เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆบทที่ 309 ซากศพเดินได้

Now you are reading เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ Chapter บทที่ 309 ซากศพเดินได้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 309 ซากศพเดินได้

“ใต้เท้าขอรับ ลูกน้องข้าทำบัญชีรายชื่อ ตอนนี้คนร้ายและผู้สมรู้ร่วมคิดมีทั้งหมดห้าสิบคน เสียชีวิตไปสิบแปดคน และอีกสามสิบสองคนยังมีชีวิตอยู่ เด็กบริสุทธิ์ห้าสิบเก้าคนจะต้องถูกตรวจสอบเรื่องยา และอีกสามสิบห้าคนเป็นเหล่าซากศพเดินได้ขอรับ” เจ้าหน้าที่คนนั้นรายงาน เว่ยฉิงพยักหน้า

“พาพวกเขาทั้งหมดกลับไป”

เจ้าหน้าที่ทุกคนแบ่งกันรับผิดชอบในการควบคุมตัวเด็กๆ และซากศพมีชีวิตพวกนั้น รวมไปถึงผู้สมรู้ร่วมคิดหลายคนที่โดนมัดด้วยเชือก มีเจ้าหน้าที่หลายคนคุ้มกัน ส่วนหมอฟางนั้น เว่ยฉิงให้หานอี้ซึ่งเขาไว้ใจมากที่สุดควบคุมตัวไว้

“ถ้าเขาตื่น ก็ทำให้สลบไปอีกครั้ง”

ด้วยพละกำลังและฝีมือของเว่ยฉิงจึงเป็นไปได้ยากที่หมอพิษฟางจะได้สติขึ้นมา แต่เขาก็ยังไม่วางใจจึงกำชับสั่งเผื่อเอาไว้ หานอี้พยักหน้ารับ

คนกลุ่มนั้นออกจากหมู่บ้านอย่างทุลักทุเล เว่ยฉิง ถังหลี่และองครักษ์เงายืนมอง

“จะจัดการกับหมู่บ้านนี้อย่างไร?” ถังหลี่ถาม

“เผามันเสีย” เว่ยฉิงกล่าว

“ดีแล้ว เผาไปเถอะ” ถังหลี่พยักหน้า

หมู่บ้านนี้คือต้นตอของความชั่วร้าย สิ่งที่หมอพิษฟางทิ้งเอาไว้สมควรเผาให้หมด ไม่จำเป็นต้องเก็บไว้

เปลวเพลิงลุกไหม้อย่างรวดเร็ว ทั้งหมู่บ้านเต็มด้วยเพลิงที่โหมกระหน่ำ เว่ยฉิงและถังหลี่ยืนอยู่กลางถนนบนภูเขา มองดูหมู่บ้านที่กลายเป็นเถ้าถ่าน

อันที่จริงแล้วถ้าเป็นคนโลภสักหน่อยอาจจะต้องการสิ่งที่หมอฟางทิ้งเอาไว้ แม้ว่าสามีของนางจะเป็นวายร้ายที่ยิ่งใหญ่เพียงใด แต่โชคดีที่เขาไม่ชอบเรื่องไร้มนุษยธรรมเช่นนี้

ถังหลี่หันหน้าไปมองเว่ยฉิง รู้สึกได้ว่าสามีของนางดูดีขึ้นเรื่อยๆ เว่ยฉิงเองก็รู้สึกคันยุบยิบอยู่ในใจเช่นกันเมื่อเห็นภรรยามองเขาเช่นนั้น

เจ้าหน้าที่ของทางการไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว อีกทั้งองครักษ์ที่อยู่ด้วยก็เป็นคนของเว่ยฉิง…

เว่ยฉิงอุ้มถังหลี่เข้าที่เอวก่อนจะหมุนตัวกลับเข้าไปในถ้ำ อาศัยความมืดปล้นขโมยจูบภรรยาของเขา

ไม่นานหลังจากนั้นที่เนินเขาด้านหลังของหมู่บ้าน ชายชุดดำหลายคนปรากฏตัวขึ้น พวกเขามองหมู่บ้านที่กำลังถูกเผา

“พวกเรามาช้าไป ไหม้ไปหมดแล้ว ควรทำอย่างไรดีขอรับ?”

“รีบไปรายงานนายท่านก่อน”

ชายชุดดำเหล่านั้นจากไปอย่างรวดเร็ว

….

ระหว่างทางกลับบ้านเว่ยฉิงและถังหลี่ยังนั่งอยู่บ้นหลังม้าตัวเดียวกันเช่นเดิม

ตอนนี้เด็กๆ ได้รับการช่วยเหลือแล้ว ภรรยาที่แสนอ่อนโยนยังอยู่ในอ้อมแขนของเขา ทำให้อารมณ์ของเว่ยฉิงผ่อนคลายลงมาก ระหว่างทางกลับบ้านเว่ยฉิงได้แอบกินเต้าหู้ภรรยาเงียบๆ จนใบหน้าของหญิงสาวแดงก่ำ นางจ้องเขาพยายามควบคุมสติตัวเอง

ตลอดระยะทางในการเดินทางกลับเว่ยฉิงให้ผู้คนหยุดพักเป็นครั้งคราวเพราะร่างกายของเด็กๆ อ่อนแอมาก จึงไม่อยากเร่งเดินทางมากจนเกินไป พวกเขาจึงหยุดพักดื่มน้ำและพูดคุยกันบ้าง

หลิวหลานถูกมัดข้อมือไว้ข้างชายร่างสูงผู้หนึ่งที่หมดสติอยู่ นางพยายามเอามือเช็ดฝุ่นบนใบหน้าของเขา ในดวงตาของนางเต็มไปด้วยอารมณ์คละเคล้าผสมปนเปกัน ทั้งความอ่อนโยน ทุกข์ใจ เจ็บปวดอย่างยากที่จะอธิบาย

ถังหลี่เดินไปด้านข้างส่งกระบอกน้ำให้

“ดื่มน้ำหน่อยเถอะ” หลิวหลานรับไว้ มองถังหลี่อย่างขอบคุณ

“ขอบคุณเจ้าค่ะ”

ถังหลี่มองชายร่างสูงผู้นั้น ตอนที่เขาไม่ได้สตินั้นเขาดูดุร้ายน่ากลัว แต่ยามที่หลับตาเช่นนี้ เขาเป็นหนุ่มรูปงามหน้าตาดีไม่น้อย หมอพิษสารเลวผู้นั้นทำให้คนดีๆ ต้องกลายเป็นผีดิบเดินได้เช่นนี้

“เจ้ารู้จักเขาหรือ?” ถังหลี่ถาม

“เจ้าค่ะ” หลิวหลานพยักหน้า

“เจ้าเล่าเรื่องในอดีตให้ข้าฟังได้หรือไม่?” ถังหลี่ถาม

ถังหลี่รู้สึกว่าหลิวหลานเป็นคนที่มีอดีตและเรื่องราวมากมาย เด็กสาวพยักหน้ารับก่อนจะเริ่มพูดคุยถึงภูมิหลังของนาง

“เดิมทีข้าเป็นชาวบ้านที่เชิงเขาใกล้ๆ พ่อแม่ของข้าพยายามบังคับให้ข้าแต่งงานกับพ่อม่ายอายุมาก ข้าเลยหนีออกมา แต่บังเอิญตกหน้าผา โขคดีที่รอดมาได้ เพราะได้รับความช่วยเหลือจากเขา…” หลิวหลานชำเลืองมองชายร่างสูงผู้นั้น

“เขาคืออาหยู”

“ตอนนั้นอาหยูตั้งใจจะพาเด็กๆ ที่โดนลักพาตัวกลับบ้าน” หลิวหลานกล่าว

เกือบสิบปีผ่านมาแล้วนางยังจำครั้งแรกที่เจอกับอาหยูได้ดี ในตอนนั้นเขายังเป็นเด็กหนุ่มวัยแรกรุ่นที่ต้องทนทุกข์ทรมาน อาหยูอยากมีชีวิตอยู่เพื่อช่วยชีวิตคนได้มากขึ้น

“แต่เขาถูกจับได้ คนพวกนั้นทุบตีอาหยูอย่างสาหัสไม่รู้จะเป็นตายร้ายดีเช่นใด ข้าจึงอาสาตามไปที่หมู่บ้านนั้น ข้าถูกใช้ให้เป็นคนงานที่หมู่บ้าน สัตว์ร้ายตัวนั้นต้องการให้พวกข้ากินยาพิษเพื่อที่จะควบคุมให้ข้าซื่อสัตย์ไม่ทรยศ หากไม่ได้รับยาแก้พิษตามกำหนดจะเจ็บปวดมากจนทนไม่ได้ เป็นเพราะยาพิษนั่น สัตว์ร้ายถึงได้ควบคุมพวกเราเอาไว้ได้”

“เดิมทีข้ามีหน้าที่จัดหาวัตถุดิบสำหรับทำยา เพราะเขาเห็นว่าข้าทำงานเรียบร้อย ข้าจึงได้รับมอบหมายให้ดูแลเด็กๆ จากนั้นข้าจึงเจอกับอาหยูอีกครั้ง”

“อาหยูได้รับบาดเจ็บทั้งตัว เขาเห็นข้าแล้วโกรธมาก ถามอยู่นั่นว่าเหตุใดจึงมาที่นี่ ที่แห่งนี้คือนรกที่พวกเขาพยายามจะหนีออกไป”

“ทำไมน่ะหรือ? แน่นอนว่าเพราะ…” หลิวหลานยิ้มน้อยๆ

หลิวหลานชำเลืองมองไปยังชายร่างสูงที่นางเรียกว่าอาหยู และสีหน้าของเด็กสาวก็อ่อนลง สำหรับนางแล้วชายคนนี้คือแสงสว่างที่นางอยากไขว่คว้า ดวงตาของเขาสดใสมากทั้งที่เผชิญกับความทุกข์แต่แสงประกายในดวงตาก็ไม่ดับไปแม้แต่น้อย อาหยูเปรียบเสมือนแสงสว่างในวันที่มืดมิดของหลิวหลาน ยากที่จะลืมเลือนได้ หญิงสาวหยุดชะงักก่อนจะพูดต่อ

“ข้าไปหาอาหยูทุกครั้งที่มีโอกาส ในไม่ช้าข้าก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ แสงสดใสในดวงตาของเขาค่อยๆ จางหายไป จนข้ามารู้ว่ายานั่นทำให้คนค่อยๆ เสียสติและดูคล้ายกับคนตายมากที่สุด ข้าอยากตายไปพร้อมไอ้หมอคนนั้น แต่อาหยูคว้ามือข้าไว้บอกให้ข้ามีชีวิตอยู่ต่อไป…”

หลิวหลานสะอื้น

“ข้าต้องอยู่…ข้าสัญญากับเขาแล้ว ไม่นานหลังจากนั้นข้าก็เฝ้ามองเขาค่อยๆ เปลี่ยนจากมนุษย์ไปเป็นซากศพที่เดินได้”

หลิวหลานมองไปยังอาหยูที่หมดสติ

“อาหยู…อาหยู มีคนมาช่วยพวกเราแล้วนะ เราออกจากหมู่บ้านนั้นได้แล้ว เจ้ารอคอยมานานแล้วไม่ใช่หรือ พรุ่งนี้เจ้าต้องตื่นมาดูนะ”

ไม่ว่าอย่างไรอาหยูก็ยังหลับตา ไม่ตอบสนองคำพูดของหลิวหลานเลย นางมองถังหลี่ด้วยสายตาคาดหวัง

“แม่นาง อาหยูเป็นคนดีมาก ท่านได้โปรดช่วยเขาด้วยเถอะนะ”

นางรู้ว่าไอ้หมอสารเลวคนนั้นต้องไม่ยอมช่วยอาหยูง่ายๆ แน่ แต่สตรีตรงหน้านางนั้นไม่ใช่คนธรรมดา นางมีพลังและเป็นคนเดียวที่หลิวหลานจะขอร้องได้

ถังหลี่รับฟังด้วยความทุกข์ทรมานใจ บรรดาผู้ที่กลายเป็นซากศพเดินได้เหล่านี้เคยเป็นคนปกติธรรมดามาก่อน เคยมีครอบครัว มีญาติสนิทมิตรสหาย แต่ไอ้หมอพิษสารเลว ไอ้สัตว์ร้ายนั่น!

“อย่ากังวลเลย ข้าจะช่วยเขาเอง” ถังหลี่กล่าว

“ขอบคุณเจ้าค่ะ ขอบคุณมาก” หลิวหลานโค้งคำนับให้ถังหลี่

เด็กสาวทั้งหัวเราะและร้องไห้ไปพร้อมกัน

หลังจากที่พักไปครึ่งชั่วยามพวกเขาก็เดินทางกันต่อ ไม่นานนักคนกลุ่มใหญ่จึงมาถึงมณฑลชิงเหอ ชาวเมืองเห็นเจ้าหน้าที่หลายสิบคนเดินนำหน้า มีคนร่างกายอ่อนแออยู่บนม้า เจ้าหน้าที่อยู่ด้านหลังคุ้มกันนักโทษ ในช่วงค่ำตลาดในเมืองคึกคักมาก เมื่อมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ชาวเมืองจึงพากันมามุงดู

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด