Top Up Now 2 ภาคบุรุษหมื่นเหรียญ 52 ชื่อไม่เหมือนกัน แปลว่าไม่ใช่

Now you are reading Top Up Now 2 ภาคบุรุษหมื่นเหรียญ Chapter 52 ชื่อไม่เหมือนกัน แปลว่าไม่ใช่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Top Up Now 2 ภาคบุรุษหมื่นเหรียญ ตอนที่ 52 ชื่อไม่เหมือนกัน แปลว่าไม่ใช่

 

เหนือภพดันตัวขึ้นจากน้ำด้วยความรู้สึกสิ้นหวังสุด ๆ เขาไม่อยากไปฆ่าล้างเผ่าครุฑอะไรนั่นเลย สมองของเขาว่างเปล่าราวกับไม่อยากคิดอะไรอีกแล้ว จู่ ๆ เขาก็ได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่ทําให้จิตใจและหัวสมองของเขาปลอดโปร่งผ่อนคลาย

 

มันคือกลิ่นไม้จันทน์หอม เป็นกลิ่นที่ทั้งน่าค้นหาและอบอุ่นนุ่มนวลอย่างบอกไม่ถูก

 

เขาจ้องมองหญิงสาวที่งดงามเย้ายวนเบื้องหน้า ด้วยความงามตามแบบฉบับของเธอทําให้เขาจําได้ เธอคือหนึ่งในดาวเด่นบนเวทีที่เขาจ้องมองด้วยความสงสัยในวันนั้น เมื่อได้จ้องเธอนานมากขึ้นเหนือภพก็ขมวดคิ้ว ความรู้สึกแรกที่เขามีต่อเธอคือเธอไม่เหมือนกับกลิ่นจันทน์ แต่เธอก็ให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยอย่างประหลาด ความรู้สึกนี้มันคืออะไรกัน 

 

ไม่ว่าเธอจะเป็นใครก็ตาม เขาจําได้แล้วว่าเธอคือนางมารผู้นั้นแน่นอน

 

“เจ้าชื่ออะไร”

 

“พราวจันทร์”

 

เหนือภพมีสีหน้าหม่นหมองลง ด้วยคาดหวังว่าจะเป็นคนที่เขาคิดแต่กลับไม่ใช่ เหนือภพตัดสินใจหันหลังเดินขึ้นจากบ่อนํ้าท่ามกลางสายตาของพราวจันทร์ เธอจ้องมองแผ่นหลังชายหนุ่มอย่างโหยหา เธอพยายามปกปิดความรักและความโหยหาเอาไว้ แต่ความรู้สึกเหล่านั้นกลับปรากฏชัดในแววตาของเธอ เธอก้มหน้างุดทันทีที่เหนือภพหันมองกลับมาอีกครั้ง

 

“คุณชายหากท่านไม่มีธุระแล้วก็ไปเถอะ”

 

พราวจันทร์เองก็ผิดหวังเช่นกัน แม้ว่าเธอจะดูแลตัวเองจนกลายเป็นสาวสะคราญและเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนฐานะ แต่เธอก็ยังคงมีเค้าโครงหน้าคล้ายตอนเป็นเด็ก แถมยังใช้น้ำหอมกลิ่นเดิมเพื่อให้เหนือภพจําได้ แต่เขากลับจําไม่ได้ นี่เขาซื่อบื้อมากเกินไปแล้ว

 

เหนือภพจ้องมองพราวจันทร์อย่างละเอียดถี่ถ้วนอีกครั้ง เธอคือคนที่มีสัมพันธ์ทางกายกับเขา แม้เขาจะรู้สึกถึงแรงดึงดูดบางอย่างแต่กลิ่นจันทน์ก็คือกลิ่นจันทน์ พราวจันทร์ก็คือพราวจันทร์ ชื่อไม่เหมือนกัน แปลว่าไม่ใช่คนคนเดียวกัน

 

ในความคิดของเหนือภพ กลิ่นจันทน์เป็นแค่ผู้หญิงบ้าน ๆ สวยแบบบริสุทธิ์ดูแล้วสบายตาสบายใจ แถมเธอยังเป็นคนขี้อายผิดกับพราวจันทร์ลิบลับ พราวจันทร์นั้นแข็งแกร่ง ร่างกายของเธอเต็มไปด้วยกระแสอาคมจํานวนมาก บ่งชี้ชัดว่าเธอต้องเป็นผู้มีพรสวรรค์ ไม่ใช้ผู้ไร้พรสวรรค์อย่างที่เขาเข้าใจ

 

แม้ใบหน้าจะคล้ายกัน แต่ก็ไม่เหมือนซะทีเดียว ทั้งความสวยของพราวจันทร์เต็มไปด้วยเสน่ห์อันน่าดึงดูด ราวกับดอกไม้ลึกลับที่แสนเย้ายวน แต่ก็เต็มไปด้วยพิษร้ายที่น่าค้นหา เขาปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาเองก็หลงใหลไปกับเสน่ห์ของเธอ จนแก่นกายของเขาถึงกับเริ่มคับแน่น

 

เหนือภพกําหมัดต่อยลงไปในน้ำเบา ๆ แต่นั่นก็ก่อเกิดเป็นคลื่นน้ำร้อนขนาดย่อมซัดเข้าหาพราวจันทร์ที่ยังคงยืนอยู่กลางสระน้ำ

 

“ว๊าย”

 

ชุดคลุมของพราวจันทร์ถูกน้ำซัดจนหลุดออกไป เผยร่างเปลือยเปล่าขาวเด่นกลางสระน้ำ

 

เหนือภพจ้องมองบาดแผลที่อกซ้ายของพราวจันทร์ด้วยความรู้สึกเคลือบแคลง แผลเป็นบริเวณหัวใจงั้นหรือ มีบางอย่างไม่ถูกต้อง เขาเองก็อธิบายความรู้สึกนี้ไม่ได้ เขาจึงได้แต่จ้องบาดแผลใต้ทรวงอกเต่งตึงคู่โตอยู่อย่างนั้น

 

พราวจันทร์หัวใจเต้นระรัว แม้เธอจะเคยแกล้งเขินอายต่อหน้าผู้อื่น เปิดเผยบางส่วนเพื่อยั่วยวนทําให้ผู้ชายทั้งหลายรู้สึกชอบและหลงใหล เพื่อแลกกับบางอย่าง แต่เมื่อเธออยู่ต่อหน้าเหนือภพ เธอกลับรู้สึกอายจริง ๆ ราวกับว่าเธอเกิดมาเพื่ออายต่อหน้าผู้ชายคนนี้เท่านั้น ทําให้การควบคุมร่างกาย อารมณ์ ความรู้สึกอันสมบูรณ์แบบของตัวเธอสั่นคลอน

 

พราวจันทร์รีบย่อตัวลงจนระดับน้ำปริ่มปลายคาง กลีบดอกไม้นานาพรรณไหลกลับมาปกปิดนวลเนื้อที่ซ่อนอยู่ใต้น้ำอีกครั้ง

 

“ท่านจะมองข้าไปอีกนานเมื่อไหร่ ท่านไม่รู้หรือไงว่าข้าเป็นใคร ท่านทําให้ข้าเสียเกียรติเช่นนี้ ท่านรับผิดชอบข้าไหวหรอ”

 

คําพูดสั่นระริกของเธอทําให้เหนือภพได้สติ เขาลองคิดคํานวณคร่าว ๆ เกี่ยวกับราคาของดาวเด่นของหอหมื่นบุปผา แต่ยิ่งคิดใบหน้าเขาก็ยิ่งมืดครึ้ม จะแต่งเมียทั้งทีจะใช้เงินมากขนาดนั้นไม่ได้ เหนือภพรีบหันหลังกลับทันที แม่คงไม่ว่าเขาหรอกมั้งถ้าเขาไม่รับผิดชอบผู้หญิงคนเดียว

 

เหนือภพปีนป่ายขึ้นไปถึงสันหลังคา ก่อนจะมองกลับมาทางพราวจันทร์ อย่างน้อยเขาก็ควรเอ่ยอะไรบางอย่างที่เหมาะสมกับเธอ

 

“เจ้าหุ่นดีแบบที่ข้าชอบเลย”

 

พูดจบเขาก็หายตัวไปพร้อม ๆ กับเสียงเคลื่อนไหวของกลุ่มคนที่วิ่งขึ้นบันไดมาเพื่อรักษาความปลอดภัยบนชั้นพิเศษแห่งนี้

 

“เจ้าหุ่นดีแบบที่ข้าชอบเลย”

 

พราวจันทร์พึมพําทวนคําพูดของชายหนุ่ม ก่อนจะส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้ม ใบหน้าแดงเรื่อขึ้น เธอไม่รู้ว่าเธอจะเกลียดผู้ชายคนนี้ได้ยังไง

 

“ตาบ้า”

 

ช่างเถอะ เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ปล่อยให้เขาคิดไปเองสักพัก รอให้เธอทํางานที่อาจารย์ผู้ล่วงลับมอบหมายสําเร็จเสียก่อน เธอถึงจะบอกความจริงทุกอย่างแก่เขา และเธอจะใช้ชีวิตที่เหลืออย่างมีความสุขกับเขา แต่ตอนนี้เธอไม่อาจดึงใครเข้ามาพัวพันได้อีก

 

“นายหญิง ท่านเป็นอะไรหรือเปล่าเจ้าคะ”

 

องครักษ์หญิงจากหอหมื่นบุปผาค้อมหัวต่ำลงขณะเอ่ยถามด้วยท่าทางยําเกรง พราวจันทร์ได้ยินเช่นนั้นก็แสดงสีหน้าไม่พอใจพลางจ้องมองผู้เป็นองครักษ์ของตนด้วยรังสีสังหาร

 

“วันนี้ใครเฝ้าเวร”

 

องครักษ์หญิงทรุดตัวหมอบลงกับพื้นทันที

 

“นายหญิงได้โปรดให้อภัยด้วย กิ่งหลิวน้องสาวข้ายังเด็ก นางยังไม่รู้ความ เข้าเวรครั้งแรกก็ก่อเรื่อง ป้องกันหละหลวมทําให้มีคนบุกรุกเข้ามาได้ ขอให้นายหญิงโปรดอภัยให้น้องข้าสักครั้ง ข้ากิ่งทองจะขอรับโทษทัณฑ์ทั้งหมดไว้เอง”

 

พราวจันทร์หลับตานิ่ง สาวรับใช้ที่อยู่ด้านนอกก็รู้สถานการณ์ พวกเธอรีบเข้ามาพร้อมกับเสื้อชุดใหม่ที่เตรียมไว้ให้นายหญิง ชุดสีแดงสดที่ซ้อนสีขาวไว้ข้างในถูกสาวรับใช้ค่อย ๆ สวมเข้ากับร่างกายของพราวจันทร์

 

พราวจันทร์ยังไม่ได้ตอบอะไร เธอรู้สึกลําบากใจที่จะลงโทษผู้ใต้บังคับบัญชา แต่เธอก็จําเป็นต้องทํา การที่เธอได้เจอกับเหนือภพเป็นอะไรที่น่ายินดี แต่สถานที่ที่ได้พบกันถือเป็นสถานที่ส่วนตัวที่ควรมีการป้องกันหนาแน่น ทว่ามันกลับหละหลวมจนคนนอกเข้ามาได้ถึงสองคน แล้วอย่างนี้เธอจะหวังพึ่งคนพวกนี้ได้อย่างไร

 

“ครั้งนี้ข้าไว้ชีวิตน้องเจ้าก็ได้ ตั้งแต่นี้ต่อไปเจ้าลดตําแหน่งไปดูแลน้องเจ้า จนกว่านางจะเก่งเทียบเจ้า แล้วเจ้าค่อยกลับมารับตําแหน่งเดิม หากเกิดเรื่องเป็นครั้งที่สองอีก เจ้ารู้คงรู้นะว่าต้องทําอย่างไร อย่าให้ข้าผิดหวังอีก”

 

“ขอบคุณนายหญิง ขอบคุณท่านมาก”

 

องครักษ์กิ่งทองรู้สึกโล่งใจมาก ขอเพียงน้องไม่ตายและทั้งยังได้อยู่คู่กันเธอก็พอใจแล้ว เธอรู้สึกสํานึกในความเมตตานี้อย่างยิ่ง

 

การตัดสินใจของนายหญิงในครั้งนี้ทําให้องครักษ์คนอื่น ๆ แปลกใจ แต่ความแปลกใจก็อยู่ได้ไม่นานเมื่อพวกเธอได้รับคําสั่งให้ไปสืบหาตัวการอย่างลับ ๆ ม่านอาคมคุ้มกันอาคารแห่งนี้ใช่ว่าใครจะฝ่าทะลุเข้ามาโดยง่าย เหตุการณ์หละหลวมในครั้งนี้ถือเป็นเรื่องผิดปกติเกินไป ดังนั้นการลงโทษองครักษ์หญิงนั้นเป็นเพียงแค่ฉากบังหน้าที่พราวจันทร์วางหมากไว้ 

 

หลังจากเหนือภพปีนลงมาจากหลังคา เขาก็ไม่สามารถหลบหนีออกไปจากบริเวณนี้ได้ เพราะม่านอาคมถูกเปิดใช้อย่างเต็มอัตรา เขาจึงไม่สามารถแหวกม่านคมออกไปได้ ทําให้เขางวนอยู่ในอาคารนี้เพื่อหาทางออก จนกระทั่งเขาพบกับกลิ่นแก้ว สตรีผมแดงที่มักแต่งกายยั่วยวนด้วยการเปิดเนินอก เธอใช้นิ้วชี้ทาบริมฝีปากตัวเองเป็นสัญญาณให้เขาเงียบ แล้วพาเหนือภพมาซ่อนในตู้เสื้อผ้าเล็ก ๆ ในห้องนอนส่วนตัว แล้วรอจนกระทั่งพวกองครักษ์ที่ออกตามหาผู้บุกรุกที่ละห้องเคลื่อนไหวจากไป เธอจึงพาเหนือภพออกมานั่งคุยกัน

 

“ท่านมาทําอะไรที่นี่”

 

เหนือภพไม่รู้จะตอบอะไรเขาจึงตอบโต้ไปด้วยคําพูดง่าย ๆ

 

“ข้ามาตามหาแมว”

 

กลิ่นแก้วนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนหัวเราะออกมา

 

“แมวเนี่ยนะ ท่านเห็นข้าเป็นเด็กสามขวบหรือไง แต่ช่างเถอะ ยังไงท่านก็เคยช่วยข้าและเพื่อนไว้ ท่านแอบที่นี่ไปก่อน รออีกสิบชั่วโมงพอถึงเวรยามของข้า ข้าถึงจะพาท่านออกไปได้”

 

“แล้วทําไมหอคณิกาถึงต้องมีเวรยามแน่นหนาถึงเพียงนี้”

 

กลิ่นแก้วชะงักไปเล็กน้อย คนทั่วไปไม่มีทางรู้ว่าหอคณิกาและตึกบุปผาของกลุ่มภารดาเป็นสิ่งที่เกี่ยวพันกันอย่างแนบแน่น

 

“ก็เอาไว้ป้องกันผู้ชายหื่นกามแบบท่านไง”

 

เหนือภพพยักหน้ารับโดยไม่แย้งอะไร แต่ก่อนที่กลิ่นแก้วจะออกไป เหนือภพก็รั้งไว้ก่อนด้วยคําถามที่แม้แต่กลิ่นแก้วก็ยังต้องตะลึง

 

“ท่านว่ายังไงนะ”

 

“ข้าอยากรู้ว่า ค่าสินสอดสําหรับสู่ขอผู้หญิงในหอพวกเจ้ามันเท่าไหร่”

 

เหนือภพถามอย่างจริงจัง แม้ปากเขาจะบอกว่าไม่อยากรับผิดชอบ แต่ความรู้สึกผิดในใจและใบหน้าผิดหวังของพราวจันทร์ก็ลอยเด่นเข้ามาในห้วงความคิดของเขา ทําให้เขารู้สึกไม่สบายใจ ในเมื่อนางกับเขามีอะไรกัน เขาก็ควรทําให้มันถูกต้อง

 

กลิ่นแก้วจ้องหน้าเหนือภพไม่วางตาแล้วก็ยิ้มออกมา 

 

“อ่อ ที่แท้ท่านไม่ได้มาหาแมว แต่มาหาสาวนี่เอง”

 

เหนือภพส่ายหน้าปฏิเสธ แต่กลิ่นแก้วหรือจะเชื่อ

 

“ท่านอย่าได้โกหกขาเลย ผู้ชายที่มาที่นี่หากไม่เข้ามาลอบสังหารเพราะโกรธแค้น ก็มาเพราะอยากยลโฉมสาวงามดาวเด่นหอหมื่นบุปผาทั้งนั้นแหละ และสภาพอย่างท่านย่อมไม่ใช่มือสังหาร ไหนลองบอกข้ามาสิว่าท่านมาหาหญิงงามคนใด เพื่อข้าจะช่วยท่านได้”

 

เหนือภพไม่ตอบ เพียงแต่แหงนมองขึ้นไปยังชั้นบนสุด ยังไม่ทันได้หลุดปากพูดชื่อเธอ กลิ่นแก้วก็ดูเหมือนจะเข้าใจและปะติดประต่อเรื่องได้

 

“อย่าบอกนะ ผู้หญิงท่านที่ถามถึงคือนายหญิงที่อยู่ชั้นบนสุด”

 

กลิ่นแก้วจะเป็นลม เมื่อเธอเห็นใบหน้าของผู้ชายบ้าพยักขึ้นลงเป็นการตอบคําถามเธอ

 

“ท่านรู้แล้วสินะว่าคนที่ช่วยท่านคือนายหญิงพราวจันทร์”

 

เมื่อได้ยินเช่นนี้เหนือภพเองก็มั่นใจได้อย่างไร้ข้อกังขา ผู้หญิงที่มีความสัมพันธ์กับเขา ทั้งยังพรากความบริสุทธิ์ของเขาไป คือพราวจันทร์ ดาวเด่นแห่งหอหมื่นบุปผา

 

“ท่านเลิกคิดซะเถอะ หากเป็นผู้หญิงในหอคนอื่น ๆ ขอแค่ท่านมีความจริงใจ และมีเงินมากสักหน่อย ข้าก็ช่วยท่านได้ แต่หากเป็นนายหญิงของข้า แค่คิดก็ผิดแล้ว ผู้คนทั้งใต้หล้าอยากได้นางมาเป็นภรรยาทั้งนั้น”

 

เมื่อเห็นว่าเหนือภพยังคงตั้งใจฟังอย่างไม่กริ่งเกรง เธอก็พูดต่อ

 

“ขนาดองค์ชายไม่เอาไหนอย่างองค์ชายชัยธวัชยังไม่สามารถเชยชมนายหญิง แค่ทานข้าวร่วมกันสักมื้อก็ยังยาก นับประสาอะไรกับท่าน ต่อให้ท่านมีใจและนายหญิงมีใจ พวกท่านก็ไม่มีทางอยู่อย่างสงบสุข เชื่อได้เลยว่าหากข่าวที่ท่านกับนายหญิงมีความสัมพันธ์ทางกายกันหลุดออกไปก็ทําให้คนทั้งแผ่นดินตามล่าท่านได้แล้ว นับประสาอะไรกับการสู่ขอ ท่านยังไม่ทันได้ถึงหน้าห้องหอก็มีคนมากมายแห่มาฆ่าท่านก่อนแล้ว”

 

“ท่านตัดใจเสียเถอะ”

 

กลิ่นแก้วกล่าวออกไปด้วยความหวังดี มีคนที่ถูกฆ่าเพราะลุ่มหลงนายหญิงไม่ใช่น้อย เหนือภพเงียบ ขณะคิดใคร่ครวญในใจ เขารู้สึกแปลกๆ ทําไมเขารู้สึกเสียดายเมื่อได้ยินแบบนั้น

 

“หากมันร้ายแรงขนาดนั้นก็ช่างเถอะนะ”

 

เหนือภพยิ้มแห้ง ๆ ในใจรู้สึกไม่สบายใจหนักกว่าเก่า

 

“ท่านคิดแบบนั้นได้ก็ดี เอาล่ะ ข้าจะตอบคําถามท่านให้ละกัน เรื่องสินสอดนะ จะมากน้อยไม่ได้สําคัญหรอก แต่มีสิ่งสําคัญอยากให้ท่านจําเอาไว้ ผู้หญิงคนหนึ่งไม่ได้ต้องการเงินทองมากมายอย่างที่ท่านคิดหรอกนะ เพียงแค่ท่านสัญญาว่าจะรัก ดูแล ซื่อสัตย์และจริงใจต่อนาง เพียงเท่านั้น นางก็ยินดีถวายชีวิตและติดตามท่านไปทั่วทุกหนแห่งแล้ว”

 

กลิ่นแก้วพูดด้วยรอยยิ้ม เธอเองก็เคยมีความรักและก็มีคนเคยมอบสิ่งนั้นให้เธอเช่นกัน แต่น่าเสียดายพวกเขาไม่อาจอยู่ร่วมกัน ได้แต่เก็บความโหยหาไว้ในความทรงจําที่งดงาม

 

เหนือภพเก็บคําพูดนี้ไว้ในใจ เมื่อถึงเวลากลิ่นแก้ว ใบหลิวและแตงทองก็ช่วยกันพาเหนือภพออกมาจากที่นั่นอย่างปลอดภัย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Top Up Now 2 ภาคบุรุษหมื่นเหรียญ 52 ชื่อไม่เหมือนกัน แปลว่าไม่ใช่

Now you are reading Top Up Now 2 ภาคบุรุษหมื่นเหรียญ Chapter 52 ชื่อไม่เหมือนกัน แปลว่าไม่ใช่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Top Up Now 2 ภาคบุรุษหมื่นเหรียญ ตอนที่ 52 ชื่อไม่เหมือนกัน แปลว่าไม่ใช่

 

เหนือภพดันตัวขึ้นจากน้ำด้วยความรู้สึกสิ้นหวังสุด ๆ เขาไม่อยากไปฆ่าล้างเผ่าครุฑอะไรนั่นเลย สมองของเขาว่างเปล่าราวกับไม่อยากคิดอะไรอีกแล้ว จู่ ๆ เขาก็ได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่ทําให้จิตใจและหัวสมองของเขาปลอดโปร่งผ่อนคลาย

 

มันคือกลิ่นไม้จันทน์หอม เป็นกลิ่นที่ทั้งน่าค้นหาและอบอุ่นนุ่มนวลอย่างบอกไม่ถูก

 

เขาจ้องมองหญิงสาวที่งดงามเย้ายวนเบื้องหน้า ด้วยความงามตามแบบฉบับของเธอทําให้เขาจําได้ เธอคือหนึ่งในดาวเด่นบนเวทีที่เขาจ้องมองด้วยความสงสัยในวันนั้น เมื่อได้จ้องเธอนานมากขึ้นเหนือภพก็ขมวดคิ้ว ความรู้สึกแรกที่เขามีต่อเธอคือเธอไม่เหมือนกับกลิ่นจันทน์ แต่เธอก็ให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยอย่างประหลาด ความรู้สึกนี้มันคืออะไรกัน 

 

ไม่ว่าเธอจะเป็นใครก็ตาม เขาจําได้แล้วว่าเธอคือนางมารผู้นั้นแน่นอน

 

“เจ้าชื่ออะไร”

 

“พราวจันทร์”

 

เหนือภพมีสีหน้าหม่นหมองลง ด้วยคาดหวังว่าจะเป็นคนที่เขาคิดแต่กลับไม่ใช่ เหนือภพตัดสินใจหันหลังเดินขึ้นจากบ่อนํ้าท่ามกลางสายตาของพราวจันทร์ เธอจ้องมองแผ่นหลังชายหนุ่มอย่างโหยหา เธอพยายามปกปิดความรักและความโหยหาเอาไว้ แต่ความรู้สึกเหล่านั้นกลับปรากฏชัดในแววตาของเธอ เธอก้มหน้างุดทันทีที่เหนือภพหันมองกลับมาอีกครั้ง

 

“คุณชายหากท่านไม่มีธุระแล้วก็ไปเถอะ”

 

พราวจันทร์เองก็ผิดหวังเช่นกัน แม้ว่าเธอจะดูแลตัวเองจนกลายเป็นสาวสะคราญและเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนฐานะ แต่เธอก็ยังคงมีเค้าโครงหน้าคล้ายตอนเป็นเด็ก แถมยังใช้น้ำหอมกลิ่นเดิมเพื่อให้เหนือภพจําได้ แต่เขากลับจําไม่ได้ นี่เขาซื่อบื้อมากเกินไปแล้ว

 

เหนือภพจ้องมองพราวจันทร์อย่างละเอียดถี่ถ้วนอีกครั้ง เธอคือคนที่มีสัมพันธ์ทางกายกับเขา แม้เขาจะรู้สึกถึงแรงดึงดูดบางอย่างแต่กลิ่นจันทน์ก็คือกลิ่นจันทน์ พราวจันทร์ก็คือพราวจันทร์ ชื่อไม่เหมือนกัน แปลว่าไม่ใช่คนคนเดียวกัน

 

ในความคิดของเหนือภพ กลิ่นจันทน์เป็นแค่ผู้หญิงบ้าน ๆ สวยแบบบริสุทธิ์ดูแล้วสบายตาสบายใจ แถมเธอยังเป็นคนขี้อายผิดกับพราวจันทร์ลิบลับ พราวจันทร์นั้นแข็งแกร่ง ร่างกายของเธอเต็มไปด้วยกระแสอาคมจํานวนมาก บ่งชี้ชัดว่าเธอต้องเป็นผู้มีพรสวรรค์ ไม่ใช้ผู้ไร้พรสวรรค์อย่างที่เขาเข้าใจ

 

แม้ใบหน้าจะคล้ายกัน แต่ก็ไม่เหมือนซะทีเดียว ทั้งความสวยของพราวจันทร์เต็มไปด้วยเสน่ห์อันน่าดึงดูด ราวกับดอกไม้ลึกลับที่แสนเย้ายวน แต่ก็เต็มไปด้วยพิษร้ายที่น่าค้นหา เขาปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาเองก็หลงใหลไปกับเสน่ห์ของเธอ จนแก่นกายของเขาถึงกับเริ่มคับแน่น

 

เหนือภพกําหมัดต่อยลงไปในน้ำเบา ๆ แต่นั่นก็ก่อเกิดเป็นคลื่นน้ำร้อนขนาดย่อมซัดเข้าหาพราวจันทร์ที่ยังคงยืนอยู่กลางสระน้ำ

 

“ว๊าย”

 

ชุดคลุมของพราวจันทร์ถูกน้ำซัดจนหลุดออกไป เผยร่างเปลือยเปล่าขาวเด่นกลางสระน้ำ

 

เหนือภพจ้องมองบาดแผลที่อกซ้ายของพราวจันทร์ด้วยความรู้สึกเคลือบแคลง แผลเป็นบริเวณหัวใจงั้นหรือ มีบางอย่างไม่ถูกต้อง เขาเองก็อธิบายความรู้สึกนี้ไม่ได้ เขาจึงได้แต่จ้องบาดแผลใต้ทรวงอกเต่งตึงคู่โตอยู่อย่างนั้น

 

พราวจันทร์หัวใจเต้นระรัว แม้เธอจะเคยแกล้งเขินอายต่อหน้าผู้อื่น เปิดเผยบางส่วนเพื่อยั่วยวนทําให้ผู้ชายทั้งหลายรู้สึกชอบและหลงใหล เพื่อแลกกับบางอย่าง แต่เมื่อเธออยู่ต่อหน้าเหนือภพ เธอกลับรู้สึกอายจริง ๆ ราวกับว่าเธอเกิดมาเพื่ออายต่อหน้าผู้ชายคนนี้เท่านั้น ทําให้การควบคุมร่างกาย อารมณ์ ความรู้สึกอันสมบูรณ์แบบของตัวเธอสั่นคลอน

 

พราวจันทร์รีบย่อตัวลงจนระดับน้ำปริ่มปลายคาง กลีบดอกไม้นานาพรรณไหลกลับมาปกปิดนวลเนื้อที่ซ่อนอยู่ใต้น้ำอีกครั้ง

 

“ท่านจะมองข้าไปอีกนานเมื่อไหร่ ท่านไม่รู้หรือไงว่าข้าเป็นใคร ท่านทําให้ข้าเสียเกียรติเช่นนี้ ท่านรับผิดชอบข้าไหวหรอ”

 

คําพูดสั่นระริกของเธอทําให้เหนือภพได้สติ เขาลองคิดคํานวณคร่าว ๆ เกี่ยวกับราคาของดาวเด่นของหอหมื่นบุปผา แต่ยิ่งคิดใบหน้าเขาก็ยิ่งมืดครึ้ม จะแต่งเมียทั้งทีจะใช้เงินมากขนาดนั้นไม่ได้ เหนือภพรีบหันหลังกลับทันที แม่คงไม่ว่าเขาหรอกมั้งถ้าเขาไม่รับผิดชอบผู้หญิงคนเดียว

 

เหนือภพปีนป่ายขึ้นไปถึงสันหลังคา ก่อนจะมองกลับมาทางพราวจันทร์ อย่างน้อยเขาก็ควรเอ่ยอะไรบางอย่างที่เหมาะสมกับเธอ

 

“เจ้าหุ่นดีแบบที่ข้าชอบเลย”

 

พูดจบเขาก็หายตัวไปพร้อม ๆ กับเสียงเคลื่อนไหวของกลุ่มคนที่วิ่งขึ้นบันไดมาเพื่อรักษาความปลอดภัยบนชั้นพิเศษแห่งนี้

 

“เจ้าหุ่นดีแบบที่ข้าชอบเลย”

 

พราวจันทร์พึมพําทวนคําพูดของชายหนุ่ม ก่อนจะส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้ม ใบหน้าแดงเรื่อขึ้น เธอไม่รู้ว่าเธอจะเกลียดผู้ชายคนนี้ได้ยังไง

 

“ตาบ้า”

 

ช่างเถอะ เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ปล่อยให้เขาคิดไปเองสักพัก รอให้เธอทํางานที่อาจารย์ผู้ล่วงลับมอบหมายสําเร็จเสียก่อน เธอถึงจะบอกความจริงทุกอย่างแก่เขา และเธอจะใช้ชีวิตที่เหลืออย่างมีความสุขกับเขา แต่ตอนนี้เธอไม่อาจดึงใครเข้ามาพัวพันได้อีก

 

“นายหญิง ท่านเป็นอะไรหรือเปล่าเจ้าคะ”

 

องครักษ์หญิงจากหอหมื่นบุปผาค้อมหัวต่ำลงขณะเอ่ยถามด้วยท่าทางยําเกรง พราวจันทร์ได้ยินเช่นนั้นก็แสดงสีหน้าไม่พอใจพลางจ้องมองผู้เป็นองครักษ์ของตนด้วยรังสีสังหาร

 

“วันนี้ใครเฝ้าเวร”

 

องครักษ์หญิงทรุดตัวหมอบลงกับพื้นทันที

 

“นายหญิงได้โปรดให้อภัยด้วย กิ่งหลิวน้องสาวข้ายังเด็ก นางยังไม่รู้ความ เข้าเวรครั้งแรกก็ก่อเรื่อง ป้องกันหละหลวมทําให้มีคนบุกรุกเข้ามาได้ ขอให้นายหญิงโปรดอภัยให้น้องข้าสักครั้ง ข้ากิ่งทองจะขอรับโทษทัณฑ์ทั้งหมดไว้เอง”

 

พราวจันทร์หลับตานิ่ง สาวรับใช้ที่อยู่ด้านนอกก็รู้สถานการณ์ พวกเธอรีบเข้ามาพร้อมกับเสื้อชุดใหม่ที่เตรียมไว้ให้นายหญิง ชุดสีแดงสดที่ซ้อนสีขาวไว้ข้างในถูกสาวรับใช้ค่อย ๆ สวมเข้ากับร่างกายของพราวจันทร์

 

พราวจันทร์ยังไม่ได้ตอบอะไร เธอรู้สึกลําบากใจที่จะลงโทษผู้ใต้บังคับบัญชา แต่เธอก็จําเป็นต้องทํา การที่เธอได้เจอกับเหนือภพเป็นอะไรที่น่ายินดี แต่สถานที่ที่ได้พบกันถือเป็นสถานที่ส่วนตัวที่ควรมีการป้องกันหนาแน่น ทว่ามันกลับหละหลวมจนคนนอกเข้ามาได้ถึงสองคน แล้วอย่างนี้เธอจะหวังพึ่งคนพวกนี้ได้อย่างไร

 

“ครั้งนี้ข้าไว้ชีวิตน้องเจ้าก็ได้ ตั้งแต่นี้ต่อไปเจ้าลดตําแหน่งไปดูแลน้องเจ้า จนกว่านางจะเก่งเทียบเจ้า แล้วเจ้าค่อยกลับมารับตําแหน่งเดิม หากเกิดเรื่องเป็นครั้งที่สองอีก เจ้ารู้คงรู้นะว่าต้องทําอย่างไร อย่าให้ข้าผิดหวังอีก”

 

“ขอบคุณนายหญิง ขอบคุณท่านมาก”

 

องครักษ์กิ่งทองรู้สึกโล่งใจมาก ขอเพียงน้องไม่ตายและทั้งยังได้อยู่คู่กันเธอก็พอใจแล้ว เธอรู้สึกสํานึกในความเมตตานี้อย่างยิ่ง

 

การตัดสินใจของนายหญิงในครั้งนี้ทําให้องครักษ์คนอื่น ๆ แปลกใจ แต่ความแปลกใจก็อยู่ได้ไม่นานเมื่อพวกเธอได้รับคําสั่งให้ไปสืบหาตัวการอย่างลับ ๆ ม่านอาคมคุ้มกันอาคารแห่งนี้ใช่ว่าใครจะฝ่าทะลุเข้ามาโดยง่าย เหตุการณ์หละหลวมในครั้งนี้ถือเป็นเรื่องผิดปกติเกินไป ดังนั้นการลงโทษองครักษ์หญิงนั้นเป็นเพียงแค่ฉากบังหน้าที่พราวจันทร์วางหมากไว้ 

 

หลังจากเหนือภพปีนลงมาจากหลังคา เขาก็ไม่สามารถหลบหนีออกไปจากบริเวณนี้ได้ เพราะม่านอาคมถูกเปิดใช้อย่างเต็มอัตรา เขาจึงไม่สามารถแหวกม่านคมออกไปได้ ทําให้เขางวนอยู่ในอาคารนี้เพื่อหาทางออก จนกระทั่งเขาพบกับกลิ่นแก้ว สตรีผมแดงที่มักแต่งกายยั่วยวนด้วยการเปิดเนินอก เธอใช้นิ้วชี้ทาบริมฝีปากตัวเองเป็นสัญญาณให้เขาเงียบ แล้วพาเหนือภพมาซ่อนในตู้เสื้อผ้าเล็ก ๆ ในห้องนอนส่วนตัว แล้วรอจนกระทั่งพวกองครักษ์ที่ออกตามหาผู้บุกรุกที่ละห้องเคลื่อนไหวจากไป เธอจึงพาเหนือภพออกมานั่งคุยกัน

 

“ท่านมาทําอะไรที่นี่”

 

เหนือภพไม่รู้จะตอบอะไรเขาจึงตอบโต้ไปด้วยคําพูดง่าย ๆ

 

“ข้ามาตามหาแมว”

 

กลิ่นแก้วนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนหัวเราะออกมา

 

“แมวเนี่ยนะ ท่านเห็นข้าเป็นเด็กสามขวบหรือไง แต่ช่างเถอะ ยังไงท่านก็เคยช่วยข้าและเพื่อนไว้ ท่านแอบที่นี่ไปก่อน รออีกสิบชั่วโมงพอถึงเวรยามของข้า ข้าถึงจะพาท่านออกไปได้”

 

“แล้วทําไมหอคณิกาถึงต้องมีเวรยามแน่นหนาถึงเพียงนี้”

 

กลิ่นแก้วชะงักไปเล็กน้อย คนทั่วไปไม่มีทางรู้ว่าหอคณิกาและตึกบุปผาของกลุ่มภารดาเป็นสิ่งที่เกี่ยวพันกันอย่างแนบแน่น

 

“ก็เอาไว้ป้องกันผู้ชายหื่นกามแบบท่านไง”

 

เหนือภพพยักหน้ารับโดยไม่แย้งอะไร แต่ก่อนที่กลิ่นแก้วจะออกไป เหนือภพก็รั้งไว้ก่อนด้วยคําถามที่แม้แต่กลิ่นแก้วก็ยังต้องตะลึง

 

“ท่านว่ายังไงนะ”

 

“ข้าอยากรู้ว่า ค่าสินสอดสําหรับสู่ขอผู้หญิงในหอพวกเจ้ามันเท่าไหร่”

 

เหนือภพถามอย่างจริงจัง แม้ปากเขาจะบอกว่าไม่อยากรับผิดชอบ แต่ความรู้สึกผิดในใจและใบหน้าผิดหวังของพราวจันทร์ก็ลอยเด่นเข้ามาในห้วงความคิดของเขา ทําให้เขารู้สึกไม่สบายใจ ในเมื่อนางกับเขามีอะไรกัน เขาก็ควรทําให้มันถูกต้อง

 

กลิ่นแก้วจ้องหน้าเหนือภพไม่วางตาแล้วก็ยิ้มออกมา 

 

“อ่อ ที่แท้ท่านไม่ได้มาหาแมว แต่มาหาสาวนี่เอง”

 

เหนือภพส่ายหน้าปฏิเสธ แต่กลิ่นแก้วหรือจะเชื่อ

 

“ท่านอย่าได้โกหกขาเลย ผู้ชายที่มาที่นี่หากไม่เข้ามาลอบสังหารเพราะโกรธแค้น ก็มาเพราะอยากยลโฉมสาวงามดาวเด่นหอหมื่นบุปผาทั้งนั้นแหละ และสภาพอย่างท่านย่อมไม่ใช่มือสังหาร ไหนลองบอกข้ามาสิว่าท่านมาหาหญิงงามคนใด เพื่อข้าจะช่วยท่านได้”

 

เหนือภพไม่ตอบ เพียงแต่แหงนมองขึ้นไปยังชั้นบนสุด ยังไม่ทันได้หลุดปากพูดชื่อเธอ กลิ่นแก้วก็ดูเหมือนจะเข้าใจและปะติดประต่อเรื่องได้

 

“อย่าบอกนะ ผู้หญิงท่านที่ถามถึงคือนายหญิงที่อยู่ชั้นบนสุด”

 

กลิ่นแก้วจะเป็นลม เมื่อเธอเห็นใบหน้าของผู้ชายบ้าพยักขึ้นลงเป็นการตอบคําถามเธอ

 

“ท่านรู้แล้วสินะว่าคนที่ช่วยท่านคือนายหญิงพราวจันทร์”

 

เมื่อได้ยินเช่นนี้เหนือภพเองก็มั่นใจได้อย่างไร้ข้อกังขา ผู้หญิงที่มีความสัมพันธ์กับเขา ทั้งยังพรากความบริสุทธิ์ของเขาไป คือพราวจันทร์ ดาวเด่นแห่งหอหมื่นบุปผา

 

“ท่านเลิกคิดซะเถอะ หากเป็นผู้หญิงในหอคนอื่น ๆ ขอแค่ท่านมีความจริงใจ และมีเงินมากสักหน่อย ข้าก็ช่วยท่านได้ แต่หากเป็นนายหญิงของข้า แค่คิดก็ผิดแล้ว ผู้คนทั้งใต้หล้าอยากได้นางมาเป็นภรรยาทั้งนั้น”

 

เมื่อเห็นว่าเหนือภพยังคงตั้งใจฟังอย่างไม่กริ่งเกรง เธอก็พูดต่อ

 

“ขนาดองค์ชายไม่เอาไหนอย่างองค์ชายชัยธวัชยังไม่สามารถเชยชมนายหญิง แค่ทานข้าวร่วมกันสักมื้อก็ยังยาก นับประสาอะไรกับท่าน ต่อให้ท่านมีใจและนายหญิงมีใจ พวกท่านก็ไม่มีทางอยู่อย่างสงบสุข เชื่อได้เลยว่าหากข่าวที่ท่านกับนายหญิงมีความสัมพันธ์ทางกายกันหลุดออกไปก็ทําให้คนทั้งแผ่นดินตามล่าท่านได้แล้ว นับประสาอะไรกับการสู่ขอ ท่านยังไม่ทันได้ถึงหน้าห้องหอก็มีคนมากมายแห่มาฆ่าท่านก่อนแล้ว”

 

“ท่านตัดใจเสียเถอะ”

 

กลิ่นแก้วกล่าวออกไปด้วยความหวังดี มีคนที่ถูกฆ่าเพราะลุ่มหลงนายหญิงไม่ใช่น้อย เหนือภพเงียบ ขณะคิดใคร่ครวญในใจ เขารู้สึกแปลกๆ ทําไมเขารู้สึกเสียดายเมื่อได้ยินแบบนั้น

 

“หากมันร้ายแรงขนาดนั้นก็ช่างเถอะนะ”

 

เหนือภพยิ้มแห้ง ๆ ในใจรู้สึกไม่สบายใจหนักกว่าเก่า

 

“ท่านคิดแบบนั้นได้ก็ดี เอาล่ะ ข้าจะตอบคําถามท่านให้ละกัน เรื่องสินสอดนะ จะมากน้อยไม่ได้สําคัญหรอก แต่มีสิ่งสําคัญอยากให้ท่านจําเอาไว้ ผู้หญิงคนหนึ่งไม่ได้ต้องการเงินทองมากมายอย่างที่ท่านคิดหรอกนะ เพียงแค่ท่านสัญญาว่าจะรัก ดูแล ซื่อสัตย์และจริงใจต่อนาง เพียงเท่านั้น นางก็ยินดีถวายชีวิตและติดตามท่านไปทั่วทุกหนแห่งแล้ว”

 

กลิ่นแก้วพูดด้วยรอยยิ้ม เธอเองก็เคยมีความรักและก็มีคนเคยมอบสิ่งนั้นให้เธอเช่นกัน แต่น่าเสียดายพวกเขาไม่อาจอยู่ร่วมกัน ได้แต่เก็บความโหยหาไว้ในความทรงจําที่งดงาม

 

เหนือภพเก็บคําพูดนี้ไว้ในใจ เมื่อถึงเวลากลิ่นแก้ว ใบหลิวและแตงทองก็ช่วยกันพาเหนือภพออกมาจากที่นั่นอย่างปลอดภัย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+