เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆบทที่ 270 ครอบครัวเดียวกัน

Now you are reading เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ Chapter บทที่ 270 ครอบครัวเดียวกัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 270 ครอบครัวเดียวกัน

ระหว่างเดินทางกลับ

จั๋วชูนั่งอยู่ด้านหน้าด้วยท่าทีสงบนิ่ง ส่วนเถ้าแก่เนี้ยฮวาก็ดูไม่สบายใจนัก

“เสี่ยวชู มารดาของเจ้าไม่สบายหรือ?” เถ้าแก่เนี้ยฮวาถามอย่างเป็นห่วง

เขาพยักหน้ารับ

“ท่านแม่จะมีอาการคลุ้มคลั่งหากโดนกระตุ้น นางจะกรีดร้องส่งเสียงโวยวาย จำใครไม่ได้ แต่ยามที่นางอาการไม่กำเริบ นางเป็นเหมือนคนปกติทั่วไป”

ก่อนที่จั๋วชูจะเข้าเรียนที่สำนักศึกษาหงเหวินเขาอยู่ที่บ้านกับมารดาทุกวัน ตอนนั้นแม่ของเขามีอาการดี แต่หลังจากที่จั๋วชูออกจากบ้านไปอาการของนางย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ จั๋วชูรู้ดีว่าต้นเหตุนั้นมันเป็นเพราะเขา เด็กหนุ่มจึงสงสัยเสมอว่าตัวเขานั้นเห็นแก่ตัวเกินไปหรือไม่

…เมื่อนึกถึงเรื่องนี้จั๋วชูก็หดหู่มากขึ้นเรื่อย ๆ

“พี่จะลองถามหมอดูว่าเราสามารถรักษาโรคนี้ได้หรือไม่? แล้วพรุ่งนี้ข้าจะให้พี่เขยเจ้ามาช่วยผู้อาวุโสจั๋วทำงาน…” เถ้าแก่เนี้ยฮวากล่าว

“ท่านพี่ ข้าไม่รู้ว่าเหตุใดท่านพ่อจึงพูดเช่นนั้นกับท่าน แต่ว่าความจริงแล้วเขาไม่อยากให้พี่เขยไปช่วยงานหรอกขอรับ ท่านพ่อไม่ชอบเป็นภาระให้คนอื่น” จั๋วชูกล่าว

“เสี่ยวชูนี่คือความตั้งใจของพี่ พี่บอกแล้วว่าเจ้ากับข้าและบิดามารดาของเจ้า พวกเราต่างเป็นครอบครัวเดียวกันเราจะไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้กันอีก ” เถ้าแก่เนี้ยฮวากล่าว

“ข้าด้วย!” เฉาจีรีบพูดเพราะกลัวโดนทิ้งไว้ข้างหลัง

ฮวาเฟิ่งเซี่ยกลับไปมองชายร่างใหญ่ที่กำลังออดอ้อนตัวเองอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

“ใช่แล้วพี่เขย เป็นเจ้าด้วยเช่นกัน” เฉาจียิ้มรับทันที

จั๋วชูเป็นคนฉลาด ดังนั้นเขารู้ว่า พี่สาวทำเช่นนี้ก็เพื่อเขา นางไม่อยากให้เขาอึดอัดไม่สบายใจ

“เจ้าไปเรียนหนังสือเถอะ ที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพี่ ไม่ต้องห่วงบิดามารดาของเจ้า พี่จะดูแลพวกท่านเอง” เถ้าแก่เนี้ยฮวากล่าว

จั๋วชูพยักหน้าเขาเอนตัวลงซบพิงไหล่ของฮวาเฟิ่งเซี่ย

เมื่อถึงเหอตงทั้งสามคนเดินทางกลับไปยังบ้านของถังหลี่ ทันเวลาอาหารเย็นพอดี ถังหลี่จึงได้เชิญพวกเขาร่วมทานอาหารเย็นด้วยกัน หลังจากมื้อเย็นเสร็จเรียบร้อยดีแล้ว

ฮวาเฟิ่งเซี่ยและเฉาจีจึงส่งจั๋วชูกลับสำนักศึกษาก่อนที่เถ้าแก่เนี้ยฮวาจะกลับไปหาถังหลี่

“ถังถัง สิ่งที่เจ้าอยากจะบอกข้าคือให้คิดถึงความรู้สึกของบิดาจั๋วชูหรือเปล่า?” เถ้าแก่เนี้ยฮวาถามอย่างไม่อ้อมค้อม

หญิงสาวพยักหน้ารับ

นางบอกได้เลยว่าบิดาของจั๋วชูนั้นปฏิบัติต่อชายหนุ่มอย่างดี เขาเป็นคนดี ดังนั้นถังหลี่จึงอยากให้ฮวาเฟิ่งเซี่ยดีต่อชายคนนั้นสักนิด

“แล้วเหตุใดเจ้าถึงไม่บอกข้าตรง ๆ” ฮวาเฟิ่งเซี่ยถาม

“ข้ารู้ว่าจิตใจที่งดงามของพี่ฮวาจะรู้สึกสัมผัสได้เอง” ถังหลี่กล่าว

พี่ฮวาที่นางรู้จักนั้นยกเว้นเรื่องของตัวเองแล้ว นางสามารถมองทุกอย่างได้ทะลุปรุโปร่งโดยที่ไม่ต้องมีใครเตือนเลยแม้แต่น้อย เถ้าแก่เนี้ยฮวาสบดวงตาสดใสของถังหลี่ ราวกับมีใครเอาขนนกมาปัดที่หัวใจของนางอย่างนุ่มนวล นางเผลอไผลกอดถังหลี่

ถังถังช่างรู้ใจนางดีเหลือเกิน

ฮวาเฟิ่งเซี่ยรักสหายคนนี้ของนางมาก

หลังจากที่ได้พบกับถังถังชีวิตของนางก็เกิดเรื่องโชคดีขึ้นมากมายเหลือเกิน ยิ่งไปกว่านั้นเมื่ออยู่กับถังหลี่ นางก็เป็นคนดีขึ้นเรื่อย ๆ ราวถังหลี่เป็นดวงตะวันที่คอยส่องแสงให้กับผู้คนรอบตัวของนาง

“ถังถัง บิดาของจั๋วชูลำบากมาก แต่เขาก็ยังเต็มใจส่งจั๋วชูเรียนทำให้ข้ารู้ว่าเขาดีกับน้องชายข้าเพียงใด สำหรับความรักที่เขามีให้จั๋วชู ข้าจะตอบแทนให้อย่างดีที่สุด ข้าจะไม่พรากชูเอ๋อร์ไปจากอกของเขา แต่จะทำให้เขามีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น” เถ้าแก่เนี้ยฮวากล่าว

“จั๋วชูเป็นเด็กที่ให้ความสำคัญกับความรักและความเป็นธรรม หากเป็นเช่นนั้นเขาย่อมมีความสุข” ถังหลี่กล่าว

ฮวาเฟิ่งเซี่ยพยักหน้า

“ในที่สุดข้าก็ได้พบกับน้องชายของข้าแล้ว ข้าจะไม่มีวันปล่อยให้เขาต้องลำบากใจอีก” เถ้าแก่เนี้ยฮวาพูดอย่างหนักแน่น นางต้องการให้เสี่ยวชูของนางได้รับสิ่งที่ดีที่สุด

…..

วันถัดมา

เถ้าแก่เนี้ยฮวาและเฉาจีเดินทางไปหมู่บ้านจั๋วเจียพร้อมกับช่างไม้ที่ขนวัสดุก่อสร้างมาเต็มเกวียนวัวและม้า สิ่งของทั้งหมดขนไปได้ถึงทางเข้าหมู่บ้านเท่านั้น ที่เหลือต้องให้คนขนเข้าไปแทน เหตุการณ์นี้ทำให้ทุกคนในหมู่บ้านเริ่มให้ความสนใจ บิดาของจั๋วชูยืนอยู่ที่ประตูมองไปยังคนกลุ่มใหญ่อย่างตกตะลึง ก่อนจะมองไปที่ฮวาเฟิ่งเซี่ย

“เจ้า…เจ้ากำลังจะทำอะไร?”

“ผู้อาวุโสจั๋วข้ากำลังจะช่วยท่านสร้างบ้านใหม่ไง” เถ้าแก่เนี้ยฮวากล่าวด้วยรอยยิ้ม

นี่…นางไม่ได้แค่พูดขอไปทีหรอกหรือ? นางจะมาซ่อมแซมบ้านให้เขาจริง ๆ หรือ?

เขารีบปฏิเสธไปทันทีอย่างไม่รู้ตัว

“ข้าลงทุนซื้อข้าวของไปแล้ว หากต้องขนกลับไปคงสูญเปล่า”

บิดาของจั๋วชูเหลือบมองหางตาเห็นเพื่อนบ้านข้าง ๆ โผล่หัวออกมาแอบลอบมองกัน

เขาครุ่นคิดอะไรบางอย่างก่อนตัดสินใจ

“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็สร้างบ้านตรงพื้นที่โล่งตรงนี้ได้ข้าขอบ้านที่มีสองห้องนอนล่ะ”

หลังจากพูดจบเขาก็หันกลับเข้าไปในห้องเป็นเพราะกลัวว่าเสียงจากด้านนอกจะทำให้ภรรยาของเขาตื่นตระหนก เขาจึงต้องเข้าไปปลอบโยนนาง

เฉาจีหยิบเก้าอี้ออกมาให้ภรรยานั่ง ก่อนจะทำร่มเงาให้นาง เขาถอดเสื้อพาช่างลงลุยทำงานอย่างเต็มที่ เถ้าแก่เนี้ยฮวามองสามีที่ง่วนอยู่กับงาน เมื่อเห็นเขาเหงื่อออก นางก็เดินไปซับเหงื่อให้เขาเป็นครั้งคราว บางครั้งก็ช่วยเหลือเขาเล็ก ๆ น้อย ๆ

ตอนนี้ย่างเข้าเดือนหกแล้ว อากาศเริ่มร้อนขึ้นมาก เพียงครึ่งชั่วยามผ่านไปก็เป็นเที่ยงวัน ดวงอาทิตย์ทอแสงร้อนแรง พื้นดินร้อนจนแทบเป็นควันระเหยขึ้นมา

บิดาของจั๋วชูเปิดประตูออกมาเขาเดินเข้าไปในครัวและหยิบกาน้ำชานำไปวางไว้ให้พวกเขา ก่อนจะเดินกลับไปโดยไม่พูดอะไร

“ขอบคุณผู้อาวุโสจั๋ว” เถ้าแก่เนี้ยฮวากล่าว

เขาไม่ตอบรับ หากหยิบไม้ไผ่ที่ตัดเอาไว้แล้วเดินเข้าไปสานตะกร้าข้างในห้อง

ด้วยผู้คนและแรงงานที่มากมายจึงใช้เวลาเพียงแค่ห้าวันเท่านั้นบ้านหลังใหม่ก็ถูกสร้างขึ้นบนพื้นที่ดินว่างเปล่า มีห้องนอนใหม่เอี่ยมสามห้อง บ้านไม้ปูด้วยกระเบื้อง ไม่เหมือนบ้านที่ทรุดโทรมหลังเดิมที่มีเพียงสองห้องเล็ก ๆ

“ผู้อาวุโสจั๋ว ยังมีอะไรให้ช่วยอีกหรือไม่ เราพอมีเวลาอยู่ ก่อนหน้านี้ท่านพูดถึงเรื่องหว่านปุ๋ยในไร่ใช่หรือไม่ เรามาลงมือทำกันเถอะ” เถ้าแก่เนี่ยฮวากล่าว

“เจ้ารู้สึกอึดอัดเมื่อต้องอยู่เฉย ๆ จนต้องรีบหาอะไรทำอย่างนั้นหรือ?” บิดาของจั๋วชูพูดด้วยน้ำเสียงโมโห

เถ้าแก่เนี้ยฮวาไม่สนใจเขา แต่กลับชีมือไปที่เฉาจี

“ถูกต้อง สามีข้าตัวใหญ่มากหากต้องอยู่เฉย ๆ เขาคงอึดอัดมากเป็นแน่!”

บิดาของจั๋วชูพูดไม่ออก

“ไม่ต้องหรอก เจ้ากลับไปเถอะ”

“เช่นนั้นพวกข้าขอตัวก่อน หากมีอะไรให้ส่งจดหมายไปที่บ้านสกุลเว่ยที่เมืองเหอตงได้” เถ้าแก่เนี้ยฮวาอดไม่ได้ที่จะกำชับอีกคร้ัง

หลังจากที่พูดจบนางก็กลับไปพร้อมกับคนงาน

บิดาของจั๋วชูยืนอยู่ที่ประตูมองพวกเขาเดินจากไป ด้วยอุปนิสัยของเขาแล้วนั้นเป็นประเภทที่ไม่ชอบรบกวนผู้อื่น ไม่ชอบติดหนี้บุญคุณใคร

พี่สาวของจั๋วชูเป็นคนดีจริง ๆ เขามองไปที่บ้านใหม่เอี่ยมของตน ในชีวิตนี้ของเขา การเป็นหนี้ผู้อื่นต้องทดแทนคุณเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาต้องการ

“เฮ้ บ้านเจ้าไม่เลวเลยนะ”

เพื่อนบ้านคนนั้นออกมาอีกครั้ง เขาจ้องมองไปที่บ้านหลังใหม่ของครอบครัวจั๋วชูอย่างอิจฉา เมื่อนึกถึงคำพูดเยาะเย้ยของเขาก่อนหน้านี้ ผู้อาวุโสจั๋วจึงไม่รักษามารยาท

“ใช่แล้ว พี่สาวจั๋วชูสร้างมันให้ข้า นางมีความรักและความชอบธรรม”

เพื่อนบ้านคนนั้นรู้สึกอับอาย ชายพิการคนนี้มีชีวิตที่ดีมีลูกชายที่น่าภาคภูมิใจ และพี่สาวของลูกชายก็มาตอบแทนให้ถึงหน้าประตู ช่างดียิ่ง

เหตุใดเขาจึงไม่เจอสิ่งดี ๆ เช่นนี้บ้าง?

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ในวันที่เขาและพ่อของจั๋วชู พบเด็กชายในเมืองด้วยกัน ตอนนั้นจั๋วชูผอมเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก เมื่อบิดาของจั๋วชูรับเลี้ยงเขา เพื่อนบ้านคนนี้ยังหัวเราะเยาะพ่อของจั๋วชู เพราะเขาคิดว่าเด็กแบบนี้คงจะรอดตายได้ยาก อีกทั้งไม่สามารถใช้งานได้หากพากลับมาบ้านย่อมสิ้นเปลืองอาหาร ถ้าวันนั้นเขารู้ว่าเด็กคนนี้จะให้โชคลาภเช่นนี้ เขาคงรับเลี้ยงจั๋วชูไว้เองแล้ว

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *