เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆบทที่ 204 ติดคุก

Now you are reading เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ Chapter บทที่ 204 ติดคุก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 204 ติดคุก

ถังหลี่และเว่ยฉิง เป็นแค่ชาวบ้านธรรมดาเท่านั้น จะเอาอะไรไปสู้กับทางการได้ จึงได้แต่ยอมถูกพาตัวไปยังห้องขังเท่านั้น

โชคดีที่ทั้งครอบครัวถูกขังไว้ในที่เดียวกัน

ห้องขังทั้งมืดและอับชื้น ถังหลี่และเว่ยฉิงนั้นไร้ซึ่งความกลัว แต่เด็กทั้งสองไม่เคยต้องมาอยู่ในบรรยากาศน่ากลัวเช่นนี้มาก่อน พวกเขาจึงพากันปลอบโยนบุตรทั้งสองคน

“ข้าไม่กลัวขอรับท่านแม่ ในหนังสือนิทานที่ข้าเคยอ่านมีคนดีที่ถูกพวกคนชั่วจับเข้าคุก แต่มีเทพพิทักษ์แห่งน้ำมาช่วย พวกเราเป็นเพียงเหยื่อเท่านั้น ยังไงเทพพิทักษ์จะต้องมาช่วยเราแน่นอน”

เอ้อร์เป่ากล่าว

เมื่อได้ยินสิ่งที่พี่ชายพูด ซานเป่ากำหมัดแน่น หน้าอกของเด็กหญิงยืดขึ้น ใบหน้าเล็ก ๆ ของนางเต็มไปด้วยความกล้าหาญ

“เช่นนั้น ข้าก็ไม่กลัวเช่นกัน”

เด็กทั้งสองยืนเกาะลูกกรงไม้รอให้เทพพิทักษ์เข้ามาช่วยพวกเขาอย่างใจจดใจจ่อ ในขณะเดียวกันถังหลี่และเว่ยฉิงก็ขยับเข้ามาพูดคุยกันเบา ๆ

“เจ้าคิดว่าใครกันที่ทำเช่นนี้” ถังหลี่ถาม

“ฟางเจี๋ย” เว่ยฉิงพูด

ถังหลี่เองก็คิดว่าเป็นเขาเช่นกัน

“หลังจากการตายของผู้อาวุโสตระกูลฟาง ข้าคิดว่าฟางเจี๋ยเสียสติไปแล้ว เขาไม่ได้ไปงานศพบิดาด้วยซ้ำ แต่มาบอกให้เราพาเอ้อร์เป่ากลับไปได้ หลังจากนั้นก็ไปแจ้งทางการว่าเราลักพาตัวลูกชายเขา”

เมื่อวาน ตอนที่พวกเขาไปบอกลา แววตาของฟางเจี๋ยและนางถังดูแปลกพิกล หรือว่านี่คือการวางแผนครั้งใหญ่ของพวกเขา สองคนผัวเมียคู่นี้เสียสติไปแล้วสินะ!

เว่ยฉิงก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน

“ท่านผู้เฒ่าตระกูลฟางมอบมรดกทั้งหมดให้แก่ฟางจวิ่น ทำให้ฟางเจี๋ยรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรม หรือเขาจะคิดว่าเราพูดบางอย่างให้ท่านผู้เฒ่าฟังทำให้เขาตัดสินใจทำกับเราแบบนี้”

ถังหลี่พยักหน้า

เมื่อคิดเช่นนั้นก็เป็นไปได้ว่าฟางเจี๋ยเป็นต้นเหตุ

ในความเป็นจริงแล้วก็ไม่ได้ต่างจากที่พวกเขาคาดเดาเท่าไหร่นัก ฟางเจี๋ยเกลียดสามีภรรยาทั้งคู่มาก ก่อนหน้านี้ฟางจวิ่นเคยมีอำนาจเพียงแค่ครึ่งหนึ่งเท่านั้น ฟางเจี๋ยจึงทนพูดจาดีกับพวกเขา รวมถึงไม่สามารถขยับทำอะไรได้มากนัก ต่อมาจึงได้พุ่งเป้ามาที่เว่ยฉิงและถังหลี่

ฟางเจี๋ยคิดว่าทั้งคู่เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาที่เปิดร้านเล็ก ๆ ไม่มีภูมิหลังที่ใหญ่โตพอให้กล่าวถึง

ฟางเจี๋ยทำกิจการในเมืองฉินโจวมาหลายปี ย่อมมีเครือข่ายพันธมิตรที่แข็งแกร่ง แค่เขาเอ่ยออกมาคำเดียวก็ทำให้สามีภรรยาสกุลเว่ยเดือดร้อนได้มากแล้ว

เขาจึงแสร้งอนุญาตให้เว่ยฉิงและถังหลี่พาฟางเหยียนออกจากจวน ก่อนจะกล่าวหาว่าพวกเขาลักพาตัวบุตรชาย

เพียงเท่านี้ก็เพียงพอกับการที่จะจับกุมคนทั้งคู่ก่อนจะให้ให้ศาลตัดสินเนรเทศพวกเขาไป

“ท่านพี่ เราควรพาฟางเหยียนกลับมาหรือไม่? สุดท้ายแล้วเมื่อทางการตัดสินว่าฟางเหยียนเป็นบุตรของเรา เราต้องรับเขากลับมาใช่หรือไม่?” นางถังปรึกษากับสามี

“ไม่จำเป็น ข้ามีความสัมพันธ์ที่ดีกับใต้เท้าจ้าว พูดกับเขาคำเดียวก็ได้แล้ว เจ้าจะพาเขากลับมาด้วยเหตุใด?”

ก่อนหน้านี้ฟางเจี๋ยคิดว่าฟางเหยียนคือดาวนำโชคของเขา เขาจึงดูแลปฏิบัติต่อเด็กชายเป็นอย่างดี แต่ตอนนี้ฟางเหยียนเป็นเพียงตัวอัปมงคลเท่านั้น ฟางเจี๋ยจึงอยากให้เด็กคนนั้นอยู่ให้ไกลจากเขา

เมื่อนางถังได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้ารับ

นางเองก็ไม่ต้องการเห็นหน้าฟางเหยียนเช่นกัน ปล่อยให้เด็กนั่นถูกเนรเทศไปตกทุกข์ได้ยากกับสองคนผัวเมียนั่นจะดีกว่า

ต่อเมื่อวันใดสามีของนางได้เป็นผู้นำตระกูลฟาง วันนั้นนางจะไปหานางไช่เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของฟางเหยียน…

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว นางถังรู้สึกมีความสุขขึ้นมาทันที

“พี่ใหญ่”

หลังจากนั้นไม่นานนัก ฟางจวิ่นก็รีบเดินเข้ามาหา

เขาเพิ่งได้ข่าวที่ทางการควบคุมตัวครอบครัวของถังหลี่ไป!

ในแวดวงการค้าของเมืองฉินโจวต่างพากันรับรู้โดยทั่วว่าฟางจวิ่นคือผู้นำคนต่อไปของสกุลฟาง จึงได้มีคนนำข่าวนี้มาบอกเขา

ทันทีที่รู้ ฟางจวิ่นก็รีบมาหาพี่ชายทันที

“พี่ใหญ่ ถังหลี่กับเว่ยฉิงถูกทางการจับตัวไป ข้อหาลักพาตัวเด็ก พี่เป็นคนรายงานเรื่องนี้กับทางการหรือ?”

ฟางเจี๋ยไม่เสแสร้งทำดีกับน้องชายอีกต่อไป

“แล้วอย่างไร? เหยียนเอ๋อร์เป็นบุตรชายข้า พวกเขาพาตัวเหยียนเอ๋อร์ไป นั่นไม่ใช่ลักพาตัวบุตรชายข้าหรือ?”

“ท่านพี่ ท่านลืมสิ่งที่ท่านพ่อสั่งเสียไว้แล้วหรือ? ท่านพ่อบอกให้เหยียนเอ๋อร์ไปกับพวกเขานะ!”

ฟางจวิ่นกล่าว

“เหตุใดข้าจะทำไม่ได้? เด็กคนนั้นเป็นลูกชายของข้า การยกลูกชายข้าให้คนอื่นมันเป็นเรื่องสมควรหรือ? ข้าไม่มีความจำเป็นต้องทำตามที่ท่านพ่อสั่งเสียเอาไว้ !” ฟางเจี๋ยกล่าว

ฟางจวิ่นโกรธมาก เลือดในร่างกายของเขาเดือดพล่านด้วยความโมโห แม้ชายคนนี้จะเป็นพี่ชายของเขา แต่ฟางจวิ่นอยากซัดคนตรงหน้าให้หมอบเดี๋ยวนี้!

เขาทำแบบนี้ได้อย่างไร? นี่ไม่ใช่แค่เนรคุณ แต่เป็นเรื่องเลวทรามบัดซบเกินกว่าที่ฟางจวิ่นจะรับได้ !

ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าถังหลี่และเว่ยฉิงนั้นมีบุญคุณในการเลี้ยงดูฟางเหยียนมาถึงสามปี คนสกุลฟางควรจะขอบคุณเขาเสียด้วยซ้ำ ไม่เห็นคุณค่าก็ไม่ว่า แต่ถ้าฟางเจี๋ยไม่รักลูก ก็ควรที่จะปล่อยให้เด็กไปอยู่กับพ่อแม่บุญธรรมที่รักเขามากกว่า สุดท้ายมาลอบกัด แจ้งข้อหาลักพาตัวส่งเขาเข้าคุก!

การกระทำเช่นนี้สมควรโดนสวรรค์ลงโทษ!

“พี่ใหญ่ ท่านเองก็เห็นด้วยเรื่องที่ให้เหยียนเอ๋อร์ไปจากสกุลฟาง ข้าเป็นพยานให้เขาได้ ท่านตามข้าไปที่ศาลาว่าการแล้วถอนฟ้องคดีเสีย!”

ฟางจวิ่นจับมือฟางเจี๋ย แต่ถูกอีกฝ่ายสะบัดทิ้งอย่างไม่ไยดี

“ฟางจวิ่น เจ้ายังเป็นน้องชายข้าอยู่หรือไม่? เหตุใดจึงเข้าข้างคนนอกเช่นนั้น”

“ท่านพี่ สิ่งที่ท่านทำมันผิดคุณธรรมมากเกินไป”

“บุตรชายข้าโดนเขาพาตัวไป จะให้ข้าหาความชอบธรรมได้อย่างไร” นางถังร้องไห้ขึ้นมา

“ท่านปฏิบัติกับเด็กคนนั้นเหมือนบุตรชายของท่านหรือเปล่า? ท่านบอกข้าเองว่าจะไม่นับญาติกับเขาแล้ว!” นางไช่ทนต่อไปไม่ไหว ชี้หน้านางถังก่อนจะก่นด่า

“ข้าไม่ได้พูดแบบนั้น! น้องสะใภ้เจ้าอย่ามาพูดจาไร้สาระนะ! ถึงเจ้าจะไม่ได้สนิทกับบุตรสาว ก็อย่ามายุแยงความสัมพันธ์ของข้ากับบุตรชายแบบนี้!”

ความโกลาหลบังเกิดขึ้นทันที ไม่ว่าฟางจวิ่นกับนางไช่จะพูดอะไร สองสามีภรรยาก็ยืนกรานว่าพวกเขาจะไม่ถอนฟ้องคดีเด็ดขาด

ฟางจวิ่นไม่มีทางเลือก นอกจากจะพยายามหาเส้นสายเพื่อไปพบถังหลี่และเว่ยฉิงในคุก ก่อนที่จะไปถึงห้องขังเขาคิดว่าถังหลี่และเว่ยฉิงคงมีสภาพที่น่าเวทนามาก แต่เมื่อไปถึงแล้วกลับพบว่าคนทั้งคู่นั้นมีท่าทีสงบนิ่ง

“คุณชายรองฟาง” เมื่อถังหลี่เห็นเขา นางก็ทักทายทันที

“ข้าต้องขอโทษพวกท่านจริง ๆ ที่พี่ชายข้าทำให้พวกท่านต้องลำบากเช่นนี้ ไม่ต้องกังวลนะ ข้าจะหาทางช่วยพวกท่านแน่นอน”

ฟางจวิ่นเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด

เมื่อพูดจบเขาก็แปลกใจที่ทั้งคู่ไม่มีท่าทีประหลาดใจเลยแม้แต่น้อย

“ท่านคาดเดาได้แล้วหรือ?” เป็นฟางจวิ่นที่ประหลาดใจแทน

“ใช่ มีเพียงพี่ชายท่านเท่านั้นที่สามารถทำเช่นนี้ได้” ถังหลี่กล่าว

ฟางจวิ่นได้ยินก็รู้สึกผิด

“คุณชายรองฟาง พี่ท่านก็คือพี่ท่าน ท่านก็คือท่าน ดังนั้นท่านไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดกับการกระทำของเขา” ถังหลี่กล่าว

“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม สกุลฟางต้องขอโทษท่านด้วย ข้าจะพยายามหาทางให้ท่านออกไปให้ได้”

ฟางจวิ่นกล่าว

“คุณชายรองฟางไม่ต้องกังวล” ถังหลี่กล่าว

ชายหนุ่มผงะไปครู่หนึ่ง เขาตกตะลึงกับความใจเย็นของถังหลี่

ในเวลาเช่นนี้ นางไม่มีความกังวลเลยหรือ?

“จะมีคนมาช่วยพวกข้าในไม่ช้า” ถังหลี่พูดอย่างหนักแน่น

เถ้าแก่เนี้ยฮวารู้ว่าพวกเขาถูกคุมตัวมา นางต้องรีบไปหาเฉาจีอย่างแน่นอน หากพูดถึงเส้นสายล่ะก็ เฉาจีย่อมมีเส้นสายที่เหนียวแน่นมากกว่าพ่อค้าอย่างฟางจวิ่นมากนัก หากเป็นตามที่ถังหลี่คาดการณ์ไว้ ในตอนที่พวกเขาถูกคุมตัวมาสี่คนพ่อแม่ลูก ฮวาเหนียงจื่อต้องไปหาเฉาจีด้วยความตื่นตระหนก

ตอนนี้เฉาเช่านั้นเดินทางกลับไปยังเมืองหลวง ส่วนเฉาจีอยู่ประจำการณ์ที่เมืองฉินโจวเพื่อรักษาความปลอดภัย หลังจากที่เฉาจีรู้เรื่องนี้ เขารีบไปพบกับเจ้าเมืองฉินโจวทันที เจ้าเมืองผู้นี้สกุลฉิน เขารู้ว่าเฉาจีคือบุตรบุญธรรมของแม่ทัพเฉา ดังนั้นจึงปฏิบัติต่อชายหนุ่มอย่างนอบน้อม

และเมื่อเจ้าเมืองฉินได้ยินเรื่องนี้ เขาจึงไม่อยู่เฉยรีบเปิดศาลเพื่อพิจารณาคดีทันที

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *