Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子]บทที่ 613 ข้อตกลงหนึ่งปี

Now you are reading Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] Chapter บทที่ 613 ข้อตกลงหนึ่งปี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 613 ข้อตกลงหนึ่งปี

บทที่ 613 ข้อตกลงหนึ่งปี

“ผู้เล่นระดับพระเจ้าส่วนใหญ่มีค่าประสบการณ์เต็มกันแล้ว และด้วยพลังของพวกเขา การทำภารกิจเพื่อเปลี่ยนเป็นคลาส 4 นั้นไม่นับเป็นอะไรเลย แต่ใจตอนนี้ก็ยังไม่มีใครทำภารกิจสำเร็จและสามารถเปลี่ยนเป็นคลาส 4 รวมถึงตัวฉันด้วย”

ซื่อเยี่ยจิ้งพูด

“แล้วทำไมเธอถึงไม่ยอมขึ้นเป็นคลาส 4 ล่ะ? คนที่สามารถขึ้นเป็นคลาส 4 เป็นคนแรกจะได้รับรางวัลจากระบบไม่ใช่เหรอ?” เซียวเฟิงดูประหลาดใจ

“สิ่งที่พวกฉันต้องการไม่ใช่ของรางวัลจากระบบหรอก แต่เป็นผลประโยชน์สูงสุดจากการเปลี่ยนคลาสแล้วต่างหาก…” หญิงสาวอธิบาย “คลาส 4 ทั่วไปพรรค์นั้นไม่ได้เป็นที่หมายตาของผู้เล่นระดับพระเจ้าอยู่แล้ว รวมถึงของรางวัลจากระบบด้วย พวกเราอยากจะได้คลาสพิเศษอย่าง ‘คลาสพระเจ้า’ ต่างหาก”

“คลาสพระเจ้า?”

เป็นอีกครั้งที่ชายหนุ่มประหลาดใจ เขาไม่ได้เข้าเกมมากว่าสามเดือนแล้ว ดูเหมือนว่าตัวเกมเองก็จะมีสิ่งที่เปลี่ยนไปอยู่เหมือนกัน

“ระบบเปลี่ยนคลาสเองก็มีระดับสูงและต่ำ คลาสทั่ว ๆ ไปเพียงแค่เข้าร่วมกับฝ่ายของพระเจ้าก็ได้แล้ว แต่เมื่อพวกเราพัฒนาตนเองด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ พวกฉันก็พบว่ามันมีโอกาสที่เราจะสามารถเปลี่ยนเป็นคลาสพิเศษระดับพระเจ้าได้อยู่ ซึ่งต้องอาศัยการเปลี่ยนคลาสแบบพิเศษด้วย โดยจะต้องหาผู้มีพลังศักดิ์สิทธิ์ในการมอบภารกิจ เช่น ธอร์ ตอนนี้เขากำลังทำภารกิจในการเปลี่ยนคลาสพิเศษที่ได้มาจากซีอุสอยู่ ว่ากันว่าเขาเกือบจะทำสำเร็จแล้วด้วย…อันที่จริง ตอนที่เรากำลังปั่นเลเวลกันอยู่ พวกเราก็ได้รู้ข้อมูลมากมายเกี่ยวกับอาณาจักรแห่งทวยเทพเช่นกัน แต่มันยังไม่ถูกประกาศออกมา ด้วยเหตุนี้ ธาตุศักดิ์สิทธิ์จึงเป็นธาตุอันดับแรกที่ผู้เล่นระดับพระเจ้าอยากจะได้มาครอบครอง พวกเราพยายามไล่ล่ามอนสเตอร์ระดับสูง รวมถึงบอสที่อยู่ระดับ 4 หรือสูงกว่านั้นในแต่ละเขตแดน ถ้าฉันเดาไม่ผิด ตอนนี้ทุกคนก็น่าจะมีคริสตัลศักดิ์สิทธิ์อยู่ในมือกันแล้ว” ซื่อเยี่ยจิ้งอธิบาย

“คริสตัลศักดิ์สิทธิ์มีอยู่ในแผนที่ทั่วไปด้วยเหรอ?” เซี่ยวเฟิงถามขึ้นอีกครั้ง

“อืม แต่อย่าคาดหวังกับปริมาณของมันนักล่ะ เพราะลำพังแค่จำนวนมอนสเตอร์เผ่าเทพหรือบอสระดับเทพเจ้านั้นก็หายากแล้ว ไหนจะความดุร้ายของพวกมันอีก ตามปกติแล้วคนที่จะกำจัดพวกมันได้ หากไม่ใช่ผู้เล่นระดับพระเจ้าก็คงต้องไปกันเป็นกิลด์นั่นแหละ…” ซื่อเยี่ยจิ้งพยักหน้า

เซียวเฟิงไม่ได้สงสัยเลยว่าเรื่องนี้จริงเท็จอย่างไร เพราะครั้งหนึ่งชายหนุ่มก็เคยต้องปะทะกับมอนสเตอร์และบอสที่ร่วงหล่นลงมาจากอาณาจักรแห่งทวยเทพเหมือนกัน เขาจึงรู้ว่ามอนสเตอร์หรือบอสที่เป็นเทพเจ้านั้นมีคริสตัลศักดิ์สิทธิ์กันแทบทุกตน

มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะพบว่าพวกมันสามารถดรอปคริสตัลศักดิ์สิทธิ์ และจากข้อมูลที่ทเวนตี้วันส่งมาให้ หลังจากมอนสเตอร์กับบอสเผ่าพันธุ์พระเจ้าออกมาจากอาณาจักรแห่งทวยเทพ การต่อสู้กับพวกมันในเขตต่อสู้จึงง่ายดายขึ้น

“ถ้างั้นเธอก็น่าจะมีคริสตัลศักดิ์สิทธิ์ติดตัวอยู่ด้วยหรือเปล่า?”

เซียวเฟิงหันกลับไปมองทางหลิวเฉียงเหว่ย เพราะเธอก็น่าจะสนใจธาตุศักดิ์สิทธิ์อยู่ด้วยเช่นกัน

“สามชิ้น”

ขณะนั้น หลิวเฉียงเหว่ยกำลังดื่มด่ำกับการจิบซุปเลิศรสที่อยู่บนช้อน เธอตอบเสียงเบาและยกปลายนิ้วเรียวขึ้นบอกจำนวนด้วยเสียงนุ่มนวล

“แล้วแร่ศักดิ์สิทธิ์ล่ะ?”

ชายหนุ่มยังคงถามขึ้นอีกครั้ง ในเมื่อคริสตัลศักดิ์สิทธิ์นั้นสามารถหาได้ในแผนที่ทั่วไป เช่นนั้นแร่ศักดิ์สิทธิ์เองก็อาจจะเป็นไปได้

“ยังไม่เจอ แร่ศักดิ์สิทธิ์น่าจะมีอยู่แค่ในอาณาจักรแห่งทวยเทพ เพราะขนาดขุดหากันในเมืองจักรพรรดิก็ยังไม่มีใครเคยขุดได้เลย” ครั้งนี้หลิวเฉียงเหว่ยส่ายหน้าเบา ๆ

“ร้านค้ามหาสมบัติเองก็พยายามจะเก็บรวบรวมทั้งคริสตัลศักดิ์สิทธิ์และแร่ศักด์สิทธิ์มาตั้งแต่หลายเดือนก่อน แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ข่าวคราวอะไรเลย เป็นไปได้ว่าทั้งสองสิ่งนี้ หายากเกินกว่าที่เงินจะตีมูลค่ามันได้เสียอีกค่ะ” เฉียนโตวโตวพูดด้วยสีหน้าขัดใจ

เซียวเฟิงพยักหน้า อดไม่ได้ที่จะเชยคางตนเองเพื่อครุ่นคิด

ถึงแม้ว่าเขาไม่ได้อยากจะเชื่ออะไรก่อนจะได้เห็นด้วยตา แต่พื้นที่แดนใต้ที่หลิวเฉียงเหว่ยครอบครองอยู่นั้นก็ถือว่าใหญ่และเกือบจะเป็นหนึ่งในสามของเขตฮัวเซียอยู่แล้ว ต้องไม่ลืมว่าเขตฮัวเซียนั้นมีผู้เล่นกว่าร้อยล้านคน เพราะอย่างนั้นจึงหมายถึงเธอมีคนอยู่ในการดูแลมากมาย

“ฉันอิ่มแล้ว”

ชายหนุ่มลุกขึ้น และพูดถึงเรื่องที่เขาทานอาหารมาบางส่วนแล้วจากที่โรงแรม ทำให้ตอนนี้ไม่ได้หิวโหยขนาดนั้น

ด้วยความต้องการที่อยากจะกลับเข้าไปในเกมเร็ว ๆ ชายหนุ่มจึงรีบผละตัวออกจากห้องอาหารและกลับขึ้นไปชั้นบนก่อน

เกมนี้กำลังน่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ การมาของอาณาจักรแห่งทวยเทพถือว่าทำให้ทุกคนตื่นเต้นได้จริง ๆ

เขาส่งข้อความหาชานัวแล้วก็ได้คำตอบมาว่ามันยังต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าเขาจะออนไลน์ได้ เพราะอย่างนั้นเขาจึงไม่ได้กลับไปที่ห้องของตัวเองทันทีและเลือกที่จะหยิบกล่องบุหรี่ จากนั้นขึ้นไปยังอีกชั้นหนึ่งเพื่อหยิบไวน์ที่นำเข้าจากต่างประเทศกับแก้วทรงสูงแล้วเดินออกไปยังพื้นที่เปิดกว้างที่บริเวณชั้นสอง

เซียวเฟิงไม่ได้ติดบุหรี่หรือแอลกอฮอลล์ แต่เขาเพียงแค่รู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้ช่วยระบายความกดดันได้เท่านั้น หลังจากจางจิ่วจิ่วตายลง เซียวเฟิงที่ได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง ก็หลงใหลในสิ่งเหล่านี้ขึ้นมา

หรือถ้าจะให้พูดอีกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือความกดดันจากจางจิ่วจิ่วกำลังกัดกินหัวใจของชายหนุ่มอยู่ช้า ๆ ทำให้เซียวเฟิงต้องการสิ่งเหล่านี้เมื่อคิดถึงเรื่องนั้น

“พวกมันไม่ดีต่อสุขภาพของนายนะ”

ทว่าทันทีที่เซียวเฟิงนั่งลงและนอนเอนกาย เขาก็ได้ยินเสียงที่เยือกเย็นจนเป็นเอกลักษณ์ของหลิวเฉียงเหว่ยดังขึ้นมาจากด้านหลัง

ทว่าน้ำเสียงเยือกเย็นของเธอกลับเจือด้วยความอ่อนโยนเอาไว้

“ฉันสุขภาพดีจะตายไป เธอก็รู้นี่” ระหว่างที่พูด เซียวเฟิงก็ใช้ปลายนิ้วเปิดขวดไวน์ไปด้วย

หลิวเฉียงเหว่ยดูจะไม่อยากต่อปากต่อคำกับเซียวเฟิงในเวลานี้ เธอจึงเดินมาอยู่ข้าง ๆ เขาพร้อมกลิ่นกล้วยไม้ที่เป็นกลิ่นประจำตัว

หญิงสาวหยิบขวดไวน์ออกจากมือเซียวเฟิงก่อนจะรินของเหลวในขวดใส่แก้วทรงสูงจนกลายเป็นสีแดงระเรื่อแล้วจึงส่งแก้วนั้นให้เขาอีกครั้ง

ชายหนุ่มรับแก้วไวน์มาจิบ แม้จะเพียงแค่นิดเดียว แต่ก็รู้สึกได้ว่ารสชาติของมันค่อนข้างแรงจนเขาอดไม่ได้ที่จะหันไปมองยี่ห้อไวน์บนโต๊ะกาแฟข้าง ๆ เขาก็เห็นหลิวเฉียงเหว่ยย่อเข่าลงไปข้าง ๆ โต๊ะ หยิบบุหรี่ตัวหนึ่งออกมาจากซอง แล้วสอดไปที่ริมฝีปากของเซียวเฟิงแล้วจุดไฟให้ลุกไหม้

เธอขมวดคิ้วและพยายามปัดควันออกเพื่อไม่ให้เข้าหน้าตนเองด้วยท่าทีแข็ง ๆ เกร็ง ๆ จนเมื่อเห็นว่าบุหรี่เริ่มเผาไหม้แล้วจึงผละตัวออก ปล่อยให้เซียวเฟิงจัดการต่อ

แม้ว่าจะเป็นท่าทีที่ไม่คุ้นเคยก็จริง แต่ก็ดูมีความพยายามและอ่อนโยนมาก ๆ

นั่นก็เป็นเพราะเจ้าของร่างนี้เป็นคนที่สวยประดุจนางฟ้าอย่างไรเล่า

“เริ่มรู้แล้วนี่ว่าการบริการที่ดีต้องทำยังไง” เซียวเฟิงคาบบุหรี่ไว้ สูดควันเข้าไป แล้วพ่นออกมาพลางหยอกล้อหลิวเฉียงเหว่ยไปด้วย

“ฉันไม่ได้มาเพื่อให้นายหยอกเล่นหรอกนะ” หญิงสาวพูดเสียงแข็ง จากนั้นเธอก็ลุกขึ้น และดึงเก้าอี้อีกตัวมานั่งข้าง ๆ เซียวเฟิง

“งั้นเธออยากจะพูดอะไรล่ะ?” ชายหนุ่มถามพลางถอนหายใจ อันที่จริง เขาก็พอจะเดาได้อยู่แล้วว่าเธออยากจะพูดอะไร ด้วยความที่อีกฝ่ายนั้นมีรูปลักษณ์และสติปัญญาที่จัดว่าอยู่ในระดับสุดยอด การมาของเธอย่อมไม่ใช่เพื่อให้เขาแกล้งหยอกแน่ ๆ

เธอน่าจะคิดเรื่องนี้ตั้งแต่อยู่ในห้องอาหารแล้ว แต่เลือกที่จะมาถามเป็นการส่วนตัวแทน

“เสี่ยวจิ้ง จืออี้ โตวโตว อยู่ไม่ได้โดยไม่มีนาย พวกเธออยากจะเป็นครอบครัวเดียวกับนาย โดยเฉพาะเสี่ยวจิ้ง ฉันรับรู้ได้ว่าเธอหลงใหลในตัวนายมาก”

แววตาคู่งามของหลิวเฉียงเหว่ยเหลือบมองไปยังดวงตาคมกริบของเซียวเฟิง

“แล้วเธอล่ะ?” ชายหนุ่มรับรู้ได้ถึงสายตาของเธอ แต่เขากลับไม่กล้าหันไปสบตา และเลือกที่จะเหม่อมองออกไปยังฟากฟ้ายามค่ำคืนแทนขณะกล่าวถาม

“ฉันก็ด้วย…” ทว่าคำตอบที่ได้ยินจากปากของหญิงสาวนั้นกลับผิดคาดไปจากที่เซียวเฟิงคิดไว้ค่อนข้างมาก มันปราศจากความเขินอายหรือลังเล แต่เปี่ยมไปด้วยความหนักแน่นและมั่นคง

มันกลายเป็นเซียวเฟิงเองที่ไม่รู้จะตอบอย่างไรดี เขาดื่มไวน์จากแก้วในมืออีกครั้งและสูบบุหรี่ต่อ ระหว่างนั้นก็คิดหาคำตอบไปด้วยว่าจะตอบหญิงสาวแสนสวยข้าง ๆ อย่างไรดี

การที่หลิวเฉียงเหว่ยดูจริงจังเช่นนี้ บางทีอาจจะเป็นเรื่องของผู้มาเยือนเมื่อกลางวัน ท่าทางจะจบลงด้วยกันไม่ดีสักเท่าไหร่ บางทีอาจจะเป็นการสารภาพที่ไม่ใช่เรื่องดีนัก

“ไม่จำเป็นต้องเอาเรื่องเครื่องมือหรือระบบแต่งงานเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ต้องพูดด้วยว่าพวกเรายังสาวและไม่อยากรั้งเอาไว้นาน ๆ นายก็น่าจะรู้ดีที่สุด และรู้ดีกว่าฉันว่าสิ่งที่พวกเราต้องการจริง ๆ คือท่าทีของนาย การที่นายชอบหายตัวไปบ่อย ๆ ระหว่างเล่นเกม ทำให้พวกฉันเป็นห่วงจนแทบบ้า และยังทำให้คิดถึงความเป็นความตายของนายเสมอ”

น้ำเสียงของเธอยังคงแฝงด้วยคำถาม หลิวเฉียงเหว่ยหยิบขวดไวน์ด้วยมือเนียนสวย และรินใส่แก้วทรงสูงในมือเซียวเฟิงให้อีกครั้งหนึ่ง

“ฉัน…สัญญาอะไรกับเธอไม่ได้หรอกนะ…” เซียวเฟิงที่เหม่อมองฟ้าอยู่ตลอดเวลาก็ตัดสินใจพูดออกมา

ราวกับว่าสายลมในค่ำคืนนี้เย็นขึ้น ร่างที่เพรียวบางของหลิวเฉียงเหว่ยจึงสั่นสะท้านเล็กน้อย และใบหน้าที่ขาวสว่างราวกับหยกของเธอก็หมองหม่นลงจนทำให้หากมีผู้มองมา ก็จะรับรู้ได้ว่าเธอกำลังเจ็บปวดจากคำพูดเมื่อครู่นี้

หญิงสาวกลับเลือกที่จะถามต่อด้วยริมฝีปากที่ขบกันเบา ๆ

“ทำไมล่ะ? พวกเรามีคุณสมบัติไม่เพียงพอเหรอ? หรือมันเกี่ยวข้องกับที่นายหายไปรอบนี้? ระหว่างมื้ออาหารที่นายพูดว่าพวกเราไม่ควรจะมาเจอนายนั่น ทำไมถึงไม่กล้าสบตาพวกฉันล่ะ?” น้ำเสียงที่เอ่ยถามของหลิวเฉียงเหว่ยแฝงด้วยความไม่เต็มใจเล็กน้อย แต่เธอไม่คิดจะเลิกถาม

“เธอรู้หรือเปล่าว่าทำไมฉันถึงหายไปนาน?” เซียวเฟิงไม่ได้อยากจะปิดบังอะไรจากเธอคนนี้ “เพราะฉันได้ตายไปแล้ว…ตายไปแล้วครั้งหนึ่ง”

“ระหว่างนั้น…ฉันหวั่นใจมาโดยตลอด หัวใจของฉัน…เหมือนปวดร้าวอยู่เสมอ…แล้วก็คิดว่า จะต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับนายแน่ ๆ…”

หลิวเฉียงเหว่ยทาบมือบนอกของเธอ ดวงตาที่งดงามมองเซียวเฟิงอย่างไม่วางตา ซึ่งเปี่ยมด้วยความสงสัย “แต่ตอนนี้ นายก็กลับมาได้แล้วใช่ไหม?”

น้ำเสียงของสาวเจ้าอ่อนแรงและสั่นเครือ ตรงดวงตานั้นมีหยาดน้ำรื้นขึ้นมา ไม่ว่าชายใดที่เห็น ก็อดที่จะใจสลายไม่ได้

ทว่า หลิวเฉียงเหว่ยดูจะเป็นคนที่เจ็บปวดที่สุดในครั้งนี้ เพราะเธอไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายไปพบเจออะไรมา แต่เพียงแค่ฟังจากที่ชายหนุ่มพูด

อย่างการที่เขาบอกว่า ‘ได้ตายไปแล้วครั้งหนึ่ง’ มันก็ทำให้เธอรู้สึกเจ็บและสับสนในเวลาเดียวกัน ราวกับสติของเธอถูกสะบั้นลงจนไม่อาจตื่นขึ้นมาได้

“หากใครสักคนสามารถฆ่าฉันได้ครั้งหนึ่ง มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะฆ่าฉันได้อีกครั้ง ฉันจึงไม่อยากจะสัญญาอะไรกับเธอ ตอนนี้ใช้เธอเป็นเพียงเครื่องมือยังจะดีซะกว่า เพราะถ้าเกิดวันใดวันหนึ่งฉันไม่กลับมา เธอนั่นแหละจะเป็นคนที่เสียใจมากที่สุด”

เซียวเฟิงพูดด้วยความเยือกเย็น ราวกับว่าเขาปลงตกกับความเป็นความตายของตัวเองไปแล้ว

“พวกเราเลือกที่จะติดตามนายแล้ว ต่อให้นายจะไม่สามารถกลับมาอีกครั้ง พวกฉันก็ไม่รังเกียจอะไรหากต้องเป็นแม่ม่ายหรอกนะ”

ฝ่ามือเรียวบางถูกกำแน่นด้วยแรงที่ฝืนเค้นออกมา หลิวเฉียงเหว่ยพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นแต่หนักแน่น ถึงแม้ว่าคราวนี้เธอจะมาหาเซียวเฟิงคนเดียว แต่ก็ถือว่ามาในฐานะตัวแทนของคนอื่น ๆ ด้วย

“มั่นใจเหรอว่าจะพึ่งฉัน?” เซียวเฟิงดูดบุหรี่อีกหนึ่งครั้งด้วยสีหน้าที่ดูบึ้งตึงเล็กน้อยพลางขมวดคิ้ว “ฉันพอจะเข้าใจคำว่า ‘ชายในโชคชะตา’ แล้ว แต่แบบนี้มันจะไม่เป็นการเพิ่มปัญหาให้ตัวฉันเองใช่ไหม??”

“ใช่ พวกฉันหวังพึ่งนาย แต่ก็ไม่ได้ตั้งใจจะเพิ่มปัญหาให้นายด้วย บางทีนี่อาจจะเป็นความหมายที่แท้จริงของ ‘ชายในโชคชะตา’ ก็ได้ นั่นก็คือ…การรั้งนายไว้”

หลิวเฉียงเหว่ยยิ้มออกมาพร้อมกับคลายมือที่อยู่บริเวณทรวงอกออกด้วยเช่นกัน หากเป็นเซียวเฟิงที่เธอรู้จัก เขาในตอนนี้กำลังยอมลงให้เธอเรียบร้อยแล้ว

“ก็ได้ งั้นมาทำสัญญาหนึ่งปีกัน” เซียวเฟิงยอมโอนอ่อนให้เธอ

จริง ๆ เขาคิดถึงเรื่องสัญญาและเลือกที่จะปล่อยมันไป อันดับแรกต้องวางแผนที่จะชะลอการโจมตีออกไปก่อน “หลังจากหนึ่งปีนี้ หากยังมีชีวิตอยู่ ฉันจะยอมให้สถานะครอบครัวกับพวกเธอ”

“อือ”

หลิวเฉียงเหว่ยพยักหน้าเบา ๆ แววตาที่อ่อนโยนของเธอเองก็เริ่มกล้าแกร่งมากขึ้น ราวกับคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาก่อนจะถามด้วยความอยากรู้

“ยังไงก็เถอะ ทำไมจู่ ๆ ร่างกายของนายก็เปลี่ยนไปในทันทีแบบนี้ล่ะ? ไม่ใช่ว่าเมื่อตอนบ่ายยังเป็นหนุ่มอ้วนอยู่หรอกเหรอ? น้ำหนักลดลงได้พริบตาเพียงเพราะอาบน้ำเนี่ยนะ?”

“จู่ ๆ ถามอะไรขึ้นมาเนี่ย? เธอเองก็อยากลดน้ำหนักเหมือนกันเหรอ? ไม่จำเป็นหรอกน่า”

เซียวเฟิงเหลียวมองไปยังร่างของสาวข้าง ๆ ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน เธอก็มีสัดส่วนที่สมบูรณ์แบบ หากมีอะไรเพิ่มหรือลดลง มันคงจะทำให้ความสมบูรณ์นี้ถูกทำลายเป็นแน่

“นายไม่เข้าใจหรอก”

นาน ๆ ทีจะได้เห็นหลิวเฉียงเหว่ยถอนหายใจอย่างเป็นกังวล เธอมองไปยังเรือนร่างที่สมบูรณ์แบบของตนเอง แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าเรือนร่างของเธอไม่ได้ดูน่าเกลียด แต่ปัญหามันอยู่ที่เหล่ามารร้ายที่อยู่ในคฤหาสน์เดียวกันนี้ต่างหาก!

…ทั้งจืออี้ที่มีหน้าอกขนาดมหึมาเหมือนแม่พันธุ์โคนม หรือซื่อเยี่ยจิ้งที่เป็นเจ้าของเรือนร่างเพรียวบางและขาเรียวยาวสวยราวกับนางแบบ ซึ่งทำให้หญิงสาวอดอิจฉาไม่ได้!

บางทีอาจจะเป็นเพราะเซียวเฟิงออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จึงทำให้สะโพกและหน้าท้องดูน่าลุ่มหลงด้วยลวดลายของกล้ามเนื้อที่เห็นเด่นชัด

“การรับรู้เกี่ยวกับมันไม่ได้เกินความสามารถของเธอ แต่ก็ขึ้นอยู่กับศักยภาพของเธอด้วย”

ชายหนุ่มยิ้มชั่วร้าย ก่อนจะยื่นมือปลาหมึกของตนไปคว้าเอวบางของหลิวเฉียงเหว่ยมาโอบกอดไว้ เขาสามารถรับรู้ได้ถึงผิวกายที่ละเอียดอ่อนและนุ่มเนียนของเธอได้ไม่ยากผ่านชุดไหมพรมนี้!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด