Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา 39.2 จักรพรรดิสีเงิน (2)

Now you are reading Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา Chapter 39.2 จักรพรรดิสีเงิน (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังจากได้รับบัตรเก็บเหรียญทอง โจวเหว่ยชิงก็ไม่อาจห้ามสีหน้าตื่นเต้นของเข้าได้ หลังจากกล่าวขอบคุณชายวัยกลางคนทั้งคู่แล้ว เขาก็ออกจากวังกักเก็บทักษะมาอย่างอย่างรวดเร็ว

เมื่อออกมายืนอยู่ด้านนอกประตูทางเข้าของวังกักเก็บทักษะ เขาก็อยากจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง ข้า! บิดาคนนี้เป็นคนรวยแล้ว! 450,000 เหรียญทองงั้นรึ! ฮ่าๆ อาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ช่างเป็นอาชีพที่ยอดเยี่ยมจริงๆ! ปิงเอ๋อร์ ในอนาคตถ้าเจ้าอยากจะกักเก็บทักษะอะไร ข้าก็โยนถุงเงินแสนให้เจ้าเอง!

“เจ้าคนนั้นน่ะ อย่าขวาง หลีกทางไปซิ” ในขณะที่โจวเหว่ยชิงกำลังยืนพร้อมรอยยิ้มโง่เง่าบนใบหน้า น้ำเสียงเย็นชาก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะทำให้เขาต้องหลุดออกจากภวังค์ จู่ๆ เขาก็ตระหนักได้ว่าตนกำลังยืนขวางกลางทางเข้าของวังกักเก็บทักษะ แต่ทว่าทางเข้าของวังกักเก็บทักษะนั้นก็ใหญ่มากเช่นกัน แน่นอนว่ามีพื้นที่มากพอให้เดินอ้อมเขาไป

ขณะนี้มีชายหญิง 2 คน ยืนกำลังอยู่เบื้องหน้าเขา ส่วนคนที่พูดประโยคนั้นออกมาคือหญิงสาวคนหนึ่ง เธอกำลังยืนคล้องแขนกับเด็กหนุ่มข้างๆ ใบหน้าแสดงท่าทีอวดดี

เธอสวมชุดกระโปรงยาวสีแดงเพลิงที่ขับเน้นรูปร่างที่น่าหลงใหล ดวงหน้าที่งดงามของเธอก็ดูมีเสน่ห์มาก ผมสีแดงยาวสลวยพาดอยู่บนไหล่ สิ่งเดียวที่ทำให้ใบหน้าของเธอดูมีตำหนิไปเล็กน้อยก็คือสีหน้าดูถูกเหยียดหยามและคิ้วที่ขมวดขึ้นอย่างถือดี

เด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ หญิงสาวชุดแดงสวมชุดสีดำที่มีแถบสีทองประดับอยู่ ส่งเสริมให้ภาพลักษณ์ของเขาดูเรียบง่ายแต่ทว่าสูงส่ง ผมสั้นสีน้ำเงินเข้มของเขาถูกตัดเป็นระเบียบและสะอาดสะอ้าน จมูกโด่งเป็นสัน ดวงตาสีฟ้าสดใสแลดูอบอุ่น ทว่าคิ้วของเขากลับขมวดมุ่นเมื่อได้ยินคำพูดของหญิงสาวที่มาด้วยกัน

กิริยาท่าทางและกลิ่นอายของเขาดูสูงส่งกว่าหญิงสาวคนข้างๆ มาก และแม้ว่าเขาจะอายุเพียง 20 กว่าปี แต่ดูเหมือนว่าเขาจะครอบครองความสง่างามนี้มาแต่กำเนิด อีกทั้งเขาก็ยังดูสุขุมเกินวัยด้วย

โจวเหว่ยชิงไม่อยากจะก่อเรื่อง เขารู้ว่าตนเป็นคนผิดเพราะดันมายืนขวางทางเข้าอยู่เป็นเวลานาน แต่ทว่าเมื่อเขาหันไปเห็นหญิงสาวผู้นั้น ฝีเท้าของเขาก็ต้องชะงักลงด้วยความคาดไม่ถึง พริบตานั้นประกายเยือกเย็นพลันปรากฏในดวงตาของเขา แน่นอนว่าเขารู้จักหญิงสาวกระโปรงแดงผู้นี้!

“เจ้าบ้านนอกเซ่อซ่านี่ จ้องอะไรข้า! ออกไปให้พ้นเดี๋ยวนี้!” หญิงสาวร้องออกมาอีกครั้งด้วยความโมโห ถ้าไม่ใช่เพราะเด็กหนุ่มชุดดำข้างๆ บางทีคำพูดของเธออาจจะรุนแรงกว่านี้ก็เป็นได้

โจวเหว่ยชิงหัวเราะออกมา มันเป็นเสียงหัวเราะที่ดูใสซื่อบริสุทธิ์ “คู่หมั้นที่รัก เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ! พวกเรายังไม่ได้ถอนหมั้นกัน แต่เจ้ากลับพบเป้าหมายใหม่แล้ว? ดีมาก ดีจริงๆ”

เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวที่กำลังคล้องแขนชายชุดดำอยู่นั้นคือเจ้าหญิงแห่งอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์ องค์หญิงตี้ฝูหยา คู่หมั้นของโจวเหว่ยชิง

หลังจากผ่านไป 2 ปี ตี้ฝูหยาก็ดูงดงามขึ้นกว่าเดิม อายุ 19 นั้นถือว่าอยู่ในวัยที่หญิงสาวจะบานสะพรั่งงดงามที่สุด อนิจจา ไม่ว่าเธอจะงดงามเพียงใด ในสายตาของโจวเหว่ยชิง เธอก็ยังดูอัปลักษณ์อย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อนึกย้อนไปถึงว่าเขาเกือบจะตายภายใต้เงื้อมมือของเธออย่างไรและตอนนี้เธอกำลังจับมือผู้ชายอีกคนอยู่อย่างไร มือของโจวเหว่ยชิงก็กำแน่นจนขึ้นข้อขาวโดยไม่รู้ตัว แม้ว่าเขาจะต้องการจะถอนหมั้น แต่อย่างไรตอนนี้เธอก็ยังคงเป็นคู่หมั้นของเขาอยู่ หากพบว่าเธอกำลังจับมือผู้ชายคนอื่นอย่างสนิทสนมเช่นนี้ ผู้ชายคนไหนก็ไม่อาจทนได้

เมื่อได้ยินคำพูดของโจวเหว่ยชิง ร่างของตี้ฝูหยาก็เกิดสั่นเทาขึ้นมา สายตาพลันปรากฏความไม่เชื่อถือ หลังจากผ่านไปกว่า 2 ปี รูปลักษณ์ของโจวเหว่ยชิงก็เปลี่ยนแปลงไปมาก  เพียงแค่ส่วนสูงที่เพิ่มขึ้นมาเพียงอย่างเดียวก็ดูไม่น่าเชื่อแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูซอมซ่อและท่าทางเช่นคนเร่ร่อนของเขาประกอบกับตี้ฝูหยาไม่คาดคิดว่าจะได้พบเขาที่นี่ ทั้งหมดทั้งมวลนั่นทำให้เธอจดจำเขาไม่ได้ หลังเพ่งดูใกล้ๆ ในที่สุดเธอก็รู้ว่าเขาเป็นใคร

“เจ้า…..เจ้ามาทำอะไรที่นี่?” ตี้ฝูหยาถามด้วยสีหน้าลำบากใจ ก่อนที่ความวิตกกังวลจะปรากฏขึ้นในดวงตาของเธอ แน่นอนว่าความกังวลนั้นไม่ได้เกิดเพราะโจวเหว่ยชิงแต่เป็นเพราะชายหนุ่มอีกคนต่างหาก

“คู่หมั้น?” ชายหนุ่มในชุดดำกล่าวด้วยน้ำเสียงแปลกใจ เขาหันไปจ้องตี้ฝูหยาด้วยสายตาเย็นเยียบ

ฉับพลันนั้นตี้ฝูหยารู้สึกทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ “พี่หยู อย่าเพิ่งเข้าใจผิด ข้าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขา เขาเป็นเพียงบุตรชายไร้ประโยชน์ของแม่ทัพระดับสูงคนหนึ่งในอาณาจักรของข้าและการหมั้นของพวกเราก็เป็นคำสั่งของบิดาข้าเท่านั้น ข้าพยายามจะถอนหมั้นกับเขามาโดยตลอด…”

ชายหนุ่มชุดดำดึงแขนออกจากการเกาะกุมของตี้ฝูหยาอย่างชำนาญและเผยรอยยิ้มสง่างามออกมาขณะที่พูดว่า “นั่นเป็นปัญหาของเจ้ากับเขา อย่างไรเจ้าก็ควรรู้นิสัยของข้า ข้าไม่ต้องการให้ผู้หญิงของข้าไปมีข้อผูกพันกับผู้ชายคนอื่น องค์หญิงตี้ฝูหยา ความสัมพันธ์ของพวกเราสิ้นสุดลงแล้ว”

ราวกับว่าเขาเพิ่งทำอะไรบางอย่างที่ไม่สำคัญเท่าไหร่ เด็กหนุ่มชุดดำเดินจ้ำอ้าวเข้าไปในวังกักเก็บทักษะโดยไม่หันมาสนใจตี้ฝูหยาที่ยืนอยู่ที่เดิมด้วยความตกตะลึง ขณะที่เขาเดินผ่านโจวเหว่ยชิง เขาก็ยิ้มและพูดว่า “น้องชาย ไม่เลวเลยนี่ เจ้าช่างโชคดีจริงๆ ไม่ต้องกังวล ข้ายังไม่ได้แตะต้องตี้ฝูหยา เธอยังบริสุทธิ์อยู่”

“บริสุทธิ์หาน้องสาวเจ้าสิ” โจวเหว่ยชิงตอบโต้อย่างเฉยเมย จากนั้นก็ยืนนิ่งไม่ขยับ

รอยยิ้มที่สง่างามและสงบเยือกเย็นของชายหนุ่มชุดสีดำหยุดชะงักลงในช่วงเวลานั้นทันที จากนั้นน้ำเสียงของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาราวกับมีเจตนาสังหาร “เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”

ในช่วงเวลานั้นโจวเหว่ยชิงรู้สึกราวกับว่าเขากำลังติดอยู่ท่ามกลางสมรภูมิทะเลเลือดและกองซากศพ เขาค่อนข้างคุ้นเคยกับรังสีสังหารที่แผ่ออกมาจากตัวชายชุดดำคนนี้ดีเนื่องจากเขาเคยสัมผัสถึงกลิ่นอายที่คล้ายกันนี้จากบิดาของเขามาก่อน ถึงกระนั้น เมื่อเขาหันไปหาชายหนุ่มชุดดำ เขาก็ยังมีรอยยิ้มที่สดใส ใบหน้าเผยความไร้เดียงสา ขณะที่เขาพูดออกมาอย่างชัดเจนทีละคำ “บริสุทธิ์หาน้องสาวเจ้าสิ”

สายตาของพวกเขาทั้ง 2 คนปะทะกันกลางอากาศ ราวกับว่ากำลังเกิดประกายไฟแล่นเปรี้ยะอยู่ระหว่างทั้งสองคน ทันใดนั้นมือขวาของชายหนุ่มชุดดำก็มุ่งตรงไปยังใบหน้าของโจวเหว่ยชิงด้วยความเร็วที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ในเวลาเดียวกันโจวเหว่ยชิงก็ยกมือขวาขึ้นมา

เสียงระเบิดดังขึ้นกลางอากาศเมื่อมีบางอย่างเข้าปะทะกัน ตี้ฝูหยาที่ยืนอยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่หลาก็ถูกคลื่นนั้นกระแทกถอยหลังไป 2 – 3 ก้าวจนเกือบตกจากขั้นบันได

โจวเหว่ยชิงเองก็ยังถูกคลื่นพลังนั้นกระแทกจนต้องถอยหลังไป 2 ก้าวก่อนที่เขาจะกลับมาทรงตัวได้ อย่างไรก็ ตามฝั่งชายหนุ่มชุดดำกลับขยับเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไหล่ของเขาสั่นไหวเบาๆ เนื่องจากดูดซับแรงกระแทกเอาไว้ เขาเพียงแค่ถอยหลังไปครึ่งก้าวก่อนที่จะกลับมายืนตรงได้ดั่งเดิม

รูม่านตาของโจวเหว่ยชิงหดแคบลงทันที ประกายชั่วร้ายวาบผ่านขึ้นมาในดวงตาของเขาราวกับว่ามีสัตว์ร้ายซ่อนอยู่ภายในพร้อมจะกระโจนออกมาได้ทุกเมื่อ สำหรับชายหนุ่มชุดดำนั้น ใบหน้าของเขาก็เผยความประหลาดใจออกมาเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ออกแรงมากนัก ทว่าสำหรับคนที่อยู่ตรงหน้าเขา ทั้งที่ดูเด็กกว่ามาก แต่ก็ยังสามารถรองรับแรงกระแทกพลังของเขาได้อย่างไม่คาดฝัน แม้กระทั่งทำให้เขาถอยหลังไปได้ถึงครึ่งก้าว ความแข็งแกร่งดังกล่าวเกินกว่าที่เขาคาดการณ์เอาไว้จริงๆ

ชายคนนี้มีระดับพลังปราณสวรรค์สูงกว่าข้ามากทีเดียว! โจวเหว่ยชิงคิดคำนวณในใจอย่างรวดเร็ว ท้ายที่สุดแล้วมณียุทธ์บริสุทธิ์ของเขาก็เป็นประเภทที่เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับร่างกาย เมื่อรวมกับพลังความแข็งแกร่งที่ไข่มุกสีดำมอบให้ ความแข็งแกร่งของเขานั้นถือว่าเหนือกว่าจ้าวมณีสวรรค์ทั่วไปด้วยซ้ำ ทว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ความแข็งแกร่งของเขากลับต้องพ่ายแพ้ นั่นอาจหมายความว่าชายหนุ่มผู้นี้มีระดับพลังปราณที่สูงกว่าเขามาก

โจวเหว่ยชิงไม่ชักช้า เขาก้าวขาซ้ายไปข้างหน้า จากนั้นหมัดขวาของเขาก็พุ่งทะยานออกไปทันที ในเวลาเดียวกันหลุมดำพลังปราณทั้ง 12 แห่งที่จุดตายต่างๆ ได้เริ่มหมุนวนอย่างเต็มประสิทธิภาพ แสงสีขาวเรืองรองขึ้นโอบล้อมกำปั้นของเขาขณะที่มันพุ่งเข้าหาชายหนุ่มเบื้องหน้า

เด็กหนุ่มในชุดสีดำไม่ได้ถอยหนี เขาง้างหมัดของเขาขึ้นมาเช่นกัน แสงสีขาวสว่างตรงเข้าโอบล้อมกำปั้นของเขาขณะที่ขยับชกไปด้านหน้า อย่างไรก็ตาม แสงสีขาวรอบๆ กำปั้นของเขาก็ดูหนาแน่นและแข็งแกร่งกว่าของโจวเหว่ยชิงมาก

ในขณะที่หมัดของพวกเขากำลังจะปะทะกัน เด็กหนุ่มชุดดำก็รู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติ พริบตานั้นเอง โจว เหว่ยชิงก็หายตัวไปต่อหน้าเขา

มณีธาตุที่ส่องแสงแวววาวราวกับเครื่องแก้วทั้ง 5 ดวงและมณียุทธ์หยกน้ำแข็งที่คล้ายกันอีก 5 ดวงปรากฏขึ้นพร้อมกันรอบข้อมือของชายหนุ่มที่สวมชุดดำ เมื่อมณีธาตุดวงที่ 3 ของเขาเปล่งประกายแสงเจิดจ้า แสงสีขาวก็เริ่มกระจายตัวโอบล้อมร่างเขาเอาไว้ทันที ในเวลาเดียวกันนั้นเสียงระเบิดก็ดังขึ้นที่ด้านหลังเขา

ร่างของเด็กหนุ่มในชุดดำโงนเงนไปข้างหน้า ไหล่สั่นสะท้านตามแรงกระแทกที่ได้รับก่อนจะต้องขยับตัวก้าวไปด้านหน้าอีกก้าวอย่างช่วยไม่ได้ เกราะแสงสีขาวรอบๆ ตัวดูเหมือนจะแตกละเอียดราวกับเศษแก้ว จากนั้นเขาก็หมุนตัวกลับไปมองด้วยความประหลาดใจที่เห็นโจวเหว่ยชิงปรากฏตัวอยู่ด้านหลังของเขา ในเวลานี้ โจวเหว่ยชิงเองก็ถูกกระแทกไปข้างหลังด้วยการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเกราะแสงสีขาวเช่นกัน

”ทักษะเคลื่อนย้ายพริบตา?! เจ้าเป็นจ้าวมณีสวรรค์ธาตุมิติ?” สายตาที่ชายหนุ่มชุดดำใช้มองโจวเหว่ยชิงเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด แน่นอนว่าสิ่งที่เขาประหลาดใจไม่ใช่เพราะสถานะจ้าวมณีสวรรค์หรือทักษะธาตุมิติของโจวเหว่ยชิงแต่เป็นเพราะทักษะเคลื่อนย้ายพริบตาที่เขามีต่างหาก ท้ายที่สุดแล้วในอาณาจักรเฟยหลี่นั้นจ้าวมณีสวรรค์ไม่ได้หายากเหมือนในอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์ และแน่นอนว่ายังมีจ้าวมณีสวรรค์ธาตุมิติระดับสูงอีกเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม แม้ในหมู่จ้าวมณีสวรรค์ธาตุมิติระดับสูงพวกนั้น ผู้ที่มีทักษะเคลื่อนย้ายพริบตานั้นก็ถือว่าหาได้ยากมาก และสิ่งนี้ก็ดูน่าเหลือเชื่อมากยิ่งขึ้นเมื่อรวมเข้ากับความจริงที่ว่าโจวเหว่ยชิงยังมีอายุน้อยมาก! ในโลกของจ้าวมณีสวรรค์นั้น ระดับพลังปราณสวรรค์และจำนวนมณีสวรรค์ถือว่าเป็นบรรทัดฐานในการตัดสินพลังของจ้าวมณีสวรรค์ แต่ประเภทของทักษะก็มีความสำคัญเช่นกัน บางครั้งอาจจะสำคัญกว่าระดับพลังปราณด้วยซ้ำ อย่างไรเสีย จ้าวมณีสวรรค์ที่มีทักษะระดับสูงก็จะสามารถเอาชนะผู้ที่มีพลังปราณระดับเดียวกันหรือแม้กระทั่งระดับที่สูงกว่าเล็กน้อยได้อย่างง่ายดาย

โจวเหว่ยชิงมองไปที่คู่ต่อสู้ของเขา จากนั้นก็รู้สึกตื่นตะลึงอยู่ภายในใจ

ทักษะธาตุแสง การป้องกันทักษะธาตุแสง มณียุทธ์ประเภทเพิ่มความแข็งแกร่ง! จ้าวมณีสวรรค์ระดับปรมะที่มีมณี 5 ดวง!

ชายหนุ่มชุดดำที่อยู่ตรงหน้าเขาน่าจะมีอายุประมาณ 26-27 ปี แต่ถึงกระนั้นระดับพลังปราณสวรรค์ของเขาก็มาถึงระดับปรมะขั้นกลางแล้ว! โจวเหว่ยชิงรู้ดีว่าแม้แต่บิดาของเขา ตอนที่อายุเท่านี้ก็ยังไปไม่ถึงระดับดังกล่าวเลยด้วยซ้ำ

ในช่วงเวลาสั้นๆ ที่พวกเขาได้แลกเปลี่ยนฝีมือกัน ผู้คุมเกราะทองจากวังกักเก็บทักษะมากกว่า 10 คนก็ได้ล้อมพวกเขาไว้แล้ว “ท่านจ้าวมณีผู้สูงส่ง ได้โปรดอย่าก่อความวุ่นวายที่วังกักเก็บทักษะเลย”

เด็กหนุ่มในชุดดำพยักหน้าให้โจวเหว่ยชิงพลางกล่าวว่า “ข้าชื่อหมิงหยู ข้าเชื่อว่าเราจะได้พบกันอีกแน่นอน และข้าจะจำคำดูถูกที่เจ้ามีต่อน้องสาวของข้าเอาไว้” หลังจากพูดจบ เขาก็หันหลังกลับและเตรียมมุ่งหน้าเข้าไปในวังกักเก็บทักษะ

โจวเหว่ยชิงแค่นเสียงอย่างเย็นชา เขาพูดออกมาเบาๆ ราวกับไม่อยากให้ชายหนุ่มชุดดำได้ยินคำพูดสุดท้ายของเขา “ข้าชื่อโจวเหว่ยชิง ดูถูกน้องสาวของเจ้างั้นเรอะ? ฮึ่ม ระวังไว้ละกัน เจ้าอาจจะกลายเป็นพี่เขยของข้าก็ได้”

หมิงหยูซึ่งที่เพิ่งจะก้าวเข้าไปในวังกักเก็บทักษะเกือบสะดุดล้มเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทว่าเมื่อเขาหันกลับไปโจวเหว่ยชิงก็เดินจากไปแล้ว จากไปโดยที่ไม่แม้แต่จะหันไปมองตี้ฝูหยาเลยด้วยซ้ำ เห็นดังนั้นหมิงหยูก็หัวเราะขึ้นมาด้วยโทนเสียงแปลกประหลาด นานมากแล้วที่ไม่มีใครกล้าพูดเช่นนั้นกับเขา เด็กน้อยคนนี้ค่อนข้างน่าสนใจทีเดียว อย่างไรก็ตาม ระดับพลังปราณสวรรค์ของเขานั้นน่ากลัวมาก เขาน่าจะอายุไม่ถึง 20 ปีด้วยซ้ำ ถึงกระนั้นเขาก็ยังชักนำพลังปราณสวรรค์ให้ออกจากร่างกายได้ ดังนั้นเขาน่าจะอยู่ในขั้นทะลวงพิภพ แม้ว่าเขาจะดูเป็นมือใหม่ แต่เมื่อกี้ก็ยังคงเป็นการต่อสู้ที่น่าประทับใจจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนว่าความแข็งแกร่งของเขาจะค่อนข้างเหนือกว่าคนธรรมดาทั่วไป โจวเหว่ยชิง?    หึ…พวกเราคงได้พบกันเร็วๆ นี้แน่

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา 39.2 จักรพรรดิสีเงิน (2)

Now you are reading Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา Chapter 39.2 จักรพรรดิสีเงิน (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังจากได้รับบัตรเก็บเหรียญทอง โจวเหว่ยชิงก็ไม่อาจห้ามสีหน้าตื่นเต้นของเข้าได้ หลังจากกล่าวขอบคุณชายวัยกลางคนทั้งคู่แล้ว เขาก็ออกจากวังกักเก็บทักษะมาอย่างอย่างรวดเร็ว

เมื่อออกมายืนอยู่ด้านนอกประตูทางเข้าของวังกักเก็บทักษะ เขาก็อยากจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง ข้า! บิดาคนนี้เป็นคนรวยแล้ว! 450,000 เหรียญทองงั้นรึ! ฮ่าๆ อาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ช่างเป็นอาชีพที่ยอดเยี่ยมจริงๆ! ปิงเอ๋อร์ ในอนาคตถ้าเจ้าอยากจะกักเก็บทักษะอะไร ข้าก็โยนถุงเงินแสนให้เจ้าเอง!

“เจ้าคนนั้นน่ะ อย่าขวาง หลีกทางไปซิ” ในขณะที่โจวเหว่ยชิงกำลังยืนพร้อมรอยยิ้มโง่เง่าบนใบหน้า น้ำเสียงเย็นชาก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะทำให้เขาต้องหลุดออกจากภวังค์ จู่ๆ เขาก็ตระหนักได้ว่าตนกำลังยืนขวางกลางทางเข้าของวังกักเก็บทักษะ แต่ทว่าทางเข้าของวังกักเก็บทักษะนั้นก็ใหญ่มากเช่นกัน แน่นอนว่ามีพื้นที่มากพอให้เดินอ้อมเขาไป

ขณะนี้มีชายหญิง 2 คน ยืนกำลังอยู่เบื้องหน้าเขา ส่วนคนที่พูดประโยคนั้นออกมาคือหญิงสาวคนหนึ่ง เธอกำลังยืนคล้องแขนกับเด็กหนุ่มข้างๆ ใบหน้าแสดงท่าทีอวดดี

เธอสวมชุดกระโปรงยาวสีแดงเพลิงที่ขับเน้นรูปร่างที่น่าหลงใหล ดวงหน้าที่งดงามของเธอก็ดูมีเสน่ห์มาก ผมสีแดงยาวสลวยพาดอยู่บนไหล่ สิ่งเดียวที่ทำให้ใบหน้าของเธอดูมีตำหนิไปเล็กน้อยก็คือสีหน้าดูถูกเหยียดหยามและคิ้วที่ขมวดขึ้นอย่างถือดี

เด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ หญิงสาวชุดแดงสวมชุดสีดำที่มีแถบสีทองประดับอยู่ ส่งเสริมให้ภาพลักษณ์ของเขาดูเรียบง่ายแต่ทว่าสูงส่ง ผมสั้นสีน้ำเงินเข้มของเขาถูกตัดเป็นระเบียบและสะอาดสะอ้าน จมูกโด่งเป็นสัน ดวงตาสีฟ้าสดใสแลดูอบอุ่น ทว่าคิ้วของเขากลับขมวดมุ่นเมื่อได้ยินคำพูดของหญิงสาวที่มาด้วยกัน

กิริยาท่าทางและกลิ่นอายของเขาดูสูงส่งกว่าหญิงสาวคนข้างๆ มาก และแม้ว่าเขาจะอายุเพียง 20 กว่าปี แต่ดูเหมือนว่าเขาจะครอบครองความสง่างามนี้มาแต่กำเนิด อีกทั้งเขาก็ยังดูสุขุมเกินวัยด้วย

โจวเหว่ยชิงไม่อยากจะก่อเรื่อง เขารู้ว่าตนเป็นคนผิดเพราะดันมายืนขวางทางเข้าอยู่เป็นเวลานาน แต่ทว่าเมื่อเขาหันไปเห็นหญิงสาวผู้นั้น ฝีเท้าของเขาก็ต้องชะงักลงด้วยความคาดไม่ถึง พริบตานั้นประกายเยือกเย็นพลันปรากฏในดวงตาของเขา แน่นอนว่าเขารู้จักหญิงสาวกระโปรงแดงผู้นี้!

“เจ้าบ้านนอกเซ่อซ่านี่ จ้องอะไรข้า! ออกไปให้พ้นเดี๋ยวนี้!” หญิงสาวร้องออกมาอีกครั้งด้วยความโมโห ถ้าไม่ใช่เพราะเด็กหนุ่มชุดดำข้างๆ บางทีคำพูดของเธออาจจะรุนแรงกว่านี้ก็เป็นได้

โจวเหว่ยชิงหัวเราะออกมา มันเป็นเสียงหัวเราะที่ดูใสซื่อบริสุทธิ์ “คู่หมั้นที่รัก เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ! พวกเรายังไม่ได้ถอนหมั้นกัน แต่เจ้ากลับพบเป้าหมายใหม่แล้ว? ดีมาก ดีจริงๆ”

เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวที่กำลังคล้องแขนชายชุดดำอยู่นั้นคือเจ้าหญิงแห่งอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์ องค์หญิงตี้ฝูหยา คู่หมั้นของโจวเหว่ยชิง

หลังจากผ่านไป 2 ปี ตี้ฝูหยาก็ดูงดงามขึ้นกว่าเดิม อายุ 19 นั้นถือว่าอยู่ในวัยที่หญิงสาวจะบานสะพรั่งงดงามที่สุด อนิจจา ไม่ว่าเธอจะงดงามเพียงใด ในสายตาของโจวเหว่ยชิง เธอก็ยังดูอัปลักษณ์อย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อนึกย้อนไปถึงว่าเขาเกือบจะตายภายใต้เงื้อมมือของเธออย่างไรและตอนนี้เธอกำลังจับมือผู้ชายอีกคนอยู่อย่างไร มือของโจวเหว่ยชิงก็กำแน่นจนขึ้นข้อขาวโดยไม่รู้ตัว แม้ว่าเขาจะต้องการจะถอนหมั้น แต่อย่างไรตอนนี้เธอก็ยังคงเป็นคู่หมั้นของเขาอยู่ หากพบว่าเธอกำลังจับมือผู้ชายคนอื่นอย่างสนิทสนมเช่นนี้ ผู้ชายคนไหนก็ไม่อาจทนได้

เมื่อได้ยินคำพูดของโจวเหว่ยชิง ร่างของตี้ฝูหยาก็เกิดสั่นเทาขึ้นมา สายตาพลันปรากฏความไม่เชื่อถือ หลังจากผ่านไปกว่า 2 ปี รูปลักษณ์ของโจวเหว่ยชิงก็เปลี่ยนแปลงไปมาก  เพียงแค่ส่วนสูงที่เพิ่มขึ้นมาเพียงอย่างเดียวก็ดูไม่น่าเชื่อแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูซอมซ่อและท่าทางเช่นคนเร่ร่อนของเขาประกอบกับตี้ฝูหยาไม่คาดคิดว่าจะได้พบเขาที่นี่ ทั้งหมดทั้งมวลนั่นทำให้เธอจดจำเขาไม่ได้ หลังเพ่งดูใกล้ๆ ในที่สุดเธอก็รู้ว่าเขาเป็นใคร

“เจ้า…..เจ้ามาทำอะไรที่นี่?” ตี้ฝูหยาถามด้วยสีหน้าลำบากใจ ก่อนที่ความวิตกกังวลจะปรากฏขึ้นในดวงตาของเธอ แน่นอนว่าความกังวลนั้นไม่ได้เกิดเพราะโจวเหว่ยชิงแต่เป็นเพราะชายหนุ่มอีกคนต่างหาก

“คู่หมั้น?” ชายหนุ่มในชุดดำกล่าวด้วยน้ำเสียงแปลกใจ เขาหันไปจ้องตี้ฝูหยาด้วยสายตาเย็นเยียบ

ฉับพลันนั้นตี้ฝูหยารู้สึกทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ “พี่หยู อย่าเพิ่งเข้าใจผิด ข้าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขา เขาเป็นเพียงบุตรชายไร้ประโยชน์ของแม่ทัพระดับสูงคนหนึ่งในอาณาจักรของข้าและการหมั้นของพวกเราก็เป็นคำสั่งของบิดาข้าเท่านั้น ข้าพยายามจะถอนหมั้นกับเขามาโดยตลอด…”

ชายหนุ่มชุดดำดึงแขนออกจากการเกาะกุมของตี้ฝูหยาอย่างชำนาญและเผยรอยยิ้มสง่างามออกมาขณะที่พูดว่า “นั่นเป็นปัญหาของเจ้ากับเขา อย่างไรเจ้าก็ควรรู้นิสัยของข้า ข้าไม่ต้องการให้ผู้หญิงของข้าไปมีข้อผูกพันกับผู้ชายคนอื่น องค์หญิงตี้ฝูหยา ความสัมพันธ์ของพวกเราสิ้นสุดลงแล้ว”

ราวกับว่าเขาเพิ่งทำอะไรบางอย่างที่ไม่สำคัญเท่าไหร่ เด็กหนุ่มชุดดำเดินจ้ำอ้าวเข้าไปในวังกักเก็บทักษะโดยไม่หันมาสนใจตี้ฝูหยาที่ยืนอยู่ที่เดิมด้วยความตกตะลึง ขณะที่เขาเดินผ่านโจวเหว่ยชิง เขาก็ยิ้มและพูดว่า “น้องชาย ไม่เลวเลยนี่ เจ้าช่างโชคดีจริงๆ ไม่ต้องกังวล ข้ายังไม่ได้แตะต้องตี้ฝูหยา เธอยังบริสุทธิ์อยู่”

“บริสุทธิ์หาน้องสาวเจ้าสิ” โจวเหว่ยชิงตอบโต้อย่างเฉยเมย จากนั้นก็ยืนนิ่งไม่ขยับ

รอยยิ้มที่สง่างามและสงบเยือกเย็นของชายหนุ่มชุดสีดำหยุดชะงักลงในช่วงเวลานั้นทันที จากนั้นน้ำเสียงของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาราวกับมีเจตนาสังหาร “เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”

ในช่วงเวลานั้นโจวเหว่ยชิงรู้สึกราวกับว่าเขากำลังติดอยู่ท่ามกลางสมรภูมิทะเลเลือดและกองซากศพ เขาค่อนข้างคุ้นเคยกับรังสีสังหารที่แผ่ออกมาจากตัวชายชุดดำคนนี้ดีเนื่องจากเขาเคยสัมผัสถึงกลิ่นอายที่คล้ายกันนี้จากบิดาของเขามาก่อน ถึงกระนั้น เมื่อเขาหันไปหาชายหนุ่มชุดดำ เขาก็ยังมีรอยยิ้มที่สดใส ใบหน้าเผยความไร้เดียงสา ขณะที่เขาพูดออกมาอย่างชัดเจนทีละคำ “บริสุทธิ์หาน้องสาวเจ้าสิ”

สายตาของพวกเขาทั้ง 2 คนปะทะกันกลางอากาศ ราวกับว่ากำลังเกิดประกายไฟแล่นเปรี้ยะอยู่ระหว่างทั้งสองคน ทันใดนั้นมือขวาของชายหนุ่มชุดดำก็มุ่งตรงไปยังใบหน้าของโจวเหว่ยชิงด้วยความเร็วที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ในเวลาเดียวกันโจวเหว่ยชิงก็ยกมือขวาขึ้นมา

เสียงระเบิดดังขึ้นกลางอากาศเมื่อมีบางอย่างเข้าปะทะกัน ตี้ฝูหยาที่ยืนอยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่หลาก็ถูกคลื่นนั้นกระแทกถอยหลังไป 2 – 3 ก้าวจนเกือบตกจากขั้นบันได

โจวเหว่ยชิงเองก็ยังถูกคลื่นพลังนั้นกระแทกจนต้องถอยหลังไป 2 ก้าวก่อนที่เขาจะกลับมาทรงตัวได้ อย่างไรก็ ตามฝั่งชายหนุ่มชุดดำกลับขยับเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไหล่ของเขาสั่นไหวเบาๆ เนื่องจากดูดซับแรงกระแทกเอาไว้ เขาเพียงแค่ถอยหลังไปครึ่งก้าวก่อนที่จะกลับมายืนตรงได้ดั่งเดิม

รูม่านตาของโจวเหว่ยชิงหดแคบลงทันที ประกายชั่วร้ายวาบผ่านขึ้นมาในดวงตาของเขาราวกับว่ามีสัตว์ร้ายซ่อนอยู่ภายในพร้อมจะกระโจนออกมาได้ทุกเมื่อ สำหรับชายหนุ่มชุดดำนั้น ใบหน้าของเขาก็เผยความประหลาดใจออกมาเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ออกแรงมากนัก ทว่าสำหรับคนที่อยู่ตรงหน้าเขา ทั้งที่ดูเด็กกว่ามาก แต่ก็ยังสามารถรองรับแรงกระแทกพลังของเขาได้อย่างไม่คาดฝัน แม้กระทั่งทำให้เขาถอยหลังไปได้ถึงครึ่งก้าว ความแข็งแกร่งดังกล่าวเกินกว่าที่เขาคาดการณ์เอาไว้จริงๆ

ชายคนนี้มีระดับพลังปราณสวรรค์สูงกว่าข้ามากทีเดียว! โจวเหว่ยชิงคิดคำนวณในใจอย่างรวดเร็ว ท้ายที่สุดแล้วมณียุทธ์บริสุทธิ์ของเขาก็เป็นประเภทที่เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับร่างกาย เมื่อรวมกับพลังความแข็งแกร่งที่ไข่มุกสีดำมอบให้ ความแข็งแกร่งของเขานั้นถือว่าเหนือกว่าจ้าวมณีสวรรค์ทั่วไปด้วยซ้ำ ทว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ความแข็งแกร่งของเขากลับต้องพ่ายแพ้ นั่นอาจหมายความว่าชายหนุ่มผู้นี้มีระดับพลังปราณที่สูงกว่าเขามาก

โจวเหว่ยชิงไม่ชักช้า เขาก้าวขาซ้ายไปข้างหน้า จากนั้นหมัดขวาของเขาก็พุ่งทะยานออกไปทันที ในเวลาเดียวกันหลุมดำพลังปราณทั้ง 12 แห่งที่จุดตายต่างๆ ได้เริ่มหมุนวนอย่างเต็มประสิทธิภาพ แสงสีขาวเรืองรองขึ้นโอบล้อมกำปั้นของเขาขณะที่มันพุ่งเข้าหาชายหนุ่มเบื้องหน้า

เด็กหนุ่มในชุดสีดำไม่ได้ถอยหนี เขาง้างหมัดของเขาขึ้นมาเช่นกัน แสงสีขาวสว่างตรงเข้าโอบล้อมกำปั้นของเขาขณะที่ขยับชกไปด้านหน้า อย่างไรก็ตาม แสงสีขาวรอบๆ กำปั้นของเขาก็ดูหนาแน่นและแข็งแกร่งกว่าของโจวเหว่ยชิงมาก

ในขณะที่หมัดของพวกเขากำลังจะปะทะกัน เด็กหนุ่มชุดดำก็รู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติ พริบตานั้นเอง โจว เหว่ยชิงก็หายตัวไปต่อหน้าเขา

มณีธาตุที่ส่องแสงแวววาวราวกับเครื่องแก้วทั้ง 5 ดวงและมณียุทธ์หยกน้ำแข็งที่คล้ายกันอีก 5 ดวงปรากฏขึ้นพร้อมกันรอบข้อมือของชายหนุ่มที่สวมชุดดำ เมื่อมณีธาตุดวงที่ 3 ของเขาเปล่งประกายแสงเจิดจ้า แสงสีขาวก็เริ่มกระจายตัวโอบล้อมร่างเขาเอาไว้ทันที ในเวลาเดียวกันนั้นเสียงระเบิดก็ดังขึ้นที่ด้านหลังเขา

ร่างของเด็กหนุ่มในชุดดำโงนเงนไปข้างหน้า ไหล่สั่นสะท้านตามแรงกระแทกที่ได้รับก่อนจะต้องขยับตัวก้าวไปด้านหน้าอีกก้าวอย่างช่วยไม่ได้ เกราะแสงสีขาวรอบๆ ตัวดูเหมือนจะแตกละเอียดราวกับเศษแก้ว จากนั้นเขาก็หมุนตัวกลับไปมองด้วยความประหลาดใจที่เห็นโจวเหว่ยชิงปรากฏตัวอยู่ด้านหลังของเขา ในเวลานี้ โจวเหว่ยชิงเองก็ถูกกระแทกไปข้างหลังด้วยการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเกราะแสงสีขาวเช่นกัน

”ทักษะเคลื่อนย้ายพริบตา?! เจ้าเป็นจ้าวมณีสวรรค์ธาตุมิติ?” สายตาที่ชายหนุ่มชุดดำใช้มองโจวเหว่ยชิงเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด แน่นอนว่าสิ่งที่เขาประหลาดใจไม่ใช่เพราะสถานะจ้าวมณีสวรรค์หรือทักษะธาตุมิติของโจวเหว่ยชิงแต่เป็นเพราะทักษะเคลื่อนย้ายพริบตาที่เขามีต่างหาก ท้ายที่สุดแล้วในอาณาจักรเฟยหลี่นั้นจ้าวมณีสวรรค์ไม่ได้หายากเหมือนในอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์ และแน่นอนว่ายังมีจ้าวมณีสวรรค์ธาตุมิติระดับสูงอีกเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม แม้ในหมู่จ้าวมณีสวรรค์ธาตุมิติระดับสูงพวกนั้น ผู้ที่มีทักษะเคลื่อนย้ายพริบตานั้นก็ถือว่าหาได้ยากมาก และสิ่งนี้ก็ดูน่าเหลือเชื่อมากยิ่งขึ้นเมื่อรวมเข้ากับความจริงที่ว่าโจวเหว่ยชิงยังมีอายุน้อยมาก! ในโลกของจ้าวมณีสวรรค์นั้น ระดับพลังปราณสวรรค์และจำนวนมณีสวรรค์ถือว่าเป็นบรรทัดฐานในการตัดสินพลังของจ้าวมณีสวรรค์ แต่ประเภทของทักษะก็มีความสำคัญเช่นกัน บางครั้งอาจจะสำคัญกว่าระดับพลังปราณด้วยซ้ำ อย่างไรเสีย จ้าวมณีสวรรค์ที่มีทักษะระดับสูงก็จะสามารถเอาชนะผู้ที่มีพลังปราณระดับเดียวกันหรือแม้กระทั่งระดับที่สูงกว่าเล็กน้อยได้อย่างง่ายดาย

โจวเหว่ยชิงมองไปที่คู่ต่อสู้ของเขา จากนั้นก็รู้สึกตื่นตะลึงอยู่ภายในใจ

ทักษะธาตุแสง การป้องกันทักษะธาตุแสง มณียุทธ์ประเภทเพิ่มความแข็งแกร่ง! จ้าวมณีสวรรค์ระดับปรมะที่มีมณี 5 ดวง!

ชายหนุ่มชุดดำที่อยู่ตรงหน้าเขาน่าจะมีอายุประมาณ 26-27 ปี แต่ถึงกระนั้นระดับพลังปราณสวรรค์ของเขาก็มาถึงระดับปรมะขั้นกลางแล้ว! โจวเหว่ยชิงรู้ดีว่าแม้แต่บิดาของเขา ตอนที่อายุเท่านี้ก็ยังไปไม่ถึงระดับดังกล่าวเลยด้วยซ้ำ

ในช่วงเวลาสั้นๆ ที่พวกเขาได้แลกเปลี่ยนฝีมือกัน ผู้คุมเกราะทองจากวังกักเก็บทักษะมากกว่า 10 คนก็ได้ล้อมพวกเขาไว้แล้ว “ท่านจ้าวมณีผู้สูงส่ง ได้โปรดอย่าก่อความวุ่นวายที่วังกักเก็บทักษะเลย”

เด็กหนุ่มในชุดดำพยักหน้าให้โจวเหว่ยชิงพลางกล่าวว่า “ข้าชื่อหมิงหยู ข้าเชื่อว่าเราจะได้พบกันอีกแน่นอน และข้าจะจำคำดูถูกที่เจ้ามีต่อน้องสาวของข้าเอาไว้” หลังจากพูดจบ เขาก็หันหลังกลับและเตรียมมุ่งหน้าเข้าไปในวังกักเก็บทักษะ

โจวเหว่ยชิงแค่นเสียงอย่างเย็นชา เขาพูดออกมาเบาๆ ราวกับไม่อยากให้ชายหนุ่มชุดดำได้ยินคำพูดสุดท้ายของเขา “ข้าชื่อโจวเหว่ยชิง ดูถูกน้องสาวของเจ้างั้นเรอะ? ฮึ่ม ระวังไว้ละกัน เจ้าอาจจะกลายเป็นพี่เขยของข้าก็ได้”

หมิงหยูซึ่งที่เพิ่งจะก้าวเข้าไปในวังกักเก็บทักษะเกือบสะดุดล้มเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทว่าเมื่อเขาหันกลับไปโจวเหว่ยชิงก็เดินจากไปแล้ว จากไปโดยที่ไม่แม้แต่จะหันไปมองตี้ฝูหยาเลยด้วยซ้ำ เห็นดังนั้นหมิงหยูก็หัวเราะขึ้นมาด้วยโทนเสียงแปลกประหลาด นานมากแล้วที่ไม่มีใครกล้าพูดเช่นนั้นกับเขา เด็กน้อยคนนี้ค่อนข้างน่าสนใจทีเดียว อย่างไรก็ตาม ระดับพลังปราณสวรรค์ของเขานั้นน่ากลัวมาก เขาน่าจะอายุไม่ถึง 20 ปีด้วยซ้ำ ถึงกระนั้นเขาก็ยังชักนำพลังปราณสวรรค์ให้ออกจากร่างกายได้ ดังนั้นเขาน่าจะอยู่ในขั้นทะลวงพิภพ แม้ว่าเขาจะดูเป็นมือใหม่ แต่เมื่อกี้ก็ยังคงเป็นการต่อสู้ที่น่าประทับใจจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนว่าความแข็งแกร่งของเขาจะค่อนข้างเหนือกว่าคนธรรมดาทั่วไป โจวเหว่ยชิง?    หึ…พวกเราคงได้พบกันเร็วๆ นี้แน่

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+