เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆบทที่ 289 การปรากฏตัวของรุ่ยอ๋องในเมืองหลวง

Now you are reading เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ Chapter บทที่ 289 การปรากฏตัวของรุ่ยอ๋องในเมืองหลวง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 289 การปรากฏตัวของรุ่ยอ๋องในเมืองหลวง

จวนรุ่ยอ๋อง

ในต้าโจวนั้นมีประเพณีอย่างหนึ่งคือองค์ชายที่โตแล้วจะต้องย้ายไปสร้างจวนนอกพระราชวัง องค์ชายสามเองก็ได้รับการอวยยศให้เป็นรุ่ยอ๋อง และจวนรุ่ยอ๋องแห่งนี้ก็เป็นที่พำนักขององค์ชายสาม

รถม้าคันหนึ่งจอดลงที่หน้าจวนรุ่ยอ๋อง ชายหนุ่มรูปร่างผอมคนหนึ่งลงมาจากรถม้า เขาสวมอาภรณ์อย่างดี มีกวานหยกครอบบนศีรษะ เขาคือรุ่ยอ๋องจ้าวชู ตามมาด้วยชายหนุ่มคนสนิทของรุ่ยอ๋องอีกคนหนึ่งชื่อเติ้งโชว เขาเดินตามหลังเจ้านายอย่างใกล้ชิดเข้าไปในจวนที่มีข้าราชบริพารรอรับ

ในบรรดาองค์ชายทั้งหมด รุ่ยอ๋องนั้นถือได้ว่าเป็นมิตรมากที่สุด ชื่อเสียงของรุ่ยอ๋องในเมืองหลวงนั้นขึ้นชื่อว่าคนอ่อนโยน ทำให้ไม่มีใครกล้าดูหมิ่นบารมีของรุ่ยอ๋องได้

เขาพาคนสนิทไปยังห้องทำงาน ทันทีที่เติ้งโชวปิดประตูลง สีหน้าของรุ่ยอ๋องก็เปลี่ยนไปทันที ความอ่อนโยนที่เคยมีหายไปเหลือเพียงแต่ความเย็นชาและรังสีอำมหิตเท่านั้น ความอ่อนโยนที่เห็นก่อนหน้านี้เป็นเพียงเปลือกนอกของเขา มีเพียงคนสนิทไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ว่าตัวจริงของรุ่ยอ๋องเป็นเช่นไร เขาเป็นคนโหดเหี้ยม อำมหิต และทะเยอทะยาน

“ท่านอ๋อง ปิ่นประดับถูกส่งไปที่สกุลกู้แล้วพะย่ะค่ะ กระหม่อมบอกว่าเป็นงานฝีพระหัตถ์ของท่านเอง แม่นางกู้ชื่นชอบมากเลยทีเดียว” เติ้งโชวกล่าว

ครอบครัวสกุลกู้สูญเสียคุณหนูกู้ไปตั้งแต่ยังเล็ก ดังนั้นพวกเขาจึงรักและทนุถนอมนางอย่างมาก ใครก็ตามที่ได้แต่งงานกับคุณหนูสกุลกู้ย่อมได้อำนาจและกำลังทหารของแม่ทัพกู้ไปครอบครอง รุ่ยอ๋องหมายตาสตรีผู้นี้ไว้นานแล้ว เขาแสร้งทำเป็นพบกับนางโดยบังเอิญ และตกหลุมรักนางตั้งแต่แรกพบ ไล่ตามหญิงสาวอย่างบ้าคลั่ง ภายใต้การวิงวอนขอความรักของรุ่ยอ๋องหัวใจของนางก็หวั่นไหวกับชายหนุ่มไปแล้ว

เขาพยักหน้าไม่ได้สนใจอีกต่อไป ตอนนี้เขากำลังสนใจเรื่องอื่น

“เจ้าสืบเรื่องของสกุลอู่หรือยัง?”

“ท่านอ๋อง กระหม่อมได้ตรวจสอบมาแล้ว อู่อวี้เป็นบุตรชายที่หายตัวไปของอู่โหวเย่ เมื่อแปดปีที่แล้วจริง ๆ พะย่ะค่ะ ในตอนที่อู่อวี้ไปยังเมืองแถบชายแดน เขาถูกโจมตีจนตกหน้าผาได้รับบาดเจ็บสาหัส ได้รับการช่วยเหลือจากชาวนาและสูญเสียความทรงจำ หลังจากที่ความทรงจำของเขากลับมา จึงได้เดินทางกลับมายังเมืองหลวงพะย่ะค่ะ” เติ้งโชวกล่าว

รุ่ยอ๋องขมวดคิ้ว เขายังรู้สึกมีบางอย่างผิดปกติ

“ถ้าเช่นนั้นเหตุใดจึงไม่เสวยสุขเป็นคุณชายแต่กลับทูลขอตำแหน่งไปทำงานยังชิงเหอที่มีแต่ภูเขาและทะเลแบบนั้น?”

“บรรพบุรุษของอู่โหวอยู่ที่มณฑลชิงเหอพะย่ะค่ะ บุตรชายอาจจะมีความทะเยอะทะยานมากกว่าบิดา เขาจึงต้องหาตำแหน่งให้แก่บุตรชาย อีกทั้งตำแหน่งรองเจ้าคณะมณฑลนั้น เป็นรองแค่เจ้าคณะมณฑลเท่านั้นพะย่ะค่ะ” เติ้งโชวกล่าวและอธิบายอย่างสมเหตุสมผล

อย่างไรก็ตามก็ยังไม่น่าไว้วางใจ ใต้เท้าเหวินผู้เป็นเจ้าคณะมณฑลนั้นเปรียบเสมือนเหล็กกล้าที่แข็งแกร่ง แม้แต่น้ำมันหรือเกลือยังไม่อาจแทรกเข้าไปได้ เขาต้องทำให้ตำแหน่งนั้นว่างลงให้ได้

“เติ้งโชว เจ้าต้องไปจัดการบางอย่าง…” รุ่ยอ๋องพูด ก่อนจะสั่งด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาทำให้เติ้งโชวตกใจ ไม่คิดเลยว่าองค์ชายสามจะโหดเหี้ยมขนาดนี้

“ท่านอ๋อง อู่โหวเย่เคยช่วยชีวิตท่านเอาไว้ หากทำร้ายเขา…”

รุ่ยอ๋องเตะเติ้งโชวจนล้มลงไปคุกเข่าที่พื้น แผ่นหลังของเขามีเหงื่อซึมออกมา

“เจ้าโง่!” รุ่ยอ๋องตวาดอย่างโกรธจัด “ถึงอย่างไรพวกเขาก็ต้องตายอยู่แล้ว ! ไม่ตายด้วยมือข้าก็ต้องเป็นคนอื่น ฆ่านกสองตัวด้วยหินก้อนเดียวไม่รู้หรืออย่างไร!”

“ข้าน้อยสมควรตายพะย่ะค่ะ” เติ้งโชวรีบก้มหน้า

……

บนถนนหลวง มีรถม้าสามคันกำลังแล่นผ่านไปอย่างรวดเร็ว รอบ ๆ รถม้ามีทหารคุ้มกันที่ใส่ชุดสีดำมากกว่าหนึ่งโหล ม้าทั้งหมดควบไปเรื่อย ๆ จนฝุ่นฟุ้งกระจาย ในรถม้าคันหนึ่งมีบุรุษสวมชุดสีดำ ใบหน้าหล่อเหลา จมูกโด่งเป็นสันดูคมคาย เขากำลังหลับตาเพื่อพักผ่อน

ปลายนิ้วของชายคนนั้นวางอยู่บนขาของตัวเอง ใบหน้าของเขาดูสงบนิ่งแต่ปลายนิ้วที่เคาะถี่ ๆ นั้นแสดงให้เห็นว่าตัวเขากำลังจะหมดความอดทน ทันใดนั้นเองรถม้าก็จะชะลอความเร็วลง และมีร่าง ๆ หนึ่งกระโจนเข้าไปในรถม้า

“นายท่านขอรับ ด้านหน้ามีร้านน้ำชาอยู่ นายท่านต้องการจะแวะพักก่อนไหมขอรับ?” หานอี้พูดขึ้น ชายที่อยู่ในรถม้าคือเว่ยฉิง หรือนามแฝงที่เขาใช้ในตอนนี้ อู่อวี้ นั่นเอง

เว่ยฉิงลืมตาขึ้น แม้ว่าเขาจะอยากไปถึงชิงเหอไว ๆ เพื่อพบภรรยาและลูก ๆ ของเขา แต่เขาก็คิดได้ว่าในรถม้านั้นมีนายท่านอู่และฮูหยินอู่ที่อายุไม่น้อยแล้วอยู่ด้วย ความลำบากจากการเดินทางไกลทำให้เว่ยฉิงสั่งหยุดรถม้า

เว่ยฉิงกระโดดลงจากรถม้าของตัวเองและเดินไปยังรถม้าคันกลาง

“ท่านพ่อท่านแม่ พวกเราพักกันเสียหน่อยก่อนเดินทางต่อดีกว่า”

ม่านของรถม้าถูกเปิดออก ก่อนที่ชายวัยกลางคนใบหน้าจริงจังจะลงมาจากด้านบนรถม้า เขาอายุประมาณสี่สิบปี เมื่อลงมาแล้วเขายื่นมือไปช่วยประคองหญิงวัยกลางคนที่มีผิวขาว

ทั้งสามคนเดินไปยังร้านน้ำชา

ร้านน้ำชาแห่งนี้มีขนาดเล็กมาก มีเพียงสี่โต๊ะเท่านั้น เว่ยฉิงนั่งโต๊ะตัวเดียวกับนายท่านอู่และฮูหยินอู่ ส่วนคนอื่น ๆ ก็เริ่มจับกลุ่มกันนั่งลงบนโต๊ะ เถ้าแก่โรงน้ำชาทักทายพวกเขาอย่างอบอุ่น ก่อนจะนำน้ำชามาให้โต๊ะของเว่ยฉิงและโต๊ะอื่นๆ

“อีกไกลหรือไม่กว่าจะถึงชิงเหอ?” นายท่านอู่ถาม

เว่ยฉิงมองดูพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า แผ่นดินถูกย้อมไปด้วยสีแดงฉานของพระอาทิตย์

“อีกเพียงหนึ่งคืนเท่านั้น พรุ่งนี้เราก็จะถึงที่นั่น” เว่ยฉิงพูด

นายท่านอู่พยักหน้ารับก่อนจะมองไปที่ภรรยา

“เจ้ายังอดทนได้อีกหน่อยไหม?”

ฮูหยินอู่ที่กำลังชิมขนมตรงหน้าของนางพยักหน้า “ข้าทนได้”

นายท่านอู่และฮูหยินอยากจะไปถึงเมืองชิงเหอเร็ว ๆ เพื่อจะลงหลักปักฐาน พวกเขานั้นอาศัยที่เมืองหลวงมาตลอดทั้งปี ไม่ได้เดินทางไกลไปไหน การนั่งรถม้าติดต่อกันเป็นเวลาหนึ่งเดือนนั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างลำบาก เว่ยฉิงรินน้ำชาให้ทั้งสองคน ทำให้ทั้งสองรู้สึกปลื้มใจ

“ข้าทำเอง.. ” อู่โหวเย่ยื่นมือไปหยุดภรรยาไว้ “ให้ลูกทำเถอะ”

คำพูดของเขามีความหมายลึกซึ้ง ฮูหยินอู่พยักหน้าก่อนจะชักมือออก เว่ยฉิงรินน้ำชาสามถ้วย แต่เมื่อเขากำลังจะหยิบมันขึ้นมาดื่มก็รู้สึกถึงบางอย่างที่ผิดปกติ เขามองไปรอบ ๆ ด้วยสายตาที่เฉียบคม ก่อนจะเสมองไปยังเถ้าแก่โรงน้ำชา อีกฝ่ายมองมาที่เขาด้วยสีหน้าราวกับเห็นผี

การแสดงออกนั้นทำให้เว่ยฉิงชะงัก ถ้วยชาของเขาตกไปอยู่ที่พื้นก่อนที่ชายหนุ่มจะปัดถ้วยชาของนายท่านอู่และฮูหยินตกไปด้วย เมื่อเห็นแบบนี้คนคุ้มกันคงอื่นก็วางถ้วยชาลง

เมื่อเห็นว่าแผนการทั้งหมดถูกเปิดโปงแล้ว จู่ ๆ เถ้าแก่โรงน้ำชาก็มีท่าทางดุร้าย เขาหยิบดาบออกมา ในเวลาเดียวกันนั้น ชายชุดดำใส่หน้ากากก็กระโดดออกมาจากบริเวณรอบ ๆ และล้อมพวกเขาเอาไว้

“หานอี้ ปกป้องท่านพ่อกับท่านแม่” เว่ยฉิงออกคำสั่ง

หานอี้ที่อยู่ข้าง ๆ เขาพยักหน้ารับ เว่ยฉิงชักดาบที่ข้างเอวของตัวเองออกก่อนจะพุ่งเข้าไปหาคนชุดดำเหล่านั้น ทั้งสองฝ่ายนั้นฝีมือทัดเทียมกัน แต่ว่าคนของเว่ยฉิงหลายคนดื่มน้ำชาลงไปจนหมดสติลงไปกองกับพื้น ทำให้เว่ยฉิงเสียเปรียบ

อย่างไรก็ตามทักษะฝีมือของเว่ยฉิงนั้นเก่งกาจมาก แม้จะถูกชายชุดดำล้อมหลายคน แต่ฝีมือดาบของเขาก็ยังไม่ตกลงเลยแม้แต่น้อย ทำให้มือสังหารพวกนั้นยากที่จะเข้ามาใกล้เว่ยฉิง

เมื่อชายหนุ่มเห็นช่อง ดาบในมือของเขาก็ฟันลงไปที่คอของมือสังหารคนหนึ่ง เมื่อมีพวกมันคนหนึ่งล้มลงทำให้คนอื่นเริ่มตื่นตระหนก เว่ยฉิงใช้ดาบในมือฟาดฟันพวกมัน จนสุดท้ายแล้วเหล่าชายชุดดำก็กระเด็นออกไปและล้มไปกองบนพื้น

บางส่วนก็ถูกคนของเว่ยฉิงควบคุมตัวไว้

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *