Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา 108 วิญญาณมังกรกลายสภาพและชุดชังพสุธาไร้ที่ยก! (1)

Now you are reading Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา Chapter 108 วิญญาณมังกรกลายสภาพและชุดชังพสุธาไร้ที่ยก! (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

โจวเหว่ยชิงไม่ได้เดินเข้าไปโดยตรง เขารู้ว่าไม่เพียงแต่อาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าจะมีสถานะสูงเท่านั้น พวกเขายังเป็นจ้าวมณีสวรรค์ที่ทรงพลังอย่างมาก การทำให้พวกเขาโกรธคงไม่ใช่การตัดสินใจที่ชาญฉลาดแน่นอน

เนื่องจากเขาทะลวงผ่านไปยังระดับที่ 15 ก่อนหน้านี้ เสื้อผ้าของโจวเหว่ยชิงจึงเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ตอนนี้เขาจึงรู้สึกอึดอัดพอสมควร ซ่างกวนหลงหยินได้พาเขามาที่นี่ทันที เขาจึงไม่มีเวลาให้ได้เปลี่ยนชุดก่อน

เนื่องจากตอนนี้เขาก็อยู่ที่นี่แล้ว โจวเหว่ยชิงจึงไม่รีบร้อนทำสิ่งต่างๆ และตัดสินใจที่จะใช้เวลาที่นี่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เมื่อมองไปรอบๆ เขาก็เห็นสถานที่ที่ดูเหมือนห้องน้ำ เด็กหนุ่มจึงก้าวเข้าไปอย่างรวดเร็ว

อย่างที่เขาคาดเอาไว้ไม่มีผิด มีอ่างน้ำสะอาดขนาดใหญ่อยู่ในห้องเล็กๆ นั้น และเจ้าหนูน้อยโจวที่รักของเราก็รีบถอดชุดลงไปทำความสะอาดร่างกายทันที หลังจากนั้น เขาก็หยิบชุดใหม่จากสร้อยมิติของเขาออกมาและเปลี่ยนไปใส่ชุดเหล่านั้นก่อนจะเดินออกไปอย่างสดชื่นด้วยความเกียจคร้าน เขาไม่ได้เข้าไปขัดขวางอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าทั้ง 3 ซึ่งยังคงอยู่ในระหว่างการสนทนา และนั่งลงบนพื้นอย่างเงียบๆ เพื่อฝึกปราณในขณะที่รอ

แม้ว่าการทะลวงผ่านจุดตายเมื่อสักครู่นี้จะง่ายดายกว่าครั้งอื่นๆ แต่วิชาเทพอมตะนั้นก็เป็นวิธีฝึกปราณที่ขัดกับหลักการของโลก ขัดกับกฏของสวรรค์ และการทะลวงผ่านจุดตายนี้ก็ได้ทำให้พละกำลังของเขาหมดลงและบาดเจ็บภายในบางส่วน นอกจากนี้ พลังปราณสวรรค์ส่วนใหญ่ของโจวเหว่ยชิงก็เหือดหายไปด้วย นี่จึงเป็นโอกาสที่ดีที่เขาจะได้พักผ่อนและฟื้นฟูร่างกาย ความคิดของเขานั้นง่ายมาก โจวเหว่ยชิงสามารถเรียนรู้สิ่งที่ดีที่สุดจากอาจารย์ทั้ง 3 ได้ก็ต่อเมื่อเขาอยู่ในสภาพสมบูรณ์เต็มที่เท่านั้น

“ฮ่าฮ่า…เด็กน้อย…เจ้าใจเย็นมากจริงๆ!” เสียงที่ดังขึ้นอย่างแจ่มชัดขึ้นทำให้โจวเหว่ยชิงตกใจจนหลุดออกจากการฝึกปราณของเขา

เมื่อเงยหน้าขึ้น เขาเห็นว่าอาจารย์ทั้ง 3 หยุดการสนทนาและหันมามองเขาแล้ว สิ่งที่น่าประหลาดใจกว่านั้นคือ โจวเหว่ยชิงตระหนักได้ว่าตนจำพวกเขา 2 คนได้!

คนแรกคือหญิงชราที่เขาเคยช่วยปลูกหญ้าหยกใต้ขนทอง ณ ศาลาศาสตรามณียุทธ์ชั้นล่างก่อนหน้านี้ เธอมีชื่อว่าเว่ยหยาง ก่อนหน้านี้เธอเคยมอบแหวนให้เขาเป็นของขวัญ ซึ่งปัจจุบันก็ยังคงอยู่บนนิ้วของโจวเหว่ยชิง

คนที่พูดออกมาเมื่อสักครู่ก็เป็นบุคคลที่เขาจำได้เช่นกัน เขาคือชายชราชุดม่วงชื่อเย่รุ่ยเฉินที่ต่อสู้กับเว่ยหยางในวันเดียวกันนั้นเอง ตอนนี้เขากำลังมองมาที่โจวเหว่ยชิงด้วยสายตาร้อนแรง

ระหว่างพวกเขาสองคนมีชายชราอีกคนหนึ่งที่มีเคราและผมสีขาว เมื่อเทียบกับทั้งเว่ยหยางและเย่รุ่ยเฉิน เขาดูแก่กว่าอย่างน้อย 20 ปี ราวกับว่าเขาเหลืออีกก้าวเดียวก็จะลงโลงแล้ว อย่างไรก็ตาม ดวงตาที่สุกใสของเขาดูเหมือนจะไม่ตรงกับภาพลักษณ์นั้นเท่าไหร่ เพราะพวกมันกำลังส่องประกายด้วยรัศมีผู้มีสติปัญญาอันล้ำลึก

โจวเหว่ยชิงก้มหัวลงอย่างนอบน้อมและกล่าวด้วยความเคารพ “ข้าน้อยโจวเหว่ยชิงคาราวะผู้อาวุโสระดับเทพเจ้าทั้ง 3”

เว่ยหยางยิ้มจางๆ และกล่าวว่า “สหายน้อย เราพบกันอีกแล้ว หลังจากวันนั้น ข้าได้เข้าไปสอบถามกับคนอื่นโดยเฉพาะว่าเจ้ามาจากไหน และข้าก็พบว่าเจ้ามาที่นี่เพื่อเข้าร่วมงานประลองมณีสวรรค์ ทั้งยังรู้เรื่องที่เจ้าทำการค้ากับวังสวรรค์ไพศาลในครั้งนี้ด้วย ชุดศาสตรามณียุทธ์ในตำนาน 3 ชิ้น…สหายน้อย ความตะกละของเจ้ามีไม่สิ้นสุดจริงๆ!”

โจวเหว่ยชิงหัวเราะอย่างเต็มที่และกล่าวว่า “แน่นอนว่าข้าก็แลกเปลี่ยนสิ่งที่เท่าเทียมกันเป็นการตอบแทน! มิฉะนั้นวังสวรรค์ไพศาลจะตกลงซื้อขายกับข้าได้อย่างไร? นอกจากนี้มันยังเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้อาวุโส 3 ท่าน ด้วย”

เว่ยหยางมองเขาด้วยความสนใจและเธอพูดว่า “โอ้? เจ้าพูดว่านี่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับเรา?”

โจวเหว่ยชิงกล่าวว่า “ผู้อาวุโสทั้ง 3 ล้วนเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้า และไม่ต้องสงสัยเลยว่ายืนอยู่บนจุดสุดยอดของโลกใบนี้แล้ว ดังนั้นจึงไม่น่าจะมีอะไรให้ผู้อาวุโสทั้ง 3 คนสนใจได้มากนัก…นอกจากวัตถุดิบล้ำค่าที่หายากแล้ว มีเพียงแบบร่างศาสตรามณียุทธ์ที่เป็นเอกลักษณ์ซึ่งส่งต่อกันมาในฐานะสมบัติที่สาบสูญเหล่านี้เท่านั้นที่อาจทำให้ท่านทั้ง 3 สนใจได้ บังเอิญคราวนี้ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าทั้ง 3 ชิ้นที่ข้าขอนั้นล้วนเป็นข้ามอบแบบร่างให้เอง ด้วยแบบร่างในตำนานที่อยู่ในมือข้า มันจะช่วยประหยัดทั้งเวลา ความพยายาม และพลังจิตวิญญาณของผู้อาวุโสทั้ง 3 คน ได้อย่างแน่นอน นอกจากนี้ แบบร่างของข้ายังสามารถนำไปใช้เป็นสิ่งอ้างอิงในการสร้างแบบร่างอื่นๆ ของอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าได้ ข้ามั่นใจว่านั่นจะสามารถสร้างแรงบันดาลใจสำหรับการออกแบบศาสตรามณียุทธ์ของผู้อาวุโส 3 คนได้”

เย่รุ่ยเฉินหัวเราะออกมาอย่างเต็มที่และพูดว่า “สหายน้อย เจ้าค่อนข้างฉลาดเลยนี่นา แน่นอนว่าหากไม่เป็นเช่นนั้น พวกเรา 3 คนอาจจะไม่ยอมตกลงช่วยเหลือเจ้าในการค้าครั้งนี้แน่ ถึงอย่างไรแค่ระหว่างการทดลองและการสร้างสรรค์ของเราเอง พวกเราก็ไม่มีเวลาว่างอยู่แล้ว เจ้าชื่อโจวเหว่ยชิงใช่ไหม? ข้าจะเรียกเจ้าว่าเหว่ยชิงก็แล้วกัน ในแผ่นดินใหญ่ทั้งหมดมีอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าที่รู้จักเพียง 4 คนเท่านั้น นอกจากเรา 3 คนแล้วยังมีอีกคนหนึ่งในภูเขาหิมะสวรรค์ ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ด้วย ดังนั้นเจ้าควรรู้ด้วยว่าเพื่อที่จะไปให้ถึงระดับเทพเจ้า การฝึกฝนอย่างหนักด้วยตัวเองนั้นไม่อาจเพียงพอ เจ้าจะต้องมีวัตถุดิบให้ใช้สอยและอาจารย์ที่ดี ชายชราคนนี้คลุกคลีอยู่ในแวดวงนี้มาหลายสิบปีแล้ว และข้าก็มีประสบการณ์ในด้านนี้เป็นอย่างดี ถ้าเจ้าเต็มใจ ข้ายินดีรับเจ้าเป็นศิษย์ของข้าและให้เจ้าสืบทอดความรู้ของข้า เช่นนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”

แม้ว่าเย่รุ่ยเฉินจะเคยพูดถึงเรื่องแบบนั้นมาแล้วก่อนหน้านี้ขณะพวกเขาได้พบกันในศาลาศาสตรามณียุทธ์ แต่ โจวเหว่ยชิงก็ไม่คาดคิดว่าเขาจะถามเช่นนี้ตรงๆ พวกเขาเพิ่งพบกันอีกครั้ง แต่เขาก็เริ่มพูดจาถึงการรับเขาเป็นศิษย์แล้ว ในช่วงเวลานั้น โจวเหว่ยชิงไม่อาจทำอะไรได้นอกจากชะงักไปชั่วขณะด้วยอาการพูดไม่ออก

ที่ด้านข้าง เว่ยหยางที่กำลังโกรธจัดร้องออกมาด้วยความโมโห “เจ้าโง่เง่า!! เย่รุ่ยเฉิน เจ้าไม่รู้สึกละอายบ้างเลยหรือ? ข้าเป็นคนที่ค้นพบเด็กคนนี้ก่อน เจ้ามีศิษย์อยู่แล้ว แต่ตอนนี้เจ้ากลับยังต้องการแย่งชิงกับข้าอีกหรือ? เจ้ารู้อะไรเกี่ยวกับเด็กคนนี้หรือไม่? แต่ถึงแม้เขาจะต้องการอาจารย์จริงๆ นั่นก็ควรเป็นข้า!”

เย่รุ่ยเฉินยังคงสงบนิ่งในขณะที่เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าอาจจะไม่ไว้ใจคนอื่น แต่ข้าจะไม่เชื่อสายตาของพี่เว่ยหยางได้อย่างไร? หากเจ้าสนใจใครคนหนึ่งขึ้นมา คนๆ นั้นจะเลวร้ายไปได้อย่างไร? เป็นความจริงที่ข้ามีลูกศิษย์อยู่แล้ว แต่พวกเขาเป็นแค่ลูกศิษย์ในนามเท่านั้น ไม่ใช่ลูกศิษย์ที่แท้จริงแต่อย่างใด ซึ่งนั่นย่อมแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ข้าก็ต้องการใครสักคนที่จะสืบทอดความรู้ของข้านะ!”

“เจ้าทั้งคู่ เงียบๆ หน่อย” ในที่สุดชายชราผมสีขาวที่อยู่ตรงกลางก็พูดขึ้น เสียงทุ้มต่ำแหบพร่าที่ดึงดูดความสนใจอย่างน่าประหลาดนั้นทิ้งรอยประทับไว้ในใจของเขาอย่างง่ายดาย

ทั้งสองเงียบไป แม้ว่าเว่ยหยางจะกำลังถลึงตาไปที่เย่รุ่ยเฉินซึ่งมองตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่ดูยั่วยุ ทว่าสายของเขาเองก็แน่วแน่เช่นกัน

“เด็กน้อย มานี่สิ” ชายชราผมขาวกวักมือเรียกโจวเหว่ยชิง

โจวเหว่ยชิงเดินไปข้างหน้าโดยไม่รู้ตัว ราวกับว่าชายชราผมขาวมีเวทมนตร์บางอย่างอยู่ในน้ำเสียงของเขา และเด็กหนุ่มไม่สามารถขัดสิ่งที่อีกฝ่ายบอกได้

โจวเหว่ยชิงเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ และหยุดอยู่ตรงหน้าชายชราผมสีขาวที่ยื่นมือผอมแห้งออกมา “ขอมือซ้ายของเจ้าหน่อย”

โจวเหว่ยชิงยื่นมือซ้ายของเขาออกมา และมือที่เหี่ยวย่นของชายชราก็จับข้อมือเขาไว้แน่น

สำหรับโจวเหว่ยชิง สิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดก็คือแม้ว่ามือของชายชราจะหยาบกร้านและเหี่ยวย่น แต่เมื่อมือของเขาจับที่ข้อมือของตัวเอง มันกลับมีความอ่อนนุ่มและยืดหยุ่นอย่างแปลกประหลาด ราวกับว่ามือของเขาไม่มีกระดูกอยู่ภายในเลย

พลังปราณสวรรค์อันนุ่มนวลแผ่เข้าสู่ร่างกายของเขาผ่านมือของชายชราผู้นั้น ทำให้โจวเหว่ยชิงรู้สึกอบอุ่นขณะที่มันไหลเวียนไปรอบๆ ทันใดนั้น โจวเหว่ยชิงรู้สึกว่าจิตวิญญาณของเขาถูกยกระดับขึ้น พลังจิตวิญญาณและพลังปราณสวรรค์ที่สลายไปก่อนหน้านี้ของเขาพลันฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว เพียงแค่การวัดระดับพลังปราณเพียงอย่างเดียวนี้ก็น่าตกใจมากแล้ว

ทันใดนั้น ดวงตาของชายชราก็ดูเปล่งประกายขณะที่เขาจ้องเข้าไปในดวงตาของโจวเหว่ยชิง ส่งเสียงออกมาเบาๆด้วยความสงสัย “เอ๋ 6 ทักษะธาตุ…แท้จริงแล้วเจ้ามี 6 ทักษะธาตุ! ทักษะธาตุลม ทักษะธาตุสายฟ้า ทักษะธาตุมิติ ทักษะธาตุมืด ทักษะธาตุปีศาจ และทักษะธาตุกาลเวลา ไม่น่าแปลกใจ…ไม่น่าแปลกใจเลยที่เว่ยหยางจะถูกใจเจ้า”

เมื่อได้ยินคำพูดของชายชรา เย่รุ่ยเฉินที่อยู่ด้านข้างก็เบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจและอุทานว่า “6 ทักษะธาตุ ?! แม้แต่พี่น้องซ่างกวนก็มีทักษะธาตุเพียง 4 ชนิดเท่านั้น แต่สหายน้อยคนนี้กลับมีถึง 6 ชนิดจริงหรือ! ยิ่งไปกว่านั้น…ด้วยทักษะธาตุลม ทักษะธาตุมิติ และทักษะธาตุกาลเวลาซึ่งเป็นทักษะธาตุที่ยิ่งใหญ่ที่สุด 3 ประการสำหรับอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ เว่ยหยาง โชคของเจ้าดีเกินไปจริงๆ ที่ได้พบกับสิ่งมหัศจรรย์ที่น่าเหลือเชื่อเช่นนี้”

ประกายในแววตาของชายชราผมสีขาวพลันหายไป และเขาก็ยกมืออีกข้างจับที่ข้อมือขวาของโจวเหว่ยชิง “มณียุทธ์เป็นประเภทความแข็งแกร่ง…อืมม…เอ๊ะ? นี่มันอะไร? นี่…นี่…!?”

ทันใดนั้นเขาก็เผยให้เห็นสีหน้าตกตะลึงที่เหนือกว่าอาการตกใจก่อนหน้านี้ เกือบจะถึงจุดที่เขาลืมตัวและสูญเสียความสงบเยือกเย็นไป

ทั้งเว่ยหยางและเย่รุ่ยเฉินต่างก็ตกใจไม่แพ้กัน ในความทรงจำของพวกเขา ไม่มีใครสามารถจินตนาการถึงสิ่งที่สามารถทำให้ชายชราผมขาวคนนี้ตกตะลึงได้เลย

“… วิญญาณมังกร…วิญญาณมังกรกลายสภาพ! มันคือวิญญาณมังกรกลายสภาพจริงๆ นั่นเป็นเรื่องที่ข้านึกไม่เคยนึกถึง! มันเกิดขึ้นได้ยังไง!?” ชายชราผมขาวพึมพำกับตัวเอง แม้ว่าโจวเหว่ยชิงจะไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูดก็ตาม

โจวเหว่ยชิงเอ่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นก่อนจะถามว่า “ผู้อาวุโส วิญญาณมังกรกลายสภาพคืออะไร หรือ?”

ชายชราผมสีขาวจ้องมองเด็กหนุ่มอย่างดุร้าย เขากำข้อมือของโจวเหว่ยชิงแน่นขณะที่พูดอย่างเคร่งขรึม “เจ้าเจอมังกรที่ไหน? วิญญาณมังกรกลายสภาพของเจ้ามาจากไหน?!”

โจวเหว่ยชิงรู้ว่าเขาไม่อาจต่อต้านได้จึงกล่าวด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น “ผู้อาวุโส ข้าพบมังกรในงานประลองมณีสวรรค์ แต่เกี่ยวกับวิญญาณมังกรกลายสภาพนั้น…ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร เช่นนั้นข้าจะตอบท่านได้อย่างไร?”

ชายชราผมขาวผ่อนแรงที่จับขณะที่เขาขมวดคิ้วและพูดช้าๆ “งานประลองมณีสวรรค์? เขตแดนมิติสะท้อน? สหายน้อย ช่วยเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดเกี่ยวกับวิธีการที่เจ้าพบมังกรได้หรือไม่?”

หลายคนรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นในงานประลองมณีสวรรค์รอบชิงชนะเลิศ และโจวเหว่ยชิงก็ไม่คิดว่าเขาจำเป็นต้องปิดบังอะไร ดังนั้นเขาจึงอธิบายเรื่องราวทั้งหมดในงานประลองมณีสวรรค์และเวลาที่เขาได้พบกับมังกร แน่นอนว่าเขาไม่ได้พูดถึงแม่มดน้อยและเทียนเอ๋อร์

เมื่อได้ยินคำอธิบายของโจวเหว่ยชิง ชายชราผมขาวก็ปล่อยมือ จากคำพูด น้ำเสียง สีหน้า และท่าทางของเด็กหนุ่ม เขาสามารถบอกได้อย่างง่ายดายว่า โจวเหว่ยชิงไม่ได้โกหก อย่างไรก็ตาม หากมังกรตัวนั้นไม่ได้ให้อะไรแก่เขา วิญญาณมังกรกลายสภาพนี้จะมาจากไหน?

“ผู้อาวุโส ท่านยังไม่ได้บอกข้าเลยว่าวิญญาณมังกรกลายสภาพนี้คืออะไร?” โจวเหว่ยชิงถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

ชายชราผมขาวพูดอย่างช้าๆ “วิญญาณมังกรกลายสภาพนั้นคือพลังมังกรอันแข็งแกร่งที่ถูกทำให้สามารถหลอมรวมเข้ากับร่างของมนุษย์ได้ เจ้าอาจเปรียบมันเหมือนกับทักษะที่ติดมากับศาสตรามณียุทธ์และสามารถใช้ได้ทุกเมื่อ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์เช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาเป็นร้อยเป็นพันปีแล้ว และข้าก็เคยอ่านเรื่องนี้ในสุสานโบราณบางแห่งมาเท่านั้น”

“ตามบันทึกในสมัยก่อน มีเพียงมนุษย์ 2 ประเภทเท่านั้นที่จะได้รับวิญญาณมังกรกลายสภาพนี้ ประเภทแรกคือคนที่ยอมจำนนและสาบานว่าจะจงรักภักดีต่อเผ่าพันธุ์มังกร ในขณะที่อีกประเภทหนึ่งคือคนที่มีพระคุณต่อเผ่าพันธุ์มังกรอย่างสูง ตามสถานการณ์ที่เจ้าอธิบาย ข้าเดาว่าน่าจะเป็นอย่างหลัง มังกรตัวนั้นจะต้องปลดปล่อยวิญญาณมังกรกลายสภาพให้กับเจ้าโดยที่เจ้าไม่รู้ตัว”

โจวเหว่ยชิงกล่าวอย่างไม่แน่ใจ “แล้ววิญญาณมังกรกลายสภาพนั้นอยู่ที่ไหนหรือ? ผู้อาวุโสสามารถรับรู้ได้อย่างไร?”

ชายชราผมขาวกล่าวว่า “วิญญาณมังกรกลายสภาพอยู่ในมณียุทธ์ของเจ้า มังกรตัวนั้นเป็นยอดฝีมือระดับเทพเจ้าและระดับพลังปราณของมันก็เหนือกว่าข้า หากไม่ใช่เพราะข้าใช้พลังปราณสวรรค์เพื่อตรวจสอบมณียุทธ์ของเจ้าอย่างใกล้ชิดก่อนหน้านี้ ข้าก็คงไม่สามารถค้นพบมันได้”

……………………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด