Top Up Now 2 ภาคบุรุษหมื่นเหรียญ 47 วัฏจักร

Now you are reading Top Up Now 2 ภาคบุรุษหมื่นเหรียญ Chapter 47 วัฏจักร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

ตอนที่ 47 วัฏจักร

 

ตูม! ตูม!

 

ในขณะที่ฮันเตอร์แรงค์ D สองคนกําลังซัดพลังอาคมใส่เหนือภพ ก็พลันมีมวลพลังงานบางอย่างซัดเข้ามาขวางไว้ เท่านั้นยังไม่พอมวลพลังงานปริศนานั้นยังพัดเอากลุ่มอาคมสีทองลอยขึ้นไปบนฟ้าท่ามกลางพลุที่ยังคงถูกจุดอย่างต่อเนื่อง

 

ตึง !

 

จู่ ๆ ผนังห้องที่อยู่ติดกับห้องรับรองของตึกลําธารก็ล้มครืนลงมา ราวกับถูกใครถีบล้ม เผยให้เห็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ผมสีแดงเข้ม ผิวกายซีดขาว เขาอาจจะดูคล้ายเทพบุตรแต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย ด้วยใบหน้านิ่งไร้อารมณ์ รวมกับนัยน์ตาดําสนิทไร้ประกาย ดูเยือกเย็นไร้ความเมตตาดุจซาตาน จิตสังหารล้นทะลักออกจากตัวเขา ข้างกายของเขามีหญิงสาวสวยสง่าที่แต่งกายเซ็กซี่เย้ายวนใจ ช่างดูร้อนแรงและอันตรายไม่ต่างจากนางปีศาจ

 

เพียงแค่เธอชายตาไปทางฮันเตอร์แรงค์ D ทั้งห้าที่กําลังจะจัดการเหนือภพ จู่ ๆ สองในห้าคนก็ล้มลงกุมคอตัวเองที่คล้ายถูกวัตถุมีคมตัดผ่าน เลือดสีแดงไหลทะลักจนสิ้นใจตาย ส่วนอีกสามคนไหวตัวหลบได้ทัน แต่บริเวณช่วงคอก็ยังปรากฎรอยขีดข่วนเล็ก ๆ

 

ส่วนซาตานหนุ่มก็ไม่พูดพร่ำทําเพลง เขาพุ่งออกมาตวัดดาบยาวที่อยู่ในมือฟันสุภัชชาโดยไม่ให้ตั้งตัว ไม่มีสัญญาณเตือน และไม่มีความปรานี

 

ขวับ !

 

ทว่าฮันเตอร์แรงค์ C ไม่ใช่บุคคลที่จะตายอย่างง่ายดายเช่นนั้น สุภัชชาถอยหลบทันที ปลายดาบของซาตานจึงฟันพลาดไปถูกเสาระเบียงขาดกระจุยแทน เขายังคงมีสีหน้านิ่งสงบขณะพูดด้วยน้ำเสียงน่ากลัวบาดลึกเข้าไปในใจคนฟัง

 

“อย่ายุ่งกับศิษย์น้องของข้า”

 

เหนือภพตกใจเหมือนๆ กับคนอื่น เขาไม่เคยเห็นชายคนนี้มาก่อนจึงไม่แน่ใจว่าเขาคือใคร แต่ศิษย์พี่ที่เขาไม่เคยเจอก็เหลือเพียงศิษย์พี่รองเท่านั้น เมื่อเหนือภพทบทวนความจําเรื่องที่อาจารย์เคยเล่าเกี่ยวกับศิษย์พี่วัฏจักร แล้วเปรียบเทียบเรื่องราวที่ได้รับรู้มากับผู้ชายท่าทางโหดร้ายตรงหน้าที่มีนิสัยฟันก่อนแล้วค่อยพูด ก็พอจะเข้าเค้า

 

เขาคือศิษย์พี่รองจริง ๆ หรือ ?

 

เหนือภพหันไปมองศิษย์พี่ใหญ่อย่างขอความเห็น เมื่อทานธรรมพยักหน้าเบาๆ เขาก็วางใจในทันที เขาปรับตัว ปรับอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็พุ่งเข้าไปกอดแขนวัฏจักรแน่น พลางทําตาละห้อย ช่างดูน่าสงสารและน่าขําในเวลาเดียวกัน

 

“ศิษย์พี่รอง ท่านดูสิ ข้าไม่ได้รับความเป็นธรรม เห็นข้าเป็นแค่ฮันเตอร์แรงค์ F แล้วจะรังแกยังไงก็ได้งั้นหรือ นี่คือสิ่งที่ข้าควรได้รับหรือศิษย์พี่”

 

เหนือภพพูดไปก็ทําตัวสั่นไปด้วย เขาไม่ได้ดูเลยว่าเมื่อร่างกายบึกบึนใหญ่โตราวกับวัวกระทิง ทําเป็นตัวสั่นเทาราวกับเกรงกลัวอิทธิพลมืดนั้น มันไม่น่าเชื่อถือเลย

 

วัฏจักรไม่ได้มีท่าที่อะไร เขาก็พอรู้ว่าเหนือภพมีนิสัยอย่างไร ใช่ว่าอาจารย์จะเล่าเรื่องต่างๆ ให้เหนือภพฟังอยู่คนเดียวเสียเมื่อไหร่ ไม่ว่าศิษย์คนไหนเป็นอย่างไร มีปัญหาอะไร อาจารย์ก็จะเขียนจดหมายไปเล่าให้ศิษย์คนอื่นๆ รับรู้โดยทั่วกัน นั่นมิใช่การซุบซิบนินทา แต่เป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างศิษย์ทุกคนต่างหาก

 

ดังนั้นแม้ไม่เคยพบหน้ากัน แต่ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็แนบแน่นมาตั้งแต่แรกแล้ว

“เจ้าอยากได้อะไร”

 

วัฏจักรถามตรง ๆ ต่อหน้าทุกคนในที่นั้นอย่างไม่กลัวเกรง ในตอนนี้งานเฉลิมฉลองก็ยังคงดําเนินไปอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่เสียงดนตรีที่ฟังดูครึกครื้นก็เริ่มผิดเพี้ยนไปบ้าง ฟังดูคล้ายงานไว้อาลัยเข้าไปทุกที่ ส่วนพวกชนชั้นสูงทั้งหลายต่างก็จับจ้องมาที่บริเวณนี้โดยพร้อมเพรียงกัน มองดูละครฉากใหญ่ที่พวกเขาไม่คิดจะเข้ามาเป็นส่วนร่วม

 

“ช่วงนี้ข้าค่อนข้างขัดสน หนําซ้ําตอนประมือกับท่านสุภัชชาก็ไม่รู้ว่าอาวุธดี ๆ สองเล่ม ของข้าหล่นหายไปไหน ตัวเงินที่ข้าต้องแลกด้วยหยาดเหงื่อแรงกายมานับสิบปีหล่นหายไป ทั้งยังได้รับบาดเจ็บ แค่ก ๆ ศิษย์พี่รอง ท่านดูสิข้ามีเลือดออกจากปากด้วย”

 

เหนือภพพูดฉอดๆ อย่างหน้าไม่อาย ทั้งยังทําร้ายตัวเองต่อหน้าต่อตาทุกคน จนเลือดออกมาช่างสมจริงยิ่ง

 

“นี่มันต้องหน้าหนาขนาดไหนถึงทําเรื่องเช่นนี้ได้”

 

สุภัชชาโกรธจนใบหน้าแดงก่ํา แต่เธอก็จนปัญญาที่จะตอบโต้

 

แม้ว่าเธอจะสามารถต่อสู้กับทานธรรมได้อย่างสูสี แต่ไม่ใช่กับวัฏจักร เขาต่างจากทานธรรมมาก เขาไม่มีกฎเกณฑ์ในการสู้ ไม่สนศักดิ์ศรี ไม่เลือกวิธีการ ไม่ห่วงชื่อเสียง คนที่เขาต้องการฆ่าจะถูกตามล่าตลอดทั้งวันทั้งคืน ล่าแบบไม่ตายไม่ยอมเลิกรา

 

ดังนั้นต่อให้เธอไม่เกรงกลัวราชวงศ์ ไม่หวั่นต่อเหล่าทหารขมังเวทย์ ไม่นอบน้อมต่อภารดา หรือมีผู้แข็งแกร่งคอยสนับสนุนเธออยู่ก็ตาม แต่เธอก็ไม่อาจมีปัญหากับหมาบ้าแห่งหอโลหิต

 

“ข้ายังไม่ได้ทําอะไรเจ้าเด็กนั่นเลยนะ อะ อะ ก็ได้”

 

สุภัชชาพยายามแก้ต่าง แต่เมื่อเห็นเลือดกระฉูดพ่นออกมาจากปากเหนือภพ ใบหน้าเธอก็ซีดขาว สองมือกําแน่นจิกเนื้อตัวเองอย่างไม่จํายอม แต่เธอจะทําอะไรได้ เธอพยายามหันมองไปด้า นหลังเพื่อขอความช่วยเหลือจากผู้สนับสนุน ทว่าไม่มีการตอบรับใดใด

 

เธอถูกลอยแพ

 

ท้ายที่สุดสุภัชชาก็ทนเห็นใบหน้ากดดันของวัฏจักรไม่ได้ จึงจําเป็นต้องตกปากรับคําไปอย่างไม่เต็มใจ เธอมอบตั๋วเงินมูลค่า 500 เหรียญทองจํานวน 10 ใบที่เธอมี เม็ดยาปิดยมโลกคุณภาพสูงอีก 3 เม็ดเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ กับดาบยาวคุณภาพเยี่ยมอีก 2 เล่ม ให้แก่เหนือภพ รวม ๆ แล้วแค่ตัวเงินและเม็ดยาปิดยมโลกคุณภาพสูงเพียงแค่ 3 เม็ดก็ทําให้เธอแทบจะหมดตัวแล้ว

 

นี้ยังไม่นับรวมดาบยาวสองเล่ม ดาบอนธการ และ ดาบอาภัสระ ที่เธอใช้เงินสะสมทั้งชีวิตเพื่อที่จะประมูลมันมา สุดท้ายก็ต้องยกให้กับเหนือภพอย่างไม่มีทางเลือก

 

เธอไม่ควรเลยจริง ๆ

 

เหนือภพขมวดคิ้วเล็กน้อย ฮันเตอร์แรงค์ C ไม่ได้ร่ำรวยหรอก หรือ ทําไมขี้เหนียวจริง แต่เมื่อเขานึกขึ้นได้ว่าเงิน 5,000 เหรียญทองสามารถนําไปสุ่มกงล้อหรรษาได้เกือบ 300 ครั้ง นั่นหมายความ ว่าเขามีโอกาสได้รางวัลพิเศษอีกมากมาย พอคิดได้เช่นนั้นเขาก็ยิ้มกว้างออกมา จากนั้นก็พูดด้วยน้ําเสียงเป็นมิตรขณะนับตั๋วเงินไปด้วย

 

“เอาเถอะได้ 5,000 เหรียญทองแค่นี้ก็ดีกว่าไม่ได้ ส่วนเงินที่เหลือเจ้าก็ค่อย ๆ ทยอยคืนข้าละกัน หากจ่ายมาจํานวนเท่านี้ อีกแค่ 10 งวดก็หมดแล้ว เจ้าไม่ต้องคิดมาก เรื่องในครั้งนี้ก็ถือว่าเจ๊ากันไปก็แล้วกัน”

 

ยิ่งเห็นท่าทางใจกว้างของเหนือภพ ก็ยิ่งทําให้คนชั้นสูงหลายกลุ่มรีบกําชับลูกหลานของตนทันทีว่าให้ตายยังไงก็อย่าได้คิดหาเรื่องเจ้าหนุ่มหน้าหนาคนนี้

 

“ได้ของครบแล้วหรอ ”

 

วัฏจักรถามเหนือภพด้วยน้ําเสียงเรียบนิ่ง แต่ ราตรี หญิงงามราวกับดอกไม้มีพิษที่กําลังนั่งแกว่งต้นขาขาวเนียนถึงกับเลิกคิ้วน้อย ๆ มองชายผู้เป็นที่รักของเธออยากแปลกใจ เธอสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนของวัฏจักรที่มีต่อเด็กหนุ่มเหนือภพ

 

“ครับ ศิษย์พี่รอง”

 

เหนือภพพยักหน้า เขารู้ว่าศิษย์พี่รองหมายถึงอะไร หากเขาต้องการสิ่งใดเพิ่มเติม ศิษย์พี่รองก็พร้อมจะช่วย หากเป็นเมื่อก่อนเขาก็คงเรียกร้องเอาอีก แต่ในตอนนี้เขารู้สึกว่าไม่เหมาะนัก เอาแค่พอหอมปากหอมคอก็พอ เขาไม่อยากมีศัตรูมากนัก โดยเฉพาะศัตรูที่เป็นถึงฮันเตอร์แรงค์ C

 

เมื่อทุกอย่างคลี่คลาย สุภัชชากลับมายังห้องพักตัวเองด้วยใบหน้ามืดครึ้ม ก่อนจะบันดาลโทสะกับโต๊ะใจกลางห้องจนมันแหลกสลายเป็นฝุ่นผงโดยไม่เกิดเสียงอันใด นั่นทําให้ฮันเตอร์สาวลูกน้องคนสนิทเอ่ยขึ้นอย่างระมัดระวัง

 

“ให้ข้าจัดการเจ้าหนุ่มนั่นดีหรือเปล่าเจ้าคะ”

 

สุภัชชาพยายามสะกดข่มอารมณ์ ขณะที่ตอบกลับอย่างแค้นเคือง

 

“ข้าไม่เคืองเจ้าหนุ่มนั่นมากเท่ากับพวกตาแก่ใกล้ตายพวกนั้นหรอก สั่งข้าให้ออกไปจัดการแท้ ๆ แต่พอเกิดเรื่องก็พากันหนีหายหัวหด เจ้าพวกนกขี้ขลาด สักวันข้าจะเด็ดปีกพวกเจ้าออกให้หมด”

 

หลังจากเหตุการณ์สงบลง ทุกคนก็แยกย้ายกันกลับไปที่ห้องของตัวเอง ยกเว้นวัฏจักรและราตรี เนื่องจากห้องของพวกเขาถูกวัฏจักรระเบิดอารมณ์จนพังเละไม่มีชิ้นดี เหนือภพจึงชวนทั้งสองมานั่งที่ห้องของตึกลําธารด้วยกัน

 

อีกอย่างคนทั้งแผ่นดินต่างก็รู้ว่า วัฏจักรกับทานธรรมเป็นศิษย์ร่วมอาจารย์กัน แม้จุดยืนทางอุดมการณ์ของทั้งสองจะแตกต่างกัน แต่ทั้งคู่ก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะนั่งด้วยกันอย่างสนิทสนม

 

เหนือภพจัดแจงค้นหาแร่ที่เก็บไว้บนหลังแมวดํา เขาเอาแร่ 5 สี 1 ก้อนยื่นให้อังกาบเอาไปลงทะเบียนประมูลตามคําแนะนําของเธอ จากนั้นเขาก็หามุมเงียบ ๆ เอาดาบที่เพิ่งได้มาใหม่ทั้งสองเล่มออกมาพิจารณา

 

ชิ้ง !

 

ดาบอนธการถูกดึงออกจากปลอก ปรากฏเป็นใบดาบสีดําปลอดทรงไทยรูปแบบคมด้านเดียวแต่กลับไร้ซึ่งความคม ยาวประมาณเมตรครึ่ง ส่วนดาบอาภัสระเป็นดาบสองคมที่ไม่ยาวมาก มันยาวเพียงแค่ครึ่งเมตรเท่านั้น มีรูปทรงคล้ายพระขรรค์สีเงินยวง คมกริบ

 

ตัวดาบทั้งสองมีการลงอักขระเสริมพลังทั่วๆ ไป ไม่ได้ดีเด่น อะไร เทียบไม่ได้กับอักขระที่อยู่บนมีดหมอของเขาด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่ทําให้ดาบสองเล่มนี้น่าสนใจคือตัวดาบทํามาจากโลหะที่มีส่วนผสมของเหล็กไหลคุณภาพดีเป็นหลัก ทั้งยังเคลือบด้วยแร่ 3 สี และ 4 สี

 

หากถามว่าแร่มีสีที่เคลือบไว้บนอาวุธอย่างเช่นมีดหมอของเขาจะให้ผลเช่นไร ก็อาจเทียบเคียงได้ว่า แร่ 3 สี อานุภาพเทียบได้กับผู้ใช้ปราณอาคมระดับ 30 เมื่อใช้ในการโจมตีครั้งหนึ่งก็ ไม่ต่างกับการโจมตีด้วยอาคมของฮันเตอร์แรงค์ E ช่วงปลาย

 

ส่วนดาบอนธการและดาบอาภัสระที่เคลือบด้วยแร่ 4 สี การโจมตีของมันแต่ละครั้งเทียบได้กับฮันเตอร์แรงค์ D ช่วงต้น แต่ด้วยที่อักขระอาคมที่ลงไว้เป็นเพียงแค่อาคมทั่ว ๆ ไป อานุภาพของมันจึงไม่ได้เหนือกว่ามีดหมอของเขามากนัก เพราะมีดหมอของเขาทํามาจากวัสดุชั้นเลิศกับการลงอาคมที่ไม่ธรรมดา

 

เหนือภพละความสนใจจากดาบ เมื่อศิษย์พี่ทานธรรมเรียกหา

 

“มีอะไรให้รับใช้ครับพี่ใหญ่ ”

 

“มานั่งข้าง ๆ ข้า”

 

ทานธรรมเรียกเหนือภพให้มานั่งข้าง ๆ เพื่อจะได้สั่งสอนให้เหนีอภพรู้จักกฎหมายบ้านเมืองและบอกเล่าเรื่องราวให้เหนือภพรู้จักกลุ่มผู้มีอิทธิพลต่าง ๆ เวลาไปหาเรื่องกวนบาทาใครจะได้รู้จักดูตาม้า ตาเรือบ้าง ไม่เช่นนั้นเหนือภพคงได้นอนจมกองเลือดในสักวันหนึ่ง

 

“เจ้าจําเอาไว้ให้ดี ห้องที่อยู่ตรงข้ามเราเจ้าไม่ควรยุ่ง นั่นคือตระกูลสุบรรณเวนไตย พวกเขาเป็นตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดในแคว้นอมตะนคร เชื้อพระวงศ์ในแต่ละรุ่นล้วนมีสายเลือดของตระกูลนี้ไหลเวียนอยู่ และก็นั่นผู้แทนสํานักงานฮันเตอร์ เขาคือผู้แทนที่คอยดูแลสํานักงานฮันเตอร์ในแคว้นนี้ทั้งหมด และก็นั่น…”

 

แล้วทานธรรมก็บรรยายให้เหนือภพต่อไปอย่างไม่จบไม่สิ้น ส่วนเหนือภพก็ฟังบ้างลืมบ้างไปตามประสาคนที่ไม่คุ้นเคยกับการอยู่ในสังคมชั้นสูง พวกเขาพูดคุยกันอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งการแสดงข้างล่างเวที่จบลง

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Top Up Now 2 ภาคบุรุษหมื่นเหรียญ 47 วัฏจักร

Now you are reading Top Up Now 2 ภาคบุรุษหมื่นเหรียญ Chapter 47 วัฏจักร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

ตอนที่ 47 วัฏจักร

 

ตูม! ตูม!

 

ในขณะที่ฮันเตอร์แรงค์ D สองคนกําลังซัดพลังอาคมใส่เหนือภพ ก็พลันมีมวลพลังงานบางอย่างซัดเข้ามาขวางไว้ เท่านั้นยังไม่พอมวลพลังงานปริศนานั้นยังพัดเอากลุ่มอาคมสีทองลอยขึ้นไปบนฟ้าท่ามกลางพลุที่ยังคงถูกจุดอย่างต่อเนื่อง

 

ตึง !

 

จู่ ๆ ผนังห้องที่อยู่ติดกับห้องรับรองของตึกลําธารก็ล้มครืนลงมา ราวกับถูกใครถีบล้ม เผยให้เห็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ผมสีแดงเข้ม ผิวกายซีดขาว เขาอาจจะดูคล้ายเทพบุตรแต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย ด้วยใบหน้านิ่งไร้อารมณ์ รวมกับนัยน์ตาดําสนิทไร้ประกาย ดูเยือกเย็นไร้ความเมตตาดุจซาตาน จิตสังหารล้นทะลักออกจากตัวเขา ข้างกายของเขามีหญิงสาวสวยสง่าที่แต่งกายเซ็กซี่เย้ายวนใจ ช่างดูร้อนแรงและอันตรายไม่ต่างจากนางปีศาจ

 

เพียงแค่เธอชายตาไปทางฮันเตอร์แรงค์ D ทั้งห้าที่กําลังจะจัดการเหนือภพ จู่ ๆ สองในห้าคนก็ล้มลงกุมคอตัวเองที่คล้ายถูกวัตถุมีคมตัดผ่าน เลือดสีแดงไหลทะลักจนสิ้นใจตาย ส่วนอีกสามคนไหวตัวหลบได้ทัน แต่บริเวณช่วงคอก็ยังปรากฎรอยขีดข่วนเล็ก ๆ

 

ส่วนซาตานหนุ่มก็ไม่พูดพร่ำทําเพลง เขาพุ่งออกมาตวัดดาบยาวที่อยู่ในมือฟันสุภัชชาโดยไม่ให้ตั้งตัว ไม่มีสัญญาณเตือน และไม่มีความปรานี

 

ขวับ !

 

ทว่าฮันเตอร์แรงค์ C ไม่ใช่บุคคลที่จะตายอย่างง่ายดายเช่นนั้น สุภัชชาถอยหลบทันที ปลายดาบของซาตานจึงฟันพลาดไปถูกเสาระเบียงขาดกระจุยแทน เขายังคงมีสีหน้านิ่งสงบขณะพูดด้วยน้ำเสียงน่ากลัวบาดลึกเข้าไปในใจคนฟัง

 

“อย่ายุ่งกับศิษย์น้องของข้า”

 

เหนือภพตกใจเหมือนๆ กับคนอื่น เขาไม่เคยเห็นชายคนนี้มาก่อนจึงไม่แน่ใจว่าเขาคือใคร แต่ศิษย์พี่ที่เขาไม่เคยเจอก็เหลือเพียงศิษย์พี่รองเท่านั้น เมื่อเหนือภพทบทวนความจําเรื่องที่อาจารย์เคยเล่าเกี่ยวกับศิษย์พี่วัฏจักร แล้วเปรียบเทียบเรื่องราวที่ได้รับรู้มากับผู้ชายท่าทางโหดร้ายตรงหน้าที่มีนิสัยฟันก่อนแล้วค่อยพูด ก็พอจะเข้าเค้า

 

เขาคือศิษย์พี่รองจริง ๆ หรือ ?

 

เหนือภพหันไปมองศิษย์พี่ใหญ่อย่างขอความเห็น เมื่อทานธรรมพยักหน้าเบาๆ เขาก็วางใจในทันที เขาปรับตัว ปรับอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็พุ่งเข้าไปกอดแขนวัฏจักรแน่น พลางทําตาละห้อย ช่างดูน่าสงสารและน่าขําในเวลาเดียวกัน

 

“ศิษย์พี่รอง ท่านดูสิ ข้าไม่ได้รับความเป็นธรรม เห็นข้าเป็นแค่ฮันเตอร์แรงค์ F แล้วจะรังแกยังไงก็ได้งั้นหรือ นี่คือสิ่งที่ข้าควรได้รับหรือศิษย์พี่”

 

เหนือภพพูดไปก็ทําตัวสั่นไปด้วย เขาไม่ได้ดูเลยว่าเมื่อร่างกายบึกบึนใหญ่โตราวกับวัวกระทิง ทําเป็นตัวสั่นเทาราวกับเกรงกลัวอิทธิพลมืดนั้น มันไม่น่าเชื่อถือเลย

 

วัฏจักรไม่ได้มีท่าที่อะไร เขาก็พอรู้ว่าเหนือภพมีนิสัยอย่างไร ใช่ว่าอาจารย์จะเล่าเรื่องต่างๆ ให้เหนือภพฟังอยู่คนเดียวเสียเมื่อไหร่ ไม่ว่าศิษย์คนไหนเป็นอย่างไร มีปัญหาอะไร อาจารย์ก็จะเขียนจดหมายไปเล่าให้ศิษย์คนอื่นๆ รับรู้โดยทั่วกัน นั่นมิใช่การซุบซิบนินทา แต่เป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างศิษย์ทุกคนต่างหาก

 

ดังนั้นแม้ไม่เคยพบหน้ากัน แต่ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็แนบแน่นมาตั้งแต่แรกแล้ว

“เจ้าอยากได้อะไร”

 

วัฏจักรถามตรง ๆ ต่อหน้าทุกคนในที่นั้นอย่างไม่กลัวเกรง ในตอนนี้งานเฉลิมฉลองก็ยังคงดําเนินไปอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่เสียงดนตรีที่ฟังดูครึกครื้นก็เริ่มผิดเพี้ยนไปบ้าง ฟังดูคล้ายงานไว้อาลัยเข้าไปทุกที่ ส่วนพวกชนชั้นสูงทั้งหลายต่างก็จับจ้องมาที่บริเวณนี้โดยพร้อมเพรียงกัน มองดูละครฉากใหญ่ที่พวกเขาไม่คิดจะเข้ามาเป็นส่วนร่วม

 

“ช่วงนี้ข้าค่อนข้างขัดสน หนําซ้ําตอนประมือกับท่านสุภัชชาก็ไม่รู้ว่าอาวุธดี ๆ สองเล่ม ของข้าหล่นหายไปไหน ตัวเงินที่ข้าต้องแลกด้วยหยาดเหงื่อแรงกายมานับสิบปีหล่นหายไป ทั้งยังได้รับบาดเจ็บ แค่ก ๆ ศิษย์พี่รอง ท่านดูสิข้ามีเลือดออกจากปากด้วย”

 

เหนือภพพูดฉอดๆ อย่างหน้าไม่อาย ทั้งยังทําร้ายตัวเองต่อหน้าต่อตาทุกคน จนเลือดออกมาช่างสมจริงยิ่ง

 

“นี่มันต้องหน้าหนาขนาดไหนถึงทําเรื่องเช่นนี้ได้”

 

สุภัชชาโกรธจนใบหน้าแดงก่ํา แต่เธอก็จนปัญญาที่จะตอบโต้

 

แม้ว่าเธอจะสามารถต่อสู้กับทานธรรมได้อย่างสูสี แต่ไม่ใช่กับวัฏจักร เขาต่างจากทานธรรมมาก เขาไม่มีกฎเกณฑ์ในการสู้ ไม่สนศักดิ์ศรี ไม่เลือกวิธีการ ไม่ห่วงชื่อเสียง คนที่เขาต้องการฆ่าจะถูกตามล่าตลอดทั้งวันทั้งคืน ล่าแบบไม่ตายไม่ยอมเลิกรา

 

ดังนั้นต่อให้เธอไม่เกรงกลัวราชวงศ์ ไม่หวั่นต่อเหล่าทหารขมังเวทย์ ไม่นอบน้อมต่อภารดา หรือมีผู้แข็งแกร่งคอยสนับสนุนเธออยู่ก็ตาม แต่เธอก็ไม่อาจมีปัญหากับหมาบ้าแห่งหอโลหิต

 

“ข้ายังไม่ได้ทําอะไรเจ้าเด็กนั่นเลยนะ อะ อะ ก็ได้”

 

สุภัชชาพยายามแก้ต่าง แต่เมื่อเห็นเลือดกระฉูดพ่นออกมาจากปากเหนือภพ ใบหน้าเธอก็ซีดขาว สองมือกําแน่นจิกเนื้อตัวเองอย่างไม่จํายอม แต่เธอจะทําอะไรได้ เธอพยายามหันมองไปด้า นหลังเพื่อขอความช่วยเหลือจากผู้สนับสนุน ทว่าไม่มีการตอบรับใดใด

 

เธอถูกลอยแพ

 

ท้ายที่สุดสุภัชชาก็ทนเห็นใบหน้ากดดันของวัฏจักรไม่ได้ จึงจําเป็นต้องตกปากรับคําไปอย่างไม่เต็มใจ เธอมอบตั๋วเงินมูลค่า 500 เหรียญทองจํานวน 10 ใบที่เธอมี เม็ดยาปิดยมโลกคุณภาพสูงอีก 3 เม็ดเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ กับดาบยาวคุณภาพเยี่ยมอีก 2 เล่ม ให้แก่เหนือภพ รวม ๆ แล้วแค่ตัวเงินและเม็ดยาปิดยมโลกคุณภาพสูงเพียงแค่ 3 เม็ดก็ทําให้เธอแทบจะหมดตัวแล้ว

 

นี้ยังไม่นับรวมดาบยาวสองเล่ม ดาบอนธการ และ ดาบอาภัสระ ที่เธอใช้เงินสะสมทั้งชีวิตเพื่อที่จะประมูลมันมา สุดท้ายก็ต้องยกให้กับเหนือภพอย่างไม่มีทางเลือก

 

เธอไม่ควรเลยจริง ๆ

 

เหนือภพขมวดคิ้วเล็กน้อย ฮันเตอร์แรงค์ C ไม่ได้ร่ำรวยหรอก หรือ ทําไมขี้เหนียวจริง แต่เมื่อเขานึกขึ้นได้ว่าเงิน 5,000 เหรียญทองสามารถนําไปสุ่มกงล้อหรรษาได้เกือบ 300 ครั้ง นั่นหมายความ ว่าเขามีโอกาสได้รางวัลพิเศษอีกมากมาย พอคิดได้เช่นนั้นเขาก็ยิ้มกว้างออกมา จากนั้นก็พูดด้วยน้ําเสียงเป็นมิตรขณะนับตั๋วเงินไปด้วย

 

“เอาเถอะได้ 5,000 เหรียญทองแค่นี้ก็ดีกว่าไม่ได้ ส่วนเงินที่เหลือเจ้าก็ค่อย ๆ ทยอยคืนข้าละกัน หากจ่ายมาจํานวนเท่านี้ อีกแค่ 10 งวดก็หมดแล้ว เจ้าไม่ต้องคิดมาก เรื่องในครั้งนี้ก็ถือว่าเจ๊ากันไปก็แล้วกัน”

 

ยิ่งเห็นท่าทางใจกว้างของเหนือภพ ก็ยิ่งทําให้คนชั้นสูงหลายกลุ่มรีบกําชับลูกหลานของตนทันทีว่าให้ตายยังไงก็อย่าได้คิดหาเรื่องเจ้าหนุ่มหน้าหนาคนนี้

 

“ได้ของครบแล้วหรอ ”

 

วัฏจักรถามเหนือภพด้วยน้ําเสียงเรียบนิ่ง แต่ ราตรี หญิงงามราวกับดอกไม้มีพิษที่กําลังนั่งแกว่งต้นขาขาวเนียนถึงกับเลิกคิ้วน้อย ๆ มองชายผู้เป็นที่รักของเธออยากแปลกใจ เธอสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนของวัฏจักรที่มีต่อเด็กหนุ่มเหนือภพ

 

“ครับ ศิษย์พี่รอง”

 

เหนือภพพยักหน้า เขารู้ว่าศิษย์พี่รองหมายถึงอะไร หากเขาต้องการสิ่งใดเพิ่มเติม ศิษย์พี่รองก็พร้อมจะช่วย หากเป็นเมื่อก่อนเขาก็คงเรียกร้องเอาอีก แต่ในตอนนี้เขารู้สึกว่าไม่เหมาะนัก เอาแค่พอหอมปากหอมคอก็พอ เขาไม่อยากมีศัตรูมากนัก โดยเฉพาะศัตรูที่เป็นถึงฮันเตอร์แรงค์ C

 

เมื่อทุกอย่างคลี่คลาย สุภัชชากลับมายังห้องพักตัวเองด้วยใบหน้ามืดครึ้ม ก่อนจะบันดาลโทสะกับโต๊ะใจกลางห้องจนมันแหลกสลายเป็นฝุ่นผงโดยไม่เกิดเสียงอันใด นั่นทําให้ฮันเตอร์สาวลูกน้องคนสนิทเอ่ยขึ้นอย่างระมัดระวัง

 

“ให้ข้าจัดการเจ้าหนุ่มนั่นดีหรือเปล่าเจ้าคะ”

 

สุภัชชาพยายามสะกดข่มอารมณ์ ขณะที่ตอบกลับอย่างแค้นเคือง

 

“ข้าไม่เคืองเจ้าหนุ่มนั่นมากเท่ากับพวกตาแก่ใกล้ตายพวกนั้นหรอก สั่งข้าให้ออกไปจัดการแท้ ๆ แต่พอเกิดเรื่องก็พากันหนีหายหัวหด เจ้าพวกนกขี้ขลาด สักวันข้าจะเด็ดปีกพวกเจ้าออกให้หมด”

 

หลังจากเหตุการณ์สงบลง ทุกคนก็แยกย้ายกันกลับไปที่ห้องของตัวเอง ยกเว้นวัฏจักรและราตรี เนื่องจากห้องของพวกเขาถูกวัฏจักรระเบิดอารมณ์จนพังเละไม่มีชิ้นดี เหนือภพจึงชวนทั้งสองมานั่งที่ห้องของตึกลําธารด้วยกัน

 

อีกอย่างคนทั้งแผ่นดินต่างก็รู้ว่า วัฏจักรกับทานธรรมเป็นศิษย์ร่วมอาจารย์กัน แม้จุดยืนทางอุดมการณ์ของทั้งสองจะแตกต่างกัน แต่ทั้งคู่ก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะนั่งด้วยกันอย่างสนิทสนม

 

เหนือภพจัดแจงค้นหาแร่ที่เก็บไว้บนหลังแมวดํา เขาเอาแร่ 5 สี 1 ก้อนยื่นให้อังกาบเอาไปลงทะเบียนประมูลตามคําแนะนําของเธอ จากนั้นเขาก็หามุมเงียบ ๆ เอาดาบที่เพิ่งได้มาใหม่ทั้งสองเล่มออกมาพิจารณา

 

ชิ้ง !

 

ดาบอนธการถูกดึงออกจากปลอก ปรากฏเป็นใบดาบสีดําปลอดทรงไทยรูปแบบคมด้านเดียวแต่กลับไร้ซึ่งความคม ยาวประมาณเมตรครึ่ง ส่วนดาบอาภัสระเป็นดาบสองคมที่ไม่ยาวมาก มันยาวเพียงแค่ครึ่งเมตรเท่านั้น มีรูปทรงคล้ายพระขรรค์สีเงินยวง คมกริบ

 

ตัวดาบทั้งสองมีการลงอักขระเสริมพลังทั่วๆ ไป ไม่ได้ดีเด่น อะไร เทียบไม่ได้กับอักขระที่อยู่บนมีดหมอของเขาด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่ทําให้ดาบสองเล่มนี้น่าสนใจคือตัวดาบทํามาจากโลหะที่มีส่วนผสมของเหล็กไหลคุณภาพดีเป็นหลัก ทั้งยังเคลือบด้วยแร่ 3 สี และ 4 สี

 

หากถามว่าแร่มีสีที่เคลือบไว้บนอาวุธอย่างเช่นมีดหมอของเขาจะให้ผลเช่นไร ก็อาจเทียบเคียงได้ว่า แร่ 3 สี อานุภาพเทียบได้กับผู้ใช้ปราณอาคมระดับ 30 เมื่อใช้ในการโจมตีครั้งหนึ่งก็ ไม่ต่างกับการโจมตีด้วยอาคมของฮันเตอร์แรงค์ E ช่วงปลาย

 

ส่วนดาบอนธการและดาบอาภัสระที่เคลือบด้วยแร่ 4 สี การโจมตีของมันแต่ละครั้งเทียบได้กับฮันเตอร์แรงค์ D ช่วงต้น แต่ด้วยที่อักขระอาคมที่ลงไว้เป็นเพียงแค่อาคมทั่ว ๆ ไป อานุภาพของมันจึงไม่ได้เหนือกว่ามีดหมอของเขามากนัก เพราะมีดหมอของเขาทํามาจากวัสดุชั้นเลิศกับการลงอาคมที่ไม่ธรรมดา

 

เหนือภพละความสนใจจากดาบ เมื่อศิษย์พี่ทานธรรมเรียกหา

 

“มีอะไรให้รับใช้ครับพี่ใหญ่ ”

 

“มานั่งข้าง ๆ ข้า”

 

ทานธรรมเรียกเหนือภพให้มานั่งข้าง ๆ เพื่อจะได้สั่งสอนให้เหนีอภพรู้จักกฎหมายบ้านเมืองและบอกเล่าเรื่องราวให้เหนือภพรู้จักกลุ่มผู้มีอิทธิพลต่าง ๆ เวลาไปหาเรื่องกวนบาทาใครจะได้รู้จักดูตาม้า ตาเรือบ้าง ไม่เช่นนั้นเหนือภพคงได้นอนจมกองเลือดในสักวันหนึ่ง

 

“เจ้าจําเอาไว้ให้ดี ห้องที่อยู่ตรงข้ามเราเจ้าไม่ควรยุ่ง นั่นคือตระกูลสุบรรณเวนไตย พวกเขาเป็นตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดในแคว้นอมตะนคร เชื้อพระวงศ์ในแต่ละรุ่นล้วนมีสายเลือดของตระกูลนี้ไหลเวียนอยู่ และก็นั่นผู้แทนสํานักงานฮันเตอร์ เขาคือผู้แทนที่คอยดูแลสํานักงานฮันเตอร์ในแคว้นนี้ทั้งหมด และก็นั่น…”

 

แล้วทานธรรมก็บรรยายให้เหนือภพต่อไปอย่างไม่จบไม่สิ้น ส่วนเหนือภพก็ฟังบ้างลืมบ้างไปตามประสาคนที่ไม่คุ้นเคยกับการอยู่ในสังคมชั้นสูง พวกเขาพูดคุยกันอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งการแสดงข้างล่างเวที่จบลง

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+