Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา 74.1 ทักษะสังเวยธาตุมืด (1)

Now you are reading Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา Chapter 74.1 ทักษะสังเวยธาตุมืด (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อเจี่ยงเฟยถูกโจมตีด้วยทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์ของโจวเหว่ยชิง เธอย่อมไม่รู้ว่าอะไรกำลังส่งผลกระทบต่อความเร็วของเธอเช่นนี้ ทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์ถูกซ่อนเร้นเอาไว้ดีเกินไปและไม่ใช่ทักษะที่รู้จักกันแพร่หลายนัก แม้แต่ หมิงอู๋ที่มีมณี 9 ชุดก็ยังได้รับผลเช่นนี้โดยที่เขาไม่รู้ว่าเกิดได้อย่างไร ดังนั้นในสายตาของคนนอก แม้แต่ในสายตาของเจี่ยงเฟยเอง เป็นทักษะอสนีบาตพันสายนั้นต่างหากที่ทำให้ความเร็วของเธอลดลง

ในที่สุดพลังของอู่หยาก็สามารถปลดปล่อยออกมาได้อย่างเต็มศักยภาพและผลของทักษะ ‘สวรรค์ทำลายล้าง’ บนขวานคู่ในตำนานก็ทำให้การโจมตีที่ทรงพลังอยู่แล้วน่าสะพรึงกลัวยิ่งขึ้น ขวานขนาดใหญ่ในมือของเธอจึงหมุนวนและร่ายรำไปรอบๆ เหมือนใบพัดขนาดใหญ่ ด้านดาบหนักของอู๋เจิ้งหยาง มันก็แข็งแกร่งขึ้นเพราะทักษะกักเก็บของเขาเช่นกัน…ทว่าก็ดาบของเขาก็ยังต้องหม่นแสงเมื่ออยู่ต่อหน้าขวานในตำนาน ของอู่หยา

เดิมทีอู๋เจิ้งหยางก็ตั้งรับการโจมตีของอู่หยาไม่ได้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะในแง่ของความเร็วหรือพลังก็ตาม ดังนั้นในขณะที่ยังคงมึนงงจากผลของทักษะอสนีบาตพันสายของโจวเหว่ยชิงและถูกโจมตีอย่างกะทันหัน ชัยชนะจึงถูกตัดสินอย่างง่ายดาย

*ตู้ม* ‘สวรรค์ทำลายล้าง’ และขวานคู่ในตำนานได้ทำลายเกราะประกายแสงลงอีกครั้ง

แน่นอนว่าครั้งนี้โจวเหว่ยชิงไม่ได้ทำผิดพลาดอีก เขายกธนูราชันย์ขึ้นง้างและปล่อยลูกศรออกไปดอกแล้วดอกเล่าอย่างรวดเร็วอีกครั้ง คราวนี้ห่าลูกศรของเขาพุ่งเป้าไปที่เจี่ยงเฟย หากพวกเขาชนะการประลองแบบคู่ครั้งนี้ กลุ่มเฟยหลี่ก็จะจบศึกในวันนี้ลงได้เสียที ด้วยเหตุนี้ โจวเหว่ยชิงจึงไม่ออมแรงไว้แม้แต่น้อย เขาหมุนเวียนพลังปราณสวรรค์ออกมาจนถึงขีดสุดและฝังทักษะมิติกักขังลงบนลูกศรเหล่านั้นด้วย

หากเจี่ยงเฟยไม่ได้รับผลกระทบจากทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์อยู่ก่อนหน้า เธอย่อมรับมือกับการโจมตีของเขาได้อย่างง่ายดาย อนิจจา ระยะเวลา 3 วินาทีของทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์นั้นสำคัญกับการต่อสู้ที่ทุกสิ่งขึ้นอยู่กับเวลาเช่นนี้มาก ไม่นานห่าลูกศรก็พุ่งเข้าหาเจี่งเฟยแล้ว

ก่อนหน้านี้เจี่ยงเฟยยังสามารถใช้การโจมตีของเธอกำจัดพวกมันออกไปได้ แต่ด้วยความเร็วที่ถูกจำกัดเอาไว้ ในที่สุดเธอก็ปะทะเข้ากับลูกศรดอกหนึ่งจนได้ แม้ว่ามันจะไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับเจี่ยงเฟยเนื่องจากพลังปราณสวรรค์ของเธอ แต่ทักษะมิติกักขังก็ยังมีผลกับเธออยู่ดี เพราะถึงอย่างไรนั่นก็คือไพ่ตายของโจวเหว่ยชิงที่ปิดโอกาสไม่ให้เธอสามารถให้ความช่วยเหลืออู๋เจิ้งหยางจากอู่หยาได้

หลังจากที่อู่หยาทำลายเกราะประกายแสงของเขา อู๋เจิ้งหยางก็ฟื้นจากอาการอัมพาตทันที ถึงอย่างไรระดับพลังปราณของเขาก็สูงกว่าโจวเหว่ยชิง อีกทั้งพลังโจมตีของทักษะอสนีบาตพันสายก็ไม่ได้รุนแรงอะไร ด้วยเหตุนี้ผลของมันจึงทำให้เขาเป็นอัมพาตได้ไม่นาน น่าเสียดายที่เมื่อเขารู้ตัวก็สายเกินไปเสียแล้ว อู่หยาได้พุ่งเข้าใส่เขา และตอนนี้ขวานของเธอก็เหวี่ยงลงมาแล้ว

จากการต่อสู้ครั้งก่อนหน้า อู๋เจิ้งหยางย่อมเคยสัมผัสความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัวของอู่หยามาก่อน เขารู้ได้ทันทีว่าตัวเองไม่อาจโจมตีตอบโต้ได้แล้ว ทันใดนั้นเขาจึงขยับถอยหลัง ดาบหนักในมือถูกยกขึ้นไปด้านบนเพื่อปัดป้องการโจมตีของอีกฝ่าย ในเวลาเดียวกันเขาก็ปลดปล่อยทักษะป้องกันออกมา แสงสีทองสว่างวาบขึ้นมาปกคลุมร่างกายของเขาเอาไว้ทันที

น่าเสียดายที่ความพยายามทั้งหมดของเขาไร้ประโยชน์ ขณะที่ขวานของอู่หยาฟาดลงไป ดาบหนักศาสตรามณียุทธ์ของอู๋เจิ้งหยางก็ถูกฟันหลุดจากมือของเขาทันที อู่หยาจึงก้าวไปข้างหน้าอีกก้าวและปล่อยลูกเตะที่มีพลังรุนแรงออกไป ประวัติศาสตร์ดูเหมือนจะซ้ำรอยเมื่อเท้าของเธอฟาดเข้ากับโล่ของเขา จากนั้นเหตุการณ์เดิมก็วนมาบรรจบกันอีกครั้งเมื่ออู๋เจิ้งหยางผู้น่าสงสารลอยถลาออกไปเหมือนลูกปืนใหญ่และลงจอดในจุดเดียวกับการประลองครั้งแรก แน่นอนว่าทักษะการป้องกันของเขาช่วยเขาเอาไว้อย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออู่หยาไม่ได้พยายามจะสร้างความเสียหายร้ายแรงใดๆให้กับเขามากนัก ทว่านั่นก็ยังไม่รวมถึง ‘ใบหน้า’ ของเขาด้วย คราวนี้อู๋เจิ้งหยางไม่แปลกใจกับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น ถึงอย่างไรก็เป็นอู่หยาที่เอาชนะเขาได้อีกครั้ง

ในขณะที่อู่หยาเพิ่งจัดการกับอู๋เจิ้งหยางสำเร็จ อีกทางด้านหนึ่ง ผลของทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์บนร่างของเจี่ยงเฟยก็เพิ่งจะหมดฤทธิ์ไปเช่นกัน ทว่าเธอกลับถูกห่อหุ้มไปด้วยแสงสีเงินของทักษะมิติกักขังต่อทันที

ดวงตาของหญิงสาวเยือกเย็นและทอประกายเด็ดเดี่ยวขึ้น เมื่อผลของทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์สิ้นสุดลงและเธอได้ตกอยู่ในมิติกักขัง ไม้คฑาสีดำในมือของเธอก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ทันที

ถูกต้อง…แตกละเอียด ไม่ใช่ถูกเก็บกลับไป ทันทีที่ไม้คฑานั้นสลายไป มันก็กระจายออกเป็นมวลแสงสีดำหนาทึบที่หมุนวนรอบๆ ฝ่ามือของเธอ

ด้วยเสียง *พรวด* เลือดสดๆ พุ่งทะลักออกมาจากปากของเจี่ยงเฟยและสาดลงบนกลุ่มแสงสีดำที่อยู่ตรงหน้าเธอทันที ในช่วงเวลาต่อมา ศาสตรามณียุทธ์อีก 4 ชิ้นที่เธอสวมอยู่ก็เปล่งประกายด้วยแสงอันเจิดจ้า จากนั้นมิติกักขังก็สลายหายไปทันที ยิ่งไปกว่านั้น ลูกศรดอกต่อๆ ไปของโจวเหว่ยชิงก็ดูเหมือนจะถูกดึงดูดโดยพลังลึกลับเหล่านั้น มันพุ่งเข้าไปหลอมรวมเข้ากับกลุ่มแสงสีดำและสลายหายไปเช่นกัน ไม่เปิดโอกาสให้ทักษะใดๆ ที่ฝังอยู่ภายในได้ทันเปิดใช้งานเลยแม้แต่น้อย

ที่บริเวณมุมเวที สีหน้าของผู้ตัดสินเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เขาชูมือซ้ายขึ้น จากนั้นไพลินดารา 6 ดวงก็เรืองรองขึ้นมาทันที เขาเรียกมณีธาตุของตนออกมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับปล่อยทักษะโล่น้ำแข็ง 12 ชิ้นออกมาบังข้างหน้าไว้ในเสี้ยววินาที

“อู่หยา กลับมาเดี๋ยวนี้!” โจวเหว่ยชิงตะโกนขึ้นพร้อมกับเก็บธนูราชันย์ทันที

อู่หยายกขวานขึ้นเพื่อเตรียมโจมตี แต่เมื่อได้ยินเสียงของโจวเหว่ยชิง เธอก็ชะงักพร้อมกับหันไปมองเขาอย่างงงงวย

โจวเหว่ยชิงรีบตะโกน “กระโดดลงจากเวที เร็ว!” ขณะที่พูด เขาก็กลัวว่าอู่หยาจะตอบสนองได้ไม่ทันเวลา ขาขวาของเขาจึงกระแทกพื้นอย่างแรงและกระโดดเข้าหาเพื่อคว้าแขนเธอไว้ ก่อนจะกระโดดลงจากเวทีและลากเธอไปด้วย

อู่หยาไม่รู้ว่าทำไมโจวเหว่ยชิงถึงทำเช่นนี้ แต่เธอไม่ได้ขัดขืนแรงดึงของเขาขณะที่ถูกกระชากลงไป ทันทีที่เท้าแตะพื้น พวกเขาก็รู้สึกถึงกลิ่นอายเย็นยะเยือกที่เข้มข้นอย่างน่าประหลาดกำลังลุกโชนขึ้นในอากาศเหนือศีรษะของพวกเขา บรรยากาศเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดและไอความมืด ทั้งจตุรัสดูเหมือนจะมืดลงชั่วขณะ ก่อนที่ดวงอาทิตย์จะสาดแสงลงมาถึงร่างของพวกเขาอีกครั้ง

เมื่อมองย้อนกลับไปที่เวที พวกเขาก็เห็นเจี่ยงเฟยที่มีใบหน้าซีดเซียวยืนอยู่อย่างมึนงง ร่างของเธอแกว่งไปมาราวกับว่ากำลังจะเป็นลม ตอนนี้ศาสตรามณียุทธ์ที่เธอสวมใส่ได้หายไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น บนเวทียังปรากฏหลุมขนาดใหญ่เกือบ 30 หลาขึ้น และตอนนี้แท่นเวทีทั้งหมดก็เกือบถูกทำลายลงไปแล้ว

แม้โจวเหว่ยชิงไม่ได้อธิบาย อู่หยาก็เข้าใจได้ทันทีว่าทำไมเขาถึงต้องดึงเธอลงมากะทันหัน การโจมตีของเจี่ยงเฟยนั้นมีอานุภาพรุนแรงมากเกินไป ถ้าพวกเขากระโดดลงจากเวทีไม่ทันเวลา แม้ว่าพวกเขาจะรอดจากการระเบิดครั้งนั้นมาได้ พวกเขาก็จะต้องบาดเจ็บหนักแน่นอน

“ทำไมถึงรุนแรงขนาดนี้?” อู่หยาพึมพำกับตัวเอง

โจวเหว่ยชิงตัวสั่นด้วยความกลัวเมื่อนึกย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์เมื่อสักครู่ ก่อนเขาจะพูดว่า “ทักษะสังเวยธาตุมืดที่น่ากลัวที่สุด…เช่นเดียวกับทักษะเปลวไฟแห่งชีวิตของเซียวเอี๋ยนที่เผาผลาญพลังชีวิตของเขา เช่นนี้มันจะไม่รุนแรงได้ยังไง? นางถึงขั้นเอาชีวิตไปเดิมพัน ถ้าเราไม่วิ่งหนีก็มีเพียงความตายเท่านั้นที่รออยู่”

อีกด้านหนึ่งของเวที ผู้ตัดสินเองก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน แม้ว่าเขาจะมีมณี 6 ชุดและเจี่ยงเฟยก็ไม่ได้มุ่งเป้าโจมตีมาที่เขา แต่เขาก็ยังได้รับผลกระทบจากพลังของเธอไปด้วย โล่น้ำแข็งทั้ง 12 ชิ้นของเขาแตกเป็นเสี่ยงๆ และใบหน้าของเขาก็ซีดเซียวในขณะที่พยายามฝืนตัวเองไม่ให้อาเจียนออกมาเป็นเลือด เช่นเดียวกับเซียวเอี๋ยน นี่เป็นทักษะสังเวยตนเองระดับมณี 5 ชุด…แต่อย่าลืมว่าทักษะธาตุของเจี่ยงเฟยเป็นทักษะธาตุยิ่งใหญ่ และเธอก็เป็นจ้าวมณีสวรรค์ประเภทโจมตีขั้นสุดยอด!

โจวเหว่ยชิงรีบเปรียบเทียบผลอย่างรวดเร็วและประเมินได้ว่าความสามารถในการโจมตีของเจี่ยงเฟยนั้นเหนือชั้นกว่าเซียวเอี๋ยน แม้ว่าความเชี่ยวชาญและประสบการณ์การต่อสู้ของเธออาจจะต่ำกว่าเซียวเอี๋ยนก็ตาม ถึงอย่างไรก็ตาม หากมองโดยรวมแล้ว ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็อาจจะเท่ากันก็ได้ แต่ถ้าหากโจวเหว่ยชิงต้องจัดการกับเธอในการต่อสู้แบบตัวต่อตัวจริงๆ เขาก็อาจมีโอกาสถึงแพ้ 8 ใน 10 ส่วนเลยทีเดียว เว้นแต่เขาจะใช้สถานะปีศาจกลายร่างถึงจะพอมีโอกาสชนะได้บ้าง

ด้วยระดับพลังที่แตกต่างกันอย่างมาก พลังทักษะควบคุมของเขาจึงมีขีดจำกัด แต่ทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์ก็ยังใช้ได้ผลดีเกินคาด โจวเหว่ยชิงเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมถังเซียนถึงพูดว่าทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์นั้นน่าเหลือเชื่อมาก

ในที่สุดผู้ตัดสินก็ฝืนระงับอาการบาดเจ็บของเขาเอาไว้ได้และกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “รอบที่ 3 การแข่งขันแบบคู่ กลุ่มนักรบเหมี่ยวชนะ”

เจี่ยงเฟยมองโจวเหว่ยชิงที่ยืนอยู่ด้านล่างอย่างเย็นชาก่อนจะพูดออกมาอย่างเยือกเย็น “ขี้ขลาด”

โจวเหว่ยชิงยิ้มและพูดว่า “เฮ้ๆ แม่นางคนงาม ข้าก็เคยได้ยินคำพูดที่ว่าผู้หญิงนมโตมักไร้สมองมาบ้าง แต่หน้าอกของเจ้าก็ไม่ใหญ่นัก แต่ทำไมสมองถึงไม่ค่อยจะมีรอยหยักเช่นนี้เล่า! ทำไมข้าจะต้องบ้าบิ่นวิ่งออกไปรับระเบิดของเจ้าโดยไม่มีเหตุผลด้วย? ก่อนหน้านี้เราชนะไปแล้ว 2 ครั้ง ดังนั้นพวกเราจึงสามารถแพ้ครั้งนี้ได้ ถึงอย่างไรเจ้าก็ใช้ทักษะสังเวยตัวเองไปแล้ว ดังนั้นเจ้าจึงไม่อาจเข้าร่วมการประลองในอนาคตได้อีก ดังนั้นหากเจ้ามีปัญญา ก็เชิญส่งสมาชิกคนอื่นในกลุ่มนักรบเหมี่ยวที่มีพลังเทียบเท่ากับตัวเจ้าออกมาได้ตลอดเวลา ข้ามั่นใจอยู่แล้วว่าจะชนะ ทำไมถึงจะต้องเสี่ยงชีวิตรับการโจมตีของเจ้าด้วยไม่ทราบ? ข้าดูโง่มากรึไง? ข้ากลัวตายมากที่สุดเจ้าไม่รู้หรือ? ยังไงก็ตาม เรียกออกมาสิ ใครจะประลองในรอบที่ 4 ล่ะ?”

“เจ้า…น่าไม่อาย!” ใบหน้าของเจี่ยงเฟยเปลี่ยนเป็นสีขาวซีดขณะที่เธออาเจียนเลือดออกมาอีกคำหนึ่งพร้อมกับเสียง *อุ่ก*

อู๋เจิ้งหยางและจู้เฮยซานรีบกระโดดขึ้นไปบนเวทีเพื่อประคองเจี่ยงเฟย พวกเขาจ้องโจวเหว่ยชิงตาเขม็ง

โจวเหว่ยชิงมองตอบอย่างไร้เดียงสาในขณะที่เขายักไหล่ “อะไรกัน…แค่ข้ากลัวตายก็ผิดกฎการประลองด้วยรึ? ถึงอย่างไรเจ้าก็ชนะการประลองครั้งนี้ไปแล้ว ทำไมถึงยังบอกว่าข้าไร้ยางอายอยู่อีก? เขาเรียกว่ากลยุทธ์หนีตายน่ะเข้าใจไหม!”

“ทั้งสองฝ่ายโปรดลงจากเวที พวกเราจะต้องซ่อมแซมพื้นเวทีก่อน” น้ำเสียงที่ค่อนข้างเศร้าหมองของผู้ตัดสินดังออกมา

โจวเหว่ยชิงยิ้มให้เจี่ยงเฟยและพูดว่า “แม่นางคนงาม ไว้พบกันใหม่นะ” หลังจากนั้นเขาจึงมุ่งหน้ากลับไปที่เรือนรับรองทันที

ทันทีที่เขาเข้าไปในเรือนพัก รอยยิ้มบนใบหน้าของโจวเหว่ยชิงก็เลือนหายไปทันที เขาสูดลมหายใจเข้าลึกและพูดกับสมาชิกอีก 3 คนว่า “ช่างเป็นทักษะสังเวยที่น่าสะพรึงกลัวจริงๆ…นางเป็นจ้าวมณีสวรรค์ประเภทโจมตีขั้นสุดยอดที่ทรงพลังมากทีเดียว ตอนนี้ข้ายังเห็นว่าแม้แต่เวทีก็ยังคงถูกกัดกร่อนไปเรื่อยๆ โชคดีที่เราหลบการโจมตีของนางทันนะเนี่ย เฮ้อ”

อู่หยาถามอย่างสงสัย “เหว่ยชิง เจ้ารู้จักทักษะสังเวยตัวเองด้วยหรือ?” อู่หยาเองก็รู้ว่าโจวเหว่ยชิงมีทักษะธาตุมืดเช่นกัน

โจวเหว่ยชิงกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น “ไม่ ข้าไม่รู้หรอก ทักษะสังเวยตัวเองแต่ละประเภทล้วนเป็นวิชาลับ พวกมันเป็นทักษะที่ต้องเรียนรู้ ไม่ใช่ทักษะกักเก็บ ข้าไม่มีอาจารย์สอนในเรื่องนั้น และข้าก็ไม่ได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วข้าจึงไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ข้าแน่ใจว่าท่านพ่อของข้ารู้ ดังนั้นในอนาคตข้าจะเรียนรู้จากเขา ส่วนก่อนหน้านี้ตอนที่ข้าลากท่านลงเวที จริงๆ แล้วเป็นเพราะปฏิกิริยาของผู้ตัดสินต่างหาก ดูจากใบหน้าที่ดูตกตะลึงของเขา อีกทั้งยังเรียกใช้พลังป้องกันอย่างรวดเร็ว…ในฐานะจ้าวมณีสวรรค์ระดับ 6 ชุดที่ได้รับการไว้วางใจให้เป็นผู้ตัดสิน หากเขามีปฏิกิริยาเช่นนี้ ปกติแล้วมันจะต้องเป็นสิ่งที่พวกเราไม่อาจรับมือได้ นั่นเป็นเหตุผลหลักว่าทำไมข้าถึงคิดว่ามันเป็นทักษะสังเวยตนเอง”

เย่เป่าเปาขมวดคิ้วและพูดว่า “กลุ่มนักรบเหมี่ยวนี่ช่างแข็งแกร่งอย่างน่าประหลาดจริงๆ ถ้าสมาชิกในกลุ่มคนอื่นมีพลังเช่นเดียวกับคนทั้งคู่ พวกเราก็อาจจะตกที่นั่งลำบาก”

โจวเหว่ยชิงยิ้มน้อยๆ และกล่าวว่า “อาณาจักรเหมี่ยวอาจแข็งแกร่งกว่าอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์ของข้า แต่ก็คงไม่ต่างกันมากขนาดนั้นหรอก ถึงอย่างไรพวกเขาย่อมต้องอ่อนแอกว่าอาณาจักรเฟยหลี่แน่นอน การที่จะมีอัจฉริยะหนึ่งหรือสองคนนั้นไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจ แต่ถ้ามีอัจฉริยะจำนวนมากปรากฏขึ้น ข้าแน่ใจว่าอาณาจักรรอบข้างของพวกเขาจะเป็นกลุ่มแรกที่ลงมือก่อนด้วยซ้ำ ไม่ต้องกังวล ข้ามั่นใจมากว่าเจียงเฟยเป็นสมาชิกที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาและไม่มีสมาชิกคนอื่นๆที่แข็งแกร่งเท่าอู๋เจิ้งหยางอีกแล้ว การต่อสู้เมื่อสักครู่น่าจะเป็นการต่อสู้ที่รุนแรงและตื่นเต้นเร้าใจที่สุดตั้งแต่เริ่มงานประลองมาแล้ว ดูสิ มีแม้กระทั่งเวทีก็ยังถูกทำลาย!”

ด้านกลุ่มนักรบส่วนที่เหลือทั้งหมดในเรือนพัก สมาชิกทุกคนกำลังคุยกันเรื่องการต่อสู้เมื่อสักครู่ แน่นอนว่าพลังของเจี่ยงเฟยได้ฉายรัศมีบดบังเงาของโจวเหว่ยชิงและอู่หยาไว้โดยสิ้นเชิง อาจกล่าวได้ว่าได้บดบังความโดดเด่นของทุกคนที่เคยขึ้นเวทีมาด้วยซ้ำ จ้าวมณีสวรรค์ธาตุมืดที่รู้วิธีใช้ทักษะสังเวยตนเองนั้นน่าหวาดกลัวมาก ยิ่งกว่านั้น เธอยังเป็นจ้าวมณีสวรรค์ประเภทโจมตีขั้นสุดยอดอีกด้วย!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา 74.1 ทักษะสังเวยธาตุมืด (1)

Now you are reading Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา Chapter 74.1 ทักษะสังเวยธาตุมืด (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อเจี่ยงเฟยถูกโจมตีด้วยทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์ของโจวเหว่ยชิง เธอย่อมไม่รู้ว่าอะไรกำลังส่งผลกระทบต่อความเร็วของเธอเช่นนี้ ทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์ถูกซ่อนเร้นเอาไว้ดีเกินไปและไม่ใช่ทักษะที่รู้จักกันแพร่หลายนัก แม้แต่ หมิงอู๋ที่มีมณี 9 ชุดก็ยังได้รับผลเช่นนี้โดยที่เขาไม่รู้ว่าเกิดได้อย่างไร ดังนั้นในสายตาของคนนอก แม้แต่ในสายตาของเจี่ยงเฟยเอง เป็นทักษะอสนีบาตพันสายนั้นต่างหากที่ทำให้ความเร็วของเธอลดลง

ในที่สุดพลังของอู่หยาก็สามารถปลดปล่อยออกมาได้อย่างเต็มศักยภาพและผลของทักษะ ‘สวรรค์ทำลายล้าง’ บนขวานคู่ในตำนานก็ทำให้การโจมตีที่ทรงพลังอยู่แล้วน่าสะพรึงกลัวยิ่งขึ้น ขวานขนาดใหญ่ในมือของเธอจึงหมุนวนและร่ายรำไปรอบๆ เหมือนใบพัดขนาดใหญ่ ด้านดาบหนักของอู๋เจิ้งหยาง มันก็แข็งแกร่งขึ้นเพราะทักษะกักเก็บของเขาเช่นกัน…ทว่าก็ดาบของเขาก็ยังต้องหม่นแสงเมื่ออยู่ต่อหน้าขวานในตำนาน ของอู่หยา

เดิมทีอู๋เจิ้งหยางก็ตั้งรับการโจมตีของอู่หยาไม่ได้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะในแง่ของความเร็วหรือพลังก็ตาม ดังนั้นในขณะที่ยังคงมึนงงจากผลของทักษะอสนีบาตพันสายของโจวเหว่ยชิงและถูกโจมตีอย่างกะทันหัน ชัยชนะจึงถูกตัดสินอย่างง่ายดาย

*ตู้ม* ‘สวรรค์ทำลายล้าง’ และขวานคู่ในตำนานได้ทำลายเกราะประกายแสงลงอีกครั้ง

แน่นอนว่าครั้งนี้โจวเหว่ยชิงไม่ได้ทำผิดพลาดอีก เขายกธนูราชันย์ขึ้นง้างและปล่อยลูกศรออกไปดอกแล้วดอกเล่าอย่างรวดเร็วอีกครั้ง คราวนี้ห่าลูกศรของเขาพุ่งเป้าไปที่เจี่ยงเฟย หากพวกเขาชนะการประลองแบบคู่ครั้งนี้ กลุ่มเฟยหลี่ก็จะจบศึกในวันนี้ลงได้เสียที ด้วยเหตุนี้ โจวเหว่ยชิงจึงไม่ออมแรงไว้แม้แต่น้อย เขาหมุนเวียนพลังปราณสวรรค์ออกมาจนถึงขีดสุดและฝังทักษะมิติกักขังลงบนลูกศรเหล่านั้นด้วย

หากเจี่ยงเฟยไม่ได้รับผลกระทบจากทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์อยู่ก่อนหน้า เธอย่อมรับมือกับการโจมตีของเขาได้อย่างง่ายดาย อนิจจา ระยะเวลา 3 วินาทีของทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์นั้นสำคัญกับการต่อสู้ที่ทุกสิ่งขึ้นอยู่กับเวลาเช่นนี้มาก ไม่นานห่าลูกศรก็พุ่งเข้าหาเจี่งเฟยแล้ว

ก่อนหน้านี้เจี่ยงเฟยยังสามารถใช้การโจมตีของเธอกำจัดพวกมันออกไปได้ แต่ด้วยความเร็วที่ถูกจำกัดเอาไว้ ในที่สุดเธอก็ปะทะเข้ากับลูกศรดอกหนึ่งจนได้ แม้ว่ามันจะไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับเจี่ยงเฟยเนื่องจากพลังปราณสวรรค์ของเธอ แต่ทักษะมิติกักขังก็ยังมีผลกับเธออยู่ดี เพราะถึงอย่างไรนั่นก็คือไพ่ตายของโจวเหว่ยชิงที่ปิดโอกาสไม่ให้เธอสามารถให้ความช่วยเหลืออู๋เจิ้งหยางจากอู่หยาได้

หลังจากที่อู่หยาทำลายเกราะประกายแสงของเขา อู๋เจิ้งหยางก็ฟื้นจากอาการอัมพาตทันที ถึงอย่างไรระดับพลังปราณของเขาก็สูงกว่าโจวเหว่ยชิง อีกทั้งพลังโจมตีของทักษะอสนีบาตพันสายก็ไม่ได้รุนแรงอะไร ด้วยเหตุนี้ผลของมันจึงทำให้เขาเป็นอัมพาตได้ไม่นาน น่าเสียดายที่เมื่อเขารู้ตัวก็สายเกินไปเสียแล้ว อู่หยาได้พุ่งเข้าใส่เขา และตอนนี้ขวานของเธอก็เหวี่ยงลงมาแล้ว

จากการต่อสู้ครั้งก่อนหน้า อู๋เจิ้งหยางย่อมเคยสัมผัสความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัวของอู่หยามาก่อน เขารู้ได้ทันทีว่าตัวเองไม่อาจโจมตีตอบโต้ได้แล้ว ทันใดนั้นเขาจึงขยับถอยหลัง ดาบหนักในมือถูกยกขึ้นไปด้านบนเพื่อปัดป้องการโจมตีของอีกฝ่าย ในเวลาเดียวกันเขาก็ปลดปล่อยทักษะป้องกันออกมา แสงสีทองสว่างวาบขึ้นมาปกคลุมร่างกายของเขาเอาไว้ทันที

น่าเสียดายที่ความพยายามทั้งหมดของเขาไร้ประโยชน์ ขณะที่ขวานของอู่หยาฟาดลงไป ดาบหนักศาสตรามณียุทธ์ของอู๋เจิ้งหยางก็ถูกฟันหลุดจากมือของเขาทันที อู่หยาจึงก้าวไปข้างหน้าอีกก้าวและปล่อยลูกเตะที่มีพลังรุนแรงออกไป ประวัติศาสตร์ดูเหมือนจะซ้ำรอยเมื่อเท้าของเธอฟาดเข้ากับโล่ของเขา จากนั้นเหตุการณ์เดิมก็วนมาบรรจบกันอีกครั้งเมื่ออู๋เจิ้งหยางผู้น่าสงสารลอยถลาออกไปเหมือนลูกปืนใหญ่และลงจอดในจุดเดียวกับการประลองครั้งแรก แน่นอนว่าทักษะการป้องกันของเขาช่วยเขาเอาไว้อย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออู่หยาไม่ได้พยายามจะสร้างความเสียหายร้ายแรงใดๆให้กับเขามากนัก ทว่านั่นก็ยังไม่รวมถึง ‘ใบหน้า’ ของเขาด้วย คราวนี้อู๋เจิ้งหยางไม่แปลกใจกับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น ถึงอย่างไรก็เป็นอู่หยาที่เอาชนะเขาได้อีกครั้ง

ในขณะที่อู่หยาเพิ่งจัดการกับอู๋เจิ้งหยางสำเร็จ อีกทางด้านหนึ่ง ผลของทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์บนร่างของเจี่ยงเฟยก็เพิ่งจะหมดฤทธิ์ไปเช่นกัน ทว่าเธอกลับถูกห่อหุ้มไปด้วยแสงสีเงินของทักษะมิติกักขังต่อทันที

ดวงตาของหญิงสาวเยือกเย็นและทอประกายเด็ดเดี่ยวขึ้น เมื่อผลของทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์สิ้นสุดลงและเธอได้ตกอยู่ในมิติกักขัง ไม้คฑาสีดำในมือของเธอก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ทันที

ถูกต้อง…แตกละเอียด ไม่ใช่ถูกเก็บกลับไป ทันทีที่ไม้คฑานั้นสลายไป มันก็กระจายออกเป็นมวลแสงสีดำหนาทึบที่หมุนวนรอบๆ ฝ่ามือของเธอ

ด้วยเสียง *พรวด* เลือดสดๆ พุ่งทะลักออกมาจากปากของเจี่ยงเฟยและสาดลงบนกลุ่มแสงสีดำที่อยู่ตรงหน้าเธอทันที ในช่วงเวลาต่อมา ศาสตรามณียุทธ์อีก 4 ชิ้นที่เธอสวมอยู่ก็เปล่งประกายด้วยแสงอันเจิดจ้า จากนั้นมิติกักขังก็สลายหายไปทันที ยิ่งไปกว่านั้น ลูกศรดอกต่อๆ ไปของโจวเหว่ยชิงก็ดูเหมือนจะถูกดึงดูดโดยพลังลึกลับเหล่านั้น มันพุ่งเข้าไปหลอมรวมเข้ากับกลุ่มแสงสีดำและสลายหายไปเช่นกัน ไม่เปิดโอกาสให้ทักษะใดๆ ที่ฝังอยู่ภายในได้ทันเปิดใช้งานเลยแม้แต่น้อย

ที่บริเวณมุมเวที สีหน้าของผู้ตัดสินเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เขาชูมือซ้ายขึ้น จากนั้นไพลินดารา 6 ดวงก็เรืองรองขึ้นมาทันที เขาเรียกมณีธาตุของตนออกมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับปล่อยทักษะโล่น้ำแข็ง 12 ชิ้นออกมาบังข้างหน้าไว้ในเสี้ยววินาที

“อู่หยา กลับมาเดี๋ยวนี้!” โจวเหว่ยชิงตะโกนขึ้นพร้อมกับเก็บธนูราชันย์ทันที

อู่หยายกขวานขึ้นเพื่อเตรียมโจมตี แต่เมื่อได้ยินเสียงของโจวเหว่ยชิง เธอก็ชะงักพร้อมกับหันไปมองเขาอย่างงงงวย

โจวเหว่ยชิงรีบตะโกน “กระโดดลงจากเวที เร็ว!” ขณะที่พูด เขาก็กลัวว่าอู่หยาจะตอบสนองได้ไม่ทันเวลา ขาขวาของเขาจึงกระแทกพื้นอย่างแรงและกระโดดเข้าหาเพื่อคว้าแขนเธอไว้ ก่อนจะกระโดดลงจากเวทีและลากเธอไปด้วย

อู่หยาไม่รู้ว่าทำไมโจวเหว่ยชิงถึงทำเช่นนี้ แต่เธอไม่ได้ขัดขืนแรงดึงของเขาขณะที่ถูกกระชากลงไป ทันทีที่เท้าแตะพื้น พวกเขาก็รู้สึกถึงกลิ่นอายเย็นยะเยือกที่เข้มข้นอย่างน่าประหลาดกำลังลุกโชนขึ้นในอากาศเหนือศีรษะของพวกเขา บรรยากาศเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดและไอความมืด ทั้งจตุรัสดูเหมือนจะมืดลงชั่วขณะ ก่อนที่ดวงอาทิตย์จะสาดแสงลงมาถึงร่างของพวกเขาอีกครั้ง

เมื่อมองย้อนกลับไปที่เวที พวกเขาก็เห็นเจี่ยงเฟยที่มีใบหน้าซีดเซียวยืนอยู่อย่างมึนงง ร่างของเธอแกว่งไปมาราวกับว่ากำลังจะเป็นลม ตอนนี้ศาสตรามณียุทธ์ที่เธอสวมใส่ได้หายไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น บนเวทียังปรากฏหลุมขนาดใหญ่เกือบ 30 หลาขึ้น และตอนนี้แท่นเวทีทั้งหมดก็เกือบถูกทำลายลงไปแล้ว

แม้โจวเหว่ยชิงไม่ได้อธิบาย อู่หยาก็เข้าใจได้ทันทีว่าทำไมเขาถึงต้องดึงเธอลงมากะทันหัน การโจมตีของเจี่ยงเฟยนั้นมีอานุภาพรุนแรงมากเกินไป ถ้าพวกเขากระโดดลงจากเวทีไม่ทันเวลา แม้ว่าพวกเขาจะรอดจากการระเบิดครั้งนั้นมาได้ พวกเขาก็จะต้องบาดเจ็บหนักแน่นอน

“ทำไมถึงรุนแรงขนาดนี้?” อู่หยาพึมพำกับตัวเอง

โจวเหว่ยชิงตัวสั่นด้วยความกลัวเมื่อนึกย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์เมื่อสักครู่ ก่อนเขาจะพูดว่า “ทักษะสังเวยธาตุมืดที่น่ากลัวที่สุด…เช่นเดียวกับทักษะเปลวไฟแห่งชีวิตของเซียวเอี๋ยนที่เผาผลาญพลังชีวิตของเขา เช่นนี้มันจะไม่รุนแรงได้ยังไง? นางถึงขั้นเอาชีวิตไปเดิมพัน ถ้าเราไม่วิ่งหนีก็มีเพียงความตายเท่านั้นที่รออยู่”

อีกด้านหนึ่งของเวที ผู้ตัดสินเองก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน แม้ว่าเขาจะมีมณี 6 ชุดและเจี่ยงเฟยก็ไม่ได้มุ่งเป้าโจมตีมาที่เขา แต่เขาก็ยังได้รับผลกระทบจากพลังของเธอไปด้วย โล่น้ำแข็งทั้ง 12 ชิ้นของเขาแตกเป็นเสี่ยงๆ และใบหน้าของเขาก็ซีดเซียวในขณะที่พยายามฝืนตัวเองไม่ให้อาเจียนออกมาเป็นเลือด เช่นเดียวกับเซียวเอี๋ยน นี่เป็นทักษะสังเวยตนเองระดับมณี 5 ชุด…แต่อย่าลืมว่าทักษะธาตุของเจี่ยงเฟยเป็นทักษะธาตุยิ่งใหญ่ และเธอก็เป็นจ้าวมณีสวรรค์ประเภทโจมตีขั้นสุดยอด!

โจวเหว่ยชิงรีบเปรียบเทียบผลอย่างรวดเร็วและประเมินได้ว่าความสามารถในการโจมตีของเจี่ยงเฟยนั้นเหนือชั้นกว่าเซียวเอี๋ยน แม้ว่าความเชี่ยวชาญและประสบการณ์การต่อสู้ของเธออาจจะต่ำกว่าเซียวเอี๋ยนก็ตาม ถึงอย่างไรก็ตาม หากมองโดยรวมแล้ว ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็อาจจะเท่ากันก็ได้ แต่ถ้าหากโจวเหว่ยชิงต้องจัดการกับเธอในการต่อสู้แบบตัวต่อตัวจริงๆ เขาก็อาจมีโอกาสถึงแพ้ 8 ใน 10 ส่วนเลยทีเดียว เว้นแต่เขาจะใช้สถานะปีศาจกลายร่างถึงจะพอมีโอกาสชนะได้บ้าง

ด้วยระดับพลังที่แตกต่างกันอย่างมาก พลังทักษะควบคุมของเขาจึงมีขีดจำกัด แต่ทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์ก็ยังใช้ได้ผลดีเกินคาด โจวเหว่ยชิงเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมถังเซียนถึงพูดว่าทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์นั้นน่าเหลือเชื่อมาก

ในที่สุดผู้ตัดสินก็ฝืนระงับอาการบาดเจ็บของเขาเอาไว้ได้และกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “รอบที่ 3 การแข่งขันแบบคู่ กลุ่มนักรบเหมี่ยวชนะ”

เจี่ยงเฟยมองโจวเหว่ยชิงที่ยืนอยู่ด้านล่างอย่างเย็นชาก่อนจะพูดออกมาอย่างเยือกเย็น “ขี้ขลาด”

โจวเหว่ยชิงยิ้มและพูดว่า “เฮ้ๆ แม่นางคนงาม ข้าก็เคยได้ยินคำพูดที่ว่าผู้หญิงนมโตมักไร้สมองมาบ้าง แต่หน้าอกของเจ้าก็ไม่ใหญ่นัก แต่ทำไมสมองถึงไม่ค่อยจะมีรอยหยักเช่นนี้เล่า! ทำไมข้าจะต้องบ้าบิ่นวิ่งออกไปรับระเบิดของเจ้าโดยไม่มีเหตุผลด้วย? ก่อนหน้านี้เราชนะไปแล้ว 2 ครั้ง ดังนั้นพวกเราจึงสามารถแพ้ครั้งนี้ได้ ถึงอย่างไรเจ้าก็ใช้ทักษะสังเวยตัวเองไปแล้ว ดังนั้นเจ้าจึงไม่อาจเข้าร่วมการประลองในอนาคตได้อีก ดังนั้นหากเจ้ามีปัญญา ก็เชิญส่งสมาชิกคนอื่นในกลุ่มนักรบเหมี่ยวที่มีพลังเทียบเท่ากับตัวเจ้าออกมาได้ตลอดเวลา ข้ามั่นใจอยู่แล้วว่าจะชนะ ทำไมถึงจะต้องเสี่ยงชีวิตรับการโจมตีของเจ้าด้วยไม่ทราบ? ข้าดูโง่มากรึไง? ข้ากลัวตายมากที่สุดเจ้าไม่รู้หรือ? ยังไงก็ตาม เรียกออกมาสิ ใครจะประลองในรอบที่ 4 ล่ะ?”

“เจ้า…น่าไม่อาย!” ใบหน้าของเจี่ยงเฟยเปลี่ยนเป็นสีขาวซีดขณะที่เธออาเจียนเลือดออกมาอีกคำหนึ่งพร้อมกับเสียง *อุ่ก*

อู๋เจิ้งหยางและจู้เฮยซานรีบกระโดดขึ้นไปบนเวทีเพื่อประคองเจี่ยงเฟย พวกเขาจ้องโจวเหว่ยชิงตาเขม็ง

โจวเหว่ยชิงมองตอบอย่างไร้เดียงสาในขณะที่เขายักไหล่ “อะไรกัน…แค่ข้ากลัวตายก็ผิดกฎการประลองด้วยรึ? ถึงอย่างไรเจ้าก็ชนะการประลองครั้งนี้ไปแล้ว ทำไมถึงยังบอกว่าข้าไร้ยางอายอยู่อีก? เขาเรียกว่ากลยุทธ์หนีตายน่ะเข้าใจไหม!”

“ทั้งสองฝ่ายโปรดลงจากเวที พวกเราจะต้องซ่อมแซมพื้นเวทีก่อน” น้ำเสียงที่ค่อนข้างเศร้าหมองของผู้ตัดสินดังออกมา

โจวเหว่ยชิงยิ้มให้เจี่ยงเฟยและพูดว่า “แม่นางคนงาม ไว้พบกันใหม่นะ” หลังจากนั้นเขาจึงมุ่งหน้ากลับไปที่เรือนรับรองทันที

ทันทีที่เขาเข้าไปในเรือนพัก รอยยิ้มบนใบหน้าของโจวเหว่ยชิงก็เลือนหายไปทันที เขาสูดลมหายใจเข้าลึกและพูดกับสมาชิกอีก 3 คนว่า “ช่างเป็นทักษะสังเวยที่น่าสะพรึงกลัวจริงๆ…นางเป็นจ้าวมณีสวรรค์ประเภทโจมตีขั้นสุดยอดที่ทรงพลังมากทีเดียว ตอนนี้ข้ายังเห็นว่าแม้แต่เวทีก็ยังคงถูกกัดกร่อนไปเรื่อยๆ โชคดีที่เราหลบการโจมตีของนางทันนะเนี่ย เฮ้อ”

อู่หยาถามอย่างสงสัย “เหว่ยชิง เจ้ารู้จักทักษะสังเวยตัวเองด้วยหรือ?” อู่หยาเองก็รู้ว่าโจวเหว่ยชิงมีทักษะธาตุมืดเช่นกัน

โจวเหว่ยชิงกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น “ไม่ ข้าไม่รู้หรอก ทักษะสังเวยตัวเองแต่ละประเภทล้วนเป็นวิชาลับ พวกมันเป็นทักษะที่ต้องเรียนรู้ ไม่ใช่ทักษะกักเก็บ ข้าไม่มีอาจารย์สอนในเรื่องนั้น และข้าก็ไม่ได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วข้าจึงไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ข้าแน่ใจว่าท่านพ่อของข้ารู้ ดังนั้นในอนาคตข้าจะเรียนรู้จากเขา ส่วนก่อนหน้านี้ตอนที่ข้าลากท่านลงเวที จริงๆ แล้วเป็นเพราะปฏิกิริยาของผู้ตัดสินต่างหาก ดูจากใบหน้าที่ดูตกตะลึงของเขา อีกทั้งยังเรียกใช้พลังป้องกันอย่างรวดเร็ว…ในฐานะจ้าวมณีสวรรค์ระดับ 6 ชุดที่ได้รับการไว้วางใจให้เป็นผู้ตัดสิน หากเขามีปฏิกิริยาเช่นนี้ ปกติแล้วมันจะต้องเป็นสิ่งที่พวกเราไม่อาจรับมือได้ นั่นเป็นเหตุผลหลักว่าทำไมข้าถึงคิดว่ามันเป็นทักษะสังเวยตนเอง”

เย่เป่าเปาขมวดคิ้วและพูดว่า “กลุ่มนักรบเหมี่ยวนี่ช่างแข็งแกร่งอย่างน่าประหลาดจริงๆ ถ้าสมาชิกในกลุ่มคนอื่นมีพลังเช่นเดียวกับคนทั้งคู่ พวกเราก็อาจจะตกที่นั่งลำบาก”

โจวเหว่ยชิงยิ้มน้อยๆ และกล่าวว่า “อาณาจักรเหมี่ยวอาจแข็งแกร่งกว่าอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์ของข้า แต่ก็คงไม่ต่างกันมากขนาดนั้นหรอก ถึงอย่างไรพวกเขาย่อมต้องอ่อนแอกว่าอาณาจักรเฟยหลี่แน่นอน การที่จะมีอัจฉริยะหนึ่งหรือสองคนนั้นไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจ แต่ถ้ามีอัจฉริยะจำนวนมากปรากฏขึ้น ข้าแน่ใจว่าอาณาจักรรอบข้างของพวกเขาจะเป็นกลุ่มแรกที่ลงมือก่อนด้วยซ้ำ ไม่ต้องกังวล ข้ามั่นใจมากว่าเจียงเฟยเป็นสมาชิกที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาและไม่มีสมาชิกคนอื่นๆที่แข็งแกร่งเท่าอู๋เจิ้งหยางอีกแล้ว การต่อสู้เมื่อสักครู่น่าจะเป็นการต่อสู้ที่รุนแรงและตื่นเต้นเร้าใจที่สุดตั้งแต่เริ่มงานประลองมาแล้ว ดูสิ มีแม้กระทั่งเวทีก็ยังถูกทำลาย!”

ด้านกลุ่มนักรบส่วนที่เหลือทั้งหมดในเรือนพัก สมาชิกทุกคนกำลังคุยกันเรื่องการต่อสู้เมื่อสักครู่ แน่นอนว่าพลังของเจี่ยงเฟยได้ฉายรัศมีบดบังเงาของโจวเหว่ยชิงและอู่หยาไว้โดยสิ้นเชิง อาจกล่าวได้ว่าได้บดบังความโดดเด่นของทุกคนที่เคยขึ้นเวทีมาด้วยซ้ำ จ้าวมณีสวรรค์ธาตุมืดที่รู้วิธีใช้ทักษะสังเวยตนเองนั้นน่าหวาดกลัวมาก ยิ่งกว่านั้น เธอยังเป็นจ้าวมณีสวรรค์ประเภทโจมตีขั้นสุดยอดอีกด้วย!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา 74.1 ทักษะสังเวยธาตุมืด (1)

Now you are reading Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา Chapter 74.1 ทักษะสังเวยธาตุมืด (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อเจี่ยงเฟยถูกโจมตีด้วยทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์ของโจวเหว่ยชิง เธอย่อมไม่รู้ว่าอะไรกำลังส่งผลกระทบต่อความเร็วของเธอเช่นนี้ ทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์ถูกซ่อนเร้นเอาไว้ดีเกินไปและไม่ใช่ทักษะที่รู้จักกันแพร่หลายนัก แม้แต่ หมิงอู๋ที่มีมณี 9 ชุดก็ยังได้รับผลเช่นนี้โดยที่เขาไม่รู้ว่าเกิดได้อย่างไร ดังนั้นในสายตาของคนนอก แม้แต่ในสายตาของเจี่ยงเฟยเอง เป็นทักษะอสนีบาตพันสายนั้นต่างหากที่ทำให้ความเร็วของเธอลดลง

ในที่สุดพลังของอู่หยาก็สามารถปลดปล่อยออกมาได้อย่างเต็มศักยภาพและผลของทักษะ ‘สวรรค์ทำลายล้าง’ บนขวานคู่ในตำนานก็ทำให้การโจมตีที่ทรงพลังอยู่แล้วน่าสะพรึงกลัวยิ่งขึ้น ขวานขนาดใหญ่ในมือของเธอจึงหมุนวนและร่ายรำไปรอบๆ เหมือนใบพัดขนาดใหญ่ ด้านดาบหนักของอู๋เจิ้งหยาง มันก็แข็งแกร่งขึ้นเพราะทักษะกักเก็บของเขาเช่นกัน…ทว่าก็ดาบของเขาก็ยังต้องหม่นแสงเมื่ออยู่ต่อหน้าขวานในตำนาน ของอู่หยา

เดิมทีอู๋เจิ้งหยางก็ตั้งรับการโจมตีของอู่หยาไม่ได้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะในแง่ของความเร็วหรือพลังก็ตาม ดังนั้นในขณะที่ยังคงมึนงงจากผลของทักษะอสนีบาตพันสายของโจวเหว่ยชิงและถูกโจมตีอย่างกะทันหัน ชัยชนะจึงถูกตัดสินอย่างง่ายดาย

*ตู้ม* ‘สวรรค์ทำลายล้าง’ และขวานคู่ในตำนานได้ทำลายเกราะประกายแสงลงอีกครั้ง

แน่นอนว่าครั้งนี้โจวเหว่ยชิงไม่ได้ทำผิดพลาดอีก เขายกธนูราชันย์ขึ้นง้างและปล่อยลูกศรออกไปดอกแล้วดอกเล่าอย่างรวดเร็วอีกครั้ง คราวนี้ห่าลูกศรของเขาพุ่งเป้าไปที่เจี่ยงเฟย หากพวกเขาชนะการประลองแบบคู่ครั้งนี้ กลุ่มเฟยหลี่ก็จะจบศึกในวันนี้ลงได้เสียที ด้วยเหตุนี้ โจวเหว่ยชิงจึงไม่ออมแรงไว้แม้แต่น้อย เขาหมุนเวียนพลังปราณสวรรค์ออกมาจนถึงขีดสุดและฝังทักษะมิติกักขังลงบนลูกศรเหล่านั้นด้วย

หากเจี่ยงเฟยไม่ได้รับผลกระทบจากทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์อยู่ก่อนหน้า เธอย่อมรับมือกับการโจมตีของเขาได้อย่างง่ายดาย อนิจจา ระยะเวลา 3 วินาทีของทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์นั้นสำคัญกับการต่อสู้ที่ทุกสิ่งขึ้นอยู่กับเวลาเช่นนี้มาก ไม่นานห่าลูกศรก็พุ่งเข้าหาเจี่งเฟยแล้ว

ก่อนหน้านี้เจี่ยงเฟยยังสามารถใช้การโจมตีของเธอกำจัดพวกมันออกไปได้ แต่ด้วยความเร็วที่ถูกจำกัดเอาไว้ ในที่สุดเธอก็ปะทะเข้ากับลูกศรดอกหนึ่งจนได้ แม้ว่ามันจะไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับเจี่ยงเฟยเนื่องจากพลังปราณสวรรค์ของเธอ แต่ทักษะมิติกักขังก็ยังมีผลกับเธออยู่ดี เพราะถึงอย่างไรนั่นก็คือไพ่ตายของโจวเหว่ยชิงที่ปิดโอกาสไม่ให้เธอสามารถให้ความช่วยเหลืออู๋เจิ้งหยางจากอู่หยาได้

หลังจากที่อู่หยาทำลายเกราะประกายแสงของเขา อู๋เจิ้งหยางก็ฟื้นจากอาการอัมพาตทันที ถึงอย่างไรระดับพลังปราณของเขาก็สูงกว่าโจวเหว่ยชิง อีกทั้งพลังโจมตีของทักษะอสนีบาตพันสายก็ไม่ได้รุนแรงอะไร ด้วยเหตุนี้ผลของมันจึงทำให้เขาเป็นอัมพาตได้ไม่นาน น่าเสียดายที่เมื่อเขารู้ตัวก็สายเกินไปเสียแล้ว อู่หยาได้พุ่งเข้าใส่เขา และตอนนี้ขวานของเธอก็เหวี่ยงลงมาแล้ว

จากการต่อสู้ครั้งก่อนหน้า อู๋เจิ้งหยางย่อมเคยสัมผัสความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัวของอู่หยามาก่อน เขารู้ได้ทันทีว่าตัวเองไม่อาจโจมตีตอบโต้ได้แล้ว ทันใดนั้นเขาจึงขยับถอยหลัง ดาบหนักในมือถูกยกขึ้นไปด้านบนเพื่อปัดป้องการโจมตีของอีกฝ่าย ในเวลาเดียวกันเขาก็ปลดปล่อยทักษะป้องกันออกมา แสงสีทองสว่างวาบขึ้นมาปกคลุมร่างกายของเขาเอาไว้ทันที

น่าเสียดายที่ความพยายามทั้งหมดของเขาไร้ประโยชน์ ขณะที่ขวานของอู่หยาฟาดลงไป ดาบหนักศาสตรามณียุทธ์ของอู๋เจิ้งหยางก็ถูกฟันหลุดจากมือของเขาทันที อู่หยาจึงก้าวไปข้างหน้าอีกก้าวและปล่อยลูกเตะที่มีพลังรุนแรงออกไป ประวัติศาสตร์ดูเหมือนจะซ้ำรอยเมื่อเท้าของเธอฟาดเข้ากับโล่ของเขา จากนั้นเหตุการณ์เดิมก็วนมาบรรจบกันอีกครั้งเมื่ออู๋เจิ้งหยางผู้น่าสงสารลอยถลาออกไปเหมือนลูกปืนใหญ่และลงจอดในจุดเดียวกับการประลองครั้งแรก แน่นอนว่าทักษะการป้องกันของเขาช่วยเขาเอาไว้อย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออู่หยาไม่ได้พยายามจะสร้างความเสียหายร้ายแรงใดๆให้กับเขามากนัก ทว่านั่นก็ยังไม่รวมถึง ‘ใบหน้า’ ของเขาด้วย คราวนี้อู๋เจิ้งหยางไม่แปลกใจกับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น ถึงอย่างไรก็เป็นอู่หยาที่เอาชนะเขาได้อีกครั้ง

ในขณะที่อู่หยาเพิ่งจัดการกับอู๋เจิ้งหยางสำเร็จ อีกทางด้านหนึ่ง ผลของทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์บนร่างของเจี่ยงเฟยก็เพิ่งจะหมดฤทธิ์ไปเช่นกัน ทว่าเธอกลับถูกห่อหุ้มไปด้วยแสงสีเงินของทักษะมิติกักขังต่อทันที

ดวงตาของหญิงสาวเยือกเย็นและทอประกายเด็ดเดี่ยวขึ้น เมื่อผลของทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์สิ้นสุดลงและเธอได้ตกอยู่ในมิติกักขัง ไม้คฑาสีดำในมือของเธอก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ทันที

ถูกต้อง…แตกละเอียด ไม่ใช่ถูกเก็บกลับไป ทันทีที่ไม้คฑานั้นสลายไป มันก็กระจายออกเป็นมวลแสงสีดำหนาทึบที่หมุนวนรอบๆ ฝ่ามือของเธอ

ด้วยเสียง *พรวด* เลือดสดๆ พุ่งทะลักออกมาจากปากของเจี่ยงเฟยและสาดลงบนกลุ่มแสงสีดำที่อยู่ตรงหน้าเธอทันที ในช่วงเวลาต่อมา ศาสตรามณียุทธ์อีก 4 ชิ้นที่เธอสวมอยู่ก็เปล่งประกายด้วยแสงอันเจิดจ้า จากนั้นมิติกักขังก็สลายหายไปทันที ยิ่งไปกว่านั้น ลูกศรดอกต่อๆ ไปของโจวเหว่ยชิงก็ดูเหมือนจะถูกดึงดูดโดยพลังลึกลับเหล่านั้น มันพุ่งเข้าไปหลอมรวมเข้ากับกลุ่มแสงสีดำและสลายหายไปเช่นกัน ไม่เปิดโอกาสให้ทักษะใดๆ ที่ฝังอยู่ภายในได้ทันเปิดใช้งานเลยแม้แต่น้อย

ที่บริเวณมุมเวที สีหน้าของผู้ตัดสินเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เขาชูมือซ้ายขึ้น จากนั้นไพลินดารา 6 ดวงก็เรืองรองขึ้นมาทันที เขาเรียกมณีธาตุของตนออกมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับปล่อยทักษะโล่น้ำแข็ง 12 ชิ้นออกมาบังข้างหน้าไว้ในเสี้ยววินาที

“อู่หยา กลับมาเดี๋ยวนี้!” โจวเหว่ยชิงตะโกนขึ้นพร้อมกับเก็บธนูราชันย์ทันที

อู่หยายกขวานขึ้นเพื่อเตรียมโจมตี แต่เมื่อได้ยินเสียงของโจวเหว่ยชิง เธอก็ชะงักพร้อมกับหันไปมองเขาอย่างงงงวย

โจวเหว่ยชิงรีบตะโกน “กระโดดลงจากเวที เร็ว!” ขณะที่พูด เขาก็กลัวว่าอู่หยาจะตอบสนองได้ไม่ทันเวลา ขาขวาของเขาจึงกระแทกพื้นอย่างแรงและกระโดดเข้าหาเพื่อคว้าแขนเธอไว้ ก่อนจะกระโดดลงจากเวทีและลากเธอไปด้วย

อู่หยาไม่รู้ว่าทำไมโจวเหว่ยชิงถึงทำเช่นนี้ แต่เธอไม่ได้ขัดขืนแรงดึงของเขาขณะที่ถูกกระชากลงไป ทันทีที่เท้าแตะพื้น พวกเขาก็รู้สึกถึงกลิ่นอายเย็นยะเยือกที่เข้มข้นอย่างน่าประหลาดกำลังลุกโชนขึ้นในอากาศเหนือศีรษะของพวกเขา บรรยากาศเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดและไอความมืด ทั้งจตุรัสดูเหมือนจะมืดลงชั่วขณะ ก่อนที่ดวงอาทิตย์จะสาดแสงลงมาถึงร่างของพวกเขาอีกครั้ง

เมื่อมองย้อนกลับไปที่เวที พวกเขาก็เห็นเจี่ยงเฟยที่มีใบหน้าซีดเซียวยืนอยู่อย่างมึนงง ร่างของเธอแกว่งไปมาราวกับว่ากำลังจะเป็นลม ตอนนี้ศาสตรามณียุทธ์ที่เธอสวมใส่ได้หายไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น บนเวทียังปรากฏหลุมขนาดใหญ่เกือบ 30 หลาขึ้น และตอนนี้แท่นเวทีทั้งหมดก็เกือบถูกทำลายลงไปแล้ว

แม้โจวเหว่ยชิงไม่ได้อธิบาย อู่หยาก็เข้าใจได้ทันทีว่าทำไมเขาถึงต้องดึงเธอลงมากะทันหัน การโจมตีของเจี่ยงเฟยนั้นมีอานุภาพรุนแรงมากเกินไป ถ้าพวกเขากระโดดลงจากเวทีไม่ทันเวลา แม้ว่าพวกเขาจะรอดจากการระเบิดครั้งนั้นมาได้ พวกเขาก็จะต้องบาดเจ็บหนักแน่นอน

“ทำไมถึงรุนแรงขนาดนี้?” อู่หยาพึมพำกับตัวเอง

โจวเหว่ยชิงตัวสั่นด้วยความกลัวเมื่อนึกย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์เมื่อสักครู่ ก่อนเขาจะพูดว่า “ทักษะสังเวยธาตุมืดที่น่ากลัวที่สุด…เช่นเดียวกับทักษะเปลวไฟแห่งชีวิตของเซียวเอี๋ยนที่เผาผลาญพลังชีวิตของเขา เช่นนี้มันจะไม่รุนแรงได้ยังไง? นางถึงขั้นเอาชีวิตไปเดิมพัน ถ้าเราไม่วิ่งหนีก็มีเพียงความตายเท่านั้นที่รออยู่”

อีกด้านหนึ่งของเวที ผู้ตัดสินเองก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน แม้ว่าเขาจะมีมณี 6 ชุดและเจี่ยงเฟยก็ไม่ได้มุ่งเป้าโจมตีมาที่เขา แต่เขาก็ยังได้รับผลกระทบจากพลังของเธอไปด้วย โล่น้ำแข็งทั้ง 12 ชิ้นของเขาแตกเป็นเสี่ยงๆ และใบหน้าของเขาก็ซีดเซียวในขณะที่พยายามฝืนตัวเองไม่ให้อาเจียนออกมาเป็นเลือด เช่นเดียวกับเซียวเอี๋ยน นี่เป็นทักษะสังเวยตนเองระดับมณี 5 ชุด…แต่อย่าลืมว่าทักษะธาตุของเจี่ยงเฟยเป็นทักษะธาตุยิ่งใหญ่ และเธอก็เป็นจ้าวมณีสวรรค์ประเภทโจมตีขั้นสุดยอด!

โจวเหว่ยชิงรีบเปรียบเทียบผลอย่างรวดเร็วและประเมินได้ว่าความสามารถในการโจมตีของเจี่ยงเฟยนั้นเหนือชั้นกว่าเซียวเอี๋ยน แม้ว่าความเชี่ยวชาญและประสบการณ์การต่อสู้ของเธออาจจะต่ำกว่าเซียวเอี๋ยนก็ตาม ถึงอย่างไรก็ตาม หากมองโดยรวมแล้ว ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็อาจจะเท่ากันก็ได้ แต่ถ้าหากโจวเหว่ยชิงต้องจัดการกับเธอในการต่อสู้แบบตัวต่อตัวจริงๆ เขาก็อาจมีโอกาสถึงแพ้ 8 ใน 10 ส่วนเลยทีเดียว เว้นแต่เขาจะใช้สถานะปีศาจกลายร่างถึงจะพอมีโอกาสชนะได้บ้าง

ด้วยระดับพลังที่แตกต่างกันอย่างมาก พลังทักษะควบคุมของเขาจึงมีขีดจำกัด แต่ทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์ก็ยังใช้ได้ผลดีเกินคาด โจวเหว่ยชิงเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมถังเซียนถึงพูดว่าทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์นั้นน่าเหลือเชื่อมาก

ในที่สุดผู้ตัดสินก็ฝืนระงับอาการบาดเจ็บของเขาเอาไว้ได้และกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “รอบที่ 3 การแข่งขันแบบคู่ กลุ่มนักรบเหมี่ยวชนะ”

เจี่ยงเฟยมองโจวเหว่ยชิงที่ยืนอยู่ด้านล่างอย่างเย็นชาก่อนจะพูดออกมาอย่างเยือกเย็น “ขี้ขลาด”

โจวเหว่ยชิงยิ้มและพูดว่า “เฮ้ๆ แม่นางคนงาม ข้าก็เคยได้ยินคำพูดที่ว่าผู้หญิงนมโตมักไร้สมองมาบ้าง แต่หน้าอกของเจ้าก็ไม่ใหญ่นัก แต่ทำไมสมองถึงไม่ค่อยจะมีรอยหยักเช่นนี้เล่า! ทำไมข้าจะต้องบ้าบิ่นวิ่งออกไปรับระเบิดของเจ้าโดยไม่มีเหตุผลด้วย? ก่อนหน้านี้เราชนะไปแล้ว 2 ครั้ง ดังนั้นพวกเราจึงสามารถแพ้ครั้งนี้ได้ ถึงอย่างไรเจ้าก็ใช้ทักษะสังเวยตัวเองไปแล้ว ดังนั้นเจ้าจึงไม่อาจเข้าร่วมการประลองในอนาคตได้อีก ดังนั้นหากเจ้ามีปัญญา ก็เชิญส่งสมาชิกคนอื่นในกลุ่มนักรบเหมี่ยวที่มีพลังเทียบเท่ากับตัวเจ้าออกมาได้ตลอดเวลา ข้ามั่นใจอยู่แล้วว่าจะชนะ ทำไมถึงจะต้องเสี่ยงชีวิตรับการโจมตีของเจ้าด้วยไม่ทราบ? ข้าดูโง่มากรึไง? ข้ากลัวตายมากที่สุดเจ้าไม่รู้หรือ? ยังไงก็ตาม เรียกออกมาสิ ใครจะประลองในรอบที่ 4 ล่ะ?”

“เจ้า…น่าไม่อาย!” ใบหน้าของเจี่ยงเฟยเปลี่ยนเป็นสีขาวซีดขณะที่เธออาเจียนเลือดออกมาอีกคำหนึ่งพร้อมกับเสียง *อุ่ก*

อู๋เจิ้งหยางและจู้เฮยซานรีบกระโดดขึ้นไปบนเวทีเพื่อประคองเจี่ยงเฟย พวกเขาจ้องโจวเหว่ยชิงตาเขม็ง

โจวเหว่ยชิงมองตอบอย่างไร้เดียงสาในขณะที่เขายักไหล่ “อะไรกัน…แค่ข้ากลัวตายก็ผิดกฎการประลองด้วยรึ? ถึงอย่างไรเจ้าก็ชนะการประลองครั้งนี้ไปแล้ว ทำไมถึงยังบอกว่าข้าไร้ยางอายอยู่อีก? เขาเรียกว่ากลยุทธ์หนีตายน่ะเข้าใจไหม!”

“ทั้งสองฝ่ายโปรดลงจากเวที พวกเราจะต้องซ่อมแซมพื้นเวทีก่อน” น้ำเสียงที่ค่อนข้างเศร้าหมองของผู้ตัดสินดังออกมา

โจวเหว่ยชิงยิ้มให้เจี่ยงเฟยและพูดว่า “แม่นางคนงาม ไว้พบกันใหม่นะ” หลังจากนั้นเขาจึงมุ่งหน้ากลับไปที่เรือนรับรองทันที

ทันทีที่เขาเข้าไปในเรือนพัก รอยยิ้มบนใบหน้าของโจวเหว่ยชิงก็เลือนหายไปทันที เขาสูดลมหายใจเข้าลึกและพูดกับสมาชิกอีก 3 คนว่า “ช่างเป็นทักษะสังเวยที่น่าสะพรึงกลัวจริงๆ…นางเป็นจ้าวมณีสวรรค์ประเภทโจมตีขั้นสุดยอดที่ทรงพลังมากทีเดียว ตอนนี้ข้ายังเห็นว่าแม้แต่เวทีก็ยังคงถูกกัดกร่อนไปเรื่อยๆ โชคดีที่เราหลบการโจมตีของนางทันนะเนี่ย เฮ้อ”

อู่หยาถามอย่างสงสัย “เหว่ยชิง เจ้ารู้จักทักษะสังเวยตัวเองด้วยหรือ?” อู่หยาเองก็รู้ว่าโจวเหว่ยชิงมีทักษะธาตุมืดเช่นกัน

โจวเหว่ยชิงกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น “ไม่ ข้าไม่รู้หรอก ทักษะสังเวยตัวเองแต่ละประเภทล้วนเป็นวิชาลับ พวกมันเป็นทักษะที่ต้องเรียนรู้ ไม่ใช่ทักษะกักเก็บ ข้าไม่มีอาจารย์สอนในเรื่องนั้น และข้าก็ไม่ได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วข้าจึงไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ข้าแน่ใจว่าท่านพ่อของข้ารู้ ดังนั้นในอนาคตข้าจะเรียนรู้จากเขา ส่วนก่อนหน้านี้ตอนที่ข้าลากท่านลงเวที จริงๆ แล้วเป็นเพราะปฏิกิริยาของผู้ตัดสินต่างหาก ดูจากใบหน้าที่ดูตกตะลึงของเขา อีกทั้งยังเรียกใช้พลังป้องกันอย่างรวดเร็ว…ในฐานะจ้าวมณีสวรรค์ระดับ 6 ชุดที่ได้รับการไว้วางใจให้เป็นผู้ตัดสิน หากเขามีปฏิกิริยาเช่นนี้ ปกติแล้วมันจะต้องเป็นสิ่งที่พวกเราไม่อาจรับมือได้ นั่นเป็นเหตุผลหลักว่าทำไมข้าถึงคิดว่ามันเป็นทักษะสังเวยตนเอง”

เย่เป่าเปาขมวดคิ้วและพูดว่า “กลุ่มนักรบเหมี่ยวนี่ช่างแข็งแกร่งอย่างน่าประหลาดจริงๆ ถ้าสมาชิกในกลุ่มคนอื่นมีพลังเช่นเดียวกับคนทั้งคู่ พวกเราก็อาจจะตกที่นั่งลำบาก”

โจวเหว่ยชิงยิ้มน้อยๆ และกล่าวว่า “อาณาจักรเหมี่ยวอาจแข็งแกร่งกว่าอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์ของข้า แต่ก็คงไม่ต่างกันมากขนาดนั้นหรอก ถึงอย่างไรพวกเขาย่อมต้องอ่อนแอกว่าอาณาจักรเฟยหลี่แน่นอน การที่จะมีอัจฉริยะหนึ่งหรือสองคนนั้นไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจ แต่ถ้ามีอัจฉริยะจำนวนมากปรากฏขึ้น ข้าแน่ใจว่าอาณาจักรรอบข้างของพวกเขาจะเป็นกลุ่มแรกที่ลงมือก่อนด้วยซ้ำ ไม่ต้องกังวล ข้ามั่นใจมากว่าเจียงเฟยเป็นสมาชิกที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาและไม่มีสมาชิกคนอื่นๆที่แข็งแกร่งเท่าอู๋เจิ้งหยางอีกแล้ว การต่อสู้เมื่อสักครู่น่าจะเป็นการต่อสู้ที่รุนแรงและตื่นเต้นเร้าใจที่สุดตั้งแต่เริ่มงานประลองมาแล้ว ดูสิ มีแม้กระทั่งเวทีก็ยังถูกทำลาย!”

ด้านกลุ่มนักรบส่วนที่เหลือทั้งหมดในเรือนพัก สมาชิกทุกคนกำลังคุยกันเรื่องการต่อสู้เมื่อสักครู่ แน่นอนว่าพลังของเจี่ยงเฟยได้ฉายรัศมีบดบังเงาของโจวเหว่ยชิงและอู่หยาไว้โดยสิ้นเชิง อาจกล่าวได้ว่าได้บดบังความโดดเด่นของทุกคนที่เคยขึ้นเวทีมาด้วยซ้ำ จ้าวมณีสวรรค์ธาตุมืดที่รู้วิธีใช้ทักษะสังเวยตนเองนั้นน่าหวาดกลัวมาก ยิ่งกว่านั้น เธอยังเป็นจ้าวมณีสวรรค์ประเภทโจมตีขั้นสุดยอดอีกด้วย!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา 74.1 ทักษะสังเวยธาตุมืด (1)

Now you are reading Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา Chapter 74.1 ทักษะสังเวยธาตุมืด (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อเจี่ยงเฟยถูกโจมตีด้วยทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์ของโจวเหว่ยชิง เธอย่อมไม่รู้ว่าอะไรกำลังส่งผลกระทบต่อความเร็วของเธอเช่นนี้ ทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์ถูกซ่อนเร้นเอาไว้ดีเกินไปและไม่ใช่ทักษะที่รู้จักกันแพร่หลายนัก แม้แต่ หมิงอู๋ที่มีมณี 9 ชุดก็ยังได้รับผลเช่นนี้โดยที่เขาไม่รู้ว่าเกิดได้อย่างไร ดังนั้นในสายตาของคนนอก แม้แต่ในสายตาของเจี่ยงเฟยเอง เป็นทักษะอสนีบาตพันสายนั้นต่างหากที่ทำให้ความเร็วของเธอลดลง

ในที่สุดพลังของอู่หยาก็สามารถปลดปล่อยออกมาได้อย่างเต็มศักยภาพและผลของทักษะ ‘สวรรค์ทำลายล้าง’ บนขวานคู่ในตำนานก็ทำให้การโจมตีที่ทรงพลังอยู่แล้วน่าสะพรึงกลัวยิ่งขึ้น ขวานขนาดใหญ่ในมือของเธอจึงหมุนวนและร่ายรำไปรอบๆ เหมือนใบพัดขนาดใหญ่ ด้านดาบหนักของอู๋เจิ้งหยาง มันก็แข็งแกร่งขึ้นเพราะทักษะกักเก็บของเขาเช่นกัน…ทว่าก็ดาบของเขาก็ยังต้องหม่นแสงเมื่ออยู่ต่อหน้าขวานในตำนาน ของอู่หยา

เดิมทีอู๋เจิ้งหยางก็ตั้งรับการโจมตีของอู่หยาไม่ได้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะในแง่ของความเร็วหรือพลังก็ตาม ดังนั้นในขณะที่ยังคงมึนงงจากผลของทักษะอสนีบาตพันสายของโจวเหว่ยชิงและถูกโจมตีอย่างกะทันหัน ชัยชนะจึงถูกตัดสินอย่างง่ายดาย

*ตู้ม* ‘สวรรค์ทำลายล้าง’ และขวานคู่ในตำนานได้ทำลายเกราะประกายแสงลงอีกครั้ง

แน่นอนว่าครั้งนี้โจวเหว่ยชิงไม่ได้ทำผิดพลาดอีก เขายกธนูราชันย์ขึ้นง้างและปล่อยลูกศรออกไปดอกแล้วดอกเล่าอย่างรวดเร็วอีกครั้ง คราวนี้ห่าลูกศรของเขาพุ่งเป้าไปที่เจี่ยงเฟย หากพวกเขาชนะการประลองแบบคู่ครั้งนี้ กลุ่มเฟยหลี่ก็จะจบศึกในวันนี้ลงได้เสียที ด้วยเหตุนี้ โจวเหว่ยชิงจึงไม่ออมแรงไว้แม้แต่น้อย เขาหมุนเวียนพลังปราณสวรรค์ออกมาจนถึงขีดสุดและฝังทักษะมิติกักขังลงบนลูกศรเหล่านั้นด้วย

หากเจี่ยงเฟยไม่ได้รับผลกระทบจากทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์อยู่ก่อนหน้า เธอย่อมรับมือกับการโจมตีของเขาได้อย่างง่ายดาย อนิจจา ระยะเวลา 3 วินาทีของทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์นั้นสำคัญกับการต่อสู้ที่ทุกสิ่งขึ้นอยู่กับเวลาเช่นนี้มาก ไม่นานห่าลูกศรก็พุ่งเข้าหาเจี่งเฟยแล้ว

ก่อนหน้านี้เจี่ยงเฟยยังสามารถใช้การโจมตีของเธอกำจัดพวกมันออกไปได้ แต่ด้วยความเร็วที่ถูกจำกัดเอาไว้ ในที่สุดเธอก็ปะทะเข้ากับลูกศรดอกหนึ่งจนได้ แม้ว่ามันจะไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับเจี่ยงเฟยเนื่องจากพลังปราณสวรรค์ของเธอ แต่ทักษะมิติกักขังก็ยังมีผลกับเธออยู่ดี เพราะถึงอย่างไรนั่นก็คือไพ่ตายของโจวเหว่ยชิงที่ปิดโอกาสไม่ให้เธอสามารถให้ความช่วยเหลืออู๋เจิ้งหยางจากอู่หยาได้

หลังจากที่อู่หยาทำลายเกราะประกายแสงของเขา อู๋เจิ้งหยางก็ฟื้นจากอาการอัมพาตทันที ถึงอย่างไรระดับพลังปราณของเขาก็สูงกว่าโจวเหว่ยชิง อีกทั้งพลังโจมตีของทักษะอสนีบาตพันสายก็ไม่ได้รุนแรงอะไร ด้วยเหตุนี้ผลของมันจึงทำให้เขาเป็นอัมพาตได้ไม่นาน น่าเสียดายที่เมื่อเขารู้ตัวก็สายเกินไปเสียแล้ว อู่หยาได้พุ่งเข้าใส่เขา และตอนนี้ขวานของเธอก็เหวี่ยงลงมาแล้ว

จากการต่อสู้ครั้งก่อนหน้า อู๋เจิ้งหยางย่อมเคยสัมผัสความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัวของอู่หยามาก่อน เขารู้ได้ทันทีว่าตัวเองไม่อาจโจมตีตอบโต้ได้แล้ว ทันใดนั้นเขาจึงขยับถอยหลัง ดาบหนักในมือถูกยกขึ้นไปด้านบนเพื่อปัดป้องการโจมตีของอีกฝ่าย ในเวลาเดียวกันเขาก็ปลดปล่อยทักษะป้องกันออกมา แสงสีทองสว่างวาบขึ้นมาปกคลุมร่างกายของเขาเอาไว้ทันที

น่าเสียดายที่ความพยายามทั้งหมดของเขาไร้ประโยชน์ ขณะที่ขวานของอู่หยาฟาดลงไป ดาบหนักศาสตรามณียุทธ์ของอู๋เจิ้งหยางก็ถูกฟันหลุดจากมือของเขาทันที อู่หยาจึงก้าวไปข้างหน้าอีกก้าวและปล่อยลูกเตะที่มีพลังรุนแรงออกไป ประวัติศาสตร์ดูเหมือนจะซ้ำรอยเมื่อเท้าของเธอฟาดเข้ากับโล่ของเขา จากนั้นเหตุการณ์เดิมก็วนมาบรรจบกันอีกครั้งเมื่ออู๋เจิ้งหยางผู้น่าสงสารลอยถลาออกไปเหมือนลูกปืนใหญ่และลงจอดในจุดเดียวกับการประลองครั้งแรก แน่นอนว่าทักษะการป้องกันของเขาช่วยเขาเอาไว้อย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออู่หยาไม่ได้พยายามจะสร้างความเสียหายร้ายแรงใดๆให้กับเขามากนัก ทว่านั่นก็ยังไม่รวมถึง ‘ใบหน้า’ ของเขาด้วย คราวนี้อู๋เจิ้งหยางไม่แปลกใจกับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น ถึงอย่างไรก็เป็นอู่หยาที่เอาชนะเขาได้อีกครั้ง

ในขณะที่อู่หยาเพิ่งจัดการกับอู๋เจิ้งหยางสำเร็จ อีกทางด้านหนึ่ง ผลของทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์บนร่างของเจี่ยงเฟยก็เพิ่งจะหมดฤทธิ์ไปเช่นกัน ทว่าเธอกลับถูกห่อหุ้มไปด้วยแสงสีเงินของทักษะมิติกักขังต่อทันที

ดวงตาของหญิงสาวเยือกเย็นและทอประกายเด็ดเดี่ยวขึ้น เมื่อผลของทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์สิ้นสุดลงและเธอได้ตกอยู่ในมิติกักขัง ไม้คฑาสีดำในมือของเธอก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ทันที

ถูกต้อง…แตกละเอียด ไม่ใช่ถูกเก็บกลับไป ทันทีที่ไม้คฑานั้นสลายไป มันก็กระจายออกเป็นมวลแสงสีดำหนาทึบที่หมุนวนรอบๆ ฝ่ามือของเธอ

ด้วยเสียง *พรวด* เลือดสดๆ พุ่งทะลักออกมาจากปากของเจี่ยงเฟยและสาดลงบนกลุ่มแสงสีดำที่อยู่ตรงหน้าเธอทันที ในช่วงเวลาต่อมา ศาสตรามณียุทธ์อีก 4 ชิ้นที่เธอสวมอยู่ก็เปล่งประกายด้วยแสงอันเจิดจ้า จากนั้นมิติกักขังก็สลายหายไปทันที ยิ่งไปกว่านั้น ลูกศรดอกต่อๆ ไปของโจวเหว่ยชิงก็ดูเหมือนจะถูกดึงดูดโดยพลังลึกลับเหล่านั้น มันพุ่งเข้าไปหลอมรวมเข้ากับกลุ่มแสงสีดำและสลายหายไปเช่นกัน ไม่เปิดโอกาสให้ทักษะใดๆ ที่ฝังอยู่ภายในได้ทันเปิดใช้งานเลยแม้แต่น้อย

ที่บริเวณมุมเวที สีหน้าของผู้ตัดสินเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เขาชูมือซ้ายขึ้น จากนั้นไพลินดารา 6 ดวงก็เรืองรองขึ้นมาทันที เขาเรียกมณีธาตุของตนออกมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับปล่อยทักษะโล่น้ำแข็ง 12 ชิ้นออกมาบังข้างหน้าไว้ในเสี้ยววินาที

“อู่หยา กลับมาเดี๋ยวนี้!” โจวเหว่ยชิงตะโกนขึ้นพร้อมกับเก็บธนูราชันย์ทันที

อู่หยายกขวานขึ้นเพื่อเตรียมโจมตี แต่เมื่อได้ยินเสียงของโจวเหว่ยชิง เธอก็ชะงักพร้อมกับหันไปมองเขาอย่างงงงวย

โจวเหว่ยชิงรีบตะโกน “กระโดดลงจากเวที เร็ว!” ขณะที่พูด เขาก็กลัวว่าอู่หยาจะตอบสนองได้ไม่ทันเวลา ขาขวาของเขาจึงกระแทกพื้นอย่างแรงและกระโดดเข้าหาเพื่อคว้าแขนเธอไว้ ก่อนจะกระโดดลงจากเวทีและลากเธอไปด้วย

อู่หยาไม่รู้ว่าทำไมโจวเหว่ยชิงถึงทำเช่นนี้ แต่เธอไม่ได้ขัดขืนแรงดึงของเขาขณะที่ถูกกระชากลงไป ทันทีที่เท้าแตะพื้น พวกเขาก็รู้สึกถึงกลิ่นอายเย็นยะเยือกที่เข้มข้นอย่างน่าประหลาดกำลังลุกโชนขึ้นในอากาศเหนือศีรษะของพวกเขา บรรยากาศเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดและไอความมืด ทั้งจตุรัสดูเหมือนจะมืดลงชั่วขณะ ก่อนที่ดวงอาทิตย์จะสาดแสงลงมาถึงร่างของพวกเขาอีกครั้ง

เมื่อมองย้อนกลับไปที่เวที พวกเขาก็เห็นเจี่ยงเฟยที่มีใบหน้าซีดเซียวยืนอยู่อย่างมึนงง ร่างของเธอแกว่งไปมาราวกับว่ากำลังจะเป็นลม ตอนนี้ศาสตรามณียุทธ์ที่เธอสวมใส่ได้หายไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น บนเวทียังปรากฏหลุมขนาดใหญ่เกือบ 30 หลาขึ้น และตอนนี้แท่นเวทีทั้งหมดก็เกือบถูกทำลายลงไปแล้ว

แม้โจวเหว่ยชิงไม่ได้อธิบาย อู่หยาก็เข้าใจได้ทันทีว่าทำไมเขาถึงต้องดึงเธอลงมากะทันหัน การโจมตีของเจี่ยงเฟยนั้นมีอานุภาพรุนแรงมากเกินไป ถ้าพวกเขากระโดดลงจากเวทีไม่ทันเวลา แม้ว่าพวกเขาจะรอดจากการระเบิดครั้งนั้นมาได้ พวกเขาก็จะต้องบาดเจ็บหนักแน่นอน

“ทำไมถึงรุนแรงขนาดนี้?” อู่หยาพึมพำกับตัวเอง

โจวเหว่ยชิงตัวสั่นด้วยความกลัวเมื่อนึกย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์เมื่อสักครู่ ก่อนเขาจะพูดว่า “ทักษะสังเวยธาตุมืดที่น่ากลัวที่สุด…เช่นเดียวกับทักษะเปลวไฟแห่งชีวิตของเซียวเอี๋ยนที่เผาผลาญพลังชีวิตของเขา เช่นนี้มันจะไม่รุนแรงได้ยังไง? นางถึงขั้นเอาชีวิตไปเดิมพัน ถ้าเราไม่วิ่งหนีก็มีเพียงความตายเท่านั้นที่รออยู่”

อีกด้านหนึ่งของเวที ผู้ตัดสินเองก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน แม้ว่าเขาจะมีมณี 6 ชุดและเจี่ยงเฟยก็ไม่ได้มุ่งเป้าโจมตีมาที่เขา แต่เขาก็ยังได้รับผลกระทบจากพลังของเธอไปด้วย โล่น้ำแข็งทั้ง 12 ชิ้นของเขาแตกเป็นเสี่ยงๆ และใบหน้าของเขาก็ซีดเซียวในขณะที่พยายามฝืนตัวเองไม่ให้อาเจียนออกมาเป็นเลือด เช่นเดียวกับเซียวเอี๋ยน นี่เป็นทักษะสังเวยตนเองระดับมณี 5 ชุด…แต่อย่าลืมว่าทักษะธาตุของเจี่ยงเฟยเป็นทักษะธาตุยิ่งใหญ่ และเธอก็เป็นจ้าวมณีสวรรค์ประเภทโจมตีขั้นสุดยอด!

โจวเหว่ยชิงรีบเปรียบเทียบผลอย่างรวดเร็วและประเมินได้ว่าความสามารถในการโจมตีของเจี่ยงเฟยนั้นเหนือชั้นกว่าเซียวเอี๋ยน แม้ว่าความเชี่ยวชาญและประสบการณ์การต่อสู้ของเธออาจจะต่ำกว่าเซียวเอี๋ยนก็ตาม ถึงอย่างไรก็ตาม หากมองโดยรวมแล้ว ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็อาจจะเท่ากันก็ได้ แต่ถ้าหากโจวเหว่ยชิงต้องจัดการกับเธอในการต่อสู้แบบตัวต่อตัวจริงๆ เขาก็อาจมีโอกาสถึงแพ้ 8 ใน 10 ส่วนเลยทีเดียว เว้นแต่เขาจะใช้สถานะปีศาจกลายร่างถึงจะพอมีโอกาสชนะได้บ้าง

ด้วยระดับพลังที่แตกต่างกันอย่างมาก พลังทักษะควบคุมของเขาจึงมีขีดจำกัด แต่ทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์ก็ยังใช้ได้ผลดีเกินคาด โจวเหว่ยชิงเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมถังเซียนถึงพูดว่าทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์นั้นน่าเหลือเชื่อมาก

ในที่สุดผู้ตัดสินก็ฝืนระงับอาการบาดเจ็บของเขาเอาไว้ได้และกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “รอบที่ 3 การแข่งขันแบบคู่ กลุ่มนักรบเหมี่ยวชนะ”

เจี่ยงเฟยมองโจวเหว่ยชิงที่ยืนอยู่ด้านล่างอย่างเย็นชาก่อนจะพูดออกมาอย่างเยือกเย็น “ขี้ขลาด”

โจวเหว่ยชิงยิ้มและพูดว่า “เฮ้ๆ แม่นางคนงาม ข้าก็เคยได้ยินคำพูดที่ว่าผู้หญิงนมโตมักไร้สมองมาบ้าง แต่หน้าอกของเจ้าก็ไม่ใหญ่นัก แต่ทำไมสมองถึงไม่ค่อยจะมีรอยหยักเช่นนี้เล่า! ทำไมข้าจะต้องบ้าบิ่นวิ่งออกไปรับระเบิดของเจ้าโดยไม่มีเหตุผลด้วย? ก่อนหน้านี้เราชนะไปแล้ว 2 ครั้ง ดังนั้นพวกเราจึงสามารถแพ้ครั้งนี้ได้ ถึงอย่างไรเจ้าก็ใช้ทักษะสังเวยตัวเองไปแล้ว ดังนั้นเจ้าจึงไม่อาจเข้าร่วมการประลองในอนาคตได้อีก ดังนั้นหากเจ้ามีปัญญา ก็เชิญส่งสมาชิกคนอื่นในกลุ่มนักรบเหมี่ยวที่มีพลังเทียบเท่ากับตัวเจ้าออกมาได้ตลอดเวลา ข้ามั่นใจอยู่แล้วว่าจะชนะ ทำไมถึงจะต้องเสี่ยงชีวิตรับการโจมตีของเจ้าด้วยไม่ทราบ? ข้าดูโง่มากรึไง? ข้ากลัวตายมากที่สุดเจ้าไม่รู้หรือ? ยังไงก็ตาม เรียกออกมาสิ ใครจะประลองในรอบที่ 4 ล่ะ?”

“เจ้า…น่าไม่อาย!” ใบหน้าของเจี่ยงเฟยเปลี่ยนเป็นสีขาวซีดขณะที่เธออาเจียนเลือดออกมาอีกคำหนึ่งพร้อมกับเสียง *อุ่ก*

อู๋เจิ้งหยางและจู้เฮยซานรีบกระโดดขึ้นไปบนเวทีเพื่อประคองเจี่ยงเฟย พวกเขาจ้องโจวเหว่ยชิงตาเขม็ง

โจวเหว่ยชิงมองตอบอย่างไร้เดียงสาในขณะที่เขายักไหล่ “อะไรกัน…แค่ข้ากลัวตายก็ผิดกฎการประลองด้วยรึ? ถึงอย่างไรเจ้าก็ชนะการประลองครั้งนี้ไปแล้ว ทำไมถึงยังบอกว่าข้าไร้ยางอายอยู่อีก? เขาเรียกว่ากลยุทธ์หนีตายน่ะเข้าใจไหม!”

“ทั้งสองฝ่ายโปรดลงจากเวที พวกเราจะต้องซ่อมแซมพื้นเวทีก่อน” น้ำเสียงที่ค่อนข้างเศร้าหมองของผู้ตัดสินดังออกมา

โจวเหว่ยชิงยิ้มให้เจี่ยงเฟยและพูดว่า “แม่นางคนงาม ไว้พบกันใหม่นะ” หลังจากนั้นเขาจึงมุ่งหน้ากลับไปที่เรือนรับรองทันที

ทันทีที่เขาเข้าไปในเรือนพัก รอยยิ้มบนใบหน้าของโจวเหว่ยชิงก็เลือนหายไปทันที เขาสูดลมหายใจเข้าลึกและพูดกับสมาชิกอีก 3 คนว่า “ช่างเป็นทักษะสังเวยที่น่าสะพรึงกลัวจริงๆ…นางเป็นจ้าวมณีสวรรค์ประเภทโจมตีขั้นสุดยอดที่ทรงพลังมากทีเดียว ตอนนี้ข้ายังเห็นว่าแม้แต่เวทีก็ยังคงถูกกัดกร่อนไปเรื่อยๆ โชคดีที่เราหลบการโจมตีของนางทันนะเนี่ย เฮ้อ”

อู่หยาถามอย่างสงสัย “เหว่ยชิง เจ้ารู้จักทักษะสังเวยตัวเองด้วยหรือ?” อู่หยาเองก็รู้ว่าโจวเหว่ยชิงมีทักษะธาตุมืดเช่นกัน

โจวเหว่ยชิงกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น “ไม่ ข้าไม่รู้หรอก ทักษะสังเวยตัวเองแต่ละประเภทล้วนเป็นวิชาลับ พวกมันเป็นทักษะที่ต้องเรียนรู้ ไม่ใช่ทักษะกักเก็บ ข้าไม่มีอาจารย์สอนในเรื่องนั้น และข้าก็ไม่ได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วข้าจึงไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ข้าแน่ใจว่าท่านพ่อของข้ารู้ ดังนั้นในอนาคตข้าจะเรียนรู้จากเขา ส่วนก่อนหน้านี้ตอนที่ข้าลากท่านลงเวที จริงๆ แล้วเป็นเพราะปฏิกิริยาของผู้ตัดสินต่างหาก ดูจากใบหน้าที่ดูตกตะลึงของเขา อีกทั้งยังเรียกใช้พลังป้องกันอย่างรวดเร็ว…ในฐานะจ้าวมณีสวรรค์ระดับ 6 ชุดที่ได้รับการไว้วางใจให้เป็นผู้ตัดสิน หากเขามีปฏิกิริยาเช่นนี้ ปกติแล้วมันจะต้องเป็นสิ่งที่พวกเราไม่อาจรับมือได้ นั่นเป็นเหตุผลหลักว่าทำไมข้าถึงคิดว่ามันเป็นทักษะสังเวยตนเอง”

เย่เป่าเปาขมวดคิ้วและพูดว่า “กลุ่มนักรบเหมี่ยวนี่ช่างแข็งแกร่งอย่างน่าประหลาดจริงๆ ถ้าสมาชิกในกลุ่มคนอื่นมีพลังเช่นเดียวกับคนทั้งคู่ พวกเราก็อาจจะตกที่นั่งลำบาก”

โจวเหว่ยชิงยิ้มน้อยๆ และกล่าวว่า “อาณาจักรเหมี่ยวอาจแข็งแกร่งกว่าอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์ของข้า แต่ก็คงไม่ต่างกันมากขนาดนั้นหรอก ถึงอย่างไรพวกเขาย่อมต้องอ่อนแอกว่าอาณาจักรเฟยหลี่แน่นอน การที่จะมีอัจฉริยะหนึ่งหรือสองคนนั้นไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจ แต่ถ้ามีอัจฉริยะจำนวนมากปรากฏขึ้น ข้าแน่ใจว่าอาณาจักรรอบข้างของพวกเขาจะเป็นกลุ่มแรกที่ลงมือก่อนด้วยซ้ำ ไม่ต้องกังวล ข้ามั่นใจมากว่าเจียงเฟยเป็นสมาชิกที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาและไม่มีสมาชิกคนอื่นๆที่แข็งแกร่งเท่าอู๋เจิ้งหยางอีกแล้ว การต่อสู้เมื่อสักครู่น่าจะเป็นการต่อสู้ที่รุนแรงและตื่นเต้นเร้าใจที่สุดตั้งแต่เริ่มงานประลองมาแล้ว ดูสิ มีแม้กระทั่งเวทีก็ยังถูกทำลาย!”

ด้านกลุ่มนักรบส่วนที่เหลือทั้งหมดในเรือนพัก สมาชิกทุกคนกำลังคุยกันเรื่องการต่อสู้เมื่อสักครู่ แน่นอนว่าพลังของเจี่ยงเฟยได้ฉายรัศมีบดบังเงาของโจวเหว่ยชิงและอู่หยาไว้โดยสิ้นเชิง อาจกล่าวได้ว่าได้บดบังความโดดเด่นของทุกคนที่เคยขึ้นเวทีมาด้วยซ้ำ จ้าวมณีสวรรค์ธาตุมืดที่รู้วิธีใช้ทักษะสังเวยตนเองนั้นน่าหวาดกลัวมาก ยิ่งกว่านั้น เธอยังเป็นจ้าวมณีสวรรค์ประเภทโจมตีขั้นสุดยอดอีกด้วย!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+