ว” แววตาของท่านชายใหญ่หันเปล่งประกายทันทีที่ได้เจอม้าคู่กาย อารมณ์ขุ่นมัวราวกับเมฆดำในหลายวันที่ผ่านมาก็พลันสลายลง

จากนั้นเขาหุบยิ้มลงและหันมาทางกู้เจียวด้วยแววตาที่ลุกวาวและเย็นชา “ไหนเจ้าบอกว่าไม่ได้ขโมยม้าของข้า!”

กู้เจียวเห็นว่าราชาม้าเฮยเฟิงและท่านชายใหญ่หันดูสนิทสนมกันเป็นอย่างมาก

ทันใดนั้นอาจารย์แม่หนานโพล่งออกมาอย่างเหลืออด “ลิ่วหลังไม่ได้ขโมยม้าของเจ้าสักหน่อย! เป็นม้าของเจ้าต่างหากที่ตกลงไปในบึงโคลน! ม้าของข้าพอมาเจอเข้าจึงไปตามเรียกให้ลิ่วหลังให้มาช่วยเหลือพามันขึ้นมาจากหนองน้ำ! แถมม้าของข้ายังได้รับบาดเจ็บตอนที่พยายามช่วยมันไว้ด้วย! ม้าของเจ้าทั้งถูกวางยาพิษและบาดเจ็บสาหัส ถ้าไม่ได้ลิ่วหลังช่วยไว้ ป่านนี้มันคงตายไปนานแล้ว! นอกจากจะไม่รู้สึกขอบคุณแล้ว ยังมีหน้ามากล่าวหาว่าลิ่วหลังเป็นขโมยอีก! ไร้ยางอายสิ้นดี!”

ท่านชายใหญ่หันย่นคิ้วลงทันที

ทหารองครักษ์นายหนึ่งชักกระบี่ขึ้นแล้วพุ่งเข้าหาอาจารย์แม่หนาน

ทันใดนั้น ไม่ต้องรอให้กู้เจียวออกโรง ราชาม้าเฮยเฟิงยกเท้าขึ้นแล้วถีบร่างทหารองครักษ์คนนั้นจนกระเด็นออกไปข้างนอก!

นัยน์ตาท่านชายใหญ่หันฉายแววไม่พอใจทันที

เขาหันไปทางทหารองครักษ์ที่ถูกราชาม้าเฮยเฟิงเล่นงาน สลับกับหันมามองม้าของตัวเอง ก่อนจะกำกระบี่ในมือของเขาจนแน่น

“เอาละ ข้าจะเชื่อพวกเจ้า ในเมื่อพวกเจ้าได้ช่วยเหลือม้าของข้าไว้ เรื่องวันนี้ข้าจะไม่เอาความ ไว้ข้าจะกลับมาคิดบัญชีกับเจ้าใหม่ เซียวลิ่วหลัง!”

“พวกเรา กลับ!”

จากนั้นเขาก็ให้คนไปนำอานม้าและบังเหียนออกมา แล้วสวมให้กับราชาม้าเฮยเฟิง

เขากับเฮยเฟิงเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก เขานี่แหละ คือนายที่แท้จริงของราชาม้าเฮยเฟิง!

ท่านชายใหญ่หันควบราชาม้าเฮยเฟิงแล้วขี่ออกจากตรอกหยางหลิ่วอย่างรวดเร็ว

พอเจ้าสืออีตื่นขึ้นและพบว่าเฮยเฟิงหายไปแล้วก็ออกตามหาอยู่นานสองนาน

ม้ามีประสาทรับกลิ่นที่เฉียบคมมาก พอได้กลิ่นของราชาม้าเฮยเฟิงที่ลอยตามอากาศ เจ้าสืออีก็รีบวิ่งไล่ตามไปทันที

อาจารย์แม่หนานรีบตะโกนไล่หลังหลังจากที่เห็นเจ้าม้าวิ่งพรวดออกไปข้างนอก “นี่ สืออี จะไปไหน!”

ท่านชายใหญ่หันสังเกตได้ว่าวันนี้ราชาม้าเฮยเฟิงวิ่งเร็วกว่าครั้งไหนๆ

“สมกับเป็นม้าศึกอันทรงพลังเสียเหลือเกิน”

แม้เฮยเฟิงจะสิบเจ็ดปีแล้ว ซ้ำยังถูกทำร้ายและถูกวางยา ทว่ากลับวิ่งเร็วได้ถึงขนาดนี้

ราชาม้าเฮยเฟิงเร่งความเร็วจนฝุ่นตลบและทิ้งเจ้าสืออีที่อายุเพียงสองขวบครึ่งไว้ข้างหลัง

ไม่นานพวกเขาก็มาถึงจวนตระกูลหัน พอฉู่หนานรู้ว่าชื่อจื่อและราชาม้าเฮยเฟิงกลับมาแล้วก็รีบออกมาต้อนรับ

“ยินดีต้อนรับกลับขอรับท่านชายใหญ่” ฉู่หนานถวายบังคม

“ข้าว่าเฮยเฟิงวิ่งเร็วกว่าแต่ก่อนอีก” ท่านชายใหญ่หันเอ่ยกับฉู่หนานพร้อมกับเอามือตบๆ ลงบนตัวของเฮยเฟิง

“จริงหรือขอรับ มหัศจรรย์ยิ่งนัก” ฉู่หนานคลี่ยิ้ม

ท่านชายใหญ่หันหันไปพูดกับราชาม้าเฮยเฟิง “เอาละ กลับเข้าไปข้างในได้แล้ว”

ทว่าราชาม้าเฮยเฟิงกลับไม่ขยับตัวเลย

“มีอะไรรึ” ท่านชายใหญ่หันเอ่ยถามด้วยความสงสัย

เฮยเฟิงยังคงยืนนิ่งอยู่เหมือนเดิม

“เจ็บแผลอยู่หรือไม่” จากนั้นท่านชายใหญ่หันก็ทำการตรวจร่างกายของเฮยเฟิง

“มันได้รับบาดเจ็บมาหรือขอรับ” ฉู่หนานเอ่ยถามพร้อมกับช่วยหารอยแผลด้วยอีกแรง

ทว่าคราวนี้ ราชาม้าเฮยเฟิงกลับเดินก้าวถอยหลัง

พวกเขาแสดงสีหน้างุนงงและมองไปที่ราชาม้าเฮยเฟิง รู้ตัวอีกที ก็เห็นว่าราชาม้าเฮยเฟิงวิ่งออกไปข้างนอกแล้ว

“เหตุใดถึงเป็นแบบนี้ล่ะ ราชาม้าเฮยเฟิงหนีไปไหนแล้ว”

ฉู่หนานเป็นผู้ฝึกม้าที่มีประสบการณ์มากที่สุดในเซิ่งตู เขามองตามราชาม้าเฮยเฟิงที่วิ่งออกไปพร้อมกับพึมพำ “ราชาม้าเฮยเฟิงมุ่งหน้าไปทางเรือนของตระกูลเซวียนหยวน มัน…กลับไปหาเจ้านายของมัน”

ท่านชายใหญ่หันรีบค้อนกลับ “ข้าต่างหากที่เป็นเจ้านายของมัน!”

ฉู่หนานไม่ได้เอ่ยอะไร

แค่ขี่มันได้ ไม่ได้แปลว่าจะต้องเป็นเจ้านายของมันเสียหน่อย

เป็นได้แค่เพื่อนที่โตมาด้วยกันก็เท่านั้น

ที่พามาส่ง ก็เพื่อเป็นการบอกลาต่างหาก

ท่านชายใหญ่หันกำหมัดแน่นพร้อมกับตัดพ้อ “นี่มันผ่านมาตั้งกี่ปีแล้ว ไหนบอกว่ามันจำไม่ได้แล้ว ตอนที่เกิดเรื่อง ราชาม้าเฮยเฟิงเพิ่งจะอายุเท่าไหร่เอง สองขวบ!”

ฉู่หนานตอบเขา “เป็นไปได้ว่าราชาม้าเฮยเฟิงเกิดจำได้ขึ้นมา หรือไม่ก็มันไม่เคยลืมเจ้าของเก่าแต่แรก มันอาจแค่กำลังรอวันที่พวกเขากลับมาเพราะยังคิดว่าพวกเขาออกไปรบอยู่ ประเด็นคือ สิ่งใดที่ทำให้มันฉุกคิดขึ้นได้”

ท้องฟ้าถูกปกคลุมไปด้วยเมฆดำ กระนั้นเซิ่งตูยังคงร้อนระอุ

ราชาม้าเฮยเฟิงพุ่งทะยานบนผืนถนนใต้ฟ้าหม่น

สักปรากฏแสงวาบของฟ้าแลบ ตามมาด้วยเสียงฟ้าร้องที่ทุ้มดัง

ทั้งคนทั้งม้าที่กำลังพลุกพล่านบนถนนหนทางต่างเริ่มมองหาที่กำบัง

เฮยเฟิงยังคงวิ่งไปตามถนนที่ว่างเปล่าอย่างไม่เกรงกลัว โดยมีฟ้าร้องและสายฟ้าไล่ตามอย่างไม่หยุดหย่อน

ไม่รู้ว่าวิ่งมาเป็นเวลานานแค่ไหนแล้ว รู้ตัวอีกที ท้องฟ้ายามบ่ายดูมืดมนเฉกเช่นราตรี

จนกระทั่งเฮยเฟิงมาถึงจวนแห่งหนึ่งที่ถูกปิดตายลง

ผนึกประตูเริ่มมีสภาพทรุดโทรม

โซ่เหล็กที่คล้องประตูเต็มไปด้วยรอยสนิมและคราบสกปรกของตะไคร่น้ำ

จวนแห่งนี้ดูทรุดโทรและชวนขนหัวลุก ไม่ต่างอะไรกันกับสุสานของดวงวิญญาณเร่ร่อน

เฮยเฟิงพยายามใช้หัวโหม่งไปที่ประตู

ปัง!

ปัง!

ปัง!

มันเอาหัวโหม่งซ้ำแล้วซ้ำแล้ว

จนเกิดเป็นรอยแผลและมีเลือดซิบ

แสงฟ้าแลบที่ปรากฏราวกับผืนฟ้ากำลังแตกเป็นเสี่ยงๆ และเสียงฟ้าร้องครั้งสุดท้ายดังสนั่นก่อนตามมาด้วยสายฝนที่ตกหนัก

เม็ดฝนใหญ่ตกกระทบลงบนร่างของเฮยเฟิงอย่างแรง

เลือดไหลลงมาจากหน้าผากของมันผสมกับฝนที่หนาวเย็นไหลลงพื้นทีละหยด ทว่าเฮยเฟิงไม่ละความพยายามที่จะโหม่งหัวต่อ

แต่ไม่ว่าอย่างไร ประตูบานนี้ไม่มีวันที่จะถูกเปิดอีก

‘ท่านพ่อ! เจ้าม้าตัวนี้ดูท่าจะไม่รอดแล้ว!’

ชายหนุ่มในวัยยี่สิบรีบวิ่งเข้าไปในสวนหลังจวนอย่างรวดเร็วและพูดกับพ่อของเขาที่กำลังฝึกเพลงพู่แดง

“เกิดอะไรขึ้นรึ” ผู้เป็นพ่อเอ่ยถาม

“มันคลอดลูกไม่ได้!”

จากนั้นสองพ่อลูกก็วิ่งมาที่คอกม้า เจ้าแม่ม้าตัวนี้พยายามคลอดลูกมาสองวันสองคืนจนเรี่ยวแรงในร่างกายหมดสิ้น ไม่สามารถให้กำเนิดลูกม้าตัวน้อยได้

กระนั้นพวกเขาไม่ยอมแพ้ง่ายๆ

พวกเขาเฝ้ามันและอยู่กับมันตลอดทั้งคืน ในที่สุด พอรุ่งเช้า พวกเขายินดีต้อนรับชีวิตเล็กๆ ที่ได้มาอย่างยากลำบากนี้

ทว่าเจ้าลูกม้าขาดอากาศในท้องแม่นานเกินไปจนเกือบไม่รอด

‘ท่านพ่อ เจ้าลูกม้าจะตายไหม’

‘ม้าศึกของเซวียนหยวนแข็งแกร่งที่สุดแล้ว!’

การให้กำเนิดเจ้าลูกม้าครั้งนี้แลกมาด้วยชีวิตของแม่ม้า เพราะไม่นาน เจ้าแม่ม้าก็ได้ลาโลกไป

บุรุษผู้เป็นเจ้าของทวนพู่แดงพาเจ้าลูกม้ากลับไปเลี้ยงเองที่จวน มันค่อยๆ เติบโตจากลูกม้าตัวน้อยที่หายใจไม่เป็น จนกลายเป็นม้าศึกที่แข็งแกร่ง

ทุกวัน เจ้าลูกม้าจะคอยยืนเฝ้าตอนเจ้าของฝึกกระบวนท่า

‘ท่านพ่อ ดูสิ มันตัวสูงขึ้นแล้ว! โตเร็วมากเลย! เห็นแบบนี้แล้วแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าก่อนหน้านี้มันเกือบปางตายมาก่อน!’

‘อาเฉิง เราไม่ควรดูถูกใคร แม้แต่ม้าเองก็เช่นกัน วันหนึ่งมันอาจเติบโตไปเป็นม้าศึกที่เก่งกาจที่สุดก็เป็นได้’

‘ถ้าอย่างนั้น ข้าจะพามันไปออกรบและกำจัดศัตรูด้วยกัน!’

‘แย่หน่อยนะ ยังมีเจ้าเสี่ยวซานเสี่ยวอู่อีก จะไหวหรือ’

มันทำได้ วันนี้มันได้กลายเป็นม้าศึกราชาวายุทมิฬแห่งสนามรบ ทว่า เจ้านายของมันยังคงไม่กลับมาหาเสียที

ไม่มีใครกลับมาแม้แต่คนเดียว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด