Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา 36.2 ตัวประหลาดในหมู่คนอัจฉริยะ (2)

Now you are reading Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา Chapter 36.2 ตัวประหลาดในหมู่คนอัจฉริยะ (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ทว่าทักษะนี้อาจมีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับเขาในตอนนี้ ในความล้มเหลวครั้งก่อนหน้าไม่ใช่ว่าเขาพลาดพลั้งไปแค่วินาทีเดียว แต่เพียงแค่ครึ่งวินาทีหรือน้อยกว่านั้น! ครึ่งวินาทีก็ทำให้เขาสามารถลากพู่กันผ่านไปได้หนึ่งนิ้วแล้ว! อีกทั้งตอนนี้เขายังมีมณี 2 ชุด ดังนั้นในเวลาเดียวกันเขาสามารถใช้ทักษะธาตุอื่นๆ ได้อีก สำหรับจ้าวมณีสวรรค์ธรรมดาๆ นั่นอาจไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาสามารถใช้งานได้ แต่สำหรับโจวเหว่ยชิงที่มีทักษะธาตุ 6 ชนิด นั่นเป็นประโยชน์มากสำหรับเขา หลังจากมีไพฑูรย์ตาแมวสองสีชุดที่ 2 แล้ว เขาก็สามารถใช้ทักษะธาตุ 2 ชนิดที่แตกต่างกันได้ในเวลาเดียวกัน ตัวอย่างก็เช่นทักษะธาตุเวลาและทักษะธาตุมิตินั่นเอง!

จะรู้ได้อย่างไรว่ามันได้ผลหากไม่ลองดู? การทดลองจึงเป็นวิธีเดียวที่เขาใช้ทดสอบทฤษฎีนี้ โจวเหว่ยชิงหยิบกระดาษศาสตรามณียุทธ์อีกแผ่นขึ้นมาอย่างกระตือรือร้น เขาหลับตาลงเพื่อตั้งสมาธิก่อนที่จะเริ่มต้นกระบวนการอีกครั้ง

เช่นเดียวกับครั้งก่อน พลังปราณสวรรค์ธาตุมิติของเขาถูกส่งเข้าที่ปลายพู่กันจากนั้นเขาก็เริ่มเคลื่อนไหวไปตามแบบที่เขาวาดไว้ล่วงหน้า มือของโจวเหว่ยชิงขยับไปเร็วมาก ถึงตอนนี้เขาก็ไปถึงจุดที่เขามีปัญหาก่อนหน้าแล้ว

ด้วยทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์ โจวเหว่ยชิงปลดปล่อยทักษะที่ 6 ของเขาออกมาโดยไม่ลังเล นั่นทำให้เขาต้องเผาผลาญพลังปราณสวรรค์ออกไปเป็นจำนวนมาก แต่ทว่าพู่กันในมือของเขาก็สามารถเคลื่อนไปต่อได้ตามความปรารถนาของเขา พื้นที่ปัญหาก่อนหน้านี้จึงถูกเขาลากผ่านไปได้ด้วยดี และตอนนี้เขาก็ลากพู่กันออกมาเป็นระยะทางเกือบ 3 นิ้วแล้ว

เยี่ยมเลยนี่หว่า! หลังจากเสร็จสิ้นส่วนนี้ หมึกศาสตรามณียุทธ์ก็แห้งและแข็งตัวในที่สุด พวกมันเรืองรองแสงสลัวๆ ออกมา บอกเป็นนัยว่าหมึกและภาพร่างส่วนนั้นหลอมรวมกันเสร็จสมบูรณ์แล้ว โจวเหว่ยชิงรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง แต่ทว่าเขาก็ไม่อาจประมาทได้ในตอนนี้ อย่างไรเสีย ผิดพลาดเพียงครั้งเดียวก็อาจทำลายม้วนคัมภีร์ทั้งใบ อีกทั้งความพยายามก่อนหน้านี้ก็จะสูญเปล่าทั้งหมด

กระดาษศาสตรามณียุทธ์ทุกแผ่นถูกวาดเส้น และลวดลายลงบนนั้นนับไม่ถ้วนเพื่อสร้างชิ้นส่วนอาวุธให้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา จังหวะฝีพู่กันที่กวาดผ่านแต่ละส่วนของกระดาษนั้นไม่อาจจะหยุดชะงักได้เลยมิฉะนั้นอาจจะทำให้กระดาษเสียหายได้ อย่างไรก็ตาม หลังจากวาดส่วนแรกจนเสร็จสิ้นและยกมือขึ้น โจวเหว่ยชิงก็สามารถหยุดพักได้ครู่หนึ่ง อย่างไรเสียพลังปราณสวรรค์ของอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ก็มีข้อจำกัดอยู่บ้าง นั่นก็คือในการขั้นตอนการสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์นั้น ผู้สร้างจะต้องอาศัยพลังปราณสวรรค์จำนวนมาก

เมื่อเห็นว่าความคิดของเขาได้ผล โจวเหว่ยชิงก็รู้สึกพอใจเป็นอย่างยิ่ง เขาจุ่มพู่กันลงในหมึกอีกครั้งจากนั้นก็แตะมันลงไปบนกระดาษบนส่วนที่ 2 เห็นได้ชัดว่าการควบคุมเวลาโดยใช้ทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์นั้นเข้ากันได้ดีเมื่อใช้ร่วมกับทักษะธาตุมิติ เมื่อใดก็ตามที่เขาพบปัญหาและไม่อาจจัดการกับจังหวะเวลาที่ถูกต้องได้ ทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์ก็จะช่วยให้เขาสามารถควบคุมจังหวะการลงฝีพู่กันได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ

แม้ว่าสิ่งนี้จะทำให้กระบวนการทำงานของเขาช้าลงมาก อีกทั้งยังเผาผลาญพลังปราณไปมหาศาล แต่อย่างน้อยก็ทำให้เขาเข้าใกล้ความสำเร็จไปทีละขั้น อนิจจา ม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ใบนี้ก็ต้องพบกับความล้มเหลวในตอนสุด ท้ายเช่นกัน เมื่อมาถึงส่วนสุดท้าย เนื่องจากโจวเหว่ยชิงตื่นเต้นเกินไปจนลืมคำนวณปริมาณพลังปราณสวรรค์ที่เขาต้องใช้ อีกทั้งเขาก็ยังเริ่มขยับพู่กันเร็วเกินไปทำให้เขาไม่สามารถใช้ทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์ในช่วงเวลาที่สำคัญได้ ด้วยเหตุนี้กระดาษศาสตรามณียุทธ์ทั้งแผ่นจึงถูกทำลายไปอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้รู้สึกโศกเศร้ากับการสูญเสียในครั้งนี้แม้แต่น้อย  โจวเหว่ยชิงเพียงจ้องมองไปยังแผ่นกระดาษใบที่เพิ่งเสียหายในมือของเขา จากนั้นก็เริ่มหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ครั้งแรกมักจะยากที่สุดเสมอ ความผิดหวังที่เกิดขึ้นอาจรุนแรงกว่าความพึงพอใจที่เขาได้รับ แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาก็มีประสบการณ์แล้ว…ฮ่าๆ

โจวเหว่ยชิงนั่งขัดสมาธิ เขาเพ่งสติไปที่หลุมดำพลังปราณทั้ง 11 แห่งของเขาเพื่อสั่งให้มันหมุนวนอย่างเต็มที่และฟื้นพลังปราณสวรรค์ของเขากลับคืนมา เมื่อพลังปราณของเขาฟื้นตัวเต็มที่แล้ว เขาก็เริ่มหยิบกระดาษแผ่นใหม่อีกครั้ง ครั้งนี้เขามีประสบการณ์แล้ว ยังไงเสียความล้มเหลวก็คือกุญแจของความสำเร็จ ครั้งนี้เขาจึงรู้สึกดีขึ้นกว่าเดิมมาก สำหรับปัญหาก่อนหน้านี้ เขารู้สึกว่าตนมีโอกาสสร้างม้วนคัมภีร์สำเร็จโดยไม่ต้องใช้ทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์ได้ 2 ใน 10 ส่วน

แน่นอนว่าความคิดของโจวเหว่ยชิงนั้นถูกต้อง การสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์นั้น ช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดคือครั้งแรก หากสามารถทำให้สำเร็จได้เพียงหนึ่งครั้ง คนๆ นั้นก็จะสามารถรับรู้และเข้าใจจังหวะเวลาที่เหมาะสมได้ง่ายขึ้น

อย่างไรก็ตาม เพื่อสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์แผ่นแรกของเขาให้สำเร็จ โจวเหว่ยชิงจึงไม่กล้าประมาทใดๆทั้งสิ้น เขาใช้ทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์ทุกครั้งเมื่อเจอปัญหา และเพื่อให้มั่นใจว่าพลังปราณของเขาเพียงพอ เขาจึงพักผ่อนอย่างเต็มที่เพื่อให้สามารถใช้ทักษะธาตุได้อย่างน้อย 3 ครั้ง

ในที่สุดฝีพู่กันสุดท้ายก็ถูกยกขึ้นจากกระดาษ บ่งบอกว่ากระบวนการทั้งหมดเสร็จอย่างสมบูรณ์แล้ว ขณะที่หมึกหลอมรวมกับกระดาษศาสตรามณียุทธ์ แสงสีเงินเจิดจ้าก็กระพริบระยิบระยับอยู่รอบๆ หมึกศาสตรามณียุทธ์ที่มีสีทองจางๆ ทันใดนั้นกระดาษทั้งแผ่นก็สว่างวาบขึ้นเป็นแสงสีทอง คลื่นพลังงานอ่อนๆ พลันปรากฏขึ้นราวกับว่ากระดาษศาสตรามณียุทธ์แผ่นนั้นมีชีวิตขึ้นมา

โจวเหว่ยชิงจ้องมองม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ที่เสร็จสมบูรณ์ตรงหน้าเขาด้วยสายตาว่างเปล่า สัมผัสได้ถึงความตื้นตันที่ผุดขึ้นมาในใจ ราวกับว่าเขาเพิ่งสร้างบางอย่างที่มีชีวิตขึ้นมา! โจวเหว่ยชิงรู้สึกราวกับว่าเขาเพิ่งมอบชีวิตให้กับกระดาษศาสตรามณียุทธ์แผ่นนั้นจนมันกลายเป็นม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์!

โจวเหว่ยชิงหยิบกระดาษศาสตรามณียุทธ์ขึ้นมาอีกแผ่นโดยไม่ลังเล เขาหายใจเข้าลึกๆ หลับตาและนึกถึงกระบวนการทั้งหมดที่เขาเพิ่งจะทำสำเร็จไปก่อนหน้า จากนั้นก็เริ่มกระบวนการนั้นใหม่อีกครั้ง

คราวนี้เขาใช้ความพยายามทั้งหมดของตนโดยไม่พึ่งพาทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์ในการลงพู่กันแต่ละส่วน เฉพาะจุดที่เขารู้สึกว่าไม่อาจผ่านไปได้จริงๆ เขาถึงจะใช้ทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์ แต่ถึงกระนั้นเขาก็สามารถสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ชิ้นที่ 2 นี้ได้สำเร็จโดยใช้ระยะเวลาเพียงครึ่งหนึ่งของครั้งก่อนหน้า!

เมื่อทำแผ่นที่ 2 สำเสร็จ โจวเหว่ยชิงก็เริ่มทำแผ่นที่ 3 จากนั้นก็ต่อด้วยแผ่นที่ 4 เขาเริ่มเชี่ยวชาญมากขึ้นในทุกๆครั้ง ที่สร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์สำเร็จ ยิ่งไปกว่านั้น ในทุกๆ ครั้ง ความเร็วของเขาก็จะเพิ่มขึ้นขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน หลังจากเขากลืนไข่มุกสีดำเข้าไป ประสาทสัมผัสของเขาก็แข็งแกร่งเกินกว่าคนทั่วไปมาก นั่นจึงเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในกระบวนการสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ ทันทีที่เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาก็สามารถใช้ทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์ควบคุมมันไว้ได้ทันที กระบวนการเหล่านี้ดำเนินต่อไปในช่วงที่เหลือของวัน นอกเหนือจาก 2-3 ครั้งแรกที่เขาทำล้มเหลวแล้ว ในช่วงเวลาต่อมาเขาก็สามารถสร้างม้วนคัมภีร์ได้มากกว่า 12 แผ่น

”เหว่ยน้อย ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว” เสียงของฮูเหยียนเอ้าป๋อดังออกมาจากข้างนอก แม้ว่าเขาจะพักผ่อนอยู่ แต่ห้องของเขาก็อยู่ใกล้มากพอที่จะได้ยินเสียงจากห้องของโจวเหว่ยชิง เมื่อได้ยินลูกศิษย์ของเขาฝึกฝนโดยไม่หยุดพัก เขาจึงรู้สึกพออกพอใจมาก

เมื่อฮูเหยียนเอ้าป๋อเปิดประตูเข้ามาในห้องและเห็นโจวเหว่ยชิงกำลังเงยหน้าขึ้นมองเขา ในชั่วพริบตานั้นฮูเหยียนเอ้าป๋อก็ตกตะลึงจนตาค้าง ดวงตาของโจวเหว่ยชิงเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ และใบหน้าของเขาซีดเซียวเป็นอย่างยิ่ง

“เหว่ยน้อย เจ้าไม่ได้หยุดพักเลยหรือ?” ฮูเหยียนเอ้าป๋อถามด้วยความห่วงใย แม้ว่าดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจและความสุขก็ตาม ในฐานะปรมาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ เขาย่อมรู้ดีว่าการที่จะประสบความสำเร็จได้นั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือความเพียรพยายาม โจวเหว่ยชิงเพิ่งเริ่มเรียนรู้วิธีสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์แต่เขากลับเริ่มหมกมุ่นอยู่กับมันแล้ว ในฐานะอาจารย์ เขารู้สึกภาคภูมิใจและพึงพอใจเป็นอย่างมาก

“ได้เวลาอาหารเย็นแล้วหรือ เวลาช่างผ่านไปเร็วจริงๆ!” โจวเหว่ยชิงพึมพำกับตัวเองขณะลุกขึ้นจากพื้น ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าโลกกำลังหมุน จากนั้นความมืดก็เริ่มมาเยือนสายตาของเขา ฉับพลันนั้นเขาก็สะดุดจนเอนไปด้านหลัง

ฮูเหยียนเอ้าป๋อประคองเขาไว้อย่างรวดเร็วและไหลเวียนพลังปราณสวรรค์บริสุทธิ์เข้าสู่ร่างกายของโจวเหว่ยชิง เขาคุ้นเคยกับสภาพเช่นนี้เป็นอย่างดี หากเขาเพ่งสมาธิมากเกินไปและใช้เรี่ยวแรงจนเกินขีดจำกัด เขาก็มักจะตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ฮูเหยียนเอ้าป๋อประคองโจวเหว่ยชิงนอนลงที่เดิมพร้อมกับบอกให้เขาพักผ่อนเพราะนั่นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

เขาสุ่มหยิบกระดาษศาสตรามณียุทธ์แผ่นหนึ่งที่โจวเหว่ยชิงทิ้งไว้เกลื่อนพื้นขึ้นมาดู หวังว่าจะได้เห็นความคืบหน้าของศิษย์รักของเขา แม้ว่าจะเป็นเรื่องปกติที่โจวเหว่ยชิงจะล้มเหลว แต่เขาก็ยังอยากเห็นว่าลูกศิษย์ของเขาทำสำเร็จไปมากแค่ไหน นี่เป็นการวัดพรสวรรค์แต่กำเนิดซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์

“หืม?” ทันทีที่กระดาษศาสตรามณียุทธ์อยู่ในมือของเขา ฮูเหยียนเอ้าป๋อก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาคุ้นเคยกับม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์มากเกินไป รู้จักพวกมันดีราวกับเป็นหลังมือของเขา คลื่นพลังคุ้นเคยที่แผ่ออกมาจากกระดาษแผ่นนั้นทำให้นิ้วของเขารู้สึกชา ดวงตาของเขาก็จ้องไปที่กระดาษในมืออย่างตกตะลึง และนั่นก็ส่งผลให้เขาเงียบไปครู่หนึ่ง

“อ๊าาาาาาาาาาาาาาา!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”

เฟิงหยูกำลังนั่งอยู่ในห้องพร้อมกับอาหารที่เตรียมจะกินสะดุ้งผุดลุกจากที่นั่งเพราะเสียงร้องแสดงความตกใจอย่างกะทันหันของฮูเหยียนเอ้าป๋อ เขารีบวิ่งตรงไปที่ห้องนั้นทันที “ตาแก่ฮูเหยียน เจ้าโหวกเหวกโวยวายทำไม??” เมื่อ   เฟิง หยูไปถึงห้องนั้นและเห็นว่าฮูเหยียนเอ้าป๋อไม่ได้เป็นอะไรเขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดด้วยความโกรธ “เป็นอะไรไปหา? เจ้าเห็นผีรึไง?”

ฮูเหยียนเอ้าป๋อพึมพำกับตัวเอง “นี่มันน่ากลัวกว่าผีอีก ดูนี่!!” ในขณะที่เขาพูดเช่นนั้น เขาก็ยัดม้วนคัมภีร์ใส่มือของเฟิงหยู

เฟิงหยูหยิบม้วนคัมภีร์ขึ้นมาตรวจสอบอย่างใกล้ชิดก่อนจะพูดด้วยท่าทีสบายๆ ว่า “นี่เป็นเพียงม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ระดับพื้นๆ เอง มีอะไรพิเศษหรือ? สร้างของแบบนี้ขึ้นมาแล้วยังมีหน้ามาโวยวายอีกหรือไง?”

ฮูเหยียนเอ้าป๋อมองเฟิงหยู จากนั้นก็หันกลับไปมองโจวเหว่ยชิง ไม่พูดอะไรออกมาอีก เฟิงหยูมองออกว่าใบหน้าของตาแก่คนนี้กำลังกระตุก ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักบางอย่างขึ้นมาได้ ดวงตาของเฟิงหยูเบิกกว้างขณะที่เขาอุทานออกมาว่า “เดี๋ยวนะ…เจ้าอย่าบอกข้านะว่า…ม้วนคัมภีร์นี้…ม้วนคัมภีร์…นี้…เขาสร้างขึ้นมา??!”

ฮูเหยียนเอ้าป๋อไม่ได้ตอบกลับเฟิงหยู เขารีบหยิบกระดาษศาสตรามณียุทธ์ที่วางกระจัดกระจายอยู่บนพื้นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เฟิงหยูเดินเข้าไปใกล้ๆ และเข้าร่วมกับฮูเหยียนเอ้าป๋อ คู่เพื่อนที่มีอายุรวมกันกว่า 100 ปีต่างก็กวาดสายตามองกระดาษศาสตรามณียุทธ์แผ่นแล้วแผ่นเล่าบนพื้น หลังจากทำเช่นนั้น สีหน้าของพวกเขาก็แปลกประหลาดมากขึ้นเรื่อยๆ

“นี่มัน…นี่มันเรื่องจริงรึเปล่า!?” ในที่สุด เมื่อพวกเขาเพ่งดูกระดาษศาสตรามณียุทธ์แผ่นสุดท้ายเสร็จแล้ว            ฮูเหยียนเอ้าป๋อก็แทบทรุดลงกับพื้น

เฟิงหยูพึมพำ “ถ้าเจ้าไม่ได้หลอกลวงข้า แล้วก็ไม่ได้สร้างมันขึ้นมาเอง มันก็คงจะของเรื่องจริงนั่นแหละ นอกจากเจ้าสองคนแล้ว จะมีอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์คนไหนอีก! ตาแก่ฮูเหยียน ข้าคิดว่าครั้งนี้เจ้าเก็บสมบัติมาได้จริงๆ!!!”

ภายใต้สถานการณ์ปกติ เมื่อฮูเหยียนเอ้าป๋อพบเรื่องที่น่าตื่นเต้นยินดีเขาจะหัวเราะออกมาดังๆ อย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับตอนที่เขาสร้างม้วนคัมภีร์ที่หายากจนสำเร็จ ทว่าคราวนี้เขากลับไม่อาจจะเปล่งเสียงหัวเราะออกมาได้แม้แต่คำเดียว ร่างกายของเขาพลันรู้สึกอ่อนเปลี้ยขึ้นมาทันที

“เกิดอะไรขึ้นกับข้า? ข้าปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว” ขณะนี้โจวเหว่ยชิงค่อยๆ ยันตัวเองขึ้นจากพื้น ในฐานะที่เขาเป็นจ้าวมณีสวรรค์ผู้กลืนไข่มุกสีดำเข้าไปในร่างกาย อัตราการฟื้นตัวของเขาจึงอยู่ในระดับ ‘อมนุษย์’ ก็ว่าได้

ชายชราทั้งสองพุ่งเข้ามาล้อมรอบตัวเขาทันที ฮูเหยียนเอ้าป๋อยื่นมือสั่นๆ ที่ถือม้วนคัมภีร์โบกต่อหน้าโจวเหว่ยชิงและพูดว่า “เหว่ยน้อย…เจ้าเป็นคนสร้างคัมภีร์พวกนี้หรือ? เจ้า…เจ้าทำสำเร็จงั้นหรือ?”

โจวเหว่ยชิงยิ้มกว้างและพูดว่า “ใช่แล้ว? ข้าทำสำเร็จ นั่นรู้สึกดีจริงๆ ราวกับว่าข้าได้มอบชีวิตให้กับกระดาษศาสตรามณียุทธ์พวกนี้ ข้าเกือบจะหลงมัวเมาไปกับความรู้สึกนั้นเลยทีเดียว! อ่าาาา ตอนนี้หัวของข้าปวดจริงๆ อาจารย์ ผู้อาวุโสเฟิงหยู หยุดจ้องข้าแบบนั้นจะได้ไหม! ข้ารู้ว่าข้าเป็นอัจฉริยะ แต่ตอนนี้อัจฉริยะผู้นี้หิวมาก!!!”

………………………

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา 36.2 ตัวประหลาดในหมู่คนอัจฉริยะ (2)

Now you are reading Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา Chapter 36.2 ตัวประหลาดในหมู่คนอัจฉริยะ (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ทว่าทักษะนี้อาจมีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับเขาในตอนนี้ ในความล้มเหลวครั้งก่อนหน้าไม่ใช่ว่าเขาพลาดพลั้งไปแค่วินาทีเดียว แต่เพียงแค่ครึ่งวินาทีหรือน้อยกว่านั้น! ครึ่งวินาทีก็ทำให้เขาสามารถลากพู่กันผ่านไปได้หนึ่งนิ้วแล้ว! อีกทั้งตอนนี้เขายังมีมณี 2 ชุด ดังนั้นในเวลาเดียวกันเขาสามารถใช้ทักษะธาตุอื่นๆ ได้อีก สำหรับจ้าวมณีสวรรค์ธรรมดาๆ นั่นอาจไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาสามารถใช้งานได้ แต่สำหรับโจวเหว่ยชิงที่มีทักษะธาตุ 6 ชนิด นั่นเป็นประโยชน์มากสำหรับเขา หลังจากมีไพฑูรย์ตาแมวสองสีชุดที่ 2 แล้ว เขาก็สามารถใช้ทักษะธาตุ 2 ชนิดที่แตกต่างกันได้ในเวลาเดียวกัน ตัวอย่างก็เช่นทักษะธาตุเวลาและทักษะธาตุมิตินั่นเอง!

จะรู้ได้อย่างไรว่ามันได้ผลหากไม่ลองดู? การทดลองจึงเป็นวิธีเดียวที่เขาใช้ทดสอบทฤษฎีนี้ โจวเหว่ยชิงหยิบกระดาษศาสตรามณียุทธ์อีกแผ่นขึ้นมาอย่างกระตือรือร้น เขาหลับตาลงเพื่อตั้งสมาธิก่อนที่จะเริ่มต้นกระบวนการอีกครั้ง

เช่นเดียวกับครั้งก่อน พลังปราณสวรรค์ธาตุมิติของเขาถูกส่งเข้าที่ปลายพู่กันจากนั้นเขาก็เริ่มเคลื่อนไหวไปตามแบบที่เขาวาดไว้ล่วงหน้า มือของโจวเหว่ยชิงขยับไปเร็วมาก ถึงตอนนี้เขาก็ไปถึงจุดที่เขามีปัญหาก่อนหน้าแล้ว

ด้วยทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์ โจวเหว่ยชิงปลดปล่อยทักษะที่ 6 ของเขาออกมาโดยไม่ลังเล นั่นทำให้เขาต้องเผาผลาญพลังปราณสวรรค์ออกไปเป็นจำนวนมาก แต่ทว่าพู่กันในมือของเขาก็สามารถเคลื่อนไปต่อได้ตามความปรารถนาของเขา พื้นที่ปัญหาก่อนหน้านี้จึงถูกเขาลากผ่านไปได้ด้วยดี และตอนนี้เขาก็ลากพู่กันออกมาเป็นระยะทางเกือบ 3 นิ้วแล้ว

เยี่ยมเลยนี่หว่า! หลังจากเสร็จสิ้นส่วนนี้ หมึกศาสตรามณียุทธ์ก็แห้งและแข็งตัวในที่สุด พวกมันเรืองรองแสงสลัวๆ ออกมา บอกเป็นนัยว่าหมึกและภาพร่างส่วนนั้นหลอมรวมกันเสร็จสมบูรณ์แล้ว โจวเหว่ยชิงรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง แต่ทว่าเขาก็ไม่อาจประมาทได้ในตอนนี้ อย่างไรเสีย ผิดพลาดเพียงครั้งเดียวก็อาจทำลายม้วนคัมภีร์ทั้งใบ อีกทั้งความพยายามก่อนหน้านี้ก็จะสูญเปล่าทั้งหมด

กระดาษศาสตรามณียุทธ์ทุกแผ่นถูกวาดเส้น และลวดลายลงบนนั้นนับไม่ถ้วนเพื่อสร้างชิ้นส่วนอาวุธให้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา จังหวะฝีพู่กันที่กวาดผ่านแต่ละส่วนของกระดาษนั้นไม่อาจจะหยุดชะงักได้เลยมิฉะนั้นอาจจะทำให้กระดาษเสียหายได้ อย่างไรก็ตาม หลังจากวาดส่วนแรกจนเสร็จสิ้นและยกมือขึ้น โจวเหว่ยชิงก็สามารถหยุดพักได้ครู่หนึ่ง อย่างไรเสียพลังปราณสวรรค์ของอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ก็มีข้อจำกัดอยู่บ้าง นั่นก็คือในการขั้นตอนการสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์นั้น ผู้สร้างจะต้องอาศัยพลังปราณสวรรค์จำนวนมาก

เมื่อเห็นว่าความคิดของเขาได้ผล โจวเหว่ยชิงก็รู้สึกพอใจเป็นอย่างยิ่ง เขาจุ่มพู่กันลงในหมึกอีกครั้งจากนั้นก็แตะมันลงไปบนกระดาษบนส่วนที่ 2 เห็นได้ชัดว่าการควบคุมเวลาโดยใช้ทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์นั้นเข้ากันได้ดีเมื่อใช้ร่วมกับทักษะธาตุมิติ เมื่อใดก็ตามที่เขาพบปัญหาและไม่อาจจัดการกับจังหวะเวลาที่ถูกต้องได้ ทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์ก็จะช่วยให้เขาสามารถควบคุมจังหวะการลงฝีพู่กันได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ

แม้ว่าสิ่งนี้จะทำให้กระบวนการทำงานของเขาช้าลงมาก อีกทั้งยังเผาผลาญพลังปราณไปมหาศาล แต่อย่างน้อยก็ทำให้เขาเข้าใกล้ความสำเร็จไปทีละขั้น อนิจจา ม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ใบนี้ก็ต้องพบกับความล้มเหลวในตอนสุด ท้ายเช่นกัน เมื่อมาถึงส่วนสุดท้าย เนื่องจากโจวเหว่ยชิงตื่นเต้นเกินไปจนลืมคำนวณปริมาณพลังปราณสวรรค์ที่เขาต้องใช้ อีกทั้งเขาก็ยังเริ่มขยับพู่กันเร็วเกินไปทำให้เขาไม่สามารถใช้ทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์ในช่วงเวลาที่สำคัญได้ ด้วยเหตุนี้กระดาษศาสตรามณียุทธ์ทั้งแผ่นจึงถูกทำลายไปอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้รู้สึกโศกเศร้ากับการสูญเสียในครั้งนี้แม้แต่น้อย  โจวเหว่ยชิงเพียงจ้องมองไปยังแผ่นกระดาษใบที่เพิ่งเสียหายในมือของเขา จากนั้นก็เริ่มหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ครั้งแรกมักจะยากที่สุดเสมอ ความผิดหวังที่เกิดขึ้นอาจรุนแรงกว่าความพึงพอใจที่เขาได้รับ แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาก็มีประสบการณ์แล้ว…ฮ่าๆ

โจวเหว่ยชิงนั่งขัดสมาธิ เขาเพ่งสติไปที่หลุมดำพลังปราณทั้ง 11 แห่งของเขาเพื่อสั่งให้มันหมุนวนอย่างเต็มที่และฟื้นพลังปราณสวรรค์ของเขากลับคืนมา เมื่อพลังปราณของเขาฟื้นตัวเต็มที่แล้ว เขาก็เริ่มหยิบกระดาษแผ่นใหม่อีกครั้ง ครั้งนี้เขามีประสบการณ์แล้ว ยังไงเสียความล้มเหลวก็คือกุญแจของความสำเร็จ ครั้งนี้เขาจึงรู้สึกดีขึ้นกว่าเดิมมาก สำหรับปัญหาก่อนหน้านี้ เขารู้สึกว่าตนมีโอกาสสร้างม้วนคัมภีร์สำเร็จโดยไม่ต้องใช้ทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์ได้ 2 ใน 10 ส่วน

แน่นอนว่าความคิดของโจวเหว่ยชิงนั้นถูกต้อง การสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์นั้น ช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดคือครั้งแรก หากสามารถทำให้สำเร็จได้เพียงหนึ่งครั้ง คนๆ นั้นก็จะสามารถรับรู้และเข้าใจจังหวะเวลาที่เหมาะสมได้ง่ายขึ้น

อย่างไรก็ตาม เพื่อสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์แผ่นแรกของเขาให้สำเร็จ โจวเหว่ยชิงจึงไม่กล้าประมาทใดๆทั้งสิ้น เขาใช้ทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์ทุกครั้งเมื่อเจอปัญหา และเพื่อให้มั่นใจว่าพลังปราณของเขาเพียงพอ เขาจึงพักผ่อนอย่างเต็มที่เพื่อให้สามารถใช้ทักษะธาตุได้อย่างน้อย 3 ครั้ง

ในที่สุดฝีพู่กันสุดท้ายก็ถูกยกขึ้นจากกระดาษ บ่งบอกว่ากระบวนการทั้งหมดเสร็จอย่างสมบูรณ์แล้ว ขณะที่หมึกหลอมรวมกับกระดาษศาสตรามณียุทธ์ แสงสีเงินเจิดจ้าก็กระพริบระยิบระยับอยู่รอบๆ หมึกศาสตรามณียุทธ์ที่มีสีทองจางๆ ทันใดนั้นกระดาษทั้งแผ่นก็สว่างวาบขึ้นเป็นแสงสีทอง คลื่นพลังงานอ่อนๆ พลันปรากฏขึ้นราวกับว่ากระดาษศาสตรามณียุทธ์แผ่นนั้นมีชีวิตขึ้นมา

โจวเหว่ยชิงจ้องมองม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ที่เสร็จสมบูรณ์ตรงหน้าเขาด้วยสายตาว่างเปล่า สัมผัสได้ถึงความตื้นตันที่ผุดขึ้นมาในใจ ราวกับว่าเขาเพิ่งสร้างบางอย่างที่มีชีวิตขึ้นมา! โจวเหว่ยชิงรู้สึกราวกับว่าเขาเพิ่งมอบชีวิตให้กับกระดาษศาสตรามณียุทธ์แผ่นนั้นจนมันกลายเป็นม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์!

โจวเหว่ยชิงหยิบกระดาษศาสตรามณียุทธ์ขึ้นมาอีกแผ่นโดยไม่ลังเล เขาหายใจเข้าลึกๆ หลับตาและนึกถึงกระบวนการทั้งหมดที่เขาเพิ่งจะทำสำเร็จไปก่อนหน้า จากนั้นก็เริ่มกระบวนการนั้นใหม่อีกครั้ง

คราวนี้เขาใช้ความพยายามทั้งหมดของตนโดยไม่พึ่งพาทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์ในการลงพู่กันแต่ละส่วน เฉพาะจุดที่เขารู้สึกว่าไม่อาจผ่านไปได้จริงๆ เขาถึงจะใช้ทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์ แต่ถึงกระนั้นเขาก็สามารถสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ชิ้นที่ 2 นี้ได้สำเร็จโดยใช้ระยะเวลาเพียงครึ่งหนึ่งของครั้งก่อนหน้า!

เมื่อทำแผ่นที่ 2 สำเสร็จ โจวเหว่ยชิงก็เริ่มทำแผ่นที่ 3 จากนั้นก็ต่อด้วยแผ่นที่ 4 เขาเริ่มเชี่ยวชาญมากขึ้นในทุกๆครั้ง ที่สร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์สำเร็จ ยิ่งไปกว่านั้น ในทุกๆ ครั้ง ความเร็วของเขาก็จะเพิ่มขึ้นขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน หลังจากเขากลืนไข่มุกสีดำเข้าไป ประสาทสัมผัสของเขาก็แข็งแกร่งเกินกว่าคนทั่วไปมาก นั่นจึงเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในกระบวนการสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ ทันทีที่เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาก็สามารถใช้ทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์ควบคุมมันไว้ได้ทันที กระบวนการเหล่านี้ดำเนินต่อไปในช่วงที่เหลือของวัน นอกเหนือจาก 2-3 ครั้งแรกที่เขาทำล้มเหลวแล้ว ในช่วงเวลาต่อมาเขาก็สามารถสร้างม้วนคัมภีร์ได้มากกว่า 12 แผ่น

”เหว่ยน้อย ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว” เสียงของฮูเหยียนเอ้าป๋อดังออกมาจากข้างนอก แม้ว่าเขาจะพักผ่อนอยู่ แต่ห้องของเขาก็อยู่ใกล้มากพอที่จะได้ยินเสียงจากห้องของโจวเหว่ยชิง เมื่อได้ยินลูกศิษย์ของเขาฝึกฝนโดยไม่หยุดพัก เขาจึงรู้สึกพออกพอใจมาก

เมื่อฮูเหยียนเอ้าป๋อเปิดประตูเข้ามาในห้องและเห็นโจวเหว่ยชิงกำลังเงยหน้าขึ้นมองเขา ในชั่วพริบตานั้นฮูเหยียนเอ้าป๋อก็ตกตะลึงจนตาค้าง ดวงตาของโจวเหว่ยชิงเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ และใบหน้าของเขาซีดเซียวเป็นอย่างยิ่ง

“เหว่ยน้อย เจ้าไม่ได้หยุดพักเลยหรือ?” ฮูเหยียนเอ้าป๋อถามด้วยความห่วงใย แม้ว่าดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจและความสุขก็ตาม ในฐานะปรมาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ เขาย่อมรู้ดีว่าการที่จะประสบความสำเร็จได้นั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือความเพียรพยายาม โจวเหว่ยชิงเพิ่งเริ่มเรียนรู้วิธีสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์แต่เขากลับเริ่มหมกมุ่นอยู่กับมันแล้ว ในฐานะอาจารย์ เขารู้สึกภาคภูมิใจและพึงพอใจเป็นอย่างมาก

“ได้เวลาอาหารเย็นแล้วหรือ เวลาช่างผ่านไปเร็วจริงๆ!” โจวเหว่ยชิงพึมพำกับตัวเองขณะลุกขึ้นจากพื้น ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าโลกกำลังหมุน จากนั้นความมืดก็เริ่มมาเยือนสายตาของเขา ฉับพลันนั้นเขาก็สะดุดจนเอนไปด้านหลัง

ฮูเหยียนเอ้าป๋อประคองเขาไว้อย่างรวดเร็วและไหลเวียนพลังปราณสวรรค์บริสุทธิ์เข้าสู่ร่างกายของโจวเหว่ยชิง เขาคุ้นเคยกับสภาพเช่นนี้เป็นอย่างดี หากเขาเพ่งสมาธิมากเกินไปและใช้เรี่ยวแรงจนเกินขีดจำกัด เขาก็มักจะตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ฮูเหยียนเอ้าป๋อประคองโจวเหว่ยชิงนอนลงที่เดิมพร้อมกับบอกให้เขาพักผ่อนเพราะนั่นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

เขาสุ่มหยิบกระดาษศาสตรามณียุทธ์แผ่นหนึ่งที่โจวเหว่ยชิงทิ้งไว้เกลื่อนพื้นขึ้นมาดู หวังว่าจะได้เห็นความคืบหน้าของศิษย์รักของเขา แม้ว่าจะเป็นเรื่องปกติที่โจวเหว่ยชิงจะล้มเหลว แต่เขาก็ยังอยากเห็นว่าลูกศิษย์ของเขาทำสำเร็จไปมากแค่ไหน นี่เป็นการวัดพรสวรรค์แต่กำเนิดซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์

“หืม?” ทันทีที่กระดาษศาสตรามณียุทธ์อยู่ในมือของเขา ฮูเหยียนเอ้าป๋อก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาคุ้นเคยกับม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์มากเกินไป รู้จักพวกมันดีราวกับเป็นหลังมือของเขา คลื่นพลังคุ้นเคยที่แผ่ออกมาจากกระดาษแผ่นนั้นทำให้นิ้วของเขารู้สึกชา ดวงตาของเขาก็จ้องไปที่กระดาษในมืออย่างตกตะลึง และนั่นก็ส่งผลให้เขาเงียบไปครู่หนึ่ง

“อ๊าาาาาาาาาาาาาาา!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”

เฟิงหยูกำลังนั่งอยู่ในห้องพร้อมกับอาหารที่เตรียมจะกินสะดุ้งผุดลุกจากที่นั่งเพราะเสียงร้องแสดงความตกใจอย่างกะทันหันของฮูเหยียนเอ้าป๋อ เขารีบวิ่งตรงไปที่ห้องนั้นทันที “ตาแก่ฮูเหยียน เจ้าโหวกเหวกโวยวายทำไม??” เมื่อ   เฟิง หยูไปถึงห้องนั้นและเห็นว่าฮูเหยียนเอ้าป๋อไม่ได้เป็นอะไรเขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดด้วยความโกรธ “เป็นอะไรไปหา? เจ้าเห็นผีรึไง?”

ฮูเหยียนเอ้าป๋อพึมพำกับตัวเอง “นี่มันน่ากลัวกว่าผีอีก ดูนี่!!” ในขณะที่เขาพูดเช่นนั้น เขาก็ยัดม้วนคัมภีร์ใส่มือของเฟิงหยู

เฟิงหยูหยิบม้วนคัมภีร์ขึ้นมาตรวจสอบอย่างใกล้ชิดก่อนจะพูดด้วยท่าทีสบายๆ ว่า “นี่เป็นเพียงม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ระดับพื้นๆ เอง มีอะไรพิเศษหรือ? สร้างของแบบนี้ขึ้นมาแล้วยังมีหน้ามาโวยวายอีกหรือไง?”

ฮูเหยียนเอ้าป๋อมองเฟิงหยู จากนั้นก็หันกลับไปมองโจวเหว่ยชิง ไม่พูดอะไรออกมาอีก เฟิงหยูมองออกว่าใบหน้าของตาแก่คนนี้กำลังกระตุก ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักบางอย่างขึ้นมาได้ ดวงตาของเฟิงหยูเบิกกว้างขณะที่เขาอุทานออกมาว่า “เดี๋ยวนะ…เจ้าอย่าบอกข้านะว่า…ม้วนคัมภีร์นี้…ม้วนคัมภีร์…นี้…เขาสร้างขึ้นมา??!”

ฮูเหยียนเอ้าป๋อไม่ได้ตอบกลับเฟิงหยู เขารีบหยิบกระดาษศาสตรามณียุทธ์ที่วางกระจัดกระจายอยู่บนพื้นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เฟิงหยูเดินเข้าไปใกล้ๆ และเข้าร่วมกับฮูเหยียนเอ้าป๋อ คู่เพื่อนที่มีอายุรวมกันกว่า 100 ปีต่างก็กวาดสายตามองกระดาษศาสตรามณียุทธ์แผ่นแล้วแผ่นเล่าบนพื้น หลังจากทำเช่นนั้น สีหน้าของพวกเขาก็แปลกประหลาดมากขึ้นเรื่อยๆ

“นี่มัน…นี่มันเรื่องจริงรึเปล่า!?” ในที่สุด เมื่อพวกเขาเพ่งดูกระดาษศาสตรามณียุทธ์แผ่นสุดท้ายเสร็จแล้ว            ฮูเหยียนเอ้าป๋อก็แทบทรุดลงกับพื้น

เฟิงหยูพึมพำ “ถ้าเจ้าไม่ได้หลอกลวงข้า แล้วก็ไม่ได้สร้างมันขึ้นมาเอง มันก็คงจะของเรื่องจริงนั่นแหละ นอกจากเจ้าสองคนแล้ว จะมีอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์คนไหนอีก! ตาแก่ฮูเหยียน ข้าคิดว่าครั้งนี้เจ้าเก็บสมบัติมาได้จริงๆ!!!”

ภายใต้สถานการณ์ปกติ เมื่อฮูเหยียนเอ้าป๋อพบเรื่องที่น่าตื่นเต้นยินดีเขาจะหัวเราะออกมาดังๆ อย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับตอนที่เขาสร้างม้วนคัมภีร์ที่หายากจนสำเร็จ ทว่าคราวนี้เขากลับไม่อาจจะเปล่งเสียงหัวเราะออกมาได้แม้แต่คำเดียว ร่างกายของเขาพลันรู้สึกอ่อนเปลี้ยขึ้นมาทันที

“เกิดอะไรขึ้นกับข้า? ข้าปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว” ขณะนี้โจวเหว่ยชิงค่อยๆ ยันตัวเองขึ้นจากพื้น ในฐานะที่เขาเป็นจ้าวมณีสวรรค์ผู้กลืนไข่มุกสีดำเข้าไปในร่างกาย อัตราการฟื้นตัวของเขาจึงอยู่ในระดับ ‘อมนุษย์’ ก็ว่าได้

ชายชราทั้งสองพุ่งเข้ามาล้อมรอบตัวเขาทันที ฮูเหยียนเอ้าป๋อยื่นมือสั่นๆ ที่ถือม้วนคัมภีร์โบกต่อหน้าโจวเหว่ยชิงและพูดว่า “เหว่ยน้อย…เจ้าเป็นคนสร้างคัมภีร์พวกนี้หรือ? เจ้า…เจ้าทำสำเร็จงั้นหรือ?”

โจวเหว่ยชิงยิ้มกว้างและพูดว่า “ใช่แล้ว? ข้าทำสำเร็จ นั่นรู้สึกดีจริงๆ ราวกับว่าข้าได้มอบชีวิตให้กับกระดาษศาสตรามณียุทธ์พวกนี้ ข้าเกือบจะหลงมัวเมาไปกับความรู้สึกนั้นเลยทีเดียว! อ่าาาา ตอนนี้หัวของข้าปวดจริงๆ อาจารย์ ผู้อาวุโสเฟิงหยู หยุดจ้องข้าแบบนั้นจะได้ไหม! ข้ารู้ว่าข้าเป็นอัจฉริยะ แต่ตอนนี้อัจฉริยะผู้นี้หิวมาก!!!”

………………………

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+