เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ 295 ความลับของกระบี่โบราณทั้งสิบ

Now you are reading เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ Chapter 295 ความลับของกระบี่โบราณทั้งสิบ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

จางรั่วถงใช้ร่างกายอันบริสุทธิ์ของเธอเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บให้แก่เย่เทียนเฉิน เธอมีร่างกายที่พิเศษมาก ด้วยเหตุนี้จึงสามารถทำให้เย่เทียนเฉินที่อยู่ในสภาวะซึ่งเป็นครึ่งตายที่คล้ายจะไร้ทางช่วยเหลือตื่นขึ้นมาได้ ยิ่งไปกว่านั้นบาดแผลยังหายดีอีกด้วย

ในตอนที่เย่เทียนเฉินตื่นขึ้นมานั้น เบื้องหน้าของเขามีเพียงจางอีเต๋อที่ไม่พอใจเป็นอย่างมาก กระทั่งมีความโกรธอยู่บ้างด้วยซ้ำ ส่วนจางรั่วถงที่จากไปแล้ว ผู้หญิงคนนี้ใช้ร่างกายอันบริสุทธิ์ของตนเป็นการแลกเปลี่ยนเพื่อทำให้เย่เทียนเฉินหายดี แต่ตัวเธอเองกลับจากไปเงียบๆ

“ไปแล้ว? รั่วถงเธอ…” คำพูดของเย่เทียนเฉินจุกอยู่ในลำคอไปชั่วครู่ ไม่รู้จะพูดอะไรดี

“ในใจของนายคิดยังไงย่อมรู้ตัวเองดี รั่วถงเองก็เข้าใจ ดังนั้นเธอจึงจากไป!”

จางอีเต๋อกล่าวจบก็ออกไปจากห้อง เหลือเพียงเย่เทียนเฉินที่ตกตะลึงอยู่ที่เดิมเพียงลำพัง ไม่พูดอะไรไปครึ่งค่อนวัน เขาเข้าใจความหมายในคำพูดนี้ของจางอีเต๋อดี จางรั่วถงต้องรวบรวมความกล้า ยอมเสียสละร่างกายบริสุทธิ์ของตนเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บให้เขา จนกระทั่งเขาหายดีแล้วจึงจากไป เขาสามารถจินตนาการได้เลยว่า แผ่นหลังของนางในยามที่จากไปเงียบๆ จะโดดเดี่ยวเพียงใด

เหตุใดจางรั่วถงจึงได้จากไป? ในจุดนี้ใจของเย่เทียนเฉินเข้าใจกระจ่าง นั่นเป็นเพราะเขากับจางรั่วถงไม่ได้มีความรู้สึกระหว่างชายหญิงต่อกัน ไม่ได้มีความสัมพันธ์เหมือนแฟน อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้มีความรักต่อจางรั่วถง กล่าวคือทั้งสองจะมีความกระอักกระอ่วน จะเข้าหน้ากันไม่ติด กระทั่งไม่อาจมองหน้ากันได้ ดังนั้นจางรั่วถงจึงจากไป ผู้หญิงคนนี้เสียสละมากมาย มอบร่างกายอันบริสุทธิ์ของตนออกมาเงียบๆ

เย่เทียนเฉินเดินมาในลานบ้านตระกูลจาง เห็นจางอีเต๋อกำลังนั่งสูบบุหรี่อยู่ข้างโต๊ะหิน สิ่งที่จางอีเต๋อกำลังสูบก็คือยาสูบ ในยุคสมัยเช่นนี้เกรงว่าจะมีน้อยคนที่สูบ และมีน้อยคนที่มีใบยาสูบเช่นนี้

“ตาแก่ ครั้งนี้ผมไม่รู้ว่าจะตอบแทนคุณและรั่วถงยังไงดี วันข้างหน้าหากมีเรื่องอะไรก็เรียกได้ ผมเย่เทียนเฉิน ต่อให้ตายก็จะไม่ปฏิเสธ!” เย่เทียนเฉินมองไปยังจางอีเต๋อแล้วพูดขึ้นอย่างจริงจัง

เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เทียนเฉิน จางอีเต๋อก็เงยหน้าขึ้นมองเขาครั้งหนึ่ง จากนั้นจึงทอดถอนใจออกมาแล้วเอ่ยขึ้นว่า “นั่งลงเถอะ พวกเรามาคุยกันสักหน่อย!”

ความจริงแล้วจางอีเต๋อมีความประทับใจต่อเย่เทียนเฉินไม่เลวเลยทีเดียว ในสายตาของเขา ไอ้หนูคนนี้แม้จะมีบางครั้งที่ดูอันธพาลและดูพึ่งพาไม่ได้ไปบ้าง กระทั่งมีความรู้สึกที่ทำให้ผู้คนรู้สึกอยากอัดอย่างบรรยายไม่ถูกอยู่บ้าง แต่กลับไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร โดยเฉพาะในยามที่จริงจังขึ้นมา บรรยากาศที่เป็นดั่งเทพสังหารและความสามารถอันลึกล้ำยากจะคาดเดานั้นมากพอที่จะทำให้ผู้คนต้องทอดถอนใจด้วยความตื่นตะลึง รวมกับที่มีฐานะเป็นผู้มีพลังพิเศษเช่นเดียวกัน จึงมีความคิดเหมือนกันในด้านของพลังพิเศษและเส้นทางแห่งการมีชีวิตยืนยาว

เพียงแต่สิ่งเดียวที่ไม่อาจทำให้จางอีเต๋อวางใจได้ชั่วขณะก็คือ จางรั่วถงหลานสาวของตนมีร่างกายที่ไม่เหมือนกับคนปกติ ความลับนี้มีเพียงตัวจางรั่วถงและจางอีเต๋อเท่านั้นที่รู้ ไม่มีบุคคลที่สามรับรู้ และจางอีเต๋อเองก็ไม่กล้าให้คนที่สามรับรู้เช่นกัน เนื่องจากกลัว่าเมื่อร่างกายของจางรั่วถงถูกเผยออกมาจะดึงดูดคนชั่วเข้ามาเป็นจำนวนมาก แต่กลับคิดไม่ถึงว่าในครั้งนี้หลานสาวของตนจะถึงกับมอบร่างกายอันบริสุทธิ์ของตนให้แก่เย่เทียนเฉิน นี่เป็นการสูญเสียอย่างใหญ่หลวงสำหรับจางรั่วถง ไม่ว่าจะเป็นด้านความไม่สมบูรณ์ของร่างกายหรือจะเป็นความเสียหายของพลังสายเลือดในร่างกายก็ตาม

เย่เทียนเฉินนั่งลงตรงข้ามจางอีเต๋อ ทั้งสองสนทนากันซึ่งหน้า

“เจ้าหนู จะบ้าระห่ำเกินไปแล้วจริงๆ ทั้งๆ ที่รู้ว่าในร่างกายของตัวเองมีพลังพิเศษอยู่หลายชนิด เดิมทีก็ยากจะควบคุมอยู่แล้ว แต่ยังไปกระตุ้นพลังขอบเขตขั้นสูงสุดในสภาพที่ปัจจัยทางด้านร่างกายไม่สมบูรณ์อีก นี่เป็นการรนหาที่ตายชัดๆ!” จางอีเต๋อมองไปยังเย่เทียนเฉิน พูดขึ้นอย่างจนใจพลางส่ายหน้า

“มีเพียงการต่อสู้ในสถานการณ์เป็นตายแบบนี้เท่านั้นจึงจะสามารถยกระดับและทะลวงไปได้!” เย่เทียนเฉินพูดด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย

“เจ้าหนู ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วจริงๆ หรือไง นายรนหาที่ตายมันไม่สำคัญ แต่อย่าได้ลากรั่วถงไปด้วย!” จางอีเต๋อกรอกตาใส่เย่เทียนเฉินแล้วพูดขึ้น

“รั่วถงเป็นผู้หญิงที่ดีคนหนึ่ง ถ้าหากเธอเต็มใจ ผมก็จะไม่ทำตัวแย่ๆ กับเธอ!” เย่เทียนเฉินพูดขึ้นอย่างจริงจังและจริงใจ

“หึ นายอย่าได้คิดฟุ้งซ่านไปเลย เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ คนแบบนาย หากทุกครั้งที่ได้รับบาดเจ็บจะต้องให้รั่วถงคอยช่วย เพียงไม่นานเธอก็จะตายแน่นอน!” จางอีเต๋อแค่นเสียงเย็นครั้งหนึ่งแล้วพูดขึ้น

“ตาแก่ ผมรู้ว่าร่างกายของรั่วถงพิเศษ ไม่งั้นคงกำจัดพลังอานุภาพของกระบี่ไท่อาไม่ได้แน่นอน ร่างกายรั่วถงมีความพิเศษยังไงกันแน่?” เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

ไม่ว่าจะเป็นโลกในปัจจุบันนี้หรือในดาวสิ้นโลกก่อนหน้านี้ เย่เทียนเฉินรู้ว่าบนโลกใบนี้มีคนที่มีร่างกายพิเศษอยู่เป็นจำนวนมาก บางคนแข็งแกร่งโดยกำเนิดเพราะร่างกายที่มีลักษณะพิเศษ บางคนสามารถบ่มเพาะพลังได้อย่างรวดเร็วเพราะร่างกายอันพิเศษนี้ แน่นอนว่ามีบางคน เพราะมีร่างกายเช่นนี้ ต่อให้มีความฉลาดเฉลียวมากเพียงใดก็เป็นได้แค่มนุษย์ธรรมดาไปชั่วชีวิต ทำได้แค่รอการเกิดแก่เจ็บตายเท่านั้น ไม่สามารถเดินบนเส้นทางบ่มเพาะได้ ต้องร่ำให้ไปชั่วชีวิต

“นี่ไม่เกี่ยวกับนาย ฉันอยากรู้ว่ากระบี่ไท่อาอยู่ที่ไหน?” จางอีเต๋อไม่ตอบคำถามของเย่เทียนเฉิน แต่กลับถามถึงกระบี่ไท่อา

“มีปัญหาอะไรเหรอ? ผมฆ่าเสวี่ยโม่เจียวที่เป็นลูกน้องของคุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงไปแล้ว กระบี่ไท่อาก็ต้องอยู่ในมือของผมอยู่แล้ว!” เย่เทียนเฉินพูดจีบปากจีบคอ

จางอีเต๋อมองเย่เทียนเฉินครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยปากอย่างจริงจัง “มีคำเล่าลือกันว่าเดิมทีกระบี่โบราณทั้งสิบเล่มไม่ใช่สิ่งของในโลกนี้ เรื่องนี้จะต้องมีความลับที่ยิ่งใหญ่อยู่แน่นอน!”

“อะไรนะ? เดิมทีกระบี่โบราณทั้งสิบเล่มไม่ใช่ของโลกนี้?” เย่เทียนเฉินเองก็รู้สึกแปลกใจมาก คิดไม่ถึงว่ากระบี่โบราณทั้งสิบเล่มบนโลกจะไม่ใช่ของโลกใบนี้ ความลับเช่นนี้เมื่อถูกพูดออกมาจากปากของจางอีเต๋อที่เป็นผู้มีพลังพิเศษอาวุโส ยังคงเชื่อถือได้มาก

“ไม่ใช่ เล่าลือกันว่ากระบี่โบราณทั้งสิบเล่มตกจากฟ้าลงมาบนโลก ส่วนเรื่องที่ว่ามาจากที่ไหน มีความลับอะไรอยู่ ยังไม่มีใครรู้ ฉันเคยเห็นกระบี่อวี๋ฉางมาก่อน รู้สึกได้ว่ากระบี่เล่มนั้นไม่ปกตินัก มีการผันผวนของพลังจากโลกที่แตกต่างกันออกไป พลังแห่งการบ่มเพาะแข็งแกร่งมาก” จางอีเต๋อส่ายหน้าแล้วพูดขึ้น

“การผันผวนของพลังจากโลกที่แตกต่างกันออกไป พลังการบ่มเพาะที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า? หรือจะมาจากดาวจักรพรรดิ?” เย่เทียนเฉินเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ

ดาวจักรพรรดิ เป็นการดำรงอยู่ที่ไม่อาจจินตนาการได้ ล้วนมีบันทึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์สมัยโบราณและประวัติศาสตร์อย่างไม่เป็นทางการของโลก

ถึงแม้เย่เทียนเฉินจะไม่เข้าใจมากนัก แต่บางครั้งก็สามารถมองเห็นดาวอันว่างเปล่าได้ในยามค่ำคืนที่ไร้ผู้คน สามารถมองเห็นดาวจักรพรรดิที่เปล่งประกายออกมา ให้ความรู้สึกแปลกประหลาดมาก ตามที่จางอีเต๋อพูด ในตอนที่เขาได้พบพระของลัทธิเต๋าบริเวณภูเขาหลังวัดเส้าหลินที่นั่งละสังขารอยู่นั้น เขามองไปยังทิศทางของดาวจักรพรรดิและถอนใจออกมา ท่าทางดาวจักรพรรดิจะมีความลับมากมาย กระทั่งอาจเกี่ยวข้องกับความลับในสมัยโบราณอันห่างไกลของโลกใบนี้

“ไม่รู้เหมือนกัน สรุปคือฉันจะได้อ่านข้อมูลมาบ้าง ดูเหมือนจะมั่นใจได้ว่ากระบี่โบราณทั้งสิบเล่ม ไม่มีแม้แต่เล่มเดียวที่เกิดมาจากโลก ทั้งหมดมาจากที่อื่น นอกจากนั้นภายในอาวุธสิบเล่มนี้ ดูเหมือนจะมีความเกี่ยวข้องอะไรกัน ฉันสงสัยว่าอาจจะเป็นของที่เหมือนกับกระบี่เทพสังหารทั้งสี่เล่ม!” จางอีเต๋อพูดความคิดเห็นของตนออกมาอย่างใจกล้า เขารู้ว่าเย่เทียนเฉินแม้จะอายุน้อย แต่มีความคิดเป็นเอกลักษณ์

กระบี่เทพสังหารทั้งสี่เล่มไม่ใช่ของที่อยู่ในตำนานเล่าขาน แต่มีตัวตนอยู่จริงๆ กระบี่ทั้งสี่เล่มนี้เกิดบนโลกใบนี้แน่นอน จนถึงตอนนี้ก็ยังถูกบุคคลผู้มีความสามารถเก็บซ่อนเอาไว้ ความจริงแล้วกระบี่เทพสังหารทั้งสี่เล่มเป็นสิ่งที่นักบวชในลัทธิเต๋าสร้างขึ้นมา ด้านในแฝงไปด้วยไอสังหารอันเข้มข้น เมื่อมียอดฝีมือสี่คนถือเอาไว้และร่วมมือกันใช้กระบวนท่า จะให้ผลลัพธ์ที่สามารถสังหารเทพและปีศาจได้ ดังนั้นชื่อของกระบี่เทพสังหารทั้งสี่จึงสั่นสะเทือนโลกหล้ามาถึงทุกวันนี้

สิ่งที่ทำให้ผู้คนคิดไม่ถึงก็คือ กระบี่โบราณทั้งสิบเล่มถึงกับไม่ใช่อาวุธของโลก กระบี่ทั้งสิบเล่มนี้อาจจะร้ายกาจยิ่งกว่ากระบี่เทพสังหารทั้งสี่เสียอีก แต่กลับไม่ใช่อาวุธของโลก ถ้าเช่นนั้นมาจากที่ไหนกันล่ะ?

นักโบราณคดีในปัจจุบันและคนที่ศึกษาในเรื่องของประวัติศาสตร์โบราณจำนวนหนึ่งก็ยังไม่พบและไม่รู้โดยสิ้นเชิงว่ากระบี่โบราณทั้งสิบเล่มนี้ถึงกับไม่ใช่อาวุธของโลก มีความเป็นไปได้มากกว่าจะมาจากที่อื่น หากข้อมูลนี้แพร่ออกไปเกรงว่าจะทำให้ทั่วทั้งโลกต้องเดือดพล่าน

“ตาแก่ คำพูดนี้จะเพ้อฝันเกินไปหรือเปล่า? ตามความคิดของคุณก็คือ กระบี่โบราณทั้งสิบไม่ใช่อาวุธของโลก แต่ตกลงมาจากสถานที่อื่นงั้นหรือ? ยิ่งไปกว่านั้นกระบี่โบราณทั้งสิบเล่มอาจจะสามารถรวมเป็นหนึ่งเดียวกันได้ หรืออย่างน้อยก็เป็นค่ายกลกระบี่เดียวกัน?”

เย่เทียนเฉินถามออกมาด้วยความสงสัยที่อัดแน่นเต็มสมอง ไม่ใช่ว่าเขาจะบอกว่าการที่กระบี่โบราณทั้งสิบเล่มมาจากที่อื่นและเป็นค่ายกลกระบี่ค่ายกลเดียวกันจะเป็นเรื่องแปลกอะไร สำหรับเขาที่เคยเป็นผู้แข็งแกร่งที่มีพลังพิเศษระดับพระเจ้า ไม่มีความคิดเหมือนคนบนโลกในยุคปัจจุบันนานแล้ว ในโลกของการบ่มเพาะมีเรื่องแปลกประหลาดมากมาย สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องปกติ

แต่สิ่งที่ทำให้เย่เทียนเฉินไม่เข้าใจก็คือ หากกระบี่โบราณทั้งสิบเล่มไม่ได้เกิดจากโลกใบนี้แต่มาจากที่อื่นเหมือนที่จางอีเต๋อพูด ถ้าอย่างนั้นจะมาจากที่ไหนกัน? ยิ่งไปกว่านั้นเย่เทียนเฉินยังได้เห็นอานุภาพของกระบี่ไท่อาซึ่งเป็นหนึ่งในกระบี่โบราณทั้งสิบเล่มมาแล้ว นี่เป็นกระบี่ที่ถูกผู้คนบนโลกเรียกขานว่ากระบี่แห่งเดชานุภาพ นั่นก็มีเหตุผล ภายในตัวกระบี่แฝงไปด้วยพลังฤทธิ์เดชนับพันปียังไม่สูญสลาย เมื่อปรากฏออกมาจึงมีพลังอานุภาพที่กำลังมนุษย์ไม่สามารถควบคุมได้

เห็นได้เลยว่ากระบี่อีกเก้าที่เหลือจะต้องไม่อ่อนแอแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นในตอนที่กระบี่ไท่อายังไม่ถูกดึงพลังที่แท้จริงออกมาทั้งหมด ก็เกือบจะเอาชีวิตเย่เทียนเฉินได้แล้ว หากเป็นเหมือนที่จางอีเต๋อพูดจริงๆ หากนำกระบี่ทั้งสิบเล่มมารวมเข้าด้วยกันเป็นค่ายกลหนึ่งเดียว จะน่าหวาดกลัวขนาดไหน? เกรงว่าจะมีอานุภาพมากกว่ากระบี่เทพสังหารทั้งสี่ด้วยซ้ำ

“แต่ยังมีอีกความคิดหนึ่งนั่นก็คือ เดิมทีกระบี่เทพสังหารทั้งสี่ก็เป็นกระบี่สีเล่มที่อยู่ในกระบี่โบราณทั้งสอบ เพียงแต่ตกไปอยู่ในมือของนักพรตเต๋าคนนั้น แล้วฝืนนำพวกมันหลอมเป็นอาวุธเทพทั้งสี่เล่มและใช้สร้างค่ายกลกระบี่ขึ้นมา!” จางอีเต๋อพูดพลางขมวดคิ้ว

“ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆ งั้นนักพรตเต๋าก็แข็งแกร่งมาก คนคนนี้เป็นใคร?” เย่เทียนเฉินไม่มีความรู้เรื่องของกระบี่เทพสังหาร ดังนั้นจึงถามด้วยความสงสัย

“ประมาณหลายพันปีก่อน มีนักพรตเต๋าคนหนึ่งชื่อทงเทียน ก่อตั้งสำนักสั่งสอนขึ้นมาแห่งหนึ่ง จึงถูกผู้คนยกย่องเป็นทงเทียนเจี้ยวจู่!” จางอีเต๋อเอ่ยปากพูด

“คนคนนี้เดินบนเส้นทางแห่งการบ่มเพาะได้ไกลมาก ไม่งั้นคงไม่ได้รับกระบี่เทพทั้งสี่เล่มนั้นแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นยังฝืนหลอมเป็นกระบี่เทพสังหารอีกด้วย!” ดูเหมือนเย่เทียนเฉินจะคิดถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

“เป็นคนที่แข็งแกร่งมากจริงๆ สามารถนำกระบี่เทพทั้งสี่เล่มมาสร้างเป็นค่ายกลกระบี่ได้ และยังควบคุมได้อีกด้วย ถ้าสำแดงพลังที่สามารถทลายฟ้าดินออกมาได้ จะต้องมากพอที่จะทำให้ผู้คนสั่นสะท้านแน่นอน!” ในใจของจางอีเต๋อก็รู้สึกทอดถอนใจด้วยความตื่นตะลึง เขาเป็นคนของโลกนี้ ย่อมคิดถึงตำนานของทงเทียนเจี้ยวจู่

………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ 295 ความลับของกระบี่โบราณทั้งสิบ

Now you are reading เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ Chapter 295 ความลับของกระบี่โบราณทั้งสิบ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

จางรั่วถงใช้ร่างกายอันบริสุทธิ์ของเธอเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บให้แก่เย่เทียนเฉิน เธอมีร่างกายที่พิเศษมาก ด้วยเหตุนี้จึงสามารถทำให้เย่เทียนเฉินที่อยู่ในสภาวะซึ่งเป็นครึ่งตายที่คล้ายจะไร้ทางช่วยเหลือตื่นขึ้นมาได้ ยิ่งไปกว่านั้นบาดแผลยังหายดีอีกด้วย

ในตอนที่เย่เทียนเฉินตื่นขึ้นมานั้น เบื้องหน้าของเขามีเพียงจางอีเต๋อที่ไม่พอใจเป็นอย่างมาก กระทั่งมีความโกรธอยู่บ้างด้วยซ้ำ ส่วนจางรั่วถงที่จากไปแล้ว ผู้หญิงคนนี้ใช้ร่างกายอันบริสุทธิ์ของตนเป็นการแลกเปลี่ยนเพื่อทำให้เย่เทียนเฉินหายดี แต่ตัวเธอเองกลับจากไปเงียบๆ

“ไปแล้ว? รั่วถงเธอ…” คำพูดของเย่เทียนเฉินจุกอยู่ในลำคอไปชั่วครู่ ไม่รู้จะพูดอะไรดี

“ในใจของนายคิดยังไงย่อมรู้ตัวเองดี รั่วถงเองก็เข้าใจ ดังนั้นเธอจึงจากไป!”

จางอีเต๋อกล่าวจบก็ออกไปจากห้อง เหลือเพียงเย่เทียนเฉินที่ตกตะลึงอยู่ที่เดิมเพียงลำพัง ไม่พูดอะไรไปครึ่งค่อนวัน เขาเข้าใจความหมายในคำพูดนี้ของจางอีเต๋อดี จางรั่วถงต้องรวบรวมความกล้า ยอมเสียสละร่างกายบริสุทธิ์ของตนเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บให้เขา จนกระทั่งเขาหายดีแล้วจึงจากไป เขาสามารถจินตนาการได้เลยว่า แผ่นหลังของนางในยามที่จากไปเงียบๆ จะโดดเดี่ยวเพียงใด

เหตุใดจางรั่วถงจึงได้จากไป? ในจุดนี้ใจของเย่เทียนเฉินเข้าใจกระจ่าง นั่นเป็นเพราะเขากับจางรั่วถงไม่ได้มีความรู้สึกระหว่างชายหญิงต่อกัน ไม่ได้มีความสัมพันธ์เหมือนแฟน อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้มีความรักต่อจางรั่วถง กล่าวคือทั้งสองจะมีความกระอักกระอ่วน จะเข้าหน้ากันไม่ติด กระทั่งไม่อาจมองหน้ากันได้ ดังนั้นจางรั่วถงจึงจากไป ผู้หญิงคนนี้เสียสละมากมาย มอบร่างกายอันบริสุทธิ์ของตนออกมาเงียบๆ

เย่เทียนเฉินเดินมาในลานบ้านตระกูลจาง เห็นจางอีเต๋อกำลังนั่งสูบบุหรี่อยู่ข้างโต๊ะหิน สิ่งที่จางอีเต๋อกำลังสูบก็คือยาสูบ ในยุคสมัยเช่นนี้เกรงว่าจะมีน้อยคนที่สูบ และมีน้อยคนที่มีใบยาสูบเช่นนี้

“ตาแก่ ครั้งนี้ผมไม่รู้ว่าจะตอบแทนคุณและรั่วถงยังไงดี วันข้างหน้าหากมีเรื่องอะไรก็เรียกได้ ผมเย่เทียนเฉิน ต่อให้ตายก็จะไม่ปฏิเสธ!” เย่เทียนเฉินมองไปยังจางอีเต๋อแล้วพูดขึ้นอย่างจริงจัง

เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เทียนเฉิน จางอีเต๋อก็เงยหน้าขึ้นมองเขาครั้งหนึ่ง จากนั้นจึงทอดถอนใจออกมาแล้วเอ่ยขึ้นว่า “นั่งลงเถอะ พวกเรามาคุยกันสักหน่อย!”

ความจริงแล้วจางอีเต๋อมีความประทับใจต่อเย่เทียนเฉินไม่เลวเลยทีเดียว ในสายตาของเขา ไอ้หนูคนนี้แม้จะมีบางครั้งที่ดูอันธพาลและดูพึ่งพาไม่ได้ไปบ้าง กระทั่งมีความรู้สึกที่ทำให้ผู้คนรู้สึกอยากอัดอย่างบรรยายไม่ถูกอยู่บ้าง แต่กลับไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร โดยเฉพาะในยามที่จริงจังขึ้นมา บรรยากาศที่เป็นดั่งเทพสังหารและความสามารถอันลึกล้ำยากจะคาดเดานั้นมากพอที่จะทำให้ผู้คนต้องทอดถอนใจด้วยความตื่นตะลึง รวมกับที่มีฐานะเป็นผู้มีพลังพิเศษเช่นเดียวกัน จึงมีความคิดเหมือนกันในด้านของพลังพิเศษและเส้นทางแห่งการมีชีวิตยืนยาว

เพียงแต่สิ่งเดียวที่ไม่อาจทำให้จางอีเต๋อวางใจได้ชั่วขณะก็คือ จางรั่วถงหลานสาวของตนมีร่างกายที่ไม่เหมือนกับคนปกติ ความลับนี้มีเพียงตัวจางรั่วถงและจางอีเต๋อเท่านั้นที่รู้ ไม่มีบุคคลที่สามรับรู้ และจางอีเต๋อเองก็ไม่กล้าให้คนที่สามรับรู้เช่นกัน เนื่องจากกลัว่าเมื่อร่างกายของจางรั่วถงถูกเผยออกมาจะดึงดูดคนชั่วเข้ามาเป็นจำนวนมาก แต่กลับคิดไม่ถึงว่าในครั้งนี้หลานสาวของตนจะถึงกับมอบร่างกายอันบริสุทธิ์ของตนให้แก่เย่เทียนเฉิน นี่เป็นการสูญเสียอย่างใหญ่หลวงสำหรับจางรั่วถง ไม่ว่าจะเป็นด้านความไม่สมบูรณ์ของร่างกายหรือจะเป็นความเสียหายของพลังสายเลือดในร่างกายก็ตาม

เย่เทียนเฉินนั่งลงตรงข้ามจางอีเต๋อ ทั้งสองสนทนากันซึ่งหน้า

“เจ้าหนู จะบ้าระห่ำเกินไปแล้วจริงๆ ทั้งๆ ที่รู้ว่าในร่างกายของตัวเองมีพลังพิเศษอยู่หลายชนิด เดิมทีก็ยากจะควบคุมอยู่แล้ว แต่ยังไปกระตุ้นพลังขอบเขตขั้นสูงสุดในสภาพที่ปัจจัยทางด้านร่างกายไม่สมบูรณ์อีก นี่เป็นการรนหาที่ตายชัดๆ!” จางอีเต๋อมองไปยังเย่เทียนเฉิน พูดขึ้นอย่างจนใจพลางส่ายหน้า

“มีเพียงการต่อสู้ในสถานการณ์เป็นตายแบบนี้เท่านั้นจึงจะสามารถยกระดับและทะลวงไปได้!” เย่เทียนเฉินพูดด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย

“เจ้าหนู ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วจริงๆ หรือไง นายรนหาที่ตายมันไม่สำคัญ แต่อย่าได้ลากรั่วถงไปด้วย!” จางอีเต๋อกรอกตาใส่เย่เทียนเฉินแล้วพูดขึ้น

“รั่วถงเป็นผู้หญิงที่ดีคนหนึ่ง ถ้าหากเธอเต็มใจ ผมก็จะไม่ทำตัวแย่ๆ กับเธอ!” เย่เทียนเฉินพูดขึ้นอย่างจริงจังและจริงใจ

“หึ นายอย่าได้คิดฟุ้งซ่านไปเลย เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ คนแบบนาย หากทุกครั้งที่ได้รับบาดเจ็บจะต้องให้รั่วถงคอยช่วย เพียงไม่นานเธอก็จะตายแน่นอน!” จางอีเต๋อแค่นเสียงเย็นครั้งหนึ่งแล้วพูดขึ้น

“ตาแก่ ผมรู้ว่าร่างกายของรั่วถงพิเศษ ไม่งั้นคงกำจัดพลังอานุภาพของกระบี่ไท่อาไม่ได้แน่นอน ร่างกายรั่วถงมีความพิเศษยังไงกันแน่?” เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

ไม่ว่าจะเป็นโลกในปัจจุบันนี้หรือในดาวสิ้นโลกก่อนหน้านี้ เย่เทียนเฉินรู้ว่าบนโลกใบนี้มีคนที่มีร่างกายพิเศษอยู่เป็นจำนวนมาก บางคนแข็งแกร่งโดยกำเนิดเพราะร่างกายที่มีลักษณะพิเศษ บางคนสามารถบ่มเพาะพลังได้อย่างรวดเร็วเพราะร่างกายอันพิเศษนี้ แน่นอนว่ามีบางคน เพราะมีร่างกายเช่นนี้ ต่อให้มีความฉลาดเฉลียวมากเพียงใดก็เป็นได้แค่มนุษย์ธรรมดาไปชั่วชีวิต ทำได้แค่รอการเกิดแก่เจ็บตายเท่านั้น ไม่สามารถเดินบนเส้นทางบ่มเพาะได้ ต้องร่ำให้ไปชั่วชีวิต

“นี่ไม่เกี่ยวกับนาย ฉันอยากรู้ว่ากระบี่ไท่อาอยู่ที่ไหน?” จางอีเต๋อไม่ตอบคำถามของเย่เทียนเฉิน แต่กลับถามถึงกระบี่ไท่อา

“มีปัญหาอะไรเหรอ? ผมฆ่าเสวี่ยโม่เจียวที่เป็นลูกน้องของคุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงไปแล้ว กระบี่ไท่อาก็ต้องอยู่ในมือของผมอยู่แล้ว!” เย่เทียนเฉินพูดจีบปากจีบคอ

จางอีเต๋อมองเย่เทียนเฉินครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยปากอย่างจริงจัง “มีคำเล่าลือกันว่าเดิมทีกระบี่โบราณทั้งสิบเล่มไม่ใช่สิ่งของในโลกนี้ เรื่องนี้จะต้องมีความลับที่ยิ่งใหญ่อยู่แน่นอน!”

“อะไรนะ? เดิมทีกระบี่โบราณทั้งสิบเล่มไม่ใช่ของโลกนี้?” เย่เทียนเฉินเองก็รู้สึกแปลกใจมาก คิดไม่ถึงว่ากระบี่โบราณทั้งสิบเล่มบนโลกจะไม่ใช่ของโลกใบนี้ ความลับเช่นนี้เมื่อถูกพูดออกมาจากปากของจางอีเต๋อที่เป็นผู้มีพลังพิเศษอาวุโส ยังคงเชื่อถือได้มาก

“ไม่ใช่ เล่าลือกันว่ากระบี่โบราณทั้งสิบเล่มตกจากฟ้าลงมาบนโลก ส่วนเรื่องที่ว่ามาจากที่ไหน มีความลับอะไรอยู่ ยังไม่มีใครรู้ ฉันเคยเห็นกระบี่อวี๋ฉางมาก่อน รู้สึกได้ว่ากระบี่เล่มนั้นไม่ปกตินัก มีการผันผวนของพลังจากโลกที่แตกต่างกันออกไป พลังแห่งการบ่มเพาะแข็งแกร่งมาก” จางอีเต๋อส่ายหน้าแล้วพูดขึ้น

“การผันผวนของพลังจากโลกที่แตกต่างกันออกไป พลังการบ่มเพาะที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า? หรือจะมาจากดาวจักรพรรดิ?” เย่เทียนเฉินเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ

ดาวจักรพรรดิ เป็นการดำรงอยู่ที่ไม่อาจจินตนาการได้ ล้วนมีบันทึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์สมัยโบราณและประวัติศาสตร์อย่างไม่เป็นทางการของโลก

ถึงแม้เย่เทียนเฉินจะไม่เข้าใจมากนัก แต่บางครั้งก็สามารถมองเห็นดาวอันว่างเปล่าได้ในยามค่ำคืนที่ไร้ผู้คน สามารถมองเห็นดาวจักรพรรดิที่เปล่งประกายออกมา ให้ความรู้สึกแปลกประหลาดมาก ตามที่จางอีเต๋อพูด ในตอนที่เขาได้พบพระของลัทธิเต๋าบริเวณภูเขาหลังวัดเส้าหลินที่นั่งละสังขารอยู่นั้น เขามองไปยังทิศทางของดาวจักรพรรดิและถอนใจออกมา ท่าทางดาวจักรพรรดิจะมีความลับมากมาย กระทั่งอาจเกี่ยวข้องกับความลับในสมัยโบราณอันห่างไกลของโลกใบนี้

“ไม่รู้เหมือนกัน สรุปคือฉันจะได้อ่านข้อมูลมาบ้าง ดูเหมือนจะมั่นใจได้ว่ากระบี่โบราณทั้งสิบเล่ม ไม่มีแม้แต่เล่มเดียวที่เกิดมาจากโลก ทั้งหมดมาจากที่อื่น นอกจากนั้นภายในอาวุธสิบเล่มนี้ ดูเหมือนจะมีความเกี่ยวข้องอะไรกัน ฉันสงสัยว่าอาจจะเป็นของที่เหมือนกับกระบี่เทพสังหารทั้งสี่เล่ม!” จางอีเต๋อพูดความคิดเห็นของตนออกมาอย่างใจกล้า เขารู้ว่าเย่เทียนเฉินแม้จะอายุน้อย แต่มีความคิดเป็นเอกลักษณ์

กระบี่เทพสังหารทั้งสี่เล่มไม่ใช่ของที่อยู่ในตำนานเล่าขาน แต่มีตัวตนอยู่จริงๆ กระบี่ทั้งสี่เล่มนี้เกิดบนโลกใบนี้แน่นอน จนถึงตอนนี้ก็ยังถูกบุคคลผู้มีความสามารถเก็บซ่อนเอาไว้ ความจริงแล้วกระบี่เทพสังหารทั้งสี่เล่มเป็นสิ่งที่นักบวชในลัทธิเต๋าสร้างขึ้นมา ด้านในแฝงไปด้วยไอสังหารอันเข้มข้น เมื่อมียอดฝีมือสี่คนถือเอาไว้และร่วมมือกันใช้กระบวนท่า จะให้ผลลัพธ์ที่สามารถสังหารเทพและปีศาจได้ ดังนั้นชื่อของกระบี่เทพสังหารทั้งสี่จึงสั่นสะเทือนโลกหล้ามาถึงทุกวันนี้

สิ่งที่ทำให้ผู้คนคิดไม่ถึงก็คือ กระบี่โบราณทั้งสิบเล่มถึงกับไม่ใช่อาวุธของโลก กระบี่ทั้งสิบเล่มนี้อาจจะร้ายกาจยิ่งกว่ากระบี่เทพสังหารทั้งสี่เสียอีก แต่กลับไม่ใช่อาวุธของโลก ถ้าเช่นนั้นมาจากที่ไหนกันล่ะ?

นักโบราณคดีในปัจจุบันและคนที่ศึกษาในเรื่องของประวัติศาสตร์โบราณจำนวนหนึ่งก็ยังไม่พบและไม่รู้โดยสิ้นเชิงว่ากระบี่โบราณทั้งสิบเล่มนี้ถึงกับไม่ใช่อาวุธของโลก มีความเป็นไปได้มากกว่าจะมาจากที่อื่น หากข้อมูลนี้แพร่ออกไปเกรงว่าจะทำให้ทั่วทั้งโลกต้องเดือดพล่าน

“ตาแก่ คำพูดนี้จะเพ้อฝันเกินไปหรือเปล่า? ตามความคิดของคุณก็คือ กระบี่โบราณทั้งสิบไม่ใช่อาวุธของโลก แต่ตกลงมาจากสถานที่อื่นงั้นหรือ? ยิ่งไปกว่านั้นกระบี่โบราณทั้งสิบเล่มอาจจะสามารถรวมเป็นหนึ่งเดียวกันได้ หรืออย่างน้อยก็เป็นค่ายกลกระบี่เดียวกัน?”

เย่เทียนเฉินถามออกมาด้วยความสงสัยที่อัดแน่นเต็มสมอง ไม่ใช่ว่าเขาจะบอกว่าการที่กระบี่โบราณทั้งสิบเล่มมาจากที่อื่นและเป็นค่ายกลกระบี่ค่ายกลเดียวกันจะเป็นเรื่องแปลกอะไร สำหรับเขาที่เคยเป็นผู้แข็งแกร่งที่มีพลังพิเศษระดับพระเจ้า ไม่มีความคิดเหมือนคนบนโลกในยุคปัจจุบันนานแล้ว ในโลกของการบ่มเพาะมีเรื่องแปลกประหลาดมากมาย สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องปกติ

แต่สิ่งที่ทำให้เย่เทียนเฉินไม่เข้าใจก็คือ หากกระบี่โบราณทั้งสิบเล่มไม่ได้เกิดจากโลกใบนี้แต่มาจากที่อื่นเหมือนที่จางอีเต๋อพูด ถ้าอย่างนั้นจะมาจากที่ไหนกัน? ยิ่งไปกว่านั้นเย่เทียนเฉินยังได้เห็นอานุภาพของกระบี่ไท่อาซึ่งเป็นหนึ่งในกระบี่โบราณทั้งสิบเล่มมาแล้ว นี่เป็นกระบี่ที่ถูกผู้คนบนโลกเรียกขานว่ากระบี่แห่งเดชานุภาพ นั่นก็มีเหตุผล ภายในตัวกระบี่แฝงไปด้วยพลังฤทธิ์เดชนับพันปียังไม่สูญสลาย เมื่อปรากฏออกมาจึงมีพลังอานุภาพที่กำลังมนุษย์ไม่สามารถควบคุมได้

เห็นได้เลยว่ากระบี่อีกเก้าที่เหลือจะต้องไม่อ่อนแอแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นในตอนที่กระบี่ไท่อายังไม่ถูกดึงพลังที่แท้จริงออกมาทั้งหมด ก็เกือบจะเอาชีวิตเย่เทียนเฉินได้แล้ว หากเป็นเหมือนที่จางอีเต๋อพูดจริงๆ หากนำกระบี่ทั้งสิบเล่มมารวมเข้าด้วยกันเป็นค่ายกลหนึ่งเดียว จะน่าหวาดกลัวขนาดไหน? เกรงว่าจะมีอานุภาพมากกว่ากระบี่เทพสังหารทั้งสี่ด้วยซ้ำ

“แต่ยังมีอีกความคิดหนึ่งนั่นก็คือ เดิมทีกระบี่เทพสังหารทั้งสี่ก็เป็นกระบี่สีเล่มที่อยู่ในกระบี่โบราณทั้งสอบ เพียงแต่ตกไปอยู่ในมือของนักพรตเต๋าคนนั้น แล้วฝืนนำพวกมันหลอมเป็นอาวุธเทพทั้งสี่เล่มและใช้สร้างค่ายกลกระบี่ขึ้นมา!” จางอีเต๋อพูดพลางขมวดคิ้ว

“ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆ งั้นนักพรตเต๋าก็แข็งแกร่งมาก คนคนนี้เป็นใคร?” เย่เทียนเฉินไม่มีความรู้เรื่องของกระบี่เทพสังหาร ดังนั้นจึงถามด้วยความสงสัย

“ประมาณหลายพันปีก่อน มีนักพรตเต๋าคนหนึ่งชื่อทงเทียน ก่อตั้งสำนักสั่งสอนขึ้นมาแห่งหนึ่ง จึงถูกผู้คนยกย่องเป็นทงเทียนเจี้ยวจู่!” จางอีเต๋อเอ่ยปากพูด

“คนคนนี้เดินบนเส้นทางแห่งการบ่มเพาะได้ไกลมาก ไม่งั้นคงไม่ได้รับกระบี่เทพทั้งสี่เล่มนั้นแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นยังฝืนหลอมเป็นกระบี่เทพสังหารอีกด้วย!” ดูเหมือนเย่เทียนเฉินจะคิดถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

“เป็นคนที่แข็งแกร่งมากจริงๆ สามารถนำกระบี่เทพทั้งสี่เล่มมาสร้างเป็นค่ายกลกระบี่ได้ และยังควบคุมได้อีกด้วย ถ้าสำแดงพลังที่สามารถทลายฟ้าดินออกมาได้ จะต้องมากพอที่จะทำให้ผู้คนสั่นสะท้านแน่นอน!” ในใจของจางอีเต๋อก็รู้สึกทอดถอนใจด้วยความตื่นตะลึง เขาเป็นคนของโลกนี้ ย่อมคิดถึงตำนานของทงเทียนเจี้ยวจู่

………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+