Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา 31.3 ศาสตรามณียุทธ์และทักษะกักเก็บ – ระดับดาว (3)

Now you are reading Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา Chapter 31.3 ศาสตรามณียุทธ์และทักษะกักเก็บ - ระดับดาว (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เมื่อวานที่ข้าขอให้ปิงเอ๋อร์แสดงทักษะของเธอให้ดู ข้าจะบอกระดับศาสตรามณียุทธ์และทักษะกักเก็บของเธอแบบง่ายๆ ตามนี้ ในบรรดาศาสตรามณียุทธ์ทั้ง 2 ชิ้นของปิงเอ๋อร์นั้น ศรติดตามไร้เสียงได้ 3 ดาว แต่ทว่าในฐานะศาสตรามณียุทธ์ เธอจะไม่ค่อยได้ใช้มันอีกเมื่อระดับปราณเพิ่มขึ้นมากกว่านี้”

“สำหรับรองเท้าวายุประสานนั้นน่าจะได้อย่างน้อย 6 ดาว เมื่อปิงเอ๋อร์พัฒนาปราณสวรรค์ไปถึงระดับเทวะขั้นสูงสุดและมีมณีอย่างน้อย 9 ชุด ตอนนั้นเธอก็อาจใช้ประโยชน์จากรองเท้านี้เหาะเหินบนอากาศได้ รองเท้าวายุประสานของเธอยังมีหลุมบรรจุมณีอยู่อีกด้วย ดังนั้นมันอาจเลื่อนไปอยู่ที่ระดับ 7 ดาวและเป็นศาสตรามณียุทธ์ที่ยอดเยี่ยมมากสำหรับจ้าวมณีสวรรค์ธาตุลม สำหรับทักษะแรกของเธอ กงจักรวายุนั้นเป็นเพียงทักษะระดับ 2 ดาวและอัตราการวิวัฒน์ของมันค่อนข้างน้อยมาก โชคดีที่มันถูกกักเก็บในมณีดวงแรกของเธอ”

หลังฟังคำพูดของหัวเฟิง ทุกคนก็พลันหันมาจ้องโจวเหว่ยชิง เขากระพริบตาและหดตัวกลับไปที่นั่งอย่างระมัดระวัง “ทำไมพวกท่านถึงจ้องมาที่ข้าล่ะ?”

หลัวเขอตี้ยิ้มแย้มและพูดว่า “ แน่นอนว่าเพื่อตรวจดูทักษะกักเก็บและศาสตรามณียุทธ์ของเจ้าเพื่อให้คะแนนยังไงล่ะ!”

หัวเฟิงกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังว่า “เหว่ยน้อย แม้เจ้าจะเป็นสมาชิกของหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์แล้ว แต่ข้าก็จะไม่บังคับให้เจ้าเปิดเผยความลับของเจ้า อย่างไรก็ตาม ข้าหวังว่าเจ้าจะบอกให้พวกเราเข้าใจถึงพลังของเจ้า สิ่งนี้จะช่วยให้พวกเราประสานงานกันได้ดีขึ้นในระหว่างการต่อสู้ แม่ทัพโจวส่งเจ้ามาที่นี่ก็เพื่อฝึกในหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์ ข้าหวังว่าเจ้าจะรู้ว่าบิดาของเจ้าเชื่อใจพวกเราแค่ไหน หน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์จะเป็นผู้พิทักษ์อาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์เสมอ”

โจวเหว่ยชิงมองซ่างกวนปิงเอ๋อร์ จากนั้นก็มองเลยไปยังมู่เอิน อาจารย์ของเขายักไหล่ให้เขาและพูดออกมาอย่างช่วยไม่ได้ว่า “ให้พวกเขาดูเถอะ ความอยากรู้อยากเห็นฆ่าแมวตาย ข้าหวังว่าพวกหัวใจของตาแก่พวกนั้นจะรับไหว หึ!”

หลัวเขอตี้พูดอย่างเคืองๆ “ตาแก่อันธพาล อย่าคุยโวหน่อยเลยน่า ไม่ได้อวดนิดอวดหน่อยเจ้าจะตายเหรอ? เอาล่ะ ว่ามาสิ หัวใจของบิดาของเจ้าแข็งแกร่งอยู่แล้ว!”

มู่เอินไม่แม้แต่จะโต้กลับ เขาเพียงแค่ยิ้มให้หลัวเขอตี้อย่างเย็นชา

อีกหนึ่งชั่วโมงต่อมา ประตูหลังของรถม้าที่กำลังวิ่งมาด้วยความเร็วสูงก็ถูกเปิดออกอย่างกะทันหัน ร่างหนึ่งทะยานออกมาจากรถม้า หรือหากพูดให้ถูกก็คือถูกเตะออกมา

น้ำเสียงโกรธเกรี้ยวของหลัวเขอตี้ดังตามออกมาจากภายในรถม้า “เจ้าตัวน่ารังเกียจ! เจ้าเป็นคนที่น่ารังเกียจที่สุด! อ๊าาาาาาาาาาาาาาาา…! หัวใจที่บอบบางของข้า! ข้าทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว อิจฉาๆๆๆๆๆ ทั้งเกลียดทั้งอิจฉาเลยว๊อยยยยยยย!!!”

แน่นอนว่าเงาร่างน่าสงสารที่ถูกเตะออกจากรถม้านั้นเป็นใครไปไม่ได้นอกจากโจวเหว่ยชิง หลังจากที่พวกเขาจัดระดับทักษะทั้งหมดของโจวเหว่ยชิง รถม้าทั้งคันก็เงียบฉี่จนได้ยินเสียงของหัวใจที่เต้นระรัวของทุกคน แม้แต่มู่เอินเองก็ยังไม่มีข้อยกเว้น สิ่งที่ตามมาคือเขาถูกเตะออกจากรถม้าด้วยข้ออ้างว่าเขาต้องเสริมสร้างร่างกาย ต้องฝึกฝนและออกกำลังให้มากขึ้น…

“เห็นได้ชัดว่านี่เป็นแค่ความอิจฉาริษยา!!!” โจวเหว่ยชิงร้องไห้ออกมาด้วยสีหน้าหดหู่เขาวิ่งตามหลังรถม้าสุดชีวิต ในขณะนั้นธนูอุษาดำที่มีน้ำหนักมากก็ถูกสะพายอยู่บนหลังของเขาด้วย

เมื่อโจวเหว่ยชิงนำไพฑูรย์ตาแมวสองสีของเขาออกมา พริบตานั้นบรรยากาศแปลกๆ ก็ปรากฏขึ้นในรถม้าทันที เกาเฉินที่กำลังดื่มน้ำอยู่ก็พลันพ่นของเหลวในปากออกมาเต็มหน้าฮั่นโม่ หัวเฟิงลืมไปชั่วขณะว่าเขาอยู่ในรถม้าและเผลอลุกพรวดขึ้นด้วยความประหลาดใจจนศีรษะของเขากระแทกกับหลังคา กรามของฮั่นโม่อ้าค้าง ทำให้เขาเผลอดื่มน้ำที่เกาเฉินพ่นใส่หน้าเขาเข้าไปเต็มๆ จากนั้นเขาก็พยายามจะสำรอกออกมาอย่างไม่ลดละ หลัวเขอตี้ตบหน้าตัวเองดังฉาดอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น ทว่าเขาควบคุมมือของของตัวเองได้ไม่ดีพอ ดังนั้นใบหน้าซีกขวาของเขาจึงบวมเป่งมาจนถึงตอนนี้

เมื่อโจวเหว่ยชิงเปิดเผยทักษะของเขาออกมาทีละอย่าง นอกเหนือจากซ่างกวนปิงเอ๋อร์แล้ว ใบหน้าของสมาชิกที่เหลือต่างก็กระตุกเป็นพักๆ หากไม่ใช่เพราะระดับพลังปราณของของพวกเขาสูงส่งอยู่แล้ว บางทีพวกเขาอาจจะเส้นเลือดแตกตายก็เป็นได้ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ โจวเหว่ยชิงจะไม่ถูกเตะออกจากรถม้าได้อย่างไร…

ในท้ายที่สุด การจัดอันดับดาวของเขามีดังนี้

ธนูราชัน ถูกจัดว่าอยู่ในระดับ 7 ดาว หากเพิ่มหลุมบรรจุมณีเข้าไปแล้ว ระดับของมันก็คือ 8 ดาว

สำหรับทักษะที่กักเก็บไว้ในมณีธาตุของเขา ทักษะโซ่ตรวนวายุถูกจัดว่าอยู่ในระดับ 8 ดาว ทักษะฝ่ามืออัสนีบาต 7 ดาว ทักษะเคลื่อนย้ายพริบตา 9 ดาว เนื่องจากมันเป็นทักษะที่สามารถใช้ช่วยชีวิตในยามคับขันได้ และสุดท้ายก็คือทักษะสัมผัสมืดที่ระดับ 8 ดาว ทว่าทั้งทักษะกลืนกินและทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์ก็ไม่ได้ถูกจัดระดับเนื่องจากแม้แต่สมาชิกของหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์ก็ยังไม่อาจระบุระดับของพวกมันได้อย่างถูกต้อง

ตามที่หัวเฟิงกล่าว มณีดวงแรกของโจวเหว่ยชิงมีทักษะกักเก็บไว้ยอดเยี่ยมกว่าทักษะทั้งหมดของแม่ทัพโจวเสียอีก!

หลังจากนั้นไม่นานก็มีคนพบเห็นสิ่งแปลกประหลาดในอาณาจักรเฟยหลี่ รถม้าที่หรูหรากำลังแล่นไปข้างหน้าขณะที่ชายหนุ่มผู้สวมเสื้อผ้าสกปรกและขาดรุ่งริ่งกำลังวิ่งไล่ตามหลังอย่างดุเดือดไม่ยอมหยุดพัก

20 วันหลังจากนั้น

ชายแดนทางเหนือของอาณาจักรเฟยหลี่

“เจ้าเห็นป่าที่ปกคลุมไปด้วยหิมะข้างหน้าไหม? ภารกิจของเราในวันนี้ก็คือการตามล่าและสังหารอสูรสวรรค์ระดับเทวะที่เรียกว่าหมีสวรรค์วิญญาณน้ำแข็ง มันอาศัยอยู่ในป่าแห่งนี้ หลังจากฆ่ามันแล้ว เราต้องนำแก่นพลัง ขน อุ้งมือ และถุงน้ำดีของมันออกมา”

“แก่นพลังคืออะไรหรือ?” โจวเหว่ยชิงถามด้วยสีหน้าสงสัยใคร่รู้ ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าผิวของเขามีสีแทนมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ทว่าเขาก็ดูมีกำลังวังชามากขึ้นด้วยเช่นกัน

ตั้งแต่เมื่อวาน ในที่สุดโจวเหว่ยชิงก็ได้รับอนุญาตให้หยุดวิ่งและสามารถเปลี่ยนไปสวมชุดใหม่ได้ ตั้งแต่พวกเขาเข้าสู่อาณาจักรเฟยหลี่ โจวเหว่ยชิงก็ต้องวิ่งตามรถม้ามาตลอดทาง ร่างกายทุกส่วนของเขาก็ดูแตกต่างออกไปมาก มันดูมีพละพลังและแข็งแกร่งขึ้น ทั้งดูสูงขึ้นอีกด้วย แม้ว่ารูปลักษณ์ของเขาจะยังคงดูเรียบง่ายและใสซื่อ แต่บางครั้งดวงตาของเขาก็ส่องประกายเจิดจ้า แสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์อันเยี่ยมยอดของเขา

หลังจากวิ่งอย่างบ้าคลั่งเป็นเวลา 20 วัน ประโยชน์ที่เขาได้รับคือพลังปราณสวรรค์ที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ ในขณะที่หลุมดำพลังปราณทั้ง 5 ดูดกลืนพลังปราณจากชั้นบรรยากาศเข้ามาอย่างต่อเนื่องเพื่อเติมเต็มพลังปราณที่ถูกใช้ไปอย่างรวดเร็วขณะวิ่งไล่ตามรถม้า หลุมดำพวกนั้นถูกเร่งความเร็วจนถึงขีดสูงสุด วิชาเทพอมตะให้ผลเร็วกว่าวิชาฝึกปราณทั่วๆ ไปอยู่แล้ว และด้วยความเร็วในการดูดกลืนที่เพิ่มขึ้นในทุกขณะ โจวเหว่ยชิงจึงรู้สึกว่าพลังปราณสวรรค์ระดับที่ 5 ของเขากำลังเริ่มกระสับกระส่าย ราวกับใกล้ถึงเวลาที่เขาจะต้องทะลวงจุดตายจุดแรกของวิชาส่วนที่สองแล้ว ด้วยประสบการณ์จากวิชาเทพอมตะส่วนแรก โจวเหว่ยชิงเข้าใจได้คร่าวๆ ว่าจุดตายแรกของแต่ละส่วนนั้นง่ายที่สุดในการทะลวง ทว่าก็อันตรายมากที่สุดอีกด้วย จำไม่ได้หรือว่าเขาเกือบจะตายตอนพยายามทะลวงจุดตายแรกตรงกระดูกไหปลาร้า?

นอกจากระดับพลังปราณสวรรค์จะเพิ่มขึ้นแล้ว การทะลวงจุดตายยังมีประโยชน์อื่นๆ อีก 2 ประการ ประการแรกคือช่วยให้ความสามารถมณียุทธ์ของเขาหลอมรวมเข้ากับร่างกายของเขาได้อย่างเหมาะสม นอกเหนือจากขาขวาปีศาจที่ถูกหลอมรวมเข้ากับร่างกายของเขาอย่างสมบูรณ์แล้ว ทันทีที่เขาเพ่งสติไปที่มณียุทธ์ ร่างกายของเขาก็จะได้รับพลังจากมณียุทธ์ทันที ร่างกายแข็งแกร่งจึงขึ้นและไม่อ่อนแอเหมือนที่เคยเป็น

มู่เอินยืนอยู่ข้างๆ โจวเหว่ยชิง เขากล่าวว่า “แก่นพลังจะปรากฏขึ้นเฉพาะกับอสูรสวรรค์ระดับเทวะขึ้นไป อย่างไรก็ตาม อสูรสวรรค์ก็มีพลังปราณสวรรค์เช่นกัน ที่สำคัญคือมันไม่แตกต่างจากพลังปราณสวรรค์ของมนุษย์มากนัก เมื่ออสูรสวรรค์ไต่ขึ้นไปถึงระดับเทวะ  พวกมันจะสามารถสร้างจินถานขึ้นมาได้ นั่นคือสิ่งที่เราเรียกว่าแก่นพลัง จ้าวมณีสามารถนำแก่นพลังที่มีทักษะเดียวกันไปใช้ได้ มันสามารถช่วยเร่งระดับการฝึกปราณและยังช่วยจ้าวมณีทะลวงไปสู่มณีดวงใหม่ได้อีกด้วย แก่นพลังสามารถนำไปใช้กับหลุมบรรจุมณีบนศาสตรามณียุทธ์ได้เช่นกัน หลุมบรรจุมณีนั้นนอกจากจะบรรจุมณีธาตุที่มีทักษะธาตุเดียวกันแล้ว ยังสามารถบรรจุแก่นพลังที่มีทักษะธาตุเดียวกันได้อีกด้วย ตัวอย่างเช่น เจ้าสามารถบรรจุแก่นพลังของอสูรสวรรค์ประเภทความแข็งแกร่งไว้ในธนูราชันเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับธนูของเจ้า นอกจากนี้ เนื่อง จากแก่นพลังสามารถดูดซับปราณสวรรค์จากชั้นบรรยากาศภายนอกเพื่อเติมเต็มพลังของตัวเองได้ พวกมันจึงไม่อาจถูกทำลายได้ง่ายๆ และเมื่อเจ้าไม่ต้องการใช้พวกมันแล้ว เจ้าก็สามารถนำพวกมันออกจากหลุมบรรจุมณีได้”

เมื่อโจวเหว่ยชิงได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายด้วยความยินดี “นั่นมีประโยชน์มาก! อย่างนั้นพวกเราจะรออะไรกันอีกล่ะ รีบไปหาสักสองสามดวงมาไว้ใช้เถอะ!”

มู่เอินกล่าวอย่างโมโห “เจ้าโง่! หุบปากซะ อย่าทำให้ข้าขายหน้าอีก!”

นอกจากหัวเฟิง สมาชิกคนอื่นๆต่างก็จ้องมองโจวเหว่ยชิงราวกับเขาเป็นคนโง่ นับตั้งแต่พวกเขาตระหนักถึงทักษะธาตุของโจวเหว่ยชิง คนเหล่านี้ก็แสดงให้เห็นว่าความอิจฉาตาร้อนนั้นเป็นเช่นไร พวกเขาไม่ลืมจะคว้าทุกโอกาสรุมทึ้งโจวเหว่ยชิง และเยาะเย้ยเขา

หลัวเขอตี้พูดอย่างประชดประชัน “หาเพิ่มอีกสองสามดวงงั้นรึ? เจ้าคิดว่าพวกมันจะหล่นมาจากสวรรค์รึไง? พวกเราจะเก็บมันมาได้ง่ายๆ ตามใจชอบหรือ? เจ้ารู้หรือไม่ว่าอสูรสวรรค์ระดับเทวะนั้นอันตรายแค่ไหน? แม้กระทั่งบิดาของเจ้า หากต้องเผชิญหน้ากับอสูรสวรรค์ระดับเทวะ แม้เขาจะมีทักษะธาตุมืดที่สามารถสยบพวกมันได้ เขาก็แทบจะเอาชนะอสูรสวรรค์ระดับเทวะพวกชั้นล่างๆไม่ได้ด้วยซ้ำ เจ้าคิดว่าพวกเราขนกันมาเป็นโขยงเพราะอะไรล่ะ?”

หัวเฟิงกล่าวสอดขึ้นมาว่า “เอาล่ะ พอแล้ว เตรียมตัวให้พร้อม ตามที่ผู้ว่าจ้างของเราให้ข้อมูลมานั้น มีหมีสวรรค์วิญญาณน้ำแข็งอย่างน้อย 20 ตัวอาศัยอยู่ในป่านี้ มู่เอิน เจ้าปกป้องเหว่ยน้อย ปิงเอ๋อร์ อยู่ข้างๆ ข้าไว้ ไปกันเถอะ”

เมื่อพูดจบ เขาก็เดินไปที่ด้านข้างของรถม้าและกดปุ่มอะไรบางอย่าง ทันใดนั้น ลิ้นชักที่ซ่อนอยู่ก็โผล่ออกมาจากทั้งสองฝั่งของรถม้า เสียงเสียดสีกระทบกันของโลหะดังขึ้น ข้างในนั้นเต็มไปด้วยสิ่งของต่างๆ มากมาย

สมาชิกของหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์รีบแต่งตัวและสวมใส่อุปกรณ์ต่างๆ อย่างรวดเร็ว พวกเขาทั้งหมดสวมเกราะหนังสีแดงเพิ่ม เกราะหนังไม่เพียงปกป้องร่างกายส่วนบนของพวกเขาเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมบริเวณข้อต่อและจุดอ่อนที่สำคัญบางอย่าง รวมถึงหมวกเกราะด้วย ในเวลาเดียวกัน พวกเขาแต่ละคนก็ถือคันธนูสองคัน โดยเอาคันธนูขนาดใหญ่พาดไว้ด้านหลัง สำหรับหัวเฟิง หลัวเขอตี้และมู่เอิน แล่งธนูของพวกเขามีลูกศรบรรจุประมาณ 200 ดอก แต่สำหรับฮั่นโม่และเกาเฉิน แล่งธนูของพวกเขามีมากจนครอบคลุมไปทั่วแผ่นหลัง จากการประเมินคร่าวๆ โจวเหว่ยชิงคิดว่ามีลูกศรอย่างน้อย 500 ดอกในแล่งธนูแต่ละอันของพวกเขา ด้านล่างแล่งธนูมีถุงน้ำและอาหารแห้งแขวนเอาไว้

ทันทีที่พวกเขาเตรียมตัวเสร็จเรียบร้อย หน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์ที่ดูทึมทื่อก็เปลี่ยนไปเป็นพวกเอาการเอางาน ราวกับมีรัศมีความเยือกเย็นลอยออกมาจางๆ จากร่างของพวกเขา

ขณะที่โจวเหว่ยชิงยืนอยู่ข้างๆ ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ เขาก็รู้สึกได้ถึงความกระหายเลือดที่เพิ่มขึ้นในตัวเขาขณะมองดูพวกอาวุโสกำลังสวมชุดเกราะหนัง โจวเหว่ยชิงรู้สึกได้ถึงความหยิ่งผยองบางอย่างกำลังคลืบคลานบุกรุกเข้ามาในตัวเขาเรื่อยๆ

โจวเหว่ยชิงและซ่างกวนปิงเอ๋อร์ไม่ได้รับแล่งธนูที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเหมือนคนอื่นๆ ทั้งคู่ได้รับแล่งธนูธรรมดา 4 อันที่บรรจุลูกศรรวมกันทั้งหมด 200 ดอก แน่นอนว่ามีอุปกรณ์บางอย่างเพิ่มเข้ามาด้วย

พวกเขาทั้ง 7 คนเดินเข้าไปในป่าอย่างเงียบๆ ที่นี่ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของชายแดนระหว่างอาณาจักรวั่นโซ่วและอาณาจักรเฟยหลี่

“อาจารย์ ชุดเกราะหนังที่ท่านใส่ทำมาจากอะไรหรือ? ทำไมข้ารู้สึกแปลกๆเช่นนี้?” โจวเหว่ยชิงถามด้วยสีหน้าสงสัยใคร่รู้

มู่เอินแสยะยิ้มและพูดว่า “ไอ้เจ้าเด็กโง่เง่า! นี่เป็นสมบัติล้ำค่า ทำมาจากหนังมังกร”

ดวงตาของโจวเหว่ยชิงเบิกกว้างขณะที่เขาอุทานว่า “หนังมังกร?? มังกรมีอยู่ในโลกนี้จริงๆ หรือ?”

…………………………………

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา 31.3 ศาสตรามณียุทธ์และทักษะกักเก็บ – ระดับดาว (3)

Now you are reading Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา Chapter 31.3 ศาสตรามณียุทธ์และทักษะกักเก็บ - ระดับดาว (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เมื่อวานที่ข้าขอให้ปิงเอ๋อร์แสดงทักษะของเธอให้ดู ข้าจะบอกระดับศาสตรามณียุทธ์และทักษะกักเก็บของเธอแบบง่ายๆ ตามนี้ ในบรรดาศาสตรามณียุทธ์ทั้ง 2 ชิ้นของปิงเอ๋อร์นั้น ศรติดตามไร้เสียงได้ 3 ดาว แต่ทว่าในฐานะศาสตรามณียุทธ์ เธอจะไม่ค่อยได้ใช้มันอีกเมื่อระดับปราณเพิ่มขึ้นมากกว่านี้”

“สำหรับรองเท้าวายุประสานนั้นน่าจะได้อย่างน้อย 6 ดาว เมื่อปิงเอ๋อร์พัฒนาปราณสวรรค์ไปถึงระดับเทวะขั้นสูงสุดและมีมณีอย่างน้อย 9 ชุด ตอนนั้นเธอก็อาจใช้ประโยชน์จากรองเท้านี้เหาะเหินบนอากาศได้ รองเท้าวายุประสานของเธอยังมีหลุมบรรจุมณีอยู่อีกด้วย ดังนั้นมันอาจเลื่อนไปอยู่ที่ระดับ 7 ดาวและเป็นศาสตรามณียุทธ์ที่ยอดเยี่ยมมากสำหรับจ้าวมณีสวรรค์ธาตุลม สำหรับทักษะแรกของเธอ กงจักรวายุนั้นเป็นเพียงทักษะระดับ 2 ดาวและอัตราการวิวัฒน์ของมันค่อนข้างน้อยมาก โชคดีที่มันถูกกักเก็บในมณีดวงแรกของเธอ”

หลังฟังคำพูดของหัวเฟิง ทุกคนก็พลันหันมาจ้องโจวเหว่ยชิง เขากระพริบตาและหดตัวกลับไปที่นั่งอย่างระมัดระวัง “ทำไมพวกท่านถึงจ้องมาที่ข้าล่ะ?”

หลัวเขอตี้ยิ้มแย้มและพูดว่า “ แน่นอนว่าเพื่อตรวจดูทักษะกักเก็บและศาสตรามณียุทธ์ของเจ้าเพื่อให้คะแนนยังไงล่ะ!”

หัวเฟิงกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังว่า “เหว่ยน้อย แม้เจ้าจะเป็นสมาชิกของหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์แล้ว แต่ข้าก็จะไม่บังคับให้เจ้าเปิดเผยความลับของเจ้า อย่างไรก็ตาม ข้าหวังว่าเจ้าจะบอกให้พวกเราเข้าใจถึงพลังของเจ้า สิ่งนี้จะช่วยให้พวกเราประสานงานกันได้ดีขึ้นในระหว่างการต่อสู้ แม่ทัพโจวส่งเจ้ามาที่นี่ก็เพื่อฝึกในหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์ ข้าหวังว่าเจ้าจะรู้ว่าบิดาของเจ้าเชื่อใจพวกเราแค่ไหน หน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์จะเป็นผู้พิทักษ์อาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์เสมอ”

โจวเหว่ยชิงมองซ่างกวนปิงเอ๋อร์ จากนั้นก็มองเลยไปยังมู่เอิน อาจารย์ของเขายักไหล่ให้เขาและพูดออกมาอย่างช่วยไม่ได้ว่า “ให้พวกเขาดูเถอะ ความอยากรู้อยากเห็นฆ่าแมวตาย ข้าหวังว่าพวกหัวใจของตาแก่พวกนั้นจะรับไหว หึ!”

หลัวเขอตี้พูดอย่างเคืองๆ “ตาแก่อันธพาล อย่าคุยโวหน่อยเลยน่า ไม่ได้อวดนิดอวดหน่อยเจ้าจะตายเหรอ? เอาล่ะ ว่ามาสิ หัวใจของบิดาของเจ้าแข็งแกร่งอยู่แล้ว!”

มู่เอินไม่แม้แต่จะโต้กลับ เขาเพียงแค่ยิ้มให้หลัวเขอตี้อย่างเย็นชา

อีกหนึ่งชั่วโมงต่อมา ประตูหลังของรถม้าที่กำลังวิ่งมาด้วยความเร็วสูงก็ถูกเปิดออกอย่างกะทันหัน ร่างหนึ่งทะยานออกมาจากรถม้า หรือหากพูดให้ถูกก็คือถูกเตะออกมา

น้ำเสียงโกรธเกรี้ยวของหลัวเขอตี้ดังตามออกมาจากภายในรถม้า “เจ้าตัวน่ารังเกียจ! เจ้าเป็นคนที่น่ารังเกียจที่สุด! อ๊าาาาาาาาาาาาาาาา…! หัวใจที่บอบบางของข้า! ข้าทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว อิจฉาๆๆๆๆๆ ทั้งเกลียดทั้งอิจฉาเลยว๊อยยยยยยย!!!”

แน่นอนว่าเงาร่างน่าสงสารที่ถูกเตะออกจากรถม้านั้นเป็นใครไปไม่ได้นอกจากโจวเหว่ยชิง หลังจากที่พวกเขาจัดระดับทักษะทั้งหมดของโจวเหว่ยชิง รถม้าทั้งคันก็เงียบฉี่จนได้ยินเสียงของหัวใจที่เต้นระรัวของทุกคน แม้แต่มู่เอินเองก็ยังไม่มีข้อยกเว้น สิ่งที่ตามมาคือเขาถูกเตะออกจากรถม้าด้วยข้ออ้างว่าเขาต้องเสริมสร้างร่างกาย ต้องฝึกฝนและออกกำลังให้มากขึ้น…

“เห็นได้ชัดว่านี่เป็นแค่ความอิจฉาริษยา!!!” โจวเหว่ยชิงร้องไห้ออกมาด้วยสีหน้าหดหู่เขาวิ่งตามหลังรถม้าสุดชีวิต ในขณะนั้นธนูอุษาดำที่มีน้ำหนักมากก็ถูกสะพายอยู่บนหลังของเขาด้วย

เมื่อโจวเหว่ยชิงนำไพฑูรย์ตาแมวสองสีของเขาออกมา พริบตานั้นบรรยากาศแปลกๆ ก็ปรากฏขึ้นในรถม้าทันที เกาเฉินที่กำลังดื่มน้ำอยู่ก็พลันพ่นของเหลวในปากออกมาเต็มหน้าฮั่นโม่ หัวเฟิงลืมไปชั่วขณะว่าเขาอยู่ในรถม้าและเผลอลุกพรวดขึ้นด้วยความประหลาดใจจนศีรษะของเขากระแทกกับหลังคา กรามของฮั่นโม่อ้าค้าง ทำให้เขาเผลอดื่มน้ำที่เกาเฉินพ่นใส่หน้าเขาเข้าไปเต็มๆ จากนั้นเขาก็พยายามจะสำรอกออกมาอย่างไม่ลดละ หลัวเขอตี้ตบหน้าตัวเองดังฉาดอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น ทว่าเขาควบคุมมือของของตัวเองได้ไม่ดีพอ ดังนั้นใบหน้าซีกขวาของเขาจึงบวมเป่งมาจนถึงตอนนี้

เมื่อโจวเหว่ยชิงเปิดเผยทักษะของเขาออกมาทีละอย่าง นอกเหนือจากซ่างกวนปิงเอ๋อร์แล้ว ใบหน้าของสมาชิกที่เหลือต่างก็กระตุกเป็นพักๆ หากไม่ใช่เพราะระดับพลังปราณของของพวกเขาสูงส่งอยู่แล้ว บางทีพวกเขาอาจจะเส้นเลือดแตกตายก็เป็นได้ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ โจวเหว่ยชิงจะไม่ถูกเตะออกจากรถม้าได้อย่างไร…

ในท้ายที่สุด การจัดอันดับดาวของเขามีดังนี้

ธนูราชัน ถูกจัดว่าอยู่ในระดับ 7 ดาว หากเพิ่มหลุมบรรจุมณีเข้าไปแล้ว ระดับของมันก็คือ 8 ดาว

สำหรับทักษะที่กักเก็บไว้ในมณีธาตุของเขา ทักษะโซ่ตรวนวายุถูกจัดว่าอยู่ในระดับ 8 ดาว ทักษะฝ่ามืออัสนีบาต 7 ดาว ทักษะเคลื่อนย้ายพริบตา 9 ดาว เนื่องจากมันเป็นทักษะที่สามารถใช้ช่วยชีวิตในยามคับขันได้ และสุดท้ายก็คือทักษะสัมผัสมืดที่ระดับ 8 ดาว ทว่าทั้งทักษะกลืนกินและทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์ก็ไม่ได้ถูกจัดระดับเนื่องจากแม้แต่สมาชิกของหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์ก็ยังไม่อาจระบุระดับของพวกมันได้อย่างถูกต้อง

ตามที่หัวเฟิงกล่าว มณีดวงแรกของโจวเหว่ยชิงมีทักษะกักเก็บไว้ยอดเยี่ยมกว่าทักษะทั้งหมดของแม่ทัพโจวเสียอีก!

หลังจากนั้นไม่นานก็มีคนพบเห็นสิ่งแปลกประหลาดในอาณาจักรเฟยหลี่ รถม้าที่หรูหรากำลังแล่นไปข้างหน้าขณะที่ชายหนุ่มผู้สวมเสื้อผ้าสกปรกและขาดรุ่งริ่งกำลังวิ่งไล่ตามหลังอย่างดุเดือดไม่ยอมหยุดพัก

20 วันหลังจากนั้น

ชายแดนทางเหนือของอาณาจักรเฟยหลี่

“เจ้าเห็นป่าที่ปกคลุมไปด้วยหิมะข้างหน้าไหม? ภารกิจของเราในวันนี้ก็คือการตามล่าและสังหารอสูรสวรรค์ระดับเทวะที่เรียกว่าหมีสวรรค์วิญญาณน้ำแข็ง มันอาศัยอยู่ในป่าแห่งนี้ หลังจากฆ่ามันแล้ว เราต้องนำแก่นพลัง ขน อุ้งมือ และถุงน้ำดีของมันออกมา”

“แก่นพลังคืออะไรหรือ?” โจวเหว่ยชิงถามด้วยสีหน้าสงสัยใคร่รู้ ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าผิวของเขามีสีแทนมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ทว่าเขาก็ดูมีกำลังวังชามากขึ้นด้วยเช่นกัน

ตั้งแต่เมื่อวาน ในที่สุดโจวเหว่ยชิงก็ได้รับอนุญาตให้หยุดวิ่งและสามารถเปลี่ยนไปสวมชุดใหม่ได้ ตั้งแต่พวกเขาเข้าสู่อาณาจักรเฟยหลี่ โจวเหว่ยชิงก็ต้องวิ่งตามรถม้ามาตลอดทาง ร่างกายทุกส่วนของเขาก็ดูแตกต่างออกไปมาก มันดูมีพละพลังและแข็งแกร่งขึ้น ทั้งดูสูงขึ้นอีกด้วย แม้ว่ารูปลักษณ์ของเขาจะยังคงดูเรียบง่ายและใสซื่อ แต่บางครั้งดวงตาของเขาก็ส่องประกายเจิดจ้า แสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์อันเยี่ยมยอดของเขา

หลังจากวิ่งอย่างบ้าคลั่งเป็นเวลา 20 วัน ประโยชน์ที่เขาได้รับคือพลังปราณสวรรค์ที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ ในขณะที่หลุมดำพลังปราณทั้ง 5 ดูดกลืนพลังปราณจากชั้นบรรยากาศเข้ามาอย่างต่อเนื่องเพื่อเติมเต็มพลังปราณที่ถูกใช้ไปอย่างรวดเร็วขณะวิ่งไล่ตามรถม้า หลุมดำพวกนั้นถูกเร่งความเร็วจนถึงขีดสูงสุด วิชาเทพอมตะให้ผลเร็วกว่าวิชาฝึกปราณทั่วๆ ไปอยู่แล้ว และด้วยความเร็วในการดูดกลืนที่เพิ่มขึ้นในทุกขณะ โจวเหว่ยชิงจึงรู้สึกว่าพลังปราณสวรรค์ระดับที่ 5 ของเขากำลังเริ่มกระสับกระส่าย ราวกับใกล้ถึงเวลาที่เขาจะต้องทะลวงจุดตายจุดแรกของวิชาส่วนที่สองแล้ว ด้วยประสบการณ์จากวิชาเทพอมตะส่วนแรก โจวเหว่ยชิงเข้าใจได้คร่าวๆ ว่าจุดตายแรกของแต่ละส่วนนั้นง่ายที่สุดในการทะลวง ทว่าก็อันตรายมากที่สุดอีกด้วย จำไม่ได้หรือว่าเขาเกือบจะตายตอนพยายามทะลวงจุดตายแรกตรงกระดูกไหปลาร้า?

นอกจากระดับพลังปราณสวรรค์จะเพิ่มขึ้นแล้ว การทะลวงจุดตายยังมีประโยชน์อื่นๆ อีก 2 ประการ ประการแรกคือช่วยให้ความสามารถมณียุทธ์ของเขาหลอมรวมเข้ากับร่างกายของเขาได้อย่างเหมาะสม นอกเหนือจากขาขวาปีศาจที่ถูกหลอมรวมเข้ากับร่างกายของเขาอย่างสมบูรณ์แล้ว ทันทีที่เขาเพ่งสติไปที่มณียุทธ์ ร่างกายของเขาก็จะได้รับพลังจากมณียุทธ์ทันที ร่างกายแข็งแกร่งจึงขึ้นและไม่อ่อนแอเหมือนที่เคยเป็น

มู่เอินยืนอยู่ข้างๆ โจวเหว่ยชิง เขากล่าวว่า “แก่นพลังจะปรากฏขึ้นเฉพาะกับอสูรสวรรค์ระดับเทวะขึ้นไป อย่างไรก็ตาม อสูรสวรรค์ก็มีพลังปราณสวรรค์เช่นกัน ที่สำคัญคือมันไม่แตกต่างจากพลังปราณสวรรค์ของมนุษย์มากนัก เมื่ออสูรสวรรค์ไต่ขึ้นไปถึงระดับเทวะ  พวกมันจะสามารถสร้างจินถานขึ้นมาได้ นั่นคือสิ่งที่เราเรียกว่าแก่นพลัง จ้าวมณีสามารถนำแก่นพลังที่มีทักษะเดียวกันไปใช้ได้ มันสามารถช่วยเร่งระดับการฝึกปราณและยังช่วยจ้าวมณีทะลวงไปสู่มณีดวงใหม่ได้อีกด้วย แก่นพลังสามารถนำไปใช้กับหลุมบรรจุมณีบนศาสตรามณียุทธ์ได้เช่นกัน หลุมบรรจุมณีนั้นนอกจากจะบรรจุมณีธาตุที่มีทักษะธาตุเดียวกันแล้ว ยังสามารถบรรจุแก่นพลังที่มีทักษะธาตุเดียวกันได้อีกด้วย ตัวอย่างเช่น เจ้าสามารถบรรจุแก่นพลังของอสูรสวรรค์ประเภทความแข็งแกร่งไว้ในธนูราชันเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับธนูของเจ้า นอกจากนี้ เนื่อง จากแก่นพลังสามารถดูดซับปราณสวรรค์จากชั้นบรรยากาศภายนอกเพื่อเติมเต็มพลังของตัวเองได้ พวกมันจึงไม่อาจถูกทำลายได้ง่ายๆ และเมื่อเจ้าไม่ต้องการใช้พวกมันแล้ว เจ้าก็สามารถนำพวกมันออกจากหลุมบรรจุมณีได้”

เมื่อโจวเหว่ยชิงได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายด้วยความยินดี “นั่นมีประโยชน์มาก! อย่างนั้นพวกเราจะรออะไรกันอีกล่ะ รีบไปหาสักสองสามดวงมาไว้ใช้เถอะ!”

มู่เอินกล่าวอย่างโมโห “เจ้าโง่! หุบปากซะ อย่าทำให้ข้าขายหน้าอีก!”

นอกจากหัวเฟิง สมาชิกคนอื่นๆต่างก็จ้องมองโจวเหว่ยชิงราวกับเขาเป็นคนโง่ นับตั้งแต่พวกเขาตระหนักถึงทักษะธาตุของโจวเหว่ยชิง คนเหล่านี้ก็แสดงให้เห็นว่าความอิจฉาตาร้อนนั้นเป็นเช่นไร พวกเขาไม่ลืมจะคว้าทุกโอกาสรุมทึ้งโจวเหว่ยชิง และเยาะเย้ยเขา

หลัวเขอตี้พูดอย่างประชดประชัน “หาเพิ่มอีกสองสามดวงงั้นรึ? เจ้าคิดว่าพวกมันจะหล่นมาจากสวรรค์รึไง? พวกเราจะเก็บมันมาได้ง่ายๆ ตามใจชอบหรือ? เจ้ารู้หรือไม่ว่าอสูรสวรรค์ระดับเทวะนั้นอันตรายแค่ไหน? แม้กระทั่งบิดาของเจ้า หากต้องเผชิญหน้ากับอสูรสวรรค์ระดับเทวะ แม้เขาจะมีทักษะธาตุมืดที่สามารถสยบพวกมันได้ เขาก็แทบจะเอาชนะอสูรสวรรค์ระดับเทวะพวกชั้นล่างๆไม่ได้ด้วยซ้ำ เจ้าคิดว่าพวกเราขนกันมาเป็นโขยงเพราะอะไรล่ะ?”

หัวเฟิงกล่าวสอดขึ้นมาว่า “เอาล่ะ พอแล้ว เตรียมตัวให้พร้อม ตามที่ผู้ว่าจ้างของเราให้ข้อมูลมานั้น มีหมีสวรรค์วิญญาณน้ำแข็งอย่างน้อย 20 ตัวอาศัยอยู่ในป่านี้ มู่เอิน เจ้าปกป้องเหว่ยน้อย ปิงเอ๋อร์ อยู่ข้างๆ ข้าไว้ ไปกันเถอะ”

เมื่อพูดจบ เขาก็เดินไปที่ด้านข้างของรถม้าและกดปุ่มอะไรบางอย่าง ทันใดนั้น ลิ้นชักที่ซ่อนอยู่ก็โผล่ออกมาจากทั้งสองฝั่งของรถม้า เสียงเสียดสีกระทบกันของโลหะดังขึ้น ข้างในนั้นเต็มไปด้วยสิ่งของต่างๆ มากมาย

สมาชิกของหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์รีบแต่งตัวและสวมใส่อุปกรณ์ต่างๆ อย่างรวดเร็ว พวกเขาทั้งหมดสวมเกราะหนังสีแดงเพิ่ม เกราะหนังไม่เพียงปกป้องร่างกายส่วนบนของพวกเขาเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมบริเวณข้อต่อและจุดอ่อนที่สำคัญบางอย่าง รวมถึงหมวกเกราะด้วย ในเวลาเดียวกัน พวกเขาแต่ละคนก็ถือคันธนูสองคัน โดยเอาคันธนูขนาดใหญ่พาดไว้ด้านหลัง สำหรับหัวเฟิง หลัวเขอตี้และมู่เอิน แล่งธนูของพวกเขามีลูกศรบรรจุประมาณ 200 ดอก แต่สำหรับฮั่นโม่และเกาเฉิน แล่งธนูของพวกเขามีมากจนครอบคลุมไปทั่วแผ่นหลัง จากการประเมินคร่าวๆ โจวเหว่ยชิงคิดว่ามีลูกศรอย่างน้อย 500 ดอกในแล่งธนูแต่ละอันของพวกเขา ด้านล่างแล่งธนูมีถุงน้ำและอาหารแห้งแขวนเอาไว้

ทันทีที่พวกเขาเตรียมตัวเสร็จเรียบร้อย หน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์ที่ดูทึมทื่อก็เปลี่ยนไปเป็นพวกเอาการเอางาน ราวกับมีรัศมีความเยือกเย็นลอยออกมาจางๆ จากร่างของพวกเขา

ขณะที่โจวเหว่ยชิงยืนอยู่ข้างๆ ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ เขาก็รู้สึกได้ถึงความกระหายเลือดที่เพิ่มขึ้นในตัวเขาขณะมองดูพวกอาวุโสกำลังสวมชุดเกราะหนัง โจวเหว่ยชิงรู้สึกได้ถึงความหยิ่งผยองบางอย่างกำลังคลืบคลานบุกรุกเข้ามาในตัวเขาเรื่อยๆ

โจวเหว่ยชิงและซ่างกวนปิงเอ๋อร์ไม่ได้รับแล่งธนูที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเหมือนคนอื่นๆ ทั้งคู่ได้รับแล่งธนูธรรมดา 4 อันที่บรรจุลูกศรรวมกันทั้งหมด 200 ดอก แน่นอนว่ามีอุปกรณ์บางอย่างเพิ่มเข้ามาด้วย

พวกเขาทั้ง 7 คนเดินเข้าไปในป่าอย่างเงียบๆ ที่นี่ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของชายแดนระหว่างอาณาจักรวั่นโซ่วและอาณาจักรเฟยหลี่

“อาจารย์ ชุดเกราะหนังที่ท่านใส่ทำมาจากอะไรหรือ? ทำไมข้ารู้สึกแปลกๆเช่นนี้?” โจวเหว่ยชิงถามด้วยสีหน้าสงสัยใคร่รู้

มู่เอินแสยะยิ้มและพูดว่า “ไอ้เจ้าเด็กโง่เง่า! นี่เป็นสมบัติล้ำค่า ทำมาจากหนังมังกร”

ดวงตาของโจวเหว่ยชิงเบิกกว้างขณะที่เขาอุทานว่า “หนังมังกร?? มังกรมีอยู่ในโลกนี้จริงๆ หรือ?”

…………………………………

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+