เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ 292 กระบี่แห่งเดชานุภาพ

Now you are reading เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ Chapter 292 กระบี่แห่งเดชานุภาพ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เสวี่ยโม๋เจียวเองก็ถูกโจมตีจนกระอักเลือดออกมา ถึงแม้ความสามารถของเขาจะแข็งแกร่งมาก ฝีมือก็แปลกประหลาด เมื่อรวมกับดาบอันลึกลับเล่มนั้นในมือของเขา ความจริงแล้วเหนือกว่าเถี่ยเป้าจริงๆ แต่กลับไม่สามารถทนรับการล้อมโจมตีของยอดฝีมือทั้งสามคนอย่างอู๋เสวี่ย หวังเจี๋ย และหลินตวนได้ เมื่อมีหลินตวนเพิ่มเข้าไป ดาบเจ็ดดาวแสดงอำนาจออกมาไม่ถึงสิบกระบวนท่า เสวี่ยโม๋เจียวก็ถูกอัดจนกระเด็นออกไปแล้ว ตกลงบนพื้นอย่างรุนแรง อดไม่ได้ที่จะกระอักเลือดออกมา

สิ่งที่ทำให้เสวี่ยโม๋เจียวคาดไม่ถึงก็คือ ฝีมือของเย่เทียนเฉินจะแข็งแกร่งถึงขนาดนั้น หลังจากที่สู้กับอาชูร่าและเถี่ยเป้าซึ่งเป็นยอดฝีมือระดับสูงทั้งสองคนแล้ว ยังสามารถหลบกระบวนท่าสังหารของตนได้อีก มิน่าล่ะคุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงถึงได้เห็นเย่เทียนเฉินเป็นศัตรูอันดับหนึ่งในช่วงหลายปีมานี้ และเตรียมที่จะเล่นกับเย่เทียนเฉินให้ดีๆ สักหน่อย

สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือกลุ่มอำนาจที่เย่เทียนเฉินเพิ่งจะก่อตั้งขึ้นมา ในหมู่สิบสามจ้าวสวรรค์ถึงกับมีผู้แข็งแกร่งเช่นอู๋เสวี่ย หวังเจี๋ยและหลินตวนอยู่ด้วย หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเกรงว่าไม่นานเย่เทียนเฉินก็จะสามารถต่อต้านคุณชายใหญ่ได้แล้ว

และสิ่งที่ทำให้เสวี่ยโม๋เจียวหดหู่จนแทบจะกระอักเลือดออกมาก็คือ เดิมทีแขนทั้งสองของเย่เทียนเฉินก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการต่อสู้กับอาชูร่ามาแล้ว เถี่ยเป้าเองก็เป็นผู้มีพลังในขอบเขตนักรบราชันซึ่งไม่ด้อยไปกว่าผู้มีพลังพิเศษในขอบเขตจอมราชันเลย และเพื่อที่จะป้องกันการโจมตีสังหารของเถี่ยเป้า เย่เทียนเฉินจึงฝืนใช้พลังพิเศษขึ้นมาอีกครั้ง นี่ไม่เพียงแต่จะทำให้แขนทั้งสองบาดเจ็บ แต่ยังทำให้อวัยวะภายในได้รับความเสียหายในระดับที่แตกต่างกันไปอีกด้วย เรียกได้ว่าเสียพลังในการต่อสู้ไปแล้ว ในสถานการณ์เช่นนี้ไม่ต้องพูดถึงเรื่องตัดแขนขวาของเย่เทียนเฉินเลย ต่อให้ตัดแขนขาทั้งสี่ของเย่เทียนเฉินก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร ไหนเลยจะรู้ว่าระหว่างนั้นจะมีอู๋เสวี่ย หวังเจี๋ย และหลินตวน ยอดฝีมือทั้งสามคนนี้โผล่ออกมา เสวี่ยโม๋เจียวตกอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกไล่ต้อนในเวลาชั่วพริบตา

“พวกแกทำให้ฉันโกรธแล้วตอนนี้ฉันเปลี่ยนความคิดแล้วต่อให้เป็นคำสั่งของคุณชายใหญ่ที่ยิ่งใหญ่ ฉันก็จะฆ่าพวกแกทั้งหมด!” เสวี่ยโม๋เจียวใบหน้าอัปลักษณ์ตะโกนออกมาราวกับบ้าไปแล้ว

ตู้ม!

เสียงคำรามดังขึ้น อู๋เสวี่ย หวังเจี๋ย และหลินตวน ยอดฝีมือทั้งสามคนถึงกับถูกกระแทกออกไปเกือบจะร่วงลงสู่พื้น ส่วนเสวี่ยโม๋เจียวยืนอยู่กลางโรงงานรกร้าง กลิ่นอายเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ทั่วทั้งร่างมีพลังภายในจำนวนมหาศาลเอ่อล้นออกมา น่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ภายในโรงงานรกร้างแห่งนี้เต็มไปด้วยพลังภายในอันบ้าคลั่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งดาบในมือขวาของเสวี่ยโม๋เจียวถึงกับกลายเป็นกระบี่ยาวเล่มหนึ่ง ส่องประกายสีแดงเลือดออกมา ดูสะดุดตายิ่งนัก เรียกได้ว่าความสามารถของเสวี่ยโม๋เจียวเพิ่มมากขึ้นในทันที นั่นเพราะอาศัยกระบี่ยาวเล่มนั้น

“นี่…กระบี่เล่มนี้ดูแปลกๆ หรือเปล่า?” อู๋เสวี่ยขมวดคิ้วเอ่ยปากออกมาด้วยความสงสัย

“ดูเหมือนจะเคยได้ยินจากที่ไหนมาก่อน กระบี่ที่ส่งแสงสีแดงเลือด…” หวังเจี๋ยเองก็รู้สึกคุ้นๆ ตกลงแล้วกระบี่เล่มนี้มีที่มาอย่างไรกันแน่ ในเวลาเพียงชั่วครู่กลับคิดไม่ออก รู้เพียงว่าน่ากลัวเป็นอย่างมาก

“หรือว่า…หรือว่าจะเป็นกระบี่ไท่อา?” หลินตวนถามอย่างแปลกใจ

หลินตวนพูดได้ตรงจุด เขามีฐานะเป็นผู้แข็งแกร่งแห่งพรรควรยุทธโบราณ และได้รับสืบทอดดาบเจ็ดดาวมาจากอาจารย์ นี่เป็นหนึ่งในอาวุธวิเศษที่ยังคงมีอยู่ของพรรควรยุทธโบราณ เขาย่อมมีความรู้เกี่ยวกับอาวุธที่แข็งแกร่งอยู่บ้าง

“อะไรนะ? กระบี่ไท่อา?”

“กระบี่แห่งเดชานุภาพ ทำไมถึงมาอยู่ในมือของปีศาจสังหารอย่างมันได้?”

อู๋เสวี่ยและหวังเจี๋ยสองคนไม่อยากจะเชื่อ แต่ในมือขวาของเสวี่ยโม๋เจียวตอนนี้ กระบี่เล่มนั้นส่องแสงสีแดงเลือดออกมา นี่เป็นข้อพิสูจน์ถึงตำนานเล่าขานของกระบี่ไท่อาได้อย่างดี นี่คือกระบี่แห่งเดชานุภาพ

กระบี่โบราณทั้งสิบเล่มได้แก่ กระบี่ศักดิ์สิทธิ์ กระบี่เมตตาธรรม กระบี่คุณธรรมแห่งจักรพรรดิ กระบี่แห่งเดชานุภาพ กระบี่แห่งความซื่อสัตย์ กระบี่แห่งรักนิรันดร์ทั้งสองเล่ม(กานเจียและม่อเหยีย) กระบี่แห่งความกล้าหาญเด็ดเดี่ยว กระบี่ทรงศักดิ์สูงสุด และกระบี่แห่งความสง่างาม ซึ่งกระบี่ไท่อาคือกระบี่แห่งเดชานุภาพซึ่งจัดเป็นอันดับสี่ เรียกได้ว่าแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก

ตำนานเล่าขานว่า กระบี่ไท่อานั้นเป็นกระบี่ที่ปรมาจารย์โอวเหยี่ยและกานเจียงทั้งสองท่านร่วมมือกันตีขึ้นมา เป็นสมบัติของแคว้นฉู่ เป็นกระบี่แห่งเดชานุภาพ

เมื่อปีนั้นเมืองหลวงของแคว้นฉู่ถูกทหารแคว้นจินล้อมไว้สามปีแล้ว แคว้นจินส่งทหารออกมาสู้กับฉู่ และต้องการที่จะได้รับสมบัติแห่งแคว้นฉู่ ซึ่งก็คือกระบี่ไท่อา

บนโลกนี้กล่าวกันว่า กระบี่ไท่อาเกิดจากปรมาจารย์โอวเหยียและกานเจียงร่วมมือกันสร้างขึ้นมา แต่ปรมาจารย์ทั้งสองท่านไม่ได้มีความคิดเช่นนี้ พวกเขาบอกว่ากระบี่ไท่อาเป็นกระบี่เดชานุภาพของเจ้าครองแคว้นที่ดำรงอยู่ตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแต่ไร้ลักษณ์ ไร้ร่องรอย แต่ปราณกระบี่สถิตอยู่กับฟ้าดินมาตั้งแต่แรกแล้ว รอจังหวะที่จะผนึกรวมเข้าด้วยกันเท่านั้น เวลา สถานที่ ผู้คน สามวิถีรวมเป็นหนึ่ง กระบี่เล่มนี้จึงบังเกิดขึ้นมา

แคว้นจินในตอนนั้นแข็งแกร่งมากที่สุด อ๋องจินคิดว่าตนมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะได้รับกระบี่ศักดิ์สิทธิ์เล่มนี้ แต่สถานการณ์กลับไม่เป็นอย่างที่คิด กระบี่เล่มนี้กลับถูกสร้างขึ้นในแคว้นฉู่ที่อ่อนแอ ในตอนที่กระบี่ปรากฏขึ้น บนกระบี่มีอักษรคำว่า “ไท่อา” สลักเอาไว้ตามธรรมชาติ เห็นได้ว่าคำพูดของท่านปรมาจารย์โอวเหยียและปรมาจารย์กานเจียงเป็นความจริง แคว้นจินไม่สามารถกล้ำกลืนความโกรธนี้ได้ จึงขอกระบี่จากอ๋องฉู่ แต่อ๋องฉู่ปฏิเสธ ทำให้อ๋องจินยกทัพมาโจมตีแคว้นฉู่ ใช้การขอกระบี่เป็นข้ออ้างในการทำลายแคว้นฉู่ กำลังทหารแตกต่างกันมาก เมืองของแคว้นแคว้นฉู่ส่วนใหญ่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกล้อมนานถึงสามปี เสบียงอาหารภายในเมืองหมด ทหารไร้ระเบียบ ตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย

วันนี้เองแคว้นจิ้นได้ส่งทูตออกไปยื่นคำขาดครั้งสุดท้าย ถ้าหากไม่มอบกระบี่มาให้ วันพรุ่งนี้จะบุกยึดเมือง ถึงเวลานั้นทุกอย่างก็จะพังพินาศเหลือแต่ซาก! อ๋องฉู่ไม่ยินยอม สั่งคนว่าพรุ่งนี้ตนจะไปประหัตประหารข้าศึกบนกำแพงเมืองด้วยตัวเอง ถ้าเมืองแตก ตนเองก็จะใช้กระบี่นี้ฆ่าตัวตาย จากนั้นให้ผู้ติดตามเก็บกระบี่เอาไว้ ขี่ม้าไปที่ทะเลสาบใหญ่และนำกระบี่นี้โยนลงไปในทะเลสาบ ให้กระบี่ไท่อาอยู่ที่แคว้นฉู่ไปตลอดกาล วันต่อมา อ๋องฉู่ขึ้นไปบนกำแพงเมือง เห็นว่าด้านนอกกำแพงมีทหารแคว้นจินมามืดฟ้ามัวดิน เมืองของตนเปรียบดั่งเรือน้อยหนึ่งลำในมหาสมุทร สามารถถูกทำลายไปได้ทุกเมื่อ ทหารแคว้นจินเริ่มโจมตีเมือง เสียงคำรามกึกก้องดั่งขุนเขาคำรามมหาสมุทรแพทย์ร้อง เมืองใกล้จะแตกอยู่รอมร่อ

อ๋องฉู่ใช้สองมือประคองกระบี่ ทอดถอนใจยาวๆ ครั้งหนึ่งแล้วพูดว่า “กระบี่ไท่อาเอ๋ย วันนี้ข้าจักใช้เลือดของตนสังเวยให้แก่เจ้า!” จากนั้นจึงดึงกระบี่ออกจากฝัก ยกกระบี่ชี้ไปทางกองทหารของศัตรู ปาฏิหาริย์อันแปลกประหลาดได้อุบัติขึ้นแล้ว ปราณกระบี่อันมหาศาลพุ่งยิงออกไปอย่างรุนแรง ที่นอกเมืองฝนทรายปลิวตลบโดยพลัน ราวกับอยู่ท่ามกลางเสียงสัตว์อสูรแผดร้อง กองทหารของแคว้นจินสับสนอย่างหนัก ชั่วขณะต่อมา กองธงล้มลงสู่พื้น เลือดไหลนับพันลี้ ทหารทั้งหมดสิ้นชีพ…หลังจากเรื่องนี้ อ๋องฉู่เรียกตัวเฟิงหูจื่อซึ่งเป็นปราชญ์ของแคว้นมาสอบถามว่า เหตุใดกระบี่ไท่อาจึงทรงอำนาจถึงเพียงนี้?

เฟิ่งหูจื่อตอบว่า กระบี่ไท่อาเป็นกระบี่แห่งเดชานุภาพ และเดชานุภาพภายในจิตใจจึงจะเป็นเดชานุภาพที่แท้จริง ท่านอ๋องอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากแต่ไม่ยอมสยบต่อศัตรู แสดงให้เห็นถึงเดชานุภาพอันแข็งแกร่งในจิตใจ นั่นคือเดชานุภาพในจิตใจของท่านอ๋องไปกระตุ้นพลังของกระบี่ไท่อา!

เมื่อมีกระบี่ไท่อาในตำนานอันศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ เดิมทีก็ทำให้นับถือเลื่อมใสอยู่แล้ว คนที่มีความเกรียงไกรไม่ยอมจำนนถึงจะสามารถใช้ได้ ถึงจะสามารถแสดงอำนาจของกระบี่ไท่อาออกมาได้ เสวี่ยโม๋เจียวที่เป็นปีศาจฆ่าคนประเภทนี้ไม่มีมนุษยธรรมแม้แต่ครึ่งส่วน จะสามารถใช้กระบี่ไท่อาได้อย่างไร นี่ทำให้อู๋เสวี่ยและหวังเจี๋ยไม่อยากที่จะเชื่อมากที่สุด พวกเขาอยากจะบอกว่ากระบี่ในมือของเสวี่ยโม๋เจียวไม่ใช่กระบี่ไท่อาที่เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ แต่แสงสีแดงเลือดที่ส่องทะยานขึ้นฟ้า สาดส่องไปทั่วทั้งโรงงานร้าง อากาศถูกฉีกขาด ราวกับได้ยินเสียงกรีดร้องอันโศกเศร้าของสรรพชีวิตที่สูญเสีย เกิดอำนาจโจมตีอันทรงพลังอันไร้รูปแบบ นี่เป็นข้อพิสูจน์ที่ดีที่สุดของกระบี่ไท่อาซึ่งเป็นกระบี่แห่งเดชานุภาพ

ตายให้หมด พวกแกต้องตายให้หมด…” เสวี่ยโม๋เจียวสั่นสะท้านไปทั้งร่างราวกับไม่สามารถควบคุมกระบี่ไท่อาที่มีประกายแสงสีเลือดพุ่งสู่ฟ้าได้ นี่ดูเหมือนว่ากระบี่แห่งเดชานุภาพกำลังจะทลายฟ้าอย่างไรอย่างนั้น ราวกับไม่อยู่ในการควบคุมของเสวี่ยโม๋เจียว เพียงแต่เสวี่ยโม๋เจียวยังคงใช้มือทั้งสองจับเอาไว้สุดแรง ต้องการที่จะใช้การโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดฟาดฟันใส่พวกเย่เทียนเฉินทั้งสี่คน

“ไม่ถูก ไม่ใช่ว่าเสวี่ยโม๋เจียวกระตุ้นกระบี่ไท่อา อาจจะเป็นกระบี่ไท่อาอาบย้อมไปด้วยเลือดของมนุษย์ จึงมีชีวิตขึ้นมาด้วยตัวเองแล้ว มือทั้งสองของเสวี่ยโม๋เจียวก็คงจะต้องสวมถุงมือถึงจะสัมผัสได้ เพื่อแยกเขาออกจากไอสังหาร ไม่งั้นกระบี่ไท่อาอาจจะย้อนกลับไปทำร้ายเขาได้!” อู๋เสวี่ยพบว่ามือทั้งสองของเสวี่ยโม๋เจียวสวมถุงมือสีดำอยู่ จึงรีบเอ่ยปากพูดขึ้น

“ถูกต้อง กระบี่ไท่อาเป็นกระบี่ห่างเดชานุภาพ ต้องเป็นคนที่มีจิตใจยุติธรรม เป็นคนที่มีพลานุภาพของจักรพรรดิก็สามารถควบคุมได้ เสวี่ยโม๋เจียวกำลังฝืนใช้งานอยู่!” หวังเจี๋ยเองก็พยักหน้าแล้วพูดขึ้น

“งั้น…งั้นตอนนี้พวกเราจะทำยังไงดี?” หลินตวนรู้สึกทำอะไรไม่ถูก กระบี่ไท่อามีอานุภาพยิ่งใหญ่ ต่อให้ไม่ยอมรับการควบคุมของเสวี่ยโม๋เจียว แต่ก็ยังคงอยู่ในมือของเสวี่ยโม๋เจียว ใครก็ไม่กล้าเข้าไปใกล้ง่ายๆ กระบี่แห่งเดชานุภาพเช่นนี้เกรงว่ามีคนน้อยมากที่จะป้องกันได้

ซู่ม!

เย่เทียนเฉินพุ่งเข้าไปเป็นคนแรก ในตอนนี้เสวี่ยโม๋เจียวยังไม่ตวัดกระบี่ออกมา เย่เทียนเฉินก็ไม่สนใจอาการบาดเจ็บอีกต่อไป ใช้มือขวารวบรวมพลังพิเศษในขอบเขตจอมราชันขั้นสูงแล้วซัดออกไป เขารู้สึกได้ว่าหากปล่อยให้เสวี่ยโม๋เจียวตวัดกระบี่ออกมา เกรงว่าไม่เพียงแค่พวกเขาสี่คนที่จะต้องตาย สิบสามจ้าวสวรรค์ที่ยังสู้กับสิบสามราชาเสือดาวด้านนอกก็เป็นไปได้มากกว่าจะตายไปด้วย นี่ไม่ใช่ว่าความสามารถของเสวี่ยโม๋เจียวแข็งแกร่งมากเกินไป แต่เป็นกระบี่ไท่อาเล่มนี้ที่มีพลานุภาพสมชื่อ

ตู้ม!

เสียงดังสนั่น เย่เทียนเฉินปล่อยมันออกไปแล้วแต่กลับถูกประกายแสงสีเลือดที่ปล่อยออกมาจากกระบี่ไท่อากระแทกออกมา ตกลงสู่พื้นอย่างรุนแรง เขารีบยืนขึ้นจากพื้นอย่างรวดเร็ว สีหน้าดุดัน ไม่มีท่าทางเหยาะแหยะเลยแม้แต่น้อย และไม่มีท่าทางอันธพาลแม้แต่ครึ่งส่วน เย่เทียนเฉินในตอนนี้กลายเป็นเทพสังหารไปแล้ว หมัดแรกไม่ประสบความสำเร็จ ก็กระโดดเข้าไปอีกครั้ง ไม่สนใจว่าแขนขวาจะบิดงอจนผิดรูปไป ต่อยออกไปอีกครั้งหนึ่ง

เขายังคงไม่พะวงอะไร เดิมทีเย่เทียนเฉินก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่แล้ว ไม่สามารถใช้พลังพิเศษในขอบเขตจอมราชันขั้นสูงสุดออกมาได้ เรียกได้ว่ามีพลังการต่อสู้ไม่เท่าไหร่แล้ว ตอนนี้เป็นการฝืนลงมือ เพียงเพื่อไม่อยากให้เสวี่ยโม๋เจียวตวัดกระบี่ออกมา อานุภาพของกระบี่ไท่อายิ่งใหญ่เกินไป หากตวัดออกมาเกรงว่าจะต้องให้ความรู้สึกฟ้าถล่มดินทลายแน่นอน

“ฮ่าๆๆๆ กระบี่ไท่อาถูกฉันควบคุมเอาไว้แล้ว พวกแกทั้งหมดต้องตาย ต่อให้แกจะดิ้นรนยังไงก็ไม่มีประโยชน์!” เสวี่ยโม๋เจียวหัวเราะอย่างบ้าคลั่งแล้วตะโกนใส่เย่เทียนเฉิน

ฉัวะ!

เย่เทียนเฉินรวดเร็วดุจสายฟ้า ครั้งนี้เขาฝืนกระตุ้นพลังพิเศษทั้งหมดในร่างกายออกมา ยกระดับความสามารถในการต่อสู้จนถึงขีดสุด ยืนอยู่ในขอบเขตสูงสุดของระดับจอมราชันแล้ว มีแนวโน้มมากที่จะทะลวงไปสู่ระดับจักรพรรดิ ในตอนที่บุกเข้าไปหาเสวี่ยโม๋เจียวนั้นเอง ก็หันไปตะโกนใส่หลินตวนว่า “ส่งดาบมา!”

ฟุ่บ! หลินตวนได้สติขึ้นมาก็รีบโยนดาบเจ็ดดาวในมือไปบนอากาศ อยู่ในตำแหน่งเหนือศีรษะของเสวี่ยโม๋เจียวพอดี ในตอนนี้เองเย่เทียนเฉินหมุนตัวกระโดดขึ้นไปเหนือศีรษะของเสวี่ยโม๋เจียว มือทั้งสองจับด้ามดาบของดาบเจ็ดดาวเอาไว้ได้พอดี

“ไม่มีประโยชน์ ฉันจะส่งแกไปสวรรค์ก่อนแล้วกัน!” เสวี่ยโม๋เจียวตวัดกระบี่ไท่อา แสงสีแดงเลือดอันมหาศาลพุ่งไปสู่เย่เทียนเฉิน

“สังหารปีศาจ!” เย่เทียนเฉินเองก็ตะโกนออกมา มือทั้งสองกำดาบเจ็ดดาว ฟันลงมาจากฟากฟ้า ฟาดฟันลงไปยังเสวี่ยโม๋เจียว

…………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ 292 กระบี่แห่งเดชานุภาพ

Now you are reading เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ Chapter 292 กระบี่แห่งเดชานุภาพ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เสวี่ยโม๋เจียวเองก็ถูกโจมตีจนกระอักเลือดออกมา ถึงแม้ความสามารถของเขาจะแข็งแกร่งมาก ฝีมือก็แปลกประหลาด เมื่อรวมกับดาบอันลึกลับเล่มนั้นในมือของเขา ความจริงแล้วเหนือกว่าเถี่ยเป้าจริงๆ แต่กลับไม่สามารถทนรับการล้อมโจมตีของยอดฝีมือทั้งสามคนอย่างอู๋เสวี่ย หวังเจี๋ย และหลินตวนได้ เมื่อมีหลินตวนเพิ่มเข้าไป ดาบเจ็ดดาวแสดงอำนาจออกมาไม่ถึงสิบกระบวนท่า เสวี่ยโม๋เจียวก็ถูกอัดจนกระเด็นออกไปแล้ว ตกลงบนพื้นอย่างรุนแรง อดไม่ได้ที่จะกระอักเลือดออกมา

สิ่งที่ทำให้เสวี่ยโม๋เจียวคาดไม่ถึงก็คือ ฝีมือของเย่เทียนเฉินจะแข็งแกร่งถึงขนาดนั้น หลังจากที่สู้กับอาชูร่าและเถี่ยเป้าซึ่งเป็นยอดฝีมือระดับสูงทั้งสองคนแล้ว ยังสามารถหลบกระบวนท่าสังหารของตนได้อีก มิน่าล่ะคุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงถึงได้เห็นเย่เทียนเฉินเป็นศัตรูอันดับหนึ่งในช่วงหลายปีมานี้ และเตรียมที่จะเล่นกับเย่เทียนเฉินให้ดีๆ สักหน่อย

สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือกลุ่มอำนาจที่เย่เทียนเฉินเพิ่งจะก่อตั้งขึ้นมา ในหมู่สิบสามจ้าวสวรรค์ถึงกับมีผู้แข็งแกร่งเช่นอู๋เสวี่ย หวังเจี๋ยและหลินตวนอยู่ด้วย หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเกรงว่าไม่นานเย่เทียนเฉินก็จะสามารถต่อต้านคุณชายใหญ่ได้แล้ว

และสิ่งที่ทำให้เสวี่ยโม๋เจียวหดหู่จนแทบจะกระอักเลือดออกมาก็คือ เดิมทีแขนทั้งสองของเย่เทียนเฉินก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการต่อสู้กับอาชูร่ามาแล้ว เถี่ยเป้าเองก็เป็นผู้มีพลังในขอบเขตนักรบราชันซึ่งไม่ด้อยไปกว่าผู้มีพลังพิเศษในขอบเขตจอมราชันเลย และเพื่อที่จะป้องกันการโจมตีสังหารของเถี่ยเป้า เย่เทียนเฉินจึงฝืนใช้พลังพิเศษขึ้นมาอีกครั้ง นี่ไม่เพียงแต่จะทำให้แขนทั้งสองบาดเจ็บ แต่ยังทำให้อวัยวะภายในได้รับความเสียหายในระดับที่แตกต่างกันไปอีกด้วย เรียกได้ว่าเสียพลังในการต่อสู้ไปแล้ว ในสถานการณ์เช่นนี้ไม่ต้องพูดถึงเรื่องตัดแขนขวาของเย่เทียนเฉินเลย ต่อให้ตัดแขนขาทั้งสี่ของเย่เทียนเฉินก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร ไหนเลยจะรู้ว่าระหว่างนั้นจะมีอู๋เสวี่ย หวังเจี๋ย และหลินตวน ยอดฝีมือทั้งสามคนนี้โผล่ออกมา เสวี่ยโม๋เจียวตกอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกไล่ต้อนในเวลาชั่วพริบตา

“พวกแกทำให้ฉันโกรธแล้วตอนนี้ฉันเปลี่ยนความคิดแล้วต่อให้เป็นคำสั่งของคุณชายใหญ่ที่ยิ่งใหญ่ ฉันก็จะฆ่าพวกแกทั้งหมด!” เสวี่ยโม๋เจียวใบหน้าอัปลักษณ์ตะโกนออกมาราวกับบ้าไปแล้ว

ตู้ม!

เสียงคำรามดังขึ้น อู๋เสวี่ย หวังเจี๋ย และหลินตวน ยอดฝีมือทั้งสามคนถึงกับถูกกระแทกออกไปเกือบจะร่วงลงสู่พื้น ส่วนเสวี่ยโม๋เจียวยืนอยู่กลางโรงงานรกร้าง กลิ่นอายเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ทั่วทั้งร่างมีพลังภายในจำนวนมหาศาลเอ่อล้นออกมา น่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ภายในโรงงานรกร้างแห่งนี้เต็มไปด้วยพลังภายในอันบ้าคลั่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งดาบในมือขวาของเสวี่ยโม๋เจียวถึงกับกลายเป็นกระบี่ยาวเล่มหนึ่ง ส่องประกายสีแดงเลือดออกมา ดูสะดุดตายิ่งนัก เรียกได้ว่าความสามารถของเสวี่ยโม๋เจียวเพิ่มมากขึ้นในทันที นั่นเพราะอาศัยกระบี่ยาวเล่มนั้น

“นี่…กระบี่เล่มนี้ดูแปลกๆ หรือเปล่า?” อู๋เสวี่ยขมวดคิ้วเอ่ยปากออกมาด้วยความสงสัย

“ดูเหมือนจะเคยได้ยินจากที่ไหนมาก่อน กระบี่ที่ส่งแสงสีแดงเลือด…” หวังเจี๋ยเองก็รู้สึกคุ้นๆ ตกลงแล้วกระบี่เล่มนี้มีที่มาอย่างไรกันแน่ ในเวลาเพียงชั่วครู่กลับคิดไม่ออก รู้เพียงว่าน่ากลัวเป็นอย่างมาก

“หรือว่า…หรือว่าจะเป็นกระบี่ไท่อา?” หลินตวนถามอย่างแปลกใจ

หลินตวนพูดได้ตรงจุด เขามีฐานะเป็นผู้แข็งแกร่งแห่งพรรควรยุทธโบราณ และได้รับสืบทอดดาบเจ็ดดาวมาจากอาจารย์ นี่เป็นหนึ่งในอาวุธวิเศษที่ยังคงมีอยู่ของพรรควรยุทธโบราณ เขาย่อมมีความรู้เกี่ยวกับอาวุธที่แข็งแกร่งอยู่บ้าง

“อะไรนะ? กระบี่ไท่อา?”

“กระบี่แห่งเดชานุภาพ ทำไมถึงมาอยู่ในมือของปีศาจสังหารอย่างมันได้?”

อู๋เสวี่ยและหวังเจี๋ยสองคนไม่อยากจะเชื่อ แต่ในมือขวาของเสวี่ยโม๋เจียวตอนนี้ กระบี่เล่มนั้นส่องแสงสีแดงเลือดออกมา นี่เป็นข้อพิสูจน์ถึงตำนานเล่าขานของกระบี่ไท่อาได้อย่างดี นี่คือกระบี่แห่งเดชานุภาพ

กระบี่โบราณทั้งสิบเล่มได้แก่ กระบี่ศักดิ์สิทธิ์ กระบี่เมตตาธรรม กระบี่คุณธรรมแห่งจักรพรรดิ กระบี่แห่งเดชานุภาพ กระบี่แห่งความซื่อสัตย์ กระบี่แห่งรักนิรันดร์ทั้งสองเล่ม(กานเจียและม่อเหยีย) กระบี่แห่งความกล้าหาญเด็ดเดี่ยว กระบี่ทรงศักดิ์สูงสุด และกระบี่แห่งความสง่างาม ซึ่งกระบี่ไท่อาคือกระบี่แห่งเดชานุภาพซึ่งจัดเป็นอันดับสี่ เรียกได้ว่าแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก

ตำนานเล่าขานว่า กระบี่ไท่อานั้นเป็นกระบี่ที่ปรมาจารย์โอวเหยี่ยและกานเจียงทั้งสองท่านร่วมมือกันตีขึ้นมา เป็นสมบัติของแคว้นฉู่ เป็นกระบี่แห่งเดชานุภาพ

เมื่อปีนั้นเมืองหลวงของแคว้นฉู่ถูกทหารแคว้นจินล้อมไว้สามปีแล้ว แคว้นจินส่งทหารออกมาสู้กับฉู่ และต้องการที่จะได้รับสมบัติแห่งแคว้นฉู่ ซึ่งก็คือกระบี่ไท่อา

บนโลกนี้กล่าวกันว่า กระบี่ไท่อาเกิดจากปรมาจารย์โอวเหยียและกานเจียงร่วมมือกันสร้างขึ้นมา แต่ปรมาจารย์ทั้งสองท่านไม่ได้มีความคิดเช่นนี้ พวกเขาบอกว่ากระบี่ไท่อาเป็นกระบี่เดชานุภาพของเจ้าครองแคว้นที่ดำรงอยู่ตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแต่ไร้ลักษณ์ ไร้ร่องรอย แต่ปราณกระบี่สถิตอยู่กับฟ้าดินมาตั้งแต่แรกแล้ว รอจังหวะที่จะผนึกรวมเข้าด้วยกันเท่านั้น เวลา สถานที่ ผู้คน สามวิถีรวมเป็นหนึ่ง กระบี่เล่มนี้จึงบังเกิดขึ้นมา

แคว้นจินในตอนนั้นแข็งแกร่งมากที่สุด อ๋องจินคิดว่าตนมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะได้รับกระบี่ศักดิ์สิทธิ์เล่มนี้ แต่สถานการณ์กลับไม่เป็นอย่างที่คิด กระบี่เล่มนี้กลับถูกสร้างขึ้นในแคว้นฉู่ที่อ่อนแอ ในตอนที่กระบี่ปรากฏขึ้น บนกระบี่มีอักษรคำว่า “ไท่อา” สลักเอาไว้ตามธรรมชาติ เห็นได้ว่าคำพูดของท่านปรมาจารย์โอวเหยียและปรมาจารย์กานเจียงเป็นความจริง แคว้นจินไม่สามารถกล้ำกลืนความโกรธนี้ได้ จึงขอกระบี่จากอ๋องฉู่ แต่อ๋องฉู่ปฏิเสธ ทำให้อ๋องจินยกทัพมาโจมตีแคว้นฉู่ ใช้การขอกระบี่เป็นข้ออ้างในการทำลายแคว้นฉู่ กำลังทหารแตกต่างกันมาก เมืองของแคว้นแคว้นฉู่ส่วนใหญ่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกล้อมนานถึงสามปี เสบียงอาหารภายในเมืองหมด ทหารไร้ระเบียบ ตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย

วันนี้เองแคว้นจิ้นได้ส่งทูตออกไปยื่นคำขาดครั้งสุดท้าย ถ้าหากไม่มอบกระบี่มาให้ วันพรุ่งนี้จะบุกยึดเมือง ถึงเวลานั้นทุกอย่างก็จะพังพินาศเหลือแต่ซาก! อ๋องฉู่ไม่ยินยอม สั่งคนว่าพรุ่งนี้ตนจะไปประหัตประหารข้าศึกบนกำแพงเมืองด้วยตัวเอง ถ้าเมืองแตก ตนเองก็จะใช้กระบี่นี้ฆ่าตัวตาย จากนั้นให้ผู้ติดตามเก็บกระบี่เอาไว้ ขี่ม้าไปที่ทะเลสาบใหญ่และนำกระบี่นี้โยนลงไปในทะเลสาบ ให้กระบี่ไท่อาอยู่ที่แคว้นฉู่ไปตลอดกาล วันต่อมา อ๋องฉู่ขึ้นไปบนกำแพงเมือง เห็นว่าด้านนอกกำแพงมีทหารแคว้นจินมามืดฟ้ามัวดิน เมืองของตนเปรียบดั่งเรือน้อยหนึ่งลำในมหาสมุทร สามารถถูกทำลายไปได้ทุกเมื่อ ทหารแคว้นจินเริ่มโจมตีเมือง เสียงคำรามกึกก้องดั่งขุนเขาคำรามมหาสมุทรแพทย์ร้อง เมืองใกล้จะแตกอยู่รอมร่อ

อ๋องฉู่ใช้สองมือประคองกระบี่ ทอดถอนใจยาวๆ ครั้งหนึ่งแล้วพูดว่า “กระบี่ไท่อาเอ๋ย วันนี้ข้าจักใช้เลือดของตนสังเวยให้แก่เจ้า!” จากนั้นจึงดึงกระบี่ออกจากฝัก ยกกระบี่ชี้ไปทางกองทหารของศัตรู ปาฏิหาริย์อันแปลกประหลาดได้อุบัติขึ้นแล้ว ปราณกระบี่อันมหาศาลพุ่งยิงออกไปอย่างรุนแรง ที่นอกเมืองฝนทรายปลิวตลบโดยพลัน ราวกับอยู่ท่ามกลางเสียงสัตว์อสูรแผดร้อง กองทหารของแคว้นจินสับสนอย่างหนัก ชั่วขณะต่อมา กองธงล้มลงสู่พื้น เลือดไหลนับพันลี้ ทหารทั้งหมดสิ้นชีพ…หลังจากเรื่องนี้ อ๋องฉู่เรียกตัวเฟิงหูจื่อซึ่งเป็นปราชญ์ของแคว้นมาสอบถามว่า เหตุใดกระบี่ไท่อาจึงทรงอำนาจถึงเพียงนี้?

เฟิ่งหูจื่อตอบว่า กระบี่ไท่อาเป็นกระบี่แห่งเดชานุภาพ และเดชานุภาพภายในจิตใจจึงจะเป็นเดชานุภาพที่แท้จริง ท่านอ๋องอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากแต่ไม่ยอมสยบต่อศัตรู แสดงให้เห็นถึงเดชานุภาพอันแข็งแกร่งในจิตใจ นั่นคือเดชานุภาพในจิตใจของท่านอ๋องไปกระตุ้นพลังของกระบี่ไท่อา!

เมื่อมีกระบี่ไท่อาในตำนานอันศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ เดิมทีก็ทำให้นับถือเลื่อมใสอยู่แล้ว คนที่มีความเกรียงไกรไม่ยอมจำนนถึงจะสามารถใช้ได้ ถึงจะสามารถแสดงอำนาจของกระบี่ไท่อาออกมาได้ เสวี่ยโม๋เจียวที่เป็นปีศาจฆ่าคนประเภทนี้ไม่มีมนุษยธรรมแม้แต่ครึ่งส่วน จะสามารถใช้กระบี่ไท่อาได้อย่างไร นี่ทำให้อู๋เสวี่ยและหวังเจี๋ยไม่อยากที่จะเชื่อมากที่สุด พวกเขาอยากจะบอกว่ากระบี่ในมือของเสวี่ยโม๋เจียวไม่ใช่กระบี่ไท่อาที่เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ แต่แสงสีแดงเลือดที่ส่องทะยานขึ้นฟ้า สาดส่องไปทั่วทั้งโรงงานร้าง อากาศถูกฉีกขาด ราวกับได้ยินเสียงกรีดร้องอันโศกเศร้าของสรรพชีวิตที่สูญเสีย เกิดอำนาจโจมตีอันทรงพลังอันไร้รูปแบบ นี่เป็นข้อพิสูจน์ที่ดีที่สุดของกระบี่ไท่อาซึ่งเป็นกระบี่แห่งเดชานุภาพ

ตายให้หมด พวกแกต้องตายให้หมด…” เสวี่ยโม๋เจียวสั่นสะท้านไปทั้งร่างราวกับไม่สามารถควบคุมกระบี่ไท่อาที่มีประกายแสงสีเลือดพุ่งสู่ฟ้าได้ นี่ดูเหมือนว่ากระบี่แห่งเดชานุภาพกำลังจะทลายฟ้าอย่างไรอย่างนั้น ราวกับไม่อยู่ในการควบคุมของเสวี่ยโม๋เจียว เพียงแต่เสวี่ยโม๋เจียวยังคงใช้มือทั้งสองจับเอาไว้สุดแรง ต้องการที่จะใช้การโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดฟาดฟันใส่พวกเย่เทียนเฉินทั้งสี่คน

“ไม่ถูก ไม่ใช่ว่าเสวี่ยโม๋เจียวกระตุ้นกระบี่ไท่อา อาจจะเป็นกระบี่ไท่อาอาบย้อมไปด้วยเลือดของมนุษย์ จึงมีชีวิตขึ้นมาด้วยตัวเองแล้ว มือทั้งสองของเสวี่ยโม๋เจียวก็คงจะต้องสวมถุงมือถึงจะสัมผัสได้ เพื่อแยกเขาออกจากไอสังหาร ไม่งั้นกระบี่ไท่อาอาจจะย้อนกลับไปทำร้ายเขาได้!” อู๋เสวี่ยพบว่ามือทั้งสองของเสวี่ยโม๋เจียวสวมถุงมือสีดำอยู่ จึงรีบเอ่ยปากพูดขึ้น

“ถูกต้อง กระบี่ไท่อาเป็นกระบี่ห่างเดชานุภาพ ต้องเป็นคนที่มีจิตใจยุติธรรม เป็นคนที่มีพลานุภาพของจักรพรรดิก็สามารถควบคุมได้ เสวี่ยโม๋เจียวกำลังฝืนใช้งานอยู่!” หวังเจี๋ยเองก็พยักหน้าแล้วพูดขึ้น

“งั้น…งั้นตอนนี้พวกเราจะทำยังไงดี?” หลินตวนรู้สึกทำอะไรไม่ถูก กระบี่ไท่อามีอานุภาพยิ่งใหญ่ ต่อให้ไม่ยอมรับการควบคุมของเสวี่ยโม๋เจียว แต่ก็ยังคงอยู่ในมือของเสวี่ยโม๋เจียว ใครก็ไม่กล้าเข้าไปใกล้ง่ายๆ กระบี่แห่งเดชานุภาพเช่นนี้เกรงว่ามีคนน้อยมากที่จะป้องกันได้

ซู่ม!

เย่เทียนเฉินพุ่งเข้าไปเป็นคนแรก ในตอนนี้เสวี่ยโม๋เจียวยังไม่ตวัดกระบี่ออกมา เย่เทียนเฉินก็ไม่สนใจอาการบาดเจ็บอีกต่อไป ใช้มือขวารวบรวมพลังพิเศษในขอบเขตจอมราชันขั้นสูงแล้วซัดออกไป เขารู้สึกได้ว่าหากปล่อยให้เสวี่ยโม๋เจียวตวัดกระบี่ออกมา เกรงว่าไม่เพียงแค่พวกเขาสี่คนที่จะต้องตาย สิบสามจ้าวสวรรค์ที่ยังสู้กับสิบสามราชาเสือดาวด้านนอกก็เป็นไปได้มากกว่าจะตายไปด้วย นี่ไม่ใช่ว่าความสามารถของเสวี่ยโม๋เจียวแข็งแกร่งมากเกินไป แต่เป็นกระบี่ไท่อาเล่มนี้ที่มีพลานุภาพสมชื่อ

ตู้ม!

เสียงดังสนั่น เย่เทียนเฉินปล่อยมันออกไปแล้วแต่กลับถูกประกายแสงสีเลือดที่ปล่อยออกมาจากกระบี่ไท่อากระแทกออกมา ตกลงสู่พื้นอย่างรุนแรง เขารีบยืนขึ้นจากพื้นอย่างรวดเร็ว สีหน้าดุดัน ไม่มีท่าทางเหยาะแหยะเลยแม้แต่น้อย และไม่มีท่าทางอันธพาลแม้แต่ครึ่งส่วน เย่เทียนเฉินในตอนนี้กลายเป็นเทพสังหารไปแล้ว หมัดแรกไม่ประสบความสำเร็จ ก็กระโดดเข้าไปอีกครั้ง ไม่สนใจว่าแขนขวาจะบิดงอจนผิดรูปไป ต่อยออกไปอีกครั้งหนึ่ง

เขายังคงไม่พะวงอะไร เดิมทีเย่เทียนเฉินก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่แล้ว ไม่สามารถใช้พลังพิเศษในขอบเขตจอมราชันขั้นสูงสุดออกมาได้ เรียกได้ว่ามีพลังการต่อสู้ไม่เท่าไหร่แล้ว ตอนนี้เป็นการฝืนลงมือ เพียงเพื่อไม่อยากให้เสวี่ยโม๋เจียวตวัดกระบี่ออกมา อานุภาพของกระบี่ไท่อายิ่งใหญ่เกินไป หากตวัดออกมาเกรงว่าจะต้องให้ความรู้สึกฟ้าถล่มดินทลายแน่นอน

“ฮ่าๆๆๆ กระบี่ไท่อาถูกฉันควบคุมเอาไว้แล้ว พวกแกทั้งหมดต้องตาย ต่อให้แกจะดิ้นรนยังไงก็ไม่มีประโยชน์!” เสวี่ยโม๋เจียวหัวเราะอย่างบ้าคลั่งแล้วตะโกนใส่เย่เทียนเฉิน

ฉัวะ!

เย่เทียนเฉินรวดเร็วดุจสายฟ้า ครั้งนี้เขาฝืนกระตุ้นพลังพิเศษทั้งหมดในร่างกายออกมา ยกระดับความสามารถในการต่อสู้จนถึงขีดสุด ยืนอยู่ในขอบเขตสูงสุดของระดับจอมราชันแล้ว มีแนวโน้มมากที่จะทะลวงไปสู่ระดับจักรพรรดิ ในตอนที่บุกเข้าไปหาเสวี่ยโม๋เจียวนั้นเอง ก็หันไปตะโกนใส่หลินตวนว่า “ส่งดาบมา!”

ฟุ่บ! หลินตวนได้สติขึ้นมาก็รีบโยนดาบเจ็ดดาวในมือไปบนอากาศ อยู่ในตำแหน่งเหนือศีรษะของเสวี่ยโม๋เจียวพอดี ในตอนนี้เองเย่เทียนเฉินหมุนตัวกระโดดขึ้นไปเหนือศีรษะของเสวี่ยโม๋เจียว มือทั้งสองจับด้ามดาบของดาบเจ็ดดาวเอาไว้ได้พอดี

“ไม่มีประโยชน์ ฉันจะส่งแกไปสวรรค์ก่อนแล้วกัน!” เสวี่ยโม๋เจียวตวัดกระบี่ไท่อา แสงสีแดงเลือดอันมหาศาลพุ่งไปสู่เย่เทียนเฉิน

“สังหารปีศาจ!” เย่เทียนเฉินเองก็ตะโกนออกมา มือทั้งสองกำดาบเจ็ดดาว ฟันลงมาจากฟากฟ้า ฟาดฟันลงไปยังเสวี่ยโม๋เจียว

…………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+