Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子]บทที่ 469 ใครบางคน

Now you are reading Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] Chapter บทที่ 469 ใครบางคน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 469 ใครบางคน

บทที่ 469 ใครบางคน

ในแง่ของจำนวนและขนาดของมอนสเตอร์แล้ว ภายในมหาสุสานใต้พิภพนี้ไม่ได้ดีไปกว่าหุบเขากระดูกที่อยู่ด้านนอกเลย แต่มันก็ถูกทดแทนด้วยเลเวลของมอนสเตอร์ที่จะสูงกว่าด้านนอกเป็นอย่างมากแทน

นอกจากนี้ ภายในด่านนี้ไม่เพียงแต่มอนสเตอร์ระดับสูงเท่านั้นที่มารวมกันอยู่ เพราะแม้แต่บอสเองก็ยังหลับใหลอยู่ที่นี่อีกด้วย เพราะฉะนั้นในแง่ของค่าประสบการณ์แล้ว ภายในมหาสุสานเองก็ให้เยอะไม่ต่างอะไรกับหุบเขากระดูกเลย

เมื่อเข้ามาในปราสาทใต้พิภพแล้ว ตามปกติก็จะพบกับกลุ่มของมอนสเตอร์ประจำด่านเป็นจำนวนมาก เพราะที่นี่ถือเป็นแผนที่ลับ ดังนั้นย่อมต้องมีน้อยคนนักที่จะรู้ถึงการมีอยู่ของมัน และเพราะแบบนี้มอนสเตอร์ที่อยู่ภายในนี้จึงเกิดการสะสมในปริมาณที่มากได้

“หือ?”

ทว่าเมื่อเข้ามาด้านในแล้ว เซียวเฟิงกลับต้องขมวดคิ้วหลังจากเห็นสภาพด้านในนี้

ความผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้นแม้ว่าปริมาณมอนสเตอร์ภายในจะยังคงดูหนาแน่น แต่หากสังเกตดี ๆ จะพบว่าบริเวณตรงกลางจะถูกเคลียร์เป็นทางเดินไว้ ไม่มีทางที่มอนสเตอร์จะเดินออกไปเองแน่ ๆ พวกมันถูกกำจัด ซึ่งคนที่คุ้นเคยกับมหาสุสานแห่งนี้ดีอย่างเซียวเฟิงย่อมต้องสามารถรับรู้ถึงความแปลกประหลาดนี้ได้อยู่แล้ว ยิ่งโดยเฉพาะกับเส้นทางเดินที่มีจุดมุ่งหมายไปยังชั้น 2 เช่นนี้

ใครบางคนกำลังเข้ามาพิชิตด่านมหาสุสานใต้พิภพ…

แม้มันจะเป็นเรื่องแปลก แต่เซียวเฟิงก็ไม่ได้ใส่ใจมันมากนัก เพราะยังไงของรางวัลที่มีค่ามากที่สุดจากการพิชิตบอสด่านนี้ อย่างชุดเกราะมังกร ก็ถูกตัวเองครอบครองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะงั้นจึงไม่ได้คาดหวังอะไรกับด่านนี้อีก ใครอยากจะไปล่าอะไรก็เชิญกันตามสะดวกเลย

ในอดีต ความน่ากลัวของมหาสุสานใต้พิภพนี้คือ มันมีโอกาสที่บอสจะเกิดได้ทุกที่ และถึงแม้ปัจจุบันเลเวลของผู้เล่นจะสูงขึ้นมากแล้ว แต่การมาเคลียร์ด่านนี้ก็ยังต้องใช้ความอุตสาหะอยู่เช่นเดิม

“นายท่าน เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”

เมื่อเห็นว่าเซียวเฟิงดูชะงักไปครู่หนึ่ง แต่นั่นก็นานพอจะให้หานเฟิงสังเกตเห็นความปกติบนสีหน้าของเขาได้แล้ว

“ไม่มีอะไรหรอก พวกนายก็ระวังตัวไว้ ฉันจะไปกำจัดมอนสเตอร์แล้ว”

เซียวเฟิงส่ายหน้า เขาพยายามไม่สนใจว่าใครจะมาหมายพิชิตด่านมหาสุสานนี้และกลับไปโฟกัสกับจุดมุ่งหมายที่เขามาที่นี่แทน

ถึงแม้ว่าเซียวเฟิงจะสามารถกำจัดมอนสเตอร์ทั้งหมดได้ด้วยสกิลเพียงสามสกิล แต่ด้วยสภาพแวดล้อมของปราสาทใต้พิภพที่มีกำแพงหินมาบดบังสายตา มันทำให้เซียวเฟิงไม่สามารถร่ายสกิลใส่ทุกเป้าหมายได้ในคราเดียว เต็มที่ก็ได้แค่ครึ่งชั้นต่อหนึ่งครั้ง หลังจากนั้นเขาจะต้องรอสกิลคูลดาวน์ใหม่ ซึ่งระหว่างนั้นพวกเขาอาจจะตกเป็นเป้าโจมตีของมอนสเตอร์ที่เหลือได้ ดังนั้นหานเฟิงและพวกเซียวหลิงจำเป็นต้องระวังตัวไม่ให้ตกเป็นเป้าหมายการโจมตีให้ดี

โฮลี่ไลท์!

ฮีลลิ่ง!

ถ้อยคำแห่งเงา!

หลังจากที่ทั้งสามสกิลถูกร่ายไป มอนสเตอร์จำนวนมากตรงหน้าก็หายวับไปกับตาในทันที พวกมันถูกแสงสีขาวอาบชโลมร่างก่อนจะลุกไหม้ไปด้วยเปลวเพลิงและสลายกลายเป็นเถ้ากระดูก

“เคอเค่อ อย่ารีบวิ่งเข้าไปเก็บเหรียญทองเชียวนะ ส่วนหานเฟิงมาช่วยฉันล่อมอนสเตอร์ เสี่ยวไป๋ ฝากดูแลเซียวหลิงด้วย”

เซียวเฟิงตะโกนบอก เพราะถึงแม้จะมีมอนสเตอร์มากมายถูกกำจัดไปในการโจมตีชุดนั้น แต่ก็ยังมีบอสอีกหลายตัวที่ยังไม่ตาย ดังนั้นเซียวเฟิงจึงตกเป็นเป้าโจมตีของพวกมัน ซึ่งเรื่องนี้อยู่ในการคำนวณของเขาอยู่แล้ว ยามที่รู้ได้ว่ามันจะมาจากทางไหน เขาจึงไม่รอช้าลากให้พวกมันถอยห่างจากหนิงเคอเค่อที่พุ่งพรวดเข้าไปเก็บเหรียญทองและเรียกหานเฟิงมาช่วยทันที

ภายในปราสาทใต้พิภพนี้มีมุมหลบหินอยู่มาก และมันเป็นอุปสรรคสำหรับเซียวเฟิงที่ไม่สามารถมองเห็นมอนสเตอร์ในมุมหลบนี้ได้ การจะทำให้มอนสเตอร์ออกมาจากมุมเหล่านั้น มันจะดียิ่งกว่าหากมีคนช่วย

ถึงแม้ว่าเลเวลอุปกรณ์ของหานเฟิงจะไม่ได้สูงในตอนนี้ แต่ความแข็งแกร่งของเขาก็ถือว่ายอมรับได้ เซียวเฟิงมั่นใจว่าเขาคนนี้จะไม่ถูกล้อมโดยเหล่ามอนสเตอร์แน่ ๆ

“โอเค! ฉันมาแล้วนายท่าน!”

หานเฟิงตอบรับทันควัน เขารีบเข้าไปคว้าตัวหนิงเคอเค่อที่กำลังเขินอายหลังจากโดนเซียวเฟิงดุเรื่องเข้าไปเก็บเหรียญทองแล้วรีบหันไปหลอกล่อมอนสเตอร์ให้สนใจเขาแทนสาว ๆ ต่ออย่างรวดเร็ว

ด้วยตำแหน่งที่เซียวเฟิงยืนอยู่และหานเฟิงที่กำลังวิ่งล่อเป้า มันเป็นจุดที่ง่ายต่อการจะรวมมอนสเตอร์เอาไว้อยู่แล้ว เพราะงั้นพวกเขาทั้งสองจึงรีบล่อมอนสเตอร์ทั้งชั้นให้มารวมกันตรงลานกว้าง

“เสี่ยวไป๋!”

เมื่อทุกอย่างเตรียมพร้อม เซียวเฟิงก็ถอยหลังออกมาแล้วตะโกนไปพร้อม ๆ กัน ทันใดนั้น เสี่ยวไป๋ที่อยู่เคียงข้างเซียวหลิงก็เข้าสู่โหมดต่อสู้ทันที กระโปรงเหล็กกล้าของเธอยาวขึ้น เช่นเดียวกับดาบศักดิ์สิทธิ์ที่ปรากฏขึ้นในฝ่ามือ ปีกนางฟ้าทั้งหกข้างสยายออกเพื่อพาร่างของเธอให้ทะยานขึ้นฟ้าไป จากนั้นก็ใช้ดาบในมือฟาดลงไปกลางกลุ่มของมอนสเตอร์ที่โดนล่อเข้ามารวมกันทันที!

[เพื่อนร่วมปาร์ตี้ของท่านได้ทำการกำจัด…สำเร็จ ท่านได้รับค่าประสบการณ์…]

[เพื่อนร่วมปาร์ตี้ของท่านได้ทำการกำจัด…สำเร็จ ท่านได้รับค่าประสบการณ์…]

[เพื่อนร่วมปาร์ตี้ของท่านได้ทำการกำจัด…สำเร็จ ท่านได้รับค่าประสบการณ์…]

แสงสีขาวที่แสดงให้เห็นถึงการเลเวลอัปส่องสว่างขึ้น ซึ่งนั่นหมายความว่า เซียวหลิง หนิงเคอเค่อและหานเฟิงเลเวลอัปกันอีกครั้งแล้ว

“ไปชั้น 2 กันต่อได้แล้ว ที่นั่นเราก็จะใช้แผนเดิมแบบนี้ ฉันจะเคลียร์มอนสเตอร์ระลอกแรกให้ จากนั้นก็จะไปช่วยกันล่อมอนสเตอร์มารวมกันตรงที่กว้าง แล้วค่อยให้สัตว์เลี้ยงของฉันจัดการที่เหลือ”

เซียวเฟิงหันไปกำจัดบอสที่เหลือนิดหน่อยก่อนจะหันไปพูดกับหานเฟิง

ต่อให้เป็นความเสียหายระดับเสี่ยวไป๋ มันก็ยังไม่มากพอที่จะปราบบอสได้ในคราเดียว แต่ถึงอย่างนั้นพลังชีวิตของบอสที่โดนโจมตีไปก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเซียวเฟิงนัก เขาสามารถจัดการพวกมันได้สบาย ๆ

เขาเดินเข้าไปคุ้ยเขี่ยในกองอุปกรณ์และเหรียญทองที่ดร็อปจากมอนสเตอร์ที่กำจัดไปอยู่หลายที แต่นั่นไม่ใช่เพราะเขาต้องการอุปกรณ์หรือเหรียญทองแต่อย่างใด แม้จะมีอุปกรณ์ระดับสูงตั้งแต่ระดับเงินขึ้นไปถูกเก็บแล้วโยนใส่กระเป๋าไปบ้าง แต่หลัก ๆ แล้วเซียวเฟิงตั้งใจมาหาวัตถุดิบที่ดร็อปจากบอสต่างหาก

มันไม่ใช่วัตถุดิบสำหรับคลาสสำรอง แต่เป็นวัตถุดิบพิเศษที่จะดร็อปจากบอสแต่ละตัว แน่นอนว่าบอสแต่ละตัวจะให้ของเหล่านี้ไม่เหมือนกัน ก่อนหน้านี้เซียวเฟิงไม่รู้ว่ามันเอาไว้ทำอะไร แต่หลังจากที่กิลด์ขนาดใหญ่เริ่มตั้งเมืองหลักกันแล้ว เขาถึงได้รู้ว่า วัตถุดิบจากบอสเหล่านี้ ถือเป็นสิ่งที่เลอค่าเอาเสียมาก ๆ!

เพราะมันจะมีวัตถุดิบบางชิ้นที่สามารถใช้อัญเชิญ NPC การ์ดระดับสูงมาเฝ้าเมืองได้ด้วย!

ยกตัวอย่างเช่น หลังจากที่บอสเผ่าอันเดดตายลงไป มันจะดร็อป อันเดดคริสตัลเอาไว้ ซึ่งเราสามารถใช้อันเดดคริสตัลนี้ ร่วมกับวัตถุดิบอื่นที่ระบุไว้ในผังอัญเชิญเพื่ออัญเชิญอันเดดระดับสูงมาเฝ้าเมืองได้ และในบรรดา NPC ที่อัญเชิญมานี้ การอัญเชิญเผ่าอันเดดออกมา ค่อนข้างจะแตกต่างกับเผ่าอื่นไม่น้อยเลย

ตอนนี้ภายในฟอรั่มมีวิธีการอัญเชิญ NPC หลายตนถูกเผยแพร่เอาไว้ ซึ่งแต่ละวิธีก็ล้วนผ่านการทดลองโดยกิลด์ใหญ่ ๆ มาแล้วทั้งนั้น ยกตัวอย่างอันเดดคริสตัลอีกครั้ง การจะอัญเชิญนักรบอันเดดระดับสูง จำเป็นต้องใช้ [อันเดดคริสคัล + แร่เหล็ก + แร่เหล็ก + เหรียญทอง + กระดูก] ในขณะที่หากจะอัญเชิญอัศวินอันเดด จะต้องใช้ [อันเดดคริสตัล + แร่เหล็ก + เหรียญทอง + กระดูก + กระดูก] ดังนั้น NPC แต่ละตัว ใช้ส่วนประกอบแตกต่างกัน

ในตอนนี้ กิลด์หลักทุกกิลด์เว้นแต่กิลด์ที่ไม่ได้มั่งคั่งนัก ต่างก็มีจุดประสงค์เดียวกับเซียวเฟิง พวกเขารอให้ตนเลเวลถึง 50 เพื่อจะได้สามารถอัญเชิญ NPC ระดับ 3 มาเฝ้าเมืองได้ ถึงแม้ตอนนี้จะยังมีเหล่า NPC การ์ดให้เลือกอัญเชิญไม่มากนัก แต่เหล่า NPC ที่ถูกค้นพบวิธีอัญเชิญแล้วก็ล้วนแต่มีประสิทธิภาพสูงในระดับหนึ่ง

ปัจจุบันนี้มีวิธีอัญเชิญ NPC ที่ถูกบันทึกไว้ในฟอรั่มกว่าสามสิบตน และกว่าสามสิบตนนี้ก็ถูกแบ่งแยกไปตามเผ่าพันธุ์เรียบร้อยแล้วด้วย ท่ามกลาง NPC เหล่านี้ การ์ดระดับเงินยังคงถือว่าเก่งที่สุดเท่าที่มีการพบเจอ โดยเฉพาะนักดาบจักรพรรดิ ที่เป็นเลิศทั้งด้านการรุกและรับ ไหนจะยังมีค่าสถานะสูงที่สุดในบรรดา NPC ทั้งหมดด้วย ถัดมาก็เป็นการ์ดระดับหายาก ที่ส่วนใหญ่แล้วจะโดดเด่นเพียงด้านในด้านหนึ่ง ยกตัวอย่างเช่น ออร์คเบอร์เซิร์กเกอร์ ที่มีพลังโจมตีสูงแต่ด้อยเรื่องพลังป้องกัน ถัดลงมาอีกเป็นการ์ดระดับดี ที่มีค่าสถานะปานกลาง แต่ก็ถือว่ายังใช้ได้ และอันดับสุดท้าย การ์ดระดับธรรมดา ที่ค่าสถานะต่ำเสียจนไม่คุ้มกับการอัญเชิญออกมาไม่ว่าจะด้วยกรณีใดก็ตาม คนที่จะอัญเชิญการ์ดระดับนี้ออกมาต้องเป็นพวกโง่เท่านั้น

อีกหนึ่งประเภทที่ไม่รวมอยู่ใน NPC ที่กล่าวมาด้านบนก็คือ การ์ดในเชิงลบ อย่างพวก NPC การ์ดที่เป็นเผ่าพันธุ์อันเดด นั่นเพราะปัจจุบันเมืองของเหล่าผู้เล่นนั้นจะขึ้นตรงต่อแสงสว่าง ดังนั้น NPC ส่วนใหญ่ในเมืองก็จะมองอันเดดเป็นศัตรูอยู่แล้ว เพราะงั้นหากมีการอัญเชิญการ์ดอันเดดมาไว้ในเมือง พวกเขาจะต่อสู้กันเอง ซึ่งไม่ต่างอะไรกับการอัญเชิญระเบิดลงมากลางเมือง นับเป็นผลเสียอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม หลังจากการปะทะกันกับทัพแห่งความมืดครั้งล่าสุด อีกฝ่ายก็เริ่มมีการติดต่อกับผู้เล่น และสามารถโน้มน้าวผู้เล่นบางส่วนให้เข้าร่วมกับทัพแห่งความมืดได้แล้ว ดังนั้นขยะในสายตาของเหล่าผู้เล่นที่ศรัทธาในแสงสว่าง ก็ได้กลายเป็นสิ่งเลอค่าในสายตาของผู้เล่นที่ศรัทธาในความมืดไปโดยปริยาย ไม่แปลกใจเลยหากราคาของวัตถุดิบที่เกี่ยวกับความมืดจะมีราคาสูงขึ้นในตลาด

นอกจากนี้ มันยังทำให้วิธีการอัญเชิญ สถานที่หาวัตถุดิบสำหรับอัญเชิญการ์ดเผ่าพันธุ์อันเดดกลายเป็นที่นิยมกันขึ้นมาด้วย และเพราะพวกเขาต่างถวิลหาสถานที่เหล่านี้กัน มันเลยทำให้หลาย ๆ กิลด์เริ่มมีปัญหาและทะเลาะกันเองไปโดยปริยาย!

เซียวเฟิงรีบหาของที่ต้องการให้เร็วที่สุด อนึ่งเพราะตอนนี้แหวนจักรวาลอยู่กับตัวเขาด้วย เพราะงั้นเขาสามารถเก็บของปริมาณขนาดไหนก็ได้ตามที่ต้องการเลย แต่ไม่ว่าอย่างไร หลัก ๆ เขาจะเน้นมุ่งหน้าไปยังจุดที่บอสตายลงก่อน เพื่อเก็บของบริเวณนั้น การทำเช่นนี้จะทำให้เขาไม่พลาดของสำคัญไปก่อนที่ระบบจะเก็บของคืน

หลังจากผ่านไป 10 นาที ระบบก็เก็บอุปกรณ์และเหรียญทองที่ไม่ถูกเก็บไปจนหายไปหมด เซียวเฟิงไม่ได้รีรออยู่ที่นี่ต่อ เขามุ่งหน้าตรงไปยังชั้นที่ 2 ของปราสาทใต้พิภพพร้อมกับเซียวหลิงและคนอื่น ๆ ทันที

อันที่จริง พวกเขาไม่จำเป็นต้องจัดการมอนสเตอร์ทั้งหมดเพื่อที่จะขึ้นไปยังชั้น 2 ก็ได้ ก่อนหน้านี้ เพราะการมีอยู่ของผู้คุ้มกันปราสาทใต้พิภพ มันเลยทำให้การจะผ่านแต่ละชั้นไปนั้น ต้องกำจัดมอนสเตอร์ทั้งหมดก่อนเพื่อที่จะไปกำจัดผู้คุ้มกันแห่งปราสาทใต้พิภพ จากนั้นพวกเขาถึงจะผ่านไปยังชั้นต่อไปได้

แต่ในตอนนี้ ผู้คุ้มกันแห่งปราสาทใต้พิภพถูกกำจัดไปแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถเดินฝ่าฝูงมอนสเตอร์เพื่อขึ้นไปยังชั้นที่ 2 ได้เลย จุดประสงค์เดียวที่ทำให้เซียวเฟิงเสียเวลากับการกำจัดมอนสเตอร์ทั้งหมดนี้ ก็เพราะต้องการค่าประสบการณ์มาให้เซียวหลิงและคนอื่นเฉย ๆ

พวกเขาใช้เวลาเคลียร์แต่ละชั้นรวม ๆ แล้วก็ 30 นาที ซึ่งใน 30 นาทีนี้ได้รวมเอาเวลาเก็บของไว้ด้วยแล้ว และมันเป็นอย่างนี้จนกระทั่งถึงชั้นที่ 5 จู่ ๆ เซียวเฟิงก็หยุดลง

“น่าจะมีคนอยู่ที่ชั้นถัดไป”

เซียวเฟิงพูดขึ้นมา เพราะเขาเห็นว่าบริเวณที่เข้าชั้นต่อไปนั้นมีปริมาณมอนสเตอร์เบาบางลงไป มันต้องเป็นฝีมือของผู้เล่นที่มากำจัดมอนสเตอร์ไปก่อนหน้าแน่นอน

อีกทั้งตั้งแต่เมื่อตอนที่เข้ามายังชั้นที่ 5 นี้แล้ว ตลอดทางมอนสเตอร์ในแนวทางเดินถูกกำจัดไปจนหมด เหลือเพียงพวกที่อยู่ข้างทางที่ไม่ขวางทางเดินเท่านั้นที่ยังอยู่ นอกจากนี้บริเวณปลายทางนี้ เขายังเห็นกองเถ้ากระดูกที่เกิดจากการที่อันเดดพวกนั้นถูกกำจัด กองเรียงรายอยู่บนพื้นอีกด้วย กองเถ้าเหล่านี้ยังไม่ถูกระบบเก็บกลับไป แสดงว่าพวกมันเพิ่งจะถูกกำจัดไปไม่ถึง 10 นาที พวกนี้เป็นหลักฐานยืนยันได้ว่า เพิ่งจะมีผู้เล่นผ่านเส้นทางนี้ไปยังชั้นถัดไปอยู่จริง ๆ

“มีคนอื่นเข้ามาเก็บเลเวลที่ด่านนี้ด้วยเหรอ?”

หานเฟิงถามขึ้นด้วยความประหลาดใจหลังได้ยินเช่นนั้น ตัวเขาในตอนนี้กลับมาเลเวลสูงกว่า 30 แล้ว การตามเซียวเฟิงมาเก็บเลเวลด้วยครั้งนี้ถือว่าคุ้มค่ามาเลยทีเดียว

หรือถ้าจะไม่พูดถึงเขา เซียวหลิงและหนิงเคอเค่อต่างก็เลเวล 40 กันแล้ว แม้แต่เซียวเฟิงเองก็ยังเลเวลอัป 1 เลเวล เป็นเลเวล 48 แล้วเช่นกันภายใต้การเสียเวลาไปกับกองมอนสเตอร์ป่าจำนวนมหาศาลในครั้งนี้ ถือว่าได้ค่าประสบการณ์ที่คุ้มค่าพอสมควร

ทว่าพอหานเฟิงตระหนักได้ว่ามีคนกำลังมาแย่งพวกเขาเก็บเลเวลอยู่ชั้นถัดไปนี้ มันก็ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะโกรธขึ้นมา

“ไม่น่าจะมาเก็บเลเวล บางทีอาจจะมีจุดประสงค์อื่น”

เซียวเฟิงขมวดคิ้ว เพราะแต่ละชั้นมีเพียงทางเดียวที่จะขึ้นไปยังชั้นถัดไปได้ คนคนนี้จงใจเคลียร์มอนสเตอร์ที่ขวางทางขึ้นเท่านั้น ดังนั้นมันย่อมต้องมีเหตุผลให้เขาพยายามขึ้นไปยังชั้นถัดไปเร็ว ๆ แน่

เขามั่นใจมาก ๆ ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่พวกไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เพราะมอนสเตอร์ในแต่ละชั้นล้วนแต่แข็งแกร่งในระดับที่ทำให้ผู้เล่นทั่วไปยังต้องตึงมือได้ แต่นี่เขากลับสามารถเปิดทางให้ตนเองสามารถขึ้นมาได้ตลอดหกชั้น นี่มันแสดงให้เห็นแล้วว่าคนคนนี้ไม่ใช่ผู้เล่นทั่ว ๆ ไปอย่างแน่นอน

สิ่งนี้ทำให้เซียวเฟิงขมวดคิ้วขึ้นมานิดหน่อย หรือว่าด่านมหาสุสานใต้พิภพนี้จะมีของรางวัลอื่นที่เลอค่าพอ ๆ กับชุดเกราะมังกรซ่อนอยู่อีกงั้นเหรอ? ไม่เช่นนั้น ในเมื่อชุดเกราะมังกรอยู่กับเขาแล้ว ทำไมถึงยังมียอดฝีมือมาพิชิตที่แห่งนี้อีก

ผนึกที่ชั้น 7…

มันอดที่จะคิดไม่ได้ถึงสถานที่เดียวภายในปราสาทใต้พิภพแห่งนี้ที่ยังเป็นความลับแก่ตัวเซียวเฟิงเอง สถานที่ที่ซึ่งไม่มีโครงสร้างซับซ้อนเหมือนชั้นอื่น ๆ มีเพียงโถงกลางขนาดใหญ่ที่ซึ่งมีตราผนึกถูกสร้างเอาไว้ เซียวเฟิงจำได้ว่าหนี่อู๋เคยบอกเขาไว้ว่า ผนึกนั้นถูกสร้างโดยลิชเค่อสวี

ซึ่งผนึกดังกล่าวไม่เหมือนเกราะป้องกันทั่วไป เขาไม่สามารถทำลายมันได้ ในขณะเดียวกันก็ไม่สามารถเปิดมันได้ด้วยแม้จะมีกุญปลดผนึกแล้วก็ตาม

ดังนั้นเมื่อสถานการณ์มันชงมาเช่นนี้ เรื่องของผนึกชั้น 7 จึงไม่อาจถูกมองข้ามไปได้ง่าย ๆ เป็นไปได้ไหมว่าคนคนนั้นกำลังมุ่งหน้าไปยังชั้นที่ 7 ของปราสาทใต้พิภพ เพราะเขารู้เรื่องผนึก? หรือดีไม่ดี คนคนนั้นอาจจะปลดผนึกนั้นแล้วและเจอสิ่งดี ๆ ซ่อนอยู่ด้านใน?

“ไม่ว่าเจ้านั่นจะมาหาอะไร นายท่าน อย่าไปยอมมันนะ! รีบไปไล่มันกันดีกว่า!” หานเฟิงดูปราศจากความกังวลในเรื่องเลเวลแล้ว ตอนนี้เขากำลังเลือดร้อนไม่ต่างอะไรกับคนร้อนวิชาเลย

แต่สิ่งที่เขาพูดก็ไม่ได้เกินกว่าสิ่งที่เซียวเฟิงคิดจะทำนัก และด้วยชื่อเสียงของเซียวเฟิง ณ ปัจจุบัน มีผู้เล่นเขตฮัวเซียไม่กี่คนนักหรอกที่กล้าสู้หน้า

“เคลียร์ชั้นนี้ให้เรียบร้อยก่อน จากนั้นค่อยไปดู”

ชายหนุ่มส่ายหน้าเบา ๆ และเลือกที่จะปล่อยผ่านเรื่องของบุรุษปริศนาไปก่อน ตอนนี้ต้องเก็บเลเวลให้เซียวหลิงให้เสร็จเร็ว ๆ บางทีภายในเวลา 30 นาที พวกเขาอาจจะยังตามอีกฝ่ายทันก็ได้

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *