Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา 99-3 ทักษะธาตุกาลเวลาระดับ 10 ดาวคู่! (3)

Now you are reading Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา Chapter 99-3 ทักษะธาตุกาลเวลาระดับ 10 ดาวคู่! (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แม้จะเป็นเวลาเพียงแค่ช่วงสั้นๆ แต่มันกลับสามารถพลิกสถานการณ์ทั้งหมดไปได้ในพริบตา ทักษะกาลเวลาทับซ้อนของเอ้าเล่อเฉียดผ่านร่างโจวเหว่ยชิงไปปรากฏอยู่ด้านหลังและเด็กหนุ่มก็กลับมาใช้ความเร็วเดิมของตนเองได้ในทันที

ในขณะนี้ทั้งสองฝ่ายอยู่ใกล้กันมาก และการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ก็รวดเร็วเกินกว่าที่คู่รักเป่าโปจะทันได้ตอบสนอง เอ้าเล่อได้ตัดสินผลแพ้ชนะไปเบ็ดเสร็จเรียบร้อยแล้ว และคนทั้งคู่ก็กำลังออกอาการ “วางท่า” ขณะที่การเปลี่ยนแปลงกะทันหันนี้เกิดขึ้น ด้วยเหตุนี้ เอ้าเล่อจึงไม่มีเวลาให้ทันได้ตอบโต้ขณะโจวเหว่ยชิงมาปรากฏตัวต่อหน้าต่อตาเขา

มืออีกข้างของโจวเหว่ยชิงพุ่งเป้าไปที่หลิวอี้หนาน โบกออกไป 3 ครั้ง ทักษะ 3 ชนิดก็ส่งผลต่อเธอทันที ทักษะโซ่ตรวนวายุ ทักษะสัมผัสมืด และทักษะมิติกักขัง

แน่นอนว่าการปลดปล่อยทักษะการควบคุมที่ทรงพลังทั้ง 3 นี้พร้อมกันเป็นการเผาผลาญพลังปราณสวรรค์ของโจวเหว่ยชิงไปจำนวนมาก ทว่าในขณะนี้เขากลับไม่อาจแบกรับความเสี่ยงได้ หลิวอี้หนานนั้นอยู่ใกล้มากเกินไป มีความเป็นไปได้ว่าเธอจะขัดขวางแผนการอันสมบูรณ์แบบของเขา

ทักษะโซ่ตรวนวายุและทักษะสัมผัสมืดกระหวัดเกี่ยวรัดรอบตัวหลิวอี้หนานทันที ถึงอย่างไรหญิงสาวผู้นี้ก็ไม่ได้มีมณี 6 ชุดเหมือนกับสามีของเธอและช่องว่างระหว่างพลังของเธอกับโจวเหว่ยชิงก็มีไม่มากนัก ดังนั้นจึงเห็นได้ชัดว่าเธอต้องใช้เวลานานกว่าจะหลุดพ้นจากการควบคุมของเขาได้ ในที่สุดทักษะมิติกักขังก็ปรากฏตัวออกมา ม่านพลังสีเงินพลันก่อตัวขึ้นและเปล่งแสงระยิบระยับอยู่รอบๆ ตัวเธอ ในขณะเดียวกันก็ทำลายสายสัมพันธ์ที่ยึดเหนี่ยวระหว่างเธอกับเอ้าเล่อเอาไว้ ทำให้พวกเขาต้องแยกออกจากกันในพริบตานั้นทันที

ในเวลาเดียวกันกับที่เขาปลดปล่อยทักษะใส่หลิวอี้หนาน โจวเหว่ยชิงก็เตะไปที่หน้าอกของเอ้าเล่อด้วยเท้าขวาของเขา

ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างกะทันหันเกินไปและเอ้าเล่อก็กำลังรู้สึกตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนไม่ทันระวังตัว เมื่อคนผู้หนึ่งได้พบกับบางสิ่งที่อยู่นอกเหนือจินตนาการของเขา คนผู้นั้นย่อมต้องชะงักไปชั่วขณะ ไม่ว่าระดับพลังปราณของเขาจะสูงเพียงใดก็ตาม ด้วยเหตุนี้ แม้จะมีระดับพลังปราณที่แตกต่างกัน เอ้าเล่อก็มีเวลาเพียงแค่ให้ขยับมือขึ้นป้องกันหน้าอกของเขา โดยแผ่พลังปราณสวรรค์ออกมาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อปกป้องตัวเองจากลูกเตะของโจวเหว่ยชิง

ทุกสิ่งที่โจวเหว่ยชิงทำมาจนถึงเวลานี้ อาจกล่าวได้ว่าเตรียมพร้อมไว้สำหรับการโจมตีครั้งสุดท้ายโดยเฉพาะ แม้เรื่องที่เขาได้รับผลกระทบจากปราการชะลอความเร็วรวมถึงการที่มันส่งผลต่อทักษะยิงธนูของเขาจะเป็นเรื่องจริง แต่การทำให้คู่ต่อสู้ของตัวเองสับสนและคิดว่าโจวเหว่ยชิงไม่อาจจัดการปราการชะลอความเร็วได้นั้นเป็นแผนที่จะจัดการกับศัตรูให้เด็ดขาดภายในการโจมตีเดียวต่างหาก เมื่อแผนการของเขาดำเนินมาถึงช่วงเวลาแห่งการกอบโกยผลประโยชน์ เขาจะปล่อยให้เอ้าเล่อมีโอกาสตอบโต้ได้อย่างไร?

พลังและความแข็งแกร่งอาจเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการต่อสู้ ทว่าแท้จริงแล้วความเฉลียวฉลาดก็เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญเช่นกัน

เกิดแรงระเบิดสั่นสะเทือนป่าขณะที่เท้าขวาของโจวเหว่ยชิงกระแทกเข้าที่แขนของเอ้าเล่อซึ่งถูกยกขึ้นมาปกป้องหน้าอกของเขาอย่างรุนแรง เสียงกระดูกหัก *เป๊าะ* ดังขึ้นพร้อมกับที่ระเบิดอันน่าสะพรึงกลัวนั้นถูกปลดปล่อยออกมา แขนขวาของเอ้าเล่อหักลงในทันที และเขาก็กระเด็นออกไปด้านหลังจากแรงปะทะนั้น เลือดสดๆ ถูกพ่นออกมาจากปากโดยไม่รู้ตัว

ความแตกต่างของระดับพลังระหว่างทั้ง 2 คนนั้นมีมากเกินไป ระดับพลังปราณของเอ้าเล่อสูงกว่าโจวเหว่ยชิงมาก นั่นจึงทำให้เขาสามารถกระจายแรงโจมตีส่วนใหญ่ออกไปได้ แต่ทว่าพลังที่แท้จริงและความแข็งแกร่งของขาขวาปีศาจของโจวเหว่ยชิงนั้นก็น่ากลัวอย่างยิ่งเพราะมันสามารถสั่นสะเทือนได้แม้กระทั่งโล่ประสานมณี 5 ชุดของหลินเทียนอ้าว

การส่งเอ้าเล่อกระเด็นออกไปไม่ได้สร้างระยะห่างระหว่างทั้ง 2 เลย นั่นเป็นเพราะภายใต้ผลของสถานะปีศาจกลายร่าง ขาขวาของโจวเหว่ยชิงได้เปลี่ยนเป็นตะขอแมงป่องซึ่งทำให้เขาสามารถใช้มันเกี่ยวแขนของเอ้าเล่อเอาไว้ได้ ดังนั้นทั้งตัวของเขาจึงปลิวตามเอ้าเล่อไปด้วย

ความเจ็บปวดรุนแรงบริเวณแขนและกระดูกส่วนอกที่หักทำให้ดวงตาของเอ้าเล่อเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ ในเวลาเดียวกัน เขาก็รู้สึกถึงพลังเยียบเย็นที่รุกล้ำเข้ามาในร่างกายของเขาผ่านเท้าขวาของโจวเหว่ยชิง ทำให้เขาต้องตัวสั่นสะท้านอย่างรุนแรง เอ้าเล่อรวบรวมพลังปรานที่เหลืออยู่ทั้งหมดอย่างรวดเร็วเพื่อปลดปล่อยทักษะและศาสตรามณียุทธ์ที่แข็ง แกร่งที่สุดของเขาออกมา ในตอนนี้ชายหนุ่มไม่สามารถอดกลั้นได้อีกต่อไป และสิ่งที่คั่งค้างอยู่ในใจก็มีเพียงความปรารถนาที่จะฉีกทึ้งโจวเหว่ยชิงออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเท่านั้น

อนิจจา ณ เวลานี้ ลำแสงที่ดูบิดเบี้ยวด้วยรังสีแปลกประหลาดก็ดูเหมือนจะแผ่กระจายออกจากขาขวาของโจวเหว่ยชิงด้วย ทันใดนั้นเอง ไม่ใช่แค่ทักษะและศาสตรามณียุทธ์ที่เอ้าเล่อกำลังจะปลดปล่อยออกมาเท่านั้น แม้กระทั่งความหนาวเย็นที่เข้ามาในร่างกายของเขาก็ถูกขัดจังหวะไปด้วย

โจวเหว่ยชิงกระโดดไปข้างหลังและถอยกลับไปตั้งหลักในขณะที่เอ้าเล่อร่อนลงพื้นอย่างแรงพร้อมเสียงดังสนั่น

สีฟ้า สีดำ สีเทา ลูกไฟ 3 ดวงหมุนรอบแขนขวาที่หักของเขาครู่หนึ่งก่อนจะหายไป เอ้าเล่ออยากจะกระโจนหนี แต่ทันใดนั้นเขาก็สูญเสียการควบคุมตนเองเนื่องจากร่างกายกำลังสั่นอย่างไม่อาจควบคุมได้ เป็นอีกครั้งที่เขารู้สึกหนาวลึกเข้าไปถึงกระดูก ทว่าคราวนี้กลับดูเหมือนว่ามันจะมาจากภายในร่างของเขาเอง ทั่วทั้งร่างของเอ้าเล่อพลันชักเกร็งและกระตุกถี่ยิบ ความคิดเดิมที่จะพุ่งออกไปโจมตีโจวเหว่ยชิงพลันเลือนหายไปในพริบตา ชายหนุ่มแทบจะไม่อาจใช้พลังปราณสวรรค์ดั้งเดิมของเขาเพื่อเปิดใช้ทักษะป้องกันและชักนำไปที่หัวใจของเขาได้ทันเวลา ในเวลาเดียวกัน เอ้าเล่อก็ต้องรวบรวมพลังปราณทั้งหมดของตนเพื่อขับไล่ไอหนาวเย็นที่น่าสะพรึงกลัวออกจากร่างกายของเขาด้วย

“เอ้าเล่อ!” ในที่สุดหลิวอี้หนานก็หลุดพ้นจากทักษะควบคุม 3 ชนิดของโจวเหว่ยชิง เธอไม่แม้แต่จะสนใจการโจมตีของเด็กหนุ่มอีกต่อไป และรีบกระโดดไปหาเอ้าเล่อเพื่อพยุงร่างกายที่สั่นเทาและไม่มั่นคงของเขาเอาไว้ในอ้อมแขน

เมื่อร่อนลงบนพื้นในระยะที่ห่างจากพวกเขาพอสมควรแล้ว โจวเหว่ยชิงเองก็เผยสีหน้าซีดเซียวและลำตัวสั่นสะท้าน เด็กหนุ่มยังคงอยู่ในสถานะปีศาจกลายร่าง แม้ว่าเขาจะคุกเข่าลงบนพื้นข้างหนึ่งและหอบหายใจอย่างหนักหน่วงขณะพยายามรวบรวมกำลังอีกครั้ง ในช่วงเวลาสั้นๆ นั้น เขาได้เผาผลาญพลังปราณสวรรค์ไปมากกว่า 7 ใน 10 ส่วนของพลังทั้งหมดในร่างกายตัวเองแล้ว

เห็นได้ว่าชัดว่าการครอบครองมณีธาตุ 6 ชนิดทำให้เขามีพลังมหาศาล สิ่งนี้มาพร้อมทักษะที่ยอดเยี่ยมจำนวนมากให้เลือกใช้ แต่ก็น่าเสียดาย พลังปราณสวรรค์ของเขาไม่เพียงพอให้ปลดปล่อยทักษะเหล่านี้ออกมาทั้งหมดภายในครั้งเดียวโดยไม่เกิดผลกระทบใดๆ ตามมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากทักษะบางอย่างที่เขาเพิ่งใช้นั้นเผาผลาญพลังปราณไปเป็นจำนวนมหาศาล

“เจ้าทำแบบนั้นได้อย่างไร? ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะสามารถหลบหลีกทักษะกาลเวลาทับซ้อนของข้าได้!” เอ้าเล่อลุกขึ้นยืนโดยอาศัยความช่วยเหลือจากหลิวอี้หนาน แต่แทนที่เขาจะพยายามหาทางรักษาอาการบาดเจ็บ เขากลับเอ่ยถามโจวเหว่ยชิงอย่างรีบร้อน

โจวเหว่ยชิงแสยะยิ้มกล่าวว่า “เห…นั่นเป็นเรื่องประหลาดที่ท่านไม่ได้คาดคิดมาก่อนใช่ไหม? ท่านพูดถูก ทักษะกาลเวลาทับซ้อนของพวกท่านทรงพลังมากและไม่ใช่สิ่งที่ข้าจะสามารถต้านทานได้แม้จะอยู่ภายใต้สถานะปีศาจกลายร่าง หากข้าติดอยู่ภายใต้ผลของพลังนั้นต่อไป ข้าก็อาจจะตายได้ น่าเสียดาย ท่านมั่นใจในทักษะของตัวเองมากเกินไป ทักษะกาลเวลาทับซ้อนนั้นยังไม่สมบูรณ์แบบนัก หรือพูดง่ายๆ ว่าไม่ได้ไร้เทียมทานเสมอไป หากจะพูดให้ถูกต้องกว่านั้นคือ สำหรับทุกๆ ทักษะแล้ว ภายใต้สถานการณ์เฉพาะย่อมมีโอกาสจะถูกทำลายหรือโต้ตอบได้ สิ่งที่ข้าใช้เมื่อสักครู่คือทักษะปั่นป่วนเวลา…ดังนั้นท่านก็มั่นใจได้แล้วว่านั่นเป็นทักษะที่ทำใหท่านพ่ายแพ้อย่างสมเกียรติแล้ว”

ดวงตาของเอ้าเล่อพลันเบิกกว้าง แม้แต่รูม่านตาของเขาก็ขยายออกด้วยความตกใจ คราวนี้แม้แต่หลิวอี้หนานก็อดไม่ได้ที่จะอุทานด้วยความประหลาดใจ “ทักษะปั่นป่วนเวลา?! จะ เจ้า…เจ้าก็มีทักษะธาตุกาลเวลาด้วยหรือ! แต่… แต่…ทำไมถึงไม่มีแสงสีเหลืองที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของทักษะธาตุกาลเวลาล่ะ?”

โจวเหว่ยชิงยักไหล่และพูดว่า “ข้าไม่รู้เรื่องนั้นหรอก…สำหรับทักษะปั่นป่วนเวลาชนิดนี้ ด้วยระดับพลังปราณที่ต่ำของข้า ข้าจึงทำให้มันมีผลเพียง 1 วินาทีเท่านั้น แต่ 1 วินาทีนั้นก็มากเกินพอแล้วที่จะปั่นป่วนทักษะกาลเวลาทับซ้อนของพี่เอ้าเล่อได้ ทั้งยังสามารถปิดใช้ปราการชะลอความเร็วของท่านได้ชั่วคราวอีกด้วย นั่นทำให้ข้าสามารถหลบหนีจากทักษะผลกระทบวงกว้างของพวกท่านได้ทันเวลาและเปิดฉากโจมตีได้ เพราะท่านมั่นใจและประมาทเกินไป ดังนั้นข้าจึงประสบความสำเร็จ”

หลิวอี้หนานหัวเราะอย่างเยือกเย็น “หึ! เจ้าคิดว่าแค่หักแขนของเอ้าเล่อ เจ้าก็สามารถเอาชนะเราได้งั้นหรือ?”

โจวเหว่ยชิงหัวเราะอย่างเต็มที่และกล่าวว่า “ดูสามีของท่านให้ดีเสียก่อน แน่นอนว่าท่านคนเดียวย่อมต้องสามารถเอาชนะข้าในสภาพอ่อนแอเช่นนี้และกดดันให้ข้าออกจากงานประลองมณีสวรรค์ได้สำเร็จ ทว่าหากท่านทำเช่นนั้น ข้าก็กลัวว่าชีวิตของพี่เอ้าเล่อจะต้องหลุดลอยไปเสียแล้ว”

เพราะประหลาดใจกับคำพูดของเขา หลิวอี้หนานจึงรีบหันไปตรวจสอบเอ้าเล่อทันที ทันใดนั้นเธอก็ค้นพบว่าบางทีโจวเหว่ยชิงอาจไม่ได้โกหก ใบหน้าของเอ้าเล่อกลายเป็นสีเทาซีดโดยไม่รู้ตัว ร่างกายของเขาสั่นสะท้านอย่างรุนแรง แม้ว่าเขาจะยังคงตื่นอยู่ แต่ฟันของเขาก็ขบกันแน่นขณะพยายามระงับความเจ็บปวด และเขาก็ไม่อาจแม้แต่จะอ้าปากพูดได้

ก่อนหน้านี้เมื่อโจวเหว่ยชิงเตะเอ้าเล่อและพุ่งติดตามเขาไป เขาก็ได้ปลดปล่อยทักษะการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของตนออกไปกลางอากาศด้วยสายฟ้าเทพเจ้าอสูรมืด!

ในระยะใกล้เช่นนี้ หากโจวเหว่ยชิงได้ปลดปล่อยสายฟ้าเทพเจ้าอสูรมืดใส่เอ้าเล่ออย่างเต็มที่ ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอีกฝ่ายจะบาดเจ็บปางตายเพียงใด อย่างไรก็ตาม หากเป็นเช่นนั้น โจวเหว่ยชิงก็จะอ่อนกำลังมากเกินไป และหลิวอี้หนานก็จะต้องพยายามแก้แค้นเขาอย่างบ้าคลั่งแน่นอน ยกเว้นแต่เจ้าแมวอ้วนจะช่วยเหลือเขา หาไม่แล้วโจวเหว่ยชิงก็อาจถูกฆ่าหรือถูกบังคับให้ต้องใช้มณีสะท้อนแล้ว

แม้ว่าเขาจะสามารถหลบหนีออกจากเขตแดนมิติสะท้อนไปได้ แต่ในงานประลองครั้งนี้ กลุ่มนักรบเฟยหลี่ก็จะสร้างศัตรูขึ้นมาอีกหนึ่งราย ทั้งอาณาจักรป่ายต้าและอาณาจักรตันตุ้น ตอนนี้ทั้งสองก็เป็นศัตรูกับพวกเขาอยู่แล้ว หากเพิ่มอาณาจักรเป่าโปเข้าไปอีก นั่นคงไม่ใช่สัญญาณที่ดีสำหรับพวกเขาอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม โจวเหว่ยชิงย่อมไม่อาจฆ่าเอ้าเล่อได้ แม้ว่ามันจะทำให้เขาต้องออกจากงานประลองก็ตาม

ในช่วงเวลาที่สายฟ้าเทพเจ้าอสูรมืดถูกปลดปล่อยออกมา พิษทั้ง 3 ชนิดก็ถูกผลักเข้าไปภายในร่างของเอ้าเล่อผ่านเท้าขวาของโจวเหว่ยชิง แม้ว่ามันจะไม่ทรงพลังเท่ากับการปลดปล่อยสายฟ้าเทพเจ้าอสูรมืดออกไปโจมตีโดยตรง แต่พิษร้ายของมันก็ยังคงทำให้เอ้าเล่อเจ็บปวดทรมานอย่างมาก

ช่วงเวลาถัดมา หลังจากปลดปล่อยสายฟ้าเทพเจ้าอสูรมืดแล้ว โจวเหว่ยชิงก็ใช้ทักษะกักเก็บใหม่ของเขาซึ่งเป็นอีกหนึ่งทักษะธาตุกาลเวลาที่เรียกว่า ทักษะก่อกวนเวลา

นั่นเป็นทักษะที่โจวเหว่ยชิงกักเก็บมาจากอสูรสวรรค์ระดับราชา ในตอนที่เขาพยายามจะกักเก็บทักษะนี้ แม้จะได้รับความช่วยเหลือจากเจ้าแมวอ้วน เขาก็ยังต้องพยายามกว่า 26 ครั้งจึงจะทำสำเร็จ แม้อสูรสวรรค์ระดับราชาจะไม่ได้ต่อต้านเขามากนัก แต่การกักเก็บทักษะของเขาก็ยังล้มเหลวอยู่หลายครั้ง…เช่นนี้ใครๆ ก็ย่อมจินตนาการได้แล้วว่าอสูรสวรรค์ตนนั้นจะทรงพลังเพียงใด

สาเหตุของความล้มเหลวอย่างต่อเนื่องนั้นก็เป็นเพราะทักษะเฉพาะตัวของอสูรสวรรค์ระดับราชาอย่างทักษะก่อกวนเวลา

ทักษะก่อกวนเวลาเป็นทักษะผลกระทบวงกว้าง และตามบันทึกของวังกักเก็บทักษะ หากอสูรสวรรค์ระดับราชาเปิดใช้งานทักษะนี้ภายในรัศมี 100 หลา จ้าวมณีสวรรค์ทั้งหมดที่กำลังใช้งานทักษะหรือศาสตรามณียุทธ์ในพื้นที่นั้นถูกก่อกวนจนทำให้ทั้งหมดต้องหยุดชะงักหรือถูกขัดจังหวะไปพร้อมๆ กัน

ความแตกต่างระหว่างทักษะนี้กับทักษะสายฟ้าเขย่าสวรรค์ก็คือศาสตรามณียุทธ์ที่เรียกออกมาแล้วจะไม่หายไป แต่ทักษะที่มีผลไปแล้วจะต้องหยุดชะงักทันที

แน่นอนว่านี่เป็นอีกหนึ่งทักษะควบคุมที่ทรงพลัง แต่โจวเหว่ยชิงกลับกรุ่นคิดอยู่นานกว่าจะตัดสินใจกักเก็บมันมาในตอนท้าย

ทักษะที่เขาใช้เพื่อขัดขวางทักษะกาลเวลาทับซ้อนของเอ้าเล่อก่อนหน้านี้คือทักษะปั่นป่วนเวลาซึ่งเป็นทักษะสนับสนุนประเภทช่วยชีวิต และทักษะก่อกวนเวลานี้เป็นทักษะการควบคุมระยะกว้างที่ทรงพลัง ข้อบกพร่องเพียงอย่างเดียวก็คือเมื่อมันถูกปลดปล่อยออกมา มันจะไม่แยกความแตกต่างระหว่างมิตรและศัตรู ใครก็ตามที่อยู่ในพื้นที่ใช้งานล้วนต้องได้รับผลกระทบจากมันทั้งสิ้น นอกจากนี้ สิ่งที่ทรงพลังที่สุดเกี่ยวกับทักษะนี้คือเงื่อนไขเกี่ยวกับความสำเร็จของมัน หากศัตรูมีระดับห่างจากผู้ใช้ไม่เกิน 3 ระดับ ทักษะนี้ก็มีอัตราความสำเร็จเต็มร้อย ส่วนผู้ที่มีระดับสูงกว่าผู้ใช้เกินกว่า 3 ระดับจะได้รับผลกระทบลดลงไปตามขั้น และอาจเป็นเพราะว่าทักษะนี้ทรงพลังเกินไป ระยะฟื้นตัวของมันจึงเป็น 1 ชั่วโมง!

ด้วยมณีระดับ 3 ชุดของโจวเหว่ยชิง เมื่อเขาใช้ทักษะนี้ มันจะมีพื้นที่ครอบคลุมในรัศมี 3 หลาโดยวัดจากตัวเขาเป็นจุดศูนย์กลาง เห็นได้ชัดว่าทักษะนี้ยังคงเป็นเพียงการใช้งานในระยะใกล้ๆ เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม เป็นเพราะในตอนนั้นเขาอยู่ข้างๆ เอ้าเล่อ เรียกได้ว่าเกือบจะแนบชิดกับเขาแล้วด้วยซ้ำเนื่องจากมีตะขอแมงป่องที่เกี่ยวตัวอีกฝ่ายไว้ ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้ว ผลของทักษะนี้จึงพุ่งทะยานขึ้นไปถึงขีดสูงสุด

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด