Top Up Now 2 ภาคบุรุษหมื่นเหรียญ 49

Now you are reading Top Up Now 2 ภาคบุรุษหมื่นเหรียญ Chapter 49 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แต่เมื่อเหนือภพมองจานไก่ย่างหอมกรุ่นในมือ เขาก็เข้าใจแล้วว่าเจ้าไร้ชื่อมาทําอะไรที่นี่ ไร้ชื่อเคยบอกเขาว่าสัตว์อสูรที่เลี้ยงมันมามีด้วยกัน 7 ชนิดและหนึ่งในนั้นก็มีไก่รวมอยู่ด้วย ดังนั้นไร้ชื่อจึงไม่กินไก่เพราะถือเป็นผู้มีพระคุณ แต่ไม่คิดว่ามันจะอาการหนักถึงขั้นไม่พอใจที่คนอื่นกินไก่ด้วย

 

“เอ่อ เจ้าสบายดีไหม ?”

 

เหนือภพถามด้วยความรู้สึกกระอักกระอ่วน เมื่อเห็นได้ชื่อดูเหมือนคนกําลังจะร้องไห้ ขณะจ้องมองจานไก่ย่างในมือเหนือภพอย่างไม่ลดละ เหนือภพกลืนน้ำลายลงคอ ปกติเขาจะไม่ค่อยสนใจคนอื่นนัก แต่ไร้ชื่อถือว่าเป็นเพื่อนที่ดี ตอนที่เขาสู้กับพญานาคไร้ชื่อก็ยังมาช่วยทั้งยังช่วยเก็บของที่เขาทําตกหล่นมาคืนให้ แล้วเขาจะทําให้เพื่อนสะเทือนใจได้อย่างไร

 

เห็นได้ชัดว่าเขาอดกินอาหารมื้อนี้แล้ว เพราะถึงแม้ไร้ชื่อจะมีอายุพอ ๆ กับเขาแต่ในด้านความคิดนั้นไร้ชื่อก็ไม่ต่างไปจากเด็กน้อยใสซื่อ อาจเป็นเพราะเขาเติบโตขึ้นมาในป่าเขา การที่เขามีสัตว์อสูรที่มีสติปัญญาเลี้ยงดูก็นับว่าโชคดีมากแล้ว

 

เหนือภพถอนหายใจ เปลี่ยนจากใบหน้าเซ็ง มาเป็นใบหน้าเอาเรื่องเจ้าของร้านแทน

 

“พวกเจ้าก็ทําไม่ถูก พวกเจ้ารู้ไหม น้องชายข้าท่านนี้รักไก่มาก เห็นไก่ถูกย่างเมื่อไหร่ เขาก็จะจับคนย่างไก่มาย่างแทน”

 

คําข่มขู่ของเหนือภพทําให้เจ้าของร้านและพนักงานในร้าน ตัวสั่นเทาพวกเขาได้แต่หวังให้มือปราบมาถึงโดยเร็ว ไม่เช่นนั้นต้องมีใครสักคนในร้านถูกย่างเสียแล้ว

 

ไร้ชื่อมีสีหน้าดีขึ้น เขายิ้มกว้างขณะจะตวัดดาบอีกครั้ง แต่เหนือภพยั้งไว้ทันท่วงที

 

“เดี๋ยว ที่นี่คือเมือง พวกเราจะใช้แต่กําลังไม่ได้บ้านมีกฏบ้านเมืองมีกฎเมือง”

 

“ข้าอยากแก้แค้น”

 

เหนือภพกุมขมับ เขาไม่รู้ว่าไร้ชื่อโตมาจนป่านนี้ได้อย่างไร เขาไม่อยากนึกเลยว่ามีร้านไก่กี่ร้านแล้วที่ต้องถูกทําลายไป นี่ยังไม่นับ กระต่าย หมี ลิง หมู หมา กา ที่คงมีคนถูกพังร้านค้าย่อยยับไปแล้วนับไม่ถ้วน

 

“เจ้ามีเงินหรือเปล่า”

 

ไร้ชื่อพยักหน้าแล้วก็ล้วงเข้าไปในอกของตัวเอง ก่อนหยิบตัวเงินปีกใหญ่ออกมาให้กับเหนือภพ

 

“โอ้ !”

 

เหนือภพตะลึงไปกับตัวเงินที่น่าจะมีมูลค่าเกือบ 200,000 เหรียญทอง แต่เขาก็ดึงตั๋วเงินออกมาเพียงใบเดียว แล้วคืนที่เหลือให้ไร้ชื่อไปทั้งหมด

 

“แค่นี้ก็พอ”

 

เหนือภพยื่นตั๋วเงินให้เจ้าของร้าน ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า

 

“พวกเจ้าเอาไก่พวกนี้ไปฝังดินซะ ทําพิธีศพให้เรียบร้อย แล้วก็ปิดร้านไปเลย หากเจ้าไม่ทําตามที่ข้าบอกไม่เพียงร้านของเจ้าจะพัง น้องข้าคนนี้ได้จับพวกเจ้าย่างรายตัวแน่”

 

“ขอรับ”

 

เจ้าของร้านรับคําอย่างจนใจ อย่างน้อยพวกเขาก็รอดชีวิต ด้วยการไกล่เกลี่ยของเหนือภพ

 

เหนือภพอธิบายให้ไร้ชื่อเข้าใจว่านี่เป็นวิธีที่ดีที่สุด เขาไม่อยากให้ไร้ชื่อต้องมีปัญหากับพวกมือปราบ ที่นี่มีคนเก่งมากมาย หากปล่อยให้เรื่องบานปลายคงไม่ดีแน่

 

แต่เรื่องราวที่ควรจะจบด้วยดี ก็ดันมีคนเข้ามาวุ่นวายจนได้ คล้ายกับการเช็ดล้างตะเกียบ แล้วในจังหวะที่กําลังเช็ดตะเกียบให้แห้งเตรียมเก็บใส่ตู้ก็ดันมีเสี้ยนออกมาตํานิ้ว อย่างไรอย่างนั้น

 

“ใครบังอาจมาก่อเรื่องวุ่นวายภายใต้ความดูแลของข้า”

 

มือปราบอาคมค่อย ๆ ปรากฏทีละคนสองคนด้วยอาคมอุ่น ระยะทางจนในที่สุดพื้นที่รอบร้านขายไก่ย่างทั้งบนพื้นและ บนหลังคาก็มีมือปราบอาคมเกือบยี่สิบคนในเครื่องแต่งกาย ประจําตําแหน่งและอาวุธครบมือ

 

เจ้าของร้านขายไก่ย่างเห็นเช่นนั้นก็ดีใจจนโผเข้าไปหาหัวหน้ามือปราบในทันที

 

“ท่านมือปราบ พวกเขานั่นแหละ ที่ทําลายร้านข้าจนพัง ทั้งยังบีบบังคับให้ข้าปิดร้าน ข้าก็แค่คนค้าขายธรรมดา ถ้าต้องมาเจอเรื่องแบบนี้พวกข้าจะอยู่ได้ยังไง ไหนจะค่าเช่าร้าน ค่าวัตถุดิบ ค่าแรงใต้เท้ามือปราบได้โปรดให้ความเป็นธรรมแก่ ข้าน้อยด้วย”

 

หัวหน้ามือปราบอาคมได้ยินเช่นนั้นก็ออกคําสั่งทันที

 

“จับมัน !”

 

เหนือภพหัวคิ้วกระตุก ตอนนี้พวกเขาตกอยู่ในวงล้อมของมือปราบอาคมที่คอยดูแลความปลอดภัย ส่วนไร้ชื่อก็ชักดาบ ออกมาจากหลังเอวเตรียมพร้อมฟันไม่เลือกหน้า แต่เหนือภพ ไม่ให้เขาทําเช่นนั้น เหนือภพดันดาบที่ควรออกจากฝักกลับไป ที่เดิม เขาเชื่อว่าคนเราพูดคุยกันได้ไม่เห็นต้องใช้กําลังกันเลย

 

ในขณะที่เหนือภพหันกลับมาฉีกยิ้มให้หัวหน้ามือปราบ เขาก็ได้ยินเสียง

 

สวบ !!

 

วินาทีต่อมาตาของเหนือภพแทบจะถลนออกมาจากเบ้า ยังไม่ทันที่เขาจะได้กล่าวคําไกล่เกลี่ย คมดาบของไร้ชื่อก็ถูกชักออกจากฝักเมื่อไหร่ไม่รู้ แต่ที่รู้แน่คือตอนนี้มันปักอยู่กลางลําตัวของมือปราบอาคมผู้หนึ่ง แม้มือปราบคนนั้นจะไม่ตาย แต่การประนีประนอมที่เหนือภพกําลังพยายามทํามันก็สูญเปล่า ไปในทันที

 

ไร้ชื่อดีดตัวออกพร้อมดึงดาบกลับมาตั้งท่าพร้อมต่อสู้ เหนือภพจ้องมองไร้ชื่ออย่างไม่เข้าใจ ในดวงตาของไร้ชื่อนั้นยังคงดูไร้เดียงสา แต่ใบหน้าของเขากลับแผ่กลิ่นอายป่าเถื่อนเยี่ยงสัตว์ป่า เมื่อเจอผู้คุกคามก็จะตอบโต้เองโดยธรรมชาติ สิ่งนี้ทําให้เหนือภพเข้าใจแล้วว่าตรรกะความเข้าใจแบบมนุษย์ใช้ไม่ได้ผลกับไร้ชื่อ

 

เจ้านี่ก็เหมือนกับสัตว์ตัวหนึ่ง เมื่อสัตว์เริ่มต่อสู้ก็ต้องเอาชนะเอาให้เด็ดขาด ไม่มีความปรานีหรืออ่อนข้อ

 

“ไป”

 

เหนือภพคว้าแขนไร้ชื่อก่อนที่เขาจะปลิดชีวิตของมือปราบอาคม เขาพาไร้ชื่อดีดตัวกระโดดไปตามหลังคาของร้านรวงต่าง ๆ อย่างรวดเร็วโดยที่น้ําหนักตัวของเหนือภพนั้นสร้างความเสียหายไปตลอดทาง

 

แม้เหนือภพและไร้ชื่อจะเคลื่อนไหวเร็วมาก แต่มือปราบอาคมที่ขึ้นชื่อว่าเป็นตํารวจเมืองหลวง พวกเขาก็มีความสามารถไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย โดยเฉพาะหัวหน้าหน่วยมือปราบอาคม “ขุนเจษ”

 

“หยุดนะ ! นี่คือมือปราบอาคม ยอมมอบตัวซะดี ๆ โทษหนักจะได้เป็นเบา อย่าคิดว่าจะลอยนวลไปได้”

 

การเคลื่อนไหวของเขานั้นรวดเร็วราวกับภูตพราย ในตอนนี้เขาทิ้งระยะห่างจากเหนือภพกับไร้ชื่อเพียงแค่ 6 เมตรเท่านั้น ขณะที่มือปราบคนอื่น ๆ ที่มีมือฝีมือหน่อยก็ทิ้งห่างจากขุนเจษเพียงแค่ไม่กี่สิบเมตร

 

“นี่พี่ชาย พวกข้าไม่ผิดนะ ท่านจะไล่ตามพวกเราแบบนี้ไม่”

 

เหนือภพพยายามเกลี้ยกล่อมโดยไม่หยุดวิ่ง เขายังไม่ใช้ท่ากระโดดหนีเพราะนั่นคงจะสร้างความเสียหายมากเกินไปจนกู่ไม่กลับเลยทีเดียว

 

แต่พวกมือปราบก็ยังไม่หยุดวิ่งตาม เห็นจะจริงอย่างที่เขาเคยได้ยินมาว่า “มือปราบเมืองหลวงเป็นประเภทกัดไม่ปล่อย”

 

ขณะที่ขุนเจษกําลังไล่ตามอย่างไม่ลดละ เขาก็เอามือไพล่หลังไปหยิบอาวุธในกระเป๋าออกมามันคือระเบิดสกัด

 

ตุ๊บ !

 

ทันทีที่มันถูกเขวี่ยงออกไป ลูกระเบิดก็แตกกระจายออก กลายเป็นเส้นเชือกผูกรั้งขาของเหนือภพเอาไว้ เหนือภพเสียหลักล้มหกคะเมน ลากไร้ชื่อกลิ้งตกจากบนหลังคาทะลุลงมาที่พื้นของร้านขายข้าวต้มด้วยกัน ผู้คนแตกฮือพลางส่งเสียงดังอื้ออึง

 

ขุนเจษยิ้มมุมปาก ขณะตะโกนบอกเหนือภพให้ยอมจํานน

 

“เจ้ามีสิทธิ์ที่จะไม่พูด เพราะคําพูดของเจ้าจะถูกนําไปใช้ในการพิจารณาในชั้นศาล”

 

แต่เหนือภพไม่บาดเจ็บอะไร เขารีบกระชากเชือกที่มัดขาออกอย่างง่ายดาย ท่ามกลางสีหน้าแปลกใจของขุนเจษ เชือกเส้นนั้นมีส่วนผสมของเหล็กไหลใช้สะกดการเคลื่อนไหวและยับยั้งปราณอาคมของผู้มีพรสวรรค์ได้อย่างชะงัด อีกทั้งยังมีส่วนประกอบเพิ่มความเหนียวที่แม้แต่ฮันเตอร์แรงค์ D ก็ยังต้องเสียเวลาระยะหนึ่งจึงจะทําลายมันได้

 

“เจ้าเป็นผู้ไร้พรสวรรค์ ?”

 

ขุนเจษโพล่งขึ้นอย่างแปลกใจ เขาไม่ทันได้สังเกตหรือเอะใจ เลยว่าเหนือภพจะเป็นผู้ไร้พรสวรรค์ แต่ยังไม่ทันให้เขาขบคิดอะไรต่อ ไร้ชื่อก็เรียกใช้ปราณอาคมสัตว์อสูรเจ็ดตัว ร่างสัตว์อสูรทั้งเจ็ดปรากฏขึ้นในทันใด พร้อมกับที่เขาฟันดาบในมือไป ทางขุนเจษนับสิบครั้ง เพราะไร้ชื่อทนไม่ได้ที่เห็นเหนือภพถูกจับ เมื่อเขาเห็นเหนือภพล้ม เขาก็รู้สึกเจ็บปวดราวกับเห็นพี่น้องถูกทําร้าย นั่นทําให้เขาเผยสัญชาตญาณสัตว์ของตัวเอง ออกมา

 

คลื่นอาคมรูปดาบหมุนติ้วออกมาทั้งสิบครั้งที่ได้ชื่อฟันดาบ ทําให้ขุนเจษเร่งเร้าปราณอาคมของตนออกมาต้านรับ เบื้องหลังของขุนเจษปรากฏภาพคล้ายสุนัขพันธุ์บางแก้วตัวสูงใหญ่ มันเห่ากรรโชกอย่างเป็นจังหวะ เกิดเป็นคลื่นเสียงที่แผ่ออกมาเป็นเกราะอาคมคุ้มกายขุนเจษเอาไว้เป็นชั้น ๆ อย่างหนาแน่น พลังดาบอาคมหมุนติ้วดุจใบพัดของไร้ชื่อกระแทกเกราะของขุนเจษ จนขุนเจษถึงกับเซถลาไปข้างหลังอย่างต่อเนื่อง แม้แต่เท้าแข็งแรงที่จิกไว้ที่พื้นก็ต้านทานไว้ไม่อยู่จนพื้นดินมีรอยขูดลากเป็นทาง

 

เหนือภพบีบไหล่ของไร้ชื่ออย่างแรง เพื่อให้เขาหยุดมือ จากนั้นเขาก็ลากตัวไร้ชื่อหนีจากไปอีกทาง

 

ความจริงแล้วเหนือภพไม่ได้กลัวเกรงขุนเจษเลย เขาเพียงแต่กลัวสิ่งที่จะตามมาต่างหาก หากเขาต่อสู้อย่างดึงดันเหนือภพก็รู้สึกสยองเมื่อคิดว่าจะต้องฟังคําบ่นของศิษย์พี่ใหญ่ และคําสั่งบังคับให้เขาอ่านกฎหมายบ้านเมืองให้เข้าใจ ไม่เช่นนั้น แค่มือปราบเล็ก ๆ มีหรือเหนือภพจะกลัวเขาจะกดให้จมดินเลยก็ยังได้

 

“ที่นี่ไม่ใช่ป่าเขา บ้านเมืองย่อมมีกฏ หากพวกเราไม่เคารพกฎเหล่านี้ เราก็ไม่ต่างจากคนชั่ว ฝีมือและความสามารถของพวกเรา อาจารย์สอนไว้ว่าให้ใช้ปกป้องผู้อื่น ไม่ใช่ก่อความเดือดร้อน

 

นี่เป็นคําพูดของศิษย์พี่ใหญ่ที่พูดกรอกหูเขาเสมอ ไม่รู้ว่าอาจารย์ฝากศิษย์พี่มาอบรมเขารึเปล่า

 

เพียงพริบตาเหนือภพกับไร้ชื่อก็จากไป ขุนเจษไม่ได้ติดตามไปเพราะมีคนหนึ่งในทีมที่เพิ่งมาถึงมากระซิบรายงานข้อมูล เกี่ยวกับตัวตนของเหนือภพ และนั่นก็ทําให้ขุนเจษโกรธมาก

 

“ปัดโธโว้ย”

 

ตัวตนของเหนือภพมีเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่เกินไป พวกเขาทําอะไรไม่ได้แม้แต่คิดจะเอาผิด คงต้องปล่อยให้สหายในทีมบาดเจ็บสาหัสโดยไม่มีคนรับผิดชอบ

 

“หัวหน้า เรื่องนี้ก็ให้แล้วกันไปเถอะ”

 

หนึ่งในหน่วยเอ่ยขึ้นด้วยความเจ็บแค้นไม่แพ้กัน ปัญหาไม่ใช่กลุ่มภราดา พวกเขายุติธรรมมากพอ แต่หอโลหิตกลับไม่ใช่เช่นนั้น

 

ณ มุมถนนที่ห่างไกลออกไป

 

มีคนหนึ่งในหน่วยมือปราบอาคมที่มองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด จากนั้นเขาก็ลอบตามเหนือภพกับชายอีกคนไปอย่างเงียบเชียบ เขาได้รับสาส์นลับที่ส่งตรงมาจากตระกูลสุบรรณเวนไตยเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน เป้าหมายของเขามีเพียงอย่างเดียวคือสืบให้รู้ว่าในตัวเหนือภพมีพญานาคห้าเศียรอยู่หรือไม่ หากว่าใช่จริง เขาก็ต้องกําจัดทิ้งซะ

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Top Up Now 2 ภาคบุรุษหมื่นเหรียญ 49

Now you are reading Top Up Now 2 ภาคบุรุษหมื่นเหรียญ Chapter 49 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แต่เมื่อเหนือภพมองจานไก่ย่างหอมกรุ่นในมือ เขาก็เข้าใจแล้วว่าเจ้าไร้ชื่อมาทําอะไรที่นี่ ไร้ชื่อเคยบอกเขาว่าสัตว์อสูรที่เลี้ยงมันมามีด้วยกัน 7 ชนิดและหนึ่งในนั้นก็มีไก่รวมอยู่ด้วย ดังนั้นไร้ชื่อจึงไม่กินไก่เพราะถือเป็นผู้มีพระคุณ แต่ไม่คิดว่ามันจะอาการหนักถึงขั้นไม่พอใจที่คนอื่นกินไก่ด้วย

 

“เอ่อ เจ้าสบายดีไหม ?”

 

เหนือภพถามด้วยความรู้สึกกระอักกระอ่วน เมื่อเห็นได้ชื่อดูเหมือนคนกําลังจะร้องไห้ ขณะจ้องมองจานไก่ย่างในมือเหนือภพอย่างไม่ลดละ เหนือภพกลืนน้ำลายลงคอ ปกติเขาจะไม่ค่อยสนใจคนอื่นนัก แต่ไร้ชื่อถือว่าเป็นเพื่อนที่ดี ตอนที่เขาสู้กับพญานาคไร้ชื่อก็ยังมาช่วยทั้งยังช่วยเก็บของที่เขาทําตกหล่นมาคืนให้ แล้วเขาจะทําให้เพื่อนสะเทือนใจได้อย่างไร

 

เห็นได้ชัดว่าเขาอดกินอาหารมื้อนี้แล้ว เพราะถึงแม้ไร้ชื่อจะมีอายุพอ ๆ กับเขาแต่ในด้านความคิดนั้นไร้ชื่อก็ไม่ต่างไปจากเด็กน้อยใสซื่อ อาจเป็นเพราะเขาเติบโตขึ้นมาในป่าเขา การที่เขามีสัตว์อสูรที่มีสติปัญญาเลี้ยงดูก็นับว่าโชคดีมากแล้ว

 

เหนือภพถอนหายใจ เปลี่ยนจากใบหน้าเซ็ง มาเป็นใบหน้าเอาเรื่องเจ้าของร้านแทน

 

“พวกเจ้าก็ทําไม่ถูก พวกเจ้ารู้ไหม น้องชายข้าท่านนี้รักไก่มาก เห็นไก่ถูกย่างเมื่อไหร่ เขาก็จะจับคนย่างไก่มาย่างแทน”

 

คําข่มขู่ของเหนือภพทําให้เจ้าของร้านและพนักงานในร้าน ตัวสั่นเทาพวกเขาได้แต่หวังให้มือปราบมาถึงโดยเร็ว ไม่เช่นนั้นต้องมีใครสักคนในร้านถูกย่างเสียแล้ว

 

ไร้ชื่อมีสีหน้าดีขึ้น เขายิ้มกว้างขณะจะตวัดดาบอีกครั้ง แต่เหนือภพยั้งไว้ทันท่วงที

 

“เดี๋ยว ที่นี่คือเมือง พวกเราจะใช้แต่กําลังไม่ได้บ้านมีกฏบ้านเมืองมีกฎเมือง”

 

“ข้าอยากแก้แค้น”

 

เหนือภพกุมขมับ เขาไม่รู้ว่าไร้ชื่อโตมาจนป่านนี้ได้อย่างไร เขาไม่อยากนึกเลยว่ามีร้านไก่กี่ร้านแล้วที่ต้องถูกทําลายไป นี่ยังไม่นับ กระต่าย หมี ลิง หมู หมา กา ที่คงมีคนถูกพังร้านค้าย่อยยับไปแล้วนับไม่ถ้วน

 

“เจ้ามีเงินหรือเปล่า”

 

ไร้ชื่อพยักหน้าแล้วก็ล้วงเข้าไปในอกของตัวเอง ก่อนหยิบตัวเงินปีกใหญ่ออกมาให้กับเหนือภพ

 

“โอ้ !”

 

เหนือภพตะลึงไปกับตัวเงินที่น่าจะมีมูลค่าเกือบ 200,000 เหรียญทอง แต่เขาก็ดึงตั๋วเงินออกมาเพียงใบเดียว แล้วคืนที่เหลือให้ไร้ชื่อไปทั้งหมด

 

“แค่นี้ก็พอ”

 

เหนือภพยื่นตั๋วเงินให้เจ้าของร้าน ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า

 

“พวกเจ้าเอาไก่พวกนี้ไปฝังดินซะ ทําพิธีศพให้เรียบร้อย แล้วก็ปิดร้านไปเลย หากเจ้าไม่ทําตามที่ข้าบอกไม่เพียงร้านของเจ้าจะพัง น้องข้าคนนี้ได้จับพวกเจ้าย่างรายตัวแน่”

 

“ขอรับ”

 

เจ้าของร้านรับคําอย่างจนใจ อย่างน้อยพวกเขาก็รอดชีวิต ด้วยการไกล่เกลี่ยของเหนือภพ

 

เหนือภพอธิบายให้ไร้ชื่อเข้าใจว่านี่เป็นวิธีที่ดีที่สุด เขาไม่อยากให้ไร้ชื่อต้องมีปัญหากับพวกมือปราบ ที่นี่มีคนเก่งมากมาย หากปล่อยให้เรื่องบานปลายคงไม่ดีแน่

 

แต่เรื่องราวที่ควรจะจบด้วยดี ก็ดันมีคนเข้ามาวุ่นวายจนได้ คล้ายกับการเช็ดล้างตะเกียบ แล้วในจังหวะที่กําลังเช็ดตะเกียบให้แห้งเตรียมเก็บใส่ตู้ก็ดันมีเสี้ยนออกมาตํานิ้ว อย่างไรอย่างนั้น

 

“ใครบังอาจมาก่อเรื่องวุ่นวายภายใต้ความดูแลของข้า”

 

มือปราบอาคมค่อย ๆ ปรากฏทีละคนสองคนด้วยอาคมอุ่น ระยะทางจนในที่สุดพื้นที่รอบร้านขายไก่ย่างทั้งบนพื้นและ บนหลังคาก็มีมือปราบอาคมเกือบยี่สิบคนในเครื่องแต่งกาย ประจําตําแหน่งและอาวุธครบมือ

 

เจ้าของร้านขายไก่ย่างเห็นเช่นนั้นก็ดีใจจนโผเข้าไปหาหัวหน้ามือปราบในทันที

 

“ท่านมือปราบ พวกเขานั่นแหละ ที่ทําลายร้านข้าจนพัง ทั้งยังบีบบังคับให้ข้าปิดร้าน ข้าก็แค่คนค้าขายธรรมดา ถ้าต้องมาเจอเรื่องแบบนี้พวกข้าจะอยู่ได้ยังไง ไหนจะค่าเช่าร้าน ค่าวัตถุดิบ ค่าแรงใต้เท้ามือปราบได้โปรดให้ความเป็นธรรมแก่ ข้าน้อยด้วย”

 

หัวหน้ามือปราบอาคมได้ยินเช่นนั้นก็ออกคําสั่งทันที

 

“จับมัน !”

 

เหนือภพหัวคิ้วกระตุก ตอนนี้พวกเขาตกอยู่ในวงล้อมของมือปราบอาคมที่คอยดูแลความปลอดภัย ส่วนไร้ชื่อก็ชักดาบ ออกมาจากหลังเอวเตรียมพร้อมฟันไม่เลือกหน้า แต่เหนือภพ ไม่ให้เขาทําเช่นนั้น เหนือภพดันดาบที่ควรออกจากฝักกลับไป ที่เดิม เขาเชื่อว่าคนเราพูดคุยกันได้ไม่เห็นต้องใช้กําลังกันเลย

 

ในขณะที่เหนือภพหันกลับมาฉีกยิ้มให้หัวหน้ามือปราบ เขาก็ได้ยินเสียง

 

สวบ !!

 

วินาทีต่อมาตาของเหนือภพแทบจะถลนออกมาจากเบ้า ยังไม่ทันที่เขาจะได้กล่าวคําไกล่เกลี่ย คมดาบของไร้ชื่อก็ถูกชักออกจากฝักเมื่อไหร่ไม่รู้ แต่ที่รู้แน่คือตอนนี้มันปักอยู่กลางลําตัวของมือปราบอาคมผู้หนึ่ง แม้มือปราบคนนั้นจะไม่ตาย แต่การประนีประนอมที่เหนือภพกําลังพยายามทํามันก็สูญเปล่า ไปในทันที

 

ไร้ชื่อดีดตัวออกพร้อมดึงดาบกลับมาตั้งท่าพร้อมต่อสู้ เหนือภพจ้องมองไร้ชื่ออย่างไม่เข้าใจ ในดวงตาของไร้ชื่อนั้นยังคงดูไร้เดียงสา แต่ใบหน้าของเขากลับแผ่กลิ่นอายป่าเถื่อนเยี่ยงสัตว์ป่า เมื่อเจอผู้คุกคามก็จะตอบโต้เองโดยธรรมชาติ สิ่งนี้ทําให้เหนือภพเข้าใจแล้วว่าตรรกะความเข้าใจแบบมนุษย์ใช้ไม่ได้ผลกับไร้ชื่อ

 

เจ้านี่ก็เหมือนกับสัตว์ตัวหนึ่ง เมื่อสัตว์เริ่มต่อสู้ก็ต้องเอาชนะเอาให้เด็ดขาด ไม่มีความปรานีหรืออ่อนข้อ

 

“ไป”

 

เหนือภพคว้าแขนไร้ชื่อก่อนที่เขาจะปลิดชีวิตของมือปราบอาคม เขาพาไร้ชื่อดีดตัวกระโดดไปตามหลังคาของร้านรวงต่าง ๆ อย่างรวดเร็วโดยที่น้ําหนักตัวของเหนือภพนั้นสร้างความเสียหายไปตลอดทาง

 

แม้เหนือภพและไร้ชื่อจะเคลื่อนไหวเร็วมาก แต่มือปราบอาคมที่ขึ้นชื่อว่าเป็นตํารวจเมืองหลวง พวกเขาก็มีความสามารถไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย โดยเฉพาะหัวหน้าหน่วยมือปราบอาคม “ขุนเจษ”

 

“หยุดนะ ! นี่คือมือปราบอาคม ยอมมอบตัวซะดี ๆ โทษหนักจะได้เป็นเบา อย่าคิดว่าจะลอยนวลไปได้”

 

การเคลื่อนไหวของเขานั้นรวดเร็วราวกับภูตพราย ในตอนนี้เขาทิ้งระยะห่างจากเหนือภพกับไร้ชื่อเพียงแค่ 6 เมตรเท่านั้น ขณะที่มือปราบคนอื่น ๆ ที่มีมือฝีมือหน่อยก็ทิ้งห่างจากขุนเจษเพียงแค่ไม่กี่สิบเมตร

 

“นี่พี่ชาย พวกข้าไม่ผิดนะ ท่านจะไล่ตามพวกเราแบบนี้ไม่”

 

เหนือภพพยายามเกลี้ยกล่อมโดยไม่หยุดวิ่ง เขายังไม่ใช้ท่ากระโดดหนีเพราะนั่นคงจะสร้างความเสียหายมากเกินไปจนกู่ไม่กลับเลยทีเดียว

 

แต่พวกมือปราบก็ยังไม่หยุดวิ่งตาม เห็นจะจริงอย่างที่เขาเคยได้ยินมาว่า “มือปราบเมืองหลวงเป็นประเภทกัดไม่ปล่อย”

 

ขณะที่ขุนเจษกําลังไล่ตามอย่างไม่ลดละ เขาก็เอามือไพล่หลังไปหยิบอาวุธในกระเป๋าออกมามันคือระเบิดสกัด

 

ตุ๊บ !

 

ทันทีที่มันถูกเขวี่ยงออกไป ลูกระเบิดก็แตกกระจายออก กลายเป็นเส้นเชือกผูกรั้งขาของเหนือภพเอาไว้ เหนือภพเสียหลักล้มหกคะเมน ลากไร้ชื่อกลิ้งตกจากบนหลังคาทะลุลงมาที่พื้นของร้านขายข้าวต้มด้วยกัน ผู้คนแตกฮือพลางส่งเสียงดังอื้ออึง

 

ขุนเจษยิ้มมุมปาก ขณะตะโกนบอกเหนือภพให้ยอมจํานน

 

“เจ้ามีสิทธิ์ที่จะไม่พูด เพราะคําพูดของเจ้าจะถูกนําไปใช้ในการพิจารณาในชั้นศาล”

 

แต่เหนือภพไม่บาดเจ็บอะไร เขารีบกระชากเชือกที่มัดขาออกอย่างง่ายดาย ท่ามกลางสีหน้าแปลกใจของขุนเจษ เชือกเส้นนั้นมีส่วนผสมของเหล็กไหลใช้สะกดการเคลื่อนไหวและยับยั้งปราณอาคมของผู้มีพรสวรรค์ได้อย่างชะงัด อีกทั้งยังมีส่วนประกอบเพิ่มความเหนียวที่แม้แต่ฮันเตอร์แรงค์ D ก็ยังต้องเสียเวลาระยะหนึ่งจึงจะทําลายมันได้

 

“เจ้าเป็นผู้ไร้พรสวรรค์ ?”

 

ขุนเจษโพล่งขึ้นอย่างแปลกใจ เขาไม่ทันได้สังเกตหรือเอะใจ เลยว่าเหนือภพจะเป็นผู้ไร้พรสวรรค์ แต่ยังไม่ทันให้เขาขบคิดอะไรต่อ ไร้ชื่อก็เรียกใช้ปราณอาคมสัตว์อสูรเจ็ดตัว ร่างสัตว์อสูรทั้งเจ็ดปรากฏขึ้นในทันใด พร้อมกับที่เขาฟันดาบในมือไป ทางขุนเจษนับสิบครั้ง เพราะไร้ชื่อทนไม่ได้ที่เห็นเหนือภพถูกจับ เมื่อเขาเห็นเหนือภพล้ม เขาก็รู้สึกเจ็บปวดราวกับเห็นพี่น้องถูกทําร้าย นั่นทําให้เขาเผยสัญชาตญาณสัตว์ของตัวเอง ออกมา

 

คลื่นอาคมรูปดาบหมุนติ้วออกมาทั้งสิบครั้งที่ได้ชื่อฟันดาบ ทําให้ขุนเจษเร่งเร้าปราณอาคมของตนออกมาต้านรับ เบื้องหลังของขุนเจษปรากฏภาพคล้ายสุนัขพันธุ์บางแก้วตัวสูงใหญ่ มันเห่ากรรโชกอย่างเป็นจังหวะ เกิดเป็นคลื่นเสียงที่แผ่ออกมาเป็นเกราะอาคมคุ้มกายขุนเจษเอาไว้เป็นชั้น ๆ อย่างหนาแน่น พลังดาบอาคมหมุนติ้วดุจใบพัดของไร้ชื่อกระแทกเกราะของขุนเจษ จนขุนเจษถึงกับเซถลาไปข้างหลังอย่างต่อเนื่อง แม้แต่เท้าแข็งแรงที่จิกไว้ที่พื้นก็ต้านทานไว้ไม่อยู่จนพื้นดินมีรอยขูดลากเป็นทาง

 

เหนือภพบีบไหล่ของไร้ชื่ออย่างแรง เพื่อให้เขาหยุดมือ จากนั้นเขาก็ลากตัวไร้ชื่อหนีจากไปอีกทาง

 

ความจริงแล้วเหนือภพไม่ได้กลัวเกรงขุนเจษเลย เขาเพียงแต่กลัวสิ่งที่จะตามมาต่างหาก หากเขาต่อสู้อย่างดึงดันเหนือภพก็รู้สึกสยองเมื่อคิดว่าจะต้องฟังคําบ่นของศิษย์พี่ใหญ่ และคําสั่งบังคับให้เขาอ่านกฎหมายบ้านเมืองให้เข้าใจ ไม่เช่นนั้น แค่มือปราบเล็ก ๆ มีหรือเหนือภพจะกลัวเขาจะกดให้จมดินเลยก็ยังได้

 

“ที่นี่ไม่ใช่ป่าเขา บ้านเมืองย่อมมีกฏ หากพวกเราไม่เคารพกฎเหล่านี้ เราก็ไม่ต่างจากคนชั่ว ฝีมือและความสามารถของพวกเรา อาจารย์สอนไว้ว่าให้ใช้ปกป้องผู้อื่น ไม่ใช่ก่อความเดือดร้อน

 

นี่เป็นคําพูดของศิษย์พี่ใหญ่ที่พูดกรอกหูเขาเสมอ ไม่รู้ว่าอาจารย์ฝากศิษย์พี่มาอบรมเขารึเปล่า

 

เพียงพริบตาเหนือภพกับไร้ชื่อก็จากไป ขุนเจษไม่ได้ติดตามไปเพราะมีคนหนึ่งในทีมที่เพิ่งมาถึงมากระซิบรายงานข้อมูล เกี่ยวกับตัวตนของเหนือภพ และนั่นก็ทําให้ขุนเจษโกรธมาก

 

“ปัดโธโว้ย”

 

ตัวตนของเหนือภพมีเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่เกินไป พวกเขาทําอะไรไม่ได้แม้แต่คิดจะเอาผิด คงต้องปล่อยให้สหายในทีมบาดเจ็บสาหัสโดยไม่มีคนรับผิดชอบ

 

“หัวหน้า เรื่องนี้ก็ให้แล้วกันไปเถอะ”

 

หนึ่งในหน่วยเอ่ยขึ้นด้วยความเจ็บแค้นไม่แพ้กัน ปัญหาไม่ใช่กลุ่มภราดา พวกเขายุติธรรมมากพอ แต่หอโลหิตกลับไม่ใช่เช่นนั้น

 

ณ มุมถนนที่ห่างไกลออกไป

 

มีคนหนึ่งในหน่วยมือปราบอาคมที่มองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด จากนั้นเขาก็ลอบตามเหนือภพกับชายอีกคนไปอย่างเงียบเชียบ เขาได้รับสาส์นลับที่ส่งตรงมาจากตระกูลสุบรรณเวนไตยเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน เป้าหมายของเขามีเพียงอย่างเดียวคือสืบให้รู้ว่าในตัวเหนือภพมีพญานาคห้าเศียรอยู่หรือไม่ หากว่าใช่จริง เขาก็ต้องกําจัดทิ้งซะ

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+