Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา 47.1 เด็กสาวผมขาวผู้ลึกลับ (1)

Now you are reading Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา Chapter 47.1 เด็กสาวผมขาวผู้ลึกลับ (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังจากที่เธอหายตัวเข้าไปในอาคาร เหล่าผู้คุ้มกันก็ดูเหมือนจะเพิ่งตื่นจากภวังค์ “เจ้าเดาได้ไหมว่านางอายุเท่าไหร่?” “ไม่ ข้าไม่เดาไม่ได้เลย แต่นางถึงกับเป็นจ้าวมณีสวรรค์ระดับปรมะขั้นสูงสุด! นานมากแล้วที่ข้าไม่ได้เห็นจ้าวมณีสวรรค์ที่ทรงพลังเข้ามาในวังกักเก็บทักษะของเราเช่นนี้ ข้าสงสัยว่าทำไมนางถึงไม่ไปที่อาณาจักรวั่นโซ่วโดยตรงเพื่อตามหาอสูรสวรรค์ที่เหมาะสมกว่า” “ใครจะไปรู้ล่ะ? อย่างไรข้าก็ขอเดาว่าจ้าวมณีสวรรค์ระดับปรมะขั้นสูงสุดผู้นี้น่าจะเป็นจ้าวมณีธาตุแสง…ดูสิ นางช่างสว่างไสวราวกับดวงอาทิตย์” หลังจากเข้าสู่วังกักเก็บทักษะแล้ว หญิงสาวผมขาวก็ไม่ได้ผ่อนฝีเท้าแต่อย่างใด เธอตรงเข้าไปยังเส้นทางที่นำไปสู่พื้นที่ส่วนกักเก็บทักษะธาตุมิติ ทุกย่างก้าวของเธอราวกับสามารถพาตัวเองไปด้านหน้าได้เกือบ 10 เมตรอย่างเป็นธรรมชาติ ล่องลอยไปบนพื้นกับว่าเธอไม่มีร่างกายจริงๆ ไม่นานนักเธอก็มาถึงห้องโถงเลือกระดับอสูรสวรรค์ เจ้าหน้าที่วังกักเก็บทักษะทั้ง  2 คนที่เฝ้าห้องโถงกำลังจะถามอีกฝ่ายว่ากำลังมองหาอสูรสวรรค์ระดับไหน แต่ทว่าหลังจากหญิงสาวผมขาวผู้นั้นโบกมือซ้ายของเธอน้อยๆ ให้แสงสีขาวสลัวสว่างวาบขึ้นมา ชายทั้ง 2 คนก็หงายหลังกลับไปที่เก้าอี้ของตนอย่างหมดสภาพ เมื่อแสงสีขาวกระพริบอีกครั้ง ร่างของเธอก็ทะลุหายลับเข้าไปในช่องทางที่เพิ่งสร้างขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ราวกับสายฟ้าฟาด ทางซึ่งนำไปสู่อสูรสวรรค์ระดับราชาเพียงหนึ่งเดียวของที่นี่ จักรพรรดิสีเงิน ไม่นานเธอก็มาปรากฏตัวต่อหน้าจักรพรรดิสีเงิน ราวกับสัมผัสได้ถึงการปรากฏตัวของเธอ จักรพรรดิสีเงินซึ่งถูกล่ามอยู่กับพื้นโดยตราประทับธาตุมืดที่ทรงพลังก็เงยหน้าขึ้น เมื่อมันเห็นหญิงสาวผมขาว มันก็เริ่มส่งเสียงร้องออกมาอย่างตื่นเต้น ขนสีเงินบนตัวของมันลุกชันขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ดวงตายังแสดงออกถึงความระริกระรี้ หญิงสาวผมขาวยกมือซ้ายของเธอขึ้นมาอีกครั้ง แสงสีขาวเข้มข้นหมุนวนออกมาห่อหุ้มร่างของจักรพรรดิสีเงินไว้เงียบๆ ทันทีที่แสงสีขาวนั้นปะทะกับตราประทับธาตุมืดที่หน้าผาก และส่วนปีกของมัน ร่างกายของจักรพรรดิสีเงินก็เริ่มสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่อยู่ ทันใดนั้นแสงเจิดจ้าสีขาวน้ำนมก็เปลี่ยนเป็นสีทองอร่ามตา ตราประทับธาตุมืดสีดำทั้ง 3 ก็เริ่มจางหายไปเหมือนหิมะที่หลอมละลายภายใต้ดวงอาทิตย์ยามฤดูร้อน จักรพรรดิสีเงินสะบัดปีกกางออกกว้างอย่างรุนแรง กลิ่นอายที่ทรงพลังและน่าหวาดกลัวพลันระเบิดออกมาจากร่างของมัน แว่วเสียงอะไรบางอย่างแตกออกเป็นเสี่ยงๆ จากนั้นโซ่บนร่างกายของนกตัวจ้อยก็ขาดออกจากกัน ไม่นานเสียงกรีดร้องที่ถูกระงับมาเป็นเวลานานก็ดังก้องออกมาจากปากของมัน หญิงสาวผมขาวมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าด้วยแววตาไม่ทุกข์ร้อน สีหน้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อย เธอสะบัดมือขวาอีกครั้ง แสงสีทองสว่างเป็นประกายก็พร่างพรมลงที่หน้าผากของจักรพรรดิสีเงิน ทันใดนั้นทั้งร่างของมันก็ถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีทองสลัวๆ กลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวรอบๆ ตัวมันก็ดูเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่า ดวงตาที่ฉายแววอ่อนล้าก็กลับมาแข็งแกร่งและทรงพลังขึ้น จากนั้นสัญลักษณ์สีทองก็ปรากฏขึ้นที่หน้าผากของมัน ในที่สุดหญิงสาวผมขาวก็เปิดปาก…เสียงของเธอนุ่มนวลและน่าฟัง…มีเสน่ห์แต่ทว่าก็ยังดูเหมือนไร้อารมณ์ “ตอนนี้ข้าช่วยเจ้าจากการคุมขังที่ทรมาน…ในอนาคต เจ้าคือคนของเทพหิมะ มากับข้า…” จักรพรรดิสีเงินพยักหน้าซ้ำๆ เสียงกรีดร้องของมันค่อยๆ แผ่วลงอย่างเชื่องช้า กลิ่นอายที่ดุดันและน่าสะพรึงกลัวซึ่งแสดงให้เห็นถึงพลังของอสูรสวรรค์ระดับราชาค่อยๆ สงบลงและจางหายไป จักรพรรดิสีเงินกางปีกออก จากนั้นบินทะยานออกมาร่อนลงบนไหล่ของเธอ แสงสีขาวสลัวค่อยๆ แผ่ขึ้นมาห่อหุ้มร่างของทั้งคู่เอาไว้ จากนั้นร่างของทั้ง 2 ก็ลอยขึ้นช้าๆ แสงสีขาวรอบๆ ร่างบิดเบี้ยวจนกลายเป็นก้อนกลมๆ และพุ่งทะยานออกไปจากวังกักเก็บทักษะราวกับสายฟ้าฟาด ก่อนหน้านี้เมื่อจักรพรรดิสีเงินกรีดร้องโหยหวนออกมา อาคารในวังกักเก็บทักษะต่างก็สั่นสะเทือนด้วยเสียงสะท้อนก้องที่รุนแรงของมัน ทันใดนั้น กลิ่นอายอันทรงพลังทั้ง 10 ก็ถูกปลุกขึ้นจากระยะไกลๆ ทั้งหมดต่างก็พุ่งตัวมายังวังกักเก็บทักษะด้วยความรวดเร็ว แต่ทว่าช่างน่าเสียดาย เมื่อไปถึงสิ่งที่พวกเขาเห็นคือก้อนพลังสีขาวขุ่นที่กำลังพุ่งปรี่ออกมาจากวังกักเก็บทักษะ ทันใดนั้นกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวทั้ง 10 ก็ร่วมมือกันล้อมก้อนแสงสีขาวนั้นไว้ด้วยความโกรธ เสียงคำรามที่อัดแน่นไปด้วยความเดือดดาลดังออกมาจากก้อนแสงนั้นพร้อมกับสายฟ้าสีเงินที่กะพริบออกมาเป็นระยะ มันทรงพลังราวกับว่าสายฟ้าสีเงินนั้นสามารถฉีกกระชากและกลืนกินวังกักเก็บทักษะได้ทั้งหลัง แม้ว่าทั้งคู่จะถูกปกคลุมด้วยแสงสีขาวสว่างจ้า แต่ก็ดูเหมือนว่าทั้งเด็กสาวผมขาวและนกน้อยกำลังถูกม่านพลังความมืดทั้ง 10 โอบล้อมเอาไว้  ในพริบตาต่อมา ทั้งแสงสีเงินและแสงสีขาวก็ดูเหมือนจะพร้อมใจกันระเบิดพลังออกมา ในพริบตานั้นม่านพลังธาตุมืดที่ล้อมรอบและปิดกั้นทางหนีของทั้งคู่ก็สูญสลายหายไปทันที จากนั้นหญิงสาวผมขาวและนกน้อยก็พุ่งทะยานหายไปจนลิบตา หลังจากความโกรธเกรี้ยวของผู้ทรงพลังทั้ง 10 ของวังกักเก็บทักษะได้เบาบางลงแล้ว พวกเขาก็มุ่งหน้าเข้าไปตรวจสอบห้องโถงหินของจักรพรรดิสีเงินและก็พบอักษรสีทองถูกสลักทิ้งเอาไว้ที่นั่น “กล้ากักขังอสูรสวรรค์ระดับราชาได้อย่างไร? ตอนนี้มันกลับสู่อ้อมแขนของภูเขาเทพหิมะแล้ว ถ้าเจ้ายังไม่เลิก   รา…ก็จงรอวันสูญสิ้น” เมื่อเห็นคำพูดนั้น พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหนาวไปถึงกระดูกสันหลัง พวกเขาอุทานว่า “ภูเขาเทพหิมะ…ซวยแล้ว!” … กลับมาที่โรงเรียนทหารเฟยหลี่ “อ้วนน้อย ตื่นเดี๋ยวนี้ พิธีเปิดจบแล้ว” ซ่างกวนปิงเอ๋อร์สะกิดโจวเหว่ยชิงที่งีบหลับอยู่ข้างๆ เธอ “หืม? จบ? อืม…น่าประทับใจๆ คำพูดของอาจารย์สร้างแรงบันดาลได้ดีจริงๆ” โจวเหว่ยชิงยังไม่ลืมตา แต่คำพูดนั้นก็หลุดออกมาจากปากของเขาแล้ว เมื่อได้ฟังคำพูดของเพื่อนคนนี้ นักเรียนที่นั่งอยู่รายรอบและเห็นเขาน้ำลายไหลขณะที่งีบหลับต่างก็พูดไม่ออก เมื่อโจวเหว่ยชิงลืมตาขึ้น ผู้มีอำนาจทั้งหมดของโรงเรียนก็จากไปแล้ว นักเรียนหลายคนก็กำลังลุกขึ้นยืนและเตรียมตัวจากไป “แรงบันดาลใจ?” เสียงเยาะเย้ยของหมิงฮัวดังเข้ามาในหูทำให้โจวเหว่ยชิงตื่นเต็มตาทันที “นักเรียนห้องเรียนเอกสามัญตามข้ากลับไปที่ห้องเรียน” ไม่นานนักเรียนทุกคนจึงมุ่งหน้าไปยังประตูทางออกของห้องประชุมตามคำแนะนำของหมิงฮัว หมิงฮัวสบตาโจวเหว่ยชิง เมื่อสบตากัน เขาก็ยักคิ้วให้อีกฝ่ายในขณะที่เธอก็โปรยยิ้มให้เขาอย่างทรงเสน่ห์ ราวกับว่าการต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายระหว่างพวกเขาไม่ได้เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ห้องเรียนของสามัญชนตั้งอยู่ที่ชั้นหนึ่งของอาคารเรียนหลักเช่นกัน ดังนั้นพวกเขาจึงมาถึงที่ห้องได้อย่างรวดเร็วหลังจากออกห้องประชุมได้ไม่นาน ในห้องเรียนมีทั้งหมด 40 ที่นั่ง มากเกินพอสำหรับพวกเขาทั้ง 29 คน ในบรรดานักเรียนทั้งหมด หม่าฉุนและโจวเหว่ยชิงนั้นตัวสูงใหญ่ที่สุด ดังนั้นพวกเขาจึงต้องนั่งอยู่ด้านหลังสุดไปโดยปริยาย เดิมทีโจวเหว่ยชิงต้องการให้ซ่างกวนปิง เอ๋อร์นั่งข้างๆ เขา แต่เธอกลับปฏิเสธ เหตุผลของเธอนั้นง่ายมาก ถ้าเธอนั่งข้างๆ เขา เขาก็จะพยายามทำตัวสนิทสนมกับเธอตลอดเวลา เมื่อเป็นดังนั้นพวกเขาจะสนใจการเรียนได้อย่างไร หมิงฮัวยืนอยู่ที่แท่นพูดด้านหน้าห้อง ในขณะนี้เธอไม่มีรอยยิ้มบนใบหน้าอีกต่อไป ภาพที่เห็นจึงเป็นภาพของอาจารย์ที่จริงจังมากผู้หนึ่ง อย่างไรก็ตาม รูปลักษณ์ของเธอดูยังดูยั่วเย้าและน่าดึงดูดมาก…นักเรียนชายส่วนใหญ่จึงจ้องมองไปที่เธอเป็นตาเดียว อีกทั้งนี่ยังเป็นครั้งแรกที่พวกเขารู้สึกว่าตนโชคดีที่ได้อยู่ในห้องเรียนสามัญชน! อย่างน้อยห้องชนชั้นสูงก็ไม่มีอาจารย์ที่ยอดเยี่ยมเช่นหมิงฮัว! หมิงฮัวกล่าวว่า “สวัสดีทุกคน ตามที่กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ข้าชื่อหมิงฮัว 4 ปีต่อไปนี้ ข้าจะเป็นอาจารย์ประจำชั้นของพวกเจ้า ข้าจะไม่พูดอะไรไร้สาระอีก…เมื่อเทียบกันแล้ว ห้องเรียนชั้นสามัญของเรานั้นมีพรสวรรค์สูงกว่าห้องเรียนชนชั้นสูงห้องอื่นๆแน่นอน ในอนาคต หากมีการทดสอบหรือการจัดสอบใดๆ เป้าหมายของพวกเราคืออันดับหนึ่งเสมอ ส่วนการเรียนการสอนจริงๆ จะเริ่มในวันพรุ่งนี้ เอาล่ะ นี่คือตารางเรียน…ทุกคนส่งต่อไปให้ทั่วห้อง” กล่าวจบเธอจึงสะบัดมือขึ้นและมีกระดาษปึกหนึ่งปรากฏในฝ่ามือของเธอ เห็นได้ชัดว่าเธอน่าจะมีแหวนมิติหรือสร้อยมิติบางประเภท เธอส่งตารางเรียนให้กับนักเรียนแถวหน้า โจวเหว่ยชิงนั่งอยู่ด้านหลัง เขาจึงเป็นคนสุดท้ายที่ได้ตารางเรียน เมื่อกวาดตามองครู่หนึ่ง เขาก็รู้สึกว่าในอนาคตจะมีเรื่องปวดหัวรออยู่อีกมาก…วิชาหลักๆ คือประวัติศาสตร์ของทวีป ภูมิศาสตร์ การสืบข่าวและสายลับ การวิเคราะห์การต่อสู้ กลยุทธ์การต่อสู้ ความสามารถในการต่อสู้เฉพาะตัว การจำลองโต๊ะทรายสนามรบ และการจำลองการต่อสู้อื่นๆ…นี่เป็นแค่วิชาบางส่วนของจากทั้งหมด 10 กว่าวิชาที่พวกเขาต้องเรียน ทุกวันจะมี 2 คาบเรียน หนึ่งวิชาในตอนเช้าและหนึ่งวิชาในตอนบ่าย เวลาเรียนจะสิ้นสุดลงในเวลาใกล้ค่ำ ทั้งสัปดาห์ทุกคนต้องเรียนเนื้อหาที่อัดแน่นมาก อีกทั้งยังมีวันหยุดแค่เพียงวันเดียว สำหรับคนอย่างโจวเหว่ยชิงที่ไม่เคยเรียนโรงเรียนเตรียมทหารระดับกลางมาก่อน นี่จึงเป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก เมื่อแจกจ่ายตารางเรียนออกไปและเห็นว่าทุกคนได้กวาดตามองเรียบร้อยแล้ว หมิงฮัวก็กล่าวต่อ “ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ขาดเรียน มาสายหรือออกก่อนเวลา จะมีการทดสอบทุกเดือนและการสอบไล่ทุกสิ้นปี ผู้ที่ไม่ผ่านการสอบไล่ประจำปีจะถูกบังคับให้ออกจากโรงเรียน ในช่วงบ่าย ทุกคนสามารถไปที่แผนกกิจการนักเรียนเพื่อรับเอกสารประกอบการเรียนและหนังสือได้ หากมีคำถามอื่นๆ ในอนาคต พวกเจ้าสามารถมาถามข้าได้ หลักสูตรที่ข้าสอนเป็นหลักคือ 3 ส่วนต่อไปนี้ การสืบข่าวและการสอดแนม การวิเคราะห์การรบ และความสามารถในการต่อสู้เฉพาะตัว” หม่าฉุนที่นั่งถัดจากโจวเหว่ยชิงร้องออกมาอย่างตื่นเต้นทันที “อาจารย์…ในวิชาความสามารถในการต่อสู้เฉพาะตัว…นั่นหมายความว่าเราสามารถต่อสู้กับท่านได้หรือไม่? หากมีการสัมผัสเนื้อตัวกัน…หึหึ…อาจารย์จะไม่ตำหนิพวกเราใช่ไหม?” หมิงฮ่าวยิ้มน้อยๆ น้ำเสียงแฝงความเจ้าเล่ห์และชั่วร้าย “ไม่ตำหนิแน่นอน อย่างไรก็ตาม…หากจะต่อยตีกับข้า…เจ้าต้องระมัดระวังตัวให้ดี…เพราะข้าไม่ค่อยยั้งมือเท่าไหร่…ชื่อของเจ้าคือหม่าฉุนใช่ไหม? ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเป็นจ้าวมณีสวรรค์ที่มีมณียุทธ์ประเภทป้องกันแบบบริสุทธิ์… ” หม่าฉุนยกมือขึ้นตบหน้าอกตนเองและกล่าวว่า “ใช่ขอรับอาจารย์! พลังปราณสวรรค์ของข้าอยู่ที่ขั้นพื้นฐานระดับ 7…ข้าเกือบจะมีมณีชุดที่ 2 แล้ว” หมิงฮัวพยักหน้าและกล่าวว่า “ดีมาก พรุ่งนี้เรามีเรียนวิชาความสามารถในการต่อสู้เฉพาะตัวพอดี ดังนั้นข้าไม่รังเกียจที่จะฝึกซ้อมให้เจ้าเป็นการส่วนตัว” หม่าฉุนดีใจมาก แม้ว่าหมิงฮัวจะเป็นอาจารย์ แต่อย่างไรนี่ก็เป็นโรงเรียนทหาร…เขาไม่คิดว่าสาวงามที่ดูอ่อนแออย่างหมิงฮัวจะแข็งแกร่งกว่าเขามากนัก แม้ว่าเธอจะแข็งแกร่งกว่าเขาเล็กน้อย เขาก็ยังมั่นใจในพลังการป้องกันของตน เอง…การถูกคนงามฟาดเช่นนั้นน่ะหรือ…ฮิๆ…มันก็เป็นความสุขไปอีกแบบ! ถ้าเขาสามารถสัมผัสเธอได้…นั่นก็คงจะยอดเยี่ยมมากทีเดียว! โจวเหว่ยชิงมองหม่าฉุนด้วยสายตาแสดงความสงสาร เขาย่อมรู้ดีถึงพลังที่แท้จริงของหมิงฮัว แน่นอนว่าโจวเหว่ยชิงไม่ออกปากเตือนหม่าฉุนแม้แต่น้อย หึๆ…ถ้าได้ต่อสู้กับหมิงฮัว เจ้ายักษ์นี่ได้ตกที่นั่งลำบากแน่ สายตาของหมิงฮัวย้ายจากหม่าฉุนไปที่โจวเหว่ยชิงขณะที่เธอพูดต่อ “ก่อนหน้านี้ โจวเหว่ยชิงบอกว่าเขาอยากเป็นหัวหน้าห้องของเรา อีกทั้งยังจะสนับสนุนสิ่งที่ทุกคนต้องการทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์หรือทักษะกักเก็บ ข้ามีความสุขมากที่ห้องของเรามีนักเรียนใจดีเช่นนี้ ใครจะคัดค้านเกี่ยวกับการเป็นหัวหน้าห้องของเขาบ้างไหม?” โดยไม่มีคำถาม…ทุกคนลงคะแนนให้โจวเหว่ยชิง ผู้ที่กำลังจ้องมองหมิงฮัวอย่างลำพองใจ หมิงฮัวไม่ได้เผยบุคลิกที่แท้จริงของเธอออกมาเหมือนกับตอนที่ต่อสู้กับโจวเหว่ยชิงเมื่อวานนี้ ตอนนี้เธอจึงดูเหมือนอาจารย์ธรรมดาๆ คนหนึ่ง “เอาล่ะ งั้นโจวเหว่ยชิงจะเป็นหัวหน้าห้องของเรา โข่วรุ่ย ข้าได้เห็นคำตอบในการสอบเข้าของเจ้าแล้ว…ในแง่ของการวิเคราะห์สถานการณ์ในสนามรบ เจ้าได้แสดงความสามารถมากมายทั้งในแง่ของการสืบข่าวและสายลับ พร้อมทั้งคิดค้นการต่อสู้ในแบบกองโจรวิธีใหม่ๆ มากมาย ข้าเชื่อว่าเจ้ามีความสามารถในด้านนี้สูงมากและข้าก็จะให้เจ้าเป็นผู้รับผิดชอบรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์และทักษะกักเก็บที่เหมาะสมกับเพื่อนร่วมชั้นทุกคน เมื่อทำเสร็จก็ส่งข้อมูลให้หัวหน้าห้องของเจ้า” …………………………

หลังจากที่เธอหายตัวเข้าไปในอาคาร เหล่าผู้คุ้มกันก็ดูเหมือนจะเพิ่งตื่นจากภวังค์

“เจ้าเดาได้ไหมว่านางอายุเท่าไหร่?”

“ไม่ ข้าไม่เดาไม่ได้เลย แต่นางถึงกับเป็นจ้าวมณีสวรรค์ระดับปรมะขั้นสูงสุด! นานมากแล้วที่ข้าไม่ได้เห็นจ้าวมณีสวรรค์ที่ทรงพลังเข้ามาในวังกักเก็บทักษะของเราเช่นนี้ ข้าสงสัยว่าทำไมนางถึงไม่ไปที่อาณาจักรวั่นโซ่วโดยตรงเพื่อตามหาอสูรสวรรค์ที่เหมาะสมกว่า”

“ใครจะไปรู้ล่ะ? อย่างไรข้าก็ขอเดาว่าจ้าวมณีสวรรค์ระดับปรมะขั้นสูงสุดผู้นี้น่าจะเป็นจ้าวมณีธาตุแสง…ดูสิ นางช่างสว่างไสวราวกับดวงอาทิตย์”

หลังจากเข้าสู่วังกักเก็บทักษะแล้ว หญิงสาวผมขาวก็ไม่ได้ผ่อนฝีเท้าแต่อย่างใด เธอตรงเข้าไปยังเส้นทางที่นำไปสู่พื้นที่ส่วนกักเก็บทักษะธาตุมิติ ทุกย่างก้าวของเธอราวกับสามารถพาตัวเองไปด้านหน้าได้เกือบ 10 เมตรอย่างเป็นธรรมชาติ ล่องลอยไปบนพื้นกับว่าเธอไม่มีร่างกายจริงๆ ไม่นานนักเธอก็มาถึงห้องโถงเลือกระดับอสูรสวรรค์

เจ้าหน้าที่วังกักเก็บทักษะทั้ง  2 คนที่เฝ้าห้องโถงกำลังจะถามอีกฝ่ายว่ากำลังมองหาอสูรสวรรค์ระดับไหน แต่ทว่าหลังจากหญิงสาวผมขาวผู้นั้นโบกมือซ้ายของเธอน้อยๆ ให้แสงสีขาวสลัวสว่างวาบขึ้นมา ชายทั้ง 2 คนก็หงายหลังกลับไปที่เก้าอี้ของตนอย่างหมดสภาพ เมื่อแสงสีขาวกระพริบอีกครั้ง ร่างของเธอก็ทะลุหายลับเข้าไปในช่องทางที่เพิ่งสร้างขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ราวกับสายฟ้าฟาด ทางซึ่งนำไปสู่อสูรสวรรค์ระดับราชาเพียงหนึ่งเดียวของที่นี่ จักรพรรดิสีเงิน

ไม่นานเธอก็มาปรากฏตัวต่อหน้าจักรพรรดิสีเงิน

ราวกับสัมผัสได้ถึงการปรากฏตัวของเธอ จักรพรรดิสีเงินซึ่งถูกล่ามอยู่กับพื้นโดยตราประทับธาตุมืดที่ทรงพลังก็เงยหน้าขึ้น เมื่อมันเห็นหญิงสาวผมขาว มันก็เริ่มส่งเสียงร้องออกมาอย่างตื่นเต้น ขนสีเงินบนตัวของมันลุกชันขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ดวงตายังแสดงออกถึงความระริกระรี้

หญิงสาวผมขาวยกมือซ้ายของเธอขึ้นมาอีกครั้ง แสงสีขาวเข้มข้นหมุนวนออกมาห่อหุ้มร่างของจักรพรรดิสีเงินไว้เงียบๆ ทันทีที่แสงสีขาวนั้นปะทะกับตราประทับธาตุมืดที่หน้าผาก และส่วนปีกของมัน ร่างกายของจักรพรรดิสีเงินก็เริ่มสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่อยู่

ทันใดนั้นแสงเจิดจ้าสีขาวน้ำนมก็เปลี่ยนเป็นสีทองอร่ามตา ตราประทับธาตุมืดสีดำทั้ง 3 ก็เริ่มจางหายไปเหมือนหิมะที่หลอมละลายภายใต้ดวงอาทิตย์ยามฤดูร้อน

จักรพรรดิสีเงินสะบัดปีกกางออกกว้างอย่างรุนแรง กลิ่นอายที่ทรงพลังและน่าหวาดกลัวพลันระเบิดออกมาจากร่างของมัน แว่วเสียงอะไรบางอย่างแตกออกเป็นเสี่ยงๆ จากนั้นโซ่บนร่างกายของนกตัวจ้อยก็ขาดออกจากกัน ไม่นานเสียงกรีดร้องที่ถูกระงับมาเป็นเวลานานก็ดังก้องออกมาจากปากของมัน

หญิงสาวผมขาวมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าด้วยแววตาไม่ทุกข์ร้อน สีหน้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อย เธอสะบัดมือขวาอีกครั้ง แสงสีทองสว่างเป็นประกายก็พร่างพรมลงที่หน้าผากของจักรพรรดิสีเงิน ทันใดนั้นทั้งร่างของมันก็ถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีทองสลัวๆ กลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวรอบๆ ตัวมันก็ดูเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่า ดวงตาที่ฉายแววอ่อนล้าก็กลับมาแข็งแกร่งและทรงพลังขึ้น จากนั้นสัญลักษณ์สีทองก็ปรากฏขึ้นที่หน้าผากของมัน

ในที่สุดหญิงสาวผมขาวก็เปิดปาก…เสียงของเธอนุ่มนวลและน่าฟัง…มีเสน่ห์แต่ทว่าก็ยังดูเหมือนไร้อารมณ์

“ตอนนี้ข้าช่วยเจ้าจากการคุมขังที่ทรมาน…ในอนาคต เจ้าคือคนของเทพหิมะ มากับข้า…”

จักรพรรดิสีเงินพยักหน้าซ้ำๆ เสียงกรีดร้องของมันค่อยๆ แผ่วลงอย่างเชื่องช้า กลิ่นอายที่ดุดันและน่าสะพรึงกลัวซึ่งแสดงให้เห็นถึงพลังของอสูรสวรรค์ระดับราชาค่อยๆ สงบลงและจางหายไป จักรพรรดิสีเงินกางปีกออก จากนั้นบินทะยานออกมาร่อนลงบนไหล่ของเธอ แสงสีขาวสลัวค่อยๆ แผ่ขึ้นมาห่อหุ้มร่างของทั้งคู่เอาไว้ จากนั้นร่างของทั้ง 2 ก็ลอยขึ้นช้าๆ แสงสีขาวรอบๆ ร่างบิดเบี้ยวจนกลายเป็นก้อนกลมๆ และพุ่งทะยานออกไปจากวังกักเก็บทักษะราวกับสายฟ้าฟาด

ก่อนหน้านี้เมื่อจักรพรรดิสีเงินกรีดร้องโหยหวนออกมา อาคารในวังกักเก็บทักษะต่างก็สั่นสะเทือนด้วยเสียงสะท้อนก้องที่รุนแรงของมัน ทันใดนั้น กลิ่นอายอันทรงพลังทั้ง 10 ก็ถูกปลุกขึ้นจากระยะไกลๆ ทั้งหมดต่างก็พุ่งตัวมายังวังกักเก็บทักษะด้วยความรวดเร็ว

แต่ทว่าช่างน่าเสียดาย เมื่อไปถึงสิ่งที่พวกเขาเห็นคือก้อนพลังสีขาวขุ่นที่กำลังพุ่งปรี่ออกมาจากวังกักเก็บทักษะ ทันใดนั้นกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวทั้ง 10 ก็ร่วมมือกันล้อมก้อนแสงสีขาวนั้นไว้ด้วยความโกรธ

เสียงคำรามที่อัดแน่นไปด้วยความเดือดดาลดังออกมาจากก้อนแสงนั้นพร้อมกับสายฟ้าสีเงินที่กะพริบออกมาเป็นระยะ มันทรงพลังราวกับว่าสายฟ้าสีเงินนั้นสามารถฉีกกระชากและกลืนกินวังกักเก็บทักษะได้ทั้งหลัง แม้ว่าทั้งคู่จะถูกปกคลุมด้วยแสงสีขาวสว่างจ้า แต่ก็ดูเหมือนว่าทั้งเด็กสาวผมขาวและนกน้อยกำลังถูกม่านพลังความมืดทั้ง 10 โอบล้อมเอาไว้  ในพริบตาต่อมา ทั้งแสงสีเงินและแสงสีขาวก็ดูเหมือนจะพร้อมใจกันระเบิดพลังออกมา ในพริบตานั้นม่านพลังธาตุมืดที่ล้อมรอบและปิดกั้นทางหนีของทั้งคู่ก็สูญสลายหายไปทันที จากนั้นหญิงสาวผมขาวและนกน้อยก็พุ่งทะยานหายไปจนลิบตา

หลังจากความโกรธเกรี้ยวของผู้ทรงพลังทั้ง 10 ของวังกักเก็บทักษะได้เบาบางลงแล้ว พวกเขาก็มุ่งหน้าเข้าไปตรวจสอบห้องโถงหินของจักรพรรดิสีเงินและก็พบอักษรสีทองถูกสลักทิ้งเอาไว้ที่นั่น

“กล้ากักขังอสูรสวรรค์ระดับราชาได้อย่างไร? ตอนนี้มันกลับสู่อ้อมแขนของภูเขาเทพหิมะแล้ว ถ้าเจ้ายังไม่เลิก   รา…ก็จงรอวันสูญสิ้น”

เมื่อเห็นคำพูดนั้น พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหนาวไปถึงกระดูกสันหลัง พวกเขาอุทานว่า “ภูเขาเทพหิมะ…ซวยแล้ว!”

กลับมาที่โรงเรียนทหารเฟยหลี่

“อ้วนน้อย ตื่นเดี๋ยวนี้ พิธีเปิดจบแล้ว” ซ่างกวนปิงเอ๋อร์สะกิดโจวเหว่ยชิงที่งีบหลับอยู่ข้างๆ เธอ

“หืม? จบ? อืม…น่าประทับใจๆ คำพูดของอาจารย์สร้างแรงบันดาลได้ดีจริงๆ” โจวเหว่ยชิงยังไม่ลืมตา แต่คำพูดนั้นก็หลุดออกมาจากปากของเขาแล้ว เมื่อได้ฟังคำพูดของเพื่อนคนนี้ นักเรียนที่นั่งอยู่รายรอบและเห็นเขาน้ำลายไหลขณะที่งีบหลับต่างก็พูดไม่ออก

เมื่อโจวเหว่ยชิงลืมตาขึ้น ผู้มีอำนาจทั้งหมดของโรงเรียนก็จากไปแล้ว นักเรียนหลายคนก็กำลังลุกขึ้นยืนและเตรียมตัวจากไป

“แรงบันดาลใจ?” เสียงเยาะเย้ยของหมิงฮัวดังเข้ามาในหูทำให้โจวเหว่ยชิงตื่นเต็มตาทันที “นักเรียนห้องเรียนเอกสามัญตามข้ากลับไปที่ห้องเรียน”

ไม่นานนักเรียนทุกคนจึงมุ่งหน้าไปยังประตูทางออกของห้องประชุมตามคำแนะนำของหมิงฮัว

หมิงฮัวสบตาโจวเหว่ยชิง เมื่อสบตากัน เขาก็ยักคิ้วให้อีกฝ่ายในขณะที่เธอก็โปรยยิ้มให้เขาอย่างทรงเสน่ห์ ราวกับว่าการต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายระหว่างพวกเขาไม่ได้เกิดขึ้นเมื่อวานนี้

ห้องเรียนของสามัญชนตั้งอยู่ที่ชั้นหนึ่งของอาคารเรียนหลักเช่นกัน ดังนั้นพวกเขาจึงมาถึงที่ห้องได้อย่างรวดเร็วหลังจากออกห้องประชุมได้ไม่นาน

ในห้องเรียนมีทั้งหมด 40 ที่นั่ง มากเกินพอสำหรับพวกเขาทั้ง 29 คน ในบรรดานักเรียนทั้งหมด หม่าฉุนและโจวเหว่ยชิงนั้นตัวสูงใหญ่ที่สุด ดังนั้นพวกเขาจึงต้องนั่งอยู่ด้านหลังสุดไปโดยปริยาย เดิมทีโจวเหว่ยชิงต้องการให้ซ่างกวนปิง เอ๋อร์นั่งข้างๆ เขา แต่เธอกลับปฏิเสธ เหตุผลของเธอนั้นง่ายมาก ถ้าเธอนั่งข้างๆ เขา เขาก็จะพยายามทำตัวสนิทสนมกับเธอตลอดเวลา เมื่อเป็นดังนั้นพวกเขาจะสนใจการเรียนได้อย่างไร

หมิงฮัวยืนอยู่ที่แท่นพูดด้านหน้าห้อง ในขณะนี้เธอไม่มีรอยยิ้มบนใบหน้าอีกต่อไป ภาพที่เห็นจึงเป็นภาพของอาจารย์ที่จริงจังมากผู้หนึ่ง อย่างไรก็ตาม รูปลักษณ์ของเธอดูยังดูยั่วเย้าและน่าดึงดูดมาก…นักเรียนชายส่วนใหญ่จึงจ้องมองไปที่เธอเป็นตาเดียว อีกทั้งนี่ยังเป็นครั้งแรกที่พวกเขารู้สึกว่าตนโชคดีที่ได้อยู่ในห้องเรียนสามัญชน! อย่างน้อยห้องชนชั้นสูงก็ไม่มีอาจารย์ที่ยอดเยี่ยมเช่นหมิงฮัว!

หมิงฮัวกล่าวว่า “สวัสดีทุกคน ตามที่กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ข้าชื่อหมิงฮัว 4 ปีต่อไปนี้ ข้าจะเป็นอาจารย์ประจำชั้นของพวกเจ้า ข้าจะไม่พูดอะไรไร้สาระอีก…เมื่อเทียบกันแล้ว ห้องเรียนชั้นสามัญของเรานั้นมีพรสวรรค์สูงกว่าห้องเรียนชนชั้นสูงห้องอื่นๆแน่นอน ในอนาคต หากมีการทดสอบหรือการจัดสอบใดๆ เป้าหมายของพวกเราคืออันดับหนึ่งเสมอ ส่วนการเรียนการสอนจริงๆ จะเริ่มในวันพรุ่งนี้ เอาล่ะ นี่คือตารางเรียน…ทุกคนส่งต่อไปให้ทั่วห้อง” กล่าวจบเธอจึงสะบัดมือขึ้นและมีกระดาษปึกหนึ่งปรากฏในฝ่ามือของเธอ เห็นได้ชัดว่าเธอน่าจะมีแหวนมิติหรือสร้อยมิติบางประเภท

เธอส่งตารางเรียนให้กับนักเรียนแถวหน้า

โจวเหว่ยชิงนั่งอยู่ด้านหลัง เขาจึงเป็นคนสุดท้ายที่ได้ตารางเรียน เมื่อกวาดตามองครู่หนึ่ง เขาก็รู้สึกว่าในอนาคตจะมีเรื่องปวดหัวรออยู่อีกมาก…วิชาหลักๆ คือประวัติศาสตร์ของทวีป ภูมิศาสตร์ การสืบข่าวและสายลับ การวิเคราะห์การต่อสู้ กลยุทธ์การต่อสู้ ความสามารถในการต่อสู้เฉพาะตัว การจำลองโต๊ะทรายสนามรบ และการจำลองการต่อสู้อื่นๆ…นี่เป็นแค่วิชาบางส่วนของจากทั้งหมด 10 กว่าวิชาที่พวกเขาต้องเรียน ทุกวันจะมี 2 คาบเรียน หนึ่งวิชาในตอนเช้าและหนึ่งวิชาในตอนบ่าย เวลาเรียนจะสิ้นสุดลงในเวลาใกล้ค่ำ ทั้งสัปดาห์ทุกคนต้องเรียนเนื้อหาที่อัดแน่นมาก อีกทั้งยังมีวันหยุดแค่เพียงวันเดียว สำหรับคนอย่างโจวเหว่ยชิงที่ไม่เคยเรียนโรงเรียนเตรียมทหารระดับกลางมาก่อน นี่จึงเป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก

เมื่อแจกจ่ายตารางเรียนออกไปและเห็นว่าทุกคนได้กวาดตามองเรียบร้อยแล้ว หมิงฮัวก็กล่าวต่อ “ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ขาดเรียน มาสายหรือออกก่อนเวลา จะมีการทดสอบทุกเดือนและการสอบไล่ทุกสิ้นปี ผู้ที่ไม่ผ่านการสอบไล่ประจำปีจะถูกบังคับให้ออกจากโรงเรียน ในช่วงบ่าย ทุกคนสามารถไปที่แผนกกิจการนักเรียนเพื่อรับเอกสารประกอบการเรียนและหนังสือได้ หากมีคำถามอื่นๆ ในอนาคต พวกเจ้าสามารถมาถามข้าได้ หลักสูตรที่ข้าสอนเป็นหลักคือ 3 ส่วนต่อไปนี้ การสืบข่าวและการสอดแนม การวิเคราะห์การรบ และความสามารถในการต่อสู้เฉพาะตัว”

หม่าฉุนที่นั่งถัดจากโจวเหว่ยชิงร้องออกมาอย่างตื่นเต้นทันที “อาจารย์…ในวิชาความสามารถในการต่อสู้เฉพาะตัว…นั่นหมายความว่าเราสามารถต่อสู้กับท่านได้หรือไม่? หากมีการสัมผัสเนื้อตัวกัน…หึหึ…อาจารย์จะไม่ตำหนิพวกเราใช่ไหม?”

หมิงฮ่าวยิ้มน้อยๆ น้ำเสียงแฝงความเจ้าเล่ห์และชั่วร้าย “ไม่ตำหนิแน่นอน อย่างไรก็ตาม…หากจะต่อยตีกับข้า…เจ้าต้องระมัดระวังตัวให้ดี…เพราะข้าไม่ค่อยยั้งมือเท่าไหร่…ชื่อของเจ้าคือหม่าฉุนใช่ไหม? ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเป็นจ้าวมณีสวรรค์ที่มีมณียุทธ์ประเภทป้องกันแบบบริสุทธิ์… ”

หม่าฉุนยกมือขึ้นตบหน้าอกตนเองและกล่าวว่า “ใช่ขอรับอาจารย์! พลังปราณสวรรค์ของข้าอยู่ที่ขั้นพื้นฐานระดับ 7…ข้าเกือบจะมีมณีชุดที่ 2 แล้ว”

หมิงฮัวพยักหน้าและกล่าวว่า “ดีมาก พรุ่งนี้เรามีเรียนวิชาความสามารถในการต่อสู้เฉพาะตัวพอดี ดังนั้นข้าไม่รังเกียจที่จะฝึกซ้อมให้เจ้าเป็นการส่วนตัว”

หม่าฉุนดีใจมาก แม้ว่าหมิงฮัวจะเป็นอาจารย์ แต่อย่างไรนี่ก็เป็นโรงเรียนทหาร…เขาไม่คิดว่าสาวงามที่ดูอ่อนแออย่างหมิงฮัวจะแข็งแกร่งกว่าเขามากนัก แม้ว่าเธอจะแข็งแกร่งกว่าเขาเล็กน้อย เขาก็ยังมั่นใจในพลังการป้องกันของตน เอง…การถูกคนงามฟาดเช่นนั้นน่ะหรือ…ฮิๆ…มันก็เป็นความสุขไปอีกแบบ! ถ้าเขาสามารถสัมผัสเธอได้…นั่นก็คงจะยอดเยี่ยมมากทีเดียว!

โจวเหว่ยชิงมองหม่าฉุนด้วยสายตาแสดงความสงสาร เขาย่อมรู้ดีถึงพลังที่แท้จริงของหมิงฮัว แน่นอนว่าโจวเหว่ยชิงไม่ออกปากเตือนหม่าฉุนแม้แต่น้อย หึๆ…ถ้าได้ต่อสู้กับหมิงฮัว เจ้ายักษ์นี่ได้ตกที่นั่งลำบากแน่

สายตาของหมิงฮัวย้ายจากหม่าฉุนไปที่โจวเหว่ยชิงขณะที่เธอพูดต่อ “ก่อนหน้านี้ โจวเหว่ยชิงบอกว่าเขาอยากเป็นหัวหน้าห้องของเรา อีกทั้งยังจะสนับสนุนสิ่งที่ทุกคนต้องการทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์หรือทักษะกักเก็บ ข้ามีความสุขมากที่ห้องของเรามีนักเรียนใจดีเช่นนี้ ใครจะคัดค้านเกี่ยวกับการเป็นหัวหน้าห้องของเขาบ้างไหม?”

โดยไม่มีคำถาม…ทุกคนลงคะแนนให้โจวเหว่ยชิง ผู้ที่กำลังจ้องมองหมิงฮัวอย่างลำพองใจ

หมิงฮัวไม่ได้เผยบุคลิกที่แท้จริงของเธอออกมาเหมือนกับตอนที่ต่อสู้กับโจวเหว่ยชิงเมื่อวานนี้ ตอนนี้เธอจึงดูเหมือนอาจารย์ธรรมดาๆ คนหนึ่ง “เอาล่ะ งั้นโจวเหว่ยชิงจะเป็นหัวหน้าห้องของเรา โข่วรุ่ย ข้าได้เห็นคำตอบในการสอบเข้าของเจ้าแล้ว…ในแง่ของการวิเคราะห์สถานการณ์ในสนามรบ เจ้าได้แสดงความสามารถมากมายทั้งในแง่ของการสืบข่าวและสายลับ พร้อมทั้งคิดค้นการต่อสู้ในแบบกองโจรวิธีใหม่ๆ มากมาย ข้าเชื่อว่าเจ้ามีความสามารถในด้านนี้สูงมากและข้าก็จะให้เจ้าเป็นผู้รับผิดชอบรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์และทักษะกักเก็บที่เหมาะสมกับเพื่อนร่วมชั้นทุกคน เมื่อทำเสร็จก็ส่งข้อมูลให้หัวหน้าห้องของเจ้า”

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา 47.1 เด็กสาวผมขาวผู้ลึกลับ (1)

Now you are reading Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา Chapter 47.1 เด็กสาวผมขาวผู้ลึกลับ (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังจากที่เธอหายตัวเข้าไปในอาคาร เหล่าผู้คุ้มกันก็ดูเหมือนจะเพิ่งตื่นจากภวังค์ “เจ้าเดาได้ไหมว่านางอายุเท่าไหร่?” “ไม่ ข้าไม่เดาไม่ได้เลย แต่นางถึงกับเป็นจ้าวมณีสวรรค์ระดับปรมะขั้นสูงสุด! นานมากแล้วที่ข้าไม่ได้เห็นจ้าวมณีสวรรค์ที่ทรงพลังเข้ามาในวังกักเก็บทักษะของเราเช่นนี้ ข้าสงสัยว่าทำไมนางถึงไม่ไปที่อาณาจักรวั่นโซ่วโดยตรงเพื่อตามหาอสูรสวรรค์ที่เหมาะสมกว่า” “ใครจะไปรู้ล่ะ? อย่างไรข้าก็ขอเดาว่าจ้าวมณีสวรรค์ระดับปรมะขั้นสูงสุดผู้นี้น่าจะเป็นจ้าวมณีธาตุแสง…ดูสิ นางช่างสว่างไสวราวกับดวงอาทิตย์” หลังจากเข้าสู่วังกักเก็บทักษะแล้ว หญิงสาวผมขาวก็ไม่ได้ผ่อนฝีเท้าแต่อย่างใด เธอตรงเข้าไปยังเส้นทางที่นำไปสู่พื้นที่ส่วนกักเก็บทักษะธาตุมิติ ทุกย่างก้าวของเธอราวกับสามารถพาตัวเองไปด้านหน้าได้เกือบ 10 เมตรอย่างเป็นธรรมชาติ ล่องลอยไปบนพื้นกับว่าเธอไม่มีร่างกายจริงๆ ไม่นานนักเธอก็มาถึงห้องโถงเลือกระดับอสูรสวรรค์ เจ้าหน้าที่วังกักเก็บทักษะทั้ง  2 คนที่เฝ้าห้องโถงกำลังจะถามอีกฝ่ายว่ากำลังมองหาอสูรสวรรค์ระดับไหน แต่ทว่าหลังจากหญิงสาวผมขาวผู้นั้นโบกมือซ้ายของเธอน้อยๆ ให้แสงสีขาวสลัวสว่างวาบขึ้นมา ชายทั้ง 2 คนก็หงายหลังกลับไปที่เก้าอี้ของตนอย่างหมดสภาพ เมื่อแสงสีขาวกระพริบอีกครั้ง ร่างของเธอก็ทะลุหายลับเข้าไปในช่องทางที่เพิ่งสร้างขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ราวกับสายฟ้าฟาด ทางซึ่งนำไปสู่อสูรสวรรค์ระดับราชาเพียงหนึ่งเดียวของที่นี่ จักรพรรดิสีเงิน ไม่นานเธอก็มาปรากฏตัวต่อหน้าจักรพรรดิสีเงิน ราวกับสัมผัสได้ถึงการปรากฏตัวของเธอ จักรพรรดิสีเงินซึ่งถูกล่ามอยู่กับพื้นโดยตราประทับธาตุมืดที่ทรงพลังก็เงยหน้าขึ้น เมื่อมันเห็นหญิงสาวผมขาว มันก็เริ่มส่งเสียงร้องออกมาอย่างตื่นเต้น ขนสีเงินบนตัวของมันลุกชันขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ดวงตายังแสดงออกถึงความระริกระรี้ หญิงสาวผมขาวยกมือซ้ายของเธอขึ้นมาอีกครั้ง แสงสีขาวเข้มข้นหมุนวนออกมาห่อหุ้มร่างของจักรพรรดิสีเงินไว้เงียบๆ ทันทีที่แสงสีขาวนั้นปะทะกับตราประทับธาตุมืดที่หน้าผาก และส่วนปีกของมัน ร่างกายของจักรพรรดิสีเงินก็เริ่มสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่อยู่ ทันใดนั้นแสงเจิดจ้าสีขาวน้ำนมก็เปลี่ยนเป็นสีทองอร่ามตา ตราประทับธาตุมืดสีดำทั้ง 3 ก็เริ่มจางหายไปเหมือนหิมะที่หลอมละลายภายใต้ดวงอาทิตย์ยามฤดูร้อน จักรพรรดิสีเงินสะบัดปีกกางออกกว้างอย่างรุนแรง กลิ่นอายที่ทรงพลังและน่าหวาดกลัวพลันระเบิดออกมาจากร่างของมัน แว่วเสียงอะไรบางอย่างแตกออกเป็นเสี่ยงๆ จากนั้นโซ่บนร่างกายของนกตัวจ้อยก็ขาดออกจากกัน ไม่นานเสียงกรีดร้องที่ถูกระงับมาเป็นเวลานานก็ดังก้องออกมาจากปากของมัน หญิงสาวผมขาวมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าด้วยแววตาไม่ทุกข์ร้อน สีหน้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อย เธอสะบัดมือขวาอีกครั้ง แสงสีทองสว่างเป็นประกายก็พร่างพรมลงที่หน้าผากของจักรพรรดิสีเงิน ทันใดนั้นทั้งร่างของมันก็ถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีทองสลัวๆ กลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวรอบๆ ตัวมันก็ดูเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่า ดวงตาที่ฉายแววอ่อนล้าก็กลับมาแข็งแกร่งและทรงพลังขึ้น จากนั้นสัญลักษณ์สีทองก็ปรากฏขึ้นที่หน้าผากของมัน ในที่สุดหญิงสาวผมขาวก็เปิดปาก…เสียงของเธอนุ่มนวลและน่าฟัง…มีเสน่ห์แต่ทว่าก็ยังดูเหมือนไร้อารมณ์ “ตอนนี้ข้าช่วยเจ้าจากการคุมขังที่ทรมาน…ในอนาคต เจ้าคือคนของเทพหิมะ มากับข้า…” จักรพรรดิสีเงินพยักหน้าซ้ำๆ เสียงกรีดร้องของมันค่อยๆ แผ่วลงอย่างเชื่องช้า กลิ่นอายที่ดุดันและน่าสะพรึงกลัวซึ่งแสดงให้เห็นถึงพลังของอสูรสวรรค์ระดับราชาค่อยๆ สงบลงและจางหายไป จักรพรรดิสีเงินกางปีกออก จากนั้นบินทะยานออกมาร่อนลงบนไหล่ของเธอ แสงสีขาวสลัวค่อยๆ แผ่ขึ้นมาห่อหุ้มร่างของทั้งคู่เอาไว้ จากนั้นร่างของทั้ง 2 ก็ลอยขึ้นช้าๆ แสงสีขาวรอบๆ ร่างบิดเบี้ยวจนกลายเป็นก้อนกลมๆ และพุ่งทะยานออกไปจากวังกักเก็บทักษะราวกับสายฟ้าฟาด ก่อนหน้านี้เมื่อจักรพรรดิสีเงินกรีดร้องโหยหวนออกมา อาคารในวังกักเก็บทักษะต่างก็สั่นสะเทือนด้วยเสียงสะท้อนก้องที่รุนแรงของมัน ทันใดนั้น กลิ่นอายอันทรงพลังทั้ง 10 ก็ถูกปลุกขึ้นจากระยะไกลๆ ทั้งหมดต่างก็พุ่งตัวมายังวังกักเก็บทักษะด้วยความรวดเร็ว แต่ทว่าช่างน่าเสียดาย เมื่อไปถึงสิ่งที่พวกเขาเห็นคือก้อนพลังสีขาวขุ่นที่กำลังพุ่งปรี่ออกมาจากวังกักเก็บทักษะ ทันใดนั้นกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวทั้ง 10 ก็ร่วมมือกันล้อมก้อนแสงสีขาวนั้นไว้ด้วยความโกรธ เสียงคำรามที่อัดแน่นไปด้วยความเดือดดาลดังออกมาจากก้อนแสงนั้นพร้อมกับสายฟ้าสีเงินที่กะพริบออกมาเป็นระยะ มันทรงพลังราวกับว่าสายฟ้าสีเงินนั้นสามารถฉีกกระชากและกลืนกินวังกักเก็บทักษะได้ทั้งหลัง แม้ว่าทั้งคู่จะถูกปกคลุมด้วยแสงสีขาวสว่างจ้า แต่ก็ดูเหมือนว่าทั้งเด็กสาวผมขาวและนกน้อยกำลังถูกม่านพลังความมืดทั้ง 10 โอบล้อมเอาไว้  ในพริบตาต่อมา ทั้งแสงสีเงินและแสงสีขาวก็ดูเหมือนจะพร้อมใจกันระเบิดพลังออกมา ในพริบตานั้นม่านพลังธาตุมืดที่ล้อมรอบและปิดกั้นทางหนีของทั้งคู่ก็สูญสลายหายไปทันที จากนั้นหญิงสาวผมขาวและนกน้อยก็พุ่งทะยานหายไปจนลิบตา หลังจากความโกรธเกรี้ยวของผู้ทรงพลังทั้ง 10 ของวังกักเก็บทักษะได้เบาบางลงแล้ว พวกเขาก็มุ่งหน้าเข้าไปตรวจสอบห้องโถงหินของจักรพรรดิสีเงินและก็พบอักษรสีทองถูกสลักทิ้งเอาไว้ที่นั่น “กล้ากักขังอสูรสวรรค์ระดับราชาได้อย่างไร? ตอนนี้มันกลับสู่อ้อมแขนของภูเขาเทพหิมะแล้ว ถ้าเจ้ายังไม่เลิก   รา…ก็จงรอวันสูญสิ้น” เมื่อเห็นคำพูดนั้น พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหนาวไปถึงกระดูกสันหลัง พวกเขาอุทานว่า “ภูเขาเทพหิมะ…ซวยแล้ว!” … กลับมาที่โรงเรียนทหารเฟยหลี่ “อ้วนน้อย ตื่นเดี๋ยวนี้ พิธีเปิดจบแล้ว” ซ่างกวนปิงเอ๋อร์สะกิดโจวเหว่ยชิงที่งีบหลับอยู่ข้างๆ เธอ “หืม? จบ? อืม…น่าประทับใจๆ คำพูดของอาจารย์สร้างแรงบันดาลได้ดีจริงๆ” โจวเหว่ยชิงยังไม่ลืมตา แต่คำพูดนั้นก็หลุดออกมาจากปากของเขาแล้ว เมื่อได้ฟังคำพูดของเพื่อนคนนี้ นักเรียนที่นั่งอยู่รายรอบและเห็นเขาน้ำลายไหลขณะที่งีบหลับต่างก็พูดไม่ออก เมื่อโจวเหว่ยชิงลืมตาขึ้น ผู้มีอำนาจทั้งหมดของโรงเรียนก็จากไปแล้ว นักเรียนหลายคนก็กำลังลุกขึ้นยืนและเตรียมตัวจากไป “แรงบันดาลใจ?” เสียงเยาะเย้ยของหมิงฮัวดังเข้ามาในหูทำให้โจวเหว่ยชิงตื่นเต็มตาทันที “นักเรียนห้องเรียนเอกสามัญตามข้ากลับไปที่ห้องเรียน” ไม่นานนักเรียนทุกคนจึงมุ่งหน้าไปยังประตูทางออกของห้องประชุมตามคำแนะนำของหมิงฮัว หมิงฮัวสบตาโจวเหว่ยชิง เมื่อสบตากัน เขาก็ยักคิ้วให้อีกฝ่ายในขณะที่เธอก็โปรยยิ้มให้เขาอย่างทรงเสน่ห์ ราวกับว่าการต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายระหว่างพวกเขาไม่ได้เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ห้องเรียนของสามัญชนตั้งอยู่ที่ชั้นหนึ่งของอาคารเรียนหลักเช่นกัน ดังนั้นพวกเขาจึงมาถึงที่ห้องได้อย่างรวดเร็วหลังจากออกห้องประชุมได้ไม่นาน ในห้องเรียนมีทั้งหมด 40 ที่นั่ง มากเกินพอสำหรับพวกเขาทั้ง 29 คน ในบรรดานักเรียนทั้งหมด หม่าฉุนและโจวเหว่ยชิงนั้นตัวสูงใหญ่ที่สุด ดังนั้นพวกเขาจึงต้องนั่งอยู่ด้านหลังสุดไปโดยปริยาย เดิมทีโจวเหว่ยชิงต้องการให้ซ่างกวนปิง เอ๋อร์นั่งข้างๆ เขา แต่เธอกลับปฏิเสธ เหตุผลของเธอนั้นง่ายมาก ถ้าเธอนั่งข้างๆ เขา เขาก็จะพยายามทำตัวสนิทสนมกับเธอตลอดเวลา เมื่อเป็นดังนั้นพวกเขาจะสนใจการเรียนได้อย่างไร หมิงฮัวยืนอยู่ที่แท่นพูดด้านหน้าห้อง ในขณะนี้เธอไม่มีรอยยิ้มบนใบหน้าอีกต่อไป ภาพที่เห็นจึงเป็นภาพของอาจารย์ที่จริงจังมากผู้หนึ่ง อย่างไรก็ตาม รูปลักษณ์ของเธอดูยังดูยั่วเย้าและน่าดึงดูดมาก…นักเรียนชายส่วนใหญ่จึงจ้องมองไปที่เธอเป็นตาเดียว อีกทั้งนี่ยังเป็นครั้งแรกที่พวกเขารู้สึกว่าตนโชคดีที่ได้อยู่ในห้องเรียนสามัญชน! อย่างน้อยห้องชนชั้นสูงก็ไม่มีอาจารย์ที่ยอดเยี่ยมเช่นหมิงฮัว! หมิงฮัวกล่าวว่า “สวัสดีทุกคน ตามที่กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ข้าชื่อหมิงฮัว 4 ปีต่อไปนี้ ข้าจะเป็นอาจารย์ประจำชั้นของพวกเจ้า ข้าจะไม่พูดอะไรไร้สาระอีก…เมื่อเทียบกันแล้ว ห้องเรียนชั้นสามัญของเรานั้นมีพรสวรรค์สูงกว่าห้องเรียนชนชั้นสูงห้องอื่นๆแน่นอน ในอนาคต หากมีการทดสอบหรือการจัดสอบใดๆ เป้าหมายของพวกเราคืออันดับหนึ่งเสมอ ส่วนการเรียนการสอนจริงๆ จะเริ่มในวันพรุ่งนี้ เอาล่ะ นี่คือตารางเรียน…ทุกคนส่งต่อไปให้ทั่วห้อง” กล่าวจบเธอจึงสะบัดมือขึ้นและมีกระดาษปึกหนึ่งปรากฏในฝ่ามือของเธอ เห็นได้ชัดว่าเธอน่าจะมีแหวนมิติหรือสร้อยมิติบางประเภท เธอส่งตารางเรียนให้กับนักเรียนแถวหน้า โจวเหว่ยชิงนั่งอยู่ด้านหลัง เขาจึงเป็นคนสุดท้ายที่ได้ตารางเรียน เมื่อกวาดตามองครู่หนึ่ง เขาก็รู้สึกว่าในอนาคตจะมีเรื่องปวดหัวรออยู่อีกมาก…วิชาหลักๆ คือประวัติศาสตร์ของทวีป ภูมิศาสตร์ การสืบข่าวและสายลับ การวิเคราะห์การต่อสู้ กลยุทธ์การต่อสู้ ความสามารถในการต่อสู้เฉพาะตัว การจำลองโต๊ะทรายสนามรบ และการจำลองการต่อสู้อื่นๆ…นี่เป็นแค่วิชาบางส่วนของจากทั้งหมด 10 กว่าวิชาที่พวกเขาต้องเรียน ทุกวันจะมี 2 คาบเรียน หนึ่งวิชาในตอนเช้าและหนึ่งวิชาในตอนบ่าย เวลาเรียนจะสิ้นสุดลงในเวลาใกล้ค่ำ ทั้งสัปดาห์ทุกคนต้องเรียนเนื้อหาที่อัดแน่นมาก อีกทั้งยังมีวันหยุดแค่เพียงวันเดียว สำหรับคนอย่างโจวเหว่ยชิงที่ไม่เคยเรียนโรงเรียนเตรียมทหารระดับกลางมาก่อน นี่จึงเป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก เมื่อแจกจ่ายตารางเรียนออกไปและเห็นว่าทุกคนได้กวาดตามองเรียบร้อยแล้ว หมิงฮัวก็กล่าวต่อ “ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ขาดเรียน มาสายหรือออกก่อนเวลา จะมีการทดสอบทุกเดือนและการสอบไล่ทุกสิ้นปี ผู้ที่ไม่ผ่านการสอบไล่ประจำปีจะถูกบังคับให้ออกจากโรงเรียน ในช่วงบ่าย ทุกคนสามารถไปที่แผนกกิจการนักเรียนเพื่อรับเอกสารประกอบการเรียนและหนังสือได้ หากมีคำถามอื่นๆ ในอนาคต พวกเจ้าสามารถมาถามข้าได้ หลักสูตรที่ข้าสอนเป็นหลักคือ 3 ส่วนต่อไปนี้ การสืบข่าวและการสอดแนม การวิเคราะห์การรบ และความสามารถในการต่อสู้เฉพาะตัว” หม่าฉุนที่นั่งถัดจากโจวเหว่ยชิงร้องออกมาอย่างตื่นเต้นทันที “อาจารย์…ในวิชาความสามารถในการต่อสู้เฉพาะตัว…นั่นหมายความว่าเราสามารถต่อสู้กับท่านได้หรือไม่? หากมีการสัมผัสเนื้อตัวกัน…หึหึ…อาจารย์จะไม่ตำหนิพวกเราใช่ไหม?” หมิงฮ่าวยิ้มน้อยๆ น้ำเสียงแฝงความเจ้าเล่ห์และชั่วร้าย “ไม่ตำหนิแน่นอน อย่างไรก็ตาม…หากจะต่อยตีกับข้า…เจ้าต้องระมัดระวังตัวให้ดี…เพราะข้าไม่ค่อยยั้งมือเท่าไหร่…ชื่อของเจ้าคือหม่าฉุนใช่ไหม? ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเป็นจ้าวมณีสวรรค์ที่มีมณียุทธ์ประเภทป้องกันแบบบริสุทธิ์… ” หม่าฉุนยกมือขึ้นตบหน้าอกตนเองและกล่าวว่า “ใช่ขอรับอาจารย์! พลังปราณสวรรค์ของข้าอยู่ที่ขั้นพื้นฐานระดับ 7…ข้าเกือบจะมีมณีชุดที่ 2 แล้ว” หมิงฮัวพยักหน้าและกล่าวว่า “ดีมาก พรุ่งนี้เรามีเรียนวิชาความสามารถในการต่อสู้เฉพาะตัวพอดี ดังนั้นข้าไม่รังเกียจที่จะฝึกซ้อมให้เจ้าเป็นการส่วนตัว” หม่าฉุนดีใจมาก แม้ว่าหมิงฮัวจะเป็นอาจารย์ แต่อย่างไรนี่ก็เป็นโรงเรียนทหาร…เขาไม่คิดว่าสาวงามที่ดูอ่อนแออย่างหมิงฮัวจะแข็งแกร่งกว่าเขามากนัก แม้ว่าเธอจะแข็งแกร่งกว่าเขาเล็กน้อย เขาก็ยังมั่นใจในพลังการป้องกันของตน เอง…การถูกคนงามฟาดเช่นนั้นน่ะหรือ…ฮิๆ…มันก็เป็นความสุขไปอีกแบบ! ถ้าเขาสามารถสัมผัสเธอได้…นั่นก็คงจะยอดเยี่ยมมากทีเดียว! โจวเหว่ยชิงมองหม่าฉุนด้วยสายตาแสดงความสงสาร เขาย่อมรู้ดีถึงพลังที่แท้จริงของหมิงฮัว แน่นอนว่าโจวเหว่ยชิงไม่ออกปากเตือนหม่าฉุนแม้แต่น้อย หึๆ…ถ้าได้ต่อสู้กับหมิงฮัว เจ้ายักษ์นี่ได้ตกที่นั่งลำบากแน่ สายตาของหมิงฮัวย้ายจากหม่าฉุนไปที่โจวเหว่ยชิงขณะที่เธอพูดต่อ “ก่อนหน้านี้ โจวเหว่ยชิงบอกว่าเขาอยากเป็นหัวหน้าห้องของเรา อีกทั้งยังจะสนับสนุนสิ่งที่ทุกคนต้องการทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์หรือทักษะกักเก็บ ข้ามีความสุขมากที่ห้องของเรามีนักเรียนใจดีเช่นนี้ ใครจะคัดค้านเกี่ยวกับการเป็นหัวหน้าห้องของเขาบ้างไหม?” โดยไม่มีคำถาม…ทุกคนลงคะแนนให้โจวเหว่ยชิง ผู้ที่กำลังจ้องมองหมิงฮัวอย่างลำพองใจ หมิงฮัวไม่ได้เผยบุคลิกที่แท้จริงของเธอออกมาเหมือนกับตอนที่ต่อสู้กับโจวเหว่ยชิงเมื่อวานนี้ ตอนนี้เธอจึงดูเหมือนอาจารย์ธรรมดาๆ คนหนึ่ง “เอาล่ะ งั้นโจวเหว่ยชิงจะเป็นหัวหน้าห้องของเรา โข่วรุ่ย ข้าได้เห็นคำตอบในการสอบเข้าของเจ้าแล้ว…ในแง่ของการวิเคราะห์สถานการณ์ในสนามรบ เจ้าได้แสดงความสามารถมากมายทั้งในแง่ของการสืบข่าวและสายลับ พร้อมทั้งคิดค้นการต่อสู้ในแบบกองโจรวิธีใหม่ๆ มากมาย ข้าเชื่อว่าเจ้ามีความสามารถในด้านนี้สูงมากและข้าก็จะให้เจ้าเป็นผู้รับผิดชอบรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์และทักษะกักเก็บที่เหมาะสมกับเพื่อนร่วมชั้นทุกคน เมื่อทำเสร็จก็ส่งข้อมูลให้หัวหน้าห้องของเจ้า” …………………………

หลังจากที่เธอหายตัวเข้าไปในอาคาร เหล่าผู้คุ้มกันก็ดูเหมือนจะเพิ่งตื่นจากภวังค์

“เจ้าเดาได้ไหมว่านางอายุเท่าไหร่?”

“ไม่ ข้าไม่เดาไม่ได้เลย แต่นางถึงกับเป็นจ้าวมณีสวรรค์ระดับปรมะขั้นสูงสุด! นานมากแล้วที่ข้าไม่ได้เห็นจ้าวมณีสวรรค์ที่ทรงพลังเข้ามาในวังกักเก็บทักษะของเราเช่นนี้ ข้าสงสัยว่าทำไมนางถึงไม่ไปที่อาณาจักรวั่นโซ่วโดยตรงเพื่อตามหาอสูรสวรรค์ที่เหมาะสมกว่า”

“ใครจะไปรู้ล่ะ? อย่างไรข้าก็ขอเดาว่าจ้าวมณีสวรรค์ระดับปรมะขั้นสูงสุดผู้นี้น่าจะเป็นจ้าวมณีธาตุแสง…ดูสิ นางช่างสว่างไสวราวกับดวงอาทิตย์”

หลังจากเข้าสู่วังกักเก็บทักษะแล้ว หญิงสาวผมขาวก็ไม่ได้ผ่อนฝีเท้าแต่อย่างใด เธอตรงเข้าไปยังเส้นทางที่นำไปสู่พื้นที่ส่วนกักเก็บทักษะธาตุมิติ ทุกย่างก้าวของเธอราวกับสามารถพาตัวเองไปด้านหน้าได้เกือบ 10 เมตรอย่างเป็นธรรมชาติ ล่องลอยไปบนพื้นกับว่าเธอไม่มีร่างกายจริงๆ ไม่นานนักเธอก็มาถึงห้องโถงเลือกระดับอสูรสวรรค์

เจ้าหน้าที่วังกักเก็บทักษะทั้ง  2 คนที่เฝ้าห้องโถงกำลังจะถามอีกฝ่ายว่ากำลังมองหาอสูรสวรรค์ระดับไหน แต่ทว่าหลังจากหญิงสาวผมขาวผู้นั้นโบกมือซ้ายของเธอน้อยๆ ให้แสงสีขาวสลัวสว่างวาบขึ้นมา ชายทั้ง 2 คนก็หงายหลังกลับไปที่เก้าอี้ของตนอย่างหมดสภาพ เมื่อแสงสีขาวกระพริบอีกครั้ง ร่างของเธอก็ทะลุหายลับเข้าไปในช่องทางที่เพิ่งสร้างขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ราวกับสายฟ้าฟาด ทางซึ่งนำไปสู่อสูรสวรรค์ระดับราชาเพียงหนึ่งเดียวของที่นี่ จักรพรรดิสีเงิน

ไม่นานเธอก็มาปรากฏตัวต่อหน้าจักรพรรดิสีเงิน

ราวกับสัมผัสได้ถึงการปรากฏตัวของเธอ จักรพรรดิสีเงินซึ่งถูกล่ามอยู่กับพื้นโดยตราประทับธาตุมืดที่ทรงพลังก็เงยหน้าขึ้น เมื่อมันเห็นหญิงสาวผมขาว มันก็เริ่มส่งเสียงร้องออกมาอย่างตื่นเต้น ขนสีเงินบนตัวของมันลุกชันขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ดวงตายังแสดงออกถึงความระริกระรี้

หญิงสาวผมขาวยกมือซ้ายของเธอขึ้นมาอีกครั้ง แสงสีขาวเข้มข้นหมุนวนออกมาห่อหุ้มร่างของจักรพรรดิสีเงินไว้เงียบๆ ทันทีที่แสงสีขาวนั้นปะทะกับตราประทับธาตุมืดที่หน้าผาก และส่วนปีกของมัน ร่างกายของจักรพรรดิสีเงินก็เริ่มสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่อยู่

ทันใดนั้นแสงเจิดจ้าสีขาวน้ำนมก็เปลี่ยนเป็นสีทองอร่ามตา ตราประทับธาตุมืดสีดำทั้ง 3 ก็เริ่มจางหายไปเหมือนหิมะที่หลอมละลายภายใต้ดวงอาทิตย์ยามฤดูร้อน

จักรพรรดิสีเงินสะบัดปีกกางออกกว้างอย่างรุนแรง กลิ่นอายที่ทรงพลังและน่าหวาดกลัวพลันระเบิดออกมาจากร่างของมัน แว่วเสียงอะไรบางอย่างแตกออกเป็นเสี่ยงๆ จากนั้นโซ่บนร่างกายของนกตัวจ้อยก็ขาดออกจากกัน ไม่นานเสียงกรีดร้องที่ถูกระงับมาเป็นเวลานานก็ดังก้องออกมาจากปากของมัน

หญิงสาวผมขาวมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าด้วยแววตาไม่ทุกข์ร้อน สีหน้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อย เธอสะบัดมือขวาอีกครั้ง แสงสีทองสว่างเป็นประกายก็พร่างพรมลงที่หน้าผากของจักรพรรดิสีเงิน ทันใดนั้นทั้งร่างของมันก็ถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีทองสลัวๆ กลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวรอบๆ ตัวมันก็ดูเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่า ดวงตาที่ฉายแววอ่อนล้าก็กลับมาแข็งแกร่งและทรงพลังขึ้น จากนั้นสัญลักษณ์สีทองก็ปรากฏขึ้นที่หน้าผากของมัน

ในที่สุดหญิงสาวผมขาวก็เปิดปาก…เสียงของเธอนุ่มนวลและน่าฟัง…มีเสน่ห์แต่ทว่าก็ยังดูเหมือนไร้อารมณ์

“ตอนนี้ข้าช่วยเจ้าจากการคุมขังที่ทรมาน…ในอนาคต เจ้าคือคนของเทพหิมะ มากับข้า…”

จักรพรรดิสีเงินพยักหน้าซ้ำๆ เสียงกรีดร้องของมันค่อยๆ แผ่วลงอย่างเชื่องช้า กลิ่นอายที่ดุดันและน่าสะพรึงกลัวซึ่งแสดงให้เห็นถึงพลังของอสูรสวรรค์ระดับราชาค่อยๆ สงบลงและจางหายไป จักรพรรดิสีเงินกางปีกออก จากนั้นบินทะยานออกมาร่อนลงบนไหล่ของเธอ แสงสีขาวสลัวค่อยๆ แผ่ขึ้นมาห่อหุ้มร่างของทั้งคู่เอาไว้ จากนั้นร่างของทั้ง 2 ก็ลอยขึ้นช้าๆ แสงสีขาวรอบๆ ร่างบิดเบี้ยวจนกลายเป็นก้อนกลมๆ และพุ่งทะยานออกไปจากวังกักเก็บทักษะราวกับสายฟ้าฟาด

ก่อนหน้านี้เมื่อจักรพรรดิสีเงินกรีดร้องโหยหวนออกมา อาคารในวังกักเก็บทักษะต่างก็สั่นสะเทือนด้วยเสียงสะท้อนก้องที่รุนแรงของมัน ทันใดนั้น กลิ่นอายอันทรงพลังทั้ง 10 ก็ถูกปลุกขึ้นจากระยะไกลๆ ทั้งหมดต่างก็พุ่งตัวมายังวังกักเก็บทักษะด้วยความรวดเร็ว

แต่ทว่าช่างน่าเสียดาย เมื่อไปถึงสิ่งที่พวกเขาเห็นคือก้อนพลังสีขาวขุ่นที่กำลังพุ่งปรี่ออกมาจากวังกักเก็บทักษะ ทันใดนั้นกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวทั้ง 10 ก็ร่วมมือกันล้อมก้อนแสงสีขาวนั้นไว้ด้วยความโกรธ

เสียงคำรามที่อัดแน่นไปด้วยความเดือดดาลดังออกมาจากก้อนแสงนั้นพร้อมกับสายฟ้าสีเงินที่กะพริบออกมาเป็นระยะ มันทรงพลังราวกับว่าสายฟ้าสีเงินนั้นสามารถฉีกกระชากและกลืนกินวังกักเก็บทักษะได้ทั้งหลัง แม้ว่าทั้งคู่จะถูกปกคลุมด้วยแสงสีขาวสว่างจ้า แต่ก็ดูเหมือนว่าทั้งเด็กสาวผมขาวและนกน้อยกำลังถูกม่านพลังความมืดทั้ง 10 โอบล้อมเอาไว้  ในพริบตาต่อมา ทั้งแสงสีเงินและแสงสีขาวก็ดูเหมือนจะพร้อมใจกันระเบิดพลังออกมา ในพริบตานั้นม่านพลังธาตุมืดที่ล้อมรอบและปิดกั้นทางหนีของทั้งคู่ก็สูญสลายหายไปทันที จากนั้นหญิงสาวผมขาวและนกน้อยก็พุ่งทะยานหายไปจนลิบตา

หลังจากความโกรธเกรี้ยวของผู้ทรงพลังทั้ง 10 ของวังกักเก็บทักษะได้เบาบางลงแล้ว พวกเขาก็มุ่งหน้าเข้าไปตรวจสอบห้องโถงหินของจักรพรรดิสีเงินและก็พบอักษรสีทองถูกสลักทิ้งเอาไว้ที่นั่น

“กล้ากักขังอสูรสวรรค์ระดับราชาได้อย่างไร? ตอนนี้มันกลับสู่อ้อมแขนของภูเขาเทพหิมะแล้ว ถ้าเจ้ายังไม่เลิก   รา…ก็จงรอวันสูญสิ้น”

เมื่อเห็นคำพูดนั้น พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหนาวไปถึงกระดูกสันหลัง พวกเขาอุทานว่า “ภูเขาเทพหิมะ…ซวยแล้ว!”

กลับมาที่โรงเรียนทหารเฟยหลี่

“อ้วนน้อย ตื่นเดี๋ยวนี้ พิธีเปิดจบแล้ว” ซ่างกวนปิงเอ๋อร์สะกิดโจวเหว่ยชิงที่งีบหลับอยู่ข้างๆ เธอ

“หืม? จบ? อืม…น่าประทับใจๆ คำพูดของอาจารย์สร้างแรงบันดาลได้ดีจริงๆ” โจวเหว่ยชิงยังไม่ลืมตา แต่คำพูดนั้นก็หลุดออกมาจากปากของเขาแล้ว เมื่อได้ฟังคำพูดของเพื่อนคนนี้ นักเรียนที่นั่งอยู่รายรอบและเห็นเขาน้ำลายไหลขณะที่งีบหลับต่างก็พูดไม่ออก

เมื่อโจวเหว่ยชิงลืมตาขึ้น ผู้มีอำนาจทั้งหมดของโรงเรียนก็จากไปแล้ว นักเรียนหลายคนก็กำลังลุกขึ้นยืนและเตรียมตัวจากไป

“แรงบันดาลใจ?” เสียงเยาะเย้ยของหมิงฮัวดังเข้ามาในหูทำให้โจวเหว่ยชิงตื่นเต็มตาทันที “นักเรียนห้องเรียนเอกสามัญตามข้ากลับไปที่ห้องเรียน”

ไม่นานนักเรียนทุกคนจึงมุ่งหน้าไปยังประตูทางออกของห้องประชุมตามคำแนะนำของหมิงฮัว

หมิงฮัวสบตาโจวเหว่ยชิง เมื่อสบตากัน เขาก็ยักคิ้วให้อีกฝ่ายในขณะที่เธอก็โปรยยิ้มให้เขาอย่างทรงเสน่ห์ ราวกับว่าการต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายระหว่างพวกเขาไม่ได้เกิดขึ้นเมื่อวานนี้

ห้องเรียนของสามัญชนตั้งอยู่ที่ชั้นหนึ่งของอาคารเรียนหลักเช่นกัน ดังนั้นพวกเขาจึงมาถึงที่ห้องได้อย่างรวดเร็วหลังจากออกห้องประชุมได้ไม่นาน

ในห้องเรียนมีทั้งหมด 40 ที่นั่ง มากเกินพอสำหรับพวกเขาทั้ง 29 คน ในบรรดานักเรียนทั้งหมด หม่าฉุนและโจวเหว่ยชิงนั้นตัวสูงใหญ่ที่สุด ดังนั้นพวกเขาจึงต้องนั่งอยู่ด้านหลังสุดไปโดยปริยาย เดิมทีโจวเหว่ยชิงต้องการให้ซ่างกวนปิง เอ๋อร์นั่งข้างๆ เขา แต่เธอกลับปฏิเสธ เหตุผลของเธอนั้นง่ายมาก ถ้าเธอนั่งข้างๆ เขา เขาก็จะพยายามทำตัวสนิทสนมกับเธอตลอดเวลา เมื่อเป็นดังนั้นพวกเขาจะสนใจการเรียนได้อย่างไร

หมิงฮัวยืนอยู่ที่แท่นพูดด้านหน้าห้อง ในขณะนี้เธอไม่มีรอยยิ้มบนใบหน้าอีกต่อไป ภาพที่เห็นจึงเป็นภาพของอาจารย์ที่จริงจังมากผู้หนึ่ง อย่างไรก็ตาม รูปลักษณ์ของเธอดูยังดูยั่วเย้าและน่าดึงดูดมาก…นักเรียนชายส่วนใหญ่จึงจ้องมองไปที่เธอเป็นตาเดียว อีกทั้งนี่ยังเป็นครั้งแรกที่พวกเขารู้สึกว่าตนโชคดีที่ได้อยู่ในห้องเรียนสามัญชน! อย่างน้อยห้องชนชั้นสูงก็ไม่มีอาจารย์ที่ยอดเยี่ยมเช่นหมิงฮัว!

หมิงฮัวกล่าวว่า “สวัสดีทุกคน ตามที่กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ข้าชื่อหมิงฮัว 4 ปีต่อไปนี้ ข้าจะเป็นอาจารย์ประจำชั้นของพวกเจ้า ข้าจะไม่พูดอะไรไร้สาระอีก…เมื่อเทียบกันแล้ว ห้องเรียนชั้นสามัญของเรานั้นมีพรสวรรค์สูงกว่าห้องเรียนชนชั้นสูงห้องอื่นๆแน่นอน ในอนาคต หากมีการทดสอบหรือการจัดสอบใดๆ เป้าหมายของพวกเราคืออันดับหนึ่งเสมอ ส่วนการเรียนการสอนจริงๆ จะเริ่มในวันพรุ่งนี้ เอาล่ะ นี่คือตารางเรียน…ทุกคนส่งต่อไปให้ทั่วห้อง” กล่าวจบเธอจึงสะบัดมือขึ้นและมีกระดาษปึกหนึ่งปรากฏในฝ่ามือของเธอ เห็นได้ชัดว่าเธอน่าจะมีแหวนมิติหรือสร้อยมิติบางประเภท

เธอส่งตารางเรียนให้กับนักเรียนแถวหน้า

โจวเหว่ยชิงนั่งอยู่ด้านหลัง เขาจึงเป็นคนสุดท้ายที่ได้ตารางเรียน เมื่อกวาดตามองครู่หนึ่ง เขาก็รู้สึกว่าในอนาคตจะมีเรื่องปวดหัวรออยู่อีกมาก…วิชาหลักๆ คือประวัติศาสตร์ของทวีป ภูมิศาสตร์ การสืบข่าวและสายลับ การวิเคราะห์การต่อสู้ กลยุทธ์การต่อสู้ ความสามารถในการต่อสู้เฉพาะตัว การจำลองโต๊ะทรายสนามรบ และการจำลองการต่อสู้อื่นๆ…นี่เป็นแค่วิชาบางส่วนของจากทั้งหมด 10 กว่าวิชาที่พวกเขาต้องเรียน ทุกวันจะมี 2 คาบเรียน หนึ่งวิชาในตอนเช้าและหนึ่งวิชาในตอนบ่าย เวลาเรียนจะสิ้นสุดลงในเวลาใกล้ค่ำ ทั้งสัปดาห์ทุกคนต้องเรียนเนื้อหาที่อัดแน่นมาก อีกทั้งยังมีวันหยุดแค่เพียงวันเดียว สำหรับคนอย่างโจวเหว่ยชิงที่ไม่เคยเรียนโรงเรียนเตรียมทหารระดับกลางมาก่อน นี่จึงเป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก

เมื่อแจกจ่ายตารางเรียนออกไปและเห็นว่าทุกคนได้กวาดตามองเรียบร้อยแล้ว หมิงฮัวก็กล่าวต่อ “ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ขาดเรียน มาสายหรือออกก่อนเวลา จะมีการทดสอบทุกเดือนและการสอบไล่ทุกสิ้นปี ผู้ที่ไม่ผ่านการสอบไล่ประจำปีจะถูกบังคับให้ออกจากโรงเรียน ในช่วงบ่าย ทุกคนสามารถไปที่แผนกกิจการนักเรียนเพื่อรับเอกสารประกอบการเรียนและหนังสือได้ หากมีคำถามอื่นๆ ในอนาคต พวกเจ้าสามารถมาถามข้าได้ หลักสูตรที่ข้าสอนเป็นหลักคือ 3 ส่วนต่อไปนี้ การสืบข่าวและการสอดแนม การวิเคราะห์การรบ และความสามารถในการต่อสู้เฉพาะตัว”

หม่าฉุนที่นั่งถัดจากโจวเหว่ยชิงร้องออกมาอย่างตื่นเต้นทันที “อาจารย์…ในวิชาความสามารถในการต่อสู้เฉพาะตัว…นั่นหมายความว่าเราสามารถต่อสู้กับท่านได้หรือไม่? หากมีการสัมผัสเนื้อตัวกัน…หึหึ…อาจารย์จะไม่ตำหนิพวกเราใช่ไหม?”

หมิงฮ่าวยิ้มน้อยๆ น้ำเสียงแฝงความเจ้าเล่ห์และชั่วร้าย “ไม่ตำหนิแน่นอน อย่างไรก็ตาม…หากจะต่อยตีกับข้า…เจ้าต้องระมัดระวังตัวให้ดี…เพราะข้าไม่ค่อยยั้งมือเท่าไหร่…ชื่อของเจ้าคือหม่าฉุนใช่ไหม? ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเป็นจ้าวมณีสวรรค์ที่มีมณียุทธ์ประเภทป้องกันแบบบริสุทธิ์… ”

หม่าฉุนยกมือขึ้นตบหน้าอกตนเองและกล่าวว่า “ใช่ขอรับอาจารย์! พลังปราณสวรรค์ของข้าอยู่ที่ขั้นพื้นฐานระดับ 7…ข้าเกือบจะมีมณีชุดที่ 2 แล้ว”

หมิงฮัวพยักหน้าและกล่าวว่า “ดีมาก พรุ่งนี้เรามีเรียนวิชาความสามารถในการต่อสู้เฉพาะตัวพอดี ดังนั้นข้าไม่รังเกียจที่จะฝึกซ้อมให้เจ้าเป็นการส่วนตัว”

หม่าฉุนดีใจมาก แม้ว่าหมิงฮัวจะเป็นอาจารย์ แต่อย่างไรนี่ก็เป็นโรงเรียนทหาร…เขาไม่คิดว่าสาวงามที่ดูอ่อนแออย่างหมิงฮัวจะแข็งแกร่งกว่าเขามากนัก แม้ว่าเธอจะแข็งแกร่งกว่าเขาเล็กน้อย เขาก็ยังมั่นใจในพลังการป้องกันของตน เอง…การถูกคนงามฟาดเช่นนั้นน่ะหรือ…ฮิๆ…มันก็เป็นความสุขไปอีกแบบ! ถ้าเขาสามารถสัมผัสเธอได้…นั่นก็คงจะยอดเยี่ยมมากทีเดียว!

โจวเหว่ยชิงมองหม่าฉุนด้วยสายตาแสดงความสงสาร เขาย่อมรู้ดีถึงพลังที่แท้จริงของหมิงฮัว แน่นอนว่าโจวเหว่ยชิงไม่ออกปากเตือนหม่าฉุนแม้แต่น้อย หึๆ…ถ้าได้ต่อสู้กับหมิงฮัว เจ้ายักษ์นี่ได้ตกที่นั่งลำบากแน่

สายตาของหมิงฮัวย้ายจากหม่าฉุนไปที่โจวเหว่ยชิงขณะที่เธอพูดต่อ “ก่อนหน้านี้ โจวเหว่ยชิงบอกว่าเขาอยากเป็นหัวหน้าห้องของเรา อีกทั้งยังจะสนับสนุนสิ่งที่ทุกคนต้องการทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์หรือทักษะกักเก็บ ข้ามีความสุขมากที่ห้องของเรามีนักเรียนใจดีเช่นนี้ ใครจะคัดค้านเกี่ยวกับการเป็นหัวหน้าห้องของเขาบ้างไหม?”

โดยไม่มีคำถาม…ทุกคนลงคะแนนให้โจวเหว่ยชิง ผู้ที่กำลังจ้องมองหมิงฮัวอย่างลำพองใจ

หมิงฮัวไม่ได้เผยบุคลิกที่แท้จริงของเธอออกมาเหมือนกับตอนที่ต่อสู้กับโจวเหว่ยชิงเมื่อวานนี้ ตอนนี้เธอจึงดูเหมือนอาจารย์ธรรมดาๆ คนหนึ่ง “เอาล่ะ งั้นโจวเหว่ยชิงจะเป็นหัวหน้าห้องของเรา โข่วรุ่ย ข้าได้เห็นคำตอบในการสอบเข้าของเจ้าแล้ว…ในแง่ของการวิเคราะห์สถานการณ์ในสนามรบ เจ้าได้แสดงความสามารถมากมายทั้งในแง่ของการสืบข่าวและสายลับ พร้อมทั้งคิดค้นการต่อสู้ในแบบกองโจรวิธีใหม่ๆ มากมาย ข้าเชื่อว่าเจ้ามีความสามารถในด้านนี้สูงมากและข้าก็จะให้เจ้าเป็นผู้รับผิดชอบรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์และทักษะกักเก็บที่เหมาะสมกับเพื่อนร่วมชั้นทุกคน เมื่อทำเสร็จก็ส่งข้อมูลให้หัวหน้าห้องของเจ้า”

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+