เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆบทที่ 366 ลูกเขยพบพ่อตาแม่ยาย

Now you are reading เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ Chapter บทที่ 366 ลูกเขยพบพ่อตาแม่ยาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 366 ลูกเขยพบพ่อตาแม่ยาย

กู้หวนอวี้มีหัวใจที่งดงามอ่อนโยน เขามองทุกอย่างได้อย่างชัดแจ้ง แม้จะไม่ใช่คนช่างพูด แต่ก็รู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร หลังจากเรื่องราวได้ถูกเปิดเผยขึ้นมา เขาตระหนักถึงเหตุผลและความจริง จนทำให้ยอมรับเรื่องของถังหลี่ได้อย่างรวดเร็ว

ก่อนหน้านั้นเขารักจูชุนเจียวมาก ถังหลี่ได้แต่แอบมองอยู่ข้างๆ เท่านั้น เขาจำท่าทางของนางได้ไม่ชัดเจนนัก แต่พอจะรับรู้ได้ว่านางทั้งอิจฉาและเศร้าใจมากแค่ไหน ทุกครั้งที่กู้หวนอวี้คิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เขารู้สึกผิดจนอยากทำดีกับนางให้มากขึ้น

“รถม้ามาแล้ว!” กู้หวนจิ่นร้องตะโกนอย่างตื่นเต้น

มีรถม้าสองคันแล่นเข้ามาจอดเทียบที่หน้าจวนแม่ทัพกู้ เมื่อม่านของรถม้าถูกเปิดขึ้น ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ก้าวกระโดดลงมาท่ามกลางสายตาที่จับจ้องของคนสกุลกู้

นี่คือสามีของถังหลี่?

ทุกคนในที่นั้นล้วนมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันออกไปเมื่อเห็นเว่ยฉิง

ฮูหยินกู้… ดูท่าทางดุดัน

แม่ทัพกู้…ท่าจะรับมือได้ยาก

กู้หวนอวี้…ไม่ใช่คนที่ชอบทำร้ายผู้อื่นก่อน

กู้หวนจิ่น …เขาล้มข้าได้ภายในหมัดเดียว

สายตาของคนทั้งสี่มองอย่างใจจดจ่อพร้อมกับคาดเดาในตัวเว่ยฉิงทันที

เมื่อเว่ยฉิงเห็นคนทั้งสี่กำลังยืนเรียงแถวรออยู่ทำให้เขาตกใจมาก นี่คือบิดามารดาและพี่ชายของภรรยาเขา หัวใจของเว่ยฉิงเต้นแรงจนแทบจะหยุดหายใจ เขาก้าวเข้าไปหาคนทั้งสี่อย่างกระวนกระวายไม่รู้จะทำตัวหรือพูดจาอย่างไร ใบหน้าของเขาแดงก่ำ

เว่ยฉิงเกาศีรษะตัวเองอย่างมึนงง รัศมีฆ่าฟันและความดุร้ายของเขาหายไป เหลือแต่ชายหนุ่มที่มีทีท่าเงอะงะทำอะไรไม่ถูกอยู่ตรงหน้าเท่านั้น ทั้งสี่คนถึงกับพูดไม่ออกไปทันที

เว่ยฉิงไม่รู้จะวางมือวางเท้าที่ไหน หรือแม้แต่จะทักทายพวกเขาอย่างไร เขาจึงโค้งคำนับแล้วหันกลับไปช่วยภรรยาลงจากรถม้า หลังจากนั้นจึงได้ไปช่วยบุตรทั้งสาม เขาอุ้มซานเป่าลงมาเป็นคนสุดท้าย

คนในสกุลกู้พากันหันไปมองเด็กๆ ทั้งสี่คนเป็นตาเดียวกัน

เด็กหนุ่มทุกคนล้วนมีรูปร่างสูงเพรียว สองคนดูเป็นบัณฑิตคงแก่เรียน อีกคนดูท่าทางมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร เด็กเหล่านี้ล้วนโดดเด่นแม้ว่าพวกเขาจะอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายในเมืองหลวงก็ตามที

จากนั้นสายตาของพวกเขาจึงได้เบนไปยังสาวน้อยในชุดสีชมพูที่เว่ยฉิงอุ้มเอาไว้ในอ้อมแขน นางเกล้าผมเป็นทรงซาลาเปาสองข้างดูน่ารัก ฮูหยินกู้ตาเป็นประกาย ส่วนแม่ทัพกู้หัวใจคันยุบยิบอยากจะบีบหน้าของเด็กน้อยขึ้นมาในทันใด

พวกเขาคิดคิดถึงบุตรสาวยามที่นางเป็นเด็กตัวเล็กๆ น่าเสียดายที่นางไม่ได้เติบโตมาพร้อมกับพวกเขา

“ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่รอง พี่สาม” เสียงเรียกของถังหลี่ทำให้พวกเขากลับมาได้สติอีกครั้ง

“อย่ามัวแต่ยืนอยู่ข้างนอกเลยกันอยู่ เข้าไปในจวนเถอะ” จากนั้นทุกคนจึงได้เข้าไปยังจวนสกุลกู้

เว่ยฉิงตามถังหลี่ไปอย่างว่าง่าย เขาจับมือซานเป่าไว้ ท่าทางราวกับเป็นลูกสะใภ้ตัวน้อยที่เพิ่งเข้ามาเยือนครอบครัวของสามีเป็นครั้งแรก

เมื่อทุกคนไปถึงห้องรับแขกถังหลี่จึงเริ่มแนะนำทุกคน

“ท่านพ่อท่านแม่ พี่รองพี่สาม นี่คือสามีของข้าเอง” ถังหลี่กล่าว ตอนนี้สามีของนางกำลังทำงานที่กรมอาญาภายใต้ชื่อ อู่อวี้ นางไม่ได้อยากให้ครอบครัวรู้จักกันเว่ยฉิงในนามแฝงของเขา แต่ทว่ามันยังไม่ใช่เวลาที่จะเปิดเผยตัวตน ถังหลี่จึงพูดว่า

“พวกท่านเรียกเขาว่าอาฉิงเถิด”

ดวงตาของแม่ทัพกู้จับจ้องไปที่เว่ยฉิง ชายหนุ่มยืดตัวขึ้นทันที แม่ทัพกู้ยื่นมือออกไปตบที่บ่าของเขาโดยใช้พละกำลังถึงเก้าส่วนในการตบครั้งนี้ แม้แต่บุตรชายคนโตของเขาที่แข็งแกร่งที่สุดยังไม่สามารถรับมือกับมันได้ แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดคือลูกเขยของเขายังคงมีท่าทีนิ่งเฉยไม่ได้มีทีท่าว่าจะซวนเซแต่อย่างใด

ดูเหมือนว่าชายร่างใหญ่ผู้นี้จะไม่ไร้ประโยชน์เสียทีเดียว แม่ทัพกู้อยู่ในสนามรบมาตลอดทั้งปี เขาชื่นชมคนที่มีร่างกายสูงใหญ่แข็งแรง เมื่อคิดว่าคนผู้นี้ได้แต่งงานกับบุตรสาวของเขาแล้วมุมปากเขาอดยกยิ้มขึ้นมาไม่ได้

“ท่านพ่อ นี่คือสวี่เจวี๋ย เว่ยจื่ออั๋งและเว่ยจื่ออี้”

แม้ว่าสวี่เจวี๋ยจะเรียกถังหลี่ว่าพี่สาว แต่อายุของเขานั้นไล่เลี่ยกับเว่ยจื่ออั๋งและเป็นบุตรบุญธรรมของถังหลี่ด้วยเช่นกัน

“นี่คือบุตรสาวของสุดท้องของข้า ซานเป่า ชื่อเว่ยหนิง” ถังหลี่กล่าวต่อ เด็กทั้งสี่ทักทายผู้อาวุโสอย่างเชื่อฟัง

“ท่านตา ท่านยาย ท่านลุงรอง ท่านลุงสาม” ผู้อาวุโสทั้งสี่เตรียมของขวัญไว้ให้เด็กทั้งสี่คน เมื่อพวกเขาเข้าไปรับก็ขอบคุณอย่างนอบน้อม

กู้หวนอวี้ซักถามสวีเจวี๋ยและเว่ยจื่ออั๋งเรื่องการเรียนของพวกเขา หลังจากการพูดคุย เขาก็รู้สึกทึ่งในความรู้ความสามารถของเด็กหนุ่มทั้งสองคน จนทำให้เกิดความประทับใจในตัวหลานชายมากขึ้นไปอีก

ส่วนกู้หวนจิ่นนั้นเล่นกับเว่ยจื่ออี้ กู้หวนจิ่นเป็นคนสำรวย ถึงเขาจะไม่ได้ทำกิจการใดๆ ทว่ากลับเป็นคนกว้างขวางมีความรู้มากมายทำให้เว่ยจื่ออี้รู้สึกสนใจ เขานั่งฟังเรื่องราวต่างๆ ที่กู้หวนจิ่นเล่าให้ฟังอย่างตื่นเต้นกระหายใคร่รู้

ส่วนฮูหยินกู้ดึงซานเป่าไปพินิจดูซ้ายขวาอย่างรักใคร่

“ท่านยาย” เสียงของซานเป่าช่างหวานจับใจ

เมื่อนางมีอายุมากขึ้น ก็ย่อมชอบเด็กๆ อยู่แล้ว แต่บุตรชายทั้งสามต่างมีภารกิจที่ยุ่งวุ่นวายมาก แม้ลูกชายคนโตของนางจะอายุยี่สิบเจ็ดแล้วแต่เขาก็ยังปฏิเสธที่จะแต่งงานและมีบุตร

ขนาดภรรยายังไม่มีแล้วจะนับประสาอะไรกับหลาน…

แม้ว่าฮูหยินกู้จะเป็นคนใจกว้างมากเพียง จริงๆ แล้วนั้นนางกลับรู้สึกอิจฉาครอบครัวอื่นที่มีบุตรหลาน

แต่ตอนนี้นางกลับมีหลานชายและหลานสาวตัวน้อยที่แสนน่ารัก เหมือนกับขนมเปี๊ยะที่หล่นมาจากท้องฟ้า แล้วจะไม่ให้นางมีความสุขมากได้อย่างไร?

เว่ยฉิงเดินเคียงคู่ไปกับแม่ทัพกู้ ทั้งสองคนเป็นคนไม่ค่อยพูด พวกเขาจ้องหน้ากันอยู่นาน จนในที่สุดแม่ทัพกู้จึงพูดขึ้นว่า

“ไปเถอะ ไปที่ลานฝึกกับข้า”

เว่ยฉิงตอบรับอย่างรวดเร็ว

ถังหลี่เห็นด้านหลังของพวกเขาที่เดินไป นางมองด้วยความกังวลเล็กน้อย ท่านพ่อของนางดุดันเช่นนี้จะไม่ทุบตีเว่ยฉิงอย่างรุนแรงหรือ?

เมื่อทั้งสองหลับมาจากลานฝึก บิดาของถังหลี่ยิ้มกว้าง เอ่ยชมเว่ยฉิงครั้งแล้วครั้งเล่า เกือบจะเรียกเป็นพี่เป็นน้องกันเลยทีเดียว ถังหลี่รู้สึกแปลกใจ เมื่อมีโอกาสนางจึงแอบถามเว่ยฉิงว่าเมื่อครู่นี่พวกเขาไปทำอะไรกันมา

“พวกเราสู้กันแล้วข้าก็ชนะท่านพ่อตา” เว่ยฉิงพูดอย่างตรงไปตรงมาจนถังหลี่ตกตะลึง

“ท่านพ่อตาบอกข้าว่า ข้าเป็นคนแรกที่เอาชนะท่านได้ในปีนี้”

เว่ยฉิงพูด “ท่านให้ข้ามาฝึกกับท่านทุกครั้งที่มีโอกาส”

ท่านพ่อของนางเมื่อพ่ายแพ้ก็เล็งเห็นว่าเว่ยฉิงเป็นคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อ ทำให้เห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน? หรือนี่คือมิตรภาพลูกผู้ชาย?

เว่ยฉิงและเด็กๆ เข้ากันได้ดีกับคนสกุลกู้ จากนั้นทั้งครอบครัวก็นั่งลงรับประทานมื้อกลางวันกันอย่างมีความสุข

ในตอนบ่ายวันนั้นในขณะที่พวกเขากลับจากจวนแม่ทัพ เมื่อรถม้าแล่นผ่านใจกลางเมืองเกิดหยุดลงชั่วขณะ ถังหลี่จึงได้ยินเสียงสนทนาที่ด้านนอก

“กลายเป็นว่าความจริงแล้วคุณหนูกู้ไม่ใช่บุตรสาวของแม่ทัพกู้จริงๆ ชื่อเดิมของนางชื่อจูชุนเจียว เป็นเพียงสาวบ้านนอกเท่านั้น นางถูกเปิดโปงในวันแต่งงานล่ะ”

“ใช่ๆ ดูเหมือนว่าจะตกเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมด้วย ตอนนี้จึงถูกขังอยู่ที่ศาลต้าหลี่”

“แต่ข้าได้ยินว่าแม้จูชุนเจียวจะทำผิดจริงแต่ศาลต้าหลี่ยังไม่มีหลักฐาน ดังนั้นจึงยังกักขังนางไว้”

“ใช่แล้ว องค์ชายสามไปที่ศาลต้าหลี่เพื่อขอความยุติธรรมให้กับจูชุนเจียว เขามีความจริงใจกับนางเห็นได้ว่าเขาชอบนางจริงๆ ไม่ใช่เพราะสถานะของนาง”

“ช่างเป็นคู่รักที่น่าสงสารยิ่งนัก ข้าหวังว่าศาลต้าหลี่จะพบความจริงโดยเร็ว อย่าจับผู้ร้ายผิดคนเลย”

ถังหลี่ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินบทสนทนาเหล่านั้น จูชุนเจียวยังไม่ได้สารภาพผิดหรือ?

ความรักที่จ้าวชูมีต่อจูชุนเจียวนั้นเป็นเรื่องจริงหรือเขามีแผนการณ์อื่นกันแน่?

สุดท้ายแล้วนางก็เป็นนางเอกในนวนิยายเรื่องนี้ ด้วยรัศมีความเป็นนางเอกของนาง ถังหลี่เกรงว่าการสารภาพผิดในครั้งนี้คงไม่ง่ายนัก หากจูชุนเจียวยัง อยู่พวกเขาจะไม่ปลอดภัย ถังหลี่ไม่สบายใจขึ้นมา ดูเหมือนว่านางจะต้องไปดูสถานการณ์ที่ศาลต้าหลี่ด้วยตัวเองเสียแล้ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด