เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ 269 ยั่วโมโหเฮยเมี่ยน

Now you are reading เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ Chapter 269 ยั่วโมโหเฮยเมี่ยน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ชิงเฉิงเยว่?”

เย่เทียนเฉินขมวดคิ้ว เมื่อได้ยินชื่อนี้แล้วก็สามารถคาดเดาได้ถึงใบหน้างดงามของผู้หญิงคนนี้เลยทีเดียว มิเช่นนั้นคงไม่กล้าใช้ชื่อแบบนี้แน่ ยิ่งไปกว่านั้นในตอนที่เฮยเมี่ยนพูดถึงก็จริงจังเป็นอย่างมาก เห็นได้ว่าเมื่อดูจากข้อมูลที่อยู่ในมือของพวกเขา ผู้หญิงที่ชื่อว่าชิงเฉิงเยว่คนนี้ คงจะเป็นคนที่ร้ายกาจที่สุดในหมู่สุดยอดสาวงามแห่งพรรควรยุทธโบราณแล้ว

จนถึงตอนนี้เย่เทียนเฉินก็เข้าใจกระจ่างแล้วว่า การที่ท่านหยางต้องการให้ตนไปที่มหาวิทยาลัยหลงเถิง จุดสำคัญก็คือผู้หญิงที่ชื่อตงฟางเมิ่งนี้ เพราะตงฟางเมิ่งไม่เพียงแต่จะเป็นผู้หญิงที่ได้รับเลือกให้เป็นดาวมหาวิทยาลัยสามปีซ้อน และยังเป็นเพราะเธอเป็นหนึ่งในสี่สุดยอดสาวงามแห่งพรรควรยุทธโบราณอีกด้วย ครั้งนี้สุดยอดสาวงามทั้งสี่ของพรรควรยุทธโบราณจะทำการประลองกัน และในหมู่พวกเธอชิงเฉิงเยว่แข็งแกร่งที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย การประลองระหว่างพรรควรยุทธโบราณเช่นนี้สามารถกล่าวได้ว่าเป็นตายอยู่ที่ฟ้ากำหนด ใครก็ไม่อาจควบคุมได้ คนระดับสูงของทางรัฐบาลคงจะไม่ต้องการให้ตงฟางเมิ่งเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นจึงได้ให้ตนไปคุ้มครองอยู่ลับๆ

เพียงแต่น่าเสียดายที่เย่เทียนเฉินเอาแต่เอ้อระเหยทั้งวัน ยิ่งกว่านั้นยังมีเรื่องเกิดขึ้นไม่น้อย ดังนั้นจนถึงตอนนี้กระทั่งตงฟางเมิ่งเป็นอย่างไรก็ยังไม่เคยเห็น กลายเป็นว่าในคณะโบราณคดีได้มีผู้หญิงที่ไม่ธรรมดาคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น นั่นก็คือฉินเหยาเยว่ ผู้หญิงคนนี้แข็งแกร่งมากอย่างไม่ต้องสงสัย โดยเฉพาะเคล็ดวิชาสะกดใจนั้นเกือบจะทำให้เย่เทียนเฉินหลงใหลไปแล้ว ไม่กล่าวไม่ได้ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ

เย่เทียนเฉินมีความสนใจต่อฉินเหยาเยว่มาก ผู้หญิงคนนี้อายุน้อยเพียงเท่านี้ ก็มีเคล็ดวิชาสะกดใจที่โดดเด่นในใต้หล้าแล้ว คงจะเป็นศิษย์ที่แข็งแกร่งของพรรควรยุทธโบราณสักพรรคแน่นอน แต่เหตุใดจึงได้เข้ามาในเมือง ยิ่งไปกว่านั้นยังกลายมาเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของคณะโบราณคดีของมหาวิทยาลัยหลงเถิงด้วย? หรือจะกล่าวว่าฉินเหยาเยว่ชอบชีวิตในเมือง ชอบเป็นครูที่ปรึกษาสาวสวย เย่เทียนเฉินไม่เชื่อโดยเด็ดขาด ดังนั้นจึงต้องการทำให้กระจ่างชัดว่าเธอมีเป้าหมายอะไรกันแน่

“ใช่แล้ว ผู้หญิงคนนี้แข็งแกร่งมาก การประลองของสี่สุดยอดสาวงามแห่งพรรควรยุทธโบราณในครั้งนี้ก็เป็นสำนักของชิงเฉิงเยว่ที่เป็นผู้เริ่มขึ้น หรือบางทีอาจจะเป็นอาจารย์ของชิงเฉิงเยว่จัดขึ้นเพราะต้องการส่งต่อตำแหน่งหัวหน้าสำนักให้แก่ชิงเฉิงเยว่ก็ได้ และเป็นการจัดเตรียมให้เธอมีชื่อเสียงโด่งดังสะท้านไปทั่ว!” เฮยเมี่ยนคิดครู่หนึ่งแล้วกล่าวขึ้น

เมื่อได้ยินคำพูดของเฮยเมี่ยนเย่เทียนเฉินก็รู้สึกแปลกใจ ถึงแม้เขาจะเป็นผู้มีพลังพิเศษ ไม่คุ้นเคยกับเรื่องของพรรควรยุทธโบราณเหล่านี้ แต่อย่างน้อยก็เข้าใจอยู่สามจุด จุดแรก พรรควรยุทธโบราณที่สืบทอดมาจากหลายพันปีที่แล้วจนมาถึงตอนนี้ได้ย่อมไม่ใช่ผู้อ่อนแออย่างแน่นอน ศิษย์ที่พวกเขาเลี้ยงดูออกมาแต่ละคนล้วนเป็นยอดฝีมือชั้นสูง ไม่อาจดูเบาได้ จุดที่สองก็คือ ในหมู่พรรควรยุทธโบราณ มีความลับที่คนอื่นไม่รู้อยู่ กระทั่งอาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องของเคล็ดวิชาอมตะก็เป็นได้ กระทั่งจางอีเต๋อก็พูดว่า ค่ายกลเคลื่อนย้ายในตำนานที่สามารถทำให้เดินทางไปยังดาวจักรพรรดิได้ บางทีอาจจะมีบันทึกเอาไว้ในตำราลับของพรรควรยุทธโบราณนั้น จุดที่สามก็คือ ดูเหมือนว่าการสืบทอดเจ้าสำนักทุกคนจะต้องรอให้เจ้าสำนักคนก่อนใกล้จะตายเสียก่อนจึงจะมีเจ้าสำนักคนใหม่ปรากฏตัวขึ้นมา นี่เป็นกฎเกณฑ์ที่สืบทอดกันมาหลายพันปีแล้ว และเพื่อไม่ให้ศิษย์ในสำนักฆ่าฟันเพื่อแย่งชิงตำแหน่งกันเอง จึงจะได้รู้ว่าใครจะเป็นเจ้าสำนักคนต่อไปในตอนที่เจ้าสำนักคนก่อนใกล้จะตายเท่านั้น แน่นอนว่านี่ก็มีข้อยกเว้น เช่นการที่ศิษย์ในสำนักยอดเยี่ยมเกินไป คนที่เป็นอาจารย์จึงลงจากตำแหน่งก่อน ชิงเฉิงเยว่ก็เป็นผู้หญิงแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก

“งั้นพวกเธอสี่คนจะประลองกันเมื่อไหร่? สถานที่คือที่ไหน? ฉันยุ่งมาก คงไม่สามารถไปตามเฝ้าผู้หญิงสี่คนนี้ได้ทั้งวันหรอก?”เย่เทียนเฉินเอ่ยถาม

“ไอ้หนูแกอย่าลืมสิว่าแกตอบรับท่านผู้นำสูงสุดและท่านหยางไปแล้ว ถ้าหากตงฟางเมิ่งมีอันตรายอะไร แกเองก็หนีความผิดไม่พ้น!” เฮยเมี่ยนพูดอย่างไม่สบอารมณ์

“ฉันรู้แล้ว แต่ฉันมีเรื่องเร่งด่วนจริงๆ เอาแบบนี้แล้วกัน งั้นแกก็ช่วยฉันเฝ้าไปก่อนซักหลายวัน หากผู้หญิงสี่คนนี้ไม่มีการประลองอะไรก่อนที่ฉันจะกลับมาเมืองหลวง ฉันก็จะมาเฝ้าต่อเอง ถ้าหากพวกเธอประลองกันแล้ว แกก็ออกหน้าคุ้มครองตงฟางเมิ่งไปก่อน ฉันคิดว่าด้วยฝีมือของแกเรื่องพวกนี้คงเป็นเรื่องเล็ก!” เย่เทียนเฉินพูดแล้วมองไปยังเฮยเมี่ยนก่อนจะหัวเราะฮี่ๆ

“ฉันว่าแกคิดจะโกงล่ะสิท่า จะมองเรื่องนี้ง่ายเกินไปหรือเปล่า? ถ้าหากพวกเราสามารถออกหน้าได้ยังต้องมาหาแกอีกหรือไง? ยังไงก็ตามฉันนำคำพูดของท่านหยางมาบอกต่อแล้ว ส่วนจะทำยังไงก็เป็นเรื่องของแก!” เฮยเมี่ยนมองเย่เทียนเฉิน เมื่อพูดจบก็เข้าไปนั่งในรถจี๊ปทหาร

ที่ท่านหยางและท่านผู้นำสูงสุดเลือกส่งเย่เทียนเฉินมาดำเนินการภารกิจนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะเขาไม่ใช่คนที่อยู่ในกองทหารประจำการของประเทศ ทุกการกระทำไม่ได้สื่อถึงเจตนาของบุคคลระดับสูงของประเทศ นอกจากนี้พวกท่านผู้นำสูงสุดต้องการให้เย่เทียนเฉินพัฒนาไปเป็นบุคคลผู้มีความสามารถที่ใช้ประโยชน์ได้ของประเทศ และใช้ประโยชน์ความสามารถในการต่อสู้ที่น่ากลัวของเขาเพื่ออุทิศให้แก่ประเทศชาติ มิฉะนั้นเย่เทียนเฉินที่ก่อเรื่องมากมายขนาดนี้ คนระดับสูงของประเทศคงไม่ออกหน้าสงบเรื่องให้เขาทั้งยังช่วยเขาจัดการปัญหาแน่นอน

“นี่ เฮยเมี่ยน พี่ดำ พี่มืด…พวกเรามาตกลงกันสักหน่อยดีกว่า แกช่วยฉันจับตาดูสักสองวันเถอะ วันนี้ฉันไปมณฑลชวนก็จะกลับมาแล้ว ไม่มีปัญหาใช่หรือเปล่า?” เย่เทียนเฉินรีบดึงเฮยเมี่ยนเอาไว้แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม

เฮยเมี่ยนอับจนคำพูดโดยสิ้นเชิง จ้องมองเย่เทียนเฉินอย่างดุดันครั้งหนึ่ง เวลาเพียงชั่วพริบตาตนเองก็มีฉายาเพิ่มมาอีกสองฉายาแล้ว นั่นก็คือพี่ดำกับพี่มืด (ทำไมฟังแล้วถึงได้คิดว่าเขาเฮยเมี่ยนมาจากแอฟริกานะ) ถูกเย่เทียนเฉินทำให้หัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้จริงๆ นิสัยของคนคนนี้ทำให้เขามองไม่ออกเลยจริงๆ

“ไอ้หนู…ฉันอยากจะบดขยี้แกสักครั้งจริงๆ !” เฮยเมี่ยนกำหมัดแน่นแล้วพูดขึ้น

“งั้นเหรอ? ฉันเองก็อยากอัดแกอยู่เหมือนกัน พวกเรามาพนันกันหน่อยเป็นไง?” ทันใดนั้นเย่เทียนเฉินก็มองไปยังเฮยเมี่ยนอย่างจริงจังแล้วพูดขึ้น

“พนัน? ฉันยุ่งมาก ไม่มีเวลาไปเล่นกับแกหรอก…” เฮยเมี่ยนพยายามอดกลั้นเอาไว้ เขาเป็นขุนพลระดับทัพฟ้า ซึ่งดูเหมือนจะเป็นหนึ่งในกองกำลังที่มีความสามารถในการต่อสู้แข็งแกร่งที่สุดในหมู่กองทัพแห่งประเทศจีน มีเวลาไปเล่นเป็นเพื่อนไอ้หนูนี่ที่ไหนกัน

“แกมีฐานะเป็นขุนพลระดับทัพฟ้า กระทั่งการท้าทายของฉันก็ไม่กล้ารับ จะอ่อนไปหรือเปล่า? หรือขุนพลระดับทัพฟ้าอย่างพวกแกคงมีความสามารถแค่นี้ กระทั่งการท้าทายเล็กๆ ก็ไม่กล้ารับ?” เย่เทียนเฉินพูดพลางส่ายหน้า

“ไอ้หนูแกอย่าได้มาใช้วิธีการยั่วยุฉันเลย ฉันไม่เล่นด้วยหรอก…” เฮยเมี่ยนพูดเสียงเย็น

“ฉันกำลังใช้วิธีการยั่วยุอยู่ไง และจะลองทดสอบฝีมือของขุนพลระดับทัพฟ้าอย่างแกดูด้วย ว่ากันว่าขุนพลระดับทัพฟ้าของประเทศจีนน่ากลัวกว่ากองกำลังพลังพิเศษของประเทศ M อีก ฉันดูจากความสามารถของแกแล้วก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก!” เย่เทียนเฉินมองไปยังเฮยเมี่ยนแล้วพูดอย่างจริงจัง

“ได้ ฉันก็อยากจะเห็นว่าไอ้หนูอย่างแกร้ายกาจขนาดไหน พูดมาเถอะ จะพนันอะไร?” เฮยเมี่ยนเดินลงมาจากรถจี๊ปทหาร กำหมัดแน่นแล้วเอ่ยถามขึ้นมา

ความจริงในใจของเฮยเมี่ยนโมโหเย่เทียนเฉินมาโดยตลอด และรู้สึกไม่พอใจคนคนนี้อยู่บ้างที่มีท่าทางเอ้อระเหยลอยชายมาตลอด โดยเฉพาะในตอนที่เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดและท่านหยาง ก็ทำตัวตามสบาย ไม่มีกฎเกณฑ์ไม่มีวินัยเลยแม้แต่น้อย เมื่อได้รับคำสั่งของพวกท่านหยาง ไหนเลยเย่เทียนเฉินจะไปทำตามคำสั่ง ดูเหมือนจะทำตัวบ้าบิ่นทั้งยังชอบต่อรองอีกด้วย ทำให้เฮยเมี่ยนคิดจะลงมือสั่งสอนเย่เทียนเฉินมานานแล้ว

เพียงแต่ว่าเฮยเมี่ยนมีฐานะเป็นขุนพลระดับทัพฟ้า มีระเบียบวินัยที่เข้มงวด นอกจากตอนที่ทำภารกิจแล้วก็ไม่อนุญาตให้ลงมือตามใจ ไม่เช่นนั้นคงอดไม่ได้ที่จะลงมือสังหารเย่เทียนเฉินไปตั้งนานแล้ว ตอนนี้ในเมื่อเย่เทียนเฉินท้าทายตนแบบนี้ ต่อให้รู้ว่าไอ้หนูนี่ใช้วิธีการยั่วยุ เฮยเมี่ยนก็พร้อมรับคำท้าทาย เพราะเขามีความมั่นใจในฝีมือของตนมาก

เย่เทียนเฉินแข็งแกร่งมากนี่เป็นความจริง เฮยเมี่ยนดูออก แต่หลังจากเขาประเมินและคำนวณแล้ว ถ้าหากตนลงมือเต็มกำลังคงจะสามารถเอาชนะเย่เทียนเฉินได้

เย่เทียนเฉินเห็นว่าเฮยเมี่ยนติดกับแล้วก็อดไม่ได้ที่จะแอบหัวเราะอยู่ในใจ แต่การแสดงท่าทางยังคงเข้มงวดจริงจัง จ้องมองไปยังเฮยเมี่ยนแล้วพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า “ฉันก็อยากจะตัดสินแพ้ชนะกับแกมานานแล้ว!”

“พูดจาไร้สาระให้มันน้อยๆ หน่อย จะแข่งกันยังไงพูดมา!” เฮยเมี่ยนเองก็เป็นคนที่เด็ดขาดคนหนึ่ง ในเมื่อตัดสินใจที่จะลงมือสั่งสอนเย่เทียนเฉินแล้วก็จะรีบสู้รีบจบให้เร็ว

“ได้ ถ้าหากว่าแกแพ้แกก็ช่วยฉันจับตามองตงฟางเมิ่งสักหลายวัน จนถึงตอนที่ฉันกลับมา ถ้าหากฉันชนะ แกก็ช่วยฉันจับตามองตงฟางเมิ่งสักหลายวันจนถึงเวลาที่ฉันกลับมา!” เย่เทียนเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม

“อือ หือ? ไอ้หนูแกล้อฉันเล่นหรือไง…ถ้าหากแก้แพ้ ไม่ว่าแกจะมีเรื่องอะไรก็ต้องจัดการเรื่องของการประลองของสี่สุดยอดสาวงามแห่งพรรควรยุทธโบราณก่อน แล้วค่อยไปทำเรื่องของตัวเอง!” เดิมทีเฮยเมี่ยนพยักหน้าตอบรับไปแล้ว ไหนเลยจะรู้ว่าเมื่อคิดดูจะมีบางอย่างไม่ถูกต้อง เย่เทียนเฉินคนนี้เกือบจะทำให้ตนออกนอกประเด็นไปแล้ว

“เอาเถอะ ฉันจะจำใจตอบรับก็ได้!” เย่เทียนเฉินทำท่าทางไม่ได้รับความยุติธรรมแล้วกล่าวออกมา

“แก…วันนี้ฉันจะอัดแกซะไอ้หนู!”

เฮยเมี่ยนพูดพลางกำหมัดทั้งสองแน่น เตรียมจะเริ่มโจมตีเย่เทียนเฉิน ไหนเลยจะรู้ว่าเย่เทียนเฉินกับทำท่าทางหยุดเอาไว้ จากนั้นจึงโบกมือให้เฮยเมี่ยน พูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “แกดูเถอะ ตอนนี้พวกเราอยู่ในสังคมที่มีอารยธรรม สิ่งสำคัญก็คือความสามัคคีกลมเกลียว เรื่องน่าขายหน้าแบบการทะเลาะกันบนถนน แกทำได้งั้นเหรอ? แกคิดว่าแกอายุสามสี่ขวบหรือไง? ตอนฉันอายุสามสี่ขวบก็เลิกทะเลาะกันแล้ว การทะเลาะกันมันไม่ถูก ไม่เป็นผลดีกับความสงบสุขของโลก!”

เมื่อเห็นเย่เทียนเฉินพูดกับตนด้วยท่าทางเคร่งขรึมเช่นนี้ บนใบหน้าเจือไปด้วยความไม่ได้อย่างใจ เหมือนกับกำลังสั่งสอนลูกของตนอย่างไรอย่างนั้น เฮยเมี่ยนก็โกรธจนดวงตาทั้งสองแดงก่ำ บนหมัดปรากฏเส้นเลือดสีเขียวขึ้น อยากจะอัดเจ้าหมอนี่สักหมัดจริงๆ

“แม่งเอ้ย ไอ้หนูจะบอกมาว่าจะแข่งกันยังไง?” เฮยเมี่ยนอดไม่ได้ที่จะสบถออกมา

เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะแอบหัวเราะ จากนั้นจึงมองไปรอบๆ ทันใดนั้นจึงเห็นศาลาแห่งหนึ่งอยู่ไม่ไกล ที่นั่นมีเก้าอี้หินและโต๊ะหินอยู่ จึงชี้ไปตรงนั้นแล้วพูดขึ้นว่า “งัดข้อกันเป็นไง?”

“หึ ได้ ระวังมือของแกจะหักก็แล้วกัน!” เฮยเมี่ยนได้ยินคำพูดนี้ของเย่เทียนเฉินก็ยิ้มอย่างลำพองใจ

“ลองดูก็รู้แล้วไม่ใช่หรือไง?” เย่เทียนเฉินเองก็เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม

ทั้งสองเข้าไปนั่งในรถจิ๊บทหารของเฮยเมี่ยนเพื่อมุ่งตรงไปยังศาลาเล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกล ถึงแม้ท่าทางของพวกเขาทั้งสองจะแย้มยิ้ม แต่ความจริงให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ต่างลอบเดินพลังในร่างกายของตนอย่างลับๆ ไม่ว่าใครก็ไม่อยากแพ้ ราวกับว่าการงัดข้อเล็กๆ จะเป็นการปะทะกันของพลังอันยิ่งใหญ่ ดุเดือดยิ่งกว่าการต่อสู้อันรุนแรงเสียอีก

……….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ 269 ยั่วโมโหเฮยเมี่ยน

Now you are reading เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ Chapter 269 ยั่วโมโหเฮยเมี่ยน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ชิงเฉิงเยว่?”

เย่เทียนเฉินขมวดคิ้ว เมื่อได้ยินชื่อนี้แล้วก็สามารถคาดเดาได้ถึงใบหน้างดงามของผู้หญิงคนนี้เลยทีเดียว มิเช่นนั้นคงไม่กล้าใช้ชื่อแบบนี้แน่ ยิ่งไปกว่านั้นในตอนที่เฮยเมี่ยนพูดถึงก็จริงจังเป็นอย่างมาก เห็นได้ว่าเมื่อดูจากข้อมูลที่อยู่ในมือของพวกเขา ผู้หญิงที่ชื่อว่าชิงเฉิงเยว่คนนี้ คงจะเป็นคนที่ร้ายกาจที่สุดในหมู่สุดยอดสาวงามแห่งพรรควรยุทธโบราณแล้ว

จนถึงตอนนี้เย่เทียนเฉินก็เข้าใจกระจ่างแล้วว่า การที่ท่านหยางต้องการให้ตนไปที่มหาวิทยาลัยหลงเถิง จุดสำคัญก็คือผู้หญิงที่ชื่อตงฟางเมิ่งนี้ เพราะตงฟางเมิ่งไม่เพียงแต่จะเป็นผู้หญิงที่ได้รับเลือกให้เป็นดาวมหาวิทยาลัยสามปีซ้อน และยังเป็นเพราะเธอเป็นหนึ่งในสี่สุดยอดสาวงามแห่งพรรควรยุทธโบราณอีกด้วย ครั้งนี้สุดยอดสาวงามทั้งสี่ของพรรควรยุทธโบราณจะทำการประลองกัน และในหมู่พวกเธอชิงเฉิงเยว่แข็งแกร่งที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย การประลองระหว่างพรรควรยุทธโบราณเช่นนี้สามารถกล่าวได้ว่าเป็นตายอยู่ที่ฟ้ากำหนด ใครก็ไม่อาจควบคุมได้ คนระดับสูงของทางรัฐบาลคงจะไม่ต้องการให้ตงฟางเมิ่งเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นจึงได้ให้ตนไปคุ้มครองอยู่ลับๆ

เพียงแต่น่าเสียดายที่เย่เทียนเฉินเอาแต่เอ้อระเหยทั้งวัน ยิ่งกว่านั้นยังมีเรื่องเกิดขึ้นไม่น้อย ดังนั้นจนถึงตอนนี้กระทั่งตงฟางเมิ่งเป็นอย่างไรก็ยังไม่เคยเห็น กลายเป็นว่าในคณะโบราณคดีได้มีผู้หญิงที่ไม่ธรรมดาคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น นั่นก็คือฉินเหยาเยว่ ผู้หญิงคนนี้แข็งแกร่งมากอย่างไม่ต้องสงสัย โดยเฉพาะเคล็ดวิชาสะกดใจนั้นเกือบจะทำให้เย่เทียนเฉินหลงใหลไปแล้ว ไม่กล่าวไม่ได้ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ

เย่เทียนเฉินมีความสนใจต่อฉินเหยาเยว่มาก ผู้หญิงคนนี้อายุน้อยเพียงเท่านี้ ก็มีเคล็ดวิชาสะกดใจที่โดดเด่นในใต้หล้าแล้ว คงจะเป็นศิษย์ที่แข็งแกร่งของพรรควรยุทธโบราณสักพรรคแน่นอน แต่เหตุใดจึงได้เข้ามาในเมือง ยิ่งไปกว่านั้นยังกลายมาเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของคณะโบราณคดีของมหาวิทยาลัยหลงเถิงด้วย? หรือจะกล่าวว่าฉินเหยาเยว่ชอบชีวิตในเมือง ชอบเป็นครูที่ปรึกษาสาวสวย เย่เทียนเฉินไม่เชื่อโดยเด็ดขาด ดังนั้นจึงต้องการทำให้กระจ่างชัดว่าเธอมีเป้าหมายอะไรกันแน่

“ใช่แล้ว ผู้หญิงคนนี้แข็งแกร่งมาก การประลองของสี่สุดยอดสาวงามแห่งพรรควรยุทธโบราณในครั้งนี้ก็เป็นสำนักของชิงเฉิงเยว่ที่เป็นผู้เริ่มขึ้น หรือบางทีอาจจะเป็นอาจารย์ของชิงเฉิงเยว่จัดขึ้นเพราะต้องการส่งต่อตำแหน่งหัวหน้าสำนักให้แก่ชิงเฉิงเยว่ก็ได้ และเป็นการจัดเตรียมให้เธอมีชื่อเสียงโด่งดังสะท้านไปทั่ว!” เฮยเมี่ยนคิดครู่หนึ่งแล้วกล่าวขึ้น

เมื่อได้ยินคำพูดของเฮยเมี่ยนเย่เทียนเฉินก็รู้สึกแปลกใจ ถึงแม้เขาจะเป็นผู้มีพลังพิเศษ ไม่คุ้นเคยกับเรื่องของพรรควรยุทธโบราณเหล่านี้ แต่อย่างน้อยก็เข้าใจอยู่สามจุด จุดแรก พรรควรยุทธโบราณที่สืบทอดมาจากหลายพันปีที่แล้วจนมาถึงตอนนี้ได้ย่อมไม่ใช่ผู้อ่อนแออย่างแน่นอน ศิษย์ที่พวกเขาเลี้ยงดูออกมาแต่ละคนล้วนเป็นยอดฝีมือชั้นสูง ไม่อาจดูเบาได้ จุดที่สองก็คือ ในหมู่พรรควรยุทธโบราณ มีความลับที่คนอื่นไม่รู้อยู่ กระทั่งอาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องของเคล็ดวิชาอมตะก็เป็นได้ กระทั่งจางอีเต๋อก็พูดว่า ค่ายกลเคลื่อนย้ายในตำนานที่สามารถทำให้เดินทางไปยังดาวจักรพรรดิได้ บางทีอาจจะมีบันทึกเอาไว้ในตำราลับของพรรควรยุทธโบราณนั้น จุดที่สามก็คือ ดูเหมือนว่าการสืบทอดเจ้าสำนักทุกคนจะต้องรอให้เจ้าสำนักคนก่อนใกล้จะตายเสียก่อนจึงจะมีเจ้าสำนักคนใหม่ปรากฏตัวขึ้นมา นี่เป็นกฎเกณฑ์ที่สืบทอดกันมาหลายพันปีแล้ว และเพื่อไม่ให้ศิษย์ในสำนักฆ่าฟันเพื่อแย่งชิงตำแหน่งกันเอง จึงจะได้รู้ว่าใครจะเป็นเจ้าสำนักคนต่อไปในตอนที่เจ้าสำนักคนก่อนใกล้จะตายเท่านั้น แน่นอนว่านี่ก็มีข้อยกเว้น เช่นการที่ศิษย์ในสำนักยอดเยี่ยมเกินไป คนที่เป็นอาจารย์จึงลงจากตำแหน่งก่อน ชิงเฉิงเยว่ก็เป็นผู้หญิงแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก

“งั้นพวกเธอสี่คนจะประลองกันเมื่อไหร่? สถานที่คือที่ไหน? ฉันยุ่งมาก คงไม่สามารถไปตามเฝ้าผู้หญิงสี่คนนี้ได้ทั้งวันหรอก?”เย่เทียนเฉินเอ่ยถาม

“ไอ้หนูแกอย่าลืมสิว่าแกตอบรับท่านผู้นำสูงสุดและท่านหยางไปแล้ว ถ้าหากตงฟางเมิ่งมีอันตรายอะไร แกเองก็หนีความผิดไม่พ้น!” เฮยเมี่ยนพูดอย่างไม่สบอารมณ์

“ฉันรู้แล้ว แต่ฉันมีเรื่องเร่งด่วนจริงๆ เอาแบบนี้แล้วกัน งั้นแกก็ช่วยฉันเฝ้าไปก่อนซักหลายวัน หากผู้หญิงสี่คนนี้ไม่มีการประลองอะไรก่อนที่ฉันจะกลับมาเมืองหลวง ฉันก็จะมาเฝ้าต่อเอง ถ้าหากพวกเธอประลองกันแล้ว แกก็ออกหน้าคุ้มครองตงฟางเมิ่งไปก่อน ฉันคิดว่าด้วยฝีมือของแกเรื่องพวกนี้คงเป็นเรื่องเล็ก!” เย่เทียนเฉินพูดแล้วมองไปยังเฮยเมี่ยนก่อนจะหัวเราะฮี่ๆ

“ฉันว่าแกคิดจะโกงล่ะสิท่า จะมองเรื่องนี้ง่ายเกินไปหรือเปล่า? ถ้าหากพวกเราสามารถออกหน้าได้ยังต้องมาหาแกอีกหรือไง? ยังไงก็ตามฉันนำคำพูดของท่านหยางมาบอกต่อแล้ว ส่วนจะทำยังไงก็เป็นเรื่องของแก!” เฮยเมี่ยนมองเย่เทียนเฉิน เมื่อพูดจบก็เข้าไปนั่งในรถจี๊ปทหาร

ที่ท่านหยางและท่านผู้นำสูงสุดเลือกส่งเย่เทียนเฉินมาดำเนินการภารกิจนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะเขาไม่ใช่คนที่อยู่ในกองทหารประจำการของประเทศ ทุกการกระทำไม่ได้สื่อถึงเจตนาของบุคคลระดับสูงของประเทศ นอกจากนี้พวกท่านผู้นำสูงสุดต้องการให้เย่เทียนเฉินพัฒนาไปเป็นบุคคลผู้มีความสามารถที่ใช้ประโยชน์ได้ของประเทศ และใช้ประโยชน์ความสามารถในการต่อสู้ที่น่ากลัวของเขาเพื่ออุทิศให้แก่ประเทศชาติ มิฉะนั้นเย่เทียนเฉินที่ก่อเรื่องมากมายขนาดนี้ คนระดับสูงของประเทศคงไม่ออกหน้าสงบเรื่องให้เขาทั้งยังช่วยเขาจัดการปัญหาแน่นอน

“นี่ เฮยเมี่ยน พี่ดำ พี่มืด…พวกเรามาตกลงกันสักหน่อยดีกว่า แกช่วยฉันจับตาดูสักสองวันเถอะ วันนี้ฉันไปมณฑลชวนก็จะกลับมาแล้ว ไม่มีปัญหาใช่หรือเปล่า?” เย่เทียนเฉินรีบดึงเฮยเมี่ยนเอาไว้แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม

เฮยเมี่ยนอับจนคำพูดโดยสิ้นเชิง จ้องมองเย่เทียนเฉินอย่างดุดันครั้งหนึ่ง เวลาเพียงชั่วพริบตาตนเองก็มีฉายาเพิ่มมาอีกสองฉายาแล้ว นั่นก็คือพี่ดำกับพี่มืด (ทำไมฟังแล้วถึงได้คิดว่าเขาเฮยเมี่ยนมาจากแอฟริกานะ) ถูกเย่เทียนเฉินทำให้หัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้จริงๆ นิสัยของคนคนนี้ทำให้เขามองไม่ออกเลยจริงๆ

“ไอ้หนู…ฉันอยากจะบดขยี้แกสักครั้งจริงๆ !” เฮยเมี่ยนกำหมัดแน่นแล้วพูดขึ้น

“งั้นเหรอ? ฉันเองก็อยากอัดแกอยู่เหมือนกัน พวกเรามาพนันกันหน่อยเป็นไง?” ทันใดนั้นเย่เทียนเฉินก็มองไปยังเฮยเมี่ยนอย่างจริงจังแล้วพูดขึ้น

“พนัน? ฉันยุ่งมาก ไม่มีเวลาไปเล่นกับแกหรอก…” เฮยเมี่ยนพยายามอดกลั้นเอาไว้ เขาเป็นขุนพลระดับทัพฟ้า ซึ่งดูเหมือนจะเป็นหนึ่งในกองกำลังที่มีความสามารถในการต่อสู้แข็งแกร่งที่สุดในหมู่กองทัพแห่งประเทศจีน มีเวลาไปเล่นเป็นเพื่อนไอ้หนูนี่ที่ไหนกัน

“แกมีฐานะเป็นขุนพลระดับทัพฟ้า กระทั่งการท้าทายของฉันก็ไม่กล้ารับ จะอ่อนไปหรือเปล่า? หรือขุนพลระดับทัพฟ้าอย่างพวกแกคงมีความสามารถแค่นี้ กระทั่งการท้าทายเล็กๆ ก็ไม่กล้ารับ?” เย่เทียนเฉินพูดพลางส่ายหน้า

“ไอ้หนูแกอย่าได้มาใช้วิธีการยั่วยุฉันเลย ฉันไม่เล่นด้วยหรอก…” เฮยเมี่ยนพูดเสียงเย็น

“ฉันกำลังใช้วิธีการยั่วยุอยู่ไง และจะลองทดสอบฝีมือของขุนพลระดับทัพฟ้าอย่างแกดูด้วย ว่ากันว่าขุนพลระดับทัพฟ้าของประเทศจีนน่ากลัวกว่ากองกำลังพลังพิเศษของประเทศ M อีก ฉันดูจากความสามารถของแกแล้วก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก!” เย่เทียนเฉินมองไปยังเฮยเมี่ยนแล้วพูดอย่างจริงจัง

“ได้ ฉันก็อยากจะเห็นว่าไอ้หนูอย่างแกร้ายกาจขนาดไหน พูดมาเถอะ จะพนันอะไร?” เฮยเมี่ยนเดินลงมาจากรถจี๊ปทหาร กำหมัดแน่นแล้วเอ่ยถามขึ้นมา

ความจริงในใจของเฮยเมี่ยนโมโหเย่เทียนเฉินมาโดยตลอด และรู้สึกไม่พอใจคนคนนี้อยู่บ้างที่มีท่าทางเอ้อระเหยลอยชายมาตลอด โดยเฉพาะในตอนที่เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดและท่านหยาง ก็ทำตัวตามสบาย ไม่มีกฎเกณฑ์ไม่มีวินัยเลยแม้แต่น้อย เมื่อได้รับคำสั่งของพวกท่านหยาง ไหนเลยเย่เทียนเฉินจะไปทำตามคำสั่ง ดูเหมือนจะทำตัวบ้าบิ่นทั้งยังชอบต่อรองอีกด้วย ทำให้เฮยเมี่ยนคิดจะลงมือสั่งสอนเย่เทียนเฉินมานานแล้ว

เพียงแต่ว่าเฮยเมี่ยนมีฐานะเป็นขุนพลระดับทัพฟ้า มีระเบียบวินัยที่เข้มงวด นอกจากตอนที่ทำภารกิจแล้วก็ไม่อนุญาตให้ลงมือตามใจ ไม่เช่นนั้นคงอดไม่ได้ที่จะลงมือสังหารเย่เทียนเฉินไปตั้งนานแล้ว ตอนนี้ในเมื่อเย่เทียนเฉินท้าทายตนแบบนี้ ต่อให้รู้ว่าไอ้หนูนี่ใช้วิธีการยั่วยุ เฮยเมี่ยนก็พร้อมรับคำท้าทาย เพราะเขามีความมั่นใจในฝีมือของตนมาก

เย่เทียนเฉินแข็งแกร่งมากนี่เป็นความจริง เฮยเมี่ยนดูออก แต่หลังจากเขาประเมินและคำนวณแล้ว ถ้าหากตนลงมือเต็มกำลังคงจะสามารถเอาชนะเย่เทียนเฉินได้

เย่เทียนเฉินเห็นว่าเฮยเมี่ยนติดกับแล้วก็อดไม่ได้ที่จะแอบหัวเราะอยู่ในใจ แต่การแสดงท่าทางยังคงเข้มงวดจริงจัง จ้องมองไปยังเฮยเมี่ยนแล้วพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า “ฉันก็อยากจะตัดสินแพ้ชนะกับแกมานานแล้ว!”

“พูดจาไร้สาระให้มันน้อยๆ หน่อย จะแข่งกันยังไงพูดมา!” เฮยเมี่ยนเองก็เป็นคนที่เด็ดขาดคนหนึ่ง ในเมื่อตัดสินใจที่จะลงมือสั่งสอนเย่เทียนเฉินแล้วก็จะรีบสู้รีบจบให้เร็ว

“ได้ ถ้าหากว่าแกแพ้แกก็ช่วยฉันจับตามองตงฟางเมิ่งสักหลายวัน จนถึงตอนที่ฉันกลับมา ถ้าหากฉันชนะ แกก็ช่วยฉันจับตามองตงฟางเมิ่งสักหลายวันจนถึงเวลาที่ฉันกลับมา!” เย่เทียนเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม

“อือ หือ? ไอ้หนูแกล้อฉันเล่นหรือไง…ถ้าหากแก้แพ้ ไม่ว่าแกจะมีเรื่องอะไรก็ต้องจัดการเรื่องของการประลองของสี่สุดยอดสาวงามแห่งพรรควรยุทธโบราณก่อน แล้วค่อยไปทำเรื่องของตัวเอง!” เดิมทีเฮยเมี่ยนพยักหน้าตอบรับไปแล้ว ไหนเลยจะรู้ว่าเมื่อคิดดูจะมีบางอย่างไม่ถูกต้อง เย่เทียนเฉินคนนี้เกือบจะทำให้ตนออกนอกประเด็นไปแล้ว

“เอาเถอะ ฉันจะจำใจตอบรับก็ได้!” เย่เทียนเฉินทำท่าทางไม่ได้รับความยุติธรรมแล้วกล่าวออกมา

“แก…วันนี้ฉันจะอัดแกซะไอ้หนู!”

เฮยเมี่ยนพูดพลางกำหมัดทั้งสองแน่น เตรียมจะเริ่มโจมตีเย่เทียนเฉิน ไหนเลยจะรู้ว่าเย่เทียนเฉินกับทำท่าทางหยุดเอาไว้ จากนั้นจึงโบกมือให้เฮยเมี่ยน พูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “แกดูเถอะ ตอนนี้พวกเราอยู่ในสังคมที่มีอารยธรรม สิ่งสำคัญก็คือความสามัคคีกลมเกลียว เรื่องน่าขายหน้าแบบการทะเลาะกันบนถนน แกทำได้งั้นเหรอ? แกคิดว่าแกอายุสามสี่ขวบหรือไง? ตอนฉันอายุสามสี่ขวบก็เลิกทะเลาะกันแล้ว การทะเลาะกันมันไม่ถูก ไม่เป็นผลดีกับความสงบสุขของโลก!”

เมื่อเห็นเย่เทียนเฉินพูดกับตนด้วยท่าทางเคร่งขรึมเช่นนี้ บนใบหน้าเจือไปด้วยความไม่ได้อย่างใจ เหมือนกับกำลังสั่งสอนลูกของตนอย่างไรอย่างนั้น เฮยเมี่ยนก็โกรธจนดวงตาทั้งสองแดงก่ำ บนหมัดปรากฏเส้นเลือดสีเขียวขึ้น อยากจะอัดเจ้าหมอนี่สักหมัดจริงๆ

“แม่งเอ้ย ไอ้หนูจะบอกมาว่าจะแข่งกันยังไง?” เฮยเมี่ยนอดไม่ได้ที่จะสบถออกมา

เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะแอบหัวเราะ จากนั้นจึงมองไปรอบๆ ทันใดนั้นจึงเห็นศาลาแห่งหนึ่งอยู่ไม่ไกล ที่นั่นมีเก้าอี้หินและโต๊ะหินอยู่ จึงชี้ไปตรงนั้นแล้วพูดขึ้นว่า “งัดข้อกันเป็นไง?”

“หึ ได้ ระวังมือของแกจะหักก็แล้วกัน!” เฮยเมี่ยนได้ยินคำพูดนี้ของเย่เทียนเฉินก็ยิ้มอย่างลำพองใจ

“ลองดูก็รู้แล้วไม่ใช่หรือไง?” เย่เทียนเฉินเองก็เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม

ทั้งสองเข้าไปนั่งในรถจิ๊บทหารของเฮยเมี่ยนเพื่อมุ่งตรงไปยังศาลาเล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกล ถึงแม้ท่าทางของพวกเขาทั้งสองจะแย้มยิ้ม แต่ความจริงให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ต่างลอบเดินพลังในร่างกายของตนอย่างลับๆ ไม่ว่าใครก็ไม่อยากแพ้ ราวกับว่าการงัดข้อเล็กๆ จะเป็นการปะทะกันของพลังอันยิ่งใหญ่ ดุเดือดยิ่งกว่าการต่อสู้อันรุนแรงเสียอีก

……….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+