เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ 390 กระบี่ไท่อาทำร้ายหลี่ชิวสุ่ย

Now you are reading เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ Chapter 390 กระบี่ไท่อาทำร้ายหลี่ชิวสุ่ย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

กระบี่เล่มหนึ่งโจมตีมา มีพลังอำนาจที่ไม่อาจขวางกั้น ในตอนที่หลี่ชิวสุ่ยเตรียมจะใช้กระบี่ในมือขวาฟาดฟันไปยังใบหน้าอันงดงามของตงฟางเมิ่ง ปราณกระบี่อันรุนแรงดุดันก็ฟาดฟันไปที่เธอ

หากไม่ใช่เพราะความสามารถของหลี่ชิวสุ่ยแข็งแกร่งมาก อีกทั้งยังมีปฏิกิริยารวดเร็ว ทะยานร่างถอยออกไปไกลหลาย 10 เมตร ในขณะเดียวกันก็ใช้กระบี่ในมือขวาขวางไว้บริเวณหน้าอกลดทอนพลังอันยิ่งใหญ่เบื้องหน้าไปบ้าง ทั้งยังฝืนกระบี่ในมือเอาไว้อย่างมั่นคง ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ กระบี่นั้นก็ยังถูกฟาดฟันจนหัก ในขณะเดียวกันปราณกระบี่อันรุนแรงดุดันก็ซัดจนหลี่ชิวสุ่ยปลิวออกไปชนเข้ากับกำแพงน้ำแข็งหนาหลายก้อน

เย่เทียนเฉินขมวดคิ้ว มองไปเบื้องหน้าด้วยท่าทีเคร่งเครียด มุมปากมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด จนถึงตอนนี้เขาไม่กล้าออมแรงแม้แต่ครึ่งส่วน

ในตอนนี้พบว่าเหนือศีรษะของเย่เทียนเฉินมีกระบี่เล่มหนึ่งลอยอยู่ กระบี่เล่มนั้นไม่มีส่วนใดพิเศษ เพียงแต่บรรยากาศที่แผ่ออกมาดุดันและเผด็จการเป็นอย่างยิ่ง ราวกับไม่ว่าจะมีสิ่งใดอยู่เบื้องหน้ามันล้วนต้องถูกทำลายล้างจนสิ้น ราวกับมันคืออาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกอย่างไรอย่างนั้น

มาถึงขั้นนี้แล้ว ไหนเลยเย่เทียนเฉินจะกล้าปิดบังอำพรางอะไรอยู่อีก เรียกกระบี่ไท่อาออกมาโดยตรง ฟาดฟันไปยังหลี่ชิวสุ่ยอย่างฉับพลัน หวังว่าจะใช้กระบี่นี่ฆ่าผู้หญิงโหดเหี้ยมคนนี้ได้

“ฆ่าได้หรือเปล่า?” ตงฟางเมิ่งลืมตา เอ่ยถามด้วยใบหน้าขาวซีดเล็กน้อย

“ไม่รู้ ศิษย์พี่ใหญ่ของเธอแข็งแกร่งมาก!” เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจด้วยความตื่นตะลึง

“พรสวรรค์และการเรียนรู้ของเธอสูงส่งมาก ยิ่งไปกว่านั้นในเวลาสั้นๆ เพียงห้าปียังสามารถเรียนรู้ฝ่ามือสลายกระดูกจนถึงขั้นเก้าได้แล้ว ขาดแค่ขั้นสุดท้ายก็จะสมบูรณ์แบบ หากปล่อยให้เธอฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกอีก ไม่กล้าคิดเลยว่าจะก่อให้เกิดการนองเลือดในยุทธภพยังไงบ้าง!” ตงฟางเมิ่งพูดแล้วส่ายหน้า

ตอนนี้เย่เทียนเฉินไม่สนใจอาการบาดเจ็บของตนอีก และไม่สนใจสีหน้าขาวซีดของตงฟางเมิ่งด้วย มีเพียงมือซ้ายที่ยังผสานกับมือซ้ายของตงฟางเมิ่งแน่น ส่วนมือขวากำลังควบคุมกระบี่ไท่อาผ่านจิตใจ เตรียมสู้กับเคล็ดวิชาวรยุทธโบราณที่แข็งแกร่งที่สุดของหลี่ชิวสุ่ยได้ทุกเมื่อ

เพื่อที่จะขัดขวางหลี่ชิวสุ่ยให้ได้ ตอนแรกเย่เทียนเฉินรับฝ่ามือสลายกระดูกตรงๆ สุดท้ายจึงไม่สนใจทุกสิ่ง รีดเร้นขอบเขตพลังจนถึงขั้นสูงสุด ซัดหมัดอัสนีสวรรค์ซึ่งเป็นการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ทำได้ในตอนนี้ออกไป ทำให้ร่างกายเสียหายอย่างรุนแรง พละกำลังในร่างกายสูญเสียไปมาก ทำให้ไม่สามารถมอบพลังให้ตงฟางเมิ่งนำไปฝึกฝนขั้นสุดท้ายของคัมภีร์ดรุณีหยกได้ ดังนั้นจึงทำให้ตงฟางเมิ่งหน้าซีดขนาดนั้น และอันตรายเป็นอย่างมาก

ตู้ม!

เงาฝ่ามืออันใหญ่ยักษ์พุ่งมาทางเย่เทียนเฉินและตงฟางเมิ่ง ซัดลงมาอย่างบ้าคลั่งถึงขีดสุด เย่เทียนเฉินชะงักไปทั้งร่าง อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว กระบี่ไท่อาที่อยู่เหนือศีรษะพุ่งขึ้นฟ้า ส่งเสียงคำรามออกมา พริบตาเดียวก็ขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่าตัว ขวางอยู่เหนือศีรษะของเย่เทียนเฉินและตงฟางเมิ่ง

ตู้ม!

ฝ่ามืออันรุนแรงดุดันหาใดเปรียบซัดลงบนกระบี่ไท่อา อุโมงค์น้ำแข็งสั่นสะท้านไปทั่ว พลังจากการปะทะกันกระจายไปทั่วทุกสารทิศ ทำให้น้ำแข็งหมื่นปีหลายก้อนที่อยู่สูงสุดถูกทำให้สั่นสะท้านจนแตกเป็นเสี่ยงๆ

อั่ก!

เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะกระอักเลือดออกมา รู้สึกว่าตนยืนหยัดต่อไปไม่ไหวแล้ว จิตใจของเขาผสานรวมกับกระบี่ไท่อา แต่หากต้องการใช้พลังที่รุนแรงที่สุดของกระบี่ไท่อาออกไป ด้วยขอบเขตพลังของเขาในตอนนี้ยังไม่อาจทำได้ เพื่อที่จะขวางเงาฝ่ามือที่ดูคล้ายกับว่าจะบดบังไปครึ่งฟ้านี้ไว้ เขาจึงใช้พลังเต็มที่ ในตอนที่ฝ่ามือนั้นซัดลงมาบนกระบี่ไท่อาและแผ่อำนาจแห่งการฆ่าฟันออกมา กระบี่ไท่อาก็เปลี่ยนขนาดไปในพริบตา กลับมาปักอยู่เบื้องหน้าเย่เทียนเฉิน หากต้องการขยับมันอีกครั้ง พระเองคงไม่มีพลังจะทำเช่นนั้นแล้ว

ท่ามกลางหมอกน้ำแข็ง เงาร่างร่างหนึ่งเดินมาทางเย่เทียนเฉินและตงฟางเมิ่งอย่างเชื่องช้า ชุดคลุมสีแดงของเธอเริ่มปรากฏชัดเจน ไอสังหารอันโหดเหี้ยมนั้นทำให้พวกเขาตื่นตกใจเป็นที่สุด เย่เทียนเฉินขมวดคิ้ว เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าการโจมตีฉับพลันของกระบี่ไท่อาซึ่งเป็นกระบี่แห่งเดชานุภาพจะไม่สามารถฆ่าหลี่ชิวสุ่ยได้ ผู้หญิงคนนี้แข็งแกร่งมากจริงๆ พรรควรยุทธโบราณบนโลกนี้สืบทอดมาหลาย 1000 ปี เคล็ดวิชาฝึกฝนที่สืบต่อกันมาเหล่านั้นช่างลึกลับจริงๆ ลึกล้ำจนไม่อาจคาดเดา

กระบี่ไท่อา กระบี่แห่งเดชานุภาพ กระบี่เช่นนี้มีความลับที่ไม่อาจเข้าใจและใคร่ครวญ เป็นหนึ่งในสิบกระบี่บรรพกาล เย่เทียนเฉินเข้าใจถึงความแข็งแกร่งของกระบี่ไท่อาเป็นอย่างดี นี่เป็นกระบี่เทพเล่มหนึ่ง หากต้องการควบคุมให้ได้อย่างสิ้นเชิงนับเป็นเรื่องยากมาก เย่เทียนเฉินเก็บมันไว้ในช่องว่างของตน ใช้พลังใช้พลังต้นกำเนิดของตนหลอมรวมตลอดเวลา นั่นเป็นเพราะต้องการให้กระบี่ไท่อาผสานกับพลังต้นกำเนิดของตนจนถึงระดับควบคุมด้วยความคิดได้ พลังอำนาจของกระบี่ไท่อาที่เย่เทียนเฉินใช้ได้ในตอนนี้มีไม่ถึงหนึ่งในสิบ แม้จะเป็นเช่นนี้แต่พลังอำนาจอันรุนแรงก็ไม่ใช่อะไรที่คนธรรมดาจะรับได้ ดังนั้นหลี่ชิวสุ่ยคนนี้เป็นผู้หญิงที่ดูถูกไม่ได้เลยจริงๆ ความสามารถของเธอเหนือกว่าเย่เทียนเฉินและตงฟางเมิ่ง มีความสามารถเพียงพอที่จะสู้กับชิงเฉิงเยว่ได้

“คิดไม่ถึงว่าการโจมตีฉับพลันของกระบี่ไท่อาจะฆ่าเธอไม่ได้!” เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจ

“กระบี่ไท่อา? หนึ่งในสิบกระบี่บรพพกาล?” ตงฟางเมิ่งอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกมาด้วยความแปลกใจ

“เธอเองก็เคยได้ยินมาเหมือนกันเหรอ?” เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะถามกลับ

ตงฟางเมิ่งกรอกตาใส่เย่เทียนเฉินแต่ไม่ได้พูดอะไร ดวงตางดงามทั้งสองจ้องมองไปยังกระบี่ไท่อาที่อยู่เบื้องหน้าเย่เทียนเฉินเขม็ง กระบี่เทพบรรพกาลทั้งสิบเล่มนี้ บางทีคนธรรมดาอาจไม่รู้จัก แต่ในพรรควรยุทธโบราณ โดยเฉพาะในพรรควรยุทธโบราณที่มีการสืบทอดกันมาหลาย 1000 ปีไม่มีใครไม่รู้จัก เนื่องจากทุกพรรคล้วนปรารถนาในสิบกระบี่เทพบรรพกาลนี้มาก ยิ่งไปกว่านั้นตำนานและที่มาที่ไปของสิบกระบี่เทพบรรพกาลนี้อาจจะหาฟังได้เพียงในพรรควรยุทธโบราณเท่านั้น สำหรับคนธรรมดา แต่ละยุคสมัยได้เพียงไล่ตามวิถีชีวิตและชื่อเสียงไป ไม่อาจใคร่ครวญเรื่องลึกล้ำเช่นนี้ได้ พวกเขาไม่รู้ว่า แม้ชื่อเสียงจะโด่งดังเพียงใด แม้ผลประโยชน์จะมากมายเพียงใด เมื่อถึงจุดสุดท้ายของชีวิตพวกเขาล้วนมีขีดจำกัด กินไม่ได้และนำไปไม่ได้

“นายถึงกับมีกระบี่ไท่อาเลยเหรอ โชคดีจริงๆ!” ตงฟางเมิ่งอดไม่ได้ที่จะมองไปยังเย่เทียนเฉิน ในใจของเธอรู้สึกเกลียดชังเย่เทียนเฉินอยู่บ้าง ถึงกับเป็นเจ้าหมอนี่ที่ได้ครั้งแรกของตนไป ทำให้ในใจของตงฟางเมิ่งรู้สึกรับไม่ได้และรู้สึกเขินอายอยู่บ้าง

“ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาพูดถึงโชคชะตา รีบทะลวงพลังเถอะ หากเธอทะลวงพลังไม่ได้พวกเราสองคนต้องตายกันหมดแน่ ฉันยังมีเรื่องต้องทำอีกมาก ไม่อยากตายเป็นเพื่อนเธอหรอก!” เย่เทียนเฉินไม่มองตงฟางเมิ่ง ทำเพียงจับจ้องไปเบื้องหน้าแล้วพูดขึ้น

เมื่อได้ยินประโยคนี้ของเย่เทียนเฉิน ตงฟางเมิ่งพลันรู้สึกโกรธขึ้นมา ไม่สนใจไอสังหารท่วมฟ้าของหลี่ชิวสุ่ยผู้เป็นศิษย์พี่ของตนอีกต่อไป ใช้ดวงตางดงามจับจ้องไปยังเย่เทียนเฉินแล้วพูดขึ้นว่า “จะดีจะร้ายฉันก็เป็นผู้สืบทอดของพรรคสุสานโบราณ นับว่าเป็นคนสวยคนหนึ่ง นายยังจะทิ้งฉันอีกเหรอ?”

“ยินดีกับเธอด้วย ตอบถูกแล้ว ฉันจะทิ้งเธอ!” เย่เทียนเฉินพูดกับตงฟางเมิ่งตามตรง

“นาย…”

“เธอยังไม่รีบทะลวงพลังอีก อยากตายจริงๆ รึไง? ตอนนี้ฉันไม่มีพลังจะไปขวางหลี่ชิวสุ่ยแล้ว!” เย่เทียนเฉินพูดขัดคำพูดของตงฟางเมิ่ง

“ไม่ต้องทะเลาะกันแล้ว พวกเธอสองคนต้องตายทั้งหมด!”

เสียงที่ฟังดูราวกับภูตผีของหลี่ชิวสุ่ยดังขึ้น เธอสวมชุดคลุมตัวใหญ่สีแดง บนไหล่มีรอยเลือดปรากฏ ท่าทางกระบี่ไท่อาจะทำให้เธอบาดเจ็บ เพียงแต่ไม่อาจทำให้บาดเจ็บถึงชีวิตเท่านั้น เมื่อมองไปยังดวงตาทรงเสน่ห์ทั้งสองของหลี่ชิวสุ่ยอีกครั้ง พบว่าในยามนี้ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยไอสังหาร เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว เธอโกรธขึ้นมาแล้ว ถูกเย่เทียนเฉินกระตุ้นให้โกรธ หลายปีมานี้หลี่ชิวสุ่ยปั่นป่วนยุทธภพมาตลอด อาศัยความสามารถและฝีมือของตนรวมกับความโหดเหี้ยมฆ่าคนเป็นผักปลา ฝ่ามือสลายกระดูกเป็นวิชาที่โหดร้ายจนถึงขีดสุด ต่อให้เป็นยอดฝีมือชั้นหนึ่ง เมื่อมาพบหลี่ชิวสุ่ยก็ไม่กล้าหาเรื่องง่ายๆ ดังนั้นกล่าวได้ว่าหลายปีมานี้ คนที่ทำให้หลี่ชิวสุ่ยบาดเจ็บได้มีเพียงไม่กี่คน ความสามารถของเย่เทียนเฉินสู้หลี่ชิวสุ่ยไม่ได้แต่ยังกล้าปะทะฝ่ามือสลายกระดูกของหลี่ชิวสุ่ยตรงๆ นี่ทำให้เธออับอายจนกลายเป็นโกรธ ตอนนี้ยังโจมตีกะทันหันหวังฆ่าเธออีกด้วย หลี่ชิวสุ่ยเปิดโหมดฆ่าฟันแล้ว ต้องการซัดฝ่ามือใส่เย่เทียนเฉินจนกลายเป็นเศษเนื้อจริงๆ

“ถ้ามีความสามารถก็เข้ามาฆ่าพวกเรา!”

ถึงตอนนี้เย่เทียนเฉินไม่เก็บงำอะไรต่อไปอีก และไม่ถ่วงเวลาอีกด้วย เขารู้ว่าลูกไม้เหล่านี้ไม่มีประโยชน์ สิ่งเดียวที่สามารถทำได้ก็คือ หากหลี่ชิวสุ่ยกล้าเข้ามา เช่นนั้นก็ต้องใช้พลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเข้าปะทะ ใช้ท่าทีแข็งกร้าวที่สุดต่อกร นี่คือนิสัยของเย่เทียนเฉิน เขาคิดว่าในฐานะที่เป็นผู้ชายคนหนึ่งควรจะมีจิตใจองอาจห้าวหาญ

“เป็นกระบี่ที่ดีจริงๆ อยู่ในมือของพวกเธอก็น่าเสียดาย ฉันจะรับไว้เองก็แล้วกัน!”

ไม่อาจปล่อยมือได้ คำพูดของหลี่ชิวสุ่ยเพิ่งจะกล่าวจบก็ซัดฝ่ามือมาครอบคลุมท้องฟ้าเหนือเย่เทียนเฉิน ต้องการซัดเย่เทียนเฉินให้สมองแหลกเหลวจนตาย

มุมปากของเย่เทียนเฉินมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด เขาสูญเสียพลังการต่อสู้ไปแล้ว หากต้องการใช้กระบี่ไท่อาดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้เลย ตอนนี้เขากำลังฝืนร่างกายของตน เดิมทีการฝึกฝนร่วมกับตงฟางเมิ่งก็สิ้นเปลืองพลังภายในของเขาไปมากแล้ว ในช่วงเวลาสำคัญที่สุดเขาจำเป็นต้องคุ้มครองตงฟางเมิ่ง หลี่ชิวสุ่ยมีความสามารถในการต่อสู้สูงกว่าเขาจริงๆ สามารถยืนหยัดมาถึงขั้นนี้ได้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว ในใจของหลี่ชิวสุ่ยเองก็ตื่นตะลึงหาใดเปรียบ ดังนั้นจึงต้องการลงมือสังหารเย่เทียนเฉินและตงฟางเมิ่งให้ได้ ไม่กล้าปล่อยให้เป็นอุปสรรคในภายภาคหน้า

คิดว่าช้าแต่กลับรวดเร็ว แม้เย่เทียนเฉินจะดูราวกับไม่มีพลังการต่อสู้แล้วแต่ยังคงยกมือขวาขึ้น รวบรวมพลังภายในสุดท้ายในร่างกาย ต่อให้ต้องตาย ในฐานะที่เป็นผู้ชายคนหนึ่งต้องยืนตายถึงจะถูก

ตู้ม!

มือขวาของเย่เทียนเฉินกำเป็นหมัด ยังไม่ทันได้ปะทะฝ่ามือที่ซัดลงมาเหนือศีรษะตน พลันมีมือเรียบเนียนดุจหยกซัดเข้ามาจากด้านข้าง โจมตีใส่หลี่ชิวสุ่ย หลี่ชิวสุ่ยถูกฝ่ามือนี้กระแทกจนถอยไปสองก้าว เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง มองไปยังตงฟางเมิ่งที่ยืนอยู่ด้านข้าง ตงฟางเมิ่งในตอนนี้แข็งแกร่งเหนือคาด บนร่างมีพลังฟ้าดินอันบริสุทธิ์ที่สุดฟุ้งกระจายออกมา ไม่เพียงแต่ทำให้เย่เทียนเฉินตกใจ กระทั่งลงน้ำก็มองจนเหม่อลอย ขอบเขตความสามารถของเธอเหนือกว่าตงฟางเมิ่งมาก แต่ตอนนี้ถึงกับถูกฝ่ามือของอีกฝ่ายซัดจนกระเด็นถอยหลัง ทำให้เธอรู้สึกเหลือเชื่อ

“เธอ…” เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะมองตงฟางเมิ่งด้วยสีหน้าเคร่งขรึม หากกล่าวตามความรู้สึกของเขา ตงฟางเมิ่งไม่ควรลงมือตอนนี้ เธอยังฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกไม่สำเร็จ หรือว่าตงฟางเมิ่งจะ…

………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ 390 กระบี่ไท่อาทำร้ายหลี่ชิวสุ่ย

Now you are reading เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ Chapter 390 กระบี่ไท่อาทำร้ายหลี่ชิวสุ่ย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

กระบี่เล่มหนึ่งโจมตีมา มีพลังอำนาจที่ไม่อาจขวางกั้น ในตอนที่หลี่ชิวสุ่ยเตรียมจะใช้กระบี่ในมือขวาฟาดฟันไปยังใบหน้าอันงดงามของตงฟางเมิ่ง ปราณกระบี่อันรุนแรงดุดันก็ฟาดฟันไปที่เธอ

หากไม่ใช่เพราะความสามารถของหลี่ชิวสุ่ยแข็งแกร่งมาก อีกทั้งยังมีปฏิกิริยารวดเร็ว ทะยานร่างถอยออกไปไกลหลาย 10 เมตร ในขณะเดียวกันก็ใช้กระบี่ในมือขวาขวางไว้บริเวณหน้าอกลดทอนพลังอันยิ่งใหญ่เบื้องหน้าไปบ้าง ทั้งยังฝืนกระบี่ในมือเอาไว้อย่างมั่นคง ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ กระบี่นั้นก็ยังถูกฟาดฟันจนหัก ในขณะเดียวกันปราณกระบี่อันรุนแรงดุดันก็ซัดจนหลี่ชิวสุ่ยปลิวออกไปชนเข้ากับกำแพงน้ำแข็งหนาหลายก้อน

เย่เทียนเฉินขมวดคิ้ว มองไปเบื้องหน้าด้วยท่าทีเคร่งเครียด มุมปากมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด จนถึงตอนนี้เขาไม่กล้าออมแรงแม้แต่ครึ่งส่วน

ในตอนนี้พบว่าเหนือศีรษะของเย่เทียนเฉินมีกระบี่เล่มหนึ่งลอยอยู่ กระบี่เล่มนั้นไม่มีส่วนใดพิเศษ เพียงแต่บรรยากาศที่แผ่ออกมาดุดันและเผด็จการเป็นอย่างยิ่ง ราวกับไม่ว่าจะมีสิ่งใดอยู่เบื้องหน้ามันล้วนต้องถูกทำลายล้างจนสิ้น ราวกับมันคืออาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกอย่างไรอย่างนั้น

มาถึงขั้นนี้แล้ว ไหนเลยเย่เทียนเฉินจะกล้าปิดบังอำพรางอะไรอยู่อีก เรียกกระบี่ไท่อาออกมาโดยตรง ฟาดฟันไปยังหลี่ชิวสุ่ยอย่างฉับพลัน หวังว่าจะใช้กระบี่นี่ฆ่าผู้หญิงโหดเหี้ยมคนนี้ได้

“ฆ่าได้หรือเปล่า?” ตงฟางเมิ่งลืมตา เอ่ยถามด้วยใบหน้าขาวซีดเล็กน้อย

“ไม่รู้ ศิษย์พี่ใหญ่ของเธอแข็งแกร่งมาก!” เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจด้วยความตื่นตะลึง

“พรสวรรค์และการเรียนรู้ของเธอสูงส่งมาก ยิ่งไปกว่านั้นในเวลาสั้นๆ เพียงห้าปียังสามารถเรียนรู้ฝ่ามือสลายกระดูกจนถึงขั้นเก้าได้แล้ว ขาดแค่ขั้นสุดท้ายก็จะสมบูรณ์แบบ หากปล่อยให้เธอฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกอีก ไม่กล้าคิดเลยว่าจะก่อให้เกิดการนองเลือดในยุทธภพยังไงบ้าง!” ตงฟางเมิ่งพูดแล้วส่ายหน้า

ตอนนี้เย่เทียนเฉินไม่สนใจอาการบาดเจ็บของตนอีก และไม่สนใจสีหน้าขาวซีดของตงฟางเมิ่งด้วย มีเพียงมือซ้ายที่ยังผสานกับมือซ้ายของตงฟางเมิ่งแน่น ส่วนมือขวากำลังควบคุมกระบี่ไท่อาผ่านจิตใจ เตรียมสู้กับเคล็ดวิชาวรยุทธโบราณที่แข็งแกร่งที่สุดของหลี่ชิวสุ่ยได้ทุกเมื่อ

เพื่อที่จะขัดขวางหลี่ชิวสุ่ยให้ได้ ตอนแรกเย่เทียนเฉินรับฝ่ามือสลายกระดูกตรงๆ สุดท้ายจึงไม่สนใจทุกสิ่ง รีดเร้นขอบเขตพลังจนถึงขั้นสูงสุด ซัดหมัดอัสนีสวรรค์ซึ่งเป็นการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ทำได้ในตอนนี้ออกไป ทำให้ร่างกายเสียหายอย่างรุนแรง พละกำลังในร่างกายสูญเสียไปมาก ทำให้ไม่สามารถมอบพลังให้ตงฟางเมิ่งนำไปฝึกฝนขั้นสุดท้ายของคัมภีร์ดรุณีหยกได้ ดังนั้นจึงทำให้ตงฟางเมิ่งหน้าซีดขนาดนั้น และอันตรายเป็นอย่างมาก

ตู้ม!

เงาฝ่ามืออันใหญ่ยักษ์พุ่งมาทางเย่เทียนเฉินและตงฟางเมิ่ง ซัดลงมาอย่างบ้าคลั่งถึงขีดสุด เย่เทียนเฉินชะงักไปทั้งร่าง อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว กระบี่ไท่อาที่อยู่เหนือศีรษะพุ่งขึ้นฟ้า ส่งเสียงคำรามออกมา พริบตาเดียวก็ขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่าตัว ขวางอยู่เหนือศีรษะของเย่เทียนเฉินและตงฟางเมิ่ง

ตู้ม!

ฝ่ามืออันรุนแรงดุดันหาใดเปรียบซัดลงบนกระบี่ไท่อา อุโมงค์น้ำแข็งสั่นสะท้านไปทั่ว พลังจากการปะทะกันกระจายไปทั่วทุกสารทิศ ทำให้น้ำแข็งหมื่นปีหลายก้อนที่อยู่สูงสุดถูกทำให้สั่นสะท้านจนแตกเป็นเสี่ยงๆ

อั่ก!

เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะกระอักเลือดออกมา รู้สึกว่าตนยืนหยัดต่อไปไม่ไหวแล้ว จิตใจของเขาผสานรวมกับกระบี่ไท่อา แต่หากต้องการใช้พลังที่รุนแรงที่สุดของกระบี่ไท่อาออกไป ด้วยขอบเขตพลังของเขาในตอนนี้ยังไม่อาจทำได้ เพื่อที่จะขวางเงาฝ่ามือที่ดูคล้ายกับว่าจะบดบังไปครึ่งฟ้านี้ไว้ เขาจึงใช้พลังเต็มที่ ในตอนที่ฝ่ามือนั้นซัดลงมาบนกระบี่ไท่อาและแผ่อำนาจแห่งการฆ่าฟันออกมา กระบี่ไท่อาก็เปลี่ยนขนาดไปในพริบตา กลับมาปักอยู่เบื้องหน้าเย่เทียนเฉิน หากต้องการขยับมันอีกครั้ง พระเองคงไม่มีพลังจะทำเช่นนั้นแล้ว

ท่ามกลางหมอกน้ำแข็ง เงาร่างร่างหนึ่งเดินมาทางเย่เทียนเฉินและตงฟางเมิ่งอย่างเชื่องช้า ชุดคลุมสีแดงของเธอเริ่มปรากฏชัดเจน ไอสังหารอันโหดเหี้ยมนั้นทำให้พวกเขาตื่นตกใจเป็นที่สุด เย่เทียนเฉินขมวดคิ้ว เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าการโจมตีฉับพลันของกระบี่ไท่อาซึ่งเป็นกระบี่แห่งเดชานุภาพจะไม่สามารถฆ่าหลี่ชิวสุ่ยได้ ผู้หญิงคนนี้แข็งแกร่งมากจริงๆ พรรควรยุทธโบราณบนโลกนี้สืบทอดมาหลาย 1000 ปี เคล็ดวิชาฝึกฝนที่สืบต่อกันมาเหล่านั้นช่างลึกลับจริงๆ ลึกล้ำจนไม่อาจคาดเดา

กระบี่ไท่อา กระบี่แห่งเดชานุภาพ กระบี่เช่นนี้มีความลับที่ไม่อาจเข้าใจและใคร่ครวญ เป็นหนึ่งในสิบกระบี่บรรพกาล เย่เทียนเฉินเข้าใจถึงความแข็งแกร่งของกระบี่ไท่อาเป็นอย่างดี นี่เป็นกระบี่เทพเล่มหนึ่ง หากต้องการควบคุมให้ได้อย่างสิ้นเชิงนับเป็นเรื่องยากมาก เย่เทียนเฉินเก็บมันไว้ในช่องว่างของตน ใช้พลังใช้พลังต้นกำเนิดของตนหลอมรวมตลอดเวลา นั่นเป็นเพราะต้องการให้กระบี่ไท่อาผสานกับพลังต้นกำเนิดของตนจนถึงระดับควบคุมด้วยความคิดได้ พลังอำนาจของกระบี่ไท่อาที่เย่เทียนเฉินใช้ได้ในตอนนี้มีไม่ถึงหนึ่งในสิบ แม้จะเป็นเช่นนี้แต่พลังอำนาจอันรุนแรงก็ไม่ใช่อะไรที่คนธรรมดาจะรับได้ ดังนั้นหลี่ชิวสุ่ยคนนี้เป็นผู้หญิงที่ดูถูกไม่ได้เลยจริงๆ ความสามารถของเธอเหนือกว่าเย่เทียนเฉินและตงฟางเมิ่ง มีความสามารถเพียงพอที่จะสู้กับชิงเฉิงเยว่ได้

“คิดไม่ถึงว่าการโจมตีฉับพลันของกระบี่ไท่อาจะฆ่าเธอไม่ได้!” เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจ

“กระบี่ไท่อา? หนึ่งในสิบกระบี่บรพพกาล?” ตงฟางเมิ่งอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกมาด้วยความแปลกใจ

“เธอเองก็เคยได้ยินมาเหมือนกันเหรอ?” เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะถามกลับ

ตงฟางเมิ่งกรอกตาใส่เย่เทียนเฉินแต่ไม่ได้พูดอะไร ดวงตางดงามทั้งสองจ้องมองไปยังกระบี่ไท่อาที่อยู่เบื้องหน้าเย่เทียนเฉินเขม็ง กระบี่เทพบรรพกาลทั้งสิบเล่มนี้ บางทีคนธรรมดาอาจไม่รู้จัก แต่ในพรรควรยุทธโบราณ โดยเฉพาะในพรรควรยุทธโบราณที่มีการสืบทอดกันมาหลาย 1000 ปีไม่มีใครไม่รู้จัก เนื่องจากทุกพรรคล้วนปรารถนาในสิบกระบี่เทพบรรพกาลนี้มาก ยิ่งไปกว่านั้นตำนานและที่มาที่ไปของสิบกระบี่เทพบรรพกาลนี้อาจจะหาฟังได้เพียงในพรรควรยุทธโบราณเท่านั้น สำหรับคนธรรมดา แต่ละยุคสมัยได้เพียงไล่ตามวิถีชีวิตและชื่อเสียงไป ไม่อาจใคร่ครวญเรื่องลึกล้ำเช่นนี้ได้ พวกเขาไม่รู้ว่า แม้ชื่อเสียงจะโด่งดังเพียงใด แม้ผลประโยชน์จะมากมายเพียงใด เมื่อถึงจุดสุดท้ายของชีวิตพวกเขาล้วนมีขีดจำกัด กินไม่ได้และนำไปไม่ได้

“นายถึงกับมีกระบี่ไท่อาเลยเหรอ โชคดีจริงๆ!” ตงฟางเมิ่งอดไม่ได้ที่จะมองไปยังเย่เทียนเฉิน ในใจของเธอรู้สึกเกลียดชังเย่เทียนเฉินอยู่บ้าง ถึงกับเป็นเจ้าหมอนี่ที่ได้ครั้งแรกของตนไป ทำให้ในใจของตงฟางเมิ่งรู้สึกรับไม่ได้และรู้สึกเขินอายอยู่บ้าง

“ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาพูดถึงโชคชะตา รีบทะลวงพลังเถอะ หากเธอทะลวงพลังไม่ได้พวกเราสองคนต้องตายกันหมดแน่ ฉันยังมีเรื่องต้องทำอีกมาก ไม่อยากตายเป็นเพื่อนเธอหรอก!” เย่เทียนเฉินไม่มองตงฟางเมิ่ง ทำเพียงจับจ้องไปเบื้องหน้าแล้วพูดขึ้น

เมื่อได้ยินประโยคนี้ของเย่เทียนเฉิน ตงฟางเมิ่งพลันรู้สึกโกรธขึ้นมา ไม่สนใจไอสังหารท่วมฟ้าของหลี่ชิวสุ่ยผู้เป็นศิษย์พี่ของตนอีกต่อไป ใช้ดวงตางดงามจับจ้องไปยังเย่เทียนเฉินแล้วพูดขึ้นว่า “จะดีจะร้ายฉันก็เป็นผู้สืบทอดของพรรคสุสานโบราณ นับว่าเป็นคนสวยคนหนึ่ง นายยังจะทิ้งฉันอีกเหรอ?”

“ยินดีกับเธอด้วย ตอบถูกแล้ว ฉันจะทิ้งเธอ!” เย่เทียนเฉินพูดกับตงฟางเมิ่งตามตรง

“นาย…”

“เธอยังไม่รีบทะลวงพลังอีก อยากตายจริงๆ รึไง? ตอนนี้ฉันไม่มีพลังจะไปขวางหลี่ชิวสุ่ยแล้ว!” เย่เทียนเฉินพูดขัดคำพูดของตงฟางเมิ่ง

“ไม่ต้องทะเลาะกันแล้ว พวกเธอสองคนต้องตายทั้งหมด!”

เสียงที่ฟังดูราวกับภูตผีของหลี่ชิวสุ่ยดังขึ้น เธอสวมชุดคลุมตัวใหญ่สีแดง บนไหล่มีรอยเลือดปรากฏ ท่าทางกระบี่ไท่อาจะทำให้เธอบาดเจ็บ เพียงแต่ไม่อาจทำให้บาดเจ็บถึงชีวิตเท่านั้น เมื่อมองไปยังดวงตาทรงเสน่ห์ทั้งสองของหลี่ชิวสุ่ยอีกครั้ง พบว่าในยามนี้ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยไอสังหาร เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว เธอโกรธขึ้นมาแล้ว ถูกเย่เทียนเฉินกระตุ้นให้โกรธ หลายปีมานี้หลี่ชิวสุ่ยปั่นป่วนยุทธภพมาตลอด อาศัยความสามารถและฝีมือของตนรวมกับความโหดเหี้ยมฆ่าคนเป็นผักปลา ฝ่ามือสลายกระดูกเป็นวิชาที่โหดร้ายจนถึงขีดสุด ต่อให้เป็นยอดฝีมือชั้นหนึ่ง เมื่อมาพบหลี่ชิวสุ่ยก็ไม่กล้าหาเรื่องง่ายๆ ดังนั้นกล่าวได้ว่าหลายปีมานี้ คนที่ทำให้หลี่ชิวสุ่ยบาดเจ็บได้มีเพียงไม่กี่คน ความสามารถของเย่เทียนเฉินสู้หลี่ชิวสุ่ยไม่ได้แต่ยังกล้าปะทะฝ่ามือสลายกระดูกของหลี่ชิวสุ่ยตรงๆ นี่ทำให้เธออับอายจนกลายเป็นโกรธ ตอนนี้ยังโจมตีกะทันหันหวังฆ่าเธออีกด้วย หลี่ชิวสุ่ยเปิดโหมดฆ่าฟันแล้ว ต้องการซัดฝ่ามือใส่เย่เทียนเฉินจนกลายเป็นเศษเนื้อจริงๆ

“ถ้ามีความสามารถก็เข้ามาฆ่าพวกเรา!”

ถึงตอนนี้เย่เทียนเฉินไม่เก็บงำอะไรต่อไปอีก และไม่ถ่วงเวลาอีกด้วย เขารู้ว่าลูกไม้เหล่านี้ไม่มีประโยชน์ สิ่งเดียวที่สามารถทำได้ก็คือ หากหลี่ชิวสุ่ยกล้าเข้ามา เช่นนั้นก็ต้องใช้พลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเข้าปะทะ ใช้ท่าทีแข็งกร้าวที่สุดต่อกร นี่คือนิสัยของเย่เทียนเฉิน เขาคิดว่าในฐานะที่เป็นผู้ชายคนหนึ่งควรจะมีจิตใจองอาจห้าวหาญ

“เป็นกระบี่ที่ดีจริงๆ อยู่ในมือของพวกเธอก็น่าเสียดาย ฉันจะรับไว้เองก็แล้วกัน!”

ไม่อาจปล่อยมือได้ คำพูดของหลี่ชิวสุ่ยเพิ่งจะกล่าวจบก็ซัดฝ่ามือมาครอบคลุมท้องฟ้าเหนือเย่เทียนเฉิน ต้องการซัดเย่เทียนเฉินให้สมองแหลกเหลวจนตาย

มุมปากของเย่เทียนเฉินมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด เขาสูญเสียพลังการต่อสู้ไปแล้ว หากต้องการใช้กระบี่ไท่อาดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้เลย ตอนนี้เขากำลังฝืนร่างกายของตน เดิมทีการฝึกฝนร่วมกับตงฟางเมิ่งก็สิ้นเปลืองพลังภายในของเขาไปมากแล้ว ในช่วงเวลาสำคัญที่สุดเขาจำเป็นต้องคุ้มครองตงฟางเมิ่ง หลี่ชิวสุ่ยมีความสามารถในการต่อสู้สูงกว่าเขาจริงๆ สามารถยืนหยัดมาถึงขั้นนี้ได้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว ในใจของหลี่ชิวสุ่ยเองก็ตื่นตะลึงหาใดเปรียบ ดังนั้นจึงต้องการลงมือสังหารเย่เทียนเฉินและตงฟางเมิ่งให้ได้ ไม่กล้าปล่อยให้เป็นอุปสรรคในภายภาคหน้า

คิดว่าช้าแต่กลับรวดเร็ว แม้เย่เทียนเฉินจะดูราวกับไม่มีพลังการต่อสู้แล้วแต่ยังคงยกมือขวาขึ้น รวบรวมพลังภายในสุดท้ายในร่างกาย ต่อให้ต้องตาย ในฐานะที่เป็นผู้ชายคนหนึ่งต้องยืนตายถึงจะถูก

ตู้ม!

มือขวาของเย่เทียนเฉินกำเป็นหมัด ยังไม่ทันได้ปะทะฝ่ามือที่ซัดลงมาเหนือศีรษะตน พลันมีมือเรียบเนียนดุจหยกซัดเข้ามาจากด้านข้าง โจมตีใส่หลี่ชิวสุ่ย หลี่ชิวสุ่ยถูกฝ่ามือนี้กระแทกจนถอยไปสองก้าว เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง มองไปยังตงฟางเมิ่งที่ยืนอยู่ด้านข้าง ตงฟางเมิ่งในตอนนี้แข็งแกร่งเหนือคาด บนร่างมีพลังฟ้าดินอันบริสุทธิ์ที่สุดฟุ้งกระจายออกมา ไม่เพียงแต่ทำให้เย่เทียนเฉินตกใจ กระทั่งลงน้ำก็มองจนเหม่อลอย ขอบเขตความสามารถของเธอเหนือกว่าตงฟางเมิ่งมาก แต่ตอนนี้ถึงกับถูกฝ่ามือของอีกฝ่ายซัดจนกระเด็นถอยหลัง ทำให้เธอรู้สึกเหลือเชื่อ

“เธอ…” เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะมองตงฟางเมิ่งด้วยสีหน้าเคร่งขรึม หากกล่าวตามความรู้สึกของเขา ตงฟางเมิ่งไม่ควรลงมือตอนนี้ เธอยังฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกไม่สำเร็จ หรือว่าตงฟางเมิ่งจะ…

………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+