เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆบทที่ 481 เรื่องราวในอดีต

Now you are reading เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ Chapter บทที่ 481 เรื่องราวในอดีต at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 481 เรื่องราวในอดีต

เป่ยหยินหลับตาคิดถึงเรื่องราวเก่าๆ ที่ผ่านมา ในตอนนั้นเขาได้ออกจากกองกำลังหลักไปอย่างเงียบๆ และได้พบกับท่านแม่ทัพเซียว ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยวของท่านแม่ทัพ เต็มไปด้วยความพ่ายแพ้ ลึกลงไปในดวงตาของเขามีความรู้สึกที่ไร้อำนาจและอับจนปัญญาแฝงอยู่

ในที่สุดเขาก็ตบเข้าที่ไหล่ของของเป่ยหยินแล้วเดินจากไป เป่ยหยินมองแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นของท่านแม่ทัพเซียว

ท่านเป็นคนฉลาดย่อมสังเกตได้อยู่แล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติไป และการเดินทางเข้าเมืองหลวงในครั้งนี้ย่อมไม่ใช่เรื่องดีแต่อย่างใด ถึงกระนั้นเขาก็ยังต้องกลับไป เขาจะไม่กลับไปได้อย่างไร หาไม่แล้วเขาจะกลายเป็นผู้ทรยศและเป็นกบฏอย่างแท้จริง ทหารเหล่านั้นที่ได้ต่อสู้ในสมรภูมิเลือดก็จะกลายเป็นกบฏไปเช่นกัน เขาไม่อาจรับเรื่องนี้ได้

เมื่อเขากลับไปเขาต้องการที่จะต่อสู้เพื่อความถูกต้อง แต่แล้วกลับพ่ายแพ้

สวมมงกุฎแห่งความอัปยศอดสูในนามกบฏของแผ่นดิน ถูกฝังร่างเอาไว้ใต้ดินตลอดกาล

ทั้งๆ ที่พวกเขาเป็นทหารกล้าที่มีความจงรักภักดียอมพลีชีพให้กับต้าโจว

เป่ยหยินเปิดตาขึ้น ดวงตาเขาแน่วแน่ ต่อให้คู่ต่อสู้จะยิ่งใหญ่มากเพียงไหน เขาจะต้องลุกขึ้นต่อสู้เพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้บรรดาพี่น้องในกองทัพสกุลเซียว

โชคดีที่นายน้อยยังมีชีวิตอยู่ เขาไม่ได้ต่อสู้เพียงลำพังแต่ผู้เดียว!

“สักวันหนึ่งข้าจะเรียกความยุติธรรมกลับคืนให้กับกองทัพของสกุลเซียว!” เว่ยฉิงพูดอย่างมุ่งมั่น

“นายน้อย หากท่านต้องการความช่วยเหลือ ขอให้ท่านออกคำสั่งมาเถิด ข้าเป่ยหยินไม่เคยกลัวตาย!”

เป่ยหยินคุกเข่าลงต่อหน้าเว่ยฉิงสีหน้ามั่นคงไม่หวั่นไหว

เขาไม่กลัวความตาย จะกลัวตายก็เพราะกังวลว่าจะไม่มีใครแก้แค้นให้กับกองทัพสกุลเซียวอีกต่อไปเท่านั้น

ตอนนี้มีนายน้อยอยู่ที่นี่แล้ว เขาไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีผู้ทวงคืนความยุติธรรม เช่นนั้นชีวิตของเขาย่อมเสียสละได้

เว่ยฉิงพยุงเป่ยหยินลุกขึ้น

“ท่านแม่ทัพเป่ย ลุงสามของข้ายังมีชีวิตอยู่” เว่ยฉิงพูดขึ้นมา เป่ยหยินตกตะลึงจนตัวแข็งไปในทันที เมื่อรู้ว่าลุงสามที่เว่ยฉิงพูดออกมาคือใคร น้ำเสียงเขาถึงกลับสั่นเครือ

“ซานหลางยังมีชีวิตอยู่หรือ?”

“ใช่…เขาเป็นคนบอกข้าเองว่าท่านน่าจะยังมีชีวิตอยู่”

“ซานหลาง…ซานหลางยังอยู่ โอ้…นี่ช่างเป็นเรื่องที่ดีเหลือเกิน”

พวกเขาเป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน ดื่มเหล้า แข่งม้า สู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่มาด้วยกัน ร่วมเข่นฆ่าศัตรูด้วยกัน เขาคิดว่าพี่น้องของเขาได้ล้มหายตายจากไปกันจนไม่เหลือผู้ใดอีกแล้ว ทุกคนต่างประนามดุด่าหาว่าเขาเป็นคนทรยศ แต่เขา…เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าเซียวซานหลางจะยังมีชีวิตอยู่

“ลุงสามของข้า ฝากให้ข้ามาบอกท่านว่า ต่อไปให้ท่านมาร่วมดื่มเหล้ากับเขาให้ได้”

“ใช่ ดื่ม!” เป่ยหยินอารมณ์ดีขึ้นมาก เมื่อพูดจบเขาหัวเราะด้วยดวงตาที่แดงก่ำ

วันนี้ช่างเป็นวันมงคลเหลือเกินมีแต่ข่าวดีครั้งแล้วครั้งเล่า

“ถ้าเช่นนั้นท่านต้องดูแลรักษาสุขภาพให้ดี เพื่อที่จะได้ดื่มเหล้ากับท่านลุงสามของข้า” เว่ยฉิงตบไหล่เขา

“ตกลง!” เป่ยหยินนับวันตั้งตารอ เขาอยากเจอเพื่อนเก่าของเขาจริงๆ

พวกเขาเป็นคนที่ต้องอาศัยอยู่ในความมืด ปกปิดตัวตนที่แท้จริง จึงต้องระมัดระวังตัวเอาไว้ไม่ให้ได้พบเจอกันโดยบังเอิญ เขาได้แต่หวังเอาไว้ว่าสักวันหนึ่งเมื่อกองทัพสกุลเซียวได้รับการสะสางซึ่งความยุติธรรมแล้ว เขาเป่ยหยินและเซียวซานหลางจะได้นั่งดื่มสุราด้วยกันอย่างเป็นที่เปิดเผยในร้านอาหารได้

“เหยี่ยนเอ๋อร์ ไปเอากล่องเหล็กที่ข้างเตียงมาให้ข้าที” เป่ยหยินหันไปสั่งกับบุตรบุญธรรม

คนผู้นั้นหันหลังเดินออกไปตามคำสั่ง

“เด็กคนนี้ชื่อเป่ยเหยี่ยน เขาเป็นบุตรบุญธรรมของข้า ฉลาดมาก แต่นิสัยออกจะชอบกล เขาทำให้นายน้อยขุ่นเคืองหรือไม่?”

“สายตาเขาดีมาก มีความว่องไวดี ออกจะดีมากเกินไปสักหน่อย” เว่ยฉิงตอบ หากเผยอินกลับสับสนในคำพูดของนายน้อย เขาต้องการชมหรือ? แต่ดูเหมือนน้ำเสียงจะไม่ใช่…

ถังหลี่รู้ความหมายในประโยคของสามี เขายังคงมีอาการหึงหวงอยู่ นางจึงเตือนเว่ยฉิง เว่ยฉิงรู้สึกตัวจึงพยายามระงับอารมณ์กรุ่นโกรธของเขาลงพูดอย่างจริงจังว่า

“เป่ยเหยี่ยนดีมาก เขาไม่ได้ทำอะไรให้ข้าขุ่นเคือง”

เป่ยหยินจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก ไม่ช้าเป่ยเหยี่ยนจึงเดินกลับมาพร้อมกับกล่องเหล็กในมือ

เป่ยหยินเปิดกล่องเหล็กที่บรรจุหลักฐานที่เขาได้รวบรวมมาหลายปีแล้ว

“สกุลหวังได้วางสายลับไว้ในกองทัพเพื่อถ่ายทอดข้อมูลทางการทหารให้กับต้าฉี นี่เป็นจดหมายที่ใช้ติดต่อ”

เป่ยหยินพูดพร้อมกับหยิบจดหมายขึ้นมา จดหมายฉบับนี้ถูกคนของเขาขโมยมาจากต้าฉีโดยมีความเสี่ยงสูง

“สกุลหวัง หวังกุ้ยเฟย จ้าวชู…” เว่ยฉิงกัดฟันอ่านชื่อคนเหล่านั้น

แต่เดิมทีเขามีตำแหน่งเป็นองค์รัชทายาท ท่านปู่ของเขาเป็นแม่ทัพใหญ่ของสกุลเซียว เมื่อสกุลเซียวล่มสลายลง เขาไม่สามารถรักษาตำแหน่งองค์รัชทายาทเอาไว้ได้ สกุลหวังและจ้าวชูจึงมีโอกาสได้ใช้ประโยชน์

สกุลหวังต้องการที่จะแย่งชิงตำแหน่งองค์รัชทายาท

“แม่ทัพที่เป็นกองกำลังรักษาเมืองมีหลายกลุ่มที่อยู่ข้างเขา บางคนก็ถูกวางตำแหน่งโดยคนของสกุลหวัง บางคนก็เป็นคนขององค์หญิงใหญ่ จากการสอบสวนของข้า คนที่โจมตีเป็นคนขององค์หญิงใหญ่ ข้าไม่แน่ใจว่า…” เป่ยหยินข้องใจ

ท่านแม่ทัพถูกสังหาร เมืองเหลียงโจวถูกทำลายลงไป ทหารจากแคว้นต้าฉีรุกรานเหลียงโจว สังหารผู้คนอย่างไร้เหตุผล

องค์หญิงใหญ่เองก็เป็นคนแคว้นต้าโจวเหตุใดนางจึงไม่สนใจราษฎรของนางเอง?

เป่ยหยินไม่เข้าใจ…

“ก็แค่ต้องการแย่งชิงอำนาจ” เว่ยฉิงพูดขึ้นมา

การแย่งชิงตำแหน่งฮ่องเต้ทำให้เห็นชีวิตคนไม่มีค่าไร้ความหมาย

เป่ยหยินพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย

“หลังจากที่กองทัพเซียวกลับมาที่เมืองหลวงแล้ว พวกเขาถูกจับเข้าคุกโดยที่ยังไม่ได้เจอคนในครอบครัวด้วยซ้ำ ก่อนที่พวกเขาจะแก้ต่างให้ตนเองได้ก็ถูกตัดสินออกมาว่าพวกเขาร่วมมือกับแคว้นของศัตรู ในหมู่ของพวกเขา นอกจากสกุลหวังและองค์หญิงใหญ่แล้วก็ได้รับความช่วยเหลือจากสกุลหลูเช่นกัน” เป่ยหยินพูดขึ้น

การเชื่อมโยงและการวางหมากอย่างรอบคอบนี้ไม่ได้เปิดโอกาสให้แม่ทัพเซียวได้กลับมาแก้ต่างความบริสุทธ์ของตนเองเลย ยิ่งเห็นหลักฐานที่ปรากฏตรงหน้า ดวงตาของเว่ยฉิงเต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลาย ท่านปู่ ท่านแม่ ท่านลุง…

ท่านปู่กับท่านลุงรักเขามาก ส่วนท่านแม่ของเขานางมักจะเย็นชาไม่ค่อยสนิทกับเขามากนัก แต่วันนั้นเพื่อให้เขาได้หนีไป นางนั่งถือดาบอยู่ที่หน้าตำหนักเพื่อสกัดคนที่จะวิ่งเข้ามาหาเขา

ดวงตาของเว่ยฉิงแดงก่ำ ความเกลียดชังแทบจะกลืนกินไปทั่วร่างกาย มือของเขาถูกใครบางคนจับเอาไว้ เมื่อหันหน้ามาจึงได้พบกับสายตาที่ห่วงใยและปลอบประโลมของภรรยา

เขาจึงค่อยๆ สงบลง

“นายน้อย ข้าให้ท่าน” เป่ยหยินยื่นหลักฐานให้เว่ยฉิง เขาวางไว้ที่ด้านข้าง

การเดินทางในครั้งนี้ของเขาไม่สูญเปล่าและได้ประโยชน์อย่างมหาศาล

เขาอยู่สนทนากับเป่ยหยินต่อไปสักพัก เมื่อได้ข้อมูลที่เขาอยากได้แล้ว เขาจึงเอ่ยลา

“นายน้อย…” เป่ยหยินเรียกเขาเว่ยฉิงหยุดหันไปมอง

“นายน้อย…ท่านระวังตัวด้วย” นายน้อยเป็นทายาทที่เหลืออยู่เพียงหนึ่งเดียวของสกุลเซียว การจากไปในครั้งนี้จึงนับว่าเต็มไปด้วยอันตราย เขาได้แต่หวังให้นายน้อยอยู่รอดปลอดภัยดี

เว่ยฉิงพยักหน้า “ท่านแม่ทัพเป่ย ได้โปรดดูแลสุขภาพของท่านด้วย ท่านลุงสามของข้าเฝ้ารอวันที่จะได้ร่วมดื่มกับท่าน”

หลังจากพูดจบเขาจึงได้คว้ามือถังหลี่เดินจากไป

เมื่อเป่ยหยินได้กลับมานั่งที่เก้าอี้ เขาทั้งหัวเราะและร้องไห้ไปพร้อมๆ กัน เป่ยเหยี่ยนเข้ามายืนอยู่ด้านข้าง เขามองบุตรบุญธรรมของตน

“เป่ยเหยียน”

“ขอรับ ท่านพ่อ” เป่ยเหยียนตอบรับด้วยน้ำเสียงแสดงความเคารพ

“มานี่” เป่ยหยินยื่นมือไปหาบุตรชาย เป่ยเหยียนเดินมาคุกเข่าลงตรงหน้าเขา เป่ยหยินใช้มือลูบหัวบุตรชายเบาๆ

“เหยียนเอ๋อ เจ้าโตแล้ว ช่วงหลายปีที่ผ่านมา ช่วยงานพ่อได้มากจริงๆ” เขาพูดเบาๆ

ลูกเป็นเด็กดีมีความกตัญญูรู้คุณ เป็นเรื่องดีที่มีเขาอยู่ด้วย ไม่เช่นนั้นเขาคงได้แต่เดินไปตามลำพังบนสะพานไม้อย่างโดดเดี่ยว หากไม่ระมัดระวังก็อาจจะตกลงไปในเหวลึกได้

“เหยี่ยนเอ๋อเจ้าจงตามนายน้อยไปเมืองหลวงเถิด”

“แล้วเหลียงโจว..”

“ที่เหลียงโจวมีบิดาอยู่” เป่ยหยินว่า

“เจ้าต้องปกป้องนายน้อย ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นก็แล้วแต่ ต่อให้ต้องสละชีวิตเพื่อปกป้องเขาก็จำเป็นต้องทำ”

“ขอรับ!” เผยเหยียนไม่ลังเลที่จะรับคำ

………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด