Top Up Now 2 ภาคบุรุษหมื่นเหรียญ 62 สางลําไพร

Now you are reading Top Up Now 2 ภาคบุรุษหมื่นเหรียญ Chapter 62 สางลําไพร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 62 สางลําไพร

เหนือภพวิ่งนําอยู่หน้าสุดอีกครั้ง ส่วนเฮงเฮงก็ยังคงรั้งท้ายเช่น เคยแม้จะออกตัวทิ้งห่างเหนือภพไปก่อนหน้านับร้อยเมตร

ในตอนนี้เหนือภพมีความคิดที่ว่าถ้าจะซวยก็ซวยกันให้สุดๆ ให้รับรู้กันให้ทั่วกันไปเลย มันคงน่าเสียดายที่ทีมเขาต้องมาเผชิญกับสิ่งมีชีวิตอันน่าขนลุกพวกนี้เพียงลําพัง

 

โครม !!

 

ทีมของเหนือภพวิ่งทะลุทําลายกําแพงเก่าโบราณล้อมรอบมหาวิหารชั้นนอก พุ่งตัวเข้าไปยังเขตชั้นในที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมโบราณประเภทบ้านเรือนยุคเก่าขนาดเล็กใหญ่นับร้อย พวกมันกําลังเสื่อมโทรมแต่ก็ดูสวยคลาสสิกไปอีกแบบ ใจกลางหมู่บ้านมีมหาวิหารกว้างใหญ่ตั้งตระหง่านท้ากาลเวลา แค่เสาเพียงต้นเดียวภายในมหาวิหารก็กว้างมากพอสําหรับยี่สิบกว่าคนโอบ หลังคาวิหารที่เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าแบนราบอยู่สูงขึ้นไปคล้ายดาดฟ้าที่ซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มเมฆหมอกสีขาวหนาเตอะ

“นี่เจ้าว่าทีมที่ใกล้ที่สุดอยู่ทางไหน”

 

เหนือภพเอ่ยถามพญานาคอย่างรวดเร็ว เขาไม่สะดวกที่จะใช้ความสามารถของเหล็กไหลหาทิศทางของแร่มีสีในขณะเคลื่อนไหว ไม่เช่นนั้นเขาก็ไม่ต่างจากคนตาบอดที่กําลังวิ่ง

 

“ทางเหนือมีอยู่สองทีมห่างออกไปสักประมาณ 800 เมตรได้ ทางตะวันออกมีอีกสองทีมห่างไปสักประมาณ 1,000 เมตร

 

พญานาคเอยอย่างไม่ลังเล ก่อนจะเงยหน้ามองไปทางดาดฟ้าของมหาวิหารที่น่าจะสูงจากพื้นสัก 300 เมตร มันสูงมากจนมองเห็นปุยเมฆที่ปกคลุมอยู่ หากเป็นคนธรรมดาก็ยากจะเห็นว่ามีอะไรอยู่ข้างบน

 

“พวกครุฑซ่อนตัวอยู่บนนั้น

พญานาคเปลี่ยนวิธีพูดปกติมาเป็นการสื่อสารทางจิต เนื่องจากไม่ต้องการให้คนอื่นได้ยิน เมื่อเหนือภพได้ยินเสียงในจิตเช่นนั้นก็แสดงสีหน้าเบิกบาน แม้ในใจจะเคร่งเครียด แต่เขาก็ทําตัวผ่อนคลายเอาไว้ ขณะที่พญานาคยังสื่อสารมาอย่างต่อเนื่อง

 

“มันอยู่ใกล้พวกเรามาก

 

ที่มปริศนามีฝีมือในการซ่อนและพรางตัวตนเยี่ยมยอดมาก แม้แต่พญานาคก็ยังเกือบพลาดท่าถูกหลอก โชคดีที่แม้เจ้าพวกนั้นจะมีทักษะสูงแต่ก็ยากที่ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพเป็นเวลานานๆ การใช้ทักษะขั้นสูงเพื่อซ่อนตัวคนทั้งทีมย่อมต้องใช้ปราณอาคมมากเป็นธรรมดา ต่อให้แข็งแกร่งมีปราณอาคมในร่างกายมากเพียงไหน ก็ย่อมมีช่วงเวลาที่อาคมอ่อนล้า นั่นจึงเป็นสาเหตุที่พญานาคสัมผัสคนกลุ่มนี้ได้

แต่เหนือภพยังคาดเดาไม่ออกว่าพวกนั้นเป็นใครมาจากทีมไหน เพราะคนที่ใช้อาคมครุฑได้มีหลายคนทั้งจากทีมเพชรการเวกขององค์หญิงบุษย์น้ําเพชร ทีมบ้านปักษาหงส์ทองขององค์หญิงบุษย์น้ําทอง และทีมเทพเจ้า ไม่ว่าพวกนั้นเป็นคนจากทีมไหนเหนือภพก็ยังทําอะไรไม่ได้ในตอนนี้ เขาเพียงวิ่งผ่านไปอย่างรวดเร็วเท่านั้น

 

“เอาแล้วค่ะท่านผู้ชม ดูเหมือนทีมบ้านรุ่งโรจน์ร่ํารวยเงินทองไหลมาเทมาทุกๆวินาทียังคงไม่รู้ตัวว่ากําลังถูกติดตามอยู่ พวกเขายังคงคิดว่าวิญญาณวนเวียน เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตที่ทางเราจัดเตรียมเอาไว้ แน่นอนว่าส่วนหนึ่งก็ใช่ค่ะ แต่ว่าวิญญาณวนเวียนนั้นชื่อก็บอกอยู่นะเจ้าค่ะว่าวนเวียน การที่มันเคลื่อนได้ไกลมากขนาดนั้น ทําไมถึงคิดไม่ออกกันล่ะคะเนี่ยว่ามันถูกควบคุมโดยผู้อื่น มันน่าตื่นเต้นสุดๆไปเลยเจ้าค่ะ ไม่คิดว่าในการประมูลรอบนี้เราจะเห็นผู้ใช้ใสยเวทย์ปราบผีที่มีอายุน้อยร่วมทีมมาด้วย”

พิธีกรสาวบรรยายอย่างตื่นเต้นเพียงคนเดียว ขณะที่ผู้ชมรอบข้างโดยเฉพาะผู้ทรงอํานาจแต่ละกลุ่มที่ส่งบุตรหลานผู้มีความสามารถเข้าไปเพื่อแย่งชิงภารกิจหลัก ถึงกับนิ่วหน้า เคร่งเครียด เมื่อต้องคิดถึงเวลาที่บุตรหลานของตนต้องเจอกับผู้ใช้ไสยเวทย์ปราบผีที่มีอาวุธเด็ดอย่างวิญญาณวนเวียน มันเป็นอะไรที่ยากจะต่อกร

 

“เฮงเฮง ได้เวลาแสดงความสามารถนายแล้ว”

เหนือภพตะโกนหาเฮงเฮงที่ยังคงวิ่งรั้งท้าย เมื่อเขามีแผนในใจ หลังจากได้ยินคําคาดการณ์ของพญานาคในความคิดว่าการที่วิญญาณวนเวียนเคลื่อนที่ได้ไกลขนาดนี้ มันมีความเป็นไปได้ว่าจะมีผู้ควบคุม

 

“ค่ะ”

 

เฮงเฮงแสดงสีหน้าไม่เข้าใจ แต่เมื่อเห็นเหนือภพชี้ไปทิศทางหนึ่ง เขาก็เกือบจะเข่าอ่อน คาดว่าเขาจะต้องเป็นตัวล่อความซวยออกไปอีกแล้ว

“เจ้าไปทางนั้น”

เฮงเฮงพยักหน้าเข้าใจ แต่ท่าทางของเขานั้นดูชักช้ายืดยาดเกินไปในสายตาพญานาค เฮงเฮงจึงถูกหางเท่าลําต้นกล้วยฟาดใส่กัน

 

ฟับ !

ร่างเพรียวบางแต่แน่นกํายําพุ่งออกไปดุจกระสุนปืนใหญ่ และนั่นก็ทําเรื่องให้ฝ่ายที่หลบซ่อนอยู่คาดไม่ถึง กลุ่มควันดําที่เคยอยู่ในการควบคุมของพวกเขากลับไม่ทําตามคําสั่ง นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่วิญญาณวนเวียนมีท่าทางดุเดือดเลือดพล่าน ความคลุ้มคลั่งนี้เกิดขึ้นกับมันตั้งแต่ที่พบกับทีมชื่อยาวเหยียด

กลุ่มควันสีดําเริ่มเด่นชัดและบ้าคลั่งมากขึ้นหลังจากที่ชายหนุ่มที่ชื่อว่าเฮงเฮงถูกสะบัดเขวี่ยงออกไป วิญญาณวนเวียนเคลื่อนตัวตามเฮงเฮงไปด้วยความรวดเร็ว เรื่องนี้สร้างความเบิกบานให้กับเหนือภพเป็นอย่างมาก จนเขาผิวปากเป็นทํานองออกมาด้วยความรื่นรมย์เปรมปรีดิ์ จากนั้นเหนือภพก็ถอดกางเกงออกแล้วหันหน้า เข้าซอกมุมหนึ่งอย่างหน้าไม่อาย พร้อมกับหันมาทางไร้ชื่อที่ดูเหมือนจะมีอาการปวดท้องเบาเช่นกัน

“ถ้าเจ้าปวดก็มาทางนี้ ทางนี้วิวดีกว่ากันเยอะ”

ภาพชายหนุ่มทั้งสองยื่นฉี่อยู่กลางซากหมู่บ้าน นั้นทําให้ผู้มีอํานาจกลุ่มหนึ่งร้องอ๋า สตรีส่วนใหญ่ร้องอี๋ ปิดตาตัวเองโดยเว้นช่องว่างระหว่างนิ้วไว้ ส่วนพิธีกรสาวถึงกับหน้าแดงซ่าน เธอเลือกวิ่งอ้อมไปบรรยายการต่อสู้ของที่มบ้านลานเงินและทีมแม่ทัพหลวงที่อยู่ไกลออกไปแทน

เหนือภพและไร้ชื่อนี่ยังไม่ทันเสร็จก็มีเสียงกรีดร้องของทั้งสตรี และชายหนุ่มดังขึ้นเมื่อน้ําปัสสาวะของเขาส่ายไปส่ายมาเป็นสายซ้ายขวา แล้วตั้งใจฉีดรดเข้าไปในซอกกําแพงกว้างที่พวกเขาซ่อนตัวอยู่ เหนือภพรู้ได้ยังไงว่าพวกเขาซ่อนตัวอยู่ที่นี่

“กรี้ดดด ไอ้บ้า”

 

ทั้งเหนือภพและไร้ชื่อสะดุ้งตกใจ เหนือภพรีบเก็บน้องชายเข้าที่ พลางแสร้งร้องเสียงหลง ส่วนไร้ชื่อนั้นอยู่ในภาวะตื่นตัว เขาเลือกชักดาบของตัวเองออกมา แทนที่จะดึงกางเองที่กองรุ่นอยู่ข้อเท้าขึ้น

“ศัตรู !”

เหนือภพหันมาช่วยดึงกางเกงของไร้ชื่อขึ้นมาด้วยสีหน้าอ่อนใจ

“เจ้าน่ะ เรียงลําดับความสําคัญก่อนไหม โฉ่งฉ่างเกินไปแล้ว”

“ศัตรู”

 

ไร้ชื่อหันมองเหนือภพอย่างไม่เข้าใจว่าทําไมจ่าฝูงของเขายังดูสงบนิ่งอยู่อีก ในเมื่อตอนนี้ศัตรูอยู่ข้างหน้าแล้ว

 

“ผู้ชายหน้าไม่อายเช่นนั้นเจ้ายังจะชอบเขาอยู่อีกเหรอ”

 

พราวจันทร์เอ่ยถามบุษบาด้วยท่าที่เรียบนิ่งเช่นเคย เธอไม่แปลกใจกับการกระทําเหนือภพนัก ความต่ําตมที่ไม่มีใครเทียบเคียง มีแค่เขาคนเดียวในโลกที่ทําได้ รู้ทั้งรู้ว่านั่นเป็นสนามประลองที่มีคนดูอยู่มาก ก็ยังพาสหายแสนซื่อทําเรื่องอุจาดแบบนั้นได้

 

“ข้าว่าเขาเปิดเผยดีออก”

 

บุษบาตอบพลางยิ้มเอียงอายอย่างพองาม ใบหน้าแดง สองมือบิดจับชายกระโปรงแน่น พราวจันทร์จนปัญญาจะพูดต่อ มีอย่างที่ไหน ผู้ชายที่ไม่ได้เรื่องแบบนั้นยังมีคนจะมาแย่งกับเธออีก

แต่ไม่ทันที่พราวจันทร์จะได้ขยับชายกระโปรงที่เปิดเลิกขึ้นมาถึงโคนขา จดหมายอาคมรูปผีเสื้อก็บินลงมาเกาะบนไหล่นวลเนียนไร้อาภรณ์ปกปิด เธอจ้องมองเพียงชั่วครู่ จากนั้นผีเสื้ออาคมก็สลายไป

“เริ่มแล้วหรือคะ” บุษบาไถ่ถามด้วยความกังวล

 

“ทางนั้นก็ย่อมรู้ว่าพวกเราจะใช้โอกาสนี้ แล้วนั่นจะเป็นการดีหรือคะ”

 

บุษบาเองก็คิดว่านี่เป็นโอกาสดี แต่ฝ่ายตรงข้ามก็คงคิดเห็นเช่นเดียวกัน พวกเขาย่อมต้องมีการป้องกันล่วงหน้า แล้วเช่นนี้ไม่เท่ากับว่านําตัวเองเข้าไปในกับดักของศัตรูหรืออย่างไร

 

พราวจันทร์ยิ้มแล้วก็ส่ายหน้าน้อยๆ ขณะขยับกระโปรงแล้วก็จิบชาร้อนหอมกรุ่น จากนั้นค่อยตอบกลับด้วยน้ําเสียงอ่อนโยน

 

“เจ้ากังวลไปไย ทุกการศึกย่อมมีความเสี่ยง หากไม่กล้าที่จะเสี่ยงมีหรือจะประสบความสําเร็จ แล้วที่สําคัญก็คือข้าเชื่อใจพี่ทานธรรม เขารู้ดีว่าเขากําลังทําอะไรอยู่”

 

“ค่ะ”

 

บุษบารับคําอย่างเชื่อฟัง จากนั้นเธอก็หันกลับไปจ้องมองชายหนุ่มที่เธอเห็นว่าโดดเด่นที่สุด

“ทีมนิรันดร์กาล”

 

เหนือภพพิมพ์ออกมาเมื่อสังเกตเห็นสร้อยหินแร่ปะปนอยู่กับสร้อยลูกประคําสีดําหลายเส้นบนคอหญิงสาวที่แต่งกายคล้ายพวกหมอผีมนต์ดํา เธอแต่งหน้าจัดด้วยแป้งขาว เขียนรอบดวงตาด้วยดินสอดําจนเป็นขอบหนา ริมฝีปากทาสีเลือดหมู หนําซ้ําเปลือกตาของเธอยังทาอะไรบางอย่างที่มีสีเทาเข้ม ไม่รู้ว่าเธอไปเห็นรูปแบบการแต่งหน้าเช่นนี้มาจากไหน แต่มันช่างดูเลวร้ายยิ่งนักสําหรับหนุ่มน้อยจากหมู่บ้านแร่ห้าสี

 

เธอชื่อว่า สางลําไพร เบื้องหน้าของเธอมีชายหนุ่มอ่อนวัยสองคนยืนถือกระบองเหล็กใหญ่สั้น ยืนเยื้องคุ้มกันเธอใกล้ชิดทั้งซ้ายขวา ชายหนุ่มทางด้านขวามีทรงผมตั้งสีแดงเพลิงเป็นเอกลักษณ์ แค่ดูก็รู้ว่าเป็นพวกบ้าพลัง เขาคือ ยศพล ลูกขุนนางชั้นสูงรุ่นใหม่ไฟแรงของนิรันดร์กาลนคร ส่วนด้านซ้ายของสางลําไพรคือชายหนุ่มหน้าหวานเส้นผมสีแดงดําเหลือบชมพู เขารวบทรงผมเรียบร้อย ดูเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่ได้เกิดจากการเสริมแต่ง เขาคือ องค์ชายเตชินท์ องค์ชายสิบสองของเมืองอนันต์

“ไอ้สารเลวสัตว์นรก กล้าดียังไงถึงมาฉีรดพวกข้า”

 

ยศพลคํารามอย่างเกรี้ยวกราด เขาตั้งใจจะพุ่งเข้ามาโจมตีเหนือภพ แต่ถูกเตชินท์ยกมือห้ามเอาไว้

“ใจเย็นก่อน”

 

สายตาของเตชินท์ดูลึกล้ํา ท่าทางสงบนิ่งของเขาไม่เหมือนดังข่าวลือ ที่ว่าเขาเป็นเพียงองค์ชายด้อยค่าไม่ได้มีความสลักสําคัญใดในราชวงศ์อนันต์

“ข้าบอกแล้วว่าอย่าใช้วิญญาณอาฆาตนั้น พวกเจ้าไม่เชื่อข้า อยากให้ข้าใช้ให้ได้ คราวนี้เป็นไงล่ะ พวกเจ้าต้องซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ข้า”

สางลําไพรมีความสามารถในการทํานาย ก่อนหน้านี้เธอได้ทํานายเอาไว้ว่าจะพบกับโชคร้ายที่เน่าเหม็น พอคิดถึงตรงนี้กลิ่นฉุนก็ฟังตลบอบอวลจากฉีของเหนือภพและไร้ชื่อ มันติดอยู่ตามเสื้อผ้าของพวกเธอ สร้างความหงุดหงิดและปั่นป่วนใจแก่พวกเธอมาก เจ้าพวกบ้านที่มีเยอะแยะดันไม่นี่

 

สายตาของหญิงสาวเต็มไปด้วยความรังเกียจและก็หงุดหงิด แต่เตชินท์กลับไม่คิดเช่นนั้น

“พวกเจ้ารู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าพวกข้าแอบสะกดรอยตามเจ้า”

เตชินท์รู้ดีว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ หากเป็นเหนือภพทําเพียงคนเดียวก็ว่าไปอย่าง แต่เขากลับเรียกอีกคนให้มาฉีด้วยกัน เห็นได้ชัดว่าเป็นการจงใจ

“ใครจะไปรู้กัน พวกเจ้าดวงซวยกันเองต่างหาก”

เรื่องอะไรเหนือภพจะยอมรับ เขาไม่มีเหตุผลที่จะต้องไขข้อข้องใจให้คนอื่น มีสมองก็คิดกันเอาเองสิ

“อีกอย่างข้าสที่จะต้องถามพวกเจ้า ชายสองหญิง หนึ่งเป็นโรคจิตหรือยังไง มาแอบดูจ้าวโลกของพวกข้า พวกเจ้าว่า มาว่าจะรับผิดชอบยังไง ใช่ไหมไร้ชื่อ”

ไร้ชื่อพยักหน้าด้วยใบหน้าทิ้งตึง เขาชักดาบออกมาพร้อมท่าทางน่าเกรงขาม หากฝ่ายตรงข้ามแสดงเจตนาปฏิปักษ์ เขาจะเป็นคนแรกที่จะเข้าไปฆ่ามัน

“เจ้าบัดซบนี้ แน่จริงก็มาสู้กับข้าตัวต่อตัว”

ยศพลพูดตอบโต้อย่างไม่ยอมความ แต่ไม่รู้ว่าเพราะถูกรั้งโดยเพื่อนร่วมทีม หรือเขาไม่กล้าพอกันแน่ เขาจึงได้มีท่าทางยึกยักไม่เคลื่อนไหว แต่เหนือภพไม่เป็นเช่นนั้น เขาเหวี่ยงพญานาคที่กําลังกระเหี้ยนกระหือรืออยากจะหาเรื่องเต็มทนเข้าไปหาทศพล พร้อมบอกออกไปด้วยความหวังดีว่า

 

“ระวังหน่อยนะผมแดง ไอ้บ้านั่นมันชอบกินคน อย่าพลาดท่าถูกกินล่ะ”

 

เหนือภพยิ้มกว้าง แต่ก็ต้องเบิกตากว้างรีบพุ่งไปห้ามไร้ชื่อ เขาเป็นคนที่เผลอไม่ได้เอะอะก็จะฟัน ฟันใครไม่ว่าจะฟันผู้หญิงนี่สิ ทําเอาเหนือภพรู้สึกเสียววาบ เขารู้สึกว่ามันรุนแรงไปสักหน่อย แต่ไร้ชื่อก็เป็นพวกไม่ยอมอ่อนข้อให้ใคร

 

เหนือภพพุ่งตัวขวางดาบของไร้ชื่อไว้

“ผู้หญิงคนนี้ข้าจัดการเอง เจ้าไปจัดการเจ้าหน้าหวานนั่น ดูเหมาะกับเจ้าดี”

ไร้ชื่อไม่ปฏิเสธ สําหรับเขาอะไรก็ได้ จะสู้กับใครก็เหมือนกัน

เตชินท์ขมวดคิ้วเขาไม่มีอาวุธคู่กายอะไร แต่เพียงพริบตาเดียวไม่รู้ว่าเขาใช้อาคมประเภทไหน เมื่อเริ่มการต่อสู้ร่างกายบางส่วนของเตชินท์ก็ยกขึ้นต้านรับคมดาบของไร้ชื่อ ไม่ว่าร่างกายส่วนใดที่รับคมดาบนั้นมันจะกลายเป็นสีดํามืดมิด ช่วยดูดซับความเสียหายที่พุ่งเข้ามา

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Top Up Now 2 ภาคบุรุษหมื่นเหรียญ 62 สางลําไพร

Now you are reading Top Up Now 2 ภาคบุรุษหมื่นเหรียญ Chapter 62 สางลําไพร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 62 สางลําไพร

เหนือภพวิ่งนําอยู่หน้าสุดอีกครั้ง ส่วนเฮงเฮงก็ยังคงรั้งท้ายเช่น เคยแม้จะออกตัวทิ้งห่างเหนือภพไปก่อนหน้านับร้อยเมตร

ในตอนนี้เหนือภพมีความคิดที่ว่าถ้าจะซวยก็ซวยกันให้สุดๆ ให้รับรู้กันให้ทั่วกันไปเลย มันคงน่าเสียดายที่ทีมเขาต้องมาเผชิญกับสิ่งมีชีวิตอันน่าขนลุกพวกนี้เพียงลําพัง

 

โครม !!

 

ทีมของเหนือภพวิ่งทะลุทําลายกําแพงเก่าโบราณล้อมรอบมหาวิหารชั้นนอก พุ่งตัวเข้าไปยังเขตชั้นในที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมโบราณประเภทบ้านเรือนยุคเก่าขนาดเล็กใหญ่นับร้อย พวกมันกําลังเสื่อมโทรมแต่ก็ดูสวยคลาสสิกไปอีกแบบ ใจกลางหมู่บ้านมีมหาวิหารกว้างใหญ่ตั้งตระหง่านท้ากาลเวลา แค่เสาเพียงต้นเดียวภายในมหาวิหารก็กว้างมากพอสําหรับยี่สิบกว่าคนโอบ หลังคาวิหารที่เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าแบนราบอยู่สูงขึ้นไปคล้ายดาดฟ้าที่ซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มเมฆหมอกสีขาวหนาเตอะ

“นี่เจ้าว่าทีมที่ใกล้ที่สุดอยู่ทางไหน”

 

เหนือภพเอ่ยถามพญานาคอย่างรวดเร็ว เขาไม่สะดวกที่จะใช้ความสามารถของเหล็กไหลหาทิศทางของแร่มีสีในขณะเคลื่อนไหว ไม่เช่นนั้นเขาก็ไม่ต่างจากคนตาบอดที่กําลังวิ่ง

 

“ทางเหนือมีอยู่สองทีมห่างออกไปสักประมาณ 800 เมตรได้ ทางตะวันออกมีอีกสองทีมห่างไปสักประมาณ 1,000 เมตร

 

พญานาคเอยอย่างไม่ลังเล ก่อนจะเงยหน้ามองไปทางดาดฟ้าของมหาวิหารที่น่าจะสูงจากพื้นสัก 300 เมตร มันสูงมากจนมองเห็นปุยเมฆที่ปกคลุมอยู่ หากเป็นคนธรรมดาก็ยากจะเห็นว่ามีอะไรอยู่ข้างบน

 

“พวกครุฑซ่อนตัวอยู่บนนั้น

พญานาคเปลี่ยนวิธีพูดปกติมาเป็นการสื่อสารทางจิต เนื่องจากไม่ต้องการให้คนอื่นได้ยิน เมื่อเหนือภพได้ยินเสียงในจิตเช่นนั้นก็แสดงสีหน้าเบิกบาน แม้ในใจจะเคร่งเครียด แต่เขาก็ทําตัวผ่อนคลายเอาไว้ ขณะที่พญานาคยังสื่อสารมาอย่างต่อเนื่อง

 

“มันอยู่ใกล้พวกเรามาก

 

ที่มปริศนามีฝีมือในการซ่อนและพรางตัวตนเยี่ยมยอดมาก แม้แต่พญานาคก็ยังเกือบพลาดท่าถูกหลอก โชคดีที่แม้เจ้าพวกนั้นจะมีทักษะสูงแต่ก็ยากที่ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพเป็นเวลานานๆ การใช้ทักษะขั้นสูงเพื่อซ่อนตัวคนทั้งทีมย่อมต้องใช้ปราณอาคมมากเป็นธรรมดา ต่อให้แข็งแกร่งมีปราณอาคมในร่างกายมากเพียงไหน ก็ย่อมมีช่วงเวลาที่อาคมอ่อนล้า นั่นจึงเป็นสาเหตุที่พญานาคสัมผัสคนกลุ่มนี้ได้

แต่เหนือภพยังคาดเดาไม่ออกว่าพวกนั้นเป็นใครมาจากทีมไหน เพราะคนที่ใช้อาคมครุฑได้มีหลายคนทั้งจากทีมเพชรการเวกขององค์หญิงบุษย์น้ําเพชร ทีมบ้านปักษาหงส์ทองขององค์หญิงบุษย์น้ําทอง และทีมเทพเจ้า ไม่ว่าพวกนั้นเป็นคนจากทีมไหนเหนือภพก็ยังทําอะไรไม่ได้ในตอนนี้ เขาเพียงวิ่งผ่านไปอย่างรวดเร็วเท่านั้น

 

“เอาแล้วค่ะท่านผู้ชม ดูเหมือนทีมบ้านรุ่งโรจน์ร่ํารวยเงินทองไหลมาเทมาทุกๆวินาทียังคงไม่รู้ตัวว่ากําลังถูกติดตามอยู่ พวกเขายังคงคิดว่าวิญญาณวนเวียน เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตที่ทางเราจัดเตรียมเอาไว้ แน่นอนว่าส่วนหนึ่งก็ใช่ค่ะ แต่ว่าวิญญาณวนเวียนนั้นชื่อก็บอกอยู่นะเจ้าค่ะว่าวนเวียน การที่มันเคลื่อนได้ไกลมากขนาดนั้น ทําไมถึงคิดไม่ออกกันล่ะคะเนี่ยว่ามันถูกควบคุมโดยผู้อื่น มันน่าตื่นเต้นสุดๆไปเลยเจ้าค่ะ ไม่คิดว่าในการประมูลรอบนี้เราจะเห็นผู้ใช้ใสยเวทย์ปราบผีที่มีอายุน้อยร่วมทีมมาด้วย”

พิธีกรสาวบรรยายอย่างตื่นเต้นเพียงคนเดียว ขณะที่ผู้ชมรอบข้างโดยเฉพาะผู้ทรงอํานาจแต่ละกลุ่มที่ส่งบุตรหลานผู้มีความสามารถเข้าไปเพื่อแย่งชิงภารกิจหลัก ถึงกับนิ่วหน้า เคร่งเครียด เมื่อต้องคิดถึงเวลาที่บุตรหลานของตนต้องเจอกับผู้ใช้ไสยเวทย์ปราบผีที่มีอาวุธเด็ดอย่างวิญญาณวนเวียน มันเป็นอะไรที่ยากจะต่อกร

 

“เฮงเฮง ได้เวลาแสดงความสามารถนายแล้ว”

เหนือภพตะโกนหาเฮงเฮงที่ยังคงวิ่งรั้งท้าย เมื่อเขามีแผนในใจ หลังจากได้ยินคําคาดการณ์ของพญานาคในความคิดว่าการที่วิญญาณวนเวียนเคลื่อนที่ได้ไกลขนาดนี้ มันมีความเป็นไปได้ว่าจะมีผู้ควบคุม

 

“ค่ะ”

 

เฮงเฮงแสดงสีหน้าไม่เข้าใจ แต่เมื่อเห็นเหนือภพชี้ไปทิศทางหนึ่ง เขาก็เกือบจะเข่าอ่อน คาดว่าเขาจะต้องเป็นตัวล่อความซวยออกไปอีกแล้ว

“เจ้าไปทางนั้น”

เฮงเฮงพยักหน้าเข้าใจ แต่ท่าทางของเขานั้นดูชักช้ายืดยาดเกินไปในสายตาพญานาค เฮงเฮงจึงถูกหางเท่าลําต้นกล้วยฟาดใส่กัน

 

ฟับ !

ร่างเพรียวบางแต่แน่นกํายําพุ่งออกไปดุจกระสุนปืนใหญ่ และนั่นก็ทําเรื่องให้ฝ่ายที่หลบซ่อนอยู่คาดไม่ถึง กลุ่มควันดําที่เคยอยู่ในการควบคุมของพวกเขากลับไม่ทําตามคําสั่ง นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่วิญญาณวนเวียนมีท่าทางดุเดือดเลือดพล่าน ความคลุ้มคลั่งนี้เกิดขึ้นกับมันตั้งแต่ที่พบกับทีมชื่อยาวเหยียด

กลุ่มควันสีดําเริ่มเด่นชัดและบ้าคลั่งมากขึ้นหลังจากที่ชายหนุ่มที่ชื่อว่าเฮงเฮงถูกสะบัดเขวี่ยงออกไป วิญญาณวนเวียนเคลื่อนตัวตามเฮงเฮงไปด้วยความรวดเร็ว เรื่องนี้สร้างความเบิกบานให้กับเหนือภพเป็นอย่างมาก จนเขาผิวปากเป็นทํานองออกมาด้วยความรื่นรมย์เปรมปรีดิ์ จากนั้นเหนือภพก็ถอดกางเกงออกแล้วหันหน้า เข้าซอกมุมหนึ่งอย่างหน้าไม่อาย พร้อมกับหันมาทางไร้ชื่อที่ดูเหมือนจะมีอาการปวดท้องเบาเช่นกัน

“ถ้าเจ้าปวดก็มาทางนี้ ทางนี้วิวดีกว่ากันเยอะ”

ภาพชายหนุ่มทั้งสองยื่นฉี่อยู่กลางซากหมู่บ้าน นั้นทําให้ผู้มีอํานาจกลุ่มหนึ่งร้องอ๋า สตรีส่วนใหญ่ร้องอี๋ ปิดตาตัวเองโดยเว้นช่องว่างระหว่างนิ้วไว้ ส่วนพิธีกรสาวถึงกับหน้าแดงซ่าน เธอเลือกวิ่งอ้อมไปบรรยายการต่อสู้ของที่มบ้านลานเงินและทีมแม่ทัพหลวงที่อยู่ไกลออกไปแทน

เหนือภพและไร้ชื่อนี่ยังไม่ทันเสร็จก็มีเสียงกรีดร้องของทั้งสตรี และชายหนุ่มดังขึ้นเมื่อน้ําปัสสาวะของเขาส่ายไปส่ายมาเป็นสายซ้ายขวา แล้วตั้งใจฉีดรดเข้าไปในซอกกําแพงกว้างที่พวกเขาซ่อนตัวอยู่ เหนือภพรู้ได้ยังไงว่าพวกเขาซ่อนตัวอยู่ที่นี่

“กรี้ดดด ไอ้บ้า”

 

ทั้งเหนือภพและไร้ชื่อสะดุ้งตกใจ เหนือภพรีบเก็บน้องชายเข้าที่ พลางแสร้งร้องเสียงหลง ส่วนไร้ชื่อนั้นอยู่ในภาวะตื่นตัว เขาเลือกชักดาบของตัวเองออกมา แทนที่จะดึงกางเองที่กองรุ่นอยู่ข้อเท้าขึ้น

“ศัตรู !”

เหนือภพหันมาช่วยดึงกางเกงของไร้ชื่อขึ้นมาด้วยสีหน้าอ่อนใจ

“เจ้าน่ะ เรียงลําดับความสําคัญก่อนไหม โฉ่งฉ่างเกินไปแล้ว”

“ศัตรู”

 

ไร้ชื่อหันมองเหนือภพอย่างไม่เข้าใจว่าทําไมจ่าฝูงของเขายังดูสงบนิ่งอยู่อีก ในเมื่อตอนนี้ศัตรูอยู่ข้างหน้าแล้ว

 

“ผู้ชายหน้าไม่อายเช่นนั้นเจ้ายังจะชอบเขาอยู่อีกเหรอ”

 

พราวจันทร์เอ่ยถามบุษบาด้วยท่าที่เรียบนิ่งเช่นเคย เธอไม่แปลกใจกับการกระทําเหนือภพนัก ความต่ําตมที่ไม่มีใครเทียบเคียง มีแค่เขาคนเดียวในโลกที่ทําได้ รู้ทั้งรู้ว่านั่นเป็นสนามประลองที่มีคนดูอยู่มาก ก็ยังพาสหายแสนซื่อทําเรื่องอุจาดแบบนั้นได้

 

“ข้าว่าเขาเปิดเผยดีออก”

 

บุษบาตอบพลางยิ้มเอียงอายอย่างพองาม ใบหน้าแดง สองมือบิดจับชายกระโปรงแน่น พราวจันทร์จนปัญญาจะพูดต่อ มีอย่างที่ไหน ผู้ชายที่ไม่ได้เรื่องแบบนั้นยังมีคนจะมาแย่งกับเธออีก

แต่ไม่ทันที่พราวจันทร์จะได้ขยับชายกระโปรงที่เปิดเลิกขึ้นมาถึงโคนขา จดหมายอาคมรูปผีเสื้อก็บินลงมาเกาะบนไหล่นวลเนียนไร้อาภรณ์ปกปิด เธอจ้องมองเพียงชั่วครู่ จากนั้นผีเสื้ออาคมก็สลายไป

“เริ่มแล้วหรือคะ” บุษบาไถ่ถามด้วยความกังวล

 

“ทางนั้นก็ย่อมรู้ว่าพวกเราจะใช้โอกาสนี้ แล้วนั่นจะเป็นการดีหรือคะ”

 

บุษบาเองก็คิดว่านี่เป็นโอกาสดี แต่ฝ่ายตรงข้ามก็คงคิดเห็นเช่นเดียวกัน พวกเขาย่อมต้องมีการป้องกันล่วงหน้า แล้วเช่นนี้ไม่เท่ากับว่านําตัวเองเข้าไปในกับดักของศัตรูหรืออย่างไร

 

พราวจันทร์ยิ้มแล้วก็ส่ายหน้าน้อยๆ ขณะขยับกระโปรงแล้วก็จิบชาร้อนหอมกรุ่น จากนั้นค่อยตอบกลับด้วยน้ําเสียงอ่อนโยน

 

“เจ้ากังวลไปไย ทุกการศึกย่อมมีความเสี่ยง หากไม่กล้าที่จะเสี่ยงมีหรือจะประสบความสําเร็จ แล้วที่สําคัญก็คือข้าเชื่อใจพี่ทานธรรม เขารู้ดีว่าเขากําลังทําอะไรอยู่”

 

“ค่ะ”

 

บุษบารับคําอย่างเชื่อฟัง จากนั้นเธอก็หันกลับไปจ้องมองชายหนุ่มที่เธอเห็นว่าโดดเด่นที่สุด

“ทีมนิรันดร์กาล”

 

เหนือภพพิมพ์ออกมาเมื่อสังเกตเห็นสร้อยหินแร่ปะปนอยู่กับสร้อยลูกประคําสีดําหลายเส้นบนคอหญิงสาวที่แต่งกายคล้ายพวกหมอผีมนต์ดํา เธอแต่งหน้าจัดด้วยแป้งขาว เขียนรอบดวงตาด้วยดินสอดําจนเป็นขอบหนา ริมฝีปากทาสีเลือดหมู หนําซ้ําเปลือกตาของเธอยังทาอะไรบางอย่างที่มีสีเทาเข้ม ไม่รู้ว่าเธอไปเห็นรูปแบบการแต่งหน้าเช่นนี้มาจากไหน แต่มันช่างดูเลวร้ายยิ่งนักสําหรับหนุ่มน้อยจากหมู่บ้านแร่ห้าสี

 

เธอชื่อว่า สางลําไพร เบื้องหน้าของเธอมีชายหนุ่มอ่อนวัยสองคนยืนถือกระบองเหล็กใหญ่สั้น ยืนเยื้องคุ้มกันเธอใกล้ชิดทั้งซ้ายขวา ชายหนุ่มทางด้านขวามีทรงผมตั้งสีแดงเพลิงเป็นเอกลักษณ์ แค่ดูก็รู้ว่าเป็นพวกบ้าพลัง เขาคือ ยศพล ลูกขุนนางชั้นสูงรุ่นใหม่ไฟแรงของนิรันดร์กาลนคร ส่วนด้านซ้ายของสางลําไพรคือชายหนุ่มหน้าหวานเส้นผมสีแดงดําเหลือบชมพู เขารวบทรงผมเรียบร้อย ดูเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่ได้เกิดจากการเสริมแต่ง เขาคือ องค์ชายเตชินท์ องค์ชายสิบสองของเมืองอนันต์

“ไอ้สารเลวสัตว์นรก กล้าดียังไงถึงมาฉีรดพวกข้า”

 

ยศพลคํารามอย่างเกรี้ยวกราด เขาตั้งใจจะพุ่งเข้ามาโจมตีเหนือภพ แต่ถูกเตชินท์ยกมือห้ามเอาไว้

“ใจเย็นก่อน”

 

สายตาของเตชินท์ดูลึกล้ํา ท่าทางสงบนิ่งของเขาไม่เหมือนดังข่าวลือ ที่ว่าเขาเป็นเพียงองค์ชายด้อยค่าไม่ได้มีความสลักสําคัญใดในราชวงศ์อนันต์

“ข้าบอกแล้วว่าอย่าใช้วิญญาณอาฆาตนั้น พวกเจ้าไม่เชื่อข้า อยากให้ข้าใช้ให้ได้ คราวนี้เป็นไงล่ะ พวกเจ้าต้องซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ข้า”

สางลําไพรมีความสามารถในการทํานาย ก่อนหน้านี้เธอได้ทํานายเอาไว้ว่าจะพบกับโชคร้ายที่เน่าเหม็น พอคิดถึงตรงนี้กลิ่นฉุนก็ฟังตลบอบอวลจากฉีของเหนือภพและไร้ชื่อ มันติดอยู่ตามเสื้อผ้าของพวกเธอ สร้างความหงุดหงิดและปั่นป่วนใจแก่พวกเธอมาก เจ้าพวกบ้านที่มีเยอะแยะดันไม่นี่

 

สายตาของหญิงสาวเต็มไปด้วยความรังเกียจและก็หงุดหงิด แต่เตชินท์กลับไม่คิดเช่นนั้น

“พวกเจ้ารู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าพวกข้าแอบสะกดรอยตามเจ้า”

เตชินท์รู้ดีว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ หากเป็นเหนือภพทําเพียงคนเดียวก็ว่าไปอย่าง แต่เขากลับเรียกอีกคนให้มาฉีด้วยกัน เห็นได้ชัดว่าเป็นการจงใจ

“ใครจะไปรู้กัน พวกเจ้าดวงซวยกันเองต่างหาก”

เรื่องอะไรเหนือภพจะยอมรับ เขาไม่มีเหตุผลที่จะต้องไขข้อข้องใจให้คนอื่น มีสมองก็คิดกันเอาเองสิ

“อีกอย่างข้าสที่จะต้องถามพวกเจ้า ชายสองหญิง หนึ่งเป็นโรคจิตหรือยังไง มาแอบดูจ้าวโลกของพวกข้า พวกเจ้าว่า มาว่าจะรับผิดชอบยังไง ใช่ไหมไร้ชื่อ”

ไร้ชื่อพยักหน้าด้วยใบหน้าทิ้งตึง เขาชักดาบออกมาพร้อมท่าทางน่าเกรงขาม หากฝ่ายตรงข้ามแสดงเจตนาปฏิปักษ์ เขาจะเป็นคนแรกที่จะเข้าไปฆ่ามัน

“เจ้าบัดซบนี้ แน่จริงก็มาสู้กับข้าตัวต่อตัว”

ยศพลพูดตอบโต้อย่างไม่ยอมความ แต่ไม่รู้ว่าเพราะถูกรั้งโดยเพื่อนร่วมทีม หรือเขาไม่กล้าพอกันแน่ เขาจึงได้มีท่าทางยึกยักไม่เคลื่อนไหว แต่เหนือภพไม่เป็นเช่นนั้น เขาเหวี่ยงพญานาคที่กําลังกระเหี้ยนกระหือรืออยากจะหาเรื่องเต็มทนเข้าไปหาทศพล พร้อมบอกออกไปด้วยความหวังดีว่า

 

“ระวังหน่อยนะผมแดง ไอ้บ้านั่นมันชอบกินคน อย่าพลาดท่าถูกกินล่ะ”

 

เหนือภพยิ้มกว้าง แต่ก็ต้องเบิกตากว้างรีบพุ่งไปห้ามไร้ชื่อ เขาเป็นคนที่เผลอไม่ได้เอะอะก็จะฟัน ฟันใครไม่ว่าจะฟันผู้หญิงนี่สิ ทําเอาเหนือภพรู้สึกเสียววาบ เขารู้สึกว่ามันรุนแรงไปสักหน่อย แต่ไร้ชื่อก็เป็นพวกไม่ยอมอ่อนข้อให้ใคร

 

เหนือภพพุ่งตัวขวางดาบของไร้ชื่อไว้

“ผู้หญิงคนนี้ข้าจัดการเอง เจ้าไปจัดการเจ้าหน้าหวานนั่น ดูเหมาะกับเจ้าดี”

ไร้ชื่อไม่ปฏิเสธ สําหรับเขาอะไรก็ได้ จะสู้กับใครก็เหมือนกัน

เตชินท์ขมวดคิ้วเขาไม่มีอาวุธคู่กายอะไร แต่เพียงพริบตาเดียวไม่รู้ว่าเขาใช้อาคมประเภทไหน เมื่อเริ่มการต่อสู้ร่างกายบางส่วนของเตชินท์ก็ยกขึ้นต้านรับคมดาบของไร้ชื่อ ไม่ว่าร่างกายส่วนใดที่รับคมดาบนั้นมันจะกลายเป็นสีดํามืดมิด ช่วยดูดซับความเสียหายที่พุ่งเข้ามา

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+