Top Up Now 2 ภาคบุรุษหมื่นเหรียญ 38 จ้าวตึกบุปผา

Now you are reading Top Up Now 2 ภาคบุรุษหมื่นเหรียญ Chapter 38 จ้าวตึกบุปผา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
เหนือภพรู้สึกท้อสุด ๆ เขาพยายามล้วงมือเข้าไปในถุงหนังเพื่อหาแก้วจันทรกาล แล้วก็ยื่นมันให้พญานาค เขาคืนพญานาคไปจะดีกว่า มันไม่คุ้มเลย พญานาคห้าเศียรตนนี้ไม่ใช่พญานาคธรรมดา ที่ผ่านมามันเพียงเล่นสนุกกับเขาเท่านั้น หากต้องต่อสู้แลกชีวิตเพื่อทำให้เกล็ดมันหลุดออกมาก็เกรงว่าเขาคงต้องเอาชีวิตไปทิ้งโดยเปล่าประโยชน์
แก้วจันทรกาลที่กำลังเปลี่ยนสีไปมา สลับแปดสีไปมาต่อเนื่อง มันค่อย ๆ ลอยออกจากมือของเหนือภพขึ้นไปหาพญานาค
แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงคำรามของสัตว์ร้ายจำนวนมากกว่าสิบตัวดังสอดประสานกังวาน พวกมันแต่ละตัวไม่ได้มีขนาดด้อยไปกว่าพญานาคเลย เพียงแต่ตัวของมันสั้นกว่ามาก เพียงแค่ เหนือภพได้เห็น เขาก็จำได้ รูปลักษณ์ของฝูงสัตว์อสูรผู้มาใหม่มันเหมือนรูปปั้นสัตว์หิมพานต์ที่อยู่ตรงขั้นบันไดของวิหารไม่มีผิด
“มกร”
เหนือภพหลุดปากออกมาด้วยความตกตะลึง การปรากฏตัวของฝูงมกร ทำให้แก้วจันทรากาลหยุดนิ่งกลางอากาศ
พญานาคห้าเศียรหันขวับไปทางฝูงมกรราวกับว่ามันพบศัตรูทางธรรมชาติ มันขู่คำรามออกมาดังลั่น มกรเห็นเช่นนั้นก็ขยับตัวถอยหลัง แต่เมื่อเสียงคำรามของพญานาคสิ้นสุดลง พวกมกรทั้งสิบก็พุ่งเข้าหาพญานาคห้าเศียรอย่างไม่ลังเล
ฟับ ฟับ ฟับ
หางของพญานาคห้าเศียรฟาดสะบัดมกรออกไปทีละตัว แต่ละเศียรหันแยกไปตามทิศทางของมกรแต่ละตัว ก่อนจะพ่นทั้งพิษ เปลวเพลิงพิษ และสายน้ำกรด ใส่เหล่ามกรอย่างไม่ปรานี แตกต่างจากที่สู้กับเหนือภพลิบลับ
แต่สิ่งมีชีวิตที่ดูเหมือนเป็นส่วนผสมของผู้โดดเด่นหลายเผ่าพันธุ์ พวกมันทั้งแข็งแรงและก็ว่องไว ยิ่งการสู้แบบ 1 ต่อ 10 นั้นต่อให้พญานาคแข็งแกร่งแค่ไหนก็ต้องเพลี่ยงพล้ำจนได้
พญานาคห้าเศียรตัดใจหลบหนีในทันที
ฟึ่บ !
เกิดแสงอาคมหลากสีฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ ยากแก่การมองเห็น ห้าวินาทีต่อมาแสงอาคมนั้นก็สลายไปตัวไปพร้อมกับพญานาคที่หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ทางด้านเหนือภพที่เห็นแบบนั้นก็ยิ้มกว้าง เขาไม่รู้ว่าพวกมกรมาจากไหน แต่ที่รู้แน่ ๆ คือพวกมันไม่เข้ามาทำอันตรายเขา นั่นก็เพียงพอแล้ว เขากระโดดคว้าเอาแก้วจันทรกาลที่ลอยอยู่กลางอากาศห่างจากเขาสองเมตรมาครอบครองอีกครั้ง แก้วจันทรกาลที่เปลี่ยนสีอยู่อย่างต่อเนื่องกลับเปลี่ยนสีสลับไปมาเร็วขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งมันหยุดนิ่งที่สีแดง เหนือภพถึงกระโดดขึ้นอย่างดีใจด้วยขาข้างเดียว
“ในที่สุดก็ได้มันมา ไชโย !”
แก้วจันทรกาลสีแดงสามารถเพิ่มพละกำลังให้กับผู้ถือครองอย่างมหาศาล ต่อไปยามที่เขาใช้กำลัง ความเสียหายที่เขาทำได้คงสูงมากแน่
เหนือภพเก็บซ่อนไว้ในเสื้อคลุมอย่างมิดชิด ทันใดนั้นฝูงมกรก็วิ่งตึงตังมาทางเขา เหนือภพรีบกระโดดหลบ เมื่อมกรตัวหนึ่งพุ่งเข้าใส่พื้นที่เขาเพิ่งยืนอยู่เมื่อกี้
ตึง !
พื้นที่บริเวณนั้นยุบแตกร้าว พละกำลังที่มันใช้ไม่ต่างจากที่มันใช้กับพญานาคสักนิด นี่มันเห็นเขาแข็งแกร่งเทียบเคียงพญานาคงั้นหรอ ?
เหนือภพรีบขึ้นหลังแมวดำตั้งใจจะหลบหนีอีกครั้ง จนกระทั่งปรากฏร่างคนสองคนขวางหน้าเขาไว้ด้วยอาคมย่นระยะทาง
“กลับไปได้”
สิ้นเสียงคำสั่งของชายหนุ่มที่ยืนขวางเหนือภพ พวกมกรเหล่านั้นก็สลายกลับกลายเป็นอักขระสีทองพุ่งเข้าหาคือชายหนุ่มที่น่าจะแก่กว่าเหนือภพนับสิบปีคนนั้น
เขาคือชายหนุ่มที่แต่งกายมอซอสวมหมอกฟาง ผมเผ้าและหนวดเครารกรุงรัง แถมบนร่างกายยังปรากฏอักขระอาคมภาพสีทองเป็นรูปมกรนับสิบอยู่ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ก่อนที่รอยยันต์พวกนั้นจะค่อย ๆ จางหายไป
เหนือภพรู้สึกคลับคล้ายคลับคลา
“ศิษย์พี่ใหญ่หรอ ?”
เหนือภพถามออกไปตรง ๆ เมื่อได้กลิ่นเหล้าผสมน้ำผึ้งที่โชยหึ่งจากตัวชายคนนั้น ชายคนนั้นยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนพูดว่า
“ไอ้พวกเหยื่อหน้าโง่ตัวไหนกัน ที่มันแยกข้ากับเจ้าไม่ออกเนี่ย”
แม้ทานธรรมจะตอบไม่ตรงคำถาม แต่นี่ก็เป็นการแสดงออกอย่างชัดเจนแล้ว ว่าเขานี่แหละคือทานธรรม ศิษย์คนโตของพระอาจารย์สิริ
เหนือภพรับไหเหล้าน้ำผึ้งที่ศิษย์ที่ใหญ่โยนมาให้ได้อย่างทุลักทุเล เขาพอจะเข้าใจศิษย์พี่ใหญ่คงรู้สึกเคืองที่เขาแอบอ้างชื่อแล้วไปก่อเรื่อง เหนือภพยิ้มกว้าง เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี แต่ในขณะที่เขาคิดจะยกเหล้าน้ำผึ้งขึ้นดื่ม ดวงตาที่สดใสของเขากลับค่อย ๆ อ่อนล้า แล้วเปลือกตาก็ปิดลง พร้อมกับร่างกายที่โอนเอนไม่ค่อยมั่นคงตั้งแต่แรกก็ทรุดตัวลงแล้วก็สลบไปในท่าทางที่ผิดธรรมชาติ
เขาฝืนตัวเองมาตลอดเพื่อให้ร่างกายที่อ่อนล้านี้ยังคงตื่นตัว แต่การที่เขาได้พบศิษย์พี่ใหญ่โดยไม่คาดหมาย ช่างเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาด มันทำให้เขารู้สึกวางใจและปลอดภัย
“อ้าว สลบไปง่าย ๆ แบบนี้เลยรึ”
ทานธรรมมองเหนือภพแล้วก็หันไปสบตากับหญิงสาวข้างกาย ราวกับต้องการบอกว่า นี่แหละคือศิษย์น้องสามของเขาไม่ผิดแน่
ณ หอร้อยบุปผา เมืองสินธุ
“อาการของเขาเป็นยังไงบ้าง”
ทานธรรมถามอังกาบด้วยท่าทางสุขุมดูต่างไปจากปกติ อังกาบชอบบุคลิกนี้ของทานธรรมมาก นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกกระตือรือร้นเป็นพิเศษ
“ถือว่าพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ข้าไม่เข้าใจ สำนักของท่านนิยมกินว่านกระทิงคลั่งกันนักหรือ ก็รู้อยู่ว่าผลเสียของมันอันตรายแค่ไหน ไอ้ตรงนั้นของพวกท่านจะคงอยู่แบบนั้น แม้ข้าจะไม่มีตรงนั้น แต่ข้าก็พอจะเข้าใจว่ามันน่าจะทรมานมากแน่”
สิ่งที่น่ากลัวบนร่างกายของเหนือภพไม่ใช่บาดแผล ไม่ใช่กระดูกหัก ไม่ใช่อาการฟกช้ำ แต่เป็นส่วนกล่องดวงใจของเขาที่ยังคงตั้งแข็งราวกับหิน ร่างกายเหนือภพแดงเถือกอันเกิดจากไฟราคะที่พุ่งทะยานอย่างไม่หยุดยั้ง หากไม่มีการร่วมสัมพันธ์ชายหญิง เห็นทีคงต้องเส้นเลือดระเบิดจนตาย นี่คือผลร้ายของว่านกระทิงคลั่ง
ทานธรรมดูไม่ค่อยตกใจอะไร เขายิ้มเล็ก ๆ ก่อนจ้องตาอังกาบนิ่ง จนใบหน้าของเธอแดงระเรื่อขึ้นมา
“หากไม่ดีจริง ข้าคงไม่ได้เจ้ามาเป็นคนรู้ใจ”
หากทานธรรมพูดด้วยบุคลิกคนตกปลาขี้เมา เขาคงถูกอังกาบเตะยอดหน้าไปแล้ว แต่เมื่อพูดด้วยบุคลิกที่สุขุมแบบนี้กลับทำให้เธอเขินอายขณะย้อนความทรงจำกลับไปในตอนที่เธอยังเป็นเธอสาววัยแรกแย้ม ยังไม่รู้ประสีประสาทำให้ถูกคนหลอก
เธอกำลังจะถูกกระทำย่ำยีจากพวกคนโฉดชั่ว ทานธรรมในวัยเด็กหนุ่มก็มาช่วยเธอ ต่อสู้กับคนชั่วเหล่านั้น ทั้งที่สู้ไม่ได้ก็ยังฝืนสู้ จนสุดท้ายเพื่อที่จะเอาชนะกลุ่มคนเหล่านั้น ทำให้ทานธรรมต้องตัดสินใจกินว่านกระทิงคลั่ง เขามีกำลังเพิ่มสูงขึ้นมากทั้งถึกและทน จนสามารถต่อสู้อย่างต่อเนื่องสามวันสามคืน สุดท้ายพวกโฉดชั่วนั้นก็หวาดกลัวจนต้องหนีไป แต่ผลลัพธ์จากฤทธิ์ว่านกระทิงนั้นอันตรายอย่างถึงที่สุด เพื่อที่จะให้เขารอดพ่อของเธอที่ยึดถือบุญคุณเป็นสิ่งสำคัญจึงยอมให้เธอมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเขา
อังกาบหน้าแดงก่อนจะสะบัดหน้าหนีเพื่อสลัดความรู้สึกที่เขินอาย จากนั้นค่อยหันกลับมาด้วยใบหน้าจริงจัง เธอยืนฟังทานธรรมพูดต่อเพื่อรับคำสั่ง
“ยังไงคนของตึกบุปผาก็ถือว่าติดหนี้ข้าอยู่ เจ้าไปขอความช่วยเหลือจากพวกเขา ช่วยหาคนที่เต็มใจปรนนิบัติศิษย์น้องข้าสักคน พวกเขาแทรกซึมสายลับอยู่ทุกที่ เจ้าน่าจะหาคนมาช่วยได้ไม่ยาก”
อังกาบพยักหน้า แต่ยังไม่ทันที่เธอจะออกจากห้องไปก็มีคนของตึกลำธารเดินเข้ามาเสียก่อน
“ท่านจ้าวตึกลำธาร จ้าวตึกบุปผามาขอพบท่าน”
ทานธรรมพยักหน้ารับทราบ เขาลืมไปเสียสนิทเลยว่าเขานัดเธอไว้ที่เมืองหลวง แต่เขาไม่ได้ไปตามนัด ไม่คิดว่าเธอจะมาตามหาเขาถึงที่นี่
“จ้าวตึกบุปผาอยู่ที่ไหน”
“ห้องรับรองชั้นบนสุดขอรับ”
“ได้ข้าจะไปพบเธอด้วยตัวเอง”
ทานธรรมพยักหน้าให้อังกาบออกไปตามหาคนมาช่วยเหนือภพ จากนั้นเขาก็ขึ้นไปที่ห้องรับรองชั้นบนสุด เมื่อพบผู้มาเยือนเขาก็เอ่ยทักทายอย่างคนคุ้นเคยกัน
“ว่าไงหนูพราว มีธุระด่วนมากหรือไงถึงตามพี่มาถึงที่นี่ได้”
สตรีวัยสาวรุ่นยิ้มกว้าง เธอแต่งกายด้วยชุดสีแดงฉูดฉาด ปักลายเลื่อมระยับเป็นลายดอกไม้นานาพันธุ์ แม้เธอจะใส่เสื้อผ้าปกปิดมิดชิด แต่มันกลับช่วยเน้นส่วนเว้าส่วนโค้งของเธอให้ชัดเจนยิ่งขึ้น แม้แต่ท่าทางการนั่งของเธอก็ยังดูยั่วยวนโดยที่เธอไม่ได้ตั้งใจ ราวกับว่านี่เป็นธรรมชาติของเธอเอง
แน่นอนว่าคนของตึกบุปผาล้วนเย้ายวนเช่นนี้ทุกคน แต่ต่อให้พวกเธอจะดึงดูดใจบุรุษเพศได้มากแค่ไหนก็ไม่มีผลกับทานธรรม เขายังคงมีท่าทีผ่อนคลายเมื่อเข้ามาในห้องก็คว้าไหเหล้าน้ำผึ้งมาดื่มเป็นอย่างแรก
“นี่พี่ ท่านเอาแต่ดื่มอีกแล้ว เดี๋ยวพี่อังกาบก็เล่นงานพี่อีกหรอก”
“อังกาบไม่ว่างหรอก ป่านนี้คงกำลังหาสาวงามไปให้ศิษย์น้องข้าอยู่”
“ศิษย์น้องของพี่ พี่วัฏจักรนะหรือ พี่เขาเป็นคนแบบนั้นหรือคะ”
หญิงสาวเอียงคอมองอย่างสงสัยจนปอยผมสีน้ำตาลอ่อนทิ้งตัวสยายมาอีกข้างหนึ่ง ในความทรงจำของเธอนั้น เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าวัฏจักรชอบมัวเมากับผู้หญิง เธอคิดว่าเขาเป็นคนที่ไม่ชอบจุ้นจ้านกับผู้หญิงคนไหนเลยด้วยซ้ำ ใครที่ตื๊อเขามาก ๆ เห็นว่าถูกฆ่าทิ้งไปเลยก็มี
“ไม่ใช่เจ้าจักร แต่เป็นเจ้าภพศิษย์น้องสามน่ะ เพิ่งจะออกจากเขามาไม่กี่เดือนนี้เอง”
คำตอบของทานธรรมทำให้หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อย
‘ภพ ?’
เธอทวนชื่อภพในใจ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก เธอกลับมาพูดเรื่องสำคัญแทน
“นี่พี่ทานธรรม ข้อมูลที่พี่ต้องการให้หนูหาให้ หนูได้มาแล้วนะ ข้อมูลทั้งหมดอยู่ในกระดาษใบนี้”
ทานธรรมรับกระดาษใบนั้นมา มันไม่มีตัวอักษรเลยสักตัว
“วิธีอ่านเหมือนเดิมนะคะพี่”
หญิงสาวพูดจบก็ขยับตัวเปลี่ยนท่านั่ง ต้นขาขาวเนียนโผล่พ้นรอยแยกของกระโปรงตัวสวยขณะที่เธอเอื้อมไปรินน้ำชาร้อนให้พี่ชายบุญธรรม
“อืม”
ทานธรรมพยักหน้ารับ ข้อมูลนี้สำคัญมากวิธีการเปิดอ่านจึงมีเพียงแค่เขากับน้องสาวบุญธรรมเท่านั้นที่รู้ เขาอยู่คุยกับน้องสาวเพียงไม่นาน อังกาบก็กลับเข้ามาด้วยใบหน้าคิ้วขมวด

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Top Up Now 2 ภาคบุรุษหมื่นเหรียญ 38 จ้าวตึกบุปผา

Now you are reading Top Up Now 2 ภาคบุรุษหมื่นเหรียญ Chapter 38 จ้าวตึกบุปผา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
เหนือภพรู้สึกท้อสุด ๆ เขาพยายามล้วงมือเข้าไปในถุงหนังเพื่อหาแก้วจันทรกาล แล้วก็ยื่นมันให้พญานาค เขาคืนพญานาคไปจะดีกว่า มันไม่คุ้มเลย พญานาคห้าเศียรตนนี้ไม่ใช่พญานาคธรรมดา ที่ผ่านมามันเพียงเล่นสนุกกับเขาเท่านั้น หากต้องต่อสู้แลกชีวิตเพื่อทำให้เกล็ดมันหลุดออกมาก็เกรงว่าเขาคงต้องเอาชีวิตไปทิ้งโดยเปล่าประโยชน์
แก้วจันทรกาลที่กำลังเปลี่ยนสีไปมา สลับแปดสีไปมาต่อเนื่อง มันค่อย ๆ ลอยออกจากมือของเหนือภพขึ้นไปหาพญานาค
แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงคำรามของสัตว์ร้ายจำนวนมากกว่าสิบตัวดังสอดประสานกังวาน พวกมันแต่ละตัวไม่ได้มีขนาดด้อยไปกว่าพญานาคเลย เพียงแต่ตัวของมันสั้นกว่ามาก เพียงแค่ เหนือภพได้เห็น เขาก็จำได้ รูปลักษณ์ของฝูงสัตว์อสูรผู้มาใหม่มันเหมือนรูปปั้นสัตว์หิมพานต์ที่อยู่ตรงขั้นบันไดของวิหารไม่มีผิด
“มกร”
เหนือภพหลุดปากออกมาด้วยความตกตะลึง การปรากฏตัวของฝูงมกร ทำให้แก้วจันทรากาลหยุดนิ่งกลางอากาศ
พญานาคห้าเศียรหันขวับไปทางฝูงมกรราวกับว่ามันพบศัตรูทางธรรมชาติ มันขู่คำรามออกมาดังลั่น มกรเห็นเช่นนั้นก็ขยับตัวถอยหลัง แต่เมื่อเสียงคำรามของพญานาคสิ้นสุดลง พวกมกรทั้งสิบก็พุ่งเข้าหาพญานาคห้าเศียรอย่างไม่ลังเล
ฟับ ฟับ ฟับ
หางของพญานาคห้าเศียรฟาดสะบัดมกรออกไปทีละตัว แต่ละเศียรหันแยกไปตามทิศทางของมกรแต่ละตัว ก่อนจะพ่นทั้งพิษ เปลวเพลิงพิษ และสายน้ำกรด ใส่เหล่ามกรอย่างไม่ปรานี แตกต่างจากที่สู้กับเหนือภพลิบลับ
แต่สิ่งมีชีวิตที่ดูเหมือนเป็นส่วนผสมของผู้โดดเด่นหลายเผ่าพันธุ์ พวกมันทั้งแข็งแรงและก็ว่องไว ยิ่งการสู้แบบ 1 ต่อ 10 นั้นต่อให้พญานาคแข็งแกร่งแค่ไหนก็ต้องเพลี่ยงพล้ำจนได้
พญานาคห้าเศียรตัดใจหลบหนีในทันที
ฟึ่บ !
เกิดแสงอาคมหลากสีฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ ยากแก่การมองเห็น ห้าวินาทีต่อมาแสงอาคมนั้นก็สลายไปตัวไปพร้อมกับพญานาคที่หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ทางด้านเหนือภพที่เห็นแบบนั้นก็ยิ้มกว้าง เขาไม่รู้ว่าพวกมกรมาจากไหน แต่ที่รู้แน่ ๆ คือพวกมันไม่เข้ามาทำอันตรายเขา นั่นก็เพียงพอแล้ว เขากระโดดคว้าเอาแก้วจันทรกาลที่ลอยอยู่กลางอากาศห่างจากเขาสองเมตรมาครอบครองอีกครั้ง แก้วจันทรกาลที่เปลี่ยนสีอยู่อย่างต่อเนื่องกลับเปลี่ยนสีสลับไปมาเร็วขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งมันหยุดนิ่งที่สีแดง เหนือภพถึงกระโดดขึ้นอย่างดีใจด้วยขาข้างเดียว
“ในที่สุดก็ได้มันมา ไชโย !”
แก้วจันทรกาลสีแดงสามารถเพิ่มพละกำลังให้กับผู้ถือครองอย่างมหาศาล ต่อไปยามที่เขาใช้กำลัง ความเสียหายที่เขาทำได้คงสูงมากแน่
เหนือภพเก็บซ่อนไว้ในเสื้อคลุมอย่างมิดชิด ทันใดนั้นฝูงมกรก็วิ่งตึงตังมาทางเขา เหนือภพรีบกระโดดหลบ เมื่อมกรตัวหนึ่งพุ่งเข้าใส่พื้นที่เขาเพิ่งยืนอยู่เมื่อกี้
ตึง !
พื้นที่บริเวณนั้นยุบแตกร้าว พละกำลังที่มันใช้ไม่ต่างจากที่มันใช้กับพญานาคสักนิด นี่มันเห็นเขาแข็งแกร่งเทียบเคียงพญานาคงั้นหรอ ?
เหนือภพรีบขึ้นหลังแมวดำตั้งใจจะหลบหนีอีกครั้ง จนกระทั่งปรากฏร่างคนสองคนขวางหน้าเขาไว้ด้วยอาคมย่นระยะทาง
“กลับไปได้”
สิ้นเสียงคำสั่งของชายหนุ่มที่ยืนขวางเหนือภพ พวกมกรเหล่านั้นก็สลายกลับกลายเป็นอักขระสีทองพุ่งเข้าหาคือชายหนุ่มที่น่าจะแก่กว่าเหนือภพนับสิบปีคนนั้น
เขาคือชายหนุ่มที่แต่งกายมอซอสวมหมอกฟาง ผมเผ้าและหนวดเครารกรุงรัง แถมบนร่างกายยังปรากฏอักขระอาคมภาพสีทองเป็นรูปมกรนับสิบอยู่ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ก่อนที่รอยยันต์พวกนั้นจะค่อย ๆ จางหายไป
เหนือภพรู้สึกคลับคล้ายคลับคลา
“ศิษย์พี่ใหญ่หรอ ?”
เหนือภพถามออกไปตรง ๆ เมื่อได้กลิ่นเหล้าผสมน้ำผึ้งที่โชยหึ่งจากตัวชายคนนั้น ชายคนนั้นยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนพูดว่า
“ไอ้พวกเหยื่อหน้าโง่ตัวไหนกัน ที่มันแยกข้ากับเจ้าไม่ออกเนี่ย”
แม้ทานธรรมจะตอบไม่ตรงคำถาม แต่นี่ก็เป็นการแสดงออกอย่างชัดเจนแล้ว ว่าเขานี่แหละคือทานธรรม ศิษย์คนโตของพระอาจารย์สิริ
เหนือภพรับไหเหล้าน้ำผึ้งที่ศิษย์ที่ใหญ่โยนมาให้ได้อย่างทุลักทุเล เขาพอจะเข้าใจศิษย์พี่ใหญ่คงรู้สึกเคืองที่เขาแอบอ้างชื่อแล้วไปก่อเรื่อง เหนือภพยิ้มกว้าง เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี แต่ในขณะที่เขาคิดจะยกเหล้าน้ำผึ้งขึ้นดื่ม ดวงตาที่สดใสของเขากลับค่อย ๆ อ่อนล้า แล้วเปลือกตาก็ปิดลง พร้อมกับร่างกายที่โอนเอนไม่ค่อยมั่นคงตั้งแต่แรกก็ทรุดตัวลงแล้วก็สลบไปในท่าทางที่ผิดธรรมชาติ
เขาฝืนตัวเองมาตลอดเพื่อให้ร่างกายที่อ่อนล้านี้ยังคงตื่นตัว แต่การที่เขาได้พบศิษย์พี่ใหญ่โดยไม่คาดหมาย ช่างเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาด มันทำให้เขารู้สึกวางใจและปลอดภัย
“อ้าว สลบไปง่าย ๆ แบบนี้เลยรึ”
ทานธรรมมองเหนือภพแล้วก็หันไปสบตากับหญิงสาวข้างกาย ราวกับต้องการบอกว่า นี่แหละคือศิษย์น้องสามของเขาไม่ผิดแน่
ณ หอร้อยบุปผา เมืองสินธุ
“อาการของเขาเป็นยังไงบ้าง”
ทานธรรมถามอังกาบด้วยท่าทางสุขุมดูต่างไปจากปกติ อังกาบชอบบุคลิกนี้ของทานธรรมมาก นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกกระตือรือร้นเป็นพิเศษ
“ถือว่าพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ข้าไม่เข้าใจ สำนักของท่านนิยมกินว่านกระทิงคลั่งกันนักหรือ ก็รู้อยู่ว่าผลเสียของมันอันตรายแค่ไหน ไอ้ตรงนั้นของพวกท่านจะคงอยู่แบบนั้น แม้ข้าจะไม่มีตรงนั้น แต่ข้าก็พอจะเข้าใจว่ามันน่าจะทรมานมากแน่”
สิ่งที่น่ากลัวบนร่างกายของเหนือภพไม่ใช่บาดแผล ไม่ใช่กระดูกหัก ไม่ใช่อาการฟกช้ำ แต่เป็นส่วนกล่องดวงใจของเขาที่ยังคงตั้งแข็งราวกับหิน ร่างกายเหนือภพแดงเถือกอันเกิดจากไฟราคะที่พุ่งทะยานอย่างไม่หยุดยั้ง หากไม่มีการร่วมสัมพันธ์ชายหญิง เห็นทีคงต้องเส้นเลือดระเบิดจนตาย นี่คือผลร้ายของว่านกระทิงคลั่ง
ทานธรรมดูไม่ค่อยตกใจอะไร เขายิ้มเล็ก ๆ ก่อนจ้องตาอังกาบนิ่ง จนใบหน้าของเธอแดงระเรื่อขึ้นมา
“หากไม่ดีจริง ข้าคงไม่ได้เจ้ามาเป็นคนรู้ใจ”
หากทานธรรมพูดด้วยบุคลิกคนตกปลาขี้เมา เขาคงถูกอังกาบเตะยอดหน้าไปแล้ว แต่เมื่อพูดด้วยบุคลิกที่สุขุมแบบนี้กลับทำให้เธอเขินอายขณะย้อนความทรงจำกลับไปในตอนที่เธอยังเป็นเธอสาววัยแรกแย้ม ยังไม่รู้ประสีประสาทำให้ถูกคนหลอก
เธอกำลังจะถูกกระทำย่ำยีจากพวกคนโฉดชั่ว ทานธรรมในวัยเด็กหนุ่มก็มาช่วยเธอ ต่อสู้กับคนชั่วเหล่านั้น ทั้งที่สู้ไม่ได้ก็ยังฝืนสู้ จนสุดท้ายเพื่อที่จะเอาชนะกลุ่มคนเหล่านั้น ทำให้ทานธรรมต้องตัดสินใจกินว่านกระทิงคลั่ง เขามีกำลังเพิ่มสูงขึ้นมากทั้งถึกและทน จนสามารถต่อสู้อย่างต่อเนื่องสามวันสามคืน สุดท้ายพวกโฉดชั่วนั้นก็หวาดกลัวจนต้องหนีไป แต่ผลลัพธ์จากฤทธิ์ว่านกระทิงนั้นอันตรายอย่างถึงที่สุด เพื่อที่จะให้เขารอดพ่อของเธอที่ยึดถือบุญคุณเป็นสิ่งสำคัญจึงยอมให้เธอมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเขา
อังกาบหน้าแดงก่อนจะสะบัดหน้าหนีเพื่อสลัดความรู้สึกที่เขินอาย จากนั้นค่อยหันกลับมาด้วยใบหน้าจริงจัง เธอยืนฟังทานธรรมพูดต่อเพื่อรับคำสั่ง
“ยังไงคนของตึกบุปผาก็ถือว่าติดหนี้ข้าอยู่ เจ้าไปขอความช่วยเหลือจากพวกเขา ช่วยหาคนที่เต็มใจปรนนิบัติศิษย์น้องข้าสักคน พวกเขาแทรกซึมสายลับอยู่ทุกที่ เจ้าน่าจะหาคนมาช่วยได้ไม่ยาก”
อังกาบพยักหน้า แต่ยังไม่ทันที่เธอจะออกจากห้องไปก็มีคนของตึกลำธารเดินเข้ามาเสียก่อน
“ท่านจ้าวตึกลำธาร จ้าวตึกบุปผามาขอพบท่าน”
ทานธรรมพยักหน้ารับทราบ เขาลืมไปเสียสนิทเลยว่าเขานัดเธอไว้ที่เมืองหลวง แต่เขาไม่ได้ไปตามนัด ไม่คิดว่าเธอจะมาตามหาเขาถึงที่นี่
“จ้าวตึกบุปผาอยู่ที่ไหน”
“ห้องรับรองชั้นบนสุดขอรับ”
“ได้ข้าจะไปพบเธอด้วยตัวเอง”
ทานธรรมพยักหน้าให้อังกาบออกไปตามหาคนมาช่วยเหนือภพ จากนั้นเขาก็ขึ้นไปที่ห้องรับรองชั้นบนสุด เมื่อพบผู้มาเยือนเขาก็เอ่ยทักทายอย่างคนคุ้นเคยกัน
“ว่าไงหนูพราว มีธุระด่วนมากหรือไงถึงตามพี่มาถึงที่นี่ได้”
สตรีวัยสาวรุ่นยิ้มกว้าง เธอแต่งกายด้วยชุดสีแดงฉูดฉาด ปักลายเลื่อมระยับเป็นลายดอกไม้นานาพันธุ์ แม้เธอจะใส่เสื้อผ้าปกปิดมิดชิด แต่มันกลับช่วยเน้นส่วนเว้าส่วนโค้งของเธอให้ชัดเจนยิ่งขึ้น แม้แต่ท่าทางการนั่งของเธอก็ยังดูยั่วยวนโดยที่เธอไม่ได้ตั้งใจ ราวกับว่านี่เป็นธรรมชาติของเธอเอง
แน่นอนว่าคนของตึกบุปผาล้วนเย้ายวนเช่นนี้ทุกคน แต่ต่อให้พวกเธอจะดึงดูดใจบุรุษเพศได้มากแค่ไหนก็ไม่มีผลกับทานธรรม เขายังคงมีท่าทีผ่อนคลายเมื่อเข้ามาในห้องก็คว้าไหเหล้าน้ำผึ้งมาดื่มเป็นอย่างแรก
“นี่พี่ ท่านเอาแต่ดื่มอีกแล้ว เดี๋ยวพี่อังกาบก็เล่นงานพี่อีกหรอก”
“อังกาบไม่ว่างหรอก ป่านนี้คงกำลังหาสาวงามไปให้ศิษย์น้องข้าอยู่”
“ศิษย์น้องของพี่ พี่วัฏจักรนะหรือ พี่เขาเป็นคนแบบนั้นหรือคะ”
หญิงสาวเอียงคอมองอย่างสงสัยจนปอยผมสีน้ำตาลอ่อนทิ้งตัวสยายมาอีกข้างหนึ่ง ในความทรงจำของเธอนั้น เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าวัฏจักรชอบมัวเมากับผู้หญิง เธอคิดว่าเขาเป็นคนที่ไม่ชอบจุ้นจ้านกับผู้หญิงคนไหนเลยด้วยซ้ำ ใครที่ตื๊อเขามาก ๆ เห็นว่าถูกฆ่าทิ้งไปเลยก็มี
“ไม่ใช่เจ้าจักร แต่เป็นเจ้าภพศิษย์น้องสามน่ะ เพิ่งจะออกจากเขามาไม่กี่เดือนนี้เอง”
คำตอบของทานธรรมทำให้หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อย
‘ภพ ?’
เธอทวนชื่อภพในใจ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก เธอกลับมาพูดเรื่องสำคัญแทน
“นี่พี่ทานธรรม ข้อมูลที่พี่ต้องการให้หนูหาให้ หนูได้มาแล้วนะ ข้อมูลทั้งหมดอยู่ในกระดาษใบนี้”
ทานธรรมรับกระดาษใบนั้นมา มันไม่มีตัวอักษรเลยสักตัว
“วิธีอ่านเหมือนเดิมนะคะพี่”
หญิงสาวพูดจบก็ขยับตัวเปลี่ยนท่านั่ง ต้นขาขาวเนียนโผล่พ้นรอยแยกของกระโปรงตัวสวยขณะที่เธอเอื้อมไปรินน้ำชาร้อนให้พี่ชายบุญธรรม
“อืม”
ทานธรรมพยักหน้ารับ ข้อมูลนี้สำคัญมากวิธีการเปิดอ่านจึงมีเพียงแค่เขากับน้องสาวบุญธรรมเท่านั้นที่รู้ เขาอยู่คุยกับน้องสาวเพียงไม่นาน อังกาบก็กลับเข้ามาด้วยใบหน้าคิ้วขมวด

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+