เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ 223 ยายืดอายุ

Now you are reading เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ Chapter 223 ยายืดอายุ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เสี้ยวหยาพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไร เธอมองจางอีเต๋อจับชีพจรให้แม่ของตนอย่างเคร่งเครียด ตอนนี้ในใจของเธอก็รู้สึกซับซ้อนกับเย่เทียนเฉิน มีทั้งมิตรภาพความเป็นเพื่อนที่บริสุทธิ์ และมีทั้งความรู้สึกคล้ายกับแฟนหนุ่มที่ฝ่าฟันอุปสรรคมาด้วยกัน หากจะบอกว่าไม่มีความรู้สึกอะไรต่อเย่เทียนเฉินก็คงจะไม่ได้ ผู้ชายที่ทั้งแข็งแกร่งและมีเสน่ห์แบบนี้ มีทั้งนิสัยอันธพาลและนิสัยดั่งเทพแห่งความตายทั้งสองด้าน เธอถูกนิสัยอันแปลกประหลาดนี้ดึงดูดไปโดยไม่รู้ตัว เกรงว่าคงมีผู้หญิงแค่ไม่กี่คนที่ไม่หลงเสน่ห์เขา

ประมาณสิบนาทีต่อมา จางอีเต๋อก็จับชีพจรให้แม่ของเสี้ยวหยาเสร็จแล้ว สีหน้าเคร่งขรึมลง หยิบกล่องยาด้านข้างมา ดูมีมาดของแพทย์แผนจีนในสมัยโบราณมาก เสี้ยวหยาและเย่เทียนเฉินที่เห็นดังนั้นก็รู้สึกหม่นหมองอยู่ในใจ สิ่งที่เสี้ยวหยากังวลย่อมเป็นอาการป่วยของแม่ของเธอ ส่วนเย่เทียนเฉินกังวลว่าจางอีเต๋อจะไม่พูดตามที่เขานัดหมายกันไว้ก่อนหน้านี้

จางอีเต๋อเป็นใคร? เขาคือเซียนแพทย์เทวะ ถ้าหากไม่ใช่คนที่มีวิชาแพทย์สูงส่งเหนือชั้นก็เกรงว่าจะต่างกันไม่มาก อาการป่วยของแม่ของเสี้ยวหยาจะสามารถปิดบังเขาได้อย่างไร ในตอนที่จางอีเต๋อจับชีพจรให้แม่ของเสี้ยวหยาก็ได้ใช้พลังพิเศษในสายรักษาเพื่อตรวจสอบอาการป่วยของแม่ของเสี้ยวหยาจนกระจ่างชัด เห็นได้ชัดเจนว่าเขาได้ข้อสรุปที่ใกล้เคียงกับการใช้เครื่องมือของโรงพยาบาลแห่งเมืองหลวง ได้ข้อสรุปเหมือนกับเหล่าแพทย์เฉพาะทาง กระทั่งละเอียดกว่าด้วยซ้ำ นั่นก็คือแม่ของเสี้ยวหยาจะมีชีวิตอยู่ได้นานที่สุดเพียงไม่กี่เดือน

“คุณปู่จางคะ อาการป่วยของแม่หนูเป็นยังไงบ้างคะ?” เสี้ยวหยาเห็นจางอีเต๋อไม่พูดจึงรีบถามออกไปด้วยความกังวล

“โรคมะเร็ง แต่อาการไอตอนนี้ก็ไม่เลวนัก หากว่าทำการรักษาต่อไปอย่างน้อยก็สามารถอยู่ต่อไปได้อีกห้าปี ในช่วงนี้ก็กินอาหารดีๆ เข้ารับการรักษาด้วยเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ที่ดี ก็อาจจะสามารถอยู่ได้อีกสิบปีขึ้นไป!” จางอีเต๋อมองเสี้ยวหยาแล้วพูดขึ้นอย่างจริงจัง

“ค่ะ…” เสี้ยวหยาเงียบลง แม้จะรู้ว่าแม่ของตนยังเหลือเวลาอีกนิดหน่อย แต่เมื่อคิดว่าแม่สามารถอยู่ได้เพียงห้าปีหรืออาจจะสิบปีก็ต้องมาจากตนเองไป ทำให้อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บปวดใจ

“ขอบคุณท่านปรมาจารย์จางมากค่ะ หยาเอ๋อร์อย่าได้ทำให้เขาลำบากใจอีกเลย สามารถอยู่ต่อได้อีกห้าปีแม่ก็พอใจมากแล้ว ถึงตอนนั้นก็จะได้เห็นลูกแต่งงาน หาสามีดีๆ สักคน ก็นับว่าความหวังของแม่เป็นจริงแล้ว!” แม่ของเสี้ยวหยาพูดอย่างเบิกบานใจ

“แม่ แม่พูดอะไรคะ แม่จะต้องมีชีวิตยืนยาวถึงร้อยปีแน่นอน!” เสี้ยวหยาเดินไปเบื้องหน้าของแม่ด้วยความแน่วแน่ จับมือแม่แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม

“เด็กคนนี้นี่…รีบไปส่งคุณปู่จางและเทียนเฉินเถอะ…” แม่ของเสี้ยวหยาเห็นเย่เทียนเฉินและจางอีเต๋อกำลังจะเดินไปจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากอย่างร้อนรน

จางอีเต๋อมองแม่ของเสี้ยวหยาและเสี้ยวหยา เขาถูกความสัมพันธ์อันลึกซึ้งของแม่ลูกคู่นี้โจมตีเอาเสียแล้ว โดยเฉพาะเสี้ยวหยาที่เหมือนกับจางรั่วถงหลานสาวของตน มีความฉลาดเฉลียวรู้ความ นี่ทำให้เซียนแพทย์เทวะอย่างจางอีเต๋อซึ่งเห็นการเกิดการตายมาจนคุ้นชินอดไม่ได้ที่จะซาบซึ้งใจขึ้นมา เขาหยิบกล่องเล็กๆ ใบหนึ่งออกมาจากกล่องยาของตัวเองแล้วส่งไปให้เสี้ยวหยา พูดขึ้นว่า “เด็กน้อย ในนี้มียาอยู่สามเม็ด ทุกครั้งที่อาการป่วยของแม่เธอถึงขั้นวิกฤตก็ให้กินหนึ่งเม็ด จะสามารถรักษาชีวิตของเธอเอาไว้ได้สามครั้ง!”

“ขอบคุณค่ะคุณปู่จาง!” เสี้ยวหยารับกล่องเล็กๆ ใบนั้นมาจากจางอีเต๋อ พูดขึ้นด้วยความซาบซึ้งใจ

จากนั้นจางอีเต๋อและเย่เทียนเฉินก็เดินออกไปจากห้องผู้ป่วย เมื่อมาถึงด้านนอกเย่เทียนเฉินจึงได้ถอนหายใจยาวเหยียด มองไปยังจางอีเต๋อแล้วพูดขึ้น “ผมว่านะ เมื่อกี้คุณทำให้ผมตกใจจริงๆ คุณคิดที่จะพูดความจริงจริงเหรอ?”

“ผมต้องคิดที่จะพูดความจริงอยู่แล้ว เพราะผมมีจรรยาบรรณของคนเป็นหมอ เพียงแต่ว่าผู้ป่วยทุกคนต่างก็รู้ถึงสภาพของตัวเองดี พวกคุณหลอกผู้ป่วยแบบนี้จะเป็นการไม่รับผิดชอบต่ออาการป่วยของเธอ แม่ของเสี้ยวหยาป่วยเป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้ายแล้ว มีชีวิตได้อย่างมากก็แค่สามเดือน ไม่อาจอยู่ได้นานถึงครึ่งปีขนาดนั้น พวกคุณหลอกเธอแบบนี้ ไม่มีผลดีอะไรกับอาการป่วยของเธอเลย!” จางอีเต๋อพูดกับเย่เทียนเฉินพลางสายหน้า

“บางครั้งเราก็ต้องทำการโกหกด้วยเจตนาดี มันเป็นการให้ความหวังคนอื่นได้ ทำไมพวกเราจะไม่ทำล่ะ?” ทันใดนั้นเย่เทียนเฉินทอดถอนใจแล้วพูดออกมา

เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เทียนเฉิน จางอีเต๋อก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เข้าใจ เขามีฐานะเป็นเซียนแพทย์เทวะ และเป็นยอดฝีมือผู้มีพลังพิเศษในสายโลหะ มีอายุยืนมาถึงร้อยปี ได้เห็นเรื่องราวต่างๆ มากมายที่คนในยุคปัจจุบันนี้ไม่เคยเห็น โดยเฉพาะการเกิดแก่เจ็บตาย

“วางใจเถอะ แม่ของสาวน้อยคนนั้น อย่างน้อยก็สามารถยืนหยัดไปได้อีกหนึ่งปี!” จางอีเต๋อเปิดปากพูด

“ดูแล้วยาเม็ดทั้งสามเม็ดนั้นคงจะไม่ได้หลอกกัน มันมีผลที่ช่วยให้ยืดอายุได้!” เย่เทียนเฉินพูดพลางพยักหน้า

ในตอนแรกเย่เทียนเฉินคิดว่ายาในกล่องเล็กๆ ที่เขาให้เสี้ยวหยานั้นเป็นเพียงคำลวงที่ทำเพื่อเจตนาดีเท่านั้น ทำเพื่อมอบความหวังให้แก่เธอ ตอนนี้ดูแล้วจางอีเต๋อจะไม่ได้โกหก ยาที่ให้เสี้ยวหยาไปสามเม็ดนั้นสามารถช่วยยืดอายุได้จริงๆ

ถ้าหากว่าอย่าเช่นนี้ถูกเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ในยุคปัจจุบันนำไปวิจัยและค้นคว้า คงจะต้องสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งโลกแน่นอน และจะต้องทำให้นักวิทยาศาสตร์จำนวนมากตื่นตะลึง ความเป็นไปได้ที่มากที่สุดก็คือถูกประเทศเก็บเอาไว้เป็นความลับไม่ให้คนทั่วไปในโลกภายนอกได้รู้ ในจุดนี้ไม่มีอะไรน่าแปลก หากพูดถึงสังคมในยุคปัจจุบันนี้แล้ว ประชาชนทั่วไปในระดับล่างจะรู้เกี่ยวกับเรื่องของการพัฒนาประเทศได้อย่างไร จะรู้เรื่องเกี่ยวข้องกับการสูญพันธุ์ของมนุษย์ได้อย่างไร? คนที่เข้าใจต่างก็เป็นคนจำนวนน้อย หรือกระทั่งคนจำนวนน้อยก็ยังไม่เข้าใจด้วยซ้ำ

“ตอนนั้นที่ยืดอายุให้ท่านผู้นำที่เป็นผู้ก่อตั้งประเทศไปอีกยี่สิบปีไม่ได้สูญเปล่าเลยจริงๆ ผมเรียนรู้มาทั้งชีวิต แล้วต้องใช้ของล้ำค่าที่บังเอิญได้มาของผมถึงจะหลอมยาที่ช่วยยืดอายุไปได้ยี่สิบปีขึ้นมาได้!” ดูเหมือนว่าจางอีเต๋อจะย้อนนึกไปถึงเรื่องเมื่อปีนั้น ในค่ำคืนที่มีฟ้าร้องดังสนั่น หลังจากที่เขายืดชีวิตให้ท่านผู้นำแล้ก็หายตัวไปโดยไร้ร่องรอย เพราะเขาไม่มีวิธีการอื่นที่จะสามารถทำให้มีชีวิตอยู่ได้นานขึ้นอีก สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความลับ ถ้าพูดออกไปก็คงไม่มีใครเชื่อ กระทั่งผู้นำระดับสูงสุดของประเทศในตอนนี้ก็ยังไม่รู้เรื่องนี้ นี่เป็นเรื่องสำคัญมากจริงๆ

เมื่อได้ยินคำพูดของจางอีเต๋อ ในใจของเย่เทียนเฉินก็ตกตะลึง ยืดอายุไปอีกยี่สิบปี นี่ฟังดูแล้วเหมือนกับเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ ต่อให้เขาเคยเป็นผู้แข็งแกร่งในช่วงยุคสิ้นโลกมาก่อน มีความสามารถในการป่นหินทลายแม่น้ำ ก็ยังหายาวิเศษที่ช่วยยืดอายุให้ผู้คนได้ยากยิ่ง ในช่วงยุคสิ้นโลกไม่ใช่ว่าจะไม่มียาแบบนี้ เพียงแต่ยาแบบนี้ล้ำค่ามากเกินไป ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพราชันก็ยังไม่มี

จางอีเต๋อเป็นชายชราที่น่าเหลือเชื่อและลึกลับมากคนหนึ่ง มีฐานะเป็นผู้มีพลังพิเศษในสายรักษา และสามารถใช้เคล็ดวิชาพลังพิเศษในสายโลหะได้ นอกจากนี้เขายังมีอายุถึงร้อยปี แต่ยังมีร่างกายแข็งแรง มีความสามารถแข็งแกร่ง เดิมทีสิ่งเหล่านี้ก็ทำให้ผู้คนรู้สึกสั่นสะท้านมากแล้ว ไม่ว่าจะเป็นใครเมื่อต้องเผชิญหน้ากับความตายในตอนที่ไร้ซึ่งพลัง ก็จะมีความโหยหาในคำว่าอมตะมากยิ่งขึ้น หากมีวิธีการที่ทำให้คนเป็นอมตะได้จริงๆ เชื่อว่าคนมากมายจะต้องการผลประโยชน์ตรงนี้และพากันออกตามหา นี่เป็นสาเหตุที่ทำไมในช่วงยุคสิ้นโลก ซึ่งเป็นโลกที่แปลกพิสดาร คล้ายกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างย้อนกลับไปในยุคของเทพเซียนนั้น มีอารยธรรมในยุคปัจจุบัน มีมนุษย์กลายพันธุ์และสัตว์กลายพันธุ์ และมีผู้ที่ต้องการบ่มเพาะความเป็นอมตะ ซึ่งสามารถเรียกได้ว่าผู้บ่มเพาะ ดังนั้นในช่วงยุคสิ้นโลกไม่ว่าจะเป็นมนุษย์และสัตว์กลายพันธุ์ ยอดฝีมือแห่งพรรควรยุทธโบราณ หรือจะเป็นผู้แข็งแกร่งที่มีพลังพิเศษ ต่างก็สามารถเรียกได้ว่าเป็นผู้บ่มเพาะ จุดประสงค์สุดท้ายก็คือต้องการทำให้ตัวเองแข็งแกร่ง สามารถอยู่ในโลกที่ปลาใหญ่กินปลาเล็กนี้ได้ ในขณะเดียวกันก็แสวงหาเส้นทางแห่งความเป็นอมตะ ยึดถือเป็นแนวทางของชีวิต

“ในสังคมปัจจุบันนี้ นอกจากป่าดึกดำบรรพ์แล้ว ที่อื่นก็ถูกวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและสิ่งปลูกสร้างทำลายไปหมดแล้ว คุณถึงกับสามารถหาวัตถุดิบที่นำมาหลอมเป็นยายืดอายุได้ มหัศจรรย์มากจริงๆ!” เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น

การหลอมยานั้นเป็นอารยธรรมของชาวจีนเมื่อห้าพันปีที่แล้ว จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่หยุดพัฒนา ในปัจจุบันนี้ก็มีแพทย์แผนจีนจำนวนหนึ่ง มีห้องยาที่ได้รับถ่ายทอดเป็นมรดกมาอีกจำนวนหนึ่ง และยังมีการหลอมยาอยู่ เพียงแต่ยาที่หลอมออกมาได้ในปัจจุบันนี้ ส่วนใหญ่ทุกคนเรียกว่ายาลูกกลอน มีประสิทธิภาพธรรมดาๆ เท่านั้น

“ยาลูกกลอนทั้งสามเม็ดที่ผมให้สาวน้อยคนนั้นไป ความจริงแล้วเป็นยาที่เหลือจากการที่ผมยืดอายุให้ท่านผู้นำเมื่อปีนั้น มีชื่อว่ายาไขกระดูกมังกร น่าเสียดายที่ประสิทธิภาพของยาลดลงไปเหลือเพียงแค่หนึ่งส่วน ไม่งั้นจะต้องสามารถทำให้แม่ของเธออยู่ต่อไปได้อีกหลายปี!” จางอีเต๋อเดินไปพลางพูดไปพลาง

“ยาไขกระดูกมังกร เป็นยาที่ใช้น้ำจากหญ้าไขกระดูกมังกรหลอมออกมาหรือเปล่า?” จู่ๆ เย่เทียนเฉินก็ชะงักไป อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถาม

“คิดไม่ถึงว่าคุณจะรู้เรื่องไม่น้อยเลยทีเดียว ถูกต้องแล้ว เมื่อปีนั้นผมได้รับหญ้าไขกระดูกมังกรมาจำนวนหนึ่งโดยบังเอิญ หลังจากที่ผ่านการหล่อมาหลายครั้งจึงสามารถหลอมออกมาเป็นยาไขกระดูกมังกรได้ ท่านผู้นำผู้ก่อตั้งประเทศจีนสร้างผลประโยชน์มากมายให้แก่ประชาชน มีเหตุผลมากพอที่จะได้รับการยืดอายุครั้งนี้ ดังนั้นผมจึงให้เขากินยาไขกระดูกมังกร ยืดอายุไปอีกยี่สิบปี!” จางอีเต๋อเองก็มองเย่เทียนเฉินอย่างประหลาดใจแล้วพูดขึ้น

หญ้าไขกระดูกมังกร ในตอนที่เย่เทียนเฉินอยู่ในช่วงยุคสิ้นโลกก็เคยได้ยินผู้อาวุโสคนหนึ่งพูดถึงมาก่อน นั่นเป็นสมุนไพรที่พิสดารมาก สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ทำให้ธรรมชาติสามารถก่อกำเนิดสรรพสิ่งได้ก็คือชีพจรของโลก ซึ่งเรียกกันว่าเป็นชีพจรมังกร ในชีพจรมังรแฝงไปด้วยพลังงานที่แข็งแกร่งหาใดเปรียบ สามารถทำให้สรรพสิ่งในโลกใบหนึ่งเกิดการสืบพันธุ์ต่อไปได้ เห็นได้ชัดว่ามันเยี่ยมยอดขนาดไหน ส่วนหญ้าไขกระดูกมังกรนั้นก็เป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งที่เกิดและเติบโตใกล้กับชีพจรมังกร อาศัยแก่นแท้ของชีพจรมังกรในการดำรงอยู่และเติบโต จินตนาการได้เลยว่าจะมีค่ามากขนาดไหน จะทำให้คนฟื้นขึ้นมาจากความตายก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องยากอะไร

เพียงแต่หากต้องการที่จะได้รับหญ้าไขกระดูกมังกรมานั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก เมื่อตอนนั้นเย่เทียนเฉินอยู่ในขอบเขตพระเจ้า แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เขาก็เคยตามหาหญ้าไขกระดูกมังกรมาก่อน คิดที่จะเก็บสำรองเอาไว้ใช้ยามจำเป็น แต่ก็ไม่ได้มีโอกาสนั้น เพราะชีพจรมังกรที่อยู่ลึกลงไปใต้พื้นเคลื่อนไหวไม่หยุด ถูกคนอื่นควบคุมได้ยากมาก หญ้าไขกระดูกมังกรก็มีจิตวิญญาณ แน่นอนว่าจะไม่ถูกผู้ค้นหาพบได้ง่ายๆ ขนาดนั้น มีผู้แข็งแกร่งจำนวนมากที่ตามหาหญ้าไขกระดูกมังกรเพราะมีความลับอันยิ่งใหญ่อยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือต้องการที่จะใช้โอกาสนี้ตามหาชีพจรมังกร และใช้ประโยชน์จากชีพจรมังกรมาทำให้ตัวเองแข็งแกร่ง ทำให้ตนเองทะลวงไปถึงขอบเขตที่สูงยิ่งขึ้น

“ผมเองก็เคยเห็นในตำราโบราณมาครั้งหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าในโลกนี้จะมีสมุนไพรแบบนั้นอยู่จริงๆ!” เย่เทียนเฉินแสร้งพูดด้วยท่าทางแปลกใจ

“ธรรมชาติเปลี่ยนไปแล้ว หากว่าเป็นสมัยดึกดำบรรพ์ สมัยเทพนิยาย หรือสมัยโบราณที่ไกลออกไป ผมเชื่อว่าบนโลกแห่งนี้คงจะมีแก่นแท้อยู่ คงจะไม่ไร้ชีวิตชีวาเหมือนตอนนี้หรอก!” จางอีเต๋อมองไปยังท้องฟ้า มีท่าทางราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่

……………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ 223 ยายืดอายุ

Now you are reading เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ Chapter 223 ยายืดอายุ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เสี้ยวหยาพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไร เธอมองจางอีเต๋อจับชีพจรให้แม่ของตนอย่างเคร่งเครียด ตอนนี้ในใจของเธอก็รู้สึกซับซ้อนกับเย่เทียนเฉิน มีทั้งมิตรภาพความเป็นเพื่อนที่บริสุทธิ์ และมีทั้งความรู้สึกคล้ายกับแฟนหนุ่มที่ฝ่าฟันอุปสรรคมาด้วยกัน หากจะบอกว่าไม่มีความรู้สึกอะไรต่อเย่เทียนเฉินก็คงจะไม่ได้ ผู้ชายที่ทั้งแข็งแกร่งและมีเสน่ห์แบบนี้ มีทั้งนิสัยอันธพาลและนิสัยดั่งเทพแห่งความตายทั้งสองด้าน เธอถูกนิสัยอันแปลกประหลาดนี้ดึงดูดไปโดยไม่รู้ตัว เกรงว่าคงมีผู้หญิงแค่ไม่กี่คนที่ไม่หลงเสน่ห์เขา

ประมาณสิบนาทีต่อมา จางอีเต๋อก็จับชีพจรให้แม่ของเสี้ยวหยาเสร็จแล้ว สีหน้าเคร่งขรึมลง หยิบกล่องยาด้านข้างมา ดูมีมาดของแพทย์แผนจีนในสมัยโบราณมาก เสี้ยวหยาและเย่เทียนเฉินที่เห็นดังนั้นก็รู้สึกหม่นหมองอยู่ในใจ สิ่งที่เสี้ยวหยากังวลย่อมเป็นอาการป่วยของแม่ของเธอ ส่วนเย่เทียนเฉินกังวลว่าจางอีเต๋อจะไม่พูดตามที่เขานัดหมายกันไว้ก่อนหน้านี้

จางอีเต๋อเป็นใคร? เขาคือเซียนแพทย์เทวะ ถ้าหากไม่ใช่คนที่มีวิชาแพทย์สูงส่งเหนือชั้นก็เกรงว่าจะต่างกันไม่มาก อาการป่วยของแม่ของเสี้ยวหยาจะสามารถปิดบังเขาได้อย่างไร ในตอนที่จางอีเต๋อจับชีพจรให้แม่ของเสี้ยวหยาก็ได้ใช้พลังพิเศษในสายรักษาเพื่อตรวจสอบอาการป่วยของแม่ของเสี้ยวหยาจนกระจ่างชัด เห็นได้ชัดเจนว่าเขาได้ข้อสรุปที่ใกล้เคียงกับการใช้เครื่องมือของโรงพยาบาลแห่งเมืองหลวง ได้ข้อสรุปเหมือนกับเหล่าแพทย์เฉพาะทาง กระทั่งละเอียดกว่าด้วยซ้ำ นั่นก็คือแม่ของเสี้ยวหยาจะมีชีวิตอยู่ได้นานที่สุดเพียงไม่กี่เดือน

“คุณปู่จางคะ อาการป่วยของแม่หนูเป็นยังไงบ้างคะ?” เสี้ยวหยาเห็นจางอีเต๋อไม่พูดจึงรีบถามออกไปด้วยความกังวล

“โรคมะเร็ง แต่อาการไอตอนนี้ก็ไม่เลวนัก หากว่าทำการรักษาต่อไปอย่างน้อยก็สามารถอยู่ต่อไปได้อีกห้าปี ในช่วงนี้ก็กินอาหารดีๆ เข้ารับการรักษาด้วยเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ที่ดี ก็อาจจะสามารถอยู่ได้อีกสิบปีขึ้นไป!” จางอีเต๋อมองเสี้ยวหยาแล้วพูดขึ้นอย่างจริงจัง

“ค่ะ…” เสี้ยวหยาเงียบลง แม้จะรู้ว่าแม่ของตนยังเหลือเวลาอีกนิดหน่อย แต่เมื่อคิดว่าแม่สามารถอยู่ได้เพียงห้าปีหรืออาจจะสิบปีก็ต้องมาจากตนเองไป ทำให้อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บปวดใจ

“ขอบคุณท่านปรมาจารย์จางมากค่ะ หยาเอ๋อร์อย่าได้ทำให้เขาลำบากใจอีกเลย สามารถอยู่ต่อได้อีกห้าปีแม่ก็พอใจมากแล้ว ถึงตอนนั้นก็จะได้เห็นลูกแต่งงาน หาสามีดีๆ สักคน ก็นับว่าความหวังของแม่เป็นจริงแล้ว!” แม่ของเสี้ยวหยาพูดอย่างเบิกบานใจ

“แม่ แม่พูดอะไรคะ แม่จะต้องมีชีวิตยืนยาวถึงร้อยปีแน่นอน!” เสี้ยวหยาเดินไปเบื้องหน้าของแม่ด้วยความแน่วแน่ จับมือแม่แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม

“เด็กคนนี้นี่…รีบไปส่งคุณปู่จางและเทียนเฉินเถอะ…” แม่ของเสี้ยวหยาเห็นเย่เทียนเฉินและจางอีเต๋อกำลังจะเดินไปจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากอย่างร้อนรน

จางอีเต๋อมองแม่ของเสี้ยวหยาและเสี้ยวหยา เขาถูกความสัมพันธ์อันลึกซึ้งของแม่ลูกคู่นี้โจมตีเอาเสียแล้ว โดยเฉพาะเสี้ยวหยาที่เหมือนกับจางรั่วถงหลานสาวของตน มีความฉลาดเฉลียวรู้ความ นี่ทำให้เซียนแพทย์เทวะอย่างจางอีเต๋อซึ่งเห็นการเกิดการตายมาจนคุ้นชินอดไม่ได้ที่จะซาบซึ้งใจขึ้นมา เขาหยิบกล่องเล็กๆ ใบหนึ่งออกมาจากกล่องยาของตัวเองแล้วส่งไปให้เสี้ยวหยา พูดขึ้นว่า “เด็กน้อย ในนี้มียาอยู่สามเม็ด ทุกครั้งที่อาการป่วยของแม่เธอถึงขั้นวิกฤตก็ให้กินหนึ่งเม็ด จะสามารถรักษาชีวิตของเธอเอาไว้ได้สามครั้ง!”

“ขอบคุณค่ะคุณปู่จาง!” เสี้ยวหยารับกล่องเล็กๆ ใบนั้นมาจากจางอีเต๋อ พูดขึ้นด้วยความซาบซึ้งใจ

จากนั้นจางอีเต๋อและเย่เทียนเฉินก็เดินออกไปจากห้องผู้ป่วย เมื่อมาถึงด้านนอกเย่เทียนเฉินจึงได้ถอนหายใจยาวเหยียด มองไปยังจางอีเต๋อแล้วพูดขึ้น “ผมว่านะ เมื่อกี้คุณทำให้ผมตกใจจริงๆ คุณคิดที่จะพูดความจริงจริงเหรอ?”

“ผมต้องคิดที่จะพูดความจริงอยู่แล้ว เพราะผมมีจรรยาบรรณของคนเป็นหมอ เพียงแต่ว่าผู้ป่วยทุกคนต่างก็รู้ถึงสภาพของตัวเองดี พวกคุณหลอกผู้ป่วยแบบนี้จะเป็นการไม่รับผิดชอบต่ออาการป่วยของเธอ แม่ของเสี้ยวหยาป่วยเป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้ายแล้ว มีชีวิตได้อย่างมากก็แค่สามเดือน ไม่อาจอยู่ได้นานถึงครึ่งปีขนาดนั้น พวกคุณหลอกเธอแบบนี้ ไม่มีผลดีอะไรกับอาการป่วยของเธอเลย!” จางอีเต๋อพูดกับเย่เทียนเฉินพลางสายหน้า

“บางครั้งเราก็ต้องทำการโกหกด้วยเจตนาดี มันเป็นการให้ความหวังคนอื่นได้ ทำไมพวกเราจะไม่ทำล่ะ?” ทันใดนั้นเย่เทียนเฉินทอดถอนใจแล้วพูดออกมา

เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เทียนเฉิน จางอีเต๋อก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เข้าใจ เขามีฐานะเป็นเซียนแพทย์เทวะ และเป็นยอดฝีมือผู้มีพลังพิเศษในสายโลหะ มีอายุยืนมาถึงร้อยปี ได้เห็นเรื่องราวต่างๆ มากมายที่คนในยุคปัจจุบันนี้ไม่เคยเห็น โดยเฉพาะการเกิดแก่เจ็บตาย

“วางใจเถอะ แม่ของสาวน้อยคนนั้น อย่างน้อยก็สามารถยืนหยัดไปได้อีกหนึ่งปี!” จางอีเต๋อเปิดปากพูด

“ดูแล้วยาเม็ดทั้งสามเม็ดนั้นคงจะไม่ได้หลอกกัน มันมีผลที่ช่วยให้ยืดอายุได้!” เย่เทียนเฉินพูดพลางพยักหน้า

ในตอนแรกเย่เทียนเฉินคิดว่ายาในกล่องเล็กๆ ที่เขาให้เสี้ยวหยานั้นเป็นเพียงคำลวงที่ทำเพื่อเจตนาดีเท่านั้น ทำเพื่อมอบความหวังให้แก่เธอ ตอนนี้ดูแล้วจางอีเต๋อจะไม่ได้โกหก ยาที่ให้เสี้ยวหยาไปสามเม็ดนั้นสามารถช่วยยืดอายุได้จริงๆ

ถ้าหากว่าอย่าเช่นนี้ถูกเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ในยุคปัจจุบันนำไปวิจัยและค้นคว้า คงจะต้องสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งโลกแน่นอน และจะต้องทำให้นักวิทยาศาสตร์จำนวนมากตื่นตะลึง ความเป็นไปได้ที่มากที่สุดก็คือถูกประเทศเก็บเอาไว้เป็นความลับไม่ให้คนทั่วไปในโลกภายนอกได้รู้ ในจุดนี้ไม่มีอะไรน่าแปลก หากพูดถึงสังคมในยุคปัจจุบันนี้แล้ว ประชาชนทั่วไปในระดับล่างจะรู้เกี่ยวกับเรื่องของการพัฒนาประเทศได้อย่างไร จะรู้เรื่องเกี่ยวข้องกับการสูญพันธุ์ของมนุษย์ได้อย่างไร? คนที่เข้าใจต่างก็เป็นคนจำนวนน้อย หรือกระทั่งคนจำนวนน้อยก็ยังไม่เข้าใจด้วยซ้ำ

“ตอนนั้นที่ยืดอายุให้ท่านผู้นำที่เป็นผู้ก่อตั้งประเทศไปอีกยี่สิบปีไม่ได้สูญเปล่าเลยจริงๆ ผมเรียนรู้มาทั้งชีวิต แล้วต้องใช้ของล้ำค่าที่บังเอิญได้มาของผมถึงจะหลอมยาที่ช่วยยืดอายุไปได้ยี่สิบปีขึ้นมาได้!” ดูเหมือนว่าจางอีเต๋อจะย้อนนึกไปถึงเรื่องเมื่อปีนั้น ในค่ำคืนที่มีฟ้าร้องดังสนั่น หลังจากที่เขายืดชีวิตให้ท่านผู้นำแล้ก็หายตัวไปโดยไร้ร่องรอย เพราะเขาไม่มีวิธีการอื่นที่จะสามารถทำให้มีชีวิตอยู่ได้นานขึ้นอีก สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความลับ ถ้าพูดออกไปก็คงไม่มีใครเชื่อ กระทั่งผู้นำระดับสูงสุดของประเทศในตอนนี้ก็ยังไม่รู้เรื่องนี้ นี่เป็นเรื่องสำคัญมากจริงๆ

เมื่อได้ยินคำพูดของจางอีเต๋อ ในใจของเย่เทียนเฉินก็ตกตะลึง ยืดอายุไปอีกยี่สิบปี นี่ฟังดูแล้วเหมือนกับเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ ต่อให้เขาเคยเป็นผู้แข็งแกร่งในช่วงยุคสิ้นโลกมาก่อน มีความสามารถในการป่นหินทลายแม่น้ำ ก็ยังหายาวิเศษที่ช่วยยืดอายุให้ผู้คนได้ยากยิ่ง ในช่วงยุคสิ้นโลกไม่ใช่ว่าจะไม่มียาแบบนี้ เพียงแต่ยาแบบนี้ล้ำค่ามากเกินไป ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพราชันก็ยังไม่มี

จางอีเต๋อเป็นชายชราที่น่าเหลือเชื่อและลึกลับมากคนหนึ่ง มีฐานะเป็นผู้มีพลังพิเศษในสายรักษา และสามารถใช้เคล็ดวิชาพลังพิเศษในสายโลหะได้ นอกจากนี้เขายังมีอายุถึงร้อยปี แต่ยังมีร่างกายแข็งแรง มีความสามารถแข็งแกร่ง เดิมทีสิ่งเหล่านี้ก็ทำให้ผู้คนรู้สึกสั่นสะท้านมากแล้ว ไม่ว่าจะเป็นใครเมื่อต้องเผชิญหน้ากับความตายในตอนที่ไร้ซึ่งพลัง ก็จะมีความโหยหาในคำว่าอมตะมากยิ่งขึ้น หากมีวิธีการที่ทำให้คนเป็นอมตะได้จริงๆ เชื่อว่าคนมากมายจะต้องการผลประโยชน์ตรงนี้และพากันออกตามหา นี่เป็นสาเหตุที่ทำไมในช่วงยุคสิ้นโลก ซึ่งเป็นโลกที่แปลกพิสดาร คล้ายกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างย้อนกลับไปในยุคของเทพเซียนนั้น มีอารยธรรมในยุคปัจจุบัน มีมนุษย์กลายพันธุ์และสัตว์กลายพันธุ์ และมีผู้ที่ต้องการบ่มเพาะความเป็นอมตะ ซึ่งสามารถเรียกได้ว่าผู้บ่มเพาะ ดังนั้นในช่วงยุคสิ้นโลกไม่ว่าจะเป็นมนุษย์และสัตว์กลายพันธุ์ ยอดฝีมือแห่งพรรควรยุทธโบราณ หรือจะเป็นผู้แข็งแกร่งที่มีพลังพิเศษ ต่างก็สามารถเรียกได้ว่าเป็นผู้บ่มเพาะ จุดประสงค์สุดท้ายก็คือต้องการทำให้ตัวเองแข็งแกร่ง สามารถอยู่ในโลกที่ปลาใหญ่กินปลาเล็กนี้ได้ ในขณะเดียวกันก็แสวงหาเส้นทางแห่งความเป็นอมตะ ยึดถือเป็นแนวทางของชีวิต

“ในสังคมปัจจุบันนี้ นอกจากป่าดึกดำบรรพ์แล้ว ที่อื่นก็ถูกวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและสิ่งปลูกสร้างทำลายไปหมดแล้ว คุณถึงกับสามารถหาวัตถุดิบที่นำมาหลอมเป็นยายืดอายุได้ มหัศจรรย์มากจริงๆ!” เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น

การหลอมยานั้นเป็นอารยธรรมของชาวจีนเมื่อห้าพันปีที่แล้ว จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่หยุดพัฒนา ในปัจจุบันนี้ก็มีแพทย์แผนจีนจำนวนหนึ่ง มีห้องยาที่ได้รับถ่ายทอดเป็นมรดกมาอีกจำนวนหนึ่ง และยังมีการหลอมยาอยู่ เพียงแต่ยาที่หลอมออกมาได้ในปัจจุบันนี้ ส่วนใหญ่ทุกคนเรียกว่ายาลูกกลอน มีประสิทธิภาพธรรมดาๆ เท่านั้น

“ยาลูกกลอนทั้งสามเม็ดที่ผมให้สาวน้อยคนนั้นไป ความจริงแล้วเป็นยาที่เหลือจากการที่ผมยืดอายุให้ท่านผู้นำเมื่อปีนั้น มีชื่อว่ายาไขกระดูกมังกร น่าเสียดายที่ประสิทธิภาพของยาลดลงไปเหลือเพียงแค่หนึ่งส่วน ไม่งั้นจะต้องสามารถทำให้แม่ของเธออยู่ต่อไปได้อีกหลายปี!” จางอีเต๋อเดินไปพลางพูดไปพลาง

“ยาไขกระดูกมังกร เป็นยาที่ใช้น้ำจากหญ้าไขกระดูกมังกรหลอมออกมาหรือเปล่า?” จู่ๆ เย่เทียนเฉินก็ชะงักไป อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถาม

“คิดไม่ถึงว่าคุณจะรู้เรื่องไม่น้อยเลยทีเดียว ถูกต้องแล้ว เมื่อปีนั้นผมได้รับหญ้าไขกระดูกมังกรมาจำนวนหนึ่งโดยบังเอิญ หลังจากที่ผ่านการหล่อมาหลายครั้งจึงสามารถหลอมออกมาเป็นยาไขกระดูกมังกรได้ ท่านผู้นำผู้ก่อตั้งประเทศจีนสร้างผลประโยชน์มากมายให้แก่ประชาชน มีเหตุผลมากพอที่จะได้รับการยืดอายุครั้งนี้ ดังนั้นผมจึงให้เขากินยาไขกระดูกมังกร ยืดอายุไปอีกยี่สิบปี!” จางอีเต๋อเองก็มองเย่เทียนเฉินอย่างประหลาดใจแล้วพูดขึ้น

หญ้าไขกระดูกมังกร ในตอนที่เย่เทียนเฉินอยู่ในช่วงยุคสิ้นโลกก็เคยได้ยินผู้อาวุโสคนหนึ่งพูดถึงมาก่อน นั่นเป็นสมุนไพรที่พิสดารมาก สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ทำให้ธรรมชาติสามารถก่อกำเนิดสรรพสิ่งได้ก็คือชีพจรของโลก ซึ่งเรียกกันว่าเป็นชีพจรมังกร ในชีพจรมังรแฝงไปด้วยพลังงานที่แข็งแกร่งหาใดเปรียบ สามารถทำให้สรรพสิ่งในโลกใบหนึ่งเกิดการสืบพันธุ์ต่อไปได้ เห็นได้ชัดว่ามันเยี่ยมยอดขนาดไหน ส่วนหญ้าไขกระดูกมังกรนั้นก็เป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งที่เกิดและเติบโตใกล้กับชีพจรมังกร อาศัยแก่นแท้ของชีพจรมังกรในการดำรงอยู่และเติบโต จินตนาการได้เลยว่าจะมีค่ามากขนาดไหน จะทำให้คนฟื้นขึ้นมาจากความตายก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องยากอะไร

เพียงแต่หากต้องการที่จะได้รับหญ้าไขกระดูกมังกรมานั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก เมื่อตอนนั้นเย่เทียนเฉินอยู่ในขอบเขตพระเจ้า แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เขาก็เคยตามหาหญ้าไขกระดูกมังกรมาก่อน คิดที่จะเก็บสำรองเอาไว้ใช้ยามจำเป็น แต่ก็ไม่ได้มีโอกาสนั้น เพราะชีพจรมังกรที่อยู่ลึกลงไปใต้พื้นเคลื่อนไหวไม่หยุด ถูกคนอื่นควบคุมได้ยากมาก หญ้าไขกระดูกมังกรก็มีจิตวิญญาณ แน่นอนว่าจะไม่ถูกผู้ค้นหาพบได้ง่ายๆ ขนาดนั้น มีผู้แข็งแกร่งจำนวนมากที่ตามหาหญ้าไขกระดูกมังกรเพราะมีความลับอันยิ่งใหญ่อยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือต้องการที่จะใช้โอกาสนี้ตามหาชีพจรมังกร และใช้ประโยชน์จากชีพจรมังกรมาทำให้ตัวเองแข็งแกร่ง ทำให้ตนเองทะลวงไปถึงขอบเขตที่สูงยิ่งขึ้น

“ผมเองก็เคยเห็นในตำราโบราณมาครั้งหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าในโลกนี้จะมีสมุนไพรแบบนั้นอยู่จริงๆ!” เย่เทียนเฉินแสร้งพูดด้วยท่าทางแปลกใจ

“ธรรมชาติเปลี่ยนไปแล้ว หากว่าเป็นสมัยดึกดำบรรพ์ สมัยเทพนิยาย หรือสมัยโบราณที่ไกลออกไป ผมเชื่อว่าบนโลกแห่งนี้คงจะมีแก่นแท้อยู่ คงจะไม่ไร้ชีวิตชีวาเหมือนตอนนี้หรอก!” จางอีเต๋อมองไปยังท้องฟ้า มีท่าทางราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่

……………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+