Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子]บทที่ 402 เสี่ยวไป๋ สัตว์เลี้ยงในตำนาน

Now you are reading Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] Chapter บทที่ 402 เสี่ยวไป๋ สัตว์เลี้ยงในตำนาน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 402 เสี่ยวไป๋ สัตว์เลี้ยงในตำนาน

บทที่ 402 เสี่ยวไป๋ สัตว์เลี้ยงในตำนาน

พวกเขามีกัปตันโบลตันและบิชอปในชุดสีแดงอีกสามคนที่มาจากวิหารแห่งแสง ดังนั้นแล้วก็ถือว่ามีบอสระดับเทพเจ้าที่แข็งแกร่งมากสี่คนอยู่ฝั่งผู้เล่น

อย่างไรก็ตาม ทางฝั่งทัพแห่งความมืดเองก็มีบอสระดับเทพเจ้าอยู่ห้าตัวเหมือนกัน! สี่ตัวต่อสู้อยู่กับกัปตันโบลตันและเหล่าบิชอป ในขณะที่อีกหนึ่งอย่างราชาโครงกระดูกคิงคองนั้นแยกตัวออกมาเพื่อคอยปกป้องลิชคิงเอาไว้!

ด้วยร่างกายที่สูงระดับตึกสามชั้น มันเหมือนปราการปีศาจที่ไม่สามารถก้าวผ่านไปได้ง่าย ๆ!

และยิ่งมันได้ผลของดินแดนต้องสาป พลังชีวิตของมันก็ถูกฟื้นฟูกลับมาจนเต็มในที่สุด!

ที่สมรภูมิด่านหน้า มีผู้เล่นมากมายเต็มไปหมด และทุกคนในที่นี้ล้วนเป็นสมาชิกกิลด์ภายในสัมพันธมิตรฟากใต้ทั้งสิ้น

ถึงอย่างนั้นแล้วพวกเขาก็ยังไม่สามารถเข้าไปจัดการศัตรูตรงหน้าได้ นี่ก็ผ่านมา 10 นาทีแล้ว บอสเองก็เริ่มปรากฏตัวขึ้นมาใหม่แล้วด้วยผลของดินแดนต้องคำสาป ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงบอสเลเวล 10 แต่มันก็ไม่สามารถฆ่าด้วยการโจมตีเซ็ตเดียวได้ และจำเป็นต้องใช้ความพยายามระดับหนึ่งเลย ยิ่งไปกว่านั้น จำนวนของมันยังมีมากเสียจนกองกันเหมือนภูเขาและขวางทางเดินผู้เล่นไว้

อย่างที่ทุกคนรู้ ว่าดินแดนต้องสาปนี้สามารถทำให้ผู้เล่นเสียพลังชีวิตได้ตลอดเวลา พวกเขาสามารถยื้อชีวิตไว้ได้ด้วยโพชั่นต่าง ๆ อย่างน้อยก็ 2-3 นาที จากภาพที่ปรากฏในตอนนี้ ในกลุ่มผู้เล่นมากมายนั้น มีหลายคนที่ตายและกลายเป็นแสงสีขาววนกลับไปในเมือง คนเหล่านี้คือผู้ที่กลับไปเกิดใหม่หลังจากที่ตายไปแล้วในการสู้ก่อนหน้านี้

ทุกคนรู้ดีถึงต้นตอปัญหา แถมต้นตอปัญหาเองก็ไม่ได้หนีไปไหนด้วย หากแต่มันก็ไม่ได้ยืนอย่างไร้การป้องกันเช่นกัน ที่ด้านหน้าของลิชคิงมีราชาโครงกระดูกคิงคองยืนขวางไว้อยู่ ต่อให้ผู้เล่นโถมกันเข้าใส่ พวกเขาก็ไม่มีทางหยุดการร่ายมนต์ของลิชคิงได้อยู่ดี

ถึงแม้ว่าเสี่ยวไป๋จะสามารถพุ่งผ่านฟ้าเข้าไปได้โดยที่ราชาโครงกระดูกคิงคองไม่สามารถจับเธอได้ก็จริง แต่เธอก็ไม่มีสกิลประเภทควบคุม รวมถึงตัวเซียวเฟิงเองก็ไม่มี เพราะงั้นเธอเองก็ไม่สามารถหยุดยั้งการร่ายเวทของลิชคิงได้เหมือนกัน

หรือต่อให้พระเจ้าดลใจมีอะไรสักอย่างทำให้การร่ายเวทของลิชคิงถูกขัดได้ และวิบัติแห่งความตายหยุดชะงักไป บางทีมันอาจจะไม่ได้ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นมาเลยก็ได้ บางสิ่งบางอย่างที่เลวร้ายกว่าเดิมอาจจะปรากฏขึ้นมาแทน…

ยังไงเสีย ตัวลิชคิงเองก็เป็นบอสระดับตำนาน! ไม่มีใครในตอนนี้สามารถต้านทานมันไว้ได้แน่นอน เพียงแค่วิบัติแห่งความตายของมัน ก็หนักหนาพอจะให้คนอื่นลงมือทำอะไรแล้ว! เช่นนั้นแล้วต่อให้ฝั่งผู้เล่นสามารถหยุดยั้งวิบัติแห่งความตายได้ ลิชคิงก็น่าจะยังสามารถเปลี่ยนรูปแบบการโจมตีได้อีก และถ้ามันเป็นแบบนั้น นั่นหมายถึงเวลาแห่งภัยพิบัติได้มาถึงแล้ว…

ดังนั้นไม่ว่าจะมีสถานการณ์อะไรเปลี่ยนแปลงไปตอนนี้ เมืองแห่งความโศกเศร้าก็ยังคงมีชะตากรรมเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือ…การล่มสลาย

“มาเร็ว! พยายามกันใหม่!”

“นี่น่ะ…เป็นสัตว์เลี้ยงในตำนานของเจ้าแห่งฮีลเลอร์เลยนะ! มันจะต้องไร้เทียมทานเหมือนเจ้าแห่งฮีลเลอร์อยู่แล้ว! เพราะงั้นมันจะต้องไม่มีสกิลเพียงแค่นี้แน่! ต้องมีสกิลอะไรซ่อนอยู่อีก!”

“เธอยังพอจะสร้างปาฏิหาริย์ได้อยู่ใช่ไหม? นั่นสินะ ยังไงเธอก็เป็นนางฟ้าหกปีกที่เป็นอันดับ 1 ในอันดับสัตว์เลี้ยงนี่นา!”

ผู้เล่นทุกคนต่างคาดเดากันไปต่าง ๆ นานา ส่วนผู้คนที่อยู่บนป้อมปราการเองก็หนักใจไม่แพ้กัน พวกเขาต่างมองไปยังเสี่ยวไป๋ที่กำลังถลาบินอยู่ในอากาศด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความกังวล ในใจของพวกเขายังหวังว่าสัตว์เลี้ยงระดับตำนานของเจ้าแห่งฮีลเลอร์นี้จะสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้อีกครั้ง!

อย่างที่คาดหวังไว้ เสี่ยวไป๋ไม่ทำให้พวกเขาต้องหวังลม ๆ แล้ง ๆ ดาบศักดิ์สิทธิ์ถูกยกขึ้นเหนือหัวอีกครั้ง และครั้งนี้มันก็เปล่งประกายมากขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่า จนในที่สุดร่างของเธอก็เปล่งแสงตามไปด้วย เสมือนดวงอาทิตย์ดวงเล็ก ในขณะเดียวกันทางฝั่งเซียวเฟิงที่อยู่ในเขตฮันกึลก็ได้ยินเสียงจากระบบด้วย

[สกิล ‘ปัดเป่า’ ของท่านถูกใช้งานและอยู่ในช่วงคูลดาวน์]

ตอนนั้น เสี่ยวไป๋กลายสภาพตนเองให้กลายเป็นดวงอาทิตย์ขนาดเล็กไปแล้ว เธอกำลังส่องประกายแสงศักดิ์สิทธิ์ลงไปยังโลกที่ถูกดินแดนต้องสาปค่อย ๆ กลืนกิน ด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์นี้ แห่งหนใดก็ตามที่ถูกกลืนกิน ผืนดินนั้นจะคลายเขม่าควันออกมาและกลับคืนสู่สภาพปกติเฉกเช่นเงามืดที่ถูกแสงสว่างขจัดออกไป!

“ดูนั่นสิ! ดินแดนต้องสาปกำลังเล็กลงแล้ว!”

“ใช่แล้ว! มันกำลังหดตัวลงจริง ๆ ด้วย! ไม่น่าเชื่อเลย!”

“ให้ตายสิ! เธอเก่งสมกับเป็นสัตว์เลี้ยงระดับตำนานจริง ๆ! เธอควรค่าแก่การเป็นสัตว์เลี้ยงของเจ้าแห่งฮีลเลอร์แล้ว! ไร้เทียมทานไม่ต่างกันเลย!”

ดินแดนต้องสาปนั้นเหมือนพื้นน้ำแข็งยามที่ถูกแสงแดดสาดส่อง มันค่อย ๆ ถูกแสงศักดิ์สิทธิ์ขจัดไปจากด้านนอกสุด เข้าสู่ใจกลางอย่างรวดเร็ว ราวกับมันกำลังหดตัวลงด้วยตนเอง!

นี่เป็นผลของสกิลปัดเป่า ที่สามารถคลายสกิลพื้นที่ขนาดใหญ่ได้ ครั้งหนึ่งเซียวเฟิงก็เคยใช้สกิลนี้เพื่อขจัดหมอกแห่งสงครามที่ดินแดนแห่งความมืด และครั้งนี้เสี่ยวไป๋ก็ใช้มันเพื่อปัดเป่าดินแดนต้องสาปที่เกิดจากวิบัติแห่งความตายให้มันเล็กลง ๆ

สีหน้าของชินห่าวดูดำมืดไปหมด ขณะที่เหล่าหัวหน้ากิลด์ฟากใต้ต่างพากันโล่งใจ สถานการณ์ตรงหน้านี้ นับว่าเป็นสิ่งที่เยียวยาความกังวลของพวกเขาได้โดยไม่ต้องสงสัย การที่ดินแดนต้องสาปค่อย ๆ ลดขนาดตัวเองลงเช่นนี้ ลิชคิงก็ไม่สามารถทำอย่างอื่นได้ด้วยเพราะสกิลยังไม่ได้ถือว่าถูกยกเลิกลงไป มันก็ยังจำเป็นต้องร่ายสกิลต่อไป ตอนนี้สิ่งที่เหล่าผู้เล่นยังต้องทำต่อก็คือการยื้อเวลาต่ออีกสักหน่อยเท่านั้น เพราะหลิวเฉียงเหว่ยได้บอกพวกเขาแล้วว่าทัพของ NPC กำลังเดินทางมา นี่ถือเป็นความหวังใหม่ที่ช่วยทำให้โล่งใจกันได้เยอะมาก ๆ พวกเขามีแรงพลังในการกำจัดมอนสเตอร์ตัวเล็กที่ออกมาจากดินแดนต้องสาปต่อไปแล้วเพื่อซื้อเวลาให้ทัพใหญ่เดินทางมาถึง

อย่างไรก็ตาม พวกเขาเหมือนจะมองข้ามปัญหาอะไรกันไปอยู่ ขนาดแค่กัปตันโบลตันและ NPC อีกสามคนที่เป็น NPC ระดับสูงยังต้องใช้นักบวชจากหลายกิลด์ช่วยกันซัพพอร์ต ดังนั้นเสี่ยวไป๋ที่ใช้สกิลปัดเป่าซึ่งแต่เดิมก็ถือว่าเป็นสกิลที่กินพลังงานสูงอยู่แล้วจะไม่เสียอะไรเลยคงเป็นไปไม่ได้ ด้วยมานาที่มี เธอสามารถใช้สกิลนี้ไม่ได้นานนักหรอก!

ไม่ทันได้ดีใจอยู่นาน แสงศักดิ์สิทธิ์ที่เปล่งจากเจ้าดวงอาทิตย์ดวงน้อยเริ่มริบหรี่ลงแล้ว และมันก็ทำให้การขจัดดินแดนต้องสาปเริ่มแสดงผลลดลงด้วย

“ฉิบหาย! สัตว์เลี้ยงของเจ้าแห่งฮีลเลอร์เริ่มจะทนไม่ไหวแล้ว!!”

กลุ่มที่เห็นความผิดปกตินั้นก่อนก็ยังคงเป็นเหล่าหัวหน้ากิลด์ที่อยู่บนป้อมปราการเช่นเดิม พวกเขาเริ่มตระหนักแล้วว่าเสี่ยวไป๋เริ่มจะแบกรับภาระไม่ไหวแล้ว

เซียวหลิงกุมมือเล็ก ๆ ของหนิงเคอเค่อเอาไว้แน่นและแอบส่งแรงเชียร์ไปให้เสี่ยวไป๋อยู่ในใจ โชคยังดีที่เสี่ยวไป๋เพียงแค่สั่นเบา ๆ จากนั้นเธอก็กลับมาเปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์ใหม่อีกครั้งและเริ่มปัดเป่าดินแดนต้องสาปต่อ

หลิวเฉียงเหว่ยปลีกตัวออกไปด้านข้างครู่หนึ่ง เธอกำลังคุยอะไรบางอย่างผ่านการเชื่อมต่อจากภายนอกอยู่ และปลายทางก็คือเซียวเฟิง นี่เป็นทางเดียวที่จะทำให้รู้ได้ว่าเสี่ยวไป๋จะสามารถยื้อได้นานขนาดไหน ไม่มีใครรู้เรื่องเกี่ยวกับตัวเสี่ยวไป๋เท่ากับเจ้าของอย่างเซียวเฟิงแล้ว

“ถ้ายึดจากมานาของเสี่ยวไป๋ เธอน่าจะทำแบบนั้นได้นานสุดก็ 3 นาที โตวโตวเจอทัพแห่งแสงแล้วใช่ไหม? ถ้างั้นก็ให้เธอเร่งความเร็วพวกเขาอีกหน่อย หรือไม่ก็พาบอสระดับสูงบางคนมาที่เมืองก่อนด้วยคัมภีร์เมือง เพราะตอนนี้ฝั่งทัพแห่งความมืดก็เหลือบอสไม่กี่ตัวแล้ว ส่วนลิชคิงน่ะ ให้ NPC เก่ง ๆ ฝั่งเรารุมกระทืบกันหน่อยก็ชนะได้แล้ว”

เซียวเฟิงพูดผ่านโทรศัพท์ เขานั่งดูไลฟ์สดของสมรภูมิด่านหน้าอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นการที่ชายหนุ่มจะรู้สถานการณ์ปัจจุบันได้มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ซึ่งระหว่างที่พูดเขาก็เช็กสถานะของเสี่ยวไป๋ไปด้วย

นอกจากนี้เซียวเฟิงก็ยังรู้ด้วยว่าอาร์คบิชอปเรนัลด์ได้พบกับทัพแห่งแสงที่สูญหายไปแล้วและกำลังมุ่งหน้ากลับไปยังเมืองแห่งความโศกเศร้า โดยมีเฉียนโตวโตวเดินทางไปเร่งฝีเท้าพวกเขา

เห็นได้ชัดว่า NPC ทัพใหญ่เหล่านี้ถูกนำไปยังทิศทางอื่นจากผู้เล่นที่กระตุ้นให้เกิดภารกิจหลักในครั้งนี้ ซึ่งมันไกลจากที่นี่มาก ๆ แต่โชคยังดี ที่พวกเขายังสามารถเดินทางไปยังเมืองใกล้เคียงและใช้แท่นเทเลพอร์ตของเมืองนั้นพาพวกตนกลับมายังที่ที่ควรมาได้

ถึงแม้ว่าตอนนี้เซียวเฟิงจะอัญเชิญเสี่ยวไป๋มาไม่ได้ แต่ถ้าแค่เปิดดูค่าสถานะของเธอแล้วล่ะก็ มันเป็นเรื่องที่ง่ายมาก หลังจากที่เสี่ยวไป๋ได้พัฒนาเป็นระดับตำนาน สถานะของเธอก็เปลี่ยนไปมากเลยทีเดียว

เสี่ยวไป๋ (นางฟ้า 6 ปีก)

เลเวล : 36

ประเภท : สัตว์เลี้ยง

เจ้าของ : แด๊ด

ระดับ : ตำนาน

ธาตุ : ศักดิ์สิทธิ์

พลังชีวิต : 16,400/16,400 หน่วย

มานา : 9,000/16,400 หน่วย

พลังโจมตีกายภาพ : 820 – 820 หน่วย

พลังโจมตีเวทมนตร์ : 820 – 820 หน่วย

พลังป้องกันกายภาพ : 410 – 410 หน่วย

พลังป้องกันเวทมนต์ : 410 – 410 หน่วย

สกิล : พลังแห่งทวยเทพ, กายาศักดิ์สิทธิ์

พลังแห่งทวยเทพ (เลเวล 12) :

เอฟเฟกต์ 1 – สกิลของท่านสามารถใช้กับศัตรูหรือพันธมิตรก็ได้ ทุกสกิลที่มีผลฟื้นฟูจะเพิ่มประสิทธิภาพจะเพิ่มขึ้นเป็น 150% หากเป้าหมายมีธาตุเป็นธาตุแสงหรือธรรมชาติ

เอฟเฟกต์ 2 – สกิลของท่านสามารถใช้กับศัตรูหรือพันธมิตรก็ได้ ทุกสกิลที่มีผลฟื้นฟูหรือบัฟจะสามารถแสดงผลได้มากถึง 300% ในขณะเดียวกันหากร่ายใส่ศัตรูจะสร้างความเสียหายหรือดีบัฟมากถึง 300% ถ้าศัตรูตัวนั้นเป็นเผ่าพันธุ์แห่งความมืดหรืออันเดด

เอฟเฟกต์ 3 – ความเสียหายที่ท่านได้รับจะลดลง 30%

กายาศักดิ์สิทธิ์ (เลเวล 3) :

เอฟเฟกต์ 1 – เมื่อท่านตายเป็นครั้งแรกในทุก ๆ วัน ท่านจะไม่ถูกบันทึกประวัติการตาย และจะฟื้นคืนชีพในทันที เมื่อท่านตายครั้งที่ 2 ของวัน การเสียค่าประสบการณ์จะลดลงครึ่งหนึ่งและจะไม่สูญเสียอุปกรณ์บนร่างกายไป

เอฟเฟกต์ 2 – เมื่อท่านได้รับผลของการฟื้นฟูหรือบัฟ ผลนั้นจะเพิ่มขึ้นอีก 150%

เอฟเฟกต์ 3 – ท่านได้รับค่าความต้านทานดีบัฟเป็นอย่างมาก ช่วยให้ผลและระยะเวลาของดีบัฟที่ส่งผลต่อท่านลดลง

สกิลติดตัว :

ฟากฟ้าแห่งพระเจ้า (สกิลติดตัว : ใช้ร่วมกับเจ้าของ) – ทุกสกิลที่มีผลฟื้นฟูหรือบัฟจะสามารถใช้โดยไม่ต้องคำนึงถึงระยะ ท่านสามารถใช้สกิลนั้น ๆ ได้พร้อม ๆ กันกับทุกเป้าหมายที่อยู่ในระยะสายตา

ความเมตตาแห่งพระผู้เป็นเจ้า (สกิลติดตัว : ใช้ร่วมกับเจ้าของ) – เมื่อสัตว์เลี้ยงของท่านเข้าสู่สภาวะโกรธ สัญลักษณ์แห่งการปลดตรวนจะถูกส่งไปหาผู้เป็นเจ้าของ หลังจากที่ได้รับการปลดตรวนแล้ว สัตว์เลี้ยงของท่านจะสามารถใช้สกิลของผู้เป็นเจ้าของได้ แต่ถึงเจ้าของไม่อนุญาต สัตว์เลี้ยงก็จะยังใช้สกิลบางอย่างของท่านได้โดยใช้ค่าความภักดีมาแทน

พระเจ้าอวยพร (สกิลติดตัว : ใช้ร่วมกับเจ้าของ) – ยังไม่เปิดใช้งาน ณ เลเวลปัจจุบัน

สกิลกดใช้ :

บัพติศศักดิ์สิทธิ์ (เลเวล 3) – อัญเชิญแสงแห่งบัพติศลงมายังพื้นที่ที่กำหนด ฟื้นฟูพลังชีวิตของยูนิตพันธมิตร และ สร้างความเสียหายแก่ยูนิตศัตรูทั้งหมดในพื้นที่ ผลการรักษาจะเท่ากับ ค่าพลังเวท x 150% คูลดาวน์ 30 วินาที

ดาบแห่งพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ (เลเวล 3) – อัญเชิญอาวุธของตนเอง ดาบแห่งพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ พลังโจมตีของดาบแห่งพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์จะเท่ากับ 150% ของพลังโจมตีกายภาพ ระยะเวลา 30 นาที คูลดาวน์ 1 ชั่วโมง

โล่แห่งพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ (เลเวล 3) – อัญเชิญโล่แห่งแสงของตนเอง โล่แห่งพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ โล่แห่งแสงนั้นจะหายไปหลังจากรับการโจมตี 5 ครั้ง การโจมตี 3 ครั้งแรกจะสามารถต้านทานความเสียหายได้ 100% ครั้งที่ 4 จะเหลือ 75% และครั้งที่ 5 จะเหลือเพียง 50% คูลดาวน์ 5 นาที

เกราะแห่งพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ (เลเวล 3) – อัญเชิญชุดเกราะของตนเอง เกราะแห่งพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ทราสามารถเพิ่มพลังป้องกันได้มากถึง 150% ของพลังป้องกันผู้สวมใส่ และเพิ่มโอกาสในการหลบหลัก ความเร็วในการเคลื่อนที่ และความเร็วในการโจมตี 30 นาที คูลดาวน์ 1 ชั่วโมง

ดาบศักดิ์สิทธิ์ : อโพฟิส (เลเวล 1) – อัญเชิญดาบศักดิ์สิทธิ์ลงมาจากสวรรค์ สร้างความเสียหายเป็นวงกว้างแก่ศัตรูพร้อมทั้งระเบิดออกสร้างคลื่นสั่นสะเทือนไปทั่วบริเวณใกล้เคียง คูลดาวน์ 72 ชั่วโมง

ยังไม่เปิดใช้งาน – ยังไม่เปิดใช้งาน

เธอควรค่าแก่การเป็นสัตว์เลี้ยงระดับเทพเจ้าแล้ว!

ค่าสถานะพื้นฐานของเธอนั้นสูงกว่าเซียวเฟิงอีกหลายเท่านักในเลเวลเดียวกัน รวมถึงผลของสกิลต่าง ๆ ก็ประสิทธิภาพสูงขึ้นเป็นอย่างมากเลยด้วย และเมื่อสังเกตดี ๆ เขาก็ยังเห็นด้วยว่ามีสกิลใหม่ถูกปลดล็อกออกมาหลังจากที่เธอพัฒนาร่าง…

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *