Top Up Now 2 ภาคบุรุษหมื่นเหรียญ 29 ตำหนักเทพ

Now you are reading Top Up Now 2 ภาคบุรุษหมื่นเหรียญ Chapter 29 ตำหนักเทพ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ใต้ศิลามองประเมินเหนือภพอย่างชื่นชม เขาชอบคนหนุ่มไฟแรงที่กล้าเรียกร้องในสิ่งที่ตัวเองต้องการ และรู้ว่าสิ่งที่คู่ควรกับการลงแรงเหนื่อยยากของตัวเองคืออะไร ไม่เหมือนเจ้าหลานใต้หล้าของเขา ไม่ว่าจะมีฝีมือมากเพียงไหน ไม่ว่าจะหาเงินได้มากเท่าไหร่ แต่ใต้หล้าก็ทุ่มทรัพย์สินทั้งหมดไปกับการซ่อมแซมอีเตอร์บ้าบอนั่น
“ข้าได้เห็นแล้วว่าเจ้ามีความสามารถในการค้นหาแร่สามสี และด้วยร่างกายใหญ่โตราวกับกระทิงยักษ์ของเจ้า ข้าเลยอยากให้เจ้ามาช่วยพวกเราขุดหาแร่ห้าสี”
“ข้าก็อยากจะหาอยู่หรอกนะ แต่มันคงหายากน่าดู ข้าไม่มั่นใจว่าจะทำได้”
เหนือภพหาทางปฏิเสธ คนพวกนี้น่าสงสัย อาจจะหาทางขโมยเงินของเขาแน่เลย ให้ตายเขาก็ไม่ไป
“งั้นหรอกหรือ เสียดายข้าก็หวังไว้ว่าพวกเราจะช่วยกันหาจนเจอ พอเจอแล้วข้าคิดว่าจะแบ่งแร่ห้าสีให้เจ้าสี่ส่วน ข้าจะเอาแค่หกส่วน แต่ก็ไม่เป็นไร ตามใจเจ้า”
ใต้ศิลาพูดจบก็ทำท่าจะเดินจากไป แต่เหนือภพเรียกเขาไว้เสียก่อน
“เดี๋ยวสิ ข้าคิดว่าข้าน่าจะทำได้นะ ถ้าท่านให้โอกาส”
ใต้ศิลายิ้มกับตัวเอง
‘ว่าแล้วเชียว คนหนุ่มไฟแรงจะปฏิเสธผลประโยชน์นี้ได้ไง’
แต่ใต้ศิลากลับแสดงออกด้วยท่าทีของผู้นำที่เข้มงวด
“ตกลง เราจะเริ่มงานกันตอนนี้เลย เหนือภพเจ้าตามพวกเขาไปก่อนเลย”
จากนั้นทีมนักขุดกล้ามโตทั้งสามสิบคนก็เดินนำเข้าไปในเหมือง โดยมีเหนือภพเดินตามไปด้วยดวงตาเป็นประกาย ส่วนใต้ศิลาและใต้หล้าเดินรั้งท้ายเพื่อพูดคุยกันตามประสาญาติสนิท
“ท่านอาชวนเขาง่ายไปมั๊ย เจ้านั่นเป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้”
“เจ้าไม่รู้ แต่ข้ารู้”
“ท่านอารู้อะไรหรือ บอกข้าที”
“เงียบไปเถอะน่า”
“ก็ได้ อ้อ ข้าขอส่วนแบ่งด้วยสิ”
“งั้นเอานี่ไป”
พลั่ก !
ใต้ศิลาต่อยกลางหลังของใต้หล้าเต็มรัก หมัดนั้นไม่มีการออมแรงเลยแม้แต่น้อย ใต้หล้าถึงกับตัวปลิวไปจนเกือบชนเหนือภพที่เดินนำหน้าอยู่ แต่ใต้หล้ามีร่างกายแข็งแกร่งมากพอ เขาจึงไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร นอกจากความช้ำใจที่ท่านอายังชอบเล่นกับเขาเหมือนเขายังเป็นเด็ก นี่เขาโตแล้ว ท่านอาก็ยังมาทำแบบนี้อีก มันน่าช้ำใจนัก
เมื่อระยะทางลึกลงไปมากขึ้นคบเพลิงก็ถูกดับลง สิ่งที่พวกเขาใช้ให้แสงสว่างแทนคบเพลิงคือหินเรืองแสง แม้หินเรืองแสงจะสามารถให้แสงสว่างได้ดีกว่าคบเพลิง แต่มันก็ใช้ได้เพียง 3 ชั่วโมงเท่านั้น แถมยังมีราคาแพงถึง 10,000 เหรียญเงินต่อก้อน ดังนั้นหากไม่จำเป็นก็ไม่มีใครอยากใช้มัน
อากาศภายในเหมืองยังลงลึกปริมาณอากาศที่ใช้หายใจได้ก็มีน้อยลงมาก ใต้ศิลารู้สึกแปลกใจเมื่อเห็นเหนือภพไม่มีท่าทีอึดอัด ถึงเขาจะพอรู้จักตัวตนของเหนือภพ แต่เขาก็นึกไม่ถึงว่าเหนือภพจะถูกฝึกมาดีแบบนี้
“เจ้าเคยเข้าไปในเหมืองโบราณมาก่อนใช่มั้ย”
ใต้ศิลาเอ่ยถามอย่างเป็นกันเอง แต่เหนือภพส่ายหน้าปฏิเสธ
“ไม่ครับ นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้ลงมาลึกขนาดนี้ ”
“น่าแปลก หากนี่เป็นครั้งแรกของเจ้า ก็ถือว่าเจ้ามีพรสวรรค์ไม่เลว แต่เมื่อไหร่ไม่ไหวเจ้าก็บอกพวกข้า อย่าได้ฝืน มีคนมากมายที่คิดว่าตัวเองแน่ตัวเองเก่ง แต่สุดท้ายก็ตายมานักต่อนักแล้ว”
“ครับ”
พวกเขาเดินลึกลงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งผ่านไปสามวันโดยประมาณ พวกเขาก็มาถึงห้องโถงใหญ่ใต้ดิน เส้นทางถูกขุดมาถึงห้องโถงแห่งนี้ แล้วก็หยุดอยู่แค่นั้น
ภายในโถงถ้ำเหมืองนี้มีขนาดใหญ่มาก ความกว้างอย่างน้อยก็หนึ่งกิโลเมตร ส่วนความสูงนั้นก็ประมาณหนึ่งกิโลเมตรเช่นกัน บนพื้นมีพืชประหลาดมากมายที่สามารถพบเห็นใต้ดินเท่านั้น พวกพืชหลากสีสัน บ้างเรืองแสง บ้างเคลื่อนไหวโยกไปมา ต่างก็ขึ้นปกคลุมพื้นที่บริเวณนี้เกือบทั้งหมด
“โชคดีเหมือนกันนะนี่ มีหินเรืองแสง ไม่น้อยเลย ก้อนขนาดนี้คงได้เงินหลายถุง”
หนึ่งในกลุ่มคนขุดแร่พูดขึ้นเมื่อมองเห็นโถงถ้ำแท่งหินผลึกเหมือนคริสตัลส่องแสงสว่างตามผนังและเพดาน มันทำให้ห้องโถงนี้น่าดูและปลอดภัย
พื้นที่ด้านในสุดของถ้ำ มีบึงน้ำใสที่มีปากทางเข้าเหมืองซ่อนอยู่ใต้บึงน้ำอย่างมิดชิด
“ท่านอา ที่นี่คือ ?”
“เหมืองโบราณ”
“ไม่ใช่ว่าเหมืองโบราณซ่อนอยู่ในป่าอมตะหรอกเหรอ ทำไมมีเหมืองโบราณที่นี่อีก โอ๊ย !”
ใต้หล้ายังพูดไม่จบก็โดนใต้ศิลาเขกหัวอย่างแรง
“เจ้าโง่ เหมืองโบราณมันไม่ใช่สถานที่ แต่เป็นคำเรียกที่ใช้เรียกเหมืองที่มีอายุไม่ต่ำกว่าร้อยปีต่างหาก”
แท้จริงแล้วเหมืองโบราณคือเหมืองที่นักขุดสมัยโบราณขุดเพื่อหาทรัพย์สมบัติ โชคไพศาลเองก็เป็นหนึ่งในเหมืองโบราณที่คนภายนอกไม่รู้จัก เพราะเส้นทางที่ใช้ลงมาที่นี่ซับซ้อนและใช้เวลานาน อีกทั้งหากไม่ผ่านการฝึกฝนมาก่อนก็จะขาดอากาศหายใจจนตาย
คนส่วนใหญ่ที่พยายามมาที่นี่ล้วนตายไประหว่างทาง หรือไม่ก็ถูกสัตว์อสูรใต้ดินลากไปกิน และคนตายก็ไม่อาจออกไปบอกเล่าอะไรได้ ดังนั้นมันจึงยังคงเป็นความลับที่ตระกูลใต้เก็บซ่อนเอาไว้
“เดิมทีท่านผู้นำตระกูลไม่อยากให้พวกเราลงมาหรอก ที่นี่อันตรายเกินไป ทางที่ดีพวกเรารวมตัวกันไว้ อย่าแยกกัน ถ้าเกิดอะไรขึ้นขอให้ส่งเสียง”
“มันจะเกิดอะไรขึ้นหรือครับ”
เหนือภพรู้สึกไม่ค่อยดีเลย ที่แห่งนี้มีกลิ่นอายความตายหนาแน่นมาก เขารับรู้ได้ชัดเจน แม้เขาจะใช้ดวงตามองผนังแร่แต่ละแถบแล้วเห็นจุดสามสี จุดสี่สีเป็นจำนวนมาก แต่เขาก็ไม่ค่อยดีใจเท่าไหร่ เพราะถ้าตระกูลใต้ยังไม่กล้าขุดมันก็แปลว่ามันขุดได้ไม่ง่ายแบบนั้น
“เจ้าเคยได้ยินเกี่ยวกับ ตำหนักเทพ หรือเปล่า”
เหนือภพรีบพยักหน้า พ่อเคยเล่าให้เขาฟังตอนเขายังเด็ก ตำหนักเทพเป็นคำเรียกสถานที่ใจกลางของภูเขาแร่ มันอยู่ลึกมาก แต่ก็เป็นสถานที่ที่สวยงามราวกับตำหนักสวรรค์ ที่นั่นมีแร่หายากมากมาย มีวัตถุทนสิทธิ์ธรรมชาติที่หาได้ยาก มันเป็นสิ่งที่มีอานุภาพด้านปราณอาคมที่หาใครเปรียบ
ภายในตำหนักเทพไม่ได้มีเพียงสมบัติล้ำค่าเท่านั้น แต่มันยังมีผู้ปกป้องที่แข็งแกร่ง มีคนจำนวนมากต้องตกตายภายในตำหนักเทพนับไม่ถ้วน
“ก็อย่างที่เจ้าเคยได้ยินมานั่นแหละ ตระกูลนักขุดเหมืองอย่างเรา ๆ ที่ควรระวังที่สุดก็คือ ตำหนักเทพ แต่ว่าบางครั้งผลประโยชน์ในตำหนักเทพก็คุ้มค่ากับความเสี่ยง ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนจากตระกูลขุดเหมืองเช่นกัน ดังนั้นเจ้าคงประเมินได้ว่ามันเสี่ยงขนาดไหน”
“ท่านรู้ ?”
“ใช่ หากข้าเดาไม่ผิด อีเตอร์ที่เจ้าพกอยู่น่าจะเป็นของสืบทอดจากตระกูลเหนือ ตราสัญลักษณ์วงกลมที่อยู่บนหัวเหล็กนั่นทำให้ข้าจำได้ ในอดีตตระกูลเหนือใต้เคยเป็นหนึ่งเดียวกัน กระทั่งถึงยุคที่ผู้ไร้พรสวรรค์ถูกกวาดล้าง ทำให้ตระกูลแตกแยกเป็นสองสาย สายเหนือส่วนใหญ่ล้มตาย ส่วนสายใต้ของเราก็แทบจะสิ้นเผ่าพันธุ์ แต่ข้าคิดไม่ถึงว่าทายาทของสายตระกูลเหนือจะยังคงมีชีวิตอยู่”
“การที่ท่านชวนข้ามาก็เพราะอยากสานสัมพันธ์ในอดีตหรือครับ”
ใต้ศิลาปฏิเสธและพูดอย่างตรงไปตรงมา
“ไม่ใช่ทั้งหมดหรอก ตระกูลเหนือถือครองความลับเกี่ยวกับตำหนักเทพเอาไว้ การที่ข้าพาเจ้ามาก็เพราะเหตุนี้แหละ”
เหนือภพขมวดคิ้ว ที่แท้ก็แค่อยากใช้งานเขา แต่ถึงยังไงเขาก็ไม่รู้ความลับที่ว่าอยู่ดี
“แต่ข้าไม่รู้ความลับที่ท่านว่าหรอกนะ พ่อข้าตายไปตั้งแต่ข้ายังเล็ก พ่อสอนให้ข้าดูแร่เป็นเท่านั้น ไม่ได้สอนอะไรอื่นเลย”
ใต้ศิลาจ้องเหนือภพเขม็ง เมื่อเห็นว่านั่นไม่ใช่การโกหก เขาก็เบนสายตาออก พลางถอนลมหายใจออกมาอย่างเสียดาย
“งั้นก็ช่างเถอะ เราค่อยหาวิธีกันอีกทีว่าจะทำยังไงต่อ”
พูดจบใต้ศิลาก็ลุกออกไปหากลุ่มนักขุดที่เริ่มก่อไฟทำอาหาร
“ลูกพี่ พวกเราขุดแร่ที่นี่ได้หรือเปล่า มีอันตรายไหม”
พวกลูกน้องของใต้ศิลายังคงรู้สึกกล้า ๆ กลัวอยู่ ๆ แม้พวกเขาผ่านเหมืองแร่มามากแต่ก็เพิ่งเคยเจอเหมืองแร่ที่ให้ความรู้สึกขนลุกตลอดเวลาเช่นนี้
“จุดที่เราอยู่นี่ เรียกว่าตำหนักเทพ”
พอคำว่าตำหนักเทพหลุดออกจากปากหัวหน้าทีม ทุกคนก็มีสีหน้าซีดเซียว ไม่เว้นแม้แต่ใต้หล้า นักขุดเหมืองทุกคนต่างรู้จักคำคำนี้ มันเป็นสิ่งแรก ๆ ที่นักขุดจะถูกสอนให้ระวังสถานที่อันตรายนี้
“ไม่ต้องกลัว ตรงนี้ยังไม่ใช่ตำหนักเทพจริง ๆ เป็นแค่ลานหน้าประตูตำหนักเทพ ไม่มีอันตรายมากนัก จุดที่เป็นตำหนักจริง ๆ คือถ้ำที่ซ่อนอยู่ใต้บึงนั่น พวกเราพักกันก่อนแล้วค่อยลงไปสำรวจกัน”
“โธ่ลูกพี่ เรายังจะลงไปอีกหรอ พวกเรามากันแค่สามสิบคนเองนะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาคนน้อย แบบนี้รอดยากนะลูกพี่”
“ไม่ต้องห่วงน่า เรื่องนี้ข้าวางแผนมาแล้ว เพียงตามข้าและฟังข้า พวกเราทุกคนจะกลับขึ้นไปได้แน่ แต่อาจจะต้องเจ็บตัวกันสักหน่อย”
“ข้าเกลียดน้ำ”
เหนือภพพูดโพล่งขึ้นขณะเดินมาร่วมวง เขาเอาข้าวโพดจากถุงหนังที่พกมา แล้วเอามาย่างจนมีกลิ่นหอมอบอวล นี่เป็นอีกมื้อที่เขายังคงเจริญอาหาร
ขณะที่ทุกคนหลับไปเหนือภพกลับยังคงลืมตาใสแจ๋ว เขานอนเอนกายพิงหินข้างกองไฟเพื่อความอบอุ่น ถ้ำนี้ยิ่งอยู่นานก็ยิ่งหนาว อากาศภายในเย็นจัด แม้ชุดคลุมหนังขนของสัตว์อสูรตัวใหม่ที่เขาได้มาจากหอร้อยบุปผาจะหนานุ่ม แต่มันก็ช่วยอะไรได้ไม่มากนัก
จู่ ๆ ใต้ศิลาก็ลุกขึ้นมานั่งข้างเหนือภพ
“เจ้าไม่ง่วงหรอ ?”
ถึงเขาจะประหลาดใจกับแววตาที่ดูเหมือนจะมีชีวิตชีวาตลอดเวลาของเหนือภพ แต่เขาอยู่มานานพอ และได้เห็นอะไรแปลก ๆ มามากมาย
“เจ้าคงได้กินเนื้อสัตว์อสูรพิเศษที่มีสรรพคุณจำพวกไม่ต้องหลับต้องนอนสินะ”
เหนือภพประหลาดใจเล็กน้อยที่ชายวัยกลางคนทายได้ถูกเป๊ะเลย
“ตระกูลเจ้าเหลือนักขุดกี่คน”
“เหลือข้าคนเดียว”
คำตอบของเหนือภพช่างเหนือความคาดหมายของใต้ศิลา แต่นั่นก็ทำให้ใต้ศิลาพอจะเข้าใจได้ว่าเคล็ดลับพิเศษเกี่ยวกับตระกูลเหนือนั้นคงไม่ได้ถูกส่งต่อมายังเหนือภพอย่างสมบูรณ์
“เจ้าคงต้องเหนื่อยมากแน่ กับการที่ต้องทำงานคนเดียวเพื่อหาเลี้ยงตัวเอง”
ใต้ศิลาตบไหล่เหนือภพเป็นนัยว่าเข้าใจชีวิตแบบนั้น
พลั่ก !
ใต้ศิลาตบแรงไปหน่อยตามความเคยชิน แต่เหนือภพก็ไม่ได้สะดุ้งสะเทือนอะไร เขาเพียงหันมองใต้ศิลานิ่งอยู่อย่างนั้น
“โทษที มันเคยชินน่ะ ตระกูลนักขุดมันก็ต้องฝึกความแข็งแรง ใช่มั๊ยล่ะ อ้อ ถ้าเจ้าว่างก็ช่วยพยายามทบทวนหน่อย เผื่อว่าพ่อเจ้าจะบอกอะไรอย่างอื่นอีก”
ใต้ศิลาพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้น แล้วก็แยกตัวไปนอนพักผ่อน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Top Up Now 2 ภาคบุรุษหมื่นเหรียญ 29 ตำหนักเทพ

Now you are reading Top Up Now 2 ภาคบุรุษหมื่นเหรียญ Chapter 29 ตำหนักเทพ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ใต้ศิลามองประเมินเหนือภพอย่างชื่นชม เขาชอบคนหนุ่มไฟแรงที่กล้าเรียกร้องในสิ่งที่ตัวเองต้องการ และรู้ว่าสิ่งที่คู่ควรกับการลงแรงเหนื่อยยากของตัวเองคืออะไร ไม่เหมือนเจ้าหลานใต้หล้าของเขา ไม่ว่าจะมีฝีมือมากเพียงไหน ไม่ว่าจะหาเงินได้มากเท่าไหร่ แต่ใต้หล้าก็ทุ่มทรัพย์สินทั้งหมดไปกับการซ่อมแซมอีเตอร์บ้าบอนั่น
“ข้าได้เห็นแล้วว่าเจ้ามีความสามารถในการค้นหาแร่สามสี และด้วยร่างกายใหญ่โตราวกับกระทิงยักษ์ของเจ้า ข้าเลยอยากให้เจ้ามาช่วยพวกเราขุดหาแร่ห้าสี”
“ข้าก็อยากจะหาอยู่หรอกนะ แต่มันคงหายากน่าดู ข้าไม่มั่นใจว่าจะทำได้”
เหนือภพหาทางปฏิเสธ คนพวกนี้น่าสงสัย อาจจะหาทางขโมยเงินของเขาแน่เลย ให้ตายเขาก็ไม่ไป
“งั้นหรอกหรือ เสียดายข้าก็หวังไว้ว่าพวกเราจะช่วยกันหาจนเจอ พอเจอแล้วข้าคิดว่าจะแบ่งแร่ห้าสีให้เจ้าสี่ส่วน ข้าจะเอาแค่หกส่วน แต่ก็ไม่เป็นไร ตามใจเจ้า”
ใต้ศิลาพูดจบก็ทำท่าจะเดินจากไป แต่เหนือภพเรียกเขาไว้เสียก่อน
“เดี๋ยวสิ ข้าคิดว่าข้าน่าจะทำได้นะ ถ้าท่านให้โอกาส”
ใต้ศิลายิ้มกับตัวเอง
‘ว่าแล้วเชียว คนหนุ่มไฟแรงจะปฏิเสธผลประโยชน์นี้ได้ไง’
แต่ใต้ศิลากลับแสดงออกด้วยท่าทีของผู้นำที่เข้มงวด
“ตกลง เราจะเริ่มงานกันตอนนี้เลย เหนือภพเจ้าตามพวกเขาไปก่อนเลย”
จากนั้นทีมนักขุดกล้ามโตทั้งสามสิบคนก็เดินนำเข้าไปในเหมือง โดยมีเหนือภพเดินตามไปด้วยดวงตาเป็นประกาย ส่วนใต้ศิลาและใต้หล้าเดินรั้งท้ายเพื่อพูดคุยกันตามประสาญาติสนิท
“ท่านอาชวนเขาง่ายไปมั๊ย เจ้านั่นเป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้”
“เจ้าไม่รู้ แต่ข้ารู้”
“ท่านอารู้อะไรหรือ บอกข้าที”
“เงียบไปเถอะน่า”
“ก็ได้ อ้อ ข้าขอส่วนแบ่งด้วยสิ”
“งั้นเอานี่ไป”
พลั่ก !
ใต้ศิลาต่อยกลางหลังของใต้หล้าเต็มรัก หมัดนั้นไม่มีการออมแรงเลยแม้แต่น้อย ใต้หล้าถึงกับตัวปลิวไปจนเกือบชนเหนือภพที่เดินนำหน้าอยู่ แต่ใต้หล้ามีร่างกายแข็งแกร่งมากพอ เขาจึงไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร นอกจากความช้ำใจที่ท่านอายังชอบเล่นกับเขาเหมือนเขายังเป็นเด็ก นี่เขาโตแล้ว ท่านอาก็ยังมาทำแบบนี้อีก มันน่าช้ำใจนัก
เมื่อระยะทางลึกลงไปมากขึ้นคบเพลิงก็ถูกดับลง สิ่งที่พวกเขาใช้ให้แสงสว่างแทนคบเพลิงคือหินเรืองแสง แม้หินเรืองแสงจะสามารถให้แสงสว่างได้ดีกว่าคบเพลิง แต่มันก็ใช้ได้เพียง 3 ชั่วโมงเท่านั้น แถมยังมีราคาแพงถึง 10,000 เหรียญเงินต่อก้อน ดังนั้นหากไม่จำเป็นก็ไม่มีใครอยากใช้มัน
อากาศภายในเหมืองยังลงลึกปริมาณอากาศที่ใช้หายใจได้ก็มีน้อยลงมาก ใต้ศิลารู้สึกแปลกใจเมื่อเห็นเหนือภพไม่มีท่าทีอึดอัด ถึงเขาจะพอรู้จักตัวตนของเหนือภพ แต่เขาก็นึกไม่ถึงว่าเหนือภพจะถูกฝึกมาดีแบบนี้
“เจ้าเคยเข้าไปในเหมืองโบราณมาก่อนใช่มั้ย”
ใต้ศิลาเอ่ยถามอย่างเป็นกันเอง แต่เหนือภพส่ายหน้าปฏิเสธ
“ไม่ครับ นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้ลงมาลึกขนาดนี้ ”
“น่าแปลก หากนี่เป็นครั้งแรกของเจ้า ก็ถือว่าเจ้ามีพรสวรรค์ไม่เลว แต่เมื่อไหร่ไม่ไหวเจ้าก็บอกพวกข้า อย่าได้ฝืน มีคนมากมายที่คิดว่าตัวเองแน่ตัวเองเก่ง แต่สุดท้ายก็ตายมานักต่อนักแล้ว”
“ครับ”
พวกเขาเดินลึกลงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งผ่านไปสามวันโดยประมาณ พวกเขาก็มาถึงห้องโถงใหญ่ใต้ดิน เส้นทางถูกขุดมาถึงห้องโถงแห่งนี้ แล้วก็หยุดอยู่แค่นั้น
ภายในโถงถ้ำเหมืองนี้มีขนาดใหญ่มาก ความกว้างอย่างน้อยก็หนึ่งกิโลเมตร ส่วนความสูงนั้นก็ประมาณหนึ่งกิโลเมตรเช่นกัน บนพื้นมีพืชประหลาดมากมายที่สามารถพบเห็นใต้ดินเท่านั้น พวกพืชหลากสีสัน บ้างเรืองแสง บ้างเคลื่อนไหวโยกไปมา ต่างก็ขึ้นปกคลุมพื้นที่บริเวณนี้เกือบทั้งหมด
“โชคดีเหมือนกันนะนี่ มีหินเรืองแสง ไม่น้อยเลย ก้อนขนาดนี้คงได้เงินหลายถุง”
หนึ่งในกลุ่มคนขุดแร่พูดขึ้นเมื่อมองเห็นโถงถ้ำแท่งหินผลึกเหมือนคริสตัลส่องแสงสว่างตามผนังและเพดาน มันทำให้ห้องโถงนี้น่าดูและปลอดภัย
พื้นที่ด้านในสุดของถ้ำ มีบึงน้ำใสที่มีปากทางเข้าเหมืองซ่อนอยู่ใต้บึงน้ำอย่างมิดชิด
“ท่านอา ที่นี่คือ ?”
“เหมืองโบราณ”
“ไม่ใช่ว่าเหมืองโบราณซ่อนอยู่ในป่าอมตะหรอกเหรอ ทำไมมีเหมืองโบราณที่นี่อีก โอ๊ย !”
ใต้หล้ายังพูดไม่จบก็โดนใต้ศิลาเขกหัวอย่างแรง
“เจ้าโง่ เหมืองโบราณมันไม่ใช่สถานที่ แต่เป็นคำเรียกที่ใช้เรียกเหมืองที่มีอายุไม่ต่ำกว่าร้อยปีต่างหาก”
แท้จริงแล้วเหมืองโบราณคือเหมืองที่นักขุดสมัยโบราณขุดเพื่อหาทรัพย์สมบัติ โชคไพศาลเองก็เป็นหนึ่งในเหมืองโบราณที่คนภายนอกไม่รู้จัก เพราะเส้นทางที่ใช้ลงมาที่นี่ซับซ้อนและใช้เวลานาน อีกทั้งหากไม่ผ่านการฝึกฝนมาก่อนก็จะขาดอากาศหายใจจนตาย
คนส่วนใหญ่ที่พยายามมาที่นี่ล้วนตายไประหว่างทาง หรือไม่ก็ถูกสัตว์อสูรใต้ดินลากไปกิน และคนตายก็ไม่อาจออกไปบอกเล่าอะไรได้ ดังนั้นมันจึงยังคงเป็นความลับที่ตระกูลใต้เก็บซ่อนเอาไว้
“เดิมทีท่านผู้นำตระกูลไม่อยากให้พวกเราลงมาหรอก ที่นี่อันตรายเกินไป ทางที่ดีพวกเรารวมตัวกันไว้ อย่าแยกกัน ถ้าเกิดอะไรขึ้นขอให้ส่งเสียง”
“มันจะเกิดอะไรขึ้นหรือครับ”
เหนือภพรู้สึกไม่ค่อยดีเลย ที่แห่งนี้มีกลิ่นอายความตายหนาแน่นมาก เขารับรู้ได้ชัดเจน แม้เขาจะใช้ดวงตามองผนังแร่แต่ละแถบแล้วเห็นจุดสามสี จุดสี่สีเป็นจำนวนมาก แต่เขาก็ไม่ค่อยดีใจเท่าไหร่ เพราะถ้าตระกูลใต้ยังไม่กล้าขุดมันก็แปลว่ามันขุดได้ไม่ง่ายแบบนั้น
“เจ้าเคยได้ยินเกี่ยวกับ ตำหนักเทพ หรือเปล่า”
เหนือภพรีบพยักหน้า พ่อเคยเล่าให้เขาฟังตอนเขายังเด็ก ตำหนักเทพเป็นคำเรียกสถานที่ใจกลางของภูเขาแร่ มันอยู่ลึกมาก แต่ก็เป็นสถานที่ที่สวยงามราวกับตำหนักสวรรค์ ที่นั่นมีแร่หายากมากมาย มีวัตถุทนสิทธิ์ธรรมชาติที่หาได้ยาก มันเป็นสิ่งที่มีอานุภาพด้านปราณอาคมที่หาใครเปรียบ
ภายในตำหนักเทพไม่ได้มีเพียงสมบัติล้ำค่าเท่านั้น แต่มันยังมีผู้ปกป้องที่แข็งแกร่ง มีคนจำนวนมากต้องตกตายภายในตำหนักเทพนับไม่ถ้วน
“ก็อย่างที่เจ้าเคยได้ยินมานั่นแหละ ตระกูลนักขุดเหมืองอย่างเรา ๆ ที่ควรระวังที่สุดก็คือ ตำหนักเทพ แต่ว่าบางครั้งผลประโยชน์ในตำหนักเทพก็คุ้มค่ากับความเสี่ยง ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนจากตระกูลขุดเหมืองเช่นกัน ดังนั้นเจ้าคงประเมินได้ว่ามันเสี่ยงขนาดไหน”
“ท่านรู้ ?”
“ใช่ หากข้าเดาไม่ผิด อีเตอร์ที่เจ้าพกอยู่น่าจะเป็นของสืบทอดจากตระกูลเหนือ ตราสัญลักษณ์วงกลมที่อยู่บนหัวเหล็กนั่นทำให้ข้าจำได้ ในอดีตตระกูลเหนือใต้เคยเป็นหนึ่งเดียวกัน กระทั่งถึงยุคที่ผู้ไร้พรสวรรค์ถูกกวาดล้าง ทำให้ตระกูลแตกแยกเป็นสองสาย สายเหนือส่วนใหญ่ล้มตาย ส่วนสายใต้ของเราก็แทบจะสิ้นเผ่าพันธุ์ แต่ข้าคิดไม่ถึงว่าทายาทของสายตระกูลเหนือจะยังคงมีชีวิตอยู่”
“การที่ท่านชวนข้ามาก็เพราะอยากสานสัมพันธ์ในอดีตหรือครับ”
ใต้ศิลาปฏิเสธและพูดอย่างตรงไปตรงมา
“ไม่ใช่ทั้งหมดหรอก ตระกูลเหนือถือครองความลับเกี่ยวกับตำหนักเทพเอาไว้ การที่ข้าพาเจ้ามาก็เพราะเหตุนี้แหละ”
เหนือภพขมวดคิ้ว ที่แท้ก็แค่อยากใช้งานเขา แต่ถึงยังไงเขาก็ไม่รู้ความลับที่ว่าอยู่ดี
“แต่ข้าไม่รู้ความลับที่ท่านว่าหรอกนะ พ่อข้าตายไปตั้งแต่ข้ายังเล็ก พ่อสอนให้ข้าดูแร่เป็นเท่านั้น ไม่ได้สอนอะไรอื่นเลย”
ใต้ศิลาจ้องเหนือภพเขม็ง เมื่อเห็นว่านั่นไม่ใช่การโกหก เขาก็เบนสายตาออก พลางถอนลมหายใจออกมาอย่างเสียดาย
“งั้นก็ช่างเถอะ เราค่อยหาวิธีกันอีกทีว่าจะทำยังไงต่อ”
พูดจบใต้ศิลาก็ลุกออกไปหากลุ่มนักขุดที่เริ่มก่อไฟทำอาหาร
“ลูกพี่ พวกเราขุดแร่ที่นี่ได้หรือเปล่า มีอันตรายไหม”
พวกลูกน้องของใต้ศิลายังคงรู้สึกกล้า ๆ กลัวอยู่ ๆ แม้พวกเขาผ่านเหมืองแร่มามากแต่ก็เพิ่งเคยเจอเหมืองแร่ที่ให้ความรู้สึกขนลุกตลอดเวลาเช่นนี้
“จุดที่เราอยู่นี่ เรียกว่าตำหนักเทพ”
พอคำว่าตำหนักเทพหลุดออกจากปากหัวหน้าทีม ทุกคนก็มีสีหน้าซีดเซียว ไม่เว้นแม้แต่ใต้หล้า นักขุดเหมืองทุกคนต่างรู้จักคำคำนี้ มันเป็นสิ่งแรก ๆ ที่นักขุดจะถูกสอนให้ระวังสถานที่อันตรายนี้
“ไม่ต้องกลัว ตรงนี้ยังไม่ใช่ตำหนักเทพจริง ๆ เป็นแค่ลานหน้าประตูตำหนักเทพ ไม่มีอันตรายมากนัก จุดที่เป็นตำหนักจริง ๆ คือถ้ำที่ซ่อนอยู่ใต้บึงนั่น พวกเราพักกันก่อนแล้วค่อยลงไปสำรวจกัน”
“โธ่ลูกพี่ เรายังจะลงไปอีกหรอ พวกเรามากันแค่สามสิบคนเองนะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาคนน้อย แบบนี้รอดยากนะลูกพี่”
“ไม่ต้องห่วงน่า เรื่องนี้ข้าวางแผนมาแล้ว เพียงตามข้าและฟังข้า พวกเราทุกคนจะกลับขึ้นไปได้แน่ แต่อาจจะต้องเจ็บตัวกันสักหน่อย”
“ข้าเกลียดน้ำ”
เหนือภพพูดโพล่งขึ้นขณะเดินมาร่วมวง เขาเอาข้าวโพดจากถุงหนังที่พกมา แล้วเอามาย่างจนมีกลิ่นหอมอบอวล นี่เป็นอีกมื้อที่เขายังคงเจริญอาหาร
ขณะที่ทุกคนหลับไปเหนือภพกลับยังคงลืมตาใสแจ๋ว เขานอนเอนกายพิงหินข้างกองไฟเพื่อความอบอุ่น ถ้ำนี้ยิ่งอยู่นานก็ยิ่งหนาว อากาศภายในเย็นจัด แม้ชุดคลุมหนังขนของสัตว์อสูรตัวใหม่ที่เขาได้มาจากหอร้อยบุปผาจะหนานุ่ม แต่มันก็ช่วยอะไรได้ไม่มากนัก
จู่ ๆ ใต้ศิลาก็ลุกขึ้นมานั่งข้างเหนือภพ
“เจ้าไม่ง่วงหรอ ?”
ถึงเขาจะประหลาดใจกับแววตาที่ดูเหมือนจะมีชีวิตชีวาตลอดเวลาของเหนือภพ แต่เขาอยู่มานานพอ และได้เห็นอะไรแปลก ๆ มามากมาย
“เจ้าคงได้กินเนื้อสัตว์อสูรพิเศษที่มีสรรพคุณจำพวกไม่ต้องหลับต้องนอนสินะ”
เหนือภพประหลาดใจเล็กน้อยที่ชายวัยกลางคนทายได้ถูกเป๊ะเลย
“ตระกูลเจ้าเหลือนักขุดกี่คน”
“เหลือข้าคนเดียว”
คำตอบของเหนือภพช่างเหนือความคาดหมายของใต้ศิลา แต่นั่นก็ทำให้ใต้ศิลาพอจะเข้าใจได้ว่าเคล็ดลับพิเศษเกี่ยวกับตระกูลเหนือนั้นคงไม่ได้ถูกส่งต่อมายังเหนือภพอย่างสมบูรณ์
“เจ้าคงต้องเหนื่อยมากแน่ กับการที่ต้องทำงานคนเดียวเพื่อหาเลี้ยงตัวเอง”
ใต้ศิลาตบไหล่เหนือภพเป็นนัยว่าเข้าใจชีวิตแบบนั้น
พลั่ก !
ใต้ศิลาตบแรงไปหน่อยตามความเคยชิน แต่เหนือภพก็ไม่ได้สะดุ้งสะเทือนอะไร เขาเพียงหันมองใต้ศิลานิ่งอยู่อย่างนั้น
“โทษที มันเคยชินน่ะ ตระกูลนักขุดมันก็ต้องฝึกความแข็งแรง ใช่มั๊ยล่ะ อ้อ ถ้าเจ้าว่างก็ช่วยพยายามทบทวนหน่อย เผื่อว่าพ่อเจ้าจะบอกอะไรอย่างอื่นอีก”
ใต้ศิลาพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้น แล้วก็แยกตัวไปนอนพักผ่อน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+