Top Up Now 2 ภาคบุรุษหมื่นเหรียญ 60 เจ้าชอบเขาสิ้นะ

Now you are reading Top Up Now 2 ภาคบุรุษหมื่นเหรียญ Chapter 60 เจ้าชอบเขาสิ้นะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Top Up Now 2 ภาคบุรุษหมื่นเหรียญ

 

ตอนที่ 60 เจ้าชอบเขาสิ้นะ

 

ทางด้านไร้ชื่อกับขุนเจษ พวกเขายังคงต่อสู้กันอย่างดุเดือดรัศมีการต่อสู้ของพวกเขากินพื้นกว้างนับร้อยเมตร พื้นดินกขุดทําลาย ต้นไม้หักโค่น ไร้ชื่อเป็นฝ่ายที่กําลังเพลี่ยงพล้ํา เพราะเจอคู่ต่อสู้ที่เหนือกว่าทั้งด้านอาคมและวิชาการต่อสู้

 

สัตว์อสูรหมาบางแก้วอาคมของขุนเจษพุ่งออกมาปิดฉากการต่อสู้อันยาวนาน ด้วยการกดร่างไร้ชื่อโดยเท้าหน้าซ้ายกดจนแนบแน่นติดพื้นจมดินเลยทีเดียว แม้ไร้ชื่อจะดิ้นรนราวกับปลาใหญ่ที่ถูกเหวี่ยงขึ้นมาบนบก เขาก็ไม่สามารถหลุดออกจากน้ําหนักตัวของหมาบางแก้วอาคมของขุนเจษได้

 

“ปล่อยข้า ข้าจะฆ่าเจ้า”

 

แต่ขุนเจษไม่ตอบอะไร เขาเพียงพันธนาการไร้ชื่อเอาไว้แล้วก็จากไปอย่างไม่ไยดี

 

แววตาของไร้ชื่อเต็มไปด้วยความก้าวร้าวรุนแรงดุจสัตว์ป่าบ้าคลั่ง เขาพยายามงอตัวเพื่อที่จะกัดเชือกอาคมที่มัดข้อเท้าให้ขาดแต่มันยากมาก เพราะแขนทั้งสองข้างถูกหมัดไพล่หลังเอาไว้ทําให้เขาได้แต่ดีดตัวไปมาไม่ต่างจากกุ้ง

 

ใบข้าวยกมือปิดปากตัวเองด้วยความตกใจที่เห็นได้ชื่อพ่ายแพ้ ตอนแรกเธอกังวลว่าเด็กหนุ่มจะถูกฆ่าด้วยซ้ํา จากที่เธอดูมีหลายทีมที่สมาชิกบางคนถูกฆ่าตายโดยทีมอื่น ๆ หรือไม่ก็โดยสัตว์อสูรฆ่าเล่นงานจนบาดเจ็บสาหัส เธอกลัวว่าไร้ชื่อจะเป็นหนึ่งในนั้น เธอเพ่งสมาธิส่งใจช่วยไร้ชื่อจนน้ําตาคลอ

 

ขุนเจษเขาเป็นมือปราบหลวงเขามีหน้าที่จับผู้กระทําผิดมา ลงโทษไม่ใช่ฆ่าคนไปเรื่อยเปื่อยดังนั้นเขาจะไม่ทําตัวเป็นศาล เตี้ยจึงเพียงควบคุมตัวไร้ชื่อไม่ให้หนีรอดไปได้ด้วยเชือกสะกด อาคม ก่อนจะมองมาทางเหนือภพที่กําลังนอนไขว้ขาเอนตัวอยู่บนต้นไม้อย่างสบายใจ

 

ผู้ต้องหาที่เขาควรจับมีแค่สองคนเท่านั้นคือไร้ชื่อกับเหนือภพ ส่วนเฮงเฮงนั้นเขาไม่แม้จะสนใจเหลือบมอง

 

เหนือภพมองไปยังขุนเจษที่เคลื่อนตัวเข้ามาพร้อมกับคําพูดที่ฟังดูน่าเบื่อ

 

“มอบตัวซะ”

 

“โธ่พี่ชายนี่มันเวลาอะไรกัน นี่คือการประมูล ให้จบประมูลก่อนค่อยว่ากันมั้ย อีกอย่างนะ พี่ชายควรระวังให้มากกว่านี้ดีกว่า”

 

เหนือภพยิ้มกว้าง ขณะที่กําปั้นที่เขากําแน่นอยู่ตลอดเวลาถูกชกออกไป ด้วยพละกําลังระดับ 12 การต่อยของเหนือภพก็ทําให้ผู้นําแต่ละตระกูลที่เฝ้าชมอยู่ถึงกับไม่กล้าละสายตาขุนเจษจ้องเขม็งก่อนจะร้องครางออกมาพร้อมกันดวงตาที่เบิกโพลงอ้าปากกว้าง

 

“อ๊าาา”

 

กระแสปราณอาคมส้มทองผสานเข้ากับสายลมบิดม้วนเป็นเกลียว แหวกพื้นดินกว้างกว่า 100 เมตรจนเตียนโล่งดินถูกไถเป็นร่องลึกว่า 4 เมตร

 

เครื่องป้องกันตัวขุนเจษทุกชิ้นที่อยู่บนตัวเขาถูกเปิดใช้งานพร้อม ๆ กัน เกิดเป็นม่านอาคมต้านซ้อนนับสิบชั้น ก่อนที่พวกมันจะค่อย ๆ พังทลายแตกไปทีละชั้น ทีละชั้น จนกระทั่งม่านอาคมอันสุดท้ายแหลกสลายไปพร้อมกับร่างขุนเจษที่ถูกกระแทกออกมาไกลมากกว่า 600 เมตร เนื่องจากขุนเจษมีเกราะอาคมหลายชั้นทําให้พลังหมัดอากาศถูกลดทอนกําลังลงมากขุนเจษจึงแค่บาดเจ็บสาหัสแต่ไม่ถึงแก่ชีวิต

 

พญานาคเลื้อยเข้ามาหาเหนือภพด้วยสภาพที่ไม่มีการสึกหรอใดใด ภายในปากคาบร่างของขุนวราธรที่หายใจรวยรินเอาไว้ก่อนจะโยนลงใต้ต้นไม้ที่เหนือภพยืนรออยู่พร้อมเอ่ยอย่างกระตือรือร้นว่า

 

“ข้ากินได้ไหม ?”

 

แต่ยังไม่ทันที่เหนือภพจะตอบอะไร ขุนวราธรที่มีสภาพหายใจรวยรินกลับฟื้นขึ้นมาในช่วงเวลาที่แปลกประหลาดก่อนจะพุ่งหายไปทันทีด้วยความหวาดกลัวที่จะถูกกิน

 

พญานาคทําท่าจะตามไป แต่ก็พลันหยุดนิ่งเมื่อสัมผัสได้ถึงอาคมของเหล่าสายเลือดครุฑที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี้

 

“พวกครุฑ”

 

เหนือภพไม่สามารถรับรู้อาคมได้ ดังนั้นเขาจึงไม่รู้สึกแม้เขาจะใช้ดวงตาค้นหาแร่มีสีแต่ก็ไกลเกินกว่าเขาจะมองเห็นฉะนั้นเขาจึงพาพญานาคไปรวมทีมกับเฮงเฮงและก็พากันไปช่วยเหลือไร้ชื่อแทน

 

ทางด้านขุนเจษ เขายังคงนอนนิ่งอยู่บนพื้นพลางใช้อาคมฟื้นฟูเพื่อปรับสภาพร่างกายตัวเอง แต่สุดท้ายเขาก็ต้องหลับตาลงอย่างปลงในโชคชะตา เมื่อเขาถูกล้อมโดยทีมเทพเจ้าพวกเขาก้มลงมองเขา

“สร้อยของเจ้าล่ะ”

 

คุณชายตระกูลชวดสีขาวเอ่ยขึ้นด้วยน้ําเสียงสดใสเขามีผิวกาย ผม ขนตา และขนคิ้วเป็นสีขาวเผือก ดวงตาแดงก่ําเวลาที่ยิ้มยิงฟันจะเห็นฟันคู่หน้ายื่นยาวออกมาเหมือนกับหนูบนคอของเขามีสร้อยถึง 3 เส้น บ่งบอกชัดว่ามีสองทีมที่ถูกเขาเล่นงานไปแล้วในระยะเวลาอันสั้น

 

ขุนเจษรู้ตัวว่าสู้ไม่ได้และไม่ได้อยู่ในสภาพพร้อมสู้เขาจึงจําต้องมอบสร้อยคอให้พวกนี้ไปอย่างไม่มีทางเลือกแต่เมื่อเขาล้วงมือลงไปในคอเสื้อเกราะคอเต่าของตนเขาก็ต้องตะลึง

 

“ไม่มีสร้อย

 

พิธีกรสาวเดินวนรอบครอบแก้วขณะตะเบ็งเสียงอย่างตื่นเต้นอีกครั้ง

 

“สุดยอดไปเลยกับการโจมตีของเหนือภพ หัวหน้าทีมรุ่งโรจน์ร่ํารวยเงินทองไหลมาเทมาทุก ๆ วินาที เพียงหมัดเดียวก็สามารถล้มหัวหน้าทีมมือปราบหลวงไปได้ อีกทั้งยังแย่งชิงสร้อยมาครองได้อีกเส้น เรามาลุ้นกันนะคะ ว่าพวกเขาจะถูกทีมเทพเจ้าไล่ตามและแย่งสร้อยมาได้หรือไม่”

 

องค์รัชทายาทถึงกับชะงักมีสีหน้าครุ่นคิดอย่างหนัก เมื่อเห็นฝีมือของเหนือภพ เขาหมายมั่นปั้นมืออยากได้เหนือภพมาเป็นบริวาร แต่ไม่นานมานี้เขาเพิ่งได้รับข่าวมาว่าเหนือภพมีความสัมพันธ์บางอย่างกับองค์หญิงบุษย์น้ําเพชร และเธอก็กําลังตามง้อให้เหนือภพกลับไปทํางานด้วย ไม่รู้ว่าเขาจะต้องทําเช่นไรจึงจะดึงเหนือภพมาได้

 

องค์รัชทายาทเงยหน้าขึ้นมาก็ประสานตากับบุษย์น้ําเพชรที่กําลังมองเขาอยู่ก่อนแล้ว จากนั้นเธอก็ยิ้มน้อย ๆ แล้วค้อมหัวให้อย่างเคารพ ก่อนจะหันหน้ากลับไปมองการแข่งขันบนเวทีต่อ

 

เหนือภพยิ้มกว้างเมื่อไร้ชื่อสํารอกสร้อยของทีมขุนเจษออกมาจากปากของตัวเอง

 

“ทําได้ดีมาก”

 

ตอนแรกเฮงเฮงคิดจะหยิบขึ้นมาดู แต่เมื่อเห็นเศษอาหารและน้ําลายเหนียวเคลือบอยู่บนตัวสร้อย เขาก็ไม่กล้าแตะต้องขณะที่บ่นออกไปว่า

 

“จะเก็บสร้อยทั้งทีก็เก็บไว้ในเสื้อผ้าก็ได้มั้ง”

 

เหนือภพรู้สึกเห็นด้วยกับเฮงเฮง แต่จะทํายังไงได้นอกจากเอากิ่งไม้เขี่ย ๆ ให้สร้อยเงินแกะสลักเส้นนั้นคลุกเคล้าไปกับดินเพื่อเอาเศษอาหารและคราบเหนียว ๆ ออก ก่อนราดด้วยน้ําดื่มที่เขาพกมาซ้ําหลายครั้งจนแน่ใจ แล้วจึงนําไปคล้องคอพญานาคอีกเป็นเส้นที่สอง แม้สร้อยแต่ละเส้นจะทํามาจากวัส ดุคนละอย่างแต่ทุกเส้นก็มีความยาวเท่ากัน พวกมันจึงสวมอยู่ บนคอพญานาคได้อย่างพอดี

 

“ข้าไม่มีพิษ

 

ไร้ชื่อเอ่ยด้วยท่าทางซื่อ ๆ ท่าทางแบบนั้นทําให้ทั้งกลุ่มงงก็ใช้ไงไม่มีพิษ คนจะมีพิษได้ยังไง แต่คําพูดต่อมาของไร้ชื่อก็ทําให้ทุกคนกลั้นขําไม่อยู่ เมื่อคิดออกว่าไร้ชื่อพูดถึงเรื่องไหน

่ ่

ก่อนหน้านี้เหนือภพแนะให้พญานาคกลืนสร้อยลงคอเพื่อไม่ให้ใครหาเจอ แต่พญานาคบอกว่าถ้ากลืนลงไปสร้อยจะละลายเพราะพิษ คิดไม่ถึงว่าไร้ชื่อจะเก็บคําพูดของเหนือภพกับพญานาคมาคิดเป็นจริงเป็นจัง

 

“ถ้าข้ากลืนเข้าไปจะไม่มีใครหาเจอ แล้วมันก็จะไม่ละลายเพราะข้าไม่มีพิษ”

 

“อื้ม ดี”

 

เหนือภพตบบ่าไร้ชื่ออย่างให้กําลังใจ เขาทําดีแล้วจากนั้นเหนือภพก็นําทีมมุ่งหน้าเลาะไปทางซ้ายของปา โดยไม่ให้เฮงเฮงนําทาง เพราะเขาต้องการซ่อนตัวจากทีมอื่นๆเข้าไปในชายปาที่เงียบสงบ รอโอกาสเหมาะ ๆ ค่อยออกมาจัดการก็ไม่สาย

 

บรรยากาศด้านนอกกลับแตกต่างกันลิบลับ เสียงผู้คนตะโกนลุ้นดังกระหึมอาคารประมูล ในขณะที่พิธีกรยังคงประกาศอย่างเจื้อยแจ้ว

 

“ทางปาทิศตะวันออก ทีมเพชรการเวกนําโดย สกุณีหยก”กําลังปะทะกับ “สมิงไตย บุตรคนเล็กของตระกูลขาลเขาเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่โดดเด่นน่าจับตามอง ไม่รู้ทีมตระกูลขาลหรือทีมเพชรการเวกจะได้รับชัยชนะในการต่อสู้นี้ไป”

 

“ส่วนทางปาทิศเหนือ ที่มนิรันดร์กาลนครนําโดย “องค์ชายเตชินท์” กําลังเผชิญหน้ากับแม่ทัพหนุ่มไฟแรง “สิบทิศ” จากที่มแม่ทัพหลวง ทั้งสองต่อสู้กันดุเดือดมาก ดูท่าศึกครั้งนี้ยากที่จะตัดสินจริง ๆ เอ๊ะดูนั่นสิเจ้าคะ สาวงามประจําแคว้น “เนตรกัญญา” เธอกําลังวิ่งไล่ตามไปช่วยสิบทิศ ดูเหมือนเธอจะเป็นผู้ไร้พรสวรรค์ที่สวยที่สุดและแกร่งที่สุดไปแล้วในตอนนี้”

 

ยังไม่ทันที่พิธีกรสาวจะได้พักเหนื่อย เธอก็วิ่งอ้อมครอบแก้วไปยืนชี้ตําแหน่งที่เหนือภพอยู่

 

“ดูเหมือนทีมเทพเจ้า จะปฏิเสธที่จะบุกเข้าจู่โจมทีมรุ่งโรจน์ร่ํารวยเงินทองไหลมาเทมาทุก ๆ วินาที ที่อยู่ใกล้ที่สุดนะเจ้าคะเป็นเพราะอะไรล่ะเนี่ย มันเป็นเรื่องน่าแปลกมากหรือว่าทีมเทพเจ้าจะหวาดกลัวการโจมตีด้วยกําปั้นทําลายล้างของเหนือภพกันแน่แต่เดี๋ยวก่อนค่ะ ดูเหมือนทีมเทพเจ้าเลือกที่จะมุ่งตรงไปที่มหาวิหารก่อน หรือว่าพวกเขาพอใจกับ สร้อยสามเส้นที่ตัวเองมี”

 

“แต่นั่น โอ้ เกิดการปะทะกันแล้ว ทีมนาคราชที่ซ่อนตัวอยู่ในมหาวิหารลอบโจมตีทีมเทพเจ้าแล้วเจ้าค่ะ การต่อสู้ดุเดือดมากแต่ดูเหมือนว่าทีมเทพเจ้าจะไม่หวั่นวิตกเลยนะเจ้าคะหรีอว่าพวกเขาคาดการณ์มาก่อนแล้ว”

 

การบรรยายของพิธีกรหญิงบวกกับภาพที่ปรากฏในครอบแก้วทําให้ผู้ชมลุ้นระทึก แต่ละทีมต่างงัดท่าไม้ตายของตนออกมาน้ํานั่นกันอย่างไม่มีใครยอมใคร

 

“ดูสิ เล่นเป็นเด็กเชียวนะเนตรกัญญา”

 

พราวจันทร์พูดในขณะที่สายตาไม่ละไปจากครอบแก้วด้านล่างเลย เธอนั่งอยู่ในห้องรับรองของหอหมื่นบุปผามาตั้งแต่แรกแล้วเธอวางถ้วยชา ลงในขณะที่บุษบาตอบกลับมาอย่างนุ่มนวล

 

“เนตรกัญญาชอบอะไรผาดโผนแบบนี้แหละค่ะ ยังดีที่นางมีพวกแม่ทัพคอยระแวดระวังให้”

 

พราวจันทร์ส่ายหน้าน้อย ๆ จนปอยผมหลุดพลิ้วลงมาปอยหนึ่ง แต่มันกลับส่งเสริมให้ใบหน้าของเธอดูเย้ายวนมากขึ้นเธอไม่ได้กังวลเรื่องความปลอดภัยของเนตรกัญญานักเพราะเนตรกัญญาถือว่ามีฝีมือพอตัว หนําซ้ํา เธอยังมีแม่ทัพสองคนในทีมคอยดูแลคงไม่มีใครเห็นว่าผู้ไร้พร สวรรค์อย่างเธอจะเป็นศัตรูตัวฉกาจที่หวังจะแย่งภารกิจระดับ สูงไปจริง ๆ และต่อให้เธอถูกล้อมโดยทีมศัตรูก็คงไม่มีชายใดกล้าทําร้ายสาวงามประจําแคว้นอย่างเนตรกัญญาได้ลงคอ

 

เนตรกัญญาจึงเปรียบเสมือนกุหลาบหนามที่ทําให้การประลองดูมีสีสันมากขึ้นเพียงเท่านั้น

 

“เจ้าก็อย่าเอาตัวเข้าไปเสี่ยงกับอะไรเช่นนี้นะ บุษบา”

 

บุษบาพยักหน้ารับคําหญิงสาวที่เปรียบเสมือนหัวหน้าอย่างว่าง่าย ถึงอย่างไรเธอก็ได้รับการดูแลราวกับไข่ในหินอยู่แล้วขอเพียงไม่ทําเรื่องเสียงก็จะไม่มีภัยใดเข้ามากล้ํากรายเธอได้

 

“เจ้าคิดว่าใครจะเป็นผู้ชนะ

 

“ข้าไม่รู้ แต่คนที่โดดเด่นน่าจับตามองก็เห็นจะเป็นท่านเหนือภพ ศิษย์น้องของท่านทานธรรม และท่านวัฏจักร”

 

พราวจันทร์ชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็หายใจเข้าลึก ๆ ขณะเอื้อมมือเรียวบางไปหยิบกลีบมะลิแห้งมาใส่ในถ้วยชา

 

“เจ้าชอบเขาสินะ”

 

บุษบาไม่ตอบ เธอเพียงแต่ก้มหน้างุด จ้องมือที่กําลังบิดผ้าเช็ดหน้าอยู่บนตักเช่นนั้นพราวจันทร์ถอนหายใจให้เธอได้ยิน จากนั้นก็พูดด้วยน้ําเสียงเรียบนิ่ง

 

“เจ้ารู้ใช่มั้ย คนอย่างพวกเราไม่อาจมีความรัก ไม่อาจครองคู่กับชายใด”

 

“รู้ค่ะ”

 

บุษบายังคงก้มหน้าตอบด้วยน้ําเสียงสั่นเครือ

 

“เจ้าจะรู้สึกรักชอบใครก็ได้ ข้าไม่ห้าม แต่ข้าเป็นห่วงหากเจ้าถลําลึกเกินไปคนที่จะเจ็บก็คือตัวเจ้าเอง”

 

“ค่ะ”

 

พราวจันทร์ไม่พูดอะไรอีก เธอเพียงแค่เลื่อนจากขนมผิงแสนอร่อยตรงหน้าให้บุษบา บุษบาเองก็รับรู้ได้ถึงความเอาใจใส่ของพราวจันทร์ เพราะที่ผ่านมาพราวจันทร์รักและทะนุถนอมเธอยิ่งกว่าเนตรกัญญาเสียอีก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Top Up Now 2 ภาคบุรุษหมื่นเหรียญ 60 เจ้าชอบเขาสิ้นะ

Now you are reading Top Up Now 2 ภาคบุรุษหมื่นเหรียญ Chapter 60 เจ้าชอบเขาสิ้นะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Top Up Now 2 ภาคบุรุษหมื่นเหรียญ

 

ตอนที่ 60 เจ้าชอบเขาสิ้นะ

 

ทางด้านไร้ชื่อกับขุนเจษ พวกเขายังคงต่อสู้กันอย่างดุเดือดรัศมีการต่อสู้ของพวกเขากินพื้นกว้างนับร้อยเมตร พื้นดินกขุดทําลาย ต้นไม้หักโค่น ไร้ชื่อเป็นฝ่ายที่กําลังเพลี่ยงพล้ํา เพราะเจอคู่ต่อสู้ที่เหนือกว่าทั้งด้านอาคมและวิชาการต่อสู้

 

สัตว์อสูรหมาบางแก้วอาคมของขุนเจษพุ่งออกมาปิดฉากการต่อสู้อันยาวนาน ด้วยการกดร่างไร้ชื่อโดยเท้าหน้าซ้ายกดจนแนบแน่นติดพื้นจมดินเลยทีเดียว แม้ไร้ชื่อจะดิ้นรนราวกับปลาใหญ่ที่ถูกเหวี่ยงขึ้นมาบนบก เขาก็ไม่สามารถหลุดออกจากน้ําหนักตัวของหมาบางแก้วอาคมของขุนเจษได้

 

“ปล่อยข้า ข้าจะฆ่าเจ้า”

 

แต่ขุนเจษไม่ตอบอะไร เขาเพียงพันธนาการไร้ชื่อเอาไว้แล้วก็จากไปอย่างไม่ไยดี

 

แววตาของไร้ชื่อเต็มไปด้วยความก้าวร้าวรุนแรงดุจสัตว์ป่าบ้าคลั่ง เขาพยายามงอตัวเพื่อที่จะกัดเชือกอาคมที่มัดข้อเท้าให้ขาดแต่มันยากมาก เพราะแขนทั้งสองข้างถูกหมัดไพล่หลังเอาไว้ทําให้เขาได้แต่ดีดตัวไปมาไม่ต่างจากกุ้ง

 

ใบข้าวยกมือปิดปากตัวเองด้วยความตกใจที่เห็นได้ชื่อพ่ายแพ้ ตอนแรกเธอกังวลว่าเด็กหนุ่มจะถูกฆ่าด้วยซ้ํา จากที่เธอดูมีหลายทีมที่สมาชิกบางคนถูกฆ่าตายโดยทีมอื่น ๆ หรือไม่ก็โดยสัตว์อสูรฆ่าเล่นงานจนบาดเจ็บสาหัส เธอกลัวว่าไร้ชื่อจะเป็นหนึ่งในนั้น เธอเพ่งสมาธิส่งใจช่วยไร้ชื่อจนน้ําตาคลอ

 

ขุนเจษเขาเป็นมือปราบหลวงเขามีหน้าที่จับผู้กระทําผิดมา ลงโทษไม่ใช่ฆ่าคนไปเรื่อยเปื่อยดังนั้นเขาจะไม่ทําตัวเป็นศาล เตี้ยจึงเพียงควบคุมตัวไร้ชื่อไม่ให้หนีรอดไปได้ด้วยเชือกสะกด อาคม ก่อนจะมองมาทางเหนือภพที่กําลังนอนไขว้ขาเอนตัวอยู่บนต้นไม้อย่างสบายใจ

 

ผู้ต้องหาที่เขาควรจับมีแค่สองคนเท่านั้นคือไร้ชื่อกับเหนือภพ ส่วนเฮงเฮงนั้นเขาไม่แม้จะสนใจเหลือบมอง

 

เหนือภพมองไปยังขุนเจษที่เคลื่อนตัวเข้ามาพร้อมกับคําพูดที่ฟังดูน่าเบื่อ

 

“มอบตัวซะ”

 

“โธ่พี่ชายนี่มันเวลาอะไรกัน นี่คือการประมูล ให้จบประมูลก่อนค่อยว่ากันมั้ย อีกอย่างนะ พี่ชายควรระวังให้มากกว่านี้ดีกว่า”

 

เหนือภพยิ้มกว้าง ขณะที่กําปั้นที่เขากําแน่นอยู่ตลอดเวลาถูกชกออกไป ด้วยพละกําลังระดับ 12 การต่อยของเหนือภพก็ทําให้ผู้นําแต่ละตระกูลที่เฝ้าชมอยู่ถึงกับไม่กล้าละสายตาขุนเจษจ้องเขม็งก่อนจะร้องครางออกมาพร้อมกันดวงตาที่เบิกโพลงอ้าปากกว้าง

 

“อ๊าาา”

 

กระแสปราณอาคมส้มทองผสานเข้ากับสายลมบิดม้วนเป็นเกลียว แหวกพื้นดินกว้างกว่า 100 เมตรจนเตียนโล่งดินถูกไถเป็นร่องลึกว่า 4 เมตร

 

เครื่องป้องกันตัวขุนเจษทุกชิ้นที่อยู่บนตัวเขาถูกเปิดใช้งานพร้อม ๆ กัน เกิดเป็นม่านอาคมต้านซ้อนนับสิบชั้น ก่อนที่พวกมันจะค่อย ๆ พังทลายแตกไปทีละชั้น ทีละชั้น จนกระทั่งม่านอาคมอันสุดท้ายแหลกสลายไปพร้อมกับร่างขุนเจษที่ถูกกระแทกออกมาไกลมากกว่า 600 เมตร เนื่องจากขุนเจษมีเกราะอาคมหลายชั้นทําให้พลังหมัดอากาศถูกลดทอนกําลังลงมากขุนเจษจึงแค่บาดเจ็บสาหัสแต่ไม่ถึงแก่ชีวิต

 

พญานาคเลื้อยเข้ามาหาเหนือภพด้วยสภาพที่ไม่มีการสึกหรอใดใด ภายในปากคาบร่างของขุนวราธรที่หายใจรวยรินเอาไว้ก่อนจะโยนลงใต้ต้นไม้ที่เหนือภพยืนรออยู่พร้อมเอ่ยอย่างกระตือรือร้นว่า

 

“ข้ากินได้ไหม ?”

 

แต่ยังไม่ทันที่เหนือภพจะตอบอะไร ขุนวราธรที่มีสภาพหายใจรวยรินกลับฟื้นขึ้นมาในช่วงเวลาที่แปลกประหลาดก่อนจะพุ่งหายไปทันทีด้วยความหวาดกลัวที่จะถูกกิน

 

พญานาคทําท่าจะตามไป แต่ก็พลันหยุดนิ่งเมื่อสัมผัสได้ถึงอาคมของเหล่าสายเลือดครุฑที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี้

 

“พวกครุฑ”

 

เหนือภพไม่สามารถรับรู้อาคมได้ ดังนั้นเขาจึงไม่รู้สึกแม้เขาจะใช้ดวงตาค้นหาแร่มีสีแต่ก็ไกลเกินกว่าเขาจะมองเห็นฉะนั้นเขาจึงพาพญานาคไปรวมทีมกับเฮงเฮงและก็พากันไปช่วยเหลือไร้ชื่อแทน

 

ทางด้านขุนเจษ เขายังคงนอนนิ่งอยู่บนพื้นพลางใช้อาคมฟื้นฟูเพื่อปรับสภาพร่างกายตัวเอง แต่สุดท้ายเขาก็ต้องหลับตาลงอย่างปลงในโชคชะตา เมื่อเขาถูกล้อมโดยทีมเทพเจ้าพวกเขาก้มลงมองเขา

“สร้อยของเจ้าล่ะ”

 

คุณชายตระกูลชวดสีขาวเอ่ยขึ้นด้วยน้ําเสียงสดใสเขามีผิวกาย ผม ขนตา และขนคิ้วเป็นสีขาวเผือก ดวงตาแดงก่ําเวลาที่ยิ้มยิงฟันจะเห็นฟันคู่หน้ายื่นยาวออกมาเหมือนกับหนูบนคอของเขามีสร้อยถึง 3 เส้น บ่งบอกชัดว่ามีสองทีมที่ถูกเขาเล่นงานไปแล้วในระยะเวลาอันสั้น

 

ขุนเจษรู้ตัวว่าสู้ไม่ได้และไม่ได้อยู่ในสภาพพร้อมสู้เขาจึงจําต้องมอบสร้อยคอให้พวกนี้ไปอย่างไม่มีทางเลือกแต่เมื่อเขาล้วงมือลงไปในคอเสื้อเกราะคอเต่าของตนเขาก็ต้องตะลึง

 

“ไม่มีสร้อย

 

พิธีกรสาวเดินวนรอบครอบแก้วขณะตะเบ็งเสียงอย่างตื่นเต้นอีกครั้ง

 

“สุดยอดไปเลยกับการโจมตีของเหนือภพ หัวหน้าทีมรุ่งโรจน์ร่ํารวยเงินทองไหลมาเทมาทุก ๆ วินาที เพียงหมัดเดียวก็สามารถล้มหัวหน้าทีมมือปราบหลวงไปได้ อีกทั้งยังแย่งชิงสร้อยมาครองได้อีกเส้น เรามาลุ้นกันนะคะ ว่าพวกเขาจะถูกทีมเทพเจ้าไล่ตามและแย่งสร้อยมาได้หรือไม่”

 

องค์รัชทายาทถึงกับชะงักมีสีหน้าครุ่นคิดอย่างหนัก เมื่อเห็นฝีมือของเหนือภพ เขาหมายมั่นปั้นมืออยากได้เหนือภพมาเป็นบริวาร แต่ไม่นานมานี้เขาเพิ่งได้รับข่าวมาว่าเหนือภพมีความสัมพันธ์บางอย่างกับองค์หญิงบุษย์น้ําเพชร และเธอก็กําลังตามง้อให้เหนือภพกลับไปทํางานด้วย ไม่รู้ว่าเขาจะต้องทําเช่นไรจึงจะดึงเหนือภพมาได้

 

องค์รัชทายาทเงยหน้าขึ้นมาก็ประสานตากับบุษย์น้ําเพชรที่กําลังมองเขาอยู่ก่อนแล้ว จากนั้นเธอก็ยิ้มน้อย ๆ แล้วค้อมหัวให้อย่างเคารพ ก่อนจะหันหน้ากลับไปมองการแข่งขันบนเวทีต่อ

 

เหนือภพยิ้มกว้างเมื่อไร้ชื่อสํารอกสร้อยของทีมขุนเจษออกมาจากปากของตัวเอง

 

“ทําได้ดีมาก”

 

ตอนแรกเฮงเฮงคิดจะหยิบขึ้นมาดู แต่เมื่อเห็นเศษอาหารและน้ําลายเหนียวเคลือบอยู่บนตัวสร้อย เขาก็ไม่กล้าแตะต้องขณะที่บ่นออกไปว่า

 

“จะเก็บสร้อยทั้งทีก็เก็บไว้ในเสื้อผ้าก็ได้มั้ง”

 

เหนือภพรู้สึกเห็นด้วยกับเฮงเฮง แต่จะทํายังไงได้นอกจากเอากิ่งไม้เขี่ย ๆ ให้สร้อยเงินแกะสลักเส้นนั้นคลุกเคล้าไปกับดินเพื่อเอาเศษอาหารและคราบเหนียว ๆ ออก ก่อนราดด้วยน้ําดื่มที่เขาพกมาซ้ําหลายครั้งจนแน่ใจ แล้วจึงนําไปคล้องคอพญานาคอีกเป็นเส้นที่สอง แม้สร้อยแต่ละเส้นจะทํามาจากวัส ดุคนละอย่างแต่ทุกเส้นก็มีความยาวเท่ากัน พวกมันจึงสวมอยู่ บนคอพญานาคได้อย่างพอดี

 

“ข้าไม่มีพิษ

 

ไร้ชื่อเอ่ยด้วยท่าทางซื่อ ๆ ท่าทางแบบนั้นทําให้ทั้งกลุ่มงงก็ใช้ไงไม่มีพิษ คนจะมีพิษได้ยังไง แต่คําพูดต่อมาของไร้ชื่อก็ทําให้ทุกคนกลั้นขําไม่อยู่ เมื่อคิดออกว่าไร้ชื่อพูดถึงเรื่องไหน

่ ่

ก่อนหน้านี้เหนือภพแนะให้พญานาคกลืนสร้อยลงคอเพื่อไม่ให้ใครหาเจอ แต่พญานาคบอกว่าถ้ากลืนลงไปสร้อยจะละลายเพราะพิษ คิดไม่ถึงว่าไร้ชื่อจะเก็บคําพูดของเหนือภพกับพญานาคมาคิดเป็นจริงเป็นจัง

 

“ถ้าข้ากลืนเข้าไปจะไม่มีใครหาเจอ แล้วมันก็จะไม่ละลายเพราะข้าไม่มีพิษ”

 

“อื้ม ดี”

 

เหนือภพตบบ่าไร้ชื่ออย่างให้กําลังใจ เขาทําดีแล้วจากนั้นเหนือภพก็นําทีมมุ่งหน้าเลาะไปทางซ้ายของปา โดยไม่ให้เฮงเฮงนําทาง เพราะเขาต้องการซ่อนตัวจากทีมอื่นๆเข้าไปในชายปาที่เงียบสงบ รอโอกาสเหมาะ ๆ ค่อยออกมาจัดการก็ไม่สาย

 

บรรยากาศด้านนอกกลับแตกต่างกันลิบลับ เสียงผู้คนตะโกนลุ้นดังกระหึมอาคารประมูล ในขณะที่พิธีกรยังคงประกาศอย่างเจื้อยแจ้ว

 

“ทางปาทิศตะวันออก ทีมเพชรการเวกนําโดย สกุณีหยก”กําลังปะทะกับ “สมิงไตย บุตรคนเล็กของตระกูลขาลเขาเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่โดดเด่นน่าจับตามอง ไม่รู้ทีมตระกูลขาลหรือทีมเพชรการเวกจะได้รับชัยชนะในการต่อสู้นี้ไป”

 

“ส่วนทางปาทิศเหนือ ที่มนิรันดร์กาลนครนําโดย “องค์ชายเตชินท์” กําลังเผชิญหน้ากับแม่ทัพหนุ่มไฟแรง “สิบทิศ” จากที่มแม่ทัพหลวง ทั้งสองต่อสู้กันดุเดือดมาก ดูท่าศึกครั้งนี้ยากที่จะตัดสินจริง ๆ เอ๊ะดูนั่นสิเจ้าคะ สาวงามประจําแคว้น “เนตรกัญญา” เธอกําลังวิ่งไล่ตามไปช่วยสิบทิศ ดูเหมือนเธอจะเป็นผู้ไร้พรสวรรค์ที่สวยที่สุดและแกร่งที่สุดไปแล้วในตอนนี้”

 

ยังไม่ทันที่พิธีกรสาวจะได้พักเหนื่อย เธอก็วิ่งอ้อมครอบแก้วไปยืนชี้ตําแหน่งที่เหนือภพอยู่

 

“ดูเหมือนทีมเทพเจ้า จะปฏิเสธที่จะบุกเข้าจู่โจมทีมรุ่งโรจน์ร่ํารวยเงินทองไหลมาเทมาทุก ๆ วินาที ที่อยู่ใกล้ที่สุดนะเจ้าคะเป็นเพราะอะไรล่ะเนี่ย มันเป็นเรื่องน่าแปลกมากหรือว่าทีมเทพเจ้าจะหวาดกลัวการโจมตีด้วยกําปั้นทําลายล้างของเหนือภพกันแน่แต่เดี๋ยวก่อนค่ะ ดูเหมือนทีมเทพเจ้าเลือกที่จะมุ่งตรงไปที่มหาวิหารก่อน หรือว่าพวกเขาพอใจกับ สร้อยสามเส้นที่ตัวเองมี”

 

“แต่นั่น โอ้ เกิดการปะทะกันแล้ว ทีมนาคราชที่ซ่อนตัวอยู่ในมหาวิหารลอบโจมตีทีมเทพเจ้าแล้วเจ้าค่ะ การต่อสู้ดุเดือดมากแต่ดูเหมือนว่าทีมเทพเจ้าจะไม่หวั่นวิตกเลยนะเจ้าคะหรีอว่าพวกเขาคาดการณ์มาก่อนแล้ว”

 

การบรรยายของพิธีกรหญิงบวกกับภาพที่ปรากฏในครอบแก้วทําให้ผู้ชมลุ้นระทึก แต่ละทีมต่างงัดท่าไม้ตายของตนออกมาน้ํานั่นกันอย่างไม่มีใครยอมใคร

 

“ดูสิ เล่นเป็นเด็กเชียวนะเนตรกัญญา”

 

พราวจันทร์พูดในขณะที่สายตาไม่ละไปจากครอบแก้วด้านล่างเลย เธอนั่งอยู่ในห้องรับรองของหอหมื่นบุปผามาตั้งแต่แรกแล้วเธอวางถ้วยชา ลงในขณะที่บุษบาตอบกลับมาอย่างนุ่มนวล

 

“เนตรกัญญาชอบอะไรผาดโผนแบบนี้แหละค่ะ ยังดีที่นางมีพวกแม่ทัพคอยระแวดระวังให้”

 

พราวจันทร์ส่ายหน้าน้อย ๆ จนปอยผมหลุดพลิ้วลงมาปอยหนึ่ง แต่มันกลับส่งเสริมให้ใบหน้าของเธอดูเย้ายวนมากขึ้นเธอไม่ได้กังวลเรื่องความปลอดภัยของเนตรกัญญานักเพราะเนตรกัญญาถือว่ามีฝีมือพอตัว หนําซ้ํา เธอยังมีแม่ทัพสองคนในทีมคอยดูแลคงไม่มีใครเห็นว่าผู้ไร้พร สวรรค์อย่างเธอจะเป็นศัตรูตัวฉกาจที่หวังจะแย่งภารกิจระดับ สูงไปจริง ๆ และต่อให้เธอถูกล้อมโดยทีมศัตรูก็คงไม่มีชายใดกล้าทําร้ายสาวงามประจําแคว้นอย่างเนตรกัญญาได้ลงคอ

 

เนตรกัญญาจึงเปรียบเสมือนกุหลาบหนามที่ทําให้การประลองดูมีสีสันมากขึ้นเพียงเท่านั้น

 

“เจ้าก็อย่าเอาตัวเข้าไปเสี่ยงกับอะไรเช่นนี้นะ บุษบา”

 

บุษบาพยักหน้ารับคําหญิงสาวที่เปรียบเสมือนหัวหน้าอย่างว่าง่าย ถึงอย่างไรเธอก็ได้รับการดูแลราวกับไข่ในหินอยู่แล้วขอเพียงไม่ทําเรื่องเสียงก็จะไม่มีภัยใดเข้ามากล้ํากรายเธอได้

 

“เจ้าคิดว่าใครจะเป็นผู้ชนะ

 

“ข้าไม่รู้ แต่คนที่โดดเด่นน่าจับตามองก็เห็นจะเป็นท่านเหนือภพ ศิษย์น้องของท่านทานธรรม และท่านวัฏจักร”

 

พราวจันทร์ชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็หายใจเข้าลึก ๆ ขณะเอื้อมมือเรียวบางไปหยิบกลีบมะลิแห้งมาใส่ในถ้วยชา

 

“เจ้าชอบเขาสินะ”

 

บุษบาไม่ตอบ เธอเพียงแต่ก้มหน้างุด จ้องมือที่กําลังบิดผ้าเช็ดหน้าอยู่บนตักเช่นนั้นพราวจันทร์ถอนหายใจให้เธอได้ยิน จากนั้นก็พูดด้วยน้ําเสียงเรียบนิ่ง

 

“เจ้ารู้ใช่มั้ย คนอย่างพวกเราไม่อาจมีความรัก ไม่อาจครองคู่กับชายใด”

 

“รู้ค่ะ”

 

บุษบายังคงก้มหน้าตอบด้วยน้ําเสียงสั่นเครือ

 

“เจ้าจะรู้สึกรักชอบใครก็ได้ ข้าไม่ห้าม แต่ข้าเป็นห่วงหากเจ้าถลําลึกเกินไปคนที่จะเจ็บก็คือตัวเจ้าเอง”

 

“ค่ะ”

 

พราวจันทร์ไม่พูดอะไรอีก เธอเพียงแค่เลื่อนจากขนมผิงแสนอร่อยตรงหน้าให้บุษบา บุษบาเองก็รับรู้ได้ถึงความเอาใจใส่ของพราวจันทร์ เพราะที่ผ่านมาพราวจันทร์รักและทะนุถนอมเธอยิ่งกว่าเนตรกัญญาเสียอีก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+