Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子]บทที่ 309 มังกรแม็กม่า

Now you are reading Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] Chapter บทที่ 309 มังกรแม็กม่า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 309 มังกรแม็กม่า
บทที่ 309 มังกรแม็กม่า

บอสตัวสุดท้ายของดันเจี้ยนตัวนี้ยากมากที่จะเอาชนะ ลำพังเพียงแค่สภาพแวดล้อมก็ทำให้ผู้เล่นลำบากลำบนกันไปหมดแล้ว และด้วยสภาพแวดล้อมเช่นนี้ มันก็ทำให้บอสยิ่งแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมด้วย ความสามารถในการฟื้นฟูของมันจะเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก หากจะบอกว่า บอสตัวนี้เป็นอมตะหากอยู่ในภูุเขาไฟก็ไม่เกินไปนักหรอก

แต่ต่อให้ไม่มีสภาพแวดล้อมแบบนี้ ความแข็งแกร่งของบอสระดับเทพเจ้าก็ยังถือเป็นเรื่องที่สู้ด้วยลำบากสำหรับผู้เล่นที่จัดปาร์ตี้ขนาดเล็กมา

หลังจากพิจารณาทั้งสองสิ่งนี้แล้ว มันกลับกลายเป็นเรื่องปกติเลยหากระดับวอร์สปิริตฮอลล์ก็ยังไม่มีกำลังพอที่จะโค่นมันได้ลง ขนาดได้คนที่แข็งแกร่งถึงสองคนมาช่วยแล้วก็ยังต้องขอแรงเซียวเฟิงเพิ่มอีกคนหนึ่งเลย

“ท่านเซียว คิดว่ายังไงบ้าง? พอจะเอาชนะมันได้ไหม?”

จืออี้ที่ชุ่มเหงื่อไปทั้งตัวราวกับเพิ่งอาบน้ำมาเอ่ยถาม ร่างกายของเธอที่กำลังระบายไอร้อนออกมานั้นเหมือนหัวเชื้อน้ำหอมที่กำลังปล่อยกลิ่นหอมฟุ้งออกมา เธอปาดเหงื่อที่หน้าผากด้วยมือเรียวสวยขณะที่สายตาก็มองไปยังเซียวเฟิงเช่นเดียวกับคนอื่น ๆ ไปด้วย

พวกเขาทั้งหมดเคยสู้กับบอสตนนี้มาครั้งหนึ่งแล้ว ดังนั้นแล้วพวกเขาจึงรู้ดีว่าบอสแข็งแกร่งขนาดไหน แถมยังรู้อีกว่า หากลำพังเพียงพวกเขา ต่อให้ดันเจี้ยนจะขยายจำนวนปาร์ตี้ให้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมอีกร้อยเท่า พวกเขาก็ยังไม่มีทางเอาชนะบอสตนนี้ได้อยู่ดี

ตอนนี้ความหวังของทุกคนในปาร์ตี้มาตกอยู่ที่เจ้าแห่งฮีลเลอร์ผู้ไร้พ่ายแล้ว เพราะตลอดมาชายหนุ่มได้สร้างปาฏิหาริย์มามากมายนับครั้งไม่ถ้วน ในขณะที่ความแข็งแกร่งของเขาก็ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน หากจะหาผู้เล่นสักคนที่คิดว่าพอจะสู้กับไฟนอลบอสตัวนี้ได้ คนคนนั้นก็มีเพียงเจ้าแห่งฮีลเลอร์เท่านั้น

“สู้กับบอสน่ะ ไม่ใช่ปัญหาหรอก แต่ต้องแก้ปัญหาเรื่องสภาพแวดล้อมก่อน ก่อนหน้านี้พวกเธอได้ลองล่อบอสออกจากตรงนี้หรือยัง? ฉันรู้สึกว่าที่นี่มันเล็กเกินไปหน่อย”

เซียวเฟิงขมวดคิ้วและถาม พลังโจมตีของบอสระดับเทพเจ้านั้นสูงมากจริง ๆ แต่จากการคำนวณแล้ว เขาก็พอจะมั่นใจได้ว่า มังกรแม็กม่านี้ไม่สามารถฆ่าเขาด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวได้แน่ ๆ ยังไงเสียชุดอาร์ติแฟกต์นี้ก็ไม่ใช่ของที่เอาไว้แขวนโชว์เท่านั้น

“พวกเขาไม่สามารถล่อบอสออกไปจากห้องได้เลย เพราะบอสนี่มันเป็นประเภทโจมตีเวท ต่อให้เราพยายามวิ่งล่อ มันก็ยังสามารถโจมตีเราได้จากระยะไกล ดังนั้นมันยากมากเลยถ้าจะล่อมันออกมา”

หานเฟิงตอบ ถึงแม้ว่าตามปกติแล้วเขามักจะพูดอะไรที่ไม่เป็นประโยชน์ แต่เขาก็ถือเป็นหนึ่งในนักธนูที่เก่งกาจที่สุดในเขตฮัวเซีย เพราะงั้นเรื่องล่อบอสออกจากห้องนั้นเขาคิดได้ตั้งแต่รอบแรกและได้ลองพยายามทำมาก่อนแล้ว

“บอสขยับไม่ได้เหรอ?” เซียวเฟิงลูบคางจากนั้นก็มองไปยังบอสอีกครั้ง ถ้าหากบอสไม่สามารถขยับออกจากจุดที่มันอยู่ได้ นั่นหมายถึงบอสคือเป้านิ่ง แต่ด้วยสภาพของแม็ปนี้ มันทำให้ผู้เล่นเองก็ถูกจำกัดพื้นที่ในการเดินด้วยเช่นกัน ดังนั้นแล้วสถานการณ์มันจึงกลับกัน บอสสามารถตั้งป้อมโจมตีจากจุดที่มันอยู่ได้ในขณะที่ผู้เล่นทำได้เพียงวิ่งหนีไปมารอบ ๆ

“หืม?”

ทันใดนั้นเอง ขณะที่เซียวเฟิงกำลังมองขึ้นไปยังเพดานถ้ำ เขาก็อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ นั่นเพราะที่ด้านบนนั้นมีหินขนาดใหญ่มากมายที่ย้อยลงมาเป็นโคนเหมือนหินย้อยในถ้ำทั่วไป

“ฉันต้องการสองคนที่เก่งในการโจมตีระยะไกล พวกเราน่าจะพอลองใช้หินย้อยพวกนั้นโจมตีบอสจากที่สูงได้” หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เซียวเฟิงก็หันกลับไปมองระหว่างปาร์ตี้และหินย้อยบนเพดานก่อนจะพูด

“ฉันจะทำเอง”

หานเฟิงคือคนแรกที่เสนอตัวขึ้นมา เฉกเช่นผู้เล่นคนอื่น ๆ เขาเองก็ยังแอบงุนงงกับคำขอของเซียวเฟิงอยู่ แต่เขาก็ยังเลือกที่จะรับหน้าที่นั้นอยู่

ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!

ลูกศรถูกยิงออกไปสามดอกอย่างแม่นยำ และแม้ว่าจะดูเหมือนยิงแบบสุ่ม ๆ แต่ศรทุกดอกนั้นก็สามารถพุ่งเข้าใส่หินย้อยจุดเดียวกันได้อย่างแม่นยำ

ครืน!

หินย้อยที่ถูกศรทั้งสามดอกเข้าปะทะนั้นสั่นคลอนไปมาราวกับว่ามันพร้อมจะหักและร่วงลงมาแล้วสังเกตได้จากเศษหินที่ร่วงกราวลงมา

“โจมตีต่อไป”

การโจมตีครั้งแรกนั้นยังไม่เพียงพอ แต่ถึงอย่างนั้นเซียวเฟิงก็ยังไม่ละสายตาไปไหน เขาสั่งให้โจมตีต่อทันที

หานเฟิงคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจง้างสายธนูจนสุดก่อนจะแผลงศรที่เปล่งประกายแสงออกไปยังเป้าหมายเดิม

ลูกศรระเบิด!

ด้วยเสียงของศรแหวกลมไปด้วยความเร็วสูงราวกับเส้นแสงที่ปะทะเข้ากับโคนของหินย้ายอย่างแม่นยำ ทุกอย่างสงบนิ่งไปได้ครู่หนึ่งก่อนที่จะเกิดการระเบิดขึ้นตรงจุดที่ถูกยิง แรงระเบิดทำให้หินย้อยเหล่านั้นแตกออกจากฐานและพุ่งลงมายังพื้นเบื้องร่างปักลงไปยังทะเลสาบลาวาก้อนแล้วก้อนเล่า

หินย้ายเหล่านั้นจมลงไปยังก้นทะเลสาบที่ร้อนระอุนี้จะเกือบหมด จะเหลือก็แต่ส่วนที่เป็นฐานบ้าง ปลายยอดบ้าง แต่ถึงอย่างนั้นหินเหล่านั้นก็กลายมาเป็นพื้นที่เพิ่มเติมที่สามารถเหยียบได้ก้อนละสามสี่คน

“นี่มัน…ทุกคน! ยิงไปที่ฐานของหินย้อยด้านบนเร็ว!”

ไนฟเข้าใจถึงสิ่งที่เซียวเฟิงกำลังทำแล้ว เขารีบออกคำสั่งด้วยเสียงดัง ซึ่งผู้เล่นคนอื่น ๆ ก็เริ่มพากันเข้าใจถึงจุดประสงค์ พวกเขาเริ่มเห็นความหวังกันขึ้นมาแล้ว เพราะแบบนี้ในวินาทีต่อมา การโจมตีระยะไกลมากมายก็โถมเข้าใส่เพดานถ้ำเพื่อให้หินย้ายมันตกลงมาในลาวาอย่างต่อเนื่อง

“อย่าโจมตีโดนตรงกลางนะ! ห้ามให้หินพวกนั้นตกใส่หัวบอสเป็นอันขาด! ไม่งั้นบอสได้ตื่นก่อนแน่!” เซียวเฟิงรีบกล่าวเตือนก่อน เพราะเขากลัวว่าคนเหล่านี้จะปลุกบอสขึ้นมาเสียก่อน

“เข้าใจแล้วครับ!”

กลุ่มของผู้เล่นที่สามารถควบคุมการโจมตีระยะไกลได้เป็นอย่างดีคอยระมัดระวังการโจมตีของพวกเขา ลาวาเหล่านี้มีมวลหนาแน่นกว่าน้ำเป็นอย่างมาก เพราะงั้นต่อให้โดนหินกระทบเข้าใส่รุนแรงขนาดไหน มันก็ไม่มีการสาดกระเด็น จะมีก็แค่เสียงกระทบกันเบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ไหลจมลงไป ตราบใดก็ตามที่หินเหล่านี้ไม่ไปตกใกล้ ๆ บอสหรือไปตกใส่หัวมัน ก็ไม่มีทางที่บอสจะตื่นได้เลย

ซุ่ม…ซุ่ม…!

หินย้อยเหล่านั้นจมลงไปในลาวาทีละก้อน ๆ ไม่นานนักมันก็กลายเป็นทางเดินที่ทำให้สภาพอันเลวร้ายนี้ลดความเลวร้ายลงไปมาก ๆ อย่างน้อย ๆ พวกเขาก็มีพื้นที่ให้ยืนให้เดินเพิ่มขึ้นแล้ว

“ท่านเซียวนี่แข็งแกร่งสมคำร่ำลือจริง ๆ แต่ถึงจะแก้ปัญหาเรื่องสภาพแวดล้อมได้แล้ว แต่พวกเราก็ยังเหลือปัญหาใหญ่อย่างการสร้างความเสียหายให้บอสเทพเจ้าตรงหน้าอยู่อีกนะ”

จืออี้ที่ยังคงเหมือนเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จและไม่ได้เช็ดตัวพูดขึ้นมาอีกครั้ง ขณะจ้องไปยังเซียวเฟิงโดยไม่กะพริบตา กลิ่นหอมที่เย้ายวนจากเหงื่อที่ไหลอาบทั่วทั้งร่างตอนนี้มันทวีคูณขึ้นอีกขั้นแล้ว ไหนจะชุดคลุมของนักบวชที่เปียกชุ่มและแนบแน่นไปกับร่างกายสุดเย้ายวน ริมฝีปากบางสวยตอนนี้เปล่งประกายราวกับมีกากเพชรถูกโรยเอาไว้ แต่ในสถานการณ์เช่นนี้มันคงจะเป็นเพราะเหงื่อที่ไหล่ผ่านจนมันชุ่มชื้นแวววาวขึ้นมา

“นี่ พี่สาว อย่าดูถูกพี่ชายนักสิ นี่มันแค่บอสเทพเจ้าเลเวล 25 เองนะ ขนาดบอสเทพเจ้าเลเวล 30 พี่ชายยังฆ่ามาแล้วไม่รู้กี่ตัวเลย”

ซางกวน อาโอเชินพูดขึ้นมาด้วยความภาคภูมิใจราวกับว่าตัวเองเป็นคนทำมันเองกับมือ

ทันทีทันใด จืออี้ก็หันมองเขาด้วยแววตาดุร้าย ก่อนจะกลับไปมองเซียวเฟิงด้วยรอยยิ้มพราวเสน่ห์ต่อดังเดิม

เซียวเฟิงไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น เขามองไปยังบอสมังกรแม็กม่าด้วยสีหน้าจริงจัง บอสระดับเทพเจ้าน่ากลัวทุกตัว แม้จะแค่เลเวล 25 ก็ตาม ถึงมันจะฆ่าเขาไม่ได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะฆ่าเขาไม่ได้ในวินาทีที่สอง ยิ่งไปกว่านั้น มันเป็นบอสที่โจมตีระยะไกลด้วยเวทมนตร์ ที่ซึ่งทำให้มันสยบทุกข้อสงสัยเลยว่าทำไมถึงล้มยากล้มเย็นเช่นนี้

แผนของเซียวเฟิงคือ เขาจะเป็นคนเข้าไปโจมตีบอสก่อน เพราะถ้ามีเขาเพียงคนเดียวอยู่บนพื้นหินที่ถมทะเลสาบลาวาอยู่นั้น มันน่าจะง่ายต่อการหลบการโจมตีของบอสมากกว่า ตัวเขาไม่มีสกิลที่สามารถโจมตีระยะไกลดี ๆ ดังนั้นเขาจึงต้องเอาตัวเองเข้าเสี่ยงโดยการเข้าไปโจมตีระยะใกล้เท่านั้น และถ้าทำได้ นั่นหมายถึงเขาจะมีทางชนะ เพราะด้วยสกิลติดตัวของกรงเล็บมังกร บอสจะไม่สามารถรักษาตัวเองได้หากเซียวเฟิงสามารถโจมตีได้

สำหรับคนอื่น เซียวเฟิงไม่คิดว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากพวกเขาอยู่แล้ว นั่นเพราะด้วยพลังป้องกันที่สูงกว่า 2,000 หน่วยของบอส ไม่มีใครในที่นี้ที่จะสามารถโจมตีทะลุเกราะมันได้

“พลังโจมตีนายมีมากขนาดไหน?”

แต่เพื่อให้มั่นใจ เซียวเฟิงยังคงหันไปถามหานเฟิงก่อนอีกครั้ง เพราะด้วยอุปกรณ์ของหานเฟิง บางทีเขาอาจจะมีทางอื่นเพิ่ม

“มากกว่า 280”

หานเฟิงตอบ สมแล้วที่เขาเป็นนักธนูที่ติดอันดับอยู่ภายในเขตฮัวเซีย พลังโจมตีของเขาเทียบเท่าเซียวเฟิงแบบที่ยังไม่ได้ร่ายบัฟได้เลย แต่ยังไงเสียในฐานะตำแหน่งที่ต้องสร้างความเสียหาย การที่เขามีพลังโจมตีได้ระดับนี้แม้จะเลเวลน้อยกว่าก็ถือเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว…อันที่จริง ก็ไม่ควรเอาพลังโจมตีมาเทียบกับคลาสนักบวชตั้งแต่ต้นแล้วล่ะ

หลังจากนำพลังโจมตีของหานเฟิงมาคำนวณคู่กับบัฟของเขา เซียวเฟิงจะได้ตัวเลข 990 มา

“นายพอจะมีสกิลเจาะเกราะหรือมีอุปกรณ์ที่สามารถเจาะเกราะได้ไหม?” เซียวเฟิงถามเพิ่ม

“อาวุธของฉันเป็นระดับเทพเจ้า มีเอฟเฟกต์ในการเจาะเกราะ 15% อยู่ ส่วนสกิลคลาสมีโจมตีไม่สนเกราะ 10%”

สิ่งที่หานเฟิงพูดนั้นทำเอาผู้คนที่ได้ยินพากันหวาดผวาขึ้นมาทันที พวกเขาไม่คาดคิดเลยว่าคนคนนี้จะมีอุปกรณ์ระดับเทพเจ้าที่ทรงพลังขนาดนี้อยู่กับตัวด้วย

“เจาะเกราะ 25% ยังไม่พอ” ถึงอย่างนั้นเซียวเฟิงก็ยังดูไม่คลายคิ้วที่ขมวดลง เพราะมันยังช่วยลดพลังป้องกันของบอสได้ไม่มากเท่าที่ควร ลำพังเพียงแค่เจาะเกราะ 25% ยังไม่ทำให้หานเฟิงสามารถทลายเกราะป้องกันของบอสได้ อย่างมากสุดก็อาจจะมีโอกาสที่สกิลเจาะเกราะจะทำให้ศรบางดอกสร้างความเสียหายได้

“เจ้าแห่งฮีลเลอร์ พวกเรามีชาแมนอยู่ด้วย สกิลสาปของเขาถูกอัปจนเต็มแล้ว น่าจะลดเกราะได้อีก 20% เลย”

ไนฟชี้ไปทางผู้เล่นออร์คที่อยู่ด้านหลังเขาก่อนจะพูด ผู้เล่นออร์คคนนี้มีชื่อกิลด์วอร์สปิริตอยู่บนหัว ดูเหมือนว่าจะเป็นหนึ่งในสมาชิกหลักของกิลด์ด้วย และการที่เขาเลือกเผ่าพันธุ์ออร์คแทนที่จะเป็นมนุษย์ แสดงว่าเจ้าตัวจะต้องเตรียมตัวมาเนิ่นนานแล้ว

คนเหล่านี้สมแล้วที่เป็นถึงกิลด์ขนาดใหญ่ พวกเขามีการเตรียมพร้อมเป็นอย่างมากตั้งแต่ก่อนเกมจะเปิดเสียอีก

“ถ้ายังไม่พอ คลาสโร้คของพวกเราก็มีสกิลมีดอาบยาพิษกันอยู่ พวกเรายังสามารถลดเกราะเพิ่มได้อีก 10%”

“ถ้างั้นก็พอแล้วล่ะ ถ้ายังไงฉันจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อน หลังจากที่ฉันดึงความสนใจมาได้แล้ว ฉันจะร่ายบัฟให้พวกนาย เมื่อไหร่ที่บัฟเซ็ตตัวแล้ว พวกนายก็เริ่มโจมตีได้เลย แล้วก็คอยระวังการโจมตีหรือสกิลระยะไกลของบอสด้วย ตราบใดก็ตามที่พวกนายไม่พลาดโดนบอสโจมตีเข้าใส่ มันไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นกับแผนนี้”

เซียวเฟิงพยักหน้า นี่สิ ความน่าหลงใหลของการมากับคนที่เป็นงาน ทุกคลาสต่างคอยค้ำจุนด้วยกันเองได้ ซึ่งมันจะทำให้ปาร์ตี้สามารถเพิ่มพลังในการต่อสู้ได้อีกมากเลย

“เจ้าแห่งฮีลเลอร์ ดูแลตัวเองด้วยนะครับ”

ไนฟโล่งใจขึ้นมานิดหน่อยก่อนจะพูดกับเซียวเฟิง ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นนักรบโล่อันดับหนึ่งของวอร์สปิริตฮอลล์ เขาก็ไม่ได้กล้าขนาดที่จะไปล่อความสนใจจากบอสระดับเทพเจ้าได้ เพราะงั้นการที่ให้เซียวเฟิงทำหน้าที่นี้มันจึงเหมาะสมที่สุดแล้ว

ตัวเซียวเฟิงนั้นไม่ได้พูดอะไร ภายใต้การจ้องมองของทุกคนในปาร์ตี้ เขาก็ก้าวขาไปยังหินที่แต่เดิมเคยเป็นหินย้อยและถูกโจมตีให้ตกลงมาจนเป็นทางเดินก่อนหน้านี้

หินย้อยที่อยู่ในสภาพทางเดินเหล่านี้เชื่อมต่อกันหมดจนสามารถเดินไปเดินมาได้ง่าย ๆ และมันทำให้รอบ ๆ ทะเลสาบลาวานั้นมีพื้นที่สำหรับเตรียมตัวเป็นบริเวณกว้างขึ้นอย่างมาก และด้วยพื้นที่ระดับนี้ มันก็ช่วยสนับสนุนให้ผู้เล่นมีพื้นที่สำหรับคอยหลบการโจมตีเพิ่มขึ้นด้วย

อวยพรชีวิต!

อวยพรการป้องกัน!

อวยพรความกล้า!

อวยพรอาวุธ!

หลังจากที่ร้ายบัฟให้ตนเองทั้งสี่อย่างแล้ว พลังชีวิตของเซียวเฟิงก็เพิ่มขึ้นสูงเกือบจะถึง 1,800 หน่วย และพลังป้องกันก็เกือบจะถึง 300 หน่วยด้วยเช่นกัน ไหนเขาจะยังมีสกิลละความเสียหายจากเกราะมังกรอีก ดังนั้นต่อให้พลังโจมตีของบอสมังกรแม็กม่าจะสูงถึง 2,000 หน่วย มันก็ไม่สามารถฆ่าเซียวเฟิงได้ในคราเดียวอย่างแน่นอน

เซียวเฟิงเริ่มเปิดฉากการโจมตีก่อนอย่างไม่ลังเล เขาโบกสะบัดคทาแห่งปราชญ์ จากนั้นก็ร่ายถ้อยคำแห่งเงาใส่หัวบอสตัวใหญ่ที่กำลังหลับใหลอยู่ทันที

ถ้อยคำแห่งเงา!

-675!

-675!

-675!

“กรรรร!!”

ตัวเลขแสดงความเสียหายมากมายปรากฏขึ้นเหนือหัวมังกรแม็กม่า ในขณะเดียวกันมันก็ตื่นขึ้นมาโดยพลัน เสียงคำรามของมันดังกึกก้องไปทั่วจนทะเลสาบแม็กม่านี้เกิดความสั่นคลอนไปหมด

“หือ!?”

ในปากของมันที่เพิ่งจะกู่ก้องคำรามไปนั้นมีลูกไฟขนาดเท่าลูกบาสเก็ตบอลปรากฏขึ้นมา มันไม่รอช้าที่จะพ่นลูกไฟดังกล่าวใส่เซียวเฟิงเหมือนอุกกาบาตที่ทะลวงฝ่าชั้นบรรยากาศเข้ามาในโลก

เขาเตรียมการไว้อยู่แล้ว เซียวเฟิงวิ่งหลบไปตามแผ่นหินทางเดินโดยไม่เปิดจังหวะหยุดนิ่งให้เป็นเป้าลูกไฟของมังกรแม็กม่าง่าย ๆ จนกระทั่งลูกไฟลูกหนึ่งที่พุ่งเข้ามากระชั้นชิด เซียวเฟิงก็ไม่ได้ตกใจแต่อย่างใด เขายกคทาแห่งปราชญ์ขึ้นและหวดลูกไฟนั้นกลับไปในทันที

ตู้ม!

ลูกไฟลูกนั้นระเบิดกระจายทันทีที่ถูกสัมผัส ซึ่งเซียวเฟิงจงใจทำให้มันแตกสลายกลายเป็นเพียงสะเก็ดไฟเล็ก ๆ และไม่สามารถทำอันตรายเขาได้ ทุกอย่างเป็นไปตามคาด ข้อความแสดงผลลัพธ์การโจมตีที่ปรากฏบนหัวเขาก็เป็นเครื่องยืนยันได้ดี

พลาด!

“พระเจ้า! ลูกพี่! นายนี่มันแข็งแกร่งจริง ๆ! สุดยอดไปเลย!”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *