Top Up Now 2 ภาคบุรุษหมื่นเหรียญ 33 ใครวิ่งเร็ว คนนั้นรอด

Now you are reading Top Up Now 2 ภาคบุรุษหมื่นเหรียญ Chapter 33 ใครวิ่งเร็ว คนนั้นรอด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
เหนือภพบีบมือทั้งสองพลางหมุนคอไปมา สหัสเดชะของเขามีร่างกายใหญ่โตเมื่อขยายร่างเต็มที่แล้วอาจมีความสูงเลยเมฆเลยก็ได้ พญานาคตัวยาวแค่ไม่กี่ร้อยเมตรคิดจะมาสู้กับเขาหรือ
เหนือภพไม่ยอม เขาขยายร่างของสหัสเดชะจนมันสูงชนเพดานโถงถ้ำ แสงอาคมที่เปล่งออกมาจากร่างยักษ์ยิ่งทวีความเข้มข้นมากขึ้น จนพญานาคตนนั้นมีท่าทางขัดใจ ตอนนี้มันดูเหมือนจะยำเกรงสหัสเดชะไม่น้อย ที่เป็นเช่นนั้นไม่ใช่เพราะเหนือภพมีพลังมากกว่า แต่เป็นเพราะสหัสเดชะมีความ
สามารถพิเศษ ใครก็ตามที่เห็นสหัสเดชะจะเกิดความหวาดกลัวในใจ ทำให้ความมั่นใจในการต่อสู้ถดถอยลง
พญานาคตนนี้ดูเหมือนจะเป็นพวกปลายแถว แต่มันหาใช่อ่อนแอ มันจึงใช้การชูคอสูงเพื่อข่มขวัญศัตรู
ทันใดนั้นพญานาคเริ่มหดเศียรลง แม้ท่าทีของมันยังคงเกรี้ยวกราดแต่ก็ลดน้อยลงมากแล้ว เหนือภพค่อย ๆ ถอยหลัง เขามีเวลาแค่ 3 นาทีเท่านั้นในการเรียกสหัสเดชะ เขาต้องรีบไปในตอนนี้ ไม่งั้นต่อให้เขาอยากไปก็จะไปไม่ได้แล้ว
เหนือภพถอยหลัง ส่วนพญานาคก็เลื้อยตาม โดยทิ้งระยะห่างไว้เพียงช่วงลำคอที่ชูขึ้น ซึ่งแม้จะชูคอต่ำสุดก็ยังยาวเกือบสิบเมตรได้
เหนือภพถอยมาถึงปากทางโพรงถ้ำ ณ จุดนี้เขาจำเป็นต้องลดขนาดร่างสหัสเดชะลงไม่ไม่เช่นนั้นเขาก็จะผ่านเข้าไปในโพรงไม่ได้ แต่ว่าหากเขาลดขนาดลง ความมั่นใจของพญานาคตนนี้อาจจะกลับมาเต็มล้น และนั่นอาจฆ่าเขาได้จากการฉกเพียงครั้งเดียว
เหนือภพเกร็งกล้ามเนื้อเตรียมใช้พลังระดับ 6 ทว่าในขณะที่เขากำลังเริ่มรวบรวมกำลัง พญานาคตัวนั้นกลับถอยหลังออกห่างประมาณสองร้อยเมตร มันฉลาดมาก ประสาทสัมผัสของมันเฉียบคม และรู้จักเรียนรู้จากประสบการณ์ที่โดนเขาต่อย สติปัญญาระดับนี้มันมากกว่าที่เขาคิดไว้
เขาเริ่มจนปัญญา ถ้าต่อยออกไประยะนี้ก็ไม่ประโยชน์ เขาจึงคลายกล้ามเนื้อ หดร่างสหัสเดชะ แล้วหันหลังวิ่งกลับเข้าไปในโพรง สลับกับการใช้อาคมย่นระยะทาง ด้านหลังของเขามีเสียงพญานาคเลื้อยตามมาอย่างเร็ว เสียงตึงจนพื้นถ้ำสั่นสะเทือน เนื่องจากพญานาคตนนั้นเคลื่อนตัวเร็วเกินไปจนหักเลี้ยวไม่ทัน มันเคลื่อนไหวเร็วมากจนชนเข้ากับผนังถ้ำที่คดเคี้ยว
เหนือภพวิ่งมาถึงโถงถ้ำที่มีบ่อน้ำ เขาไม่รีรอกระโดดพุ่งตัวลงน้ำเย็นเฉียบ แล้วก็ว่ายน้ำอย่างรวดเร็วสุดแรงเกิด แต่เขาว่ายไปได้เพียงไม่กี่เมตร เศียรพญานาคก็โผล่มาถึงบึงน้ำแล้ว
เมื่อเหนือภพเห็นเงาเศียรใหญ่โตกำลังจะพุ่งลงน้ำตามเขามา เขาไม่มีทางเลือกแล้ว ในขณะที่เขายังคงร่างของสหัสเดชะไว้ได้ เขาก็หยุดว่ายน้ำแล้วพยายามทำตัวนิ่ง ๆ ใต้น้ำเพื่อถ่วงเวลา และเริ่มเกร็งกล้ามเนื้อ เพียงไม่นานพญานาคก็จับทิศทางของเขาได้ มันอ้าปากกว้างแล้วก็พุ่งลงมาอย่างรวดเร็วหมายจะกัดเหยื่อให้ตายภายใต้การโจมตีเดียว
เหนือภพเห็นแล้ว แต่เขายังดึงเวลาอีกหน่อยเพื่อให้พละกำลังเพิ่มขึ้นไปถึงระดับ 6 และในจังหวะที่ปากของพญานาคพุ่งเข้ามาครอบตัวเขาเอาไว้ เหนือภพก็ปล่อยหมัดสวนออกไปพอดี
มวลน้ำรอบตัวเขาบิดหมุนเป็นเกลียวผสมกับแสงส้มเหลืองจากปราณอาคมเหล็กไหล ราวกับพายุหมุนอันตราย มันพุ่งทะลวงเข้าไปในลำคอของพญานาคอย่างรวดเร็วและรุนแรง
ตู้ม !!
แรงสะท้อนจากหมัดส่งผลให้เกิดคลื่นน้ำตีกลับร่างของเขาพุ่งดิ่งลงไปข้างล่างอย่างรวดเร็ว ส่วนพญานาคตัวนั้นกำลังดิ้นพราด ๆ เนื่องจากถูกพลังกระแทกเข้าไปถึงอวัยวะภายใน ร่างที่คดเคี้ยวยาวกว่าร้อยเมตรของมันถูกพลังขับดันจนลำตัวเหยียดตรงราวกับไม้บรรทัดอย่างไม่อาจต่อต้านได้ เลือดสีม่วงทะลักออกมาจากปาก จนน้ำในบึงเกือบทั้งหมดถูกอาบย้อมไปด้วยสีม่วง
เหนือภพไม่สนใจ เขาว่ายน้ำต่อไปจนกระทั่งตามคนอื่นทันพอดี ตอนนี้พวกเขากำลังว่ายน้ำใกล้จะโผล่ไปถึงโถงถ้ำอีกฝั่งแล้ว มันเป็นโถงถ้ำเดิมที่พวกเขาได้ต่อสู้กับสัตว์อสูรจระเข้
แต่จู่ ๆ เหนือภพก็สัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนใต้น้ำพร้อมกับเสียงคำรามอืออึ้ง ที่ทำให้เหนือภพถึงกับขนหัวลุก มันยังไม่ตาย แม้ว่าอาการบาดเจ็บนั้นจะมากพอสมควรแต่ก็คงถ่วงเวลาไว้ได้อีกไม่นานนัก มันต้องตามมาแน่
เขารีบกระชากแล้วเหวี่ยงเพื่อนคนอื่น ๆ ขึ้นสู่ผิวน้ำทีละคน และตัวเขาเองก็ไม่รอช้ารีบปีนขึ้นฝั่งอย่างรวดเร็วพร้อมกับตะโกนไปด้วย
“วิ่ง !!”
ใต้หล้า ใต้ศิลา และนักขุดเหมืองอีกสองคนได้ยินเช่นนั้น ก็ออกวิ่งโดยไม่เสียเวลากับพวกพ้องที่นอนตายกันอยู่เกลื่อนกลาด ระหว่างที่นั่งรอทั้งห้าคนเข้าไปสำรวจใต้บึงน้ำ พวกเขาที่นั่งรอกันอยู่บนนี้คงโดนพญานาคออกมาจัดการเป็นแน่ ความเสียใจ ความอาลัยนั้นมีแน่ แต่ไม่ใช่ตอนนี้
พวกเขาทิ้งของที่ไม่จำเป็นลงพื้นแล้วออกตัววิ่งราวกับนักลมกรดทันทีเพื่อเอาชีวิตรอด มีเพียงเหนือภพคนเดียวเท่านั้นที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ข้างบึงน้ำ เขาเกร็งกล้ามเนื้อง้างหมัดรอ แล้วนับถอยหลังในใจ ตอนนี้เขาไม่มีร่างสหัสเดชะคอยเสริมพลัง ดังนั้นหมัดธรรมดาคงทำอะไรได้ไม่มากนัก
เมื่อถึงวินาทีที่ 31 ก็เป็นดังที่เขาคาดไว้ เศียรพญานาคโผล่พ้นผิวน้ำ มันชูคอขึ้นสูงอย่างโดดเด่น แล้วก็พุ่งลงมาทางเหนือภพทันที มันเกือบจะงับร่างของเหนือภพได้อีกครั้ง แต่เหนือภพกลับออกหมัดได้เร็วกว่า หมัดระดับหกถูกต่อยออกไปในระยะเผาขน
ผลั่ก !
บังเกิดคลื่นลมหมุนวนจนทำให้พญานาคเอนล้มเศียรฟาดกับผิวน้ำ เหนือภพรีบวิ่งทันที ขณะวิ่งอยู่นั้นสายตาเขาก็เหลือบไปเห็นเกล็ดพญานาคสีดำเกล็ดหนึ่งบนพื้น น่าจะเป็นเกล็ดที่ใต้หล้าเก็บมา แต่สุดท้ายก็ทิ้งในช่วงเวลาเอาตัวรอด เหนือภพหยิบมันไปด้วย
เขาวิ่งย้อนกลับไปทางเดิม เพียงครู่เดียวเขาก็ตามทันคนตระกูลใต้ทั้งสี่คน
“วิ่งต่อไป ! อย่าหยุด !”
เหนือภพตะโกนอย่างสุดเสียง ขณะที่เสียงตึงตังด้านหลัง ดังตามมาต่อเนื่อง ยิ่งดังเท่าไหร่ ทางเดินถ้ำก็ยิ่งสั่นไหวรุนแรงจนมีหินและก้อนแร่ร่วงกราวตกลงมา
“วิ่งไป ! เร็วกว่านี้ !”
เหนือภพกระตุ้นเพื่อนร่วมกลุ่มที่กำลังวิ่งช้าลงเรื่อย ๆ ก็จะไม่ให้ความเร็วตกลงได้อย่างไร พวกเขาดำน้ำท่ามกลางความมืดและความหนาวเย็นนานกว่าสิบนาที ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็ต้องมาวิ่งต่อ ตอนนี้พวกเขาเริ่มมีอาการหอบหายใจไม่ทันแล้ว นี่ถ้าหากพญานาคยังไล่ตามมา พวกเขาต้องวิ่งต่อไปเรื่อย ๆ ถึง 3 วัน 3 คืนเชียวนะถึงจะกลับขึ้นไปในเส้นทางปกติของเหมืองแร่โชคไพศาลได้ พอคิดไปคิดมาพวกเขาก็เริ่มถอดใจ พวกเขาหนีไม่รอดแน่
“เหนือภพพวกข้าไม่รอดแน่ เจ้าเอาแร่พวกนี้ไปส่งให้ตระกูลใต้ของข้า ถือเป็นคำขอร้องจากพวกข้าละกัน”
ใต้ศิลาวิ่งไปด้วยพูดไปด้วย ขณะถอดกระเป๋าที่แร่ที่สะพายอยู่ให้กับเหนือภพ เขาจะอยู่ที่นี่คอยถ่วงเวลาไว้เอง
ใต้หล้าก็เห็นด้วยกับท่านอาเขาถอดกระเป๋าแร่ออกเช่นกัน แม้จะไม่อยากตายแต่เขาก็ยึดถือผลประโยชน์ของตระกูลมาก่อนผลประโยชน์ส่วนตัว
“ของข้าด้วย”
“ข้าด้วย”
“ข้าด้วย”
นักขุดเหมืองอีกสองคนก็ต้องการเสียสละชีวิตและช่วยถ่วงเวลาเช่นกัน
“อย่ามาผลักภาระให้ข้าสิ”
เหนือภพเขาปฏิเสธด้วยอาการเหนื่อยหอบ เขาก็เหนื่อยไม่แพ้กันทั้งหนี ทั้งสู้ และต้องช่วยคนอื่นอีก ร่างกายของเขาก็ใกล้ถึงขีดจำกัดเต็มที แต่เขาก็ยังพอทนไหว
เหนือภพตัดสินใจพุ่งไปข้างหน้า ชกผนังถ้ำที่มีรอยร้าวอยู่แล้ว จนเกิดเป็นช่องว่างขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ จากนั้นเหนือภพก็จับพวกเขาสี่คนยัดเข้าไปในนั้นจนแน่น แล้วบอกว่า
“พวกเจ้ารอให้พญานาคเลื้อยผ่านไปแล้วค่อยออกมาละกัน ข้าจะล่อให้เอง”
พูดจบเหนือภพก็ออกวิ่งต่อไป โดยไม่สนใจเสียงร้องตะโกนไล่หลังด้วยความเป็นห่วงของทั้งสี่คน
“เหนือภพเจ้าทำบ้าอะไร”
“เจ้าทำแบบนี้ไม่ได้นะ”
“…………………..”
ถ้าหากพวกเขาซ่อนตัวที่นั่นก็จะปล่อยภัย แม้เส้นทางโพรงถ้ำนี้จะมีขนาดใหญ่แต่ก็ไม่ใหญ่พอให้พญานาคกลับตัวได้ ถ้ามันจะกลับเข้าไปยังที่มันจากมา มันต้องตามเหนือภพออกไปข้างนอกเหมืองแล้วค่อยหันหัวเลื้อยกลับเข้ามาอีกที
ขณะที่เหนือภพวิ่งนำหน้าต่อไปเรื่อย ๆ เสียงตึง ๆ ที่ตามมาข้างหลังก็กระชั้นชิดเข้ามา ความเร็วในการวิ่งของเหนือภพเริ่มตกลง แต่เขาก็ยังคงฝืนตัวเอง ก่อนจะล้วงมือลงไปในถุงผ้า เพื่อคลำหาใบว่านชนิดหนึ่ง ลักษณะใบว่านคล้ายกระทิงมีสีแดงปนเขียว
นี่คือ ว่านกระทิงคลั่ง ช่วยเพิ่มพละกำลังและเรี่ยวแรงให้มากขึ้นชั่วคราว แต่มันก็มีผลเสียอยู่ หากไม่จำเป็นเขาก็ไม่อยากใช้นัก
ว่านกระทิงคลั่ง สามารถบำรุงโลหิต แก้อาการปวดเมื่อยตามร่างกายได้ชะงัดนัก และมีสรรพคุณโดดเด่นเป็นยาบำรุงกำลัง มักนำมาใช้เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ คล้ายกับโด่ไม่รู้ล้ม และม้ากระทืบโรง แต่มันให้ผลรุนแรงยิ่งกว่า เมื่อใช้แล้วต้องหาทางปลดปล่อยไม่เช่นนั้นมันก็จะโด่อยู่แบบนั้น
ว่านที่ใช้เป็นยากำหนัดของผู้ชายด้อยสมรรถภาพแบบนี้นับว่าหาได้ยากบนโลกภายนอก แต่ที่วัดนั้นกลับมีอยู่มากเพราะไม่มีใครใช้ อาจารย์แนะนำให้เขาพกเอาไว้ และก็เตือนว่าหากไม่อยู่ในสถานการณ์เฉียดตายจริง ๆ ห้ามใช้เด็ดขาด เพราะผลลัพธ์นั้นมันไม่ดีต่อผู้บำเพ็ญศีล

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Top Up Now 2 ภาคบุรุษหมื่นเหรียญ 33 ใครวิ่งเร็ว คนนั้นรอด

Now you are reading Top Up Now 2 ภาคบุรุษหมื่นเหรียญ Chapter 33 ใครวิ่งเร็ว คนนั้นรอด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
เหนือภพบีบมือทั้งสองพลางหมุนคอไปมา สหัสเดชะของเขามีร่างกายใหญ่โตเมื่อขยายร่างเต็มที่แล้วอาจมีความสูงเลยเมฆเลยก็ได้ พญานาคตัวยาวแค่ไม่กี่ร้อยเมตรคิดจะมาสู้กับเขาหรือ
เหนือภพไม่ยอม เขาขยายร่างของสหัสเดชะจนมันสูงชนเพดานโถงถ้ำ แสงอาคมที่เปล่งออกมาจากร่างยักษ์ยิ่งทวีความเข้มข้นมากขึ้น จนพญานาคตนนั้นมีท่าทางขัดใจ ตอนนี้มันดูเหมือนจะยำเกรงสหัสเดชะไม่น้อย ที่เป็นเช่นนั้นไม่ใช่เพราะเหนือภพมีพลังมากกว่า แต่เป็นเพราะสหัสเดชะมีความ
สามารถพิเศษ ใครก็ตามที่เห็นสหัสเดชะจะเกิดความหวาดกลัวในใจ ทำให้ความมั่นใจในการต่อสู้ถดถอยลง
พญานาคตนนี้ดูเหมือนจะเป็นพวกปลายแถว แต่มันหาใช่อ่อนแอ มันจึงใช้การชูคอสูงเพื่อข่มขวัญศัตรู
ทันใดนั้นพญานาคเริ่มหดเศียรลง แม้ท่าทีของมันยังคงเกรี้ยวกราดแต่ก็ลดน้อยลงมากแล้ว เหนือภพค่อย ๆ ถอยหลัง เขามีเวลาแค่ 3 นาทีเท่านั้นในการเรียกสหัสเดชะ เขาต้องรีบไปในตอนนี้ ไม่งั้นต่อให้เขาอยากไปก็จะไปไม่ได้แล้ว
เหนือภพถอยหลัง ส่วนพญานาคก็เลื้อยตาม โดยทิ้งระยะห่างไว้เพียงช่วงลำคอที่ชูขึ้น ซึ่งแม้จะชูคอต่ำสุดก็ยังยาวเกือบสิบเมตรได้
เหนือภพถอยมาถึงปากทางโพรงถ้ำ ณ จุดนี้เขาจำเป็นต้องลดขนาดร่างสหัสเดชะลงไม่ไม่เช่นนั้นเขาก็จะผ่านเข้าไปในโพรงไม่ได้ แต่ว่าหากเขาลดขนาดลง ความมั่นใจของพญานาคตนนี้อาจจะกลับมาเต็มล้น และนั่นอาจฆ่าเขาได้จากการฉกเพียงครั้งเดียว
เหนือภพเกร็งกล้ามเนื้อเตรียมใช้พลังระดับ 6 ทว่าในขณะที่เขากำลังเริ่มรวบรวมกำลัง พญานาคตัวนั้นกลับถอยหลังออกห่างประมาณสองร้อยเมตร มันฉลาดมาก ประสาทสัมผัสของมันเฉียบคม และรู้จักเรียนรู้จากประสบการณ์ที่โดนเขาต่อย สติปัญญาระดับนี้มันมากกว่าที่เขาคิดไว้
เขาเริ่มจนปัญญา ถ้าต่อยออกไประยะนี้ก็ไม่ประโยชน์ เขาจึงคลายกล้ามเนื้อ หดร่างสหัสเดชะ แล้วหันหลังวิ่งกลับเข้าไปในโพรง สลับกับการใช้อาคมย่นระยะทาง ด้านหลังของเขามีเสียงพญานาคเลื้อยตามมาอย่างเร็ว เสียงตึงจนพื้นถ้ำสั่นสะเทือน เนื่องจากพญานาคตนนั้นเคลื่อนตัวเร็วเกินไปจนหักเลี้ยวไม่ทัน มันเคลื่อนไหวเร็วมากจนชนเข้ากับผนังถ้ำที่คดเคี้ยว
เหนือภพวิ่งมาถึงโถงถ้ำที่มีบ่อน้ำ เขาไม่รีรอกระโดดพุ่งตัวลงน้ำเย็นเฉียบ แล้วก็ว่ายน้ำอย่างรวดเร็วสุดแรงเกิด แต่เขาว่ายไปได้เพียงไม่กี่เมตร เศียรพญานาคก็โผล่มาถึงบึงน้ำแล้ว
เมื่อเหนือภพเห็นเงาเศียรใหญ่โตกำลังจะพุ่งลงน้ำตามเขามา เขาไม่มีทางเลือกแล้ว ในขณะที่เขายังคงร่างของสหัสเดชะไว้ได้ เขาก็หยุดว่ายน้ำแล้วพยายามทำตัวนิ่ง ๆ ใต้น้ำเพื่อถ่วงเวลา และเริ่มเกร็งกล้ามเนื้อ เพียงไม่นานพญานาคก็จับทิศทางของเขาได้ มันอ้าปากกว้างแล้วก็พุ่งลงมาอย่างรวดเร็วหมายจะกัดเหยื่อให้ตายภายใต้การโจมตีเดียว
เหนือภพเห็นแล้ว แต่เขายังดึงเวลาอีกหน่อยเพื่อให้พละกำลังเพิ่มขึ้นไปถึงระดับ 6 และในจังหวะที่ปากของพญานาคพุ่งเข้ามาครอบตัวเขาเอาไว้ เหนือภพก็ปล่อยหมัดสวนออกไปพอดี
มวลน้ำรอบตัวเขาบิดหมุนเป็นเกลียวผสมกับแสงส้มเหลืองจากปราณอาคมเหล็กไหล ราวกับพายุหมุนอันตราย มันพุ่งทะลวงเข้าไปในลำคอของพญานาคอย่างรวดเร็วและรุนแรง
ตู้ม !!
แรงสะท้อนจากหมัดส่งผลให้เกิดคลื่นน้ำตีกลับร่างของเขาพุ่งดิ่งลงไปข้างล่างอย่างรวดเร็ว ส่วนพญานาคตัวนั้นกำลังดิ้นพราด ๆ เนื่องจากถูกพลังกระแทกเข้าไปถึงอวัยวะภายใน ร่างที่คดเคี้ยวยาวกว่าร้อยเมตรของมันถูกพลังขับดันจนลำตัวเหยียดตรงราวกับไม้บรรทัดอย่างไม่อาจต่อต้านได้ เลือดสีม่วงทะลักออกมาจากปาก จนน้ำในบึงเกือบทั้งหมดถูกอาบย้อมไปด้วยสีม่วง
เหนือภพไม่สนใจ เขาว่ายน้ำต่อไปจนกระทั่งตามคนอื่นทันพอดี ตอนนี้พวกเขากำลังว่ายน้ำใกล้จะโผล่ไปถึงโถงถ้ำอีกฝั่งแล้ว มันเป็นโถงถ้ำเดิมที่พวกเขาได้ต่อสู้กับสัตว์อสูรจระเข้
แต่จู่ ๆ เหนือภพก็สัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนใต้น้ำพร้อมกับเสียงคำรามอืออึ้ง ที่ทำให้เหนือภพถึงกับขนหัวลุก มันยังไม่ตาย แม้ว่าอาการบาดเจ็บนั้นจะมากพอสมควรแต่ก็คงถ่วงเวลาไว้ได้อีกไม่นานนัก มันต้องตามมาแน่
เขารีบกระชากแล้วเหวี่ยงเพื่อนคนอื่น ๆ ขึ้นสู่ผิวน้ำทีละคน และตัวเขาเองก็ไม่รอช้ารีบปีนขึ้นฝั่งอย่างรวดเร็วพร้อมกับตะโกนไปด้วย
“วิ่ง !!”
ใต้หล้า ใต้ศิลา และนักขุดเหมืองอีกสองคนได้ยินเช่นนั้น ก็ออกวิ่งโดยไม่เสียเวลากับพวกพ้องที่นอนตายกันอยู่เกลื่อนกลาด ระหว่างที่นั่งรอทั้งห้าคนเข้าไปสำรวจใต้บึงน้ำ พวกเขาที่นั่งรอกันอยู่บนนี้คงโดนพญานาคออกมาจัดการเป็นแน่ ความเสียใจ ความอาลัยนั้นมีแน่ แต่ไม่ใช่ตอนนี้
พวกเขาทิ้งของที่ไม่จำเป็นลงพื้นแล้วออกตัววิ่งราวกับนักลมกรดทันทีเพื่อเอาชีวิตรอด มีเพียงเหนือภพคนเดียวเท่านั้นที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ข้างบึงน้ำ เขาเกร็งกล้ามเนื้อง้างหมัดรอ แล้วนับถอยหลังในใจ ตอนนี้เขาไม่มีร่างสหัสเดชะคอยเสริมพลัง ดังนั้นหมัดธรรมดาคงทำอะไรได้ไม่มากนัก
เมื่อถึงวินาทีที่ 31 ก็เป็นดังที่เขาคาดไว้ เศียรพญานาคโผล่พ้นผิวน้ำ มันชูคอขึ้นสูงอย่างโดดเด่น แล้วก็พุ่งลงมาทางเหนือภพทันที มันเกือบจะงับร่างของเหนือภพได้อีกครั้ง แต่เหนือภพกลับออกหมัดได้เร็วกว่า หมัดระดับหกถูกต่อยออกไปในระยะเผาขน
ผลั่ก !
บังเกิดคลื่นลมหมุนวนจนทำให้พญานาคเอนล้มเศียรฟาดกับผิวน้ำ เหนือภพรีบวิ่งทันที ขณะวิ่งอยู่นั้นสายตาเขาก็เหลือบไปเห็นเกล็ดพญานาคสีดำเกล็ดหนึ่งบนพื้น น่าจะเป็นเกล็ดที่ใต้หล้าเก็บมา แต่สุดท้ายก็ทิ้งในช่วงเวลาเอาตัวรอด เหนือภพหยิบมันไปด้วย
เขาวิ่งย้อนกลับไปทางเดิม เพียงครู่เดียวเขาก็ตามทันคนตระกูลใต้ทั้งสี่คน
“วิ่งต่อไป ! อย่าหยุด !”
เหนือภพตะโกนอย่างสุดเสียง ขณะที่เสียงตึงตังด้านหลัง ดังตามมาต่อเนื่อง ยิ่งดังเท่าไหร่ ทางเดินถ้ำก็ยิ่งสั่นไหวรุนแรงจนมีหินและก้อนแร่ร่วงกราวตกลงมา
“วิ่งไป ! เร็วกว่านี้ !”
เหนือภพกระตุ้นเพื่อนร่วมกลุ่มที่กำลังวิ่งช้าลงเรื่อย ๆ ก็จะไม่ให้ความเร็วตกลงได้อย่างไร พวกเขาดำน้ำท่ามกลางความมืดและความหนาวเย็นนานกว่าสิบนาที ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็ต้องมาวิ่งต่อ ตอนนี้พวกเขาเริ่มมีอาการหอบหายใจไม่ทันแล้ว นี่ถ้าหากพญานาคยังไล่ตามมา พวกเขาต้องวิ่งต่อไปเรื่อย ๆ ถึง 3 วัน 3 คืนเชียวนะถึงจะกลับขึ้นไปในเส้นทางปกติของเหมืองแร่โชคไพศาลได้ พอคิดไปคิดมาพวกเขาก็เริ่มถอดใจ พวกเขาหนีไม่รอดแน่
“เหนือภพพวกข้าไม่รอดแน่ เจ้าเอาแร่พวกนี้ไปส่งให้ตระกูลใต้ของข้า ถือเป็นคำขอร้องจากพวกข้าละกัน”
ใต้ศิลาวิ่งไปด้วยพูดไปด้วย ขณะถอดกระเป๋าที่แร่ที่สะพายอยู่ให้กับเหนือภพ เขาจะอยู่ที่นี่คอยถ่วงเวลาไว้เอง
ใต้หล้าก็เห็นด้วยกับท่านอาเขาถอดกระเป๋าแร่ออกเช่นกัน แม้จะไม่อยากตายแต่เขาก็ยึดถือผลประโยชน์ของตระกูลมาก่อนผลประโยชน์ส่วนตัว
“ของข้าด้วย”
“ข้าด้วย”
“ข้าด้วย”
นักขุดเหมืองอีกสองคนก็ต้องการเสียสละชีวิตและช่วยถ่วงเวลาเช่นกัน
“อย่ามาผลักภาระให้ข้าสิ”
เหนือภพเขาปฏิเสธด้วยอาการเหนื่อยหอบ เขาก็เหนื่อยไม่แพ้กันทั้งหนี ทั้งสู้ และต้องช่วยคนอื่นอีก ร่างกายของเขาก็ใกล้ถึงขีดจำกัดเต็มที แต่เขาก็ยังพอทนไหว
เหนือภพตัดสินใจพุ่งไปข้างหน้า ชกผนังถ้ำที่มีรอยร้าวอยู่แล้ว จนเกิดเป็นช่องว่างขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ จากนั้นเหนือภพก็จับพวกเขาสี่คนยัดเข้าไปในนั้นจนแน่น แล้วบอกว่า
“พวกเจ้ารอให้พญานาคเลื้อยผ่านไปแล้วค่อยออกมาละกัน ข้าจะล่อให้เอง”
พูดจบเหนือภพก็ออกวิ่งต่อไป โดยไม่สนใจเสียงร้องตะโกนไล่หลังด้วยความเป็นห่วงของทั้งสี่คน
“เหนือภพเจ้าทำบ้าอะไร”
“เจ้าทำแบบนี้ไม่ได้นะ”
“…………………..”
ถ้าหากพวกเขาซ่อนตัวที่นั่นก็จะปล่อยภัย แม้เส้นทางโพรงถ้ำนี้จะมีขนาดใหญ่แต่ก็ไม่ใหญ่พอให้พญานาคกลับตัวได้ ถ้ามันจะกลับเข้าไปยังที่มันจากมา มันต้องตามเหนือภพออกไปข้างนอกเหมืองแล้วค่อยหันหัวเลื้อยกลับเข้ามาอีกที
ขณะที่เหนือภพวิ่งนำหน้าต่อไปเรื่อย ๆ เสียงตึง ๆ ที่ตามมาข้างหลังก็กระชั้นชิดเข้ามา ความเร็วในการวิ่งของเหนือภพเริ่มตกลง แต่เขาก็ยังคงฝืนตัวเอง ก่อนจะล้วงมือลงไปในถุงผ้า เพื่อคลำหาใบว่านชนิดหนึ่ง ลักษณะใบว่านคล้ายกระทิงมีสีแดงปนเขียว
นี่คือ ว่านกระทิงคลั่ง ช่วยเพิ่มพละกำลังและเรี่ยวแรงให้มากขึ้นชั่วคราว แต่มันก็มีผลเสียอยู่ หากไม่จำเป็นเขาก็ไม่อยากใช้นัก
ว่านกระทิงคลั่ง สามารถบำรุงโลหิต แก้อาการปวดเมื่อยตามร่างกายได้ชะงัดนัก และมีสรรพคุณโดดเด่นเป็นยาบำรุงกำลัง มักนำมาใช้เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ คล้ายกับโด่ไม่รู้ล้ม และม้ากระทืบโรง แต่มันให้ผลรุนแรงยิ่งกว่า เมื่อใช้แล้วต้องหาทางปลดปล่อยไม่เช่นนั้นมันก็จะโด่อยู่แบบนั้น
ว่านที่ใช้เป็นยากำหนัดของผู้ชายด้อยสมรรถภาพแบบนี้นับว่าหาได้ยากบนโลกภายนอก แต่ที่วัดนั้นกลับมีอยู่มากเพราะไม่มีใครใช้ อาจารย์แนะนำให้เขาพกเอาไว้ และก็เตือนว่าหากไม่อยู่ในสถานการณ์เฉียดตายจริง ๆ ห้ามใช้เด็ดขาด เพราะผลลัพธ์นั้นมันไม่ดีต่อผู้บำเพ็ญศีล

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+