เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ 195 เรื่องของผู้ชายสองคน

Now you are reading เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ Chapter 195 เรื่องของผู้ชายสองคน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เย่เทียนเฉินไม่ได้ดูแคลนหลินตวน กลับจะชอบใจในความคิดของหลินตวนด้วยซ้ำ เพราะหลินตวนเป็นคนเปิดเผยตรงไปตรงมาและมีหลักการเป็นของตนเอง นับเป็นลูกผู้ชายคนหนึ่ง โดยเฉพาะการที่เขาสามารถเป็นผู้อำนวยการสำนักงานเทียนหลินได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่คล้ายกับองค์กรทหารรับจ้าง ความสามารถย่อมไม่อ่อนด้อย อีกทั้งยังไม่ใช่คนประเภทที่มีแต่ความกล้าบ้าบิ่นแต่ไร้ซึ่งความคิดประเภทนั้น

ดังนั้นที่เย่เทียนเฉินบอกว่าจะสูบบุหรี่ก่อนสักหน่อยถึงจะสู้กับหลินตวนก็ไม่ใช่การดูถูก แต่เป็นความเคยชินของเย่เทียนเฉินจริงๆ ในช่วงยุคสิ้นโลก สิ่งของประเภทบุหรี่เป็นของหายาก กระทั่งสามารถเรียกได้ว่าเป็นสินค้าหรูหราที่ดูเหมือนจะหาไม่ได้แล้ว ในโลกปัจจุบันนี้ถึงแม้ว่าจะมียอดฝีมือซ่อนเร้นอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ก็ยังค่อนข้างจะสงบสุข อย่างน้อยคนธรรมดาก็สามารถนั่งกินข้าวอย่างสงบได้ เสพสุขกับการดื่มเหล้าและสูบบุหรี่สักมวนได้

หมัดของหลินตวนซัดเข้าไปยังใบหน้าของเย่เทียนเฉิน เขาหลบตามสัญชาตญาณ โดยเอนร่างไปทางขวา และจับเข้าที่ข้อมือของหลินตวนในเวลาเดียวกัน เข่าขวาของหลินตวนแทงขึ้นใกล้จะถูกหน้าอกของเย่เทียนเฉิน เย่เทียนเฉินขมวดคิ้ว หลินตวนรวดเร็วมากจริงๆ ทุกสิ่งทุกอย่างนี้เกิดขึ้นในเวลาเพียงชั่วพริบตา เขายกมือซ้ายขึ้นมากัน มือขวาออกแรงเล็กน้อยเพื่อสะบัดหลินตวนออกไป

ภายในเวลาสิบวินาที ทั้งสองคนได้ประลองกันไปแล้วหลายกระบวนท่า โชคดีที่บริเวณที่ว่างแห่งนี้ไม่มีคน ถ้าหากว่าถูกคนพบเห็นฉากนี้เข้าจะต้องตกใจจนคางแทบร่วงแน่นอน การต่อสู้แบบนี้ปรากฏอยู่เพียงแค่ในภาพยนตร์ ในชีวิตปัจจุบันจะเคยพบกับการต่อสู้ด้วยวรยุทธอันมีสีสันถึงขนาดที่ไหนกัน?

“นายแข็งแกร่งมากจริงๆ ถ้าสามารถมาเข้าร่วมกับสำนักงานเทียนหลินของฉันได้ก็จะดีมาก!” หลินตวนมองเย่เทียนเฉินแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม

“นายเองก็ไม่เลวเลย มาอยู่กับพี่ชายเถอะ รับรองเลยว่านายจะยืนอยู่ในที่สูงกว่านี้ มองได้ไกลกว่านี้!” เย่เทียนเฉินก็พูดด้วยรอยยิ้ม

“ไม่ได้หรอก ฉันเป็นคนก่อตั้งสำนักงานเทียนหลิน ยังไม่ทันทำงานอะไรสำเร็จก็จะล้มเลิกซะแล้ว ถึงตอนนั้นท่านอาจารย์คงจะไม่ปล่อยฉันไปแน่!” หลินตวนพูดพลางส่ายหน้า

“อาจารย์ของนาย? ไม่สู้เรียกอาจารย์ของนายมาอยู่กับฉันด้วยเป็นไง?” เย่เทียนเฉินหัวเราะฮี่ๆ แล้วกล่าวออกมา

“สหายเย่ คำพูดแบบนี้ไม่สามารถพูดเล่นๆ ได้ ถ้าอาจารย์ฉันได้ยินเข้า เขาจะต้องสู้กับนายอย่างสุดชีวิตแน่นอน อาจารย์ของฉันแข็งแกร่งมาก!”

“ฉันรู้ว่าอาจารย์ของนายแข็งแกร่ง ไม่งั้นคงไม่สามารถสั่งสอนลูกศิษย์แบบนายออกมาได้หรอก มาเถอะ ให้ฉันทดสอบฝีมือของนายสักหน่อย!”

ความรู้สึกของเย่เทียนเฉินและหลินตวนไม่เหมือนกับศัตรูคู่อาฆาต แต่เหมือนกับการคุยเล่นระหว่างเพื่อนพ้องที่เดินอยู่ในเส้นทางการฝึกฝนวรยุทธมากกว่า การที่ทั้งสองมีความรู้สึกเช่นนี้ก็เป็นเพราะหลินตวนและเย่เทียนเฉินต่างก็เป็นคนเปิดเผย เป็นลูกผู้ชายที่มีนิสัยตรงไปตรงมา

เมื่อครู่นี้คนทั้งสองแลกเปลี่ยนกระบวนท่าเพื่อลองเชิงกันไปหลายกระบวนท่า ถึงแม้เบื้องหน้าจะไม่ได้พูดอะไร แต่ก็มีความตื่นตะลึงต่อฝีมือของอีกฝ่าย เย่เทียนเฉินที่ปกติมีท่าทางเหลาะแหละ แต่เมื่อลงมือขึ้นมากลับทำให้ผู้คนต้องตกตะลึงเป็นอย่างมาก ส่วนหลินตวนมาดูภายนอกแล้วค่อนข้างผอม กระทั่งมีบรรยากาศเหมือนหนอนหนังสือ แต่เมื่อได้ลงมือกลับสามารถทำให้เย่เทียนเฉินประหลาดใจได้ ฝีมือของคนคนนี้รวดเร็วว่องไว ยิ่งไปกว่านั้นวิถีหมัดก็ยังแปลกประหลาด ไม่เหมือนเทคนิคที่สืบทอดกันมาในพรรควรยุทธโบราณ

เพียงแต่สิ่งที่ทำให้เย่เทียนเฉินรู้สึกแปลกๆก็คือ เมื่อครู่นี้ประลองกับหลินตวนไปหลายกระบวนท่า แต่เขาไม่สามารถสัมผัสได้ถึงความผันผวนของพลังภายในที่แข็งแกร่งเลย แต่ว่าเคล็ดวิชาหมัดของคนคนนี้เหมือนกับเคล็ดวิชาของพรรควรยุทธโบราณ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เคยฝึกฝนพลังภายใน ตกลงแล้วเขาจงใจซ่อนเอาไว้หรือว่ามีสาเหตุอื่นกันเเน่?

ในตอนที่เย่เทียนเฉินมองไปยังหลินตวนและกำลังใคร่ครวญอยู่นั้น มือขวาของหลินตวนก็ปรากฏมีดสั้นเล่มหนึ่งขึ้น ยาวประมาณสองชุ่น ดูภายนอกมีความประณีตงดงามมาก ทันใดนั้น หลินตวนกำมีดสั้นเล่มนั้นแน่น มีดสั้นเล่มนี้สั่นสะเทือนแล้วกลายเป็นมีดเล่มใหญ่ที่ยาวประมาณครึ่งเมตร บนตัวดาบทั้งสองฝั่งมีลายมังกรอยู่ ดูแล้วให้ความรู้สึกอหังการเป็นอย่าง

เมื่อเย่เทียนเฉินเห็นมีดสั้นที่สามารถกลายเป็นมีดยาวเล่มนั้นก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว พลังพิเศษแห่งการรับรู้ของเขาสัมผัสได้ว่ามีดเล่มนี้มีความแปลกประหลาดอยู่ ตัวมีดแผ่ไอสังหารอันแข็งแกร่งออกมา โดยเฉพาะมังกรที่อยู่บนตัวดาบทั้งสองฝั่ง ที่ดูราวกับมีชีวิตนั้น ให้ความรู้สึกเหมือนกับมังกรตัวเขื่องสองตัวนั้นจะสามารถพุ่งทะยานออกมาได้

“มีดเล่มนี้ชื่อว่ามีดเจ็ดดาว เคยผ่านการปรับปรุงของด้วยเทคนิคชั้นสูงในยุคปัจจุบันมาก่อน ท่านอาจารย์ของฉันได้ใส่พลังภายในที่แข็งแกร่งลงไปด้วย เมื่อชักมีดออกมา ถ้าไม่ได้ดื่มเลือดก็จะไม่สามารถปล่อยมือจากมีดได้ นายระวังด้วย!” หลินตวนมองเย่เทียนเฉินแล้วพูดอย่างจริงจัง

“มีดเจ็ดดาว? เป็นชื่อที่ไม่เลวเลย ให้ฉันดูสักหน่อยเถอะว่ามีดเจ็ดดาวในมือของนายจะร้ายกาจขนาดไหน…” เย่เทียนเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม

ฉัวะ!

หลินตวนไม่พูดอะไรให้มากความอีก วาดมีดเจ็ดดาวฟันลงไปยังเย่เทียนเฉิน ระยะห่างระหว่างทั้งสองอยู่ไกลกันเกือบสิบเมตร เงามีดอันใหญ่มหึมาฟันลงไปยังศีรษะของเย่เทียนเฉินโดยตรง เย่เทียนเฉินเองก็ไม่กล้าลำพองใจ มีดเจ็ดดาวนี้เมื่ออยู่ภายใต้พลังพิเศษแห่งการรับรู้ของเขาทำให้รู้ว่ามีดเล่มนี้มีความพิเศษและความแปลกประหลาดอยู่ เนื่องจากวัสดุของมีดเล่มนี้ไม่ได้พิเศษอะไรแต่กลับสามารถระเบิดไอสังหารอันแข็งแกร่งเช่นนั้นออกมาได้ โดยเฉพาะในตอนที่หลินตวนสะบัดมีด เงามีดสามารถทำให้อากาศเกิดการสั่นสะเทือนจนแทบจะแหลกสลาย ช่างแข็งแกร่งมากจริงๆ

เย่เทียนเฉินมองเงามีดขนาดใหญ่ที่ถูกฟันมายังตนเอง ไม่ได้ดูแคลนอะไรอีก มุมปากคาบบุหรี่อยู่หนึ่งมวน มือทั้งสองกำแน่น พลังพิเศษในขอบเขตจอมราชันไหลลงไปรวมภายในหมัดทั้งสอง เขาไม่ได้หลบแต่ใช้หมัดต่อยปะทะเข้าไปกับเงามีดใหญ่มหึมานั้นตรงๆ

ตู้ม!

เสียงอันดังสนั่นดังขึ้น บนสนามขนาดใหญ่อันว่างเปล่าฟุ้งกระจายไปด้วยฝุ่นควัน มือขวาของหลินตวนกำมีดเจ็ดดาวเอาไว้ ดวงตาทั้งสองจ้องมองไปยังบริเวณที่ฝุ่นควันฟุ้งกระจาย ตรงนั้นเป็นที่ที่เย่เทียนเฉินยืนอยู่ เมื่อครู่นี้เขาเห็นเย่เทียนเฉินใช้หมัดโจมตีปะทะเข้ากับเงามีด หลินตวนเองก็ถูกทำให้ตกใจไปแล้ว จะอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินจะถึงกลับใจกล้าและเด็ดเดี่ยวถึงเพียงนี้ ช่างไม่กลัวตายเลยจริงๆ

มีดเจ็ดดาวเล่มนี้เป็นของอาจารย์ของหลินตวน ซึ่งเป็นปรมาจารย์ชั้นสูงของพรรควรยุทธโบราณคนหนึ่ง ได้มอบให้กับหลินตวน เดิมทีหลินตวนก็เป็นผู้มีความสามารถในด้านเทคโนโลยีอยู่แล้ว จึงได้ปรับปรุงแก้ไขมีดเจ็ดดาว ทำให้สามารถยืดหดและขยายได้ และเมื่อผ่านการเสริมด้วยพลังภายในอันแข็งแกร่งของอาจารย์ของหลินตวนลงไปในมีดเจ็ดดาว โดยใช้วิชาที่สืบทอดกันมาแต่โบราณซึ่งเป็นเคล็ดวิชาลับอย่างหนึ่งทำให้มังกรทั้งสองตัวถูกสลักเพิ่มเข้าไปในสองฝั่งของมีดเจ็ดดาว ทำให้เมื่อเกิดการระเบิดพลังออกมาจริงๆ จะสามารถทำให้มังกรทั้งสองตัวทะยานออกมาได้ มีความสามารถในการฆ่าฟันอย่างรุนแรง

เมื่อครู่นี้หลินตวนสะบัดมีดไม่ได้ใช้พลังความสามารถทั้งหมดของมีดเจ็ดดาวออกมา เขาเพียงแค่จะทดสอบฝีมือของเย่เทียนเฉินเท่านั้น สิ่งที่ทำให้เขาคิดไม่ถึงก็คือ เย่เทียนเฉินจะถึงกับใช้กำปั้นซัดปะทะเข้ามา พริบตานั้นเกรงว่าหากไม่ตายขาทั้งสองก็ต้องพิการแล้ว

“มีดดี มีดดี นี่คงจะไม่ใช่ความสามารถทั้งหมดของมีดเล่มนี้หรอก เร็วๆ เถอะ รีบฟันมาอีกสักสองครั้ง…”

เย่เทียนเฉินพูดไปพลางใช้มือปัดฝุ่นบนร่างไปพลาง เดินออกมาจากบริเวณที่ฝุ่นควันฟุ้งกระจาย บริเวณที่เย่เทียนเฉินเคยยืนอยู่ปรากฏรอยมีดรอยใหญ่ขึ้น ยาวเกือบสิบเมตร แต่บริเวณที่ขาทั้งสองของเย่เทียนเฉินยืนอยู่นั้นปรากฏรอยฝ่าเท้าลึก เห็นได้ชัดว่ามีดเจ็ดดาวเล่มนี้มีพลังไม่น้อย เพียงแต่สิ่งที่ทำให้หลินตวนต้องตกตะลึงก็คือ เย่เทียนเฉินใช้กำปั้นซัดปะทะเข้าไปกับมีดเจ็ดดาว แต่มือขวากลับไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย กระทั่งรอยเลือดก็ไม่ปรากฏ ช่องทำให้เขารู้สึกเหลือเชื่อจริงๆ

“นาย…”

หลินตวนมองเย่เทียนเฉินด้วยความประหลาดใจจนพูดอะไรไม่ออก มีดเจ็ดดาว เป็นอาวุธที่อยู่ในอันดับต้นๆของพรรควรยุทธโบราณ แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในสามอันดับแรก แต่ว่าพลังอำนาจของมันเป็นที่ทราบดีของผู้คน แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยมีใครกล้าใช้กำปั้นซัดเข้าไปปะทะกับมีดเจ็ดดาวมาก่อน เย่เทียนเฉินเป็นคนแรกที่กล้าหาญและเด็ดเดี่ยวจนทำให้ผู้คนต้องตกตะลึง และไม่บาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย ยิ่งทำให้หลินตวนรู้สึกว่าความสามารถของเย่เทียนเฉินลึกล้ำจนไม่อาจคาดเดา

“เป็นมีดที่ดีเล่มหนึ่งจริงๆ หากว่านายมาอยู่กับฉัน ก็สามารถมอบให้ฉันเป็นของขวัญแรกพบได้นะ!” เย่เทียนเฉินสูบบุหรี่ไปเฮือกหนึ่งแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม

ความจริงแล้วเมื่อครู่นี้เย่เทียนเฉินใช้มือขวาซัดปะทะเข้าไปกับเงามีดเจ็ดดาว เป็นการใช้หมัดที่รวบรวมพลังพิเศษในขอบเขตจอมราชันในระดับสูง ถึงจะสามารถทำให้ไม่มีบาดแผลได้ ถ้าหากว่าเขาอาศัยเพียงกายเนื้อไปรับแบบนี้ เกรงว่าตอนนี้คงจะเลือดไหลเป็นสายน้ำไปแล้ว หากเป็นเช่นนี้ เงาดาบอันใหญ่โตเมื่อสักครู่ก็ทำให้หมัดขวาของเย่เทียนเฉินที่รวบรวมพลังพิเศษเอาไว้รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวด มีดเจ็ดดาวเล่มนี้ไม่เร็วเลยจริงๆ หากไม่ใช่ว่ามีความสามารถของพลังพิเศษในขอบเขตจอมราชันอยู่ เย่เทียนเฉินก็คงไม่กล้าปะทะ

“นายอยากจะทดสอบพลังที่แท้จริงของมีดเจ็ดดาวจริงๆ หรือ? นายอาจจะตายก็ได้” หลินตวนหมอเย่เทียนเฉินอย่างจริงจังแล้วพูดขึ้น

“ไม่เป็นไร มาเถอะ มาเติมเต็มคำขอของฉันสักหน่อย!” เย่เทียนเฉินพูดด้วยรอยยิ้มสบายๆ

เคยกล่าวไปนานแล้วว่านิสัยของเย่เทียนเฉินเหมือนกับอันธพาลและเหมือนกับเทพแห่งความตาย ในตอนนี้เขามีนิสัยเหมือนอันธพาลคนหนึ่งโดยสิ้นเชิง เนื่องจากเขารู้สึกยินดีที่ได้สู้กับผู้แข่งแกร่งคนหนึ่งอย่างสะใจเช่นนี้ นั่นเป็นความสุขอย่างหนึ่ง รวมกับที่หลินตวนดูท่าทางจะเป็นพวกแข็งทื่อ ทำให้เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะหยอกล้อเขาหลายประโยค ทำให้การต่อสู้ครั้งนี้ผ่อนคลายขึ้นมาก

“งั้นนายก็ระวังหน่อยละ!” หลินตวนใช้สองมือกุมด้ามมีดเจ็ดดาว เตรียมจะโจมตีโดยใช้พลังที่รุนแรงที่สุด

“ถ้าหากว่านายเอาชนะฉันไม่ได้ ไม่เพียงแต่ฉันจะไม่เข้าร่วมสำนักงานเทียนหลินของนาย แต่นายยังต้องมาติดตามฉันด้วย ถ้างั้นสำนักงานเทียนหลินของนายก็จบสิ้นแล้ว นายก็ไม่มีหน้าไปบอกกับอาจารย์ได้!” ทันใดนั้นเย่เทียนเฉินก็มองหลินตวนอย่างจริงจังแล้วพูดขึ้น

“ถ้าหากว่านายสามารถมีชีวิตรอดต่อไปได้ ก็รอฟังคำสั่งฉันได้เลย!”

ที่เย่เทียนเฉินพูดแบบนี้ก็เพื่อที่จะให้หลินตวนลงมือโดยไม่ยั้ง มีดเจ็ดดาวมีความร้ายกาจมาก ส่วนจะร้ายกาจขนาดไหนมีน้อยคนที่จะรู้ เมื่อครู่นี้หลินตวนเองก็แค่ตวัดมีดเพื่อทดลองเท่านั้น ความสามารถที่แท้จริงของมีดเจ็ดดาวยังไม่ได้ใช้ออกมา

หากกล่าวว่าเย่เทียนเฉินและหลินตวนกำลังต่อสู้กันอยู่ ไม่สู้บอกว่าทั้งสองคนต่างก็เข้าอกเข้าใจกันยังจะดีกว่า ทั้งคู่ต้องการจะให้อีกฝ่ายมาอยู่ในกลุ่มอำนาจของตน เชื่อฟังคำสั่ง เพื่อเพิ่มความสามารถให้กลุ่มอำนาจของตน

“ย้าก!”

ทันใดนั้น หลินตวนตะโกนออกมาครั้งหนึ่ง ฟันมีดออกไปจากซ้ายไปขวา ตรงยังเย่เทียนเฉิน ในขณะเดียวกันก็ฟันจากขวาไปซ้ายอีกครั้งหนึ่ง การโจมตีทั้งสองครั้งนี้ ทำให้เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะถอยหลังไปสองสอง กระตุ้นพลังพิเศษในขอบเขตจอมราชันจากทั่วทั้งร่าง มองเงามีดสองสายที่ใหญ่โตมโหฬารนั้นพุ่งมะยานเข้ามายังตนเอง ไม่อาจหลบซ่อน ทำได้เพียงเผชิญหน้าอย่างเด็ดขาดเท่านั้น

“โฮก!”

“โฮก!”

เงามีดอันใหญ่โตทั้งสองถูกฟันไปยังเย่เทียนเฉินด้วยความรวดเร็วดุจสายฟ้า บนสนามหญ้าอันกว้างใหญ่เกิดลมอันบ้าคลั่งรุนแรง ฝุ่นควันฟุ้งกระจาย มีเสียงมังกรคำราม ทำให้ผู้คนต้องตกตลึง

………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ 195 เรื่องของผู้ชายสองคน

Now you are reading เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ Chapter 195 เรื่องของผู้ชายสองคน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เย่เทียนเฉินไม่ได้ดูแคลนหลินตวน กลับจะชอบใจในความคิดของหลินตวนด้วยซ้ำ เพราะหลินตวนเป็นคนเปิดเผยตรงไปตรงมาและมีหลักการเป็นของตนเอง นับเป็นลูกผู้ชายคนหนึ่ง โดยเฉพาะการที่เขาสามารถเป็นผู้อำนวยการสำนักงานเทียนหลินได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่คล้ายกับองค์กรทหารรับจ้าง ความสามารถย่อมไม่อ่อนด้อย อีกทั้งยังไม่ใช่คนประเภทที่มีแต่ความกล้าบ้าบิ่นแต่ไร้ซึ่งความคิดประเภทนั้น

ดังนั้นที่เย่เทียนเฉินบอกว่าจะสูบบุหรี่ก่อนสักหน่อยถึงจะสู้กับหลินตวนก็ไม่ใช่การดูถูก แต่เป็นความเคยชินของเย่เทียนเฉินจริงๆ ในช่วงยุคสิ้นโลก สิ่งของประเภทบุหรี่เป็นของหายาก กระทั่งสามารถเรียกได้ว่าเป็นสินค้าหรูหราที่ดูเหมือนจะหาไม่ได้แล้ว ในโลกปัจจุบันนี้ถึงแม้ว่าจะมียอดฝีมือซ่อนเร้นอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ก็ยังค่อนข้างจะสงบสุข อย่างน้อยคนธรรมดาก็สามารถนั่งกินข้าวอย่างสงบได้ เสพสุขกับการดื่มเหล้าและสูบบุหรี่สักมวนได้

หมัดของหลินตวนซัดเข้าไปยังใบหน้าของเย่เทียนเฉิน เขาหลบตามสัญชาตญาณ โดยเอนร่างไปทางขวา และจับเข้าที่ข้อมือของหลินตวนในเวลาเดียวกัน เข่าขวาของหลินตวนแทงขึ้นใกล้จะถูกหน้าอกของเย่เทียนเฉิน เย่เทียนเฉินขมวดคิ้ว หลินตวนรวดเร็วมากจริงๆ ทุกสิ่งทุกอย่างนี้เกิดขึ้นในเวลาเพียงชั่วพริบตา เขายกมือซ้ายขึ้นมากัน มือขวาออกแรงเล็กน้อยเพื่อสะบัดหลินตวนออกไป

ภายในเวลาสิบวินาที ทั้งสองคนได้ประลองกันไปแล้วหลายกระบวนท่า โชคดีที่บริเวณที่ว่างแห่งนี้ไม่มีคน ถ้าหากว่าถูกคนพบเห็นฉากนี้เข้าจะต้องตกใจจนคางแทบร่วงแน่นอน การต่อสู้แบบนี้ปรากฏอยู่เพียงแค่ในภาพยนตร์ ในชีวิตปัจจุบันจะเคยพบกับการต่อสู้ด้วยวรยุทธอันมีสีสันถึงขนาดที่ไหนกัน?

“นายแข็งแกร่งมากจริงๆ ถ้าสามารถมาเข้าร่วมกับสำนักงานเทียนหลินของฉันได้ก็จะดีมาก!” หลินตวนมองเย่เทียนเฉินแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม

“นายเองก็ไม่เลวเลย มาอยู่กับพี่ชายเถอะ รับรองเลยว่านายจะยืนอยู่ในที่สูงกว่านี้ มองได้ไกลกว่านี้!” เย่เทียนเฉินก็พูดด้วยรอยยิ้ม

“ไม่ได้หรอก ฉันเป็นคนก่อตั้งสำนักงานเทียนหลิน ยังไม่ทันทำงานอะไรสำเร็จก็จะล้มเลิกซะแล้ว ถึงตอนนั้นท่านอาจารย์คงจะไม่ปล่อยฉันไปแน่!” หลินตวนพูดพลางส่ายหน้า

“อาจารย์ของนาย? ไม่สู้เรียกอาจารย์ของนายมาอยู่กับฉันด้วยเป็นไง?” เย่เทียนเฉินหัวเราะฮี่ๆ แล้วกล่าวออกมา

“สหายเย่ คำพูดแบบนี้ไม่สามารถพูดเล่นๆ ได้ ถ้าอาจารย์ฉันได้ยินเข้า เขาจะต้องสู้กับนายอย่างสุดชีวิตแน่นอน อาจารย์ของฉันแข็งแกร่งมาก!”

“ฉันรู้ว่าอาจารย์ของนายแข็งแกร่ง ไม่งั้นคงไม่สามารถสั่งสอนลูกศิษย์แบบนายออกมาได้หรอก มาเถอะ ให้ฉันทดสอบฝีมือของนายสักหน่อย!”

ความรู้สึกของเย่เทียนเฉินและหลินตวนไม่เหมือนกับศัตรูคู่อาฆาต แต่เหมือนกับการคุยเล่นระหว่างเพื่อนพ้องที่เดินอยู่ในเส้นทางการฝึกฝนวรยุทธมากกว่า การที่ทั้งสองมีความรู้สึกเช่นนี้ก็เป็นเพราะหลินตวนและเย่เทียนเฉินต่างก็เป็นคนเปิดเผย เป็นลูกผู้ชายที่มีนิสัยตรงไปตรงมา

เมื่อครู่นี้คนทั้งสองแลกเปลี่ยนกระบวนท่าเพื่อลองเชิงกันไปหลายกระบวนท่า ถึงแม้เบื้องหน้าจะไม่ได้พูดอะไร แต่ก็มีความตื่นตะลึงต่อฝีมือของอีกฝ่าย เย่เทียนเฉินที่ปกติมีท่าทางเหลาะแหละ แต่เมื่อลงมือขึ้นมากลับทำให้ผู้คนต้องตกตะลึงเป็นอย่างมาก ส่วนหลินตวนมาดูภายนอกแล้วค่อนข้างผอม กระทั่งมีบรรยากาศเหมือนหนอนหนังสือ แต่เมื่อได้ลงมือกลับสามารถทำให้เย่เทียนเฉินประหลาดใจได้ ฝีมือของคนคนนี้รวดเร็วว่องไว ยิ่งไปกว่านั้นวิถีหมัดก็ยังแปลกประหลาด ไม่เหมือนเทคนิคที่สืบทอดกันมาในพรรควรยุทธโบราณ

เพียงแต่สิ่งที่ทำให้เย่เทียนเฉินรู้สึกแปลกๆก็คือ เมื่อครู่นี้ประลองกับหลินตวนไปหลายกระบวนท่า แต่เขาไม่สามารถสัมผัสได้ถึงความผันผวนของพลังภายในที่แข็งแกร่งเลย แต่ว่าเคล็ดวิชาหมัดของคนคนนี้เหมือนกับเคล็ดวิชาของพรรควรยุทธโบราณ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เคยฝึกฝนพลังภายใน ตกลงแล้วเขาจงใจซ่อนเอาไว้หรือว่ามีสาเหตุอื่นกันเเน่?

ในตอนที่เย่เทียนเฉินมองไปยังหลินตวนและกำลังใคร่ครวญอยู่นั้น มือขวาของหลินตวนก็ปรากฏมีดสั้นเล่มหนึ่งขึ้น ยาวประมาณสองชุ่น ดูภายนอกมีความประณีตงดงามมาก ทันใดนั้น หลินตวนกำมีดสั้นเล่มนั้นแน่น มีดสั้นเล่มนี้สั่นสะเทือนแล้วกลายเป็นมีดเล่มใหญ่ที่ยาวประมาณครึ่งเมตร บนตัวดาบทั้งสองฝั่งมีลายมังกรอยู่ ดูแล้วให้ความรู้สึกอหังการเป็นอย่าง

เมื่อเย่เทียนเฉินเห็นมีดสั้นที่สามารถกลายเป็นมีดยาวเล่มนั้นก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว พลังพิเศษแห่งการรับรู้ของเขาสัมผัสได้ว่ามีดเล่มนี้มีความแปลกประหลาดอยู่ ตัวมีดแผ่ไอสังหารอันแข็งแกร่งออกมา โดยเฉพาะมังกรที่อยู่บนตัวดาบทั้งสองฝั่ง ที่ดูราวกับมีชีวิตนั้น ให้ความรู้สึกเหมือนกับมังกรตัวเขื่องสองตัวนั้นจะสามารถพุ่งทะยานออกมาได้

“มีดเล่มนี้ชื่อว่ามีดเจ็ดดาว เคยผ่านการปรับปรุงของด้วยเทคนิคชั้นสูงในยุคปัจจุบันมาก่อน ท่านอาจารย์ของฉันได้ใส่พลังภายในที่แข็งแกร่งลงไปด้วย เมื่อชักมีดออกมา ถ้าไม่ได้ดื่มเลือดก็จะไม่สามารถปล่อยมือจากมีดได้ นายระวังด้วย!” หลินตวนมองเย่เทียนเฉินแล้วพูดอย่างจริงจัง

“มีดเจ็ดดาว? เป็นชื่อที่ไม่เลวเลย ให้ฉันดูสักหน่อยเถอะว่ามีดเจ็ดดาวในมือของนายจะร้ายกาจขนาดไหน…” เย่เทียนเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม

ฉัวะ!

หลินตวนไม่พูดอะไรให้มากความอีก วาดมีดเจ็ดดาวฟันลงไปยังเย่เทียนเฉิน ระยะห่างระหว่างทั้งสองอยู่ไกลกันเกือบสิบเมตร เงามีดอันใหญ่มหึมาฟันลงไปยังศีรษะของเย่เทียนเฉินโดยตรง เย่เทียนเฉินเองก็ไม่กล้าลำพองใจ มีดเจ็ดดาวนี้เมื่ออยู่ภายใต้พลังพิเศษแห่งการรับรู้ของเขาทำให้รู้ว่ามีดเล่มนี้มีความพิเศษและความแปลกประหลาดอยู่ เนื่องจากวัสดุของมีดเล่มนี้ไม่ได้พิเศษอะไรแต่กลับสามารถระเบิดไอสังหารอันแข็งแกร่งเช่นนั้นออกมาได้ โดยเฉพาะในตอนที่หลินตวนสะบัดมีด เงามีดสามารถทำให้อากาศเกิดการสั่นสะเทือนจนแทบจะแหลกสลาย ช่างแข็งแกร่งมากจริงๆ

เย่เทียนเฉินมองเงามีดขนาดใหญ่ที่ถูกฟันมายังตนเอง ไม่ได้ดูแคลนอะไรอีก มุมปากคาบบุหรี่อยู่หนึ่งมวน มือทั้งสองกำแน่น พลังพิเศษในขอบเขตจอมราชันไหลลงไปรวมภายในหมัดทั้งสอง เขาไม่ได้หลบแต่ใช้หมัดต่อยปะทะเข้าไปกับเงามีดใหญ่มหึมานั้นตรงๆ

ตู้ม!

เสียงอันดังสนั่นดังขึ้น บนสนามขนาดใหญ่อันว่างเปล่าฟุ้งกระจายไปด้วยฝุ่นควัน มือขวาของหลินตวนกำมีดเจ็ดดาวเอาไว้ ดวงตาทั้งสองจ้องมองไปยังบริเวณที่ฝุ่นควันฟุ้งกระจาย ตรงนั้นเป็นที่ที่เย่เทียนเฉินยืนอยู่ เมื่อครู่นี้เขาเห็นเย่เทียนเฉินใช้หมัดโจมตีปะทะเข้ากับเงามีด หลินตวนเองก็ถูกทำให้ตกใจไปแล้ว จะอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินจะถึงกลับใจกล้าและเด็ดเดี่ยวถึงเพียงนี้ ช่างไม่กลัวตายเลยจริงๆ

มีดเจ็ดดาวเล่มนี้เป็นของอาจารย์ของหลินตวน ซึ่งเป็นปรมาจารย์ชั้นสูงของพรรควรยุทธโบราณคนหนึ่ง ได้มอบให้กับหลินตวน เดิมทีหลินตวนก็เป็นผู้มีความสามารถในด้านเทคโนโลยีอยู่แล้ว จึงได้ปรับปรุงแก้ไขมีดเจ็ดดาว ทำให้สามารถยืดหดและขยายได้ และเมื่อผ่านการเสริมด้วยพลังภายในอันแข็งแกร่งของอาจารย์ของหลินตวนลงไปในมีดเจ็ดดาว โดยใช้วิชาที่สืบทอดกันมาแต่โบราณซึ่งเป็นเคล็ดวิชาลับอย่างหนึ่งทำให้มังกรทั้งสองตัวถูกสลักเพิ่มเข้าไปในสองฝั่งของมีดเจ็ดดาว ทำให้เมื่อเกิดการระเบิดพลังออกมาจริงๆ จะสามารถทำให้มังกรทั้งสองตัวทะยานออกมาได้ มีความสามารถในการฆ่าฟันอย่างรุนแรง

เมื่อครู่นี้หลินตวนสะบัดมีดไม่ได้ใช้พลังความสามารถทั้งหมดของมีดเจ็ดดาวออกมา เขาเพียงแค่จะทดสอบฝีมือของเย่เทียนเฉินเท่านั้น สิ่งที่ทำให้เขาคิดไม่ถึงก็คือ เย่เทียนเฉินจะถึงกับใช้กำปั้นซัดปะทะเข้ามา พริบตานั้นเกรงว่าหากไม่ตายขาทั้งสองก็ต้องพิการแล้ว

“มีดดี มีดดี นี่คงจะไม่ใช่ความสามารถทั้งหมดของมีดเล่มนี้หรอก เร็วๆ เถอะ รีบฟันมาอีกสักสองครั้ง…”

เย่เทียนเฉินพูดไปพลางใช้มือปัดฝุ่นบนร่างไปพลาง เดินออกมาจากบริเวณที่ฝุ่นควันฟุ้งกระจาย บริเวณที่เย่เทียนเฉินเคยยืนอยู่ปรากฏรอยมีดรอยใหญ่ขึ้น ยาวเกือบสิบเมตร แต่บริเวณที่ขาทั้งสองของเย่เทียนเฉินยืนอยู่นั้นปรากฏรอยฝ่าเท้าลึก เห็นได้ชัดว่ามีดเจ็ดดาวเล่มนี้มีพลังไม่น้อย เพียงแต่สิ่งที่ทำให้หลินตวนต้องตกตะลึงก็คือ เย่เทียนเฉินใช้กำปั้นซัดปะทะเข้าไปกับมีดเจ็ดดาว แต่มือขวากลับไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย กระทั่งรอยเลือดก็ไม่ปรากฏ ช่องทำให้เขารู้สึกเหลือเชื่อจริงๆ

“นาย…”

หลินตวนมองเย่เทียนเฉินด้วยความประหลาดใจจนพูดอะไรไม่ออก มีดเจ็ดดาว เป็นอาวุธที่อยู่ในอันดับต้นๆของพรรควรยุทธโบราณ แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในสามอันดับแรก แต่ว่าพลังอำนาจของมันเป็นที่ทราบดีของผู้คน แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยมีใครกล้าใช้กำปั้นซัดเข้าไปปะทะกับมีดเจ็ดดาวมาก่อน เย่เทียนเฉินเป็นคนแรกที่กล้าหาญและเด็ดเดี่ยวจนทำให้ผู้คนต้องตกตะลึง และไม่บาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย ยิ่งทำให้หลินตวนรู้สึกว่าความสามารถของเย่เทียนเฉินลึกล้ำจนไม่อาจคาดเดา

“เป็นมีดที่ดีเล่มหนึ่งจริงๆ หากว่านายมาอยู่กับฉัน ก็สามารถมอบให้ฉันเป็นของขวัญแรกพบได้นะ!” เย่เทียนเฉินสูบบุหรี่ไปเฮือกหนึ่งแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม

ความจริงแล้วเมื่อครู่นี้เย่เทียนเฉินใช้มือขวาซัดปะทะเข้าไปกับเงามีดเจ็ดดาว เป็นการใช้หมัดที่รวบรวมพลังพิเศษในขอบเขตจอมราชันในระดับสูง ถึงจะสามารถทำให้ไม่มีบาดแผลได้ ถ้าหากว่าเขาอาศัยเพียงกายเนื้อไปรับแบบนี้ เกรงว่าตอนนี้คงจะเลือดไหลเป็นสายน้ำไปแล้ว หากเป็นเช่นนี้ เงาดาบอันใหญ่โตเมื่อสักครู่ก็ทำให้หมัดขวาของเย่เทียนเฉินที่รวบรวมพลังพิเศษเอาไว้รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวด มีดเจ็ดดาวเล่มนี้ไม่เร็วเลยจริงๆ หากไม่ใช่ว่ามีความสามารถของพลังพิเศษในขอบเขตจอมราชันอยู่ เย่เทียนเฉินก็คงไม่กล้าปะทะ

“นายอยากจะทดสอบพลังที่แท้จริงของมีดเจ็ดดาวจริงๆ หรือ? นายอาจจะตายก็ได้” หลินตวนหมอเย่เทียนเฉินอย่างจริงจังแล้วพูดขึ้น

“ไม่เป็นไร มาเถอะ มาเติมเต็มคำขอของฉันสักหน่อย!” เย่เทียนเฉินพูดด้วยรอยยิ้มสบายๆ

เคยกล่าวไปนานแล้วว่านิสัยของเย่เทียนเฉินเหมือนกับอันธพาลและเหมือนกับเทพแห่งความตาย ในตอนนี้เขามีนิสัยเหมือนอันธพาลคนหนึ่งโดยสิ้นเชิง เนื่องจากเขารู้สึกยินดีที่ได้สู้กับผู้แข่งแกร่งคนหนึ่งอย่างสะใจเช่นนี้ นั่นเป็นความสุขอย่างหนึ่ง รวมกับที่หลินตวนดูท่าทางจะเป็นพวกแข็งทื่อ ทำให้เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะหยอกล้อเขาหลายประโยค ทำให้การต่อสู้ครั้งนี้ผ่อนคลายขึ้นมาก

“งั้นนายก็ระวังหน่อยละ!” หลินตวนใช้สองมือกุมด้ามมีดเจ็ดดาว เตรียมจะโจมตีโดยใช้พลังที่รุนแรงที่สุด

“ถ้าหากว่านายเอาชนะฉันไม่ได้ ไม่เพียงแต่ฉันจะไม่เข้าร่วมสำนักงานเทียนหลินของนาย แต่นายยังต้องมาติดตามฉันด้วย ถ้างั้นสำนักงานเทียนหลินของนายก็จบสิ้นแล้ว นายก็ไม่มีหน้าไปบอกกับอาจารย์ได้!” ทันใดนั้นเย่เทียนเฉินก็มองหลินตวนอย่างจริงจังแล้วพูดขึ้น

“ถ้าหากว่านายสามารถมีชีวิตรอดต่อไปได้ ก็รอฟังคำสั่งฉันได้เลย!”

ที่เย่เทียนเฉินพูดแบบนี้ก็เพื่อที่จะให้หลินตวนลงมือโดยไม่ยั้ง มีดเจ็ดดาวมีความร้ายกาจมาก ส่วนจะร้ายกาจขนาดไหนมีน้อยคนที่จะรู้ เมื่อครู่นี้หลินตวนเองก็แค่ตวัดมีดเพื่อทดลองเท่านั้น ความสามารถที่แท้จริงของมีดเจ็ดดาวยังไม่ได้ใช้ออกมา

หากกล่าวว่าเย่เทียนเฉินและหลินตวนกำลังต่อสู้กันอยู่ ไม่สู้บอกว่าทั้งสองคนต่างก็เข้าอกเข้าใจกันยังจะดีกว่า ทั้งคู่ต้องการจะให้อีกฝ่ายมาอยู่ในกลุ่มอำนาจของตน เชื่อฟังคำสั่ง เพื่อเพิ่มความสามารถให้กลุ่มอำนาจของตน

“ย้าก!”

ทันใดนั้น หลินตวนตะโกนออกมาครั้งหนึ่ง ฟันมีดออกไปจากซ้ายไปขวา ตรงยังเย่เทียนเฉิน ในขณะเดียวกันก็ฟันจากขวาไปซ้ายอีกครั้งหนึ่ง การโจมตีทั้งสองครั้งนี้ ทำให้เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะถอยหลังไปสองสอง กระตุ้นพลังพิเศษในขอบเขตจอมราชันจากทั่วทั้งร่าง มองเงามีดสองสายที่ใหญ่โตมโหฬารนั้นพุ่งมะยานเข้ามายังตนเอง ไม่อาจหลบซ่อน ทำได้เพียงเผชิญหน้าอย่างเด็ดขาดเท่านั้น

“โฮก!”

“โฮก!”

เงามีดอันใหญ่โตทั้งสองถูกฟันไปยังเย่เทียนเฉินด้วยความรวดเร็วดุจสายฟ้า บนสนามหญ้าอันกว้างใหญ่เกิดลมอันบ้าคลั่งรุนแรง ฝุ่นควันฟุ้งกระจาย มีเสียงมังกรคำราม ทำให้ผู้คนต้องตกตลึง

………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+