Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา 107 ทะลวงผ่านจุดตาย! ปราณสวรรค์ขั้นทะลวงพิภพระดับ 3! (2)

Now you are reading Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา Chapter 107 ทะลวงผ่านจุดตาย! ปราณสวรรค์ขั้นทะลวงพิภพระดับ 3! (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 333 ทะลวงผ่านจุดตาย! ปราณสวรรค์ขั้นทะลวงพิภพระดับ 3! (2)

เมื่อรู้สึกถึงพลังปรานที่ผันผวนในตันเถียนของโจวเหว่ยชิง ซ่างกวนเทียนหยางและซ่างกวนเทียนเยว่ก็มุ่งความสนใจไปที่ร่างของอีกฝ่ายทันที ด้วยระดับพลังของพวกเขา ชายหนุ่มทั้งสองไม่จำเป็นต้องสัมผัสกับร่างกายของโจวเหว่ยชิงเพื่อให้สามารถรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงพลังปราณสวรรค์ในตัวของเด็กหนุ่มด้วยซ้ำ

เมื่อโจวเหว่ยชิงไหลเวียนพลังปราณสวรรค์จำนวนมหาศาลเพื่อชักนำมันเข้าสู่จุดตายจิ่วเว่ยที่บริเวณหน้าอก ชายหนุ่มทั้งสองก็สามารถสัมผัสถึงพลังปรานมหาศาลที่พลุ่งพล่านเหมือนฝูงม้าป่า แม้แต่ยอดฝีมือระดับระดับมหาราชาอย่างซ่างกวนเทียนหยางและซ่างกวนเทียนเยว่ก็อดไม่ได้ที่จะจ้องหน้ากันด้วยความตกใจ สิ่งนั้น…แม้แต่พวกเขาก็ไม่กล้าลองง่ายๆ

*พรึ่บ* ร่างกายของโจวเหว่ยชิงเป็นเหมือนโป่งที่ถูกเจาะจนทะลุ และพลังปราณสวรรค์จำนวนมหาศาลก็พุ่งออกมาจากจุดตายจิ่วเว่ยของเขา ในเวลาเดียวกัน เลือดสดๆ พุ่งออกมาจากปากของเขา และร่างกายก็เริ่มสั่นสะท้านอย่างรุนแรง พลังปราณสวรรค์ของเขาพลันค่อยๆ เล็ดรอดออกมาจากช่องโหว่ในเส้นชีพจรของเขา

ซ่างกวนเทียนหยางและซ่างกวนหลงหยินไม่ได้ขยับเคลื่อนไหว เนื่องจากกระแสความเยือกเย็นในใจบอกพวกเขาว่าหากโจวเหว่ยชิงกล้าลงมือทำเช่นนั้น เขาย่อมต้องมีเหตุผลเป็นของตัวเอง คงไม่มีใครกล้าล้อเล่นกับชีวิตของตัวเองง่ายๆเช่นนั้นหรอก

ในทางกลับกัน ซ่างกวนเทียนเยว่ซึ่งดูเย็นชาและเป็นศัตรูกับโจวเหว่ยชิงมาโดยตลอดกลับร้อนรนจนไม่อาจอยู่นิ่งเฉยและยกมือขึ้นเพื่อจะช่วยเขา ดังคำกล่าวที่ว่าเมื่อคนเราสนใจบางสิ่งบางอย่าง ตรรกะก็จะถูกโยนทิ้งไป หลังจากที่เขารู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างลูกสาวของเขากับโจวเหว่ยชิง เขาก็ได้ปฏิบัติต่อเด็กคนนี้ในฐานะลูกเขยของตนไปแล้ว แม้ว่าเขาจะไม่เคยแสดงให้เด็กหนุ่มเห็นโดยตรงก็ตามที

ซ่างกวนเทียนหยางจับมือของซ่างกวนเทียนเยว่เอาไว้และส่งสัญญาณให้เขาสงบสติอารมณ์ ในเวลาเดียวกัน เขายังคงมุ่งความสนใจไปที่การเคลื่อนไหวพลังปราณสวรรค์ของโจวเหว่ยชิงโดยละเอียด

แทบจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ไม่กี่อึดใจ แต่เสื้อผ้าของโจวเหว่ยชิงกลับเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ใบหน้าของเขาซีดขาวราวกับกระดาษ แค่สิ่งนั้นเพียงอย่างเดียวก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาเจ็บปวดมากเพียงใด ทว่าเด็กหนุ่มกลับกัดฟันแน่นและไม่ยอมส่งเสียงร้องใดๆ ออกมา นอกจากนี้ยังอดทนต่อความเจ็บปวดอย่างสุดความสามารถ

ในความคิดของเขาโจวเหว่ยชิง เขาทำได้เพียงแค่ท่องบางคำอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ตัวเองมีสติ เพื่อปิงเอ๋อร์!

อันที่จริงแล้ว เพื่อที่จะได้อยู่ร่วมกับปิงเอ๋อร์ให้เร็วที่สุด ไม่ว่าเขาจะต้องผ่านความยากลำบากมากแค่ไหน มันก็คุ้มค่าสำหรับเขาแล้ว นี่คือความเชื่อมั่นในหัวใจของโจวเหว่ยชิงที่สนับสนุนให้เขาสามารถก้าวผ่านความเจ็บปวดไปได้ทั้งหมดและทำให้ความอดทนของเขาเพิ่มขึ้นหลายเท่า ด้วยสติสัมปชัญญะที่เหลืออยู่ของเขา โจวเหว่ยชิงขยับพลังปราณสวรรค์ที่เหลือให้เคลื่อนไปตามเส้นทางการไหลเวียนที่จำเป็น บังคับไม่ให้พลังปราณเหล่านั้นหลบหนีเล็ดรอดไปจากจุดตายที่เขาต้องการจะทะลวงมากเกินไป

พลังสำรองที่ซ่อนอยู่…พลังปราณที่เขาไม่ได้ดูดซับหลังจากการวิวัฒน์พลังครั้งที่ 2 ถูกเปิดใช้งานอีกครั้ง และความเย็นเยียบที่คุ้นเคยก็แผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของเขาทุกตารางนิ้วทันที ปัจจุบันสองพี่น้องซ่างกวนสามารถรู้สึกได้ว่าเลือดของโจวเหว่ยชิงนั้นกำลังเดือดพล่าน ทั้งร่างของเขาคล้ายจะถูกไฟแผดเผา ทั้งเลือด วิญญาณ และแม้กระทั่งชีวิตของเขาเอง ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในรูปแบบแปลกที่แปลกประหลาดมาก

นอกจากนี้ พวกเขายังรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่านี่ไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของโจวเหว่ยชิง เช่นเดียวกับที่เขาเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ นี่คือความช่วยเหลือที่เกิดขึ้นเองของสายเลือดภายในตัว ในทันใดนั้น จิตสังหารที่ดุร้ายก็แผ่ขยายออกมาจากร่างกายของโจวเหว่ยชิง และลายเสือดำก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งบนผิวหนังของเขา ลายลูกคลื่นสีดำดูเหมือนจะพุ่งเข้าสู่หน้าอกของเขาอย่างบ้าคลั่งและรวมตัวกันที่นั่นเพื่อสร้างวังวนสีดำที่แสนแปลกประหลาด

ในเวลานี้ ซ่างกวนเทียนเยว่และซ่างกวนเทียนหยางเผยสีหน้าสิ้นหวังออกมาเล็กน้อย พวกเขารู้ว่าโจวเหว่ยชิงไม่ได้โกหก นอกจากนั้น พวกเขายังสามารถสัมผัสถึงการมีอยู่ของหลุมดำพลังปราณทั้ง 12 แห่งที่ดึงพลังปรานเข้าสู่ร่างกายของเขาได้อย่างชัดเจน เช่นเดียวกับที่อธิบายไว้ในวิชาเทพอมตะ ณ เวลานี้ ทั้งสองคนทำได้เพียงนึกถึงสถานะปีศาจกลายร่าง แม้จะมีประสบการณ์มากมาย แต่พวกเขาก็ไม่สามารถจินตนาการถึงเหตุผลอื่นได้นอกจากสถานะปีศาจกลายร่างที่ช่วยโจวเหว่ยชิงให้ฝึกฝนวิชาฆ่าตัวตายนี้ได้สำเร็จ

เวลาผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่า ในที่สุดอาการสั่นสะท้านของโจวเหว่ยชิงก็เริ่มช้าลง แต่ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าที่บริเวณกลางแผ่นหลังของเขามีแสงสีแดงสลัวกระจายออกตามลายเสือและซึมลึกเข้าไปในร่างกาย เกล็ดสีแดงที่เดิมปกคลุมกว่าหนึ่งในสามของหลังของเขาค่อยๆ หายเข้าไปในร่างกายของเด็กหนุ่ม

ร้อน มันเป็นความร้อนที่น่าเหลือเชื่อ นั่นคือความรู้สึกที่โจวเหว่ยชิงเป็นอยู่ในขณะนี้ เขารู้สึกราวกับว่าแผ่นหลังของตนกำลังถูกถลกและถูกไฟแผดเผา ทว่ามันกลับไม่ได้เจ็บปวดอะไรเลย ทั้งยังให้ผลตรงกันข้ามอีกด้วย เมื่อความร้อนนั้นแล่นผ่านร่างกายของเขา ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงในช่องอกก็ลดลงเล็กน้อย ราวกับว่ามันกำลังพยายามช่วยเขาระงับความเจ็บปวด เมื่อรวมกับสายเลือดของพยัคฆ์เทพอสูรมืดที่ตื่นขึ้นในตัวหลังผ่านการวิวัฒน์พลังครั้งที่ 2 ครั้งนี้การทะลวงจุดตายของเขาดูจะง่ายกว่าครั้งอื่นๆ! ไม่เพียงแต่ความเจ็บปวดจะน้อยลงเท่านั้น เวลาที่เขาต้องทนกับความทรมาณก็ลดลงเช่นกัน

แน่นอน โจวเหว่ยชิงไม่รู้ว่าในขณะที่เขากำลังทะลวงไปสู่พลังปราณสวรรค์ระดับที่ 15 จุดตายที่ 2 ในวิชาส่วนที่ 3 ของวิชาเทพอมตะนั้น มีบางอย่างได้ค่อยๆ ผสานเข้ากับร่างกายของเขาด้วย

เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ และยอดฝีมือทั้ง 3 แห่งของวังสวรรค์ไพศาล ซ่างกวนเทียนหยาง ซ่างกวนเทียนเยว่และซ่างกวนหลงหยินก็ยืนรออย่างอดทนอยู่ข้างๆ ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็ตรวจสอบทุกการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกายของโจวเหว่ยชิงอย่างใกล้ชิดด้วย แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น พวกเขาก็ยังไม่อาจสัมผัสถึงการมีอยู่ของเกล็ดย้อนมังกรขนาดใหญ่ที่ซึมเข้าไปผสานเข้ากับร่างกายของโจวเหว่ยชิง

มีเพียงเหตุผลเดียวในเหตุการณ์เช่นนี้ ระดับพลังปราณของพวกเขายังตามไม่ทันความเร็วของมัน

มังกรเป็นยอดฝีมือระดับเทพเจ้า แม้ว่าพลังการต่อสู้ของพี่น้องซ่างกวนจะสามารถทัดเทียมยอดฝีมือระดับเทพ เจ้าได้เนื่องจากชุดศาสตรามณียุทธ์ในตำนานของพวกเขา แต่ในแง่ของระดับพลังปราณเพียงอย่างเดียว พวกเขาก็ยังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างไกลจากมังกร ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงไม่สามารถสัมผัสถึงสิ่งที่มังกรฝากฝังไว้บนแผ่นหลังของโจวเหว่ยชิงได้

สำหรับมังกรในเขตแดนมิติสะท้อน พวกเขาย่อมไม่สามารถทำอะไรพวกมันได้อยู่แล้ว ไม่ว่าวังสวรรค์ไพศาลจะทรงพลังเพียงใด ข้อจำกัดในการเข้าสู่ประตูมิติก็คืออายุ 30 ปีและต่ำกว่านั้น นั่นเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถก้าวข้ามไปได้ หากไม่พบเหตุการณ์ผิดปกติเช่นที่เกิดระหว่างงานประลองมณีสวรรค์ พวกเขาก็คงไม่สามารถคุกคามมังกรได้เลย ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงไม่รู้เลยว่ามังกรตัวผู้เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและซาบซึ้งในบุญคุณหลังจากสงสัยในแรงจูงใจของโจวเหว่ยชิงที่ช่วยชีวิตภรรยาของมัน มันจึงได้มอบของขวัญที่น่าเหลือเชื่อให้เขาเพราะเหตุนั้น

“พี่ใหญ่…เป็นไปได้ยังไง? วิชาเทพอมตะของเขาดูเหมือนจะเป็นของจริง แต่ถ้าเราแลกเปลี่ยนกับเขา มันก็เป็นความสูญเสียครั้งใหญ่สำหรับเรา!” ซ่างกวนเทียนเยว่กล่าวกับซ่างกวนเทียนหยาง

ซ่างกวนเทียนหยางเหลือบมองน้องชายของเขาก่อนจะพูดอย่างโกรธเคือง “เจ้าไม่จำเป็นต้องช่วยอันธพาลน้อยนั่นโยนหินถามทางหรอก มีหรือข้าจะไม่รู้ว่าเจ้ากำลังคิดอะไร? ด้วยตำแหน่งและสถานะวังสวรรค์ไพศาลของเรา เราจะผิดคำพูดกับสหายน้อยคนนี้ได้หรือ? เนื่องจากวิชาเทพอมตะนั้นสามารถฝึกฝนได้อย่างแท้จริง เขาจึงได้พิสูจน์ตัวเองแล้ว หากเราไม่อาจฝึกมันได้ นั่นก็เป็นความขี้ขลาดของเราเอง และไม่มีเหตุผลที่เราจะผิดข้อตกลงในตอนนี้ อย่างไรก็ตาม ข้าจะต้องขอบางอย่างเพิ่ม”

ขณะที่ซ่างกวนเทียนเยว่กำลังจะถามว่ามีคำขออะไรเพิ่มเติม โจวเหว่ยชิงก็ตื่นขึ้นจากการฝึกฝนแล้ว

หลังจากทะลวงจุดตายที่ 15 ของเขา โจวเหว่ยชิงก็รู้สึกว่าหลุมดำพลังปราณที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ทั้งหมดแข็งแกร่งและขยายใหญ่ขึ้น หากเปรียบเทียบกับหมากรุก หลังจากวางหมากลงไป 14 ชิ้นแล้ว ชิ้นที่ 15 ก็เป็นตัวพลิกสถานการณ์อย่างแท้จริง ไม่ได้เป็นเพียงแค่การเพิ่มเข้าไปเพียงชิ้นเดียว ในแง่ของการพัฒนา ไม่ใช่แค่ปริมาณพลังปราณสวรรค์ที่เขามีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงคุณภาพของมัน เช่นเดียวกับหลุมดำพลังปราณของเขาและพื้นที่ใช้งานของมันที่ขยายใหญ่ขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้ได้รับการปรับปรุงและพัฒนาขึ้นเป็นอย่างมาก ปริมาณพลังปราณสวรรค์ที่เป็นของเหลวไหลเวียนอยู่ภายในตัวเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนเช่นกัน แม้ว่าจะยังคงมีช่องว่างที่รอการเติมเต็มภายในเส้นลมปราณของเขาอยู่ แต่โจวเหว่ยชิงก็รู้ว่าเขาก้าวหน้าในการฝึกวิชาอย่างมาก อย่างน้อยตอนนี้เขาก็จะปลอดภัยจนกว่าจะต้องทะลวงผ่านจุดตายต่อไป โจวเหว่ยชิงสูดหายใจเข้าลึกและลุกขึ้นจากพื้นอย่างสั่นเทา แม้ว่าเสื้อผ้าของเขาจะเหนียวเหนอะหนะและไม่สบายตัว แต่การทะลวงผ่านจุดตายได้อีกครั้งก็ทำให้เขามีความสุขมาก

“ท่านพ่อตาและท่านลุงในอนาคต เป็นยังไงบ้าง? คิดอย่างไรเกี่ยวกับวิชาเทพอมตะของข้า?” โจวเหว่ยชิงหัวเราะอย่างเต็มที่ขณะที่เขาลูบไล้ผมที่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อของตน

ซ่างกวนเทียนเยว่ส่งเสียงในลำคอและพูดอย่างโกรธเคือง “วิชาเทพอมตะของเจ้านี่คล้ายกับการฆ่าตัวตายชัดๆ เจ้ากำลังพยายามทำให้ลูกสาวของข้าเป็นม่ายตั้งแต่ยังเด็กหรือ? ข้าได้ตัดสินใจแล้ว เว้นแต่เจ้าจะทะลวงจุดตายทั้ง 30 จุดสำเร็จ ไม่เช่นนั้นเจ้าก็ลืมเรื่องแต่งงานกับลูกสาวของข้าไปได้เลย”

โจวเหว่ยชิงรู้สึกพึงพอใจในตัวเองมาก เขาชื่นชมตนเองที่สามารถหลอกล่อวังสวรรค์ไพศาลให้ทำการค้ากับเขาได้สำเร็จ น่าเสียดาย เมื่อได้ยินคำพูดของซ่างกวนเทียนเยว่ กรามของเขาก็อ้าค้างขณะที่หัวใจบีบรัดด้วยความแตกตื่น นี่อาจเป็นคำพูดในตำนานที่กล่าวว่า “เมื่อความสุขล้นไหล หายนะก็ตามมา!”

ซ่างกวนเทียนหยางหัวเราะเบาๆ จากนั้นกล่าวด้วยคำพูดเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกว่า “แท้จริงแล้วเบื้องหลังความสำเร็จทุกอย่างก็คือความทุกข์ทรมาณและการทุ่มเทอย่างหนักที่ไม่ได้เผยแพร่ออกไปให้คนภายนอกรับรู้…นั่นเป็นความจริงเสมอไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม ไม่น่าแปลกใจเลยที่เจ้าสามารถปลดปล่อยทักษะการต่อสู้ที่ทรงพลังเช่นนี้ออกมาได้ในระดับมณี 3 ชุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสามารถในการฟื้นฟูพลังปราณสวรรค์ เพียงแค่วิชาฝึกปราณของเจ้าอย่างเดียวก็ถือได้ว่าไม่มีวิชาใดสามารถเทียบได้แล้ว น่าเสียดาย มันเป็นเรื่องยากเกินไปที่จะฝึกวิชานี้ และข้อแม้ขั้นแรกที่ต้องมีนั้นก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับจ้าวมณีสวรรค์ธรรมดาๆ การพยายามฝึกฝนมันเท่ากับเป็นการฆ่าตัวตายอย่างแท้จริง”

โจวเหว่ยชิงทำหน้าตาน่าสงสารทันที เขาเอ่ยเบาๆ ว่า “ท่านลุง วังสวรรค์ไพศาลคงจะไม่ผิดสัญญาใช่ไหม?”

แน่นอนว่าโจวเหว่ยชิงเลือกคำพูดของเขาอย่างชาญฉลาด โดยพูดว่า ‘วังสวรรค์ไพศาลผิดสัญญา’ แทนที่จะเป็น ‘ซ่างกวนเทียนหยางผิดสัญญา’ เพราะโดยธรรมชาติแล้ว นั่นคือการกดดันพวกเขาไม่ให้ทำเช่นนั้น

ซ่างกวนเทียนหยางไม่ใช่คนที่รู้สึกหงุดหงิดง่ายนัก และเขาก็ยิ้มน้อยๆ ขณะที่กล่าวว่า “ข้าบอกไปแล้วว่าวิชาเทพอมตะของเจ้าเป็นวิชาที่โดดเด่นและไม่มีใครเทียบได้อย่างแท้จริง เช่นนั้น เหตุใดพวกเราจะไม่ทำตามข้อตกลงล่ะ? อย่างน้อยตอนนี้เราก็รู้แล้วว่ามีวิชาดังกล่าวบนโลก แม้ว่าในปัจจุบันจะไม่มีใครในวังสวรรค์ไพศาลของเราสามารถใช้วิชาฝึกปราณนี้ได้ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าในอนาคตจะไม่มีใครสามารถทำสำเร็จ นั่นคือความหมายของมหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ บางครั้งการถ่ายทอดมรดกให้คนรุ่นหลังก็สำคัญกว่า ไม่ว่าในกรณีใด การค้าของเราก็จะเสร็จสมบูรณ์ตามที่ตกลงไว้ก่อนหน้านี้ ทว่าข้ามีคำขอเพิ่มเติมอีก 1 ประการที่หวังว่าเจ้าจะเห็นด้วย”

โจวเหว่ยชิงหรี่ตาและยิ้มขณะที่เขากล่าวว่า “ผู้อาวุโสโปรดกล่าวคำขอของท่านเถิด หากมันอยู่ในขอบเขตที่ข้ายอมรับได้ ข้าย่อมต้องตกลงอย่างแน่นอน” คำพูดของเขาฟังดูไพเราะ แต่ความจริงแล้วเขาได้ทิ้งช่องโหว่ขนาดใหญ่เพื่อให้ตัวเองมีโอกาสได้หลบหนี ทันใดนั้นซ่างกวนเทียนหยางก็รู้สึกแปลกประหลาดกับการเจรจาต่อรองของเขา คล้ายกับคนตรงหน้าเขาไม่ใช่เด็กหนุ่มใสซื่อ แต่เป็นตาเฒ่าเจ้าเล่ห์คนหนึ่ง

โจวเหว่ยชิงอาจจะอายุเพียง 17 ปี แต่เขาก็ได้รับการสั่งสอนจากมู่เอินและนำประสบการณ์ทางโลกเหล่านั้นติดตัวมาด้วย

…………………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด