เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆบทที่ 390 จับนางติง

Now you are reading เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ Chapter บทที่ 390 จับนางติง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 390 จับนางติง

นางติงพยักหน้าอย่างรวดเร็ว

“แม่จะรีบจัดการ”

“ข้าจัดการให้เอง” ไป๋ซวี่หยางหยุดนางไว้ นางติงจับมือบุตรชาย

“ซวี่หยางเจ้าเป็นลูกที่ดีของแม่จริงๆ เจ้าช่วยชีวิตแม่แล้ว”

ไม่ว่านางติงจะพูดอะไรสีหน้าของไป๋ซวี่หยางก็ไม่แยแส ในดวงตาของเขาไม่มีอารมณ์ใดๆ เขาเดินออกจากห้องด้วยสีหน้าเย็นชาก่อนจะมองไปบนฟ้าราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าขาวซีดของเขามันทั้งดูอ่อนแรงและอ่อนโยน

“อาอิ๋น ข้าคิดถึงเจ้า”

ไป๋ซวี่หยางเอียงศีรษะเล็กน้อยแล้วความอ่อนโยนของเขาก็หายไป ดวงตาของชายหนุ่มมืดมน

“อาอิ๋น ข้าเกลียดนางมาก เกลียดตระกูลไป๋ ไอ้พวกน่ารังเกียจ หากเป็นไปได้ข้าอยากจะจุดไฟเผามันจริงๆ”

….

ภายในห้องที่จวนโหว

“นายหญิงขอรับนี่คือข้อมูลที่ท่านต้องการ” องครักษ์เงานามว่าฉือซื่อยื่นกระดาษปึกหนึ่งให้แก่ถังหลี่

ถังหลี่หยิบขึ้นมาพลิกดูข้อมูลของตระกูลเจิ้ง เจิ้งจู่เหวินเป็นชาวเมืองยูโจว ได้ตำแหน่งทั่นฮวาในปีชุนหยวนที่สิบสาม หลังจากที่เขาแต่งงานกับบุตรบุญธรรมขององค์หญิงใหญ่ เขาก็ได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นมาตลอด ใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่ปีเขาก็ได้เป็นเจ้ากรมอาญา องค์หญิงใหญ่ผู้นี้เป็นพระเชษฐภคินีของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน นางเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ ด้วยสถานะจึงทำให้มีอำนาจอยู่ในมือมากไปด้วย

ถังหลี่พลิกดูประวัติขององค์หญิงใหญ่อดไม่ได้ที่ถอนหายใจแล้วพูดประชดว่า

“องค์หญิงใหญ่มีบุตรสาวบุญธรรมเยอะเสียจริง”

“ขอรับ นางมีบุตรสาวบุญธรรมมากมาย นางรับบุตรบุญธรรมคนนี้มาดูแลนานมากแล้ว องค์หญิงใหญ่รักนางมากจนอยากจะทูลขอฮ่องเต้ให้นางอภิเษกกับองค์ชายสาม”

ถังหลี่ครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วน ในเมื่อนางมีบุตรสาวบุญธรรมหลายคน บางคนกลายเป็นขุนนางหญิง บางคนแต่งงานกับข้าราชบริพาร

ถังหลี่รู้สึกว่าองค์หญิงใหญ่ผู้นี้มีความทะเยอทะยานพอตัวทีเดียว

เมื่อดูข้อมูลของติงเสี่ยวเหลียนแล้ว พบว่านางเข้ามายังเมืองหลวงปีเดียวกับเจิ้งจู่เหวิน จากนั้นจึงได้เปิดแผงขายน้ำเต้าหู้ในเมืองหลวง

ข้อมูลของสองคนนี้ หากดูแยกกันจะไม่รู้ว่ามีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกัน แต่ถ้าหากนำมารวมกันจะเห็นเบาะแสได้อย่างชัดเจน พวกเขาเข้าเมืองหลวงมาในปีเดียวกัน หากเจิ้งจู่เหวินอยู่เบื้องหลังติงเสี่ยวเหลียนแล้ว ย่อมไม่ใช่มิตรภาพที่ผิวเผินเป็นแน่

เจิ้งจู่เหวินไม่ได้ชอบพอกับภรรยาที่เป็นบุตรบุญธรรมขององค์หญิงใหญ่ แต่เป็นเพราะนาง เขาจึงได้ใช้อิทธิพลไต่เต้าหน้าที่การงานมาได้จนถึงทุกวันนี้ หากเรื่องนี้รู้ไปถึงภรรยาของเขาเข้า…จะเป็นอย่างไร?

….

ยามดึกคืนนั้น ที่บ้านเล็กๆ ในทิศตะวันออกของเมือง

ผู้เฒ่าอู๋และนางอู๋ต่างก็อายุมากแล้ว เมื่อพวกเขาหลับ หากได้ยินเสียงหรือความเคลื่อนไหวแค่เพียงเล็กน้อยก็ทำให้พวกเขาตื่นกันได้แล้ว

ที่ด้านนอกมีเสียงคนเหยียบกิ่งไม้ ผู้เฒ่าทั้งสองสะดุ้งตื่นขึ้นมาในความมืด ผู้เฒ่าอู๋ถอนหายใจออกมา

“แม่เฒ่า ข้าขอโทษนะ”

เมื่อเขาเลือกที่จะพูดความจริงแก่เจ้าหน้าที่ผู้นั้น เขาคาดเดาเอาไว้ว่าต้องเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น

คดีนี้ซับซ้อน ฆาตกรมีผู้หนุนหลังที่มีอำนาจมาก คนที่ลอบฆ่าพยานเมื่อสิบสองปีก่อนหน้านี้ จะต้องลงมืออีกอย่างแน่นนอน

เมื่อสิบสองปีก่อนหน้านี้ เขายังมีตำแหน่งอยู่ที่กรมอาญา หากเขาโดนฆ่าตายคงจะมีปัญหาตามมาไม่น้อย ดังนั้นเขาจึงได้รอดชีวิตมาได้ เมื่อคดีนั้นได้ถูกตัดสินว่าเป็นการฆ่าตัวตายคดีจึงปิดลงและถูกลืมไป

แต่ตอนนี้เมื่อคดีถูกรื้อฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง คนเหล่านั้นคิดว่าตนเองถูกคุกคาม เป็นธรรมดาที่จะตัดสินใจทำเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้น นี่เป็นข้อพิสูจน์ได้ว่าการรื้อคดีสอบสวนใหม่ทำให้พวกเขาหวาดกลัว

เดิมทีผู้เฒ่าอู๋ต้องการให้นางอู๋ไปอยู่กับบุตรชาย แต่นางอู๋ไม่ยอมไป หากสามีคะยั้นคะยอขึ้นมานางจะอารมณ์เสีย ผู้เฒ่าอู๋จึงได้ตระหนักในการตัดสินใจของนาง ในชีวิตนี้เขาเป็นคนล้มเหลว น่าเสียดายที่นางต้องมาจมปลักกับคนอย่างเขา

“แม่เฒ่า ข้าเป็นคนทำร้ายเจ้า การแต่งงานกับข้าทำให้เจ้าต้องทุกข์ใจ …”

“ใครกันเล่า…ทำให้ข้าตาบอดตกหลุมรักเจ้าจนเหมือนลาดื้อเช่นนี้ ข้าขาไม่ค่อยดีแล้ว ท่านเดินช้าๆ นะ ยามไปภพหน้า…รอข้าด้วย”

ในขณะที่สามีภรรยาสูงวัยจับมือกันแน่น พวกเขาเตรียมพร้อมที่จะเดินทางไปสู่ปรโลกแล้ว

ในตอนนั้นเองกลับมีผู้คนอีกกลุ่มหนึ่งปรากฏตัวขึ้นด้านนอก เพื่อต่อสู้กับกลุ่มคนที่เหยียบกิ่งไม้ในตอนแรก

“ผู้อาวุโสอู๋ ฮูหยินอู๋ พวกเราเป็นคนของรองเจ้ากรมอาญา ได้รบกวนเวลานอนของท่านมากแล้ว ต่อจากนี้ขอเชิญพวกท่านนอนหลับให้สบาย”

หลังจากที่ชายผู้นั้นพูดจบเขาก็จากไป

ไม่นานทุกอย่างก็เงียบลง

ทั้งผู้เฒ่าอู๋และนางอู๋ผงะไปชั่วขณะหนึ่ง หญิงชรากอดแขนสามีไว้แน่นไม่ช้าเขาก็รู้สึกแขนเปียก

“แม่เฒ่า เจ้าร้องไห้ทำไม?”

“ข้าดีใจ”

“ดีใจที่ยังมีชีวิตอยู่หรือ?”

“ใช่สิ หากสามารถมีชีวิตอยู่ได้ ใครเล่าจะอยากตาย” ในความมืดผู้เฒ่าอู๋ตบหลังปลอบภรรยาเบาๆ

หากยังมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ใครจะไปอยากตายเล่า?

เขาตกลงที่จะเสี่ยงบอกความจริงเพื่อจะได้ไม่รู้สึกผิดต่อผู้ที่ตายจากไป หากเขาโยนความรู้สึกผิดชอบชั่วดีทิ้งไปได้ ชีวิตคู่ของสามีภรรยาของเขาคงจะเป็นปกติสุขเหมือนผู้อื่น

“ตาเฒ่า รองเจ้ากรมอาญาผู้นั้นดูจะมีความสามารถอย่างแท้จริง คดีนี้เริ่มมีความหวังให้เห็นบ้างแล้วสินะ” นางอู๋พูดเบาๆ กับสามี

“ใช่ ในที่สุดก็ถึงวันที่ข้ารอคอย”

“อย่าเพิ่งรีบด่วนดีใจ นอนเถอะ”

“ตกลง”

สามีภรรยาสูงอายุพากันห่มผ้าแล้วนอนต่อไป

….

วันถัดมา ที่จวนโหว

เมื่อถังหลี่ตื่นขึ้น ที่นอนด้านข้างก็ว่างเปล่าแล้ว นางลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัว เมื่อเปิดประตูออกไปจึงเห็นเว่ยฉิงเดินเข้ามา

“เมื่อเช้าเกิดอะไรขึ้นหรือ?” ถังหลี่ถาม

“เมื่อคืนมีคนต้องการฆ่าใต้เท้าอู๋แต่ถูกจับได้” เว่ยฉิงเปิดปากทำให้ถังหลี่ประหลาดใจ

“อุกอาจมาก”

“ทุกอย่างราบรื่นจนข้าไม่ทันสังเกตว่าเผลอเตะไปโดนแผ่นเหล็กเข้า” เว่ยฉิงกล่าว

“มีความเคลื่อนไหวของนางติงกับเจิ้งจู่เหวินหรือไม่?” ถังหลี่ถาม ชายหนุ่มส่ายหัว

ถังหลี่อ่านข้อมูลของนางติงเมื่อวานนี้ เมื่อวิเคราะห์นิสัยดั้งเดิมของนางติงแล้วจะพบว่านางเป็นสตรีที่ต้องพึ่งพาบุรุษ เมื่อนางเห็นว่าตัวเองกำลังจะถูกเปิดโปง แทนที่นางจะส่งคนไปติดต่อเจิ้งจู่เหวินแต่กลับส่งคนไปฆ่าปิดปากพวกเขา ไม่รู้ว่านางโง่หรือฉลาดกันแน่

“นายท่านขอรับ มีคนมาจากจวนสกุลไป๋” ที่ด้านนอกประตูมีรายงาน

“พาเข้ามา” เว่ยฉิงกล่าว

ในไม่ช้าคนจากจวนไป๋ก็มาถึง เขาคือบ่าวรับใช้ข้างกายของไป๋มู่หยาง

“เมื่อคืนนี้มีคนต้องการลอบฆ่าสาวใช้ที่อยู่ข้างกายนางติง แต่เพราะนายท่านสั่งให้จับตาดูไว้พวกเราจึงจับคนร้ายได้ขอรับ”

“ดี ข้าจะส่งคนไปรับตัวพวกมัน” เว่ยฉิงพยักหน้า ก่อนที่ผู้คุ้มกันจะจากไป

“ดูเหมือนว่านางติงจะไม่ฉลาดเท่าที่คิด” ถังหลี่กล่าว

เป็นการกระทำที่โง่เขลาและใจร้อนมากจนทำให้ถูกจับได้คาหนังคาเขา

ถ้านางติงไปขอความช่วยเหลือจากเจิ้งจู่เหวินคงเป็นปัญหาสำหรับพวกเขาแน่นอน

“สามี ตอนนี้ท่านจับนางติงได้แล้ว”

“ฮูหยิน ข้าต้องไปที่กรมอาญาก่อน” เว่ยฉิงพูด

“ไปเถอะ” ถังหลี่เขย่งปลายเท้าจูบที่แก้มของเว่ยฉิง เขาฉวยจูบริมฝีปากของนางหันหลังเดินออกไปไป

….

จวนสกุลไป๋

นางติงกำลังรับประทานอาหารในห้องอย่างสบายใจ ตอนนี้ลูกชายของนางเริ่มมีความสามารถมากขึ้นแล้ว แต่อุปนิสัยของไป๋ซวี่หยางนั้นคาดเดาไม่ได้ บางครั้งนางก็รู้สึกกลัวเขาอย่างบอกไม่ถูก

เมื่อไป๋ซวี่หยางเต็มใจที่จะแก้ไขปัญหานี้ จิตใจของนางติงก็โล่งขึ้น แต่เมื่อนึกย้อนไปในอดีตนางติงได้แต่ถอนหายใจ

ตอนที่นางได้พบกับนางกัวครั้งแรก นางเป็นคนงดงาม สวมเสื้อผ้าอย่างดีมีชีวิตความเป็นอยู่สะดวกสบาย ราวกับรายล้อมไปด้วยดวงดาว ในขณะที่นางเป็นเพียงแม่ค้าริมถนนเท่านั้น

ใคนจะคิดว่าตอนนี้นางจะได้เป็นฮูหยินสกุลไป๋ ในขณะที่นางกัวกลายเป็นผีโดดเดี่ยวไปเสียแล้ว เมื่อคิดถึงเรื่องนี้นางติงก็อิ่มเอมใจขึ้นมา ในตอนนั้นเองมีเสียงฝีเท้าดังขึ้นที่ด้านนอกของประตู

……

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด