เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆบทที่ 42 การแก้แค้น
บทที่ 42 การแก้แค้น
ถังหลี่ลืมตาตื่นจากฝันร้ายด้วยความโกรธ นางขบฟันแน่น…บาดแผลในวัยเด็กจะส่งผลกระทบต่อเขาไปตลอดชีวิต เพื่อนร่วมชั้นและอาจารย์ที่ผิดหวังในตัวเด็กชายจะเป็นเสมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ขาดสะบั้นลงและบดขยี้จิตใจของต้าเป่าให้เป็นผุยผง จนในที่สุดเขาจะสิ้นศรัทธาในชีวิต
มหาเสนาบดีคนแรกของประวัติศาสตร์ถูกผู้หญิงสารเลวและน้องชายใส่ร้าย!
เมื่อนึกถึงดวงตาที่ไร้ชีวิตชีวาของต้าเป่าในความฝัน ถังหลี่รู้สึกเจ็บปวดที่หัวใจ นางไม่ต้องการให้ต้าเป่าตกอยู่ในสภาพนั้น! หญิงสาวไม่สามารถข่มตาหลับลงได้อีกต่อไป นางลืมตาจนฟ้าสาง ถังหลี่ฝากบุตรคนเล็กทั้งสองไว้กับป้าเกาก่อนจะขึ้นเกวียนเข้าไปในตัวเมือง
…….
สำนักหงเหวิน
ชั้นเรียนของอาจารย์กัวเป็นชั้นเรียนที่มีขนาดเล็ก มีศิษย์ในสังกัดทั้งหมดเพียงห้าคน นอกจากสวี่เจวี๋ยและต้าเป่าที่เป็นเด็กเล็กที่สุดแล้ว อีกสามคนอายุประมาณสิบสี่หรือสิบห้าปี ทุกคนล้วนเป็นโตเป็นเด็กหนุ่มแล้ว พวกเขาสวมเสื้อคลุมตัวยาวดูเคร่งขรึมและคงแก่เรียน
ต้าเป่าและสวี่เจวี๋ยอายุยังน้อยแถมยังน่ารักน่าเอ็นดู ศิษย์พี่ทั้งสามจึงรักพวกเขามาก ทั้งสามคนดูแลเด็กทั้งสองเป็นอย่างดี
“ต้าเป่า อันนี้หมึกของเจ้า ข้ามีอยู่สองชิ้นให้เจ้าหนึ่งชิ้น”
“สวี่เจวี๋ยลองอ่านตำราเล่มนี้สิ มันเหมาะกับวัยของเจ้านะ”
“พวกเจ้าล้วนตัวเตี้ยเช่นนี้ ให้ข้าหาเก้าอี้มาให้ดีหรือไม่ ? “”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ขาไม่แตะพื้นแล้ว”
ขาสั้น ๆ ทั้งสองแกว่งไปมาในอากาศ พวกเขาอดหัวเราะไม่ได้ เด็กทั้งสองรู้สึกถึงความอบอุ่นของเพื่อนร่วมชั้นเรียนในสำนักศึกษาแห่งนี้ เจ้าตุ๊กตาฟันน้ำนมโค้งคำนับและกล่าวขอบคุณ เรียกความเอ็นดูจากคนที่เหลือเพิ่มขึ้นอีก การมีเด็กเล็กน่ารักถึงสองคนเข้ามาร่วมชั้นเรียน นับได้ว่าเป็นเรื่องแปลกประหลาดและน่าสนใจยิ่งนัก !
จู่ ๆ ประตูชั้นเรียนก็ถูกเปิดออกอย่างแรง ด้านหน้ามีคนกลุ่มหนึ่งยืนอยู่
“เว่ยต้าเป่าออกมา!!”
เด็กหนุ่มทั้งสามขมวดคิ้ว
“พวกเจ้ามาหาเว่ยต้าเป่าทำไม?”
“เขาขโมยของไป!”
“เสื้อคลุมของข้าหาย!”
“เงินของข้าหายหนึ่งหรือสองอีแปะ!”
“ข้าเห็นเว่ยต้าเป่าทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ในคืนที่ผ่านมา เขาแอบออกมาจากห้องของซ่งอ้ายพร้อมกับถ้วยน้ำชาในมือ”
“ใช่ ถ้วยน้ำชาของข้าหายไป เจ้าขโมยมัน!”
กลุ่มคนตรงหน้าชี้ไปที่ต้าเป่า เด็กหนุ่มทั้งสามที่แก้ตัวให้ต้าเป่าเริ่มไม่มั่นใจเหมือนกัน พวกเขาเพิ่งเคยพบกับเด็กชายยังไม่ได้รู้จักนิสัยใจคอกัน
ต้าเป่ารู้สึกสับสน สวี่เจวี๋ยเดินไปยืนข้างต้าเป่า จับมือเด็กชายเอาไว้
“ต้าเป่าไม่ได้ขโมยอะไรทั้งนั้น” สวี่เจวี๋ยกล่าว
“ข้าไม่ได้ทำนะ” ต้าเป่าโต้
“แน่ละสิ! หัวขโมยที่ไหนมันจะยอมรับว่าตัวเองขโมยเล่า”
“เจ้าขโมยของไป ซ่อนเอาไว้ในห้องของเจ้า ให้พวกข้าเข้าไปค้นดูสิ”
สุดท้ายแล้วคนพวกนี้ก็บีบบังคับให้ต้าเป่ายอมรับ ใบหน้าของเด็กชายซีดลง เขายังเป็นเด็กเล็ก ๆ อยู่เลย
“อยากค้นก็ค้นสิ ข้าไม่ได้ขโมยอะไรไป?” ต้าเป่าร้อง
แค่เข้าไปค้นดูในห้องก็พิสูจน์ได้แล้วว่าเขาบริสุทธิ์!
ในฝูงชนที่ตะโกนโหวกเหวกอยู่นั้น มีบุรุษรูปร่างผอมสูงผู้หนึ่งกำลังยืนยิ้มอย่างมีเลศนัย ชายหนุ่มคนนี้คือเฉินหยาง เขานำของที่แอบขโมยมาไปวางไว้ใต้เตียงของต้าเป่าอย่างเงียบ ๆ ในตอนที่ไม่มีคน
หลังจากการรื้อค้นก็จะพบว่าเว่ยต้าเป่าคือหัวขโมย!
“ท่านอาจารย์กัวถูกหลอก! เขารับต้าเป่าเป็นศิษย์”
“ไปเรียกผูอาวุโสกัว อาจารย์โกว อาจารย์จ้าวมาเป็นพยานเถิด ”
“ใช่ ท่านอาจารย์ต้องได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเจ้าหัวขโมยน้อยนี่! ไอ้พวกดูหมิ่นเกียรติของบัณฑิต!”
“หมิ่นเกียรติบัณฑิตหรือ?” ในขณะนั้นเสียงนุ่มนวลและน่าฟังก็ดังขึ้นมา ทุกคนหันต่างหันหน้าไปมองและเห็นสตรีรูปโฉมงดงามท่าทางสง่างามยืนอยู่ตรงนั้น ภายใต้แสงแดดที่ตกกระทบผิวของนางขาวเปล่งปลั่งราวกับไข่มุกต้องแสงไฟ
ต้าเป่ามองไปยังที่มาของเสียงและทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเคืองจมูก แสบตาขึ้นมา เขาเหมือนกับเรือลำน้อยที่ลอยล่องไม่รู้ทิศทาง
“ท่านแม่!”
ถังหลี่เดินฝ่าฝูงชนเข้าไปหาต้าเป่าและจับมือเด็กชายไว้ หญิงสาวมองตรงไปที่ผู้ชายที่เอ่ยวาจากล่าวหาออกมา
“ในกรณีที่ไม่มีหลักฐานใด ๆ แต่กล่าวหาว่าศิษย์ร่วมสำนักเป็นขโมยแบบนี้ มันคือสิ่งที่ว่าที่บัณฑิตควรทำหรือไม่?”
ชายคนนั้นถูกจับจ้องด้วยสายตาที่คมกริบของถังหลี่ เขาหลบสายตาไปอย่างไม่รู้ตัวและพึมพำเบา ๆ
“ไม่มีหลักฐานหรือ? ก็เฉินหยางพูดว่าเห็นเขาขโมยนี่”
“แล้วถ้าข้าบอกว่า ข้าเห็นเจ้าขโมยของล่ะ แปลว่าเจ้าก็คือขโมยอย่างนั้นสิ?” ถังหลี่เหลือบมองชายผู้นั้นอย่างเย็นชา
“เจ้า! เจ้า..อย่าได้มากลับดำเป็นขาวเช่นนี้!”
ถังหลี่เห็นใบหน้าของบุรุษผู้นั้นแดงก่ำไปด้วยความโกรธ ทำให้นางรู้สึกสะใจขึ้นมา บุตรชายของนางจะต้องไม่ถูกปรักปรำอย่างไม่ยุติธรรมเช่นนี้!
ไม่นานนักผู้อาวุโสกัว อาจารย์โกว และอาจารย์จ้าว ต่างก็รีบมาอย่างรวดเร็ว อาจารย์กัวกล่าวว่า
“จนกว่าจะพบหลักฐาน ลูกศิษย์ทุกคนจะต้องไม่ถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม”
“เว่ยต้าเป่า ช่วยนำทางไปที่ห้องนอนเจ้าได้หรือไม่?” เขามองไปที่ต้าเป่า ถ้าเกิดเด็กชายกระทำความผิดจริง ๆ เขาคงสั่งสอนต่อไปไม่ได้ การเป็นบัณฑิตนั้นนอกจากพรสววรค์เป็นเรื่องสำคัญแล้ว ทั้งอุปนิสัยและความประพฤติย่อมเป็นเรื่องที่สำคัญกว่า
เว่ยต้าเป่าพยักหน้า
ตั้งแต่ถังหลี่มาถึง สีหน้าของต้าเป่าก็ดีขึ้นมาก เด็กชายไม่รู้สึกกลัวอะไรเลยเมื่อมารดาของเขาอยู่ที่นี่ เขารู้สึกโล่งใจด้วยซ้ำ
ผู้คนพากันมุ่งหน้าไปยังเรือนพำนักด้วยท่าที่ห้าวหาญ หลังจากเดินไปถึงหอนอนของต้าเป่าแล้ว อาจารย์กัวสั่งไม่ให้ทุกคนกรูกันเข้าไปในห้อง และให้คนเพียงสองคนเข้าไปตรวจสอบภายในห้อง
ผู้ตรวจสอบทั้งสองเข้าไปในห้องและเริ่มค้นหา พวกเขารื้อค้นอย่างระมัดระวัง ไม่เว้นแม้แต่จุดเล็ก ๆ อาจารย์กัวคือปูชนียบุคคลที่น่านับถือและการยอมรับเด็กทั้งสองของอาจารย์ ทำให้พวกเขาอิจฉาเด็กน้อยมาก ดังนั้นทุกคนหวังที่จะหาหลักฐานให้พบ เพื่อที่จะตราหน้าว่าต้าเป่าเป็นหัวขโมย จะได้ไล่ออกจากสำนักศึกษาไป!”
เฉินหยางที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนที่ยืนรออยู่ด้านนอก รู้สึกมีความสุขจนแทบจะล้นออกมา ทันทีที่ได้พบของเหล่านั้น มันจะเป็นหลักฐานที่มัดตัวต้าเป่าจนพูดไม่ออกไปเลย
****
จะคิดวางแผนจัดการนางและลูกไม่ใช่เรื่องที่ง่ายอย่างที่เอาไว้หรอกนะ !
หลังจากนั้นไม่นานชายทั้งสองเดินออกมาจากหอนอนด้วยมือเปล่า
“ท่านอาจารย์.. ไม่เจออะไรเลยขอรับ!”
เฉินหยางตกตะลึงทันที เป็นไปได้อย่างไรกัน?!
“พวกเจ้าค้นหาดีแล้วหรือ? ใต้เตียงล่ะตรวจดูหรือยัง?” เฉินหยางรู้สึกกระวนกระวายขึ้นมา
“ข้าค้นทุกซอกทุกมุมแล้ว ไม่มีอะไรเลย ใต้เตียงก็ไม่สามารถซ่อนอะไรไว้ได้!”
“เว่ยต้าเป่าไม่ใช่หัวขโมย เฉินหยางเจ้าตาฝาดหรือเปล่า?” เฉินหยางเงียบ
“บุตรชายคนโตของข้าไม่ได้เป็นหัวขโมย แต่ถ้ามีของหาย นั่นหมายถึงว่า ในสำนักนี้มีขโมยหลบซ่อนอยู่ ท่านอาวุโสกัว ท่านควรตรวจสอบเรื่องนี้ หากลูกศิษย์มีพฤติกรรมขี้ขโมยเช่นนี้ สำนักหงเหวินจะต้องอับอายอย่างแน่นอน!” ถังหลี่กล่าว
อาจารย์กัวพยักหน้ารับ เขาไม่รู้มาก่อนว่ามีใครได้ถูกขโมยของหายไปบ้าง ? แต่ในเมื่อตอนนี้รู้แล้วก็จำเป็นต้องสืบหาหัวขโมยผู้นั้นให้เจอ สำนักศึกษาจะต้องมีแต่ผู้ใจซื่อมือสะอาดเท่านั้น !
“พวกเจ้าสองคนไปด้วยกัน ค้นหาทั้งสำนักและอย่างได้สร้างความเดือดร้อนกับศิษย์คนอื่น”
“ขอรับ”
ในไม่ช้าสำนักศึกษาหงเหวินก็มีการรื้อค้นครั้งใหญ่เกิดขึ้น เฉินหยางสับสนมาก เป็นไปได้อย่างไร? เฉินหยางซ่อนของที่ขโมยมาไว้ใต้เตียงของต้าเป่าจริง ๆ และวางไว้ในที่ที่พบเห็นได้ง่าย ๆ พวกเขาจะไม่พบมันได้อย่างไร?
ชายหนุ่มไม่เชื่อสายตาของผู้อื่น เขาเดินเข้าไปในหอนอนของต้าเป่าเพื่อพิสูจน์
นี่มันอะไรกัน?
ของที่ขโมยมาอยู่ที่ใด?
ผ่านไปครู่หนึ่ง ศิษย์คนหนึ่งก็เดินกลับมาอย่างเร่งรีบพร้อมด้วยห่อสัมภาระ
“ท่านอาจารย์.. ข้าพบสิ่งของบางอย่างขอรับ”
เฉินหยางจ้องไปที่ห่อสัมภาระ ทำไมมันถึงไม่อยู่ในห้องของต้าเป่า!?
“เจ้าพบมันที่ไหนหรือ?” อาจารย์กัวถามด้วยใบหน้าเย็นชา
“ใต้เตียงของเฉินหยาง!”
เฉินหยางรู้สึกว่าสติของเขาขาดผึงไป ! เป็นไปได้อย่างไรกัน ?
—
Comments