Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา 67.2 ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ (2)

Now you are reading Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา Chapter 67.2 ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดังก้องไปทั่วบริเวณเมื่อกระบองของขี้เมาเป่าฟาดเข้าที่ร่างของสิงโตตัวเมียอย่างแรง เพราะบริเวณเปลือกตากำลังได้รับความเจ็บปวด สิงโตตัวนั้นจึงไม่อาจจะหลบการโจมตีของเขาได้ อีกทั้งยังไม่สามารถใช้พลังปราณป้องกันได้อย่างเหมาะสมและทันเวลา เมื่อเป็นเช่นนี้ ขี้เมาเป่าจึงสามารถฉวยโอกาสโจมตีจุดบอดของมันได้ ไม่ใช่ส่วนศีรษะที่แข็งจนเกินไป แต่เป็นจุดที่อยู่ระหว่างศีรษะและไหล่ เมื่อถูกกระบองฟาดเข้าใส่ สิงโตตัวนั้นก็กระเด็นขึ้นไปในอากาศทันที ร่างของมันหมุนคว้างไปรอบๆ และร่วงลงกระแทกพื้นอย่างแรง ทั้งยังเปรอะเปื้อนไปด้วยแสงสีทองจากตะบองชิ้นนั้น มันกลิ้งไปมาหลายตลบก่อนจะพยายามลุกขึ้นด้วยความยากลำบาก

ถึงอย่างไรขี้เมาเป่าก็เป็นจ้าวมณีสวรรค์ระดับปรมะขั้นกลาง ดังนั้นเขาจึงไม่ได้อ่อนแอไปกว่าสิงโตตัวเมียตัวนั้น เมื่อมันได้รับบาดเจ็บที่ดวงตา มันจึงเสียสมาธิและไม่สามารถป้องกันตัวเองได้ การโจมตีของขี้เมาเป่าจึงทำให้มันได้รับบาดเจ็บหนักถึงแม้มันจะมีผิวหนังที่แข็งแกร่งก็ตาม เห็นได้ชัดว่าถ้าเป็นอสูรสวรรค์ที่อ่อนแอและไม่มีผิวหนังแข็งแกร่งเช่นนี้ มันจะต้องตกตายเพราะการโจมตีดังกล่าวแน่นอน

ในขณะนี้ทุกคนกำลังตะลึงกับลูกศร 7 ดอกที่น่าทึ่งของซ่างกวนปิงเอ๋อร์เนื่องจากเธอเพิ่งแสดงให้พวกเขาเห็นว่าอัตราความเร็วในการยิงธนูของเธอมีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมอย่างไร

เท้าทั้งสองข้างยังคงวางอยู่บนพื้นอย่างมั่นคง เธอปักหลักอยู่ในตำแหน่งเดิมขณะที่ธนูวิญญาณมรกตส่งเส้นแสงสีเขียวพุ่งออกไปอย่างต่อเนื่องราวกับฟ้าแลบ เส้นแสงเหล่านั้นพุ่งทะยานเข้าหาดวงตาของสิงโตโลหิตเพลิงอย่างแม่นยำ ไม่ว่าพวกมันจะขยับหนีหรือหลบหลีกอย่างไร ลูกศรเหล่านั้นก็ดูเหมือนมีดวงตา สามารถไล่กวดพวกมันไปได้ทุกที่

หากมีเพียงแค่ธนูวิญญาณมรกต พลังโจมตีของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็อาจมีไม่มากพอ โดยเฉพาะตอนที่เธอมีมณี 3 ชุดเช่นนี้ แต่แม้พลังปราณสวรรค์ของเธอจะต่ำที่สุดในกลุ่ม เธอก็ยังสามารถทำสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ให้สำเร็จด้วยพลังของตัวเอง

อสูรสวรรค์ระดับปรมะขั้นกลางทั้ง 7 ตัวถูกเธอจัดการแต่เพียงผู้เดียว! นอกจากสิงโตตัวเดียวที่เธอจงใจปล่อยให้ขี้เมาเป่าจัดการก็ยังไม่มีสิงโตตัวไหนสามารถเข้าใกล้พวกเขาในระยะ 10 หลาได้อีก สิงโตโลหิตเพลิงทั้งหมดคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว แต่ถึงอย่างนั้นพวกมันก็ทำได้เพียงขยับตัวป้องกันดวงตาเอาไว้ แม้ลูกศรของเธอจะยังคงสามารถแทรกและบิดตัวผ่านแนวป้องกันของพวกมันเข้าสู่ดวงตาได้ในที่สุดก็ตาม

เนื่องจากการมองเห็นของพวกมันถูกจำกัดและต้องตกอยู่ภายใต้ห่าลูกศรที่ระดมยิงใส่อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าสิงโตโลหิตเพลิงเหล่านี้จะแข็งแกร่งแค่ไหน พวกมันก็ไม่สามารถปลดปล่อยพลังที่แท้จริงออกมาได้

ซ่างกวนปิงเอ๋อร์นำจุดอ่อนของพวกมันมาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ แม้จะไม่มีการโจมตีระยะไกลอื่นๆ เข้าช่วย พวกมันทั้งหมดก็ยังถูกซ่างกวนปิงเอ๋อร์ปราบลงได้ด้วยคนเดียว อย่างน้อยก็ยื้อเวลาเอาไว้ได้ช่วงสั้นๆ เช่นตอนนี้

ณ กลางอากาศ สี่น้อยทำได้เพียงจ้องมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างตกตะลึง ดวงตาเบิกกว้างและกรามก็แทบหล่นลงไปที่พื้น เขายังจำได้ว่าตนเองล้อเลียนโจวเหว่ยชิงอย่างไรในวันที่พวกเขาพบกันในโรงเรียนเจ้ามณี ในเวลานั้นซ่างกวนปิงเอ๋อร์ได้ก้าวออกมาเพื่อท้าเดิมพันกับเขาอย่างโกรธเกรี้ยว ตอนนี้เขารู้แล้วว่าแม้ว่าหนุ่มสาวคู่นี้จะมีระดับพลังปราณไม่สูงนัก แต่ทักษะการยิงธนูที่น่าเหลือเชื่อของพวกเขาก็ไม่ควรถูกมองข้ามเช่นกัน

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับห่าลูกศรเช่นนี้ แม้ว่าหลินเทียนอ้าวที่มีการป้องกันขั้นสุดยอดอาจปัดป้องออกไปได้อย่างง่ายดาย ส่วนอู่หยาที่มีกล้ามเนื้อและผิวหนังที่ทนทานก็อาจจะจัดการกับมันได้ง่ายๆ แต่พวกเขาที่เหลือล่ะ? แม้ว่าพวกเขาอาจมีระดับพลังปราณที่สูงกว่าซ่างกวนปิงเอ๋อร์และโจวเหว่ยชิง และบางทีก็อาจจะมีพลังแข็งแกร่งกว่าคนทั้งคู่ แต่ถ้าหากทุกคนต้องอยู่ห่างจากพวกเขาในระยะมากกว่า 50 หลา ใครจะกล้าบอกว่าตนสามารถบุกฝ่าเข้าไปถึงตัวคนทั้งคู่ได้

ทักษะการประเมินของหลินเทียนอ้าวนั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าสี่น้อย เขาสามารถอ่านสีหน้าและท่าทางของผู้อื่นได้ ท่าทางสงบนิ่งของซ่างกวนปิงเอ๋อร์และจังหวะเวลาของเธอนั้นไร้ที่ติ ทันทีที่เขาเห็นลูกศร 7 ดอกแรก เขาก็ตระหนักได้ทันทีว่าซ่างกวนปิงเอ๋อร์ต้องเคยอยู่ในสนามรบและเคยต่อสู้กับอสูรสวรรค์มาก่อน นี่เป็นเพียงครั้งแรกที่ทุกคนต่อสู้ร่วมกันเป็นกลุ่ม แต่เธอกลับสามารถสนับสนุนขี้เมาเป่าได้อย่างสมบูรณ์แบบ นี่ไม่ใช่เพียงนักธนูธรรมดาๆ ที่เชื่อมั่นในอัตราการยิงของตนเองเท่านั้น หากไม่พูดถึงพลังโจมตีที่ค่อนข้างอ่อนแอของเธอแล้ว การมีนักธนูคนนี้ในกลุ่มก็ถือเป็นพรอันยิ่งใหญ่จากสวรรค์อย่างไม่ต้องสงสัย!

ความจริงแล้วนี่เป็นเพียงส่วนเล็กๆ จากทักษะและพลังทั้งหมดของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ เพราะท้ายที่สุดแล้วพรสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอไม่ใช่แค่อัตราเร็วในการยิงธนูเท่านั้น แต่เป็นอัตราเร็วในการยิงขณะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงต่างหาก ถึงอย่างไรเธอก็เป็นจ้าวมณีสวรรค์ประเภทความว่องไวขั้นสุดยอด เมื่อพูดถึงความเร็ว แม้ว่าเธอจะบินไม่ได้ แต่ในแง่ของความเร็วในการเคลื่อนที่ แม้แต่สี่น้อยที่มีมณี 4 ชุดและบินได้ก็ไม่อาจเอาชนะเธอได้แน่นอน

หน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์คืออะไรงั้นหรือ? มันคือสำนักสวรรค์พิสดาร ในฐานะศิษย์ของหัวหน้าหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์อย่างหัวเฟิง ทักษะการยิงธนูของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ย่อมต้องดีเลิศกว่าโจวเหว่ยชิง

เดิมทีสำนักสวรรค์พิสดารไม่มีจ้าวมณีสวรรค์เลยแม้แต่คนเดียว แต่พวกเขาก็ยังสามารถลอบสังหารจ้าวมณีสวรรค์ที่ทรงพลังมากมายได้…พวกเขาทำได้อย่างไรน่ะหรือ? ด้วยทักษะการยิงธนูที่หลากหลายและคาดเดาไม่ได้ของพวกเขายังไงล่ะ! อาจกล่าวได้ว่าถ้าโจวเหว่ยชิงหรือซ่างกวนปิงเอ๋อร์ต้องเผชิญหน้ากับเพื่อนร่วมกลุ่มคนใดคนหนึ่งในระยะ 100 หลา นอกจากหลินเทียนอ้าวที่มีพลังป้องกันขั้นสุดยอดและเป็นขั้วตรงข้ามกับพวกเขาแล้ว คนอื่นๆย่อมไม่มีใครมีโอกาสเอาชนะพวกเขาได้อีกเลย แล้วถ้าเพื่อนร่วมกลุ่มคนอื่นมีมณีสวรรค์ 5 ชุดล่ะ? เมื่อเผชิญหน้ากับนักธนูผู้ทรงพลัง ใครจะกล้าพูดอย่างมั่นใจว่าพวกเขาสามารถป้องกันหรือหลบหลีกลูกศรทั้งหมดและฝ่าเข้าใกล้อีกฝ่ายได้?

เสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้งในขณะที่อู่หยาเริ่มลงมือตอบโต้ ร่างของเธอพุ่งออกไปเหมือนลูกปืนใหญ่ มุ่งเป้าไปที่สิงโตตัวหนึ่งที่ซ่างกวนปิงเอ๋อร์กำลังระดมยิงสกัดเอาไว้อยู่

ในเวลาเดียวกับที่อู่หยาขยับตัว เย่เป่าเปาและเซียวเอี๋ยนต่างก็ยกไม้คฑาขึ้นมาเช่นกัน

แสงสีฟ้าที่เจิดจ้าจนตาพร่ารวมตัวกันอยู่เหนือศีรษะของเย่เป่าเปาและกลายร่างเป็นหอกน้ำแข็งหนึ่งชิ้น ไม่นานนักหอกนี้ก็เริ่มหนาขึ้นเรื่อยๆ จนมีขนาดเท่าแขนมนุษย์

เย่เป่าเปาเป็นผู้ที่ภาคภูมิใจในความสามารถของตนเองมาโดยตลอด เมื่อตอนนี้ทั้งโจวเหว่ยชิงและซ่างกวนปิงเอ๋อร์ได้แสดงพลังของพวกเขาออกมาแล้ว ในฐานะผู้นำจากโรงเรียนทหารเฟยหลี่ เขาจะไม่พยายามแสดงพลังออกมาเพื่อต่อสู้ให้ดีที่สุดได้อย่างไร? ในการโจมตีครั้งนี้เขาได้ปลดปล่อยพลังปราณสวรรค์จำนวนมหาศาลออกมาด้วย ทั้งหมดนี้ก็เพื่อแสดงพลังมณี 4 ชุดของตนออกมาให้ทุกคนเห็น

ในขณะเดียวกัน เซียวเอี๋ยนก็เปิดฉากโจมตีร่วมกับเย่เป่าเปาด้วย แสงไฟพวยพุ่งออกมาจากไม้คฑาของเขา ก่อเกิดเป็นลูกไฟจำนวนมาก บอลอัคคีเป็นเพียงทักษะธาตุไฟระดับ 2 ดาว โดยปกติแล้วจ้าวมณีสวรรค์ธาตุไฟที่มีความสามารถและมีเงินเพียงพอก็มักจะไม่คิดกักเก็บทักษะดังกล่าว ทว่าตัวเซียวเอี๋ยนกลับทำตัวต่อต้านค่านิยม เพราะในขณะที่คนอื่นๆอาจสร้างบอลอัคคีได้เพียงลูกเดียว เขาสามารถยิงออกไปได้ 9 ลูกได้ในครั้งเดียว! นี่ไม่ใช่บอลอัคคีธรรมดาๆ แต่เป็นบอลอัคคีที่ได้รับการพัฒนาขึ้นจนกลายเป็นทักษะระดับ 5 ดาว เรียกว่าทักษะบอลอัคคีผสาน ถึงกระนั้น ทักษะระดับ 5 ดาวก็ถือว่าเป็นเพียงทักษะระดับทั่วๆไป เพราะหอกน้ำแข็งของเย่เป่าเปานั้นมีพลังโจมตีถึงระดับ 8 ดาว! ในฐานะลูกชายของเสนาบดี ทุกคนย่อมรู้ชัดอยู่แล้วว่าเขาไม่ได้ขัดสนเงินทองอะไร

ทว่าพลังของเซียวเอี๋ยนจะเรียบง่ายเช่นนี้เองหรือ? ในไม่ช้า สายตาของเย่เป่าเปาก็ต้องเปลี่ยนไปเพราะความตกตะลึง

บอลอัคคีทั้ง 9 ลูกทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า แต่กลับไม่ได้พุ่งตรงไปที่สิงโตโลหิตเพลิง เพราะขณะที่พวกมันโผทะยานขึ้นไปในอากาศ บอลอัคคีลูกแรกก็หยุดชะงัก จากนั้นลูกที่สองก็พุ่งเข้าใส่บอลอัคคีลูกแรกทันที ไม่นานบอลอัคคีลูกต่อๆ มาก็ชนเข้ากับลูกแรกซ้ำไปเรื่อยๆ ไม่นานบอลอัคคีทั้ง 9 ลูกก็ผสานรวมกันจนครบ เปลวไฟสีเหลืองดั้งเดิมพลันหลอมรวมเข้าด้วยกันจนกลายเป็นสีแดงเพลิงที่ดูมีเสน่ห์น่าหลงใหล มันไม่รอช้า รีบพุ่งตรงเข้าหาสิงโตตัวเมียและเกิดระเบิดครั้งใหญ่ขึ้นทันที แม้สิงโตโลหิตเพลิงจะมีร่างกายที่แข็งแกร่งและทนทาน แต่เมื่อถูกโจมตีด้วยบอลอัคคีขนาดมหึมา ร่างของมันจึงกระเด็นไปข้างหลังเกือบ 10 ฟุต แรงระเบิดยังทำให้ร่างของมันปริแยกออกจากกัน เผยให้เห็นกระดูกสีขาวซีดอยู่ข้างใต้ผิวหนัง แน่นอนว่าหลังจากนี้มันย่อมไม่อาจจะมีชีวิตอยู่ต่อได้แล้ว

ควรรู้ว่าสิงโตโลหิตเพลิงก็เป็นอสูรทักษะธาตุไฟเช่นกัน ด้วยเหตุนี้มันจึงสามารถต้านทานพลังธาตุไฟได้ตามธรรมชาติ ทว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เซียวเอี๋ยนกลับยังสามารถสังหารผู้ที่มีพลังอยู่ในระดับเดียวกันกับตัวเองได้ จากสิ่งนี้ทุกคนย่อมบอกได้ว่าบอลอัคคีผสานทั้ง 9 ลูกของเขาทรงพลังเพียงใด เช่นนี้จะนำทักษะของเขาไปเทียบกับทักษะบอลอัคคีผสานแบบปกติได้อย่างไร!

เย่เป่าเปาประหนักได้อย่างรวดเร็วว่าถ้าเป็นเขาที่เผชิญหน้ากับเซียวเอี๋ยนแทนสิงโตตัวนั้น แค่ทักษะบอลอัคคีผสานเพียงอย่างเดียว เขาอาจจะถูกทำลายกลายเป็นเศษเล็กน้อยก่อนที่จะทันได้เคลื่อนไหวร่างกายด้วยซ้ำ

ความแตกต่าง…นี่คือความแตกต่างระหว่างพวกเขาอย่างแท้จริง เย่เป่าเปาคิดกับตัวเองในขณะที่เขาเริ่มเปิดการโจมตีบ้าง ทว่าน่าเสียดายที่การโจมตีของเขากลับไม่ได้ให้ผลเช่นเดียวกับเซียวเอี๋ยน

เมื่อเห็นว่าสิงโตตัวหนึ่งในฝูงถูกฆ่าตาย สิงโตจ่าฝูงก็รู้สึกโกรธมาก ร่างกายใหญ่โตของมันทะยานขึ้นไปในอากาศ ปราการไฟรอบๆตัวพลันลุกโชนขึ้นอย่างดุเดือด ทำให้ร่างของมันดูคล้ายกับลูกไฟขนาดใหญ่ที่กำลังพุ่งออกไปกลางอากาศ

หอกน้ำแข็งของเย่เป่าเปาพุ่งเป้าไปที่สิงโตอีกตัวหนึ่ง แต่การโจมตีของเขากลับถูกขัดขวางโดยสิงโตจ่าฝูงที่กำลังโมโหจัด เพียงพริบตาเดียว หอกของเขาก็พลันหลอมละลายในปราการไฟที่ร้อนระอุของมัน

ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็โจมตีมันในเวลาเดียวกัน ด้วยอัตราความเร็วในการยิงของเธอ เธอก็น่าจะสามารถจัดการสิงโตอีกตัวลงได้ แต่ทว่าก่อนที่ลูกศรจะไปถึงร่างของสิงโตตัวนั้น มันกลับต้องมีชะตากรรมเดียวกันกับหอกน้ำแข็งที่หลอม ละลายไปก่อนหน้าเพราะเปลวไฟของสิงโตจ่าฝูง ในฐานะอสูรสวรรค์ระดับเทวะขั้นแรก สิงโตโลหิตเพลิงตัวผู้ย่อมมีพลังมากกว่าสิงโตตัวเมียมาก ดังนั้นลูกศรธรรมดาๆ จึงไม่อาจฝ่าปราการไฟที่ป้องกันร่างของมันเอาไว้ได้

ในขณะที่สิงโตโลหิตเพลิงกระโจนออกมาข้างหน้า มันก็ไม่ได้ทำเพียงแค่ขัดขวางหอกน้ำแข็ง แต่ยังเปิดการโจมตีอีกด้วย เป้าหมายของมันไม่ใช่หลินเทียนอ้าวที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม แต่กลับเป็นอู่หยา เพราะในขณะที่เซียวเอี๋ยนลงมือฆ่าสิงโตตัวเมียด้วยบอลอัคคีของเขา ฝั่งอู่หยาเองก็เริ่มลงมือเช่นกัน แม้ว่าเธอจะเป็นจ้าวมณีสวรรค์ที่มีมณียุทธ์ประเภทความแข็งแกร่ง แต่ความเร็วของเธอก็ไม่ได้ถือว่าด้อย เธอรีบพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เมื่อต้องต่อสู้กับสิงโตที่แทบจะลืมตาไม่ขึ้น เธอจะยอมพลาดโอกาสดีๆเช่นนี้ได้อย่างไร? สมาชิกเผ่าอีกาทองเกิดมาเพื่อเป็นนักรบและต้องเผชิญหน้ากับอสูรสวรรค์มากมายตั้งแต่อายุยังน้อย ขวานรบขนาดใหญ่ในมือของเธอพลันเปล่งประกายด้วยแสงสีทองเข้ม เธอพุ่งไปข้างหน้าและตวัดขวานลงไปทันที ในพริบตาต่อมาสิงโตตัวเมียก็ถูกสับกลายเป็นสองท่อนแล้ว

อย่างไรก็ตาม การโจมตีนั้นทำให้สิงโตจ่าฝูงเริ่มเปิดฉากกระโจนเข้าใส่เธอ มันพุ่งเข้าหาอู่หยาด้วยความโกรธ โชคดีที่เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนั้น หลินเทียนอ้าวก็เริ่มลงมือเช่นกัน เขาไม่ได้เคลื่อนที่เร็วมาก แต่พยายามเคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงที่เพื่อสกัดกั้นตัวจ่าฝูง ณ จุดที่มันจะเข้าโจมตีอู่หยา

ในขณะที่สิงโตจ่าฝูงอยู่ห่างจากอู่หยาเพียง 5 หลา หลินเทียนอ้าวก็สามารถแทรกตัวเข้าไปสกัดกั้นมันได้ทัน เกิดเสียงกระแทกดังลั่นสนั่นหวั่นไหวในวินาทีที่โล่ของเขาปะทะเข้ากับสีข้างของมัน

แน่นอนว่าเขาโจมตีมันไม่สำเร็จ แม้จะอยู่กลางอากาศ แต่สิงโตโลหิตเพลิงก็สามารถรับรู้ถึงอันตรายที่กำลังเข้าใกล้ได้ มันจึงใช้กรงเล็บของมันพลิกตัวหลบกลางอากาศทันที

อนิจจา แม้ว่าปฏิกิริยาตอบสนองของมันจะว่องไวมาก แต่เมื่อเผชิญหน้ากับหลินเทียนอ้าว ผลลัพธ์ก็ยังไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้

ทันทีที่หลินเทียนอ้าวปรากฏตัวขึ้น โล่ในมือของเขาก็หลอมรวมกันกลายเป็นชุดประสานศาสตรามณียุทธ์ 5 ชิ้นทันที เมื่อเผชิญหน้ากับอสูรสวรรค์ระดับเทวะ เขารู้ว่าตนไม่สามารถดูแคลนความสามารถของมันได้ เขาจึงต้องรวมรวมและใช้พลังทั้งหมดที่มีเพื่อกำจัดมันเท่านั้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา 67.2 ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ (2)

Now you are reading Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา Chapter 67.2 ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดังก้องไปทั่วบริเวณเมื่อกระบองของขี้เมาเป่าฟาดเข้าที่ร่างของสิงโตตัวเมียอย่างแรง เพราะบริเวณเปลือกตากำลังได้รับความเจ็บปวด สิงโตตัวนั้นจึงไม่อาจจะหลบการโจมตีของเขาได้ อีกทั้งยังไม่สามารถใช้พลังปราณป้องกันได้อย่างเหมาะสมและทันเวลา เมื่อเป็นเช่นนี้ ขี้เมาเป่าจึงสามารถฉวยโอกาสโจมตีจุดบอดของมันได้ ไม่ใช่ส่วนศีรษะที่แข็งจนเกินไป แต่เป็นจุดที่อยู่ระหว่างศีรษะและไหล่ เมื่อถูกกระบองฟาดเข้าใส่ สิงโตตัวนั้นก็กระเด็นขึ้นไปในอากาศทันที ร่างของมันหมุนคว้างไปรอบๆ และร่วงลงกระแทกพื้นอย่างแรง ทั้งยังเปรอะเปื้อนไปด้วยแสงสีทองจากตะบองชิ้นนั้น มันกลิ้งไปมาหลายตลบก่อนจะพยายามลุกขึ้นด้วยความยากลำบาก

ถึงอย่างไรขี้เมาเป่าก็เป็นจ้าวมณีสวรรค์ระดับปรมะขั้นกลาง ดังนั้นเขาจึงไม่ได้อ่อนแอไปกว่าสิงโตตัวเมียตัวนั้น เมื่อมันได้รับบาดเจ็บที่ดวงตา มันจึงเสียสมาธิและไม่สามารถป้องกันตัวเองได้ การโจมตีของขี้เมาเป่าจึงทำให้มันได้รับบาดเจ็บหนักถึงแม้มันจะมีผิวหนังที่แข็งแกร่งก็ตาม เห็นได้ชัดว่าถ้าเป็นอสูรสวรรค์ที่อ่อนแอและไม่มีผิวหนังแข็งแกร่งเช่นนี้ มันจะต้องตกตายเพราะการโจมตีดังกล่าวแน่นอน

ในขณะนี้ทุกคนกำลังตะลึงกับลูกศร 7 ดอกที่น่าทึ่งของซ่างกวนปิงเอ๋อร์เนื่องจากเธอเพิ่งแสดงให้พวกเขาเห็นว่าอัตราความเร็วในการยิงธนูของเธอมีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมอย่างไร

เท้าทั้งสองข้างยังคงวางอยู่บนพื้นอย่างมั่นคง เธอปักหลักอยู่ในตำแหน่งเดิมขณะที่ธนูวิญญาณมรกตส่งเส้นแสงสีเขียวพุ่งออกไปอย่างต่อเนื่องราวกับฟ้าแลบ เส้นแสงเหล่านั้นพุ่งทะยานเข้าหาดวงตาของสิงโตโลหิตเพลิงอย่างแม่นยำ ไม่ว่าพวกมันจะขยับหนีหรือหลบหลีกอย่างไร ลูกศรเหล่านั้นก็ดูเหมือนมีดวงตา สามารถไล่กวดพวกมันไปได้ทุกที่

หากมีเพียงแค่ธนูวิญญาณมรกต พลังโจมตีของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็อาจมีไม่มากพอ โดยเฉพาะตอนที่เธอมีมณี 3 ชุดเช่นนี้ แต่แม้พลังปราณสวรรค์ของเธอจะต่ำที่สุดในกลุ่ม เธอก็ยังสามารถทำสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ให้สำเร็จด้วยพลังของตัวเอง

อสูรสวรรค์ระดับปรมะขั้นกลางทั้ง 7 ตัวถูกเธอจัดการแต่เพียงผู้เดียว! นอกจากสิงโตตัวเดียวที่เธอจงใจปล่อยให้ขี้เมาเป่าจัดการก็ยังไม่มีสิงโตตัวไหนสามารถเข้าใกล้พวกเขาในระยะ 10 หลาได้อีก สิงโตโลหิตเพลิงทั้งหมดคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว แต่ถึงอย่างนั้นพวกมันก็ทำได้เพียงขยับตัวป้องกันดวงตาเอาไว้ แม้ลูกศรของเธอจะยังคงสามารถแทรกและบิดตัวผ่านแนวป้องกันของพวกมันเข้าสู่ดวงตาได้ในที่สุดก็ตาม

เนื่องจากการมองเห็นของพวกมันถูกจำกัดและต้องตกอยู่ภายใต้ห่าลูกศรที่ระดมยิงใส่อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าสิงโตโลหิตเพลิงเหล่านี้จะแข็งแกร่งแค่ไหน พวกมันก็ไม่สามารถปลดปล่อยพลังที่แท้จริงออกมาได้

ซ่างกวนปิงเอ๋อร์นำจุดอ่อนของพวกมันมาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ แม้จะไม่มีการโจมตีระยะไกลอื่นๆ เข้าช่วย พวกมันทั้งหมดก็ยังถูกซ่างกวนปิงเอ๋อร์ปราบลงได้ด้วยคนเดียว อย่างน้อยก็ยื้อเวลาเอาไว้ได้ช่วงสั้นๆ เช่นตอนนี้

ณ กลางอากาศ สี่น้อยทำได้เพียงจ้องมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างตกตะลึง ดวงตาเบิกกว้างและกรามก็แทบหล่นลงไปที่พื้น เขายังจำได้ว่าตนเองล้อเลียนโจวเหว่ยชิงอย่างไรในวันที่พวกเขาพบกันในโรงเรียนเจ้ามณี ในเวลานั้นซ่างกวนปิงเอ๋อร์ได้ก้าวออกมาเพื่อท้าเดิมพันกับเขาอย่างโกรธเกรี้ยว ตอนนี้เขารู้แล้วว่าแม้ว่าหนุ่มสาวคู่นี้จะมีระดับพลังปราณไม่สูงนัก แต่ทักษะการยิงธนูที่น่าเหลือเชื่อของพวกเขาก็ไม่ควรถูกมองข้ามเช่นกัน

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับห่าลูกศรเช่นนี้ แม้ว่าหลินเทียนอ้าวที่มีการป้องกันขั้นสุดยอดอาจปัดป้องออกไปได้อย่างง่ายดาย ส่วนอู่หยาที่มีกล้ามเนื้อและผิวหนังที่ทนทานก็อาจจะจัดการกับมันได้ง่ายๆ แต่พวกเขาที่เหลือล่ะ? แม้ว่าพวกเขาอาจมีระดับพลังปราณที่สูงกว่าซ่างกวนปิงเอ๋อร์และโจวเหว่ยชิง และบางทีก็อาจจะมีพลังแข็งแกร่งกว่าคนทั้งคู่ แต่ถ้าหากทุกคนต้องอยู่ห่างจากพวกเขาในระยะมากกว่า 50 หลา ใครจะกล้าบอกว่าตนสามารถบุกฝ่าเข้าไปถึงตัวคนทั้งคู่ได้

ทักษะการประเมินของหลินเทียนอ้าวนั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าสี่น้อย เขาสามารถอ่านสีหน้าและท่าทางของผู้อื่นได้ ท่าทางสงบนิ่งของซ่างกวนปิงเอ๋อร์และจังหวะเวลาของเธอนั้นไร้ที่ติ ทันทีที่เขาเห็นลูกศร 7 ดอกแรก เขาก็ตระหนักได้ทันทีว่าซ่างกวนปิงเอ๋อร์ต้องเคยอยู่ในสนามรบและเคยต่อสู้กับอสูรสวรรค์มาก่อน นี่เป็นเพียงครั้งแรกที่ทุกคนต่อสู้ร่วมกันเป็นกลุ่ม แต่เธอกลับสามารถสนับสนุนขี้เมาเป่าได้อย่างสมบูรณ์แบบ นี่ไม่ใช่เพียงนักธนูธรรมดาๆ ที่เชื่อมั่นในอัตราการยิงของตนเองเท่านั้น หากไม่พูดถึงพลังโจมตีที่ค่อนข้างอ่อนแอของเธอแล้ว การมีนักธนูคนนี้ในกลุ่มก็ถือเป็นพรอันยิ่งใหญ่จากสวรรค์อย่างไม่ต้องสงสัย!

ความจริงแล้วนี่เป็นเพียงส่วนเล็กๆ จากทักษะและพลังทั้งหมดของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ เพราะท้ายที่สุดแล้วพรสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอไม่ใช่แค่อัตราเร็วในการยิงธนูเท่านั้น แต่เป็นอัตราเร็วในการยิงขณะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงต่างหาก ถึงอย่างไรเธอก็เป็นจ้าวมณีสวรรค์ประเภทความว่องไวขั้นสุดยอด เมื่อพูดถึงความเร็ว แม้ว่าเธอจะบินไม่ได้ แต่ในแง่ของความเร็วในการเคลื่อนที่ แม้แต่สี่น้อยที่มีมณี 4 ชุดและบินได้ก็ไม่อาจเอาชนะเธอได้แน่นอน

หน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์คืออะไรงั้นหรือ? มันคือสำนักสวรรค์พิสดาร ในฐานะศิษย์ของหัวหน้าหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์อย่างหัวเฟิง ทักษะการยิงธนูของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ย่อมต้องดีเลิศกว่าโจวเหว่ยชิง

เดิมทีสำนักสวรรค์พิสดารไม่มีจ้าวมณีสวรรค์เลยแม้แต่คนเดียว แต่พวกเขาก็ยังสามารถลอบสังหารจ้าวมณีสวรรค์ที่ทรงพลังมากมายได้…พวกเขาทำได้อย่างไรน่ะหรือ? ด้วยทักษะการยิงธนูที่หลากหลายและคาดเดาไม่ได้ของพวกเขายังไงล่ะ! อาจกล่าวได้ว่าถ้าโจวเหว่ยชิงหรือซ่างกวนปิงเอ๋อร์ต้องเผชิญหน้ากับเพื่อนร่วมกลุ่มคนใดคนหนึ่งในระยะ 100 หลา นอกจากหลินเทียนอ้าวที่มีพลังป้องกันขั้นสุดยอดและเป็นขั้วตรงข้ามกับพวกเขาแล้ว คนอื่นๆย่อมไม่มีใครมีโอกาสเอาชนะพวกเขาได้อีกเลย แล้วถ้าเพื่อนร่วมกลุ่มคนอื่นมีมณีสวรรค์ 5 ชุดล่ะ? เมื่อเผชิญหน้ากับนักธนูผู้ทรงพลัง ใครจะกล้าพูดอย่างมั่นใจว่าพวกเขาสามารถป้องกันหรือหลบหลีกลูกศรทั้งหมดและฝ่าเข้าใกล้อีกฝ่ายได้?

เสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้งในขณะที่อู่หยาเริ่มลงมือตอบโต้ ร่างของเธอพุ่งออกไปเหมือนลูกปืนใหญ่ มุ่งเป้าไปที่สิงโตตัวหนึ่งที่ซ่างกวนปิงเอ๋อร์กำลังระดมยิงสกัดเอาไว้อยู่

ในเวลาเดียวกับที่อู่หยาขยับตัว เย่เป่าเปาและเซียวเอี๋ยนต่างก็ยกไม้คฑาขึ้นมาเช่นกัน

แสงสีฟ้าที่เจิดจ้าจนตาพร่ารวมตัวกันอยู่เหนือศีรษะของเย่เป่าเปาและกลายร่างเป็นหอกน้ำแข็งหนึ่งชิ้น ไม่นานนักหอกนี้ก็เริ่มหนาขึ้นเรื่อยๆ จนมีขนาดเท่าแขนมนุษย์

เย่เป่าเปาเป็นผู้ที่ภาคภูมิใจในความสามารถของตนเองมาโดยตลอด เมื่อตอนนี้ทั้งโจวเหว่ยชิงและซ่างกวนปิงเอ๋อร์ได้แสดงพลังของพวกเขาออกมาแล้ว ในฐานะผู้นำจากโรงเรียนทหารเฟยหลี่ เขาจะไม่พยายามแสดงพลังออกมาเพื่อต่อสู้ให้ดีที่สุดได้อย่างไร? ในการโจมตีครั้งนี้เขาได้ปลดปล่อยพลังปราณสวรรค์จำนวนมหาศาลออกมาด้วย ทั้งหมดนี้ก็เพื่อแสดงพลังมณี 4 ชุดของตนออกมาให้ทุกคนเห็น

ในขณะเดียวกัน เซียวเอี๋ยนก็เปิดฉากโจมตีร่วมกับเย่เป่าเปาด้วย แสงไฟพวยพุ่งออกมาจากไม้คฑาของเขา ก่อเกิดเป็นลูกไฟจำนวนมาก บอลอัคคีเป็นเพียงทักษะธาตุไฟระดับ 2 ดาว โดยปกติแล้วจ้าวมณีสวรรค์ธาตุไฟที่มีความสามารถและมีเงินเพียงพอก็มักจะไม่คิดกักเก็บทักษะดังกล่าว ทว่าตัวเซียวเอี๋ยนกลับทำตัวต่อต้านค่านิยม เพราะในขณะที่คนอื่นๆอาจสร้างบอลอัคคีได้เพียงลูกเดียว เขาสามารถยิงออกไปได้ 9 ลูกได้ในครั้งเดียว! นี่ไม่ใช่บอลอัคคีธรรมดาๆ แต่เป็นบอลอัคคีที่ได้รับการพัฒนาขึ้นจนกลายเป็นทักษะระดับ 5 ดาว เรียกว่าทักษะบอลอัคคีผสาน ถึงกระนั้น ทักษะระดับ 5 ดาวก็ถือว่าเป็นเพียงทักษะระดับทั่วๆไป เพราะหอกน้ำแข็งของเย่เป่าเปานั้นมีพลังโจมตีถึงระดับ 8 ดาว! ในฐานะลูกชายของเสนาบดี ทุกคนย่อมรู้ชัดอยู่แล้วว่าเขาไม่ได้ขัดสนเงินทองอะไร

ทว่าพลังของเซียวเอี๋ยนจะเรียบง่ายเช่นนี้เองหรือ? ในไม่ช้า สายตาของเย่เป่าเปาก็ต้องเปลี่ยนไปเพราะความตกตะลึง

บอลอัคคีทั้ง 9 ลูกทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า แต่กลับไม่ได้พุ่งตรงไปที่สิงโตโลหิตเพลิง เพราะขณะที่พวกมันโผทะยานขึ้นไปในอากาศ บอลอัคคีลูกแรกก็หยุดชะงัก จากนั้นลูกที่สองก็พุ่งเข้าใส่บอลอัคคีลูกแรกทันที ไม่นานบอลอัคคีลูกต่อๆ มาก็ชนเข้ากับลูกแรกซ้ำไปเรื่อยๆ ไม่นานบอลอัคคีทั้ง 9 ลูกก็ผสานรวมกันจนครบ เปลวไฟสีเหลืองดั้งเดิมพลันหลอมรวมเข้าด้วยกันจนกลายเป็นสีแดงเพลิงที่ดูมีเสน่ห์น่าหลงใหล มันไม่รอช้า รีบพุ่งตรงเข้าหาสิงโตตัวเมียและเกิดระเบิดครั้งใหญ่ขึ้นทันที แม้สิงโตโลหิตเพลิงจะมีร่างกายที่แข็งแกร่งและทนทาน แต่เมื่อถูกโจมตีด้วยบอลอัคคีขนาดมหึมา ร่างของมันจึงกระเด็นไปข้างหลังเกือบ 10 ฟุต แรงระเบิดยังทำให้ร่างของมันปริแยกออกจากกัน เผยให้เห็นกระดูกสีขาวซีดอยู่ข้างใต้ผิวหนัง แน่นอนว่าหลังจากนี้มันย่อมไม่อาจจะมีชีวิตอยู่ต่อได้แล้ว

ควรรู้ว่าสิงโตโลหิตเพลิงก็เป็นอสูรทักษะธาตุไฟเช่นกัน ด้วยเหตุนี้มันจึงสามารถต้านทานพลังธาตุไฟได้ตามธรรมชาติ ทว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เซียวเอี๋ยนกลับยังสามารถสังหารผู้ที่มีพลังอยู่ในระดับเดียวกันกับตัวเองได้ จากสิ่งนี้ทุกคนย่อมบอกได้ว่าบอลอัคคีผสานทั้ง 9 ลูกของเขาทรงพลังเพียงใด เช่นนี้จะนำทักษะของเขาไปเทียบกับทักษะบอลอัคคีผสานแบบปกติได้อย่างไร!

เย่เป่าเปาประหนักได้อย่างรวดเร็วว่าถ้าเป็นเขาที่เผชิญหน้ากับเซียวเอี๋ยนแทนสิงโตตัวนั้น แค่ทักษะบอลอัคคีผสานเพียงอย่างเดียว เขาอาจจะถูกทำลายกลายเป็นเศษเล็กน้อยก่อนที่จะทันได้เคลื่อนไหวร่างกายด้วยซ้ำ

ความแตกต่าง…นี่คือความแตกต่างระหว่างพวกเขาอย่างแท้จริง เย่เป่าเปาคิดกับตัวเองในขณะที่เขาเริ่มเปิดการโจมตีบ้าง ทว่าน่าเสียดายที่การโจมตีของเขากลับไม่ได้ให้ผลเช่นเดียวกับเซียวเอี๋ยน

เมื่อเห็นว่าสิงโตตัวหนึ่งในฝูงถูกฆ่าตาย สิงโตจ่าฝูงก็รู้สึกโกรธมาก ร่างกายใหญ่โตของมันทะยานขึ้นไปในอากาศ ปราการไฟรอบๆตัวพลันลุกโชนขึ้นอย่างดุเดือด ทำให้ร่างของมันดูคล้ายกับลูกไฟขนาดใหญ่ที่กำลังพุ่งออกไปกลางอากาศ

หอกน้ำแข็งของเย่เป่าเปาพุ่งเป้าไปที่สิงโตอีกตัวหนึ่ง แต่การโจมตีของเขากลับถูกขัดขวางโดยสิงโตจ่าฝูงที่กำลังโมโหจัด เพียงพริบตาเดียว หอกของเขาก็พลันหลอมละลายในปราการไฟที่ร้อนระอุของมัน

ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็โจมตีมันในเวลาเดียวกัน ด้วยอัตราความเร็วในการยิงของเธอ เธอก็น่าจะสามารถจัดการสิงโตอีกตัวลงได้ แต่ทว่าก่อนที่ลูกศรจะไปถึงร่างของสิงโตตัวนั้น มันกลับต้องมีชะตากรรมเดียวกันกับหอกน้ำแข็งที่หลอม ละลายไปก่อนหน้าเพราะเปลวไฟของสิงโตจ่าฝูง ในฐานะอสูรสวรรค์ระดับเทวะขั้นแรก สิงโตโลหิตเพลิงตัวผู้ย่อมมีพลังมากกว่าสิงโตตัวเมียมาก ดังนั้นลูกศรธรรมดาๆ จึงไม่อาจฝ่าปราการไฟที่ป้องกันร่างของมันเอาไว้ได้

ในขณะที่สิงโตโลหิตเพลิงกระโจนออกมาข้างหน้า มันก็ไม่ได้ทำเพียงแค่ขัดขวางหอกน้ำแข็ง แต่ยังเปิดการโจมตีอีกด้วย เป้าหมายของมันไม่ใช่หลินเทียนอ้าวที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม แต่กลับเป็นอู่หยา เพราะในขณะที่เซียวเอี๋ยนลงมือฆ่าสิงโตตัวเมียด้วยบอลอัคคีของเขา ฝั่งอู่หยาเองก็เริ่มลงมือเช่นกัน แม้ว่าเธอจะเป็นจ้าวมณีสวรรค์ที่มีมณียุทธ์ประเภทความแข็งแกร่ง แต่ความเร็วของเธอก็ไม่ได้ถือว่าด้อย เธอรีบพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เมื่อต้องต่อสู้กับสิงโตที่แทบจะลืมตาไม่ขึ้น เธอจะยอมพลาดโอกาสดีๆเช่นนี้ได้อย่างไร? สมาชิกเผ่าอีกาทองเกิดมาเพื่อเป็นนักรบและต้องเผชิญหน้ากับอสูรสวรรค์มากมายตั้งแต่อายุยังน้อย ขวานรบขนาดใหญ่ในมือของเธอพลันเปล่งประกายด้วยแสงสีทองเข้ม เธอพุ่งไปข้างหน้าและตวัดขวานลงไปทันที ในพริบตาต่อมาสิงโตตัวเมียก็ถูกสับกลายเป็นสองท่อนแล้ว

อย่างไรก็ตาม การโจมตีนั้นทำให้สิงโตจ่าฝูงเริ่มเปิดฉากกระโจนเข้าใส่เธอ มันพุ่งเข้าหาอู่หยาด้วยความโกรธ โชคดีที่เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนั้น หลินเทียนอ้าวก็เริ่มลงมือเช่นกัน เขาไม่ได้เคลื่อนที่เร็วมาก แต่พยายามเคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงที่เพื่อสกัดกั้นตัวจ่าฝูง ณ จุดที่มันจะเข้าโจมตีอู่หยา

ในขณะที่สิงโตจ่าฝูงอยู่ห่างจากอู่หยาเพียง 5 หลา หลินเทียนอ้าวก็สามารถแทรกตัวเข้าไปสกัดกั้นมันได้ทัน เกิดเสียงกระแทกดังลั่นสนั่นหวั่นไหวในวินาทีที่โล่ของเขาปะทะเข้ากับสีข้างของมัน

แน่นอนว่าเขาโจมตีมันไม่สำเร็จ แม้จะอยู่กลางอากาศ แต่สิงโตโลหิตเพลิงก็สามารถรับรู้ถึงอันตรายที่กำลังเข้าใกล้ได้ มันจึงใช้กรงเล็บของมันพลิกตัวหลบกลางอากาศทันที

อนิจจา แม้ว่าปฏิกิริยาตอบสนองของมันจะว่องไวมาก แต่เมื่อเผชิญหน้ากับหลินเทียนอ้าว ผลลัพธ์ก็ยังไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้

ทันทีที่หลินเทียนอ้าวปรากฏตัวขึ้น โล่ในมือของเขาก็หลอมรวมกันกลายเป็นชุดประสานศาสตรามณียุทธ์ 5 ชิ้นทันที เมื่อเผชิญหน้ากับอสูรสวรรค์ระดับเทวะ เขารู้ว่าตนไม่สามารถดูแคลนความสามารถของมันได้ เขาจึงต้องรวมรวมและใช้พลังทั้งหมดที่มีเพื่อกำจัดมันเท่านั้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+