เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆบทที่ 484 รางวัล

Now you are reading เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ Chapter บทที่ 484 รางวัล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 484 รางวัล

จ้าวชูหลับตาถอนหายใจเข้าลึก ระงับสติอารมณ์ของตนเอง เมื่อลืมตาขึ้นมาสีหน้าเขากลับสงบลงดังเดิม ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น จ้าวชูเดินไปที่ประตูเปิดออกที่นั่นมีหญิงสาวท่าทางอ่อนโยนยืนอยู่ตรงข้างหน้า นั่นคือพระชายาจินเซ่อนั่นเอง

“ท่านอ๋อง หม่อมฉันทำน้ำแกงไก่มาให้ท่าน” จินเซ่อพูดเบาๆ

จ้าวชูถอยหลังให้นางเดินเข้าไปในห้อง

จินเซ่อวางชามน้ำแกงลงบนโต๊ะ เมื่อเห็นเศษกระเบื้องแตกอยู่ที่พื้น สีหน้าของนางไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก นางค่อยๆหยิบเศษกระเบื้องขึ้นจากพื้น

“พวกเขากลับมาแล้ว” จู่ๆ เขาก็เอ่ยขึ้นมา โดยไม่ได้พูดชื่อ หากจินเซ่อกลับเข้าใจได้ในทันที

“กลับมาแล้วหรือ? ฝ่าบาทจะพระราชทานรางวัลใหญ่ให้กับผลงานใต้เท้าอู่อย่างแน่นอน” จินเซ่อพูดเสริมขึ้น

เขาโกรธเรื่องนี้เอง!

เดิมทีจ้าวชูต้องการจะใช้โอกาสนี้ทำลายเขา แต่ไม่ได้คาดคิดว่าเขาจะแก้ปัญหาน้ำท่วมได้

เสด็จพ่อจะชื่นชมเขา สถานะในสภาขุนนางของคนผู้นี้จะโดดเด่นมากขึ้น

“เรื่องน้ำท่วมในอี้โจวได้รับการแก้ไขแล้วถือว่าเป็นเรื่องดี ท่านอ๋องควรจะมีความสุข”

ดวงตาของจ้าวชูเป็นประกาย เขานั่งลงที่เก้าอี้คิดถึงคำพูดของจินเซ่อ

ใช่! เขาต้องแสร้งทำว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพื่อไม่ให้ใครจับได้ จินเซ่อทำความสะอาดเศษกระเบื้องที่พื้น จากนั้นจึงนำน้ำแกงไก่มาให้จ้าวชู

จ้าวชูจิบน้ำแกงไก่ “น้ำแกงไก่ของพระชายารสชาติอร่อยมาก” จินเซ่อทำท่าเขินอาย

“ท่านอ๋อง แม้คนผู้นั้นจะทำคุณูปการเอาไว้อย่างมากมาย ฝ่าบาทจะชื่นชมเขา แต่อาจจะไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป” จินเซ่อพูดเสียงเบา

เมื่อจ้าวชูได้ยินเช่นนั้นเขา เขาเข้าใจได้ในทันที คนผู้นั้นมีพ่อตาเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ หากเขาใช้โอกาสนี้เพื่อขอตำแหน่งใหญ่โตให้ตนเอง หน้าฉากอาจจะดูไม่มีอะไร แต่แน่นอนว่าเสด็จพ่อของเขาย่อมเกิดความแคลงใจ

เขาคงจำเป็นต้องเปลี่ยนกลยุทธ์ โดยใช้วิธีสนับสนุนเขาแล้วปล่อยไปก่อน…

จ้าวชูดึงแขนของจินเซ่อเข้ามาใกล้ ให้นางนั่งที่ตักพร้อมกับป้อนน้ำแกงไก่ให้นางหนึ่งคำ

“เปิ่นหวังจะเข้าวังเลย” จ้าวชูตัดสินใจ

…………..

จวนอู่โหว

ถังหลี่และเว่ยฉิงขี่ม้าไปถึงประตู เห็นผู้เฒ่าอู่โหวและฮูหยินยืนรออยู่คู่กัน ใบหน้าของทั้้งสองเต็มไปด้วยความสุข

สามีภรรยาลงจากรถม้า

“พวกเจ้ากลับมาแล้ว ข้าดีใจเหลือเกิน” ดวงตาที่ตื่นเต้นของฮูหยินอู่แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อเห็นมือที่บาดเจ็บของเว่ยฉิงใบหน้าของนางถอดสี

“มือนี่…”

“ท่านแม่ ข้าไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่บาดเจ็บนิดหน่อยเท่านั้น” เว่ยฉิงพูดขึ้นมา

“บาดแผลเป็นสัญลักษณ์ของลูกผู้ชาย เขาไม่กลัวความเจ็บปวดหรอก” ผู้เฒ่าอู่โหวปลอบใจฮูหยิน

ฮูหยินอู่ยื่นมือออกมาบีบแขนสามีอย่างเต็มแรงเล่นเอาท่านอู่โหวเยว่ร้องเสียงหลง

“เจ็บๆ โอ๊ย!”

“ลูกผู้ชายไม่กลัวความเจ็บปวดหรือ?” ฮูหยินอู่ปรายตามองสามี

ท่านผู้เฒ่าอู่โหวเย่ว “….”

ทั้งถังหลี่และเว่ยฉิงยิ้มออกมา

พวกเขาเห็นนายผู้เฒ่าอู่โหวเยว่และภรรยารักใคร่กันดีเช่นนี้มานานแล้ว

เมื่อมองไปที่จวนอู่โหวที่คุ้นเคย ในที่สุดพวกเขาก็ได้กลับมาแล้ว

“อย่ามัวแต่ยืนอยู่เลย รีบเข้ามาเถอะ” ฮูหยินอู่เรียกพวกเขา เว่ยฉิงและถังหลี่เข้ามาในห้อง ผู้เฒ่าทั้งสองคนรีบตามมาอย่างใกล้ชิด เว่ยฉิงนั่งพักได้ไม่นาน ก็มีคำสั่งมาจากวังหลวงให้เขาไปเข้าเฝ้าทันที

“เปลี่ยนเสื้อผ้า…” นายผู้เฒ่าอู่โหวเยว่พูดขึ้น

“อาบน้ำแล้วเปลี่ยนผ้าพันแผลก่อนดีไหม?” ฮูหยินอู่พูดอย่างทุกข์ใจ

“เปลี่ยนเสื้อผ้า แต่ไม่ต้องอาบน้ำ” ถังหลี่พูดกับสามี

เว่ยฉิงคิดเช่นเดียวกับภรรยา เขาเปลี่ยนแค่เสื้อผ้าอย่างรวดเร็วแล้วรีบเดินทางเข้าวังไป

วังหลวง…

เว่ยฉิงกำลังเดินไปยังท้องพระโรง แต่แล้วกลับได้ยินเสียงเรียก

“ใต้เท้าอู่” เว่ยฉิงหันหลังเห็นคนที่กำลังเดินมา เขาเอ่ยทักทายอย่างเคารพ

“ใต้เท้าต้วน” ใบหน้าของใต้เท้าต้วนซีดเล็กน้อย เขาไอออกมาเบาๆ สองครั้ง

“ใต้เท้าต้วน ร่างกายของท่าน..”

“ไม่เป็นไร แค่อาการของโรคเก่ากำเริบเท่านั้น…” ต้วนโส่วฟู่พูดพลางตบไหล่เว่ยฉิง

“ใต้เท้าอู่ ท่านจัดการปัญหาเรื่องน้ำท่วมได้ดีมาก”

น้ำท่วมในอี้โจวได้รับการแก้ไขแล้ว ในที่สุดก็ไม่ต้องมีราษฎรพลัดถิ่นที่อยู่อาศัย เขาช่วยชีวิตคนนับไม่ถ้วนเอาไว้ได้

ท่านโส่วฝูรู้สึกxuติยินดีที่ในที่สุดเขาก็เจอคนที่ใช่จริงๆ

“ข้าขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของท่านต้วนโส่วฝูด้วยขอรับ”

การจัดการเรื่องน้ำท่วมนี้จะไม่ราบรื่นเลยหากไม่ได้รับการสนับสนุนจากท่านต้วนโส่วฝูผู้นี้

“ข้าทำเพื่อผลประโยชน์ของราษฎรโดยส่วนมาก” ท่านต้วนโส่วฝูได้กลิ่นคาวเลือด เห็นมือของเว่ยฉิงดูผิดปรกติไป จึงอดถามไม่ได้ว่า

“ใต้เท้าอู่ มือของท่านเป็นอะไรไปหรือ?”

“ระหว่างทาง ข้าได้พบกับนักฆ่าเข้า” เว่ยฉิงตอบตามตรง

“นักฆ่า?” ใบหน้าของต้วนโสวฝู่เปลี่ยนไปทันที คนผู้นี้แก้ปัญหาน้ำท่วมจนได้รับความสำเร็จเป็นอย่างดี ทำประโยชน์ให้ประชาราษฎร์แต่เขากลับโดนลอบสังหาร!

ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีจุดประสงค์เช่นไรก็สามารถทำให้ถูกลงโทษได้

“ข้าจะทูลรายงานฝ่าบาท ขอให้ฝ่าบาทช่วยสืบสาวเรื่องราว”

ต้วนโส่วฝูพูดอย่างเย็นชา

ทั้งสองคนเดินไปที่ตำหนักหย่างซินเตี้ยนด้วยกัน เมื่อเข้าไปใกล้จึงได้ยินเสียงดังมาจากข้างใน

“ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ข้ากังวลเรื่องน้ำท่วมในอี้โจวจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ เมื่อคิดถึงผู้ที่ได้รับผลกระทบและราษฎรที่ต้องพลัดถิ่นฐาน แต่ตอนนี้เหตุการณ์ได้คลี่คลายลงแล้ว ในที่สุดข้าจึงได้โล่งอก”

เสียงคนผู้หนึ่งพูดอย่างตื่นเต้นยินดี

“ใต้เท้าต้วน ใต้เท้าอู่” ขันทีขานเรียกด้วยความเคารพ

ต้วนโส่วฝู่ และเว่ยฉิงเดินเข้าไปข้างใน ในนั้นมีขุนนางอยู่หลายคน ฮ่องเต้ทรงตรัสเรียกผู้คนมาเป็นจำนวนมาก เทียบได้กับเป็นการประชุมขุนนางวงเล็กได้เลย เสียงคนที่พูดอย่างตื่นเต้นไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นรุ่ยอ๋อง จ้าวชูนั่นเอง เมื่อจ้าวชูเห็นเว่ยฉิงเข้ามาเขาดีใจถึงกลับคว้ามือของเว่ยฉิงเอาไว้

“ใต้เท้าอู่กลับมาแล้ว เรื่องปัญหาน้ำท่วมในอี้โจวต้องขอบคุณท่านมาก”

เว่ยฉิงทำสีหน้าเจ็บปวด เขายิ้มออกมาอย่างเหนื่อยล้า

“นี่เป็นหน้าที่ของหม่อมฉัน”

“ฝ่าบาทเสด็จ!”

ฮ่องเต้เสด็จ ขุนนางทุกคนคุกเข่าถวายบังคม

“ลุกขึ้นเถอะ”

สายพระเนตรของฮ่องเต้จับจ้องไปที่เว่ยฉิง

“ใต้เท้าอู่”

เว่ยฉิงเดินออกมาคำนับ

“กระหม่อมมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ฮ่องเต้ยังทรงทอดพระเนตรมองเขาอย่างไม่วางตา

ก่อนหน้านี้เขาเป็นเพียงหนึ่งในข้าราชบริพารผู้ที่ไม่มีความโดดเด่นเลยแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้เขากลับเป็นบุคคลที่น่าสนใจ และน่าประทับใจในการแก้ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากจนทำให้เกิดภัยพิบัติแก่ต้าโจวมาหลายหลายปีแล้ว

เขามีฝีมือ! เก่งจริง!

เว่ยฉิงถวายรายงานแก้ปัญหาน้ำท่วมในเมืองอี้โจว ได้ยินเสียงตรัสชมของฮ่องเต้ครั้งแล้วครั้งเล่า

“ดีมาก เก่งมาก”

จ้าวชูได้ทีรีบทูลขึ้นมาว่า

“เสด็จพ่อ ท่านสมควรพระราชทานรางวัลใหญ่ให้แก่ใต้เท้าอู่พ่ะย่ะค่ะ”

“สมควรตกรางวัลให้ พวกท่านคิดว่าอย่างไรบ้าง?” ฮ่องเต้ตรัสถามบรรดาขุนนางที่นั่งอยู่ในที่แห่งนั้น

ขุนนางหลายคนอกความเห็น บางคนก็แนะให้เขาเป็นผู้บังคับบัญชาการทหารองครักษ์

สืบเนื่องจากผู้บังคับบัญชาการทหารองครักษ์เพิ่งถึงแก่อสัญกรรมไปอย่างกระทันหันเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ตำแหน่งของเขาจึงได้ว่างลง และยังหาผู้เหมาะสมไม่ได้ ขุนนางหลายคนต่างให้เหตุผลว่าเว่ยฉิงสมควรได้รับตำแหน่งที่มีเกียรติเช่นนี้

ทว่า ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารองครักษ์นี้แม้จะไม่ใช่ตำแหน่งที่สูงมากนักแต่กลับเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในเมืองหลวงและอำนาจของฮ่องเต้ ใครที่นั่งในตำแหน่งนี้จะมีอำนาจอยู่ในมืออย่างมากมาย

สกุลกู้ควบคุมกองกำลังนับแสน อีกทั้งลูกเขยเขายังได้คุมกำลังทหารองครักษ์ในเมืองหลวงอีก …

ฮ่องเต้ยังคงแย้มสรวล หากในรอยแย้มสรวลในสายพระเนตรกลับเจือจางลง

“ใต้เท้าอู่ ท่านอยากได้สิ่งใดเป็นรางวัลหรือ?”

ขุนนางหลายคนที่ได้ยินฮ่องเต้ตรัสสังเกตรู้ถึงความผิดปกติในพระสุรเสียงขึ้นมาทันที พวกเขาต่างกลั้นใจรอฟังคำตอบของเว่ยฉิง หากเขาโลภในตำแหน่งผู้บัญชาการองครักษ์แล้ว ก็เท่ากับอนาคตของเขาคงดับวูบลงในวันนี้

แม้แต่ท่านต้วนโส่วฟูเองก็พลอยเหงื่อตกรอคำตอบของเว่ยฉิงเช่นกัน

เว่ยฉิงคิดตรึกตรองอย่างถี่ถ้วนดีแล้วจึงได้กราบทูลขึ้นมาว่า

“กระหม่อมใคร่กราบทูลขอฝ่าบาททรงพระราชทานวันหยุดให้กระหม่อมสักครึ่งเดือน เพื่อที่กระหม่อมจะได้อยู่บ้านเป็นเพื่อนกับภรรยา ในเรื่องของตำแหน่งผู้บัญชาการทหารองครักษ์นั้นต้องมีความรับผิดชอบสูง ตรากตรำทำงานทั้งวันทั้งคืน หากกระหม่อมไม่มีเวลาให้ภรรยาคาดว่านางคงได้บิดหูและต่อว่ากระหม่อมไม่เลิกพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อเว่ยฉิงพูดจบ ฮ่องเต้ก็ทรงพระสรวลออกมา ต้วนโสว่ฝูแอบถอนหายใจอย่างโล่งอก

โชคดี ไม่รู้ว่าเขาเป็นคนที่ไม่ทะเยอทะยานหรือว่าเขาได้ไตร่ตรองจนเห็นข้อดีข้อเสียอย่างทะลุปรุโปร่งดีแล้วหรืออย่างไร…

สายตาของจ้าวชูมีแววไม่พอใจ คนผู้นี้ไม่เหยียบกับดักของเขา

“ฮูหยินของใต้เท้าอู่ดุร้ายมากหรือ?” ฮ่องเต้ถามอย่างหลากพระทัย

เว่ยฉิงมีทีท่าประหม่าหากทำให้เขาดูไม่มีเล่ห์กล

“เป็นความผิดของกระหม่อมเองพ่ะย่ะค่ะ”

“ใต้เท้าอู่กับฮูหยินมีความรักใคร่กลมเกลียวกันดี” ฮ่องเต้ตรัส

“กระหม่อมตกหลุมรักภรรยาตั้งแต่แรกเห็น นางเปรียบเสมือนดวงใจของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้สัมผัสได้ถึงความรักในน้ำเสียงของเว่ยฉิง คนผู้นี้มีความสามารถแต่ปราศจากความทะเยอทะยาน รักภรรยา มีความรู้สึกอ่อนไหว และมีจุดอ่อนที่ควบคุมได้ง่าย เขาชอบใช้คนเช่นนี้!

“ตกลง ข้ามอบวันหยุดให้เจ้าตามที่เจ้าร้องขอ ครึ่งเดือนหน้าให้เจ้าอยู่กับภรรยาที่บ้านให้พอใจ แต่ผลงานในครั้งนี้ของเจ้านับว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก รางวัลแค่นี้นับว่ายังไม่พอ” ฮ่องเต้ตรัส

“อู้อวี้โหว รับราชโองการ”

เว่ยฉิงนั่งลงคุกเข่า

“อู้อวี้ได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นเสนาบดีเจ้ากรมอาญา ได้รางวัลเป็นทองคำหนึ่งหมื่นตำลึง แต่งตั้งฮูหยินอู่เป็นเก้ามิ่งฟูเหริน”

เว่ยฉิงมีความสุขเขาก้มหัวลง

“เป็นพระกรุณาอย่างหาที่เปรียบมิได้พ่ะย่ะค่ะ”

“ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ” ต้วนโส่วฝู่พูดขึ้นมา

“ต้วนโส่วฝู่ท่านพูดออกมาเถอะ”

“ฝ่าบาท ยามที่ใต้เท้าอู่กลับมายังเมืองหลวง เขาถูกลอบสังหารโดยนักฆ่า ใต้เท้าอู่เป็นวีรบุรุษของต้าโจว การกระทำเช่นนี้ถือว่าอุกอาจและน่ารังเกียจ กระหม่อมขอฝ่าบาทได้โปรดตรวจสอบเรื่องนี้ให้ชัดเจนด้วยพ่ะย่ะค่ะ” ต้วนโส่วฝู่เอ่ยออกมา สีพระพักตร์แปรเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบ อู่อวี้โหวเป็นวีรบุรุษในการดูแลกำกับภัยพิบัติน้ำท่วม ราษฎรในอี้โจวมีแต่จะแซ่ซ้องสรรเสริญเขา แต่กลับมีคนกล้าลอบสังหาร

“เรื่องนี้ต้องได้รับการสืบสวนเพื่อหาคำตอบให้แก่ราษฎรของอี้โจว นำราชโองการของเราไป แต่งตั้งให้กู้หวนเนี่ยนแห่งศาลต้าหลี่สืบคดีนี้ให้ละเอียด ให้เขาหาผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ให้ได้ อย่าได้ปล่อยไปเป็นอันขาด” ฮ่องเต้ตรัสอย่างเย็นชา จ้าวชูก้มศีรษะลง ซ่อนความคิดทั้งหมดไว้ในดวงตาที่หลุบต่ำ

ในที่สุดการประชุมก็เสร็จสิ้นลง

เว่ยฉิงเดินออกไปจากตำหนัก แต่ถูกจ้าวชูเรียกเอาไว้

จ้าวชูก้มศีรษะทำความเคารพเว่ยฉิง

“ใต้เท้าอู่ ข้าขอขอบคุณแทนราษฎรในเมืองอี้โจวด้วย” จ้าวชูกล่าวขอบคุณเขา

เขาสมควรที่จะเป็นคนกล่าวประโยคนี้ออกมาหรือ? หลู่จวิ้นโฉ่วเองก็เป็นคนของจ้าวชู เขาเป็นเจ้าคณะมณฑลอี้โจว เขาทำแต่สิ่งชั่วร้าย ทำร้ายผู้คนไปมากมาย

หากราษฎรในเมืองอี้โจวรู้เข้า พวกเขาอาจจะอยากดื่มเลือดกินเนื้อของเขาเป็นแน่ เช่นนี้แล้วยังมีหน้าเป็นตัวแทนมากล่าวคำขอบคุณแทนราษฎรเมืองอี้โจวอีกหรือ?!

น่ารังเกียจ! เว่ยฉิงเกลียดคนหน้าซื่อใจคดเช่นนี้มากกว่าโจรชั่วร้ายเป็นไหนๆ

เมื่อเขาโกรธความอยากจะเอาชนะจ้าวชูก็เพิ่มมากขึ้น เมื่อเห็นผู้คนมองมา เว่ยฉิงระงับอารมณ์ลงอย่างยากเย็น เขาลดเสียงลง

“ท่านกล่าววาจาผิดไปแล้ว ประการแรกเป็นหน้าที่ของหม่อมฉันที่ได้รับการแต่งตั้งให้ไปดูแลปัญหาของราษฎรเพื่อแบ่งปันความกังวลพระทัยของฝ่าบาท ท่านอ๋องไม่จำเป็นต้องกล่าวขอบคุณหม่อมฉัน

ประการที่สองราษฎรในเมืองอี้โจวไม่ได้มีความสัมพันธ์กับท่านอ๋อง เช่นนั้นแล้วท่านจะขอบคุณแทนราษฎรในเมืองอี้โจวเห็นทีจะไม่ได้ หากท่านมีความเป็นห่วงกังวลถึงราษฎรเมืองอี้โจวจริง ท่านสมควรจะไปกำจัดหลู่จวิ้นโฉ่วผู้ที่หาผลประโยชน์จากความเดือดร้อนของผู้คนที่ประสบกับภัยพิบัติจะดีกว่า”

ดูเผินๆ เหมือนว่าเว่ยฉิงนบนอบให้ความเคารพเขา แต่สิ่งที่เขาพูดกลับไม่เป็นการให้เกียรติกับจ้าวชูเลยแม้แต่น้อย ใบหน้าของจ้าวชูแปรเปลี่ยนไป

“มือของหม่อมฉันได้รับรับบาดเจ็บมาก หวังแต่เพียงว่าใต้เท้ากู้จะหาผู้ที่อยู่เบื้องหลังของนักฆ่ามาให้ได้อย่างเร็ววันเพื่อจะได้แล่เนื้อเถือหนังเขาเป็นชิ้นๆ”

หลังจากพูดจบเว่ยฉิงก็ถอนหายใจ จากนั้นจึงได้ออกไป แค่เห็นหน้าจ้าวชูเขาก็รังเกียจ รำคาญจนสุดจะทน แทนที่จะยืนพูดจากับคนเช่นนี้ กลับบ้านไปดูหน้าภรรยาล้างตาจะดีกว่าเป็นไหนๆ!

……………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด