Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子]บทที่ 555 จดหมายเชิญ

Now you are reading Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] Chapter บทที่ 555 จดหมายเชิญ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 555 จดหมายเชิญ

บทที่ 555 จดหมายเชิญ

น้ำเปล่าผสมกลูโคสถูกเตรียมไว้ในขวดปากแคบเป็นจำนวนสองขวดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทว่าหลิวเฉียงเหว่ยที่รับหน้าที่คนป้อนน้ำนั้นกลับกำลังมีทีท่าเหมือนว่าเธอกำลังหาบางสิ่งบางอย่างอยู่จนซางกวน ซือเฟยอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความประหลาดใจ “เธอกำลังหาอะไรน่ะ?”

“แก้วน้ำไง” หลิวเฉียงเหว่ยหาสิ่งนั้นเจอแล้ว เธอตอบพร้อมกับหยิบแก้วน้ำสีขาวออกมาให้ผู้ถามดูด้วย

“เธอคิดว่าคนที่หลับไม่ได้สติแบบนี้จะลุกมากินน้ำด้วยตัวเองได้หรือไง?” ซางกวน ซือเฟยนวดขมับตนเองก่อนจะถามอีกครั้ง

“…ถ้างั้นจะต้องป้อนด้วยวิธีไหนล่ะ? เป็นหยด ๆ เข้าไปเหรอ?” หลิวเฉียงเหว่ยนิ่งไปสักครู่หนึ่ง หลังจากที่เธอตระหนักได้ว่าเรื่องที่อีกฝ่ายพูดนั้นก็มีเค้าความจริงอยู่บ้าง ยังไงเสียคนที่ไม่มีสติเช่นนี้ก็ไม่น่าจะลุกขึ้นมากินน้ำเองได้อยู่แล้ว

“แน่นอน ก็ต้องปากต่อปากสิ นี่…ถ้าเธอไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง มาเปลี่ยนหน้าที่กับฉันก็ได้นะ” มุมปากของซางกวน ซือเฟยกระตุกยิ้มเล็กน้อยขณะพูดไปเช่นนั้น

“ปากต่อปากเหรอ…” หลิวเฉียงเหว่ยชะงักไปชั่วขณะ แก้มนวลขาวเริ่มแดงระเรื่อขึ้นมา กระนั้นโทนเสียงของเธอก็ยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง “ไม่ต้องถึงมือเธอก็ได้”

ซางกวน ซือเฟยยิ้มน้อย ๆ เธอนั่งเท้าคางดูหลิวเฉียงเหว่ยยกตัวเซียวเฟิงขึ้นมานั่งแล้วค่อย ๆ ป้อนน้ำกลูโคสให้เขาด้วยท่าทีทุลักทุเลไม่น้อย แต่ที่เป็นแบบนั้นเพราะเจ้าตัวเขินอายสุด ๆ เลยต่างหาก

ราว ๆ ชั่วโมงหนึ่งหลังจากที่น้ำกลูโคสทั้งสองขวดถูกป้อนให้เซียวเฟิงจนหมด ซึ่งระหว่างนั้นก็มีเฉียนโตวโตวและซือเยี่ยจิ๋งคอยเข้ามาเช็ดเหงื่อตามร่างกายของเขาให้เรื่อย ๆ ด้วย

“โอเค ฉันว่าอาการของท่านเซียวน่าจะสงบดีแล้วล่ะ อีกไม่นานเขาคงจะตื่นขึ้นมาเอง เพราะงั้นพวกเธอก็กลับไปพักผ่อนกันก่อนเถอะ” ซางกวน ซือเฟยพูดกับซือเยี่ยจิ๋งและเฉียนโตวโตวผู้ที่ซึ่งมีเหงื่อไหลย้อยเต็มหน้าผาก นอกจากนี้ทั้งสองสาวยังมีอาการหอบเหนื่อยแฝงอยู่ด้วย แต่สาเหตุไม่ใช่เพราะว่าพวกเธอต้องคอยเช็ดเหงื่อให้เซียวเฟิงเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเพราะเธอได้เห็นฉากการ ‘ป้อน’ น้ำอันเร่าร้อนระหว่างหลิวเฉียงเหว่ยและเซียวเฟิงตลอดตั้งแต่ต้นจนจบด้วย

“งั้นถ้าพี่เซียวฟื้นเมื่อไหร่ เธอต้องบอกพวกเราทันทีเลยนะ” เฉียนโตวโตวพูดสั่งไว้ด้วยความเหนื่อยอ่อนก่อนจะละสายตาออกมาจากเซียวเฟิง

“เข้าใจแล้ว พวกเธอเองก็เหนื่อยกันมากแล้ว แถมในเกมยังมีเรื่องต้องทำกันอีกเยอะด้วย หน้าที่ดูแลท่านเซียว ยกให้เป็นของฉันเอง” ซางกวน ซือเฟยพยักหน้า

ไม่นานนักซือเยี่ยจิ๋งและคนอื่น ๆ ก็ยอมกลับไปยังห้องของตัวเอง ภายในชั่วพริบตาภายในห้องของซางกวน ซือเฟยก็เหลือเพียงเจ้าของห้องและหลิวเฉียงเหว่ยเท่านั้น

“ทำไมฉันรู้สึกว่าเธอมีนัยยะแอบแฝงอะไรอยู่?” หลิวเฉียงเหว่ยมองไปยังซางกวน ซือเฟยด้วยความรู้สึกที่เหมือนว่าผู้หญิงคนนี้พยายามแยกตนเองออกจากคนอื่น

“ฉันจะทำอะไรได้ล่ะ? เต็มที่ก็แค่ทำสิ่งที่ตัวเองทำได้หลังจากที่สิ่งที่เธอทำได้จบไปแล้ว” ซางกวน ซือเฟยไม่ได้ปิดบังท่าทีของตนเอง เธอยิ้มอย่างเย้ายวนให้อีกฝ่าย

“สิ่งที่เธอทำได้?” หลิวเฉียงเหว่ยหรี่ตามองด้วยความสงสัย

“แน่นอนว่าต้องเป็นการเติมพลังให้ท่านเซียวอยู่แล้ว ร่างกายของฉันน่ะพิเศษกว่าคนอื่นนะ เธอเองก็น่าจะรู้” รอยยิ้มบนใบหน้าของซางกวน ซือเฟยนั้นดูจะเย้ายวนยิ่งกว่าเดิมเสียอีกเมื่อพูดออกมาเช่นนั้น

“เธอ…” เมื่อรู้ว่าอีกคนจะทำอะไร หลิวเฉียงเหว่ยก็ถึงกับนิ่งไปเลย เธอรู้ว่าที่ซางกวน ซือเฟยพูดนั้นหมายความว่าอย่างไร เพราะงั้นใบหน้าสวยจึงแดงระเรื่อขึ้นมานิดหน่อย แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็เลือกที่จะถามออกไปด้วยความลังเล “เขาไม่ได้สติแบบนี้ มันจะไม่ทำให้อาการเขาหนักขึ้นกว่าเก่าเหรอ?”

“เพราะงั้นฉันเลยไม่ได้บอกจิ๋งจิ๋งกับโตวโตวไงว่าร่างกายของฉันสามารถฟื้นพลังให้ท่านเซียวได้” ซางกวน ซือเฟยส่ายหน้า

“ฉะ…ฉันเองก็น่าจะทำได้เหมือนกัน….เพราะท่านลุงน่ะ บอกว่าฉันเป็นโชคชะตาของเขาเลยนะ” หลิวเฉียงเหว่ยโต้แย้ง ใบหน้าของเธอแดงก่ำกว่าเดิมเสียอีก

“ถึงแม้ว่าฉันจะเข้าใจว่าเธอรู้สึกยังไงที่ไม่ได้อยู่กับท่านเซียวมาสิบกว่าวัน และฉันเองก็ไม่คิดมากด้วยถ้าเธอจะอยู่ด้วย ยังไงซะนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกอยู่แล้ว แต่ตอนนี้สงครามระหว่างเขตแดนยังดำเนินอยู่นะ ในฐานะหัวหน้ากิลด์มิดซัมเมอร์ ฉันเกรงว่ามันคงจะไม่เหมาะเท่าไหร่ถ้าเธอจะออฟไลน์มาอยู่ตรงนี้” ซางกวน ซือเฟยยกแขนขึ้นกอดอกแน่นจนหน้าอกที่ใหญ่โตนั้นกระเพื่อมเหมือนลูกโป่งน้ำโดนชน ขณะเดียวกันนั้นเธอก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่รู้จะช่วยยังไง

“ฉัน…ฮึ่ม! เธอไม่มีโอกาสแบบนี้อีกครั้งแน่ ๆ” หลิวเฉียงเหว่ยชะงักไปครู่หนึ่ง เธอไม่อยากจะยอมรับแต่มันก็เป็นเรื่องจริง สิ่งที่ซางกวน ซือเฟยพูดนั้นมีเหตุผล ท้ายสุดเธอก็ต้องจำใจออกจากห้องของอีกฝ่ายไปและกลับไปออนไลน์ดังเดิม

หน่วยสำรวจของเขตฮัวเซียกำลังบุกทะลวงเข้าไปในเขตอเมริกาเหนือได้ครึ่งชั่วโมงแล้ว ในฐานะที่เธอเป็นถึงหัวหน้าสัมพันธมิตรฟากใต้ รวมถึงเป็นผู้ควบคุมกิลด์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเขตฮัวเซียด้วย ดังนั้นในสถานการณ์เช่นนี้ เธอไม่อาจจะคลาดสายตาได้

มันเป็นหนึ่งวันเต็มกว่าเซียวเฟิงจะตื่นขึ้นมา กลิ่นที่ไม่คุ้นเคยรอบ ๆ ตัวนั้นทำให้เซียวเฟิงรับรู้ได้ก่อนจะลืมตาเสียอีกว่าที่นี่ไม่ใช่ห้องของเขา

“ทำไมฉันถึงมาอยู่ในห้องของเธอได้?”

เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาแล้ว เขาก็เริ่มบีบนวดตามไหล่ตามคอของตนพลางขมวดคิ้ว เซียวเฟิงลุกขึ้นนั่งและพิงหลังไปกับหัวเตียงก่อนจะถามซางกวน ซือเฟยที่เดินออกมาจากห้องอาบน้ำพอดี

“ก็ท่านเซียวเล่นเหงื่อท่วมตัวจนเตียงเปียกขนาดนั้น ฉันก็ต้องพามานอนห้องฉันก่อนสิ”

ซางกวน ซือเฟยมีเพียงผ้าเช็ดตัวผืนน้อยเท่านั้นที่ห่อหุ้มร่างเธอไว้ ดูเหมือนว่าเธอจะเพิ่งอาบน้ำเสร็จเพราะบนหัวเธอนั้นมีผ้าขนหนูอีกผืนกำลังห่อผมตนเองไว้ด้วย

“ฉันไม่ได้สติไปกี่วัน?” เซียวเฟิงถามต่อ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้ละสายตาออกจากเรือนร่างที่งดงามของหญิงสาวเลย กระดูกไหปลาร้าของเจ้าหล่อนที่โผล่พ้นผ้าเช็ดตัวมานั้น เสมือนสิ่งของล่อตาล่อใจชายหนุ่มให้ต้องจ้องมองอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้ไม่ว่าจะเป็นใคร

“หนึ่งวันเต็ม ๆ เลย” เธอรับรู้และยินดีเป็นอย่างมากที่เซียวเฟิงมองเธอเช่นนั้น ซางกวน ซือเฟยเดินเข้ามาหยิบโทรศัพท์ข้าง ๆ เตียงก่อนจะส่งข้อความหาหลิวเฉียงเหว่ยและคนอื่น ๆ

“ทั้งวันเลยเหรอ? ถ้างั้น สงครามระหว่างเขตแดนก็จบแล้วสิ?” เซียวเฟิงละสายตาแล้วถามอีกครั้ง

“จบแล้ว” ซางกวน ซือเฟยพยักหน้าและเช็ดผมที่ยาวสลวยของเธอไปด้วย เธอเลือกที่จะเปลี่ยนชุดต่อหน้าเซียวเฟิงเลย และมันก็ยั่วยวนเขาได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

“ผลลัพธ์ล่ะ?” เซียวเฟิงไม่ได้ละสายตาออกจากการกระทำของสาวเจ้าแต่อย่างใด เขาเพียงกัดริมฝีปากตนเองไว้และคุมสติขณะถามต่อ

“เขตฮัวเซียได้อันดับที่ 1 ส่วนเขตอเมริกาเหนือได้ที่ 2 คะแนนห่างกัน 100 ล้านแต้ม” หญิงสาวตอบ เธอเลือกเอาชุดสายเดี่ยวเปิดอกกว้างมาสวม ชวนให้เย้ายวนใจแบบสุด ๆ

เซียวเฟิงพยักหน้าเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาไม่ได้ตกใจอะไร ไม่ตกใจแม้จะรู้ว่าสงครามครั้งนี้พลิกกลับมาได้อย่างน่าเหลือเชื่อขนาดไหน จากที่ตามหลังอยู่ 200 ล้านแต้ม ท้ายสุดพวกเขาก็สามารถตีตื้นและทำแต้มทิ้งห่างได้อีก 100 ล้านแต้มด้วย

แม้ตัวเขาจะอยากถามต่อ แต่ตอนนั้นเอง ประตูห้องของซางกวน ซือเฟยก็เปิดออกก่อน ตามด้วยหลิวเฉียงเหว่ยและคนอื่น ๆ ที่เดินพรวดเข้ามาอย่างไม่รอช้า

“นายฟื้นแล้วเหรอ? ร่างกายเป็นยังไงบ้าง?” หลิวเฉียงเหว่ยเป็นผู้ที่ถามได้เร็วที่สุด มันทำให้เฉียนโตวโตวที่คิดจะถามเหมือนกันจำต้องกลืนคำพูดตนไว้ก่อน

เมื่อโดนถามเช่นนั้น เซียวเฟิงก็จำได้ว่าเมื่อก่อนที่เขาจะสลบไปมันเกิดอะไรขึ้น ปัญหานั้น ทำให้เซียวเฟิงอดไม่ได้ที่จะหลับตาแล้วย้อนความทรงจำกลับไป

หลังจากที่เขาฝืนสังขารร่างของมนุษย์ของเขาไป ทั้งชูร่าไร้เทียมทานถูกสั่งใช้งานโดยไม่มีข้อจำกัด ซึ่งตอนนั้นเซียวเฟิงก็เดาได้แล้วว่าร่างกายนี้จะต้องรับภาระหนักมาก ๆ อย่างน้อยก็มากกว่าครั้งสุดท้ายที่ใช้ มากกว่าตอนที่ใช้สู้กับเทพเจ้าสายฟ้าอีกเป็น 10 เท่า!

เพราะครั้งนี้เขาหมดสติไปทั้งที่ยังไม่ได้ออกจากเกมเลยด้วยซ้ำ

มันแน่นอนอยู่แล้วที่แต่ละเซลล์ในร่างกายของเขาจะได้รับความเสียหาย ยิ่งการที่เขาสลบไสลไปถึงหนึ่งวันเต็มแสดงว่าตลอดเวลานั้น เซลล์ในร่างกายของเขายังเกิดการเผาไหม้อยู่เรื่อย ๆ แม้จะไม่ได้หนักหนาเทียบเท่าตอนอยู่ในโหมดชูร่าไร้เทียมทาน แต่ก็มากกว่าที่คนปกติเผาผลาญเซลล์กันอยู่มาก ๆ

ซึ่งทุก ๆ ครั้งที่เซียวเฟิงใช้พลังมากเกินไป เซลล์ของเขาจะเสียหายหนักขึ้น เพราะกระบวนการเร่งการเผาผลาญของเซลล์นั้น จะทำให้ทั่วทั้งร่างกายของเขาสูญเสียความมีชีวิตชีวิต หรือนั่นก็คือ มันทำให้เขาแก่ลงไปด้วย…

สิ่งนี้ไม่ใช่อะไรที่น่าตกใจ เพราะยังไงเสียการเผาผลาญเซลล์ของร่างกายมนุษย์ก็ย่อมมีขีดจำกัด ยิ่งเร่งการเผาผลาญของมันมากเท่าไหร่ ชีวิตของคนคนนั้นก็จะสั้นลงไปเรื่อย ๆ อย่างเลี่ยงไม่ได้

ความสามารถที่เหนือมนุษย์เหล่านี้ ต้องแลกมาด้วยข้อแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม ไม่เพียงแค่เซียวเฟิงเท่านั้น แต่เป็นทุกคนในองค์กรเฮล พวกเขาทุกคนต่างก็ใช้พลังชีวิตแลกกับพลังที่เหนือมนุษย์กันทั้งสิ้น ซึ่งมันเป็นผลมาจากการปรับปรุงพันธุกรรมของพวกเฮฟเว่นนั่นแหละ

แต่ในตอนนี้ เซียวเฟิงกลับไม่ได้รู้สึก ‘ปกติอย่างที่ควรเป็น’ เสียเท่าไหร่ มันน่าประหลาดใจมาก ๆ เพราะทั้ง ๆ ที่การเผาผลาญของเซลล์นั้นอยู่ในระดับรุนแรงมากแท้ ๆ จากการที่สลบไปทั้งที่ยังเล่นเกมอยู่นั่นก็เป็นหลักฐานมากพอแล้ว แต่เขากลับรู้สึกว่าเซลล์ทุกเซลล์ในร่างกายมันเหมือนเซลล์ที่เพิ่งเกิดใหม่และเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวาสุด ๆ!

ใช่แล้ว มันไม่เหมือนพวกเซลล์แก่ ๆ ใกล้ตายแบบครั้งก่อน ๆ แต่มันเหมือนเซลล์ใหม่เอี่ยมที่เพิ่งแกะกล่องมาใช้เลย!

เหตุการณ์นี้ไม่ปกติแน่นอน เซียวเฟิงผงะและคิดว่ามันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ แต่ยิ่งตรวจสอบให้แน่ เขาก็ยิ่งตระหนักได้ว่า ร่างกายของตัวเองมันกำลังไม่ปกติจริง ๆ!

เขามั่นใจแล้วว่าเซลล์ในร่างกายของเขาตอนนี้กำลังเผาผลาญตัวเองอยู่ชัวร์ ๆ แต่ถึงอย่างนั้นมันกลับสดใหม่ เปี่ยมไปด้วยกำลัง ไม่เพียงแต่เขาจะไม่รู้สึกสูญเสียพลังชีวิตในกระบวนการเผาผลาญแล้ว แต่เขายังรู้สึกว่าเซลล์เหล่านี้กำลังเผาเซลล์เก่าทิ้งไปและส่งเซลล์ใหม่มาแทนที่อยู่ตลอดด้วย ราวกับว่าบัคในร่างกายของเขาที่ต้องทนทุกข์ทรมานมาหลายปีนั้นได้จากเขาไปแล้ว เหลือไว้เพียงร่างกายที่เปี่ยมไปด้วยกำลังวังชาของคนวัยหนุ่ม

พูดง่าย ๆ ก็คือ ตอนนี้เซียวเฟิงไม่รู้สึกไม่สบายเนื้อสบายตัวอีกต่อไปแล้ว กลับกันกำลังที่ฟื้นตัวมาเช่นนี้ก็ทำให้ตัวเองรู้สึกดีแปลก ๆ ด้วย

หลังจากมั่นใจแล้วว่าไอ้อาการผิดปกติที่เป็นอยู่นั้นไม่ส่งผลเสียอะไรกับร่างกาย เซียวเฟิงก็ลูบคางแล้วครุ่นคิดถึงความเสียหายอันมหาศาลที่ได้รับจากการใช้ชูร่าไร้เทียมทาน หรือนี่อาจจะเป็นเพียงความโชคดีหนึ่งในล้านกันนะ?

พักใหญ่ ๆ หลังจากที่ไม่สามารถหาเหตุผลที่แท้จริงได้ เซียวเฟิงทำได้เพียงมองว่ามันคือการที่เขาทลายขีดจำกัดของร่างกายมนุษย์ตนเองไปเรียบร้อยแล้ว

ว่ากันว่า หากมนุษย์ทลายข้อจำกัดของร่างกายและเข้าสู่ธรรมชาติที่ควรเป็นได้แล้ว ขั้นตอนในการดำเนินชีวิตของพวกเขาจะลดลง เช่นเลิกที่จะหาข้อได้เปรียบหรือเสียเปรียบ เลิกระวังตนเองหรือเลิกหวาดกลัวโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ สภาวะนี้ถือเป็นสิ่งลึกลับที่ไม่อาจจะมีหลักฐานมายืนยันได้ว่าแท้จริงแล้วคืออะไรกันแน่

แต่ถ้ายึดตามที่ตระกูลใหญ่ได้เล่าขานกันมา นอกจากการตายก่อนวัยอันควรโดยสาเหตุจากสิ่งอื่นที่ไม่ใช่ตนเองแล้ว บรรพบุรุษในตระกูลแต่ละคนก็ล้วนมีอายุยืนยาวและปราศจากโรคภัยไข้เจ็บกันทั้งสิ้น นี่เป็นสิ่งเดียวที่เซียวเฟิงพอจะนำมาเป็นเหตุผลได้ในตอนนี้

นอกจากเรื่องนี้ อีกหนึ่งเหตุผลที่อาจจะพอนำมาเป็นข้อเท็จจริงได้ ก็อยู่ตรงหน้าเขาแล้ว

แววตาของเซียวเฟิงมองไปยังหลิวเฉียงเหว่ยและซางกวน ซือเฟยตามลำดับ คนหนึ่งคือสตรีในโชคชะตา ส่วนอีกหนึ่งคือสตรีผู้มีความสวยงามโดยกำเนิด บางทีทั้งสองคนนี้อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ร่างกายของเขาฟื้นขึ้นมาได้ดีระดับนี้ก็ได้

“ร่างกายนายเป็นยังไงบ้าง?” หลังจากที่เห็นเซียวเฟิงทำท่าครุ่นคิดอยู่นานโดยไม่พูดอะไร หลิวเฉียงเหว่ยก็ตัดสินใจถามคำถามเดิมอีกครั้ง

“สบายดี รู้สึกดีมาก ๆ เลยด้วยตอนนี้” เซียวเฟิงหันกลับไปมองเธอแล้วตอบไปตามความจริง

“มันรู้สึกดีจริง ๆ ใช่ไหม?” หลิวเฉียงเหว่ยย้ำคำถามเดิมเพราะเธอยังคงกังวลอยู่

“จริงสิ ถ้าไม่เชื่อ เธอจะลองทดสอบด้วยตัวเองก็ได้นะ” ทันใดนั้นเอง เซียวเฟิงก็ยิ้มชั่วร้ายออกมา

“ดูเหมือนนายจะรู้สึกดีขึ้นแล้วจริง ๆ นั่นแหละ…” หญิงสาวโล่งใจเมื่อเห็นว่าเซียวเฟิงกลับไปเป็นเซียวเฟิงที่เธอรู้จักแล้ว

“คราวน์ปรินซ์ส่งจดหมายเชิญมา พวกเราจะไปกันหรือเปล่า?” ตัวหลิวเฉียงเหว่ยนั้นไม่ได้ชอบนิสัยขี้แกล้งของเซียวเฟิงสักเท่าไหร่ ดังนั้นเธอจึงรีบพูดเข้าเรื่องในทันที

“จดหมายเชิญ? เชิญไปไหนน่ะ?” เซียวเฟิงอยากจะลุกขึ้น แต่เมื่อพบว่าตนเองเปลือยกายอยู่ เขาก็ปลีกตัวไปหาเสื้อผ้ามาใส่พลางถามกลับไปด้วย

“เขาจัดงานเหมือนปาร์ตี้ออฟไลน์เอาไว้ เพื่อมอบรางวัลให้ผู้มีส่วนร่วมน่ะ เหล่าหัวหน้ากิลด์ที่ได้เข้าประชุมด้วยกันต่างก็ได้รับจดหมายเชิญกันหมด นอกจากนี้ก็มีพวกพิธีกรภาคสนามต่าง ๆ ที่ได้แสดงฝีมือในสงครามระหว่างเขตแดน คนที่เกี่ยวข้องในระดับสูงทุกคนต่างก็ได้รับจดหมายเชิญเหมือนกัน นายเองก็ไม่มีข้อยกเว้น และเพราะเป็นนาย คราวน์ปรินซ์เลยฝากให้ฉันมาเชิญด้วยตัวเอง” หลิวเฉียงเหว่ยอธิบาย

“ออฟไลน์ปาร์ตี้เหรอ? ของรางวัล? น่าสนใจนี่ แล้วงานที่ว่านี่จะจัดที่ไหนล่ะ?” เซียวเฟิงเริ่มสนใจขึ้นมาแล้ว

“กลางเมืองหลวง”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *