Top Up Now 2 ภาคบุรุษหมื่นเหรียญ 61 วิญญาณวนเวียน

Now you are reading Top Up Now 2 ภาคบุรุษหมื่นเหรียญ Chapter 61 วิญญาณวนเวียน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 61 วิญญาณวนเวียน

“แฮ่ก ๆ เร็วเข้า”

เสียงหอบดังมาจากสตรีนางหนึ่งที่กําลังวิ่งต่อเนื่องด้วยความเร็วสูงสุดเธอคือองค์หญิงบุษย์น้ําทองแห่งทีมบ้านปักษาหงส์ทองเบื้องหลังเธอมีชายหนึ่งหญิงหนึ่งกําลังวิ่งตีคู่มาในระยะกระชั้นชิด พวกเขาเป็นฮันเตอร์แรงค์ D อายุน้อยที่เป็นสมาชิกในบ้านของเธอเอง

พวกเขาทั้งสามวิ่งสุดฝีเท้าด้วยหน้าตาแตกตื่น ขณะที่ข้างหลังมีควันดํานับสิบกลุ่มพุ่งตามมา ควันดังกล่าวนับว่าแปลกประหลาด ทุกสิ่งที่มันพุ่งผ่านไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูร พืชพรรณ สิ่งมีชีวิตน้อยใหญ่ ล้วนหลบหนีหน้า หากเป็นต้นไม้ดอกไม้ที่วิ่งหนีไม่ได้ พวกมันก็จะหุบดอกใบของตนราวกับต้องการปกป้องตัวเองจากสิ่งชั่วร้าย

เหมือนเคราะห์ซ้ํากรรมซัด กลุ่มบ้านปักษาหงส์ทองวิ่งหนีมาได้ไม่เท่าไหร่ทั้งกลุ่มก็ต้องเผชิญหน้ากับเสียงระเบิดบริ้ม พื้นดิน แตกทลาย ต้นไม้ถูกแรงระเบิดจนฉีกขาด พร้อมแรงลมหมุนเกลียวดุจพายุงวงช้างสีส้มทองที่หมุนปั่นไปตามแนวราบพุ่งมาทางพวกเขาทําให้เกิดแรงต้านและสร้างความเสียหายทางกายภาพ ผลัก ร่างทั้งสามให้ลอยพุ่งกลับไปอย่างไม่อาจต่อต้านได้

 

แต่ว่าสายลมโหมกระหน่ําดุจกระสุนปืนใหญ่อากาศที่ยิงออกมาจากเหนือภพที่ยืนอยู่เหนือยอดไม้สูงกลับไม่สามารถพัดกลุ่มควันดําประหลาดทั้งสิบกลุ่มไปได้ พวกมันเสมือนไร้ตัวตนหากเป็นควันดําปกติคงลอยตามกระแสลมไปแล้ว

จากที่ควันดํากลุ่มนี้เคยติดตามที่มปักษาหงส์ทองพวกมันกลับเปลี่ยนทิศทางมุ่งหน้าเข้ามาหากลุ่มของเหนือภพแทนโดยที่เหนือภพไม่สามารถรับรู้ได้เลย

 

“ยะฮ้ว ! สะใจเป็นบ้าเลย”

เหนือภพคลายกําปั้นของตัวเองขณะมองดูเป้าหมายของเขาลอยละลิ่วไปไกลเรื่องอะไรเขาจะไปสู้กับกลุ่มอื่น ๆ โดยตรงในเมื่อเขาสามารถโจมตีระยะไกลกว่าหลายร้อยเมตรได้อย่างสบายเพียงแต่ยิ่งระยะไกลพลังการทําลายทางกายภาพก็จะลดทอนลงไปแต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเขามีตัวช่วย

“มีอีกไหม”

เหนือภพถามอย่างกระตือรือร้น พญานาคที่พันอยู่รอบตัวเขาได้ยินเช่นนั้นก็ชูคอขึ้นสูงพลางหันซ้ายหันขวา

พญานาคราชห้าเศียรที่แสนเกรียงไกร กําลังสวมบทบาทเป็นกล้องส่องทางไกลและก็เป็นตัวช่วยชี้เป้าให้กับเหนือภพ มันช่วยไม่ได้ที่เขาเป็นคนธรรมดาไร้พรสวรรค์ไม่มีอาคมที่ใช้สําหรับมองระยะไกลดังนั้นระยะทางในปาทึบสลับซับซ้อนเช่นนี้เขามองเห็นได้ชัดเจนเพียงแค่ 200 เมตรก็นับว่าดีมากแล้ว

แต่ระยะนี้ก็เป็นระยะเฝ้าระวังที่แต่ละทีมต่างพยายามรักษาระยะห่างกันไว้ทําให้กลุ่มของเหนือภพไม่สามารถทําอะไรได้ หากพวกเขาเคลื่อนตัวเข้าใกล้แล้วที่มอีกฝ่ายไม่มั่นใจก็จะถอนตัวทันทีทําให้ยากที่จะคาดเดาผลแพ้ชนะ จะไล่ตามก็ไม่ได้ แม้เขาจะไม่เข้าใจยุทธวิธีในการรบแบบกลุ่ม แต่เขาก็รู้ดีว่าควรรับฟังความคิด เห็นของผู้อื่นที่มีประสบการณ์และพญานาคเป็นที่ปรึกษาชั้นดีให้แก่เขาแม้มันจะสร้างปัญหาให้เขาไม่น้อยก็ตาม

 

“วิ่ง !”

พญานาคร้องเสียงดังจนเฮงเฮงและไร้ชื่อที่ปักหลักซ่อนตัวอยู่บนกิ่งไม้อีกกิ่งได้ยิน จากนั้นพญานาคก็พุ่งลงจากต้นไม้ลับหายไปในทิศทางที่พวกเขาเพิ่งจากมาในทันที

 

“มันเกิดอะไรขึ้น”

เหนือภพยังไม่ทันได้รับคําตอบ เขาก็ถึงกับขนลุกซู่ บรรยา กาศเย็นยะเยือกอันน่าขนลุกมาพร้อมกับควันดํานับสิบกลุ่มที่กําลัง มุ่งตรงมาทางเขา

 

ไม่สิ พวกมันกําลังพุ่งไปทางเฮงเฮงที่เริ่มจะรู้ตัวแล้วว่าเขาคือเป้าหมายเฮงเฮงเริ่มวิ่งตีคู่ไปกับพญานาคอย่างไม่รอช้า

ไร้ชื่อขู่คํารามในลําคออย่างเกรี้ยวกราดแต่เขาไม่เข้าไปปะทะตรงๆได้แต่ฟันดาบอาคมของตัวเองออกไปโจมตีระยะไกลแล้วถอยร่นตัวเองไปเรื่อยๆอย่างกล้าๆกลัว ๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เหนือภพเห็นความกลัวของเขาไร้ชื่อดูผิดแปลกไปมาก

 

เหนือภพเองไม่รู้ว่าควันดํานั้นคืออะไร แต่มันบรรยายความรู้สึกไม่ถูกมันเป็นความรู้สึกเหมือนเห็นผียังไงก็ไม่รู้เขาออกตัววิ่งตามทุกคนไปสุดฝีเท้า

 

ขนาดพญานาคยังเลื้อยหนีอย่างเร็วไวทิ้งเขาไปอย่างไม่ยอมสู้แสดงว่าพญานาคยังสู้ไม่ได้ เช่นนั้นแล้วเขาจะอยู่ไปเพื่ออะไรดังนั้นต้องวิ่งก่อนแล้วค่อยสอบถาม

“ช่วยบอกที มันคือตัวบ้าอะไร”

 

ด้วยพละกําลังที่ได้มาจากวัตถุดิบลับในแท็บแล็ตทําให้เหนือภพวิ่งขึ้นมาตีคู่อยู่ข้างพญานาคได้ในไม่ช้า ขณะที่ได้ชื่อและเฮงเฮงที่งมาในแนวเรียงแถวหน้ากระดานไล่เลี่ยกัน พยายามวิ่งกลับไปที่ขอบปาอีกครั้งพวกเขาพยายามวิ่งเลาะไปตามชายปาด้วยความรู้สึกขนหัวลุกตลอดเวลา

 

หากจะวัดความสามารถในด้านการวิ่ง จริง ๆ แล้วเฮงเฮงนับว่า มีฝีเท้าเร็วกว่าทุกคนในที่นี้กําลังขาของเขาเป็นดั่งลําขาของนักวิ่ง ลมกรดที่ฝึกฝนอย่างหนักมาตั้งแต่จําความได้มันเป็นส่วนสําคัญอ ย่างหนึ่งที่ทําให้เขารอดชีวิตมาได้จนถึงวันนี้ แต่ในตอนนี้เขากลับอยู่รั้งท้ายทุกคน เพราะเขาต้องพบเจอกับอุปสรรคนานาประการที่ พร้อมใจกันออกมาขัดขวางเขาทําให้ความเร็วของเขาช้าลงมาก

 

เฮงเฮงรีบซอยเท้าเร็วจี้จนปลายเท้าจิกลึกแทบจะขุดเจาะลง ไปในดิน ฝุ่นควันตลบอบอวลแต่เขาก็ทําได้แค่ไล่ตามพวกเหนือภพ ที่อยู่ข้างหน้าห่างจากเขาเกือบยี่สิบเมตร ทําให้เขาไม่สามารถฟังบทสนทนาของพญานาคและเหนือภพได้ชัดเจน

“ว่าไงนะ ! พวกนั้นคือฝั่งั้นเหรอ บรื้อออ”

เหนือภพตกใจจนเลือดในกายสูบฉีด ภายในร้อนรุ่มแต่ผิวด้านน อกกลับรู้สึกหนาวเย็นจนขนลุกซู่เด็ก ๆ ทุกคนมักเติบโตมากับ เรื่องเล่าสยองขวัญเกี่ยวกับวิญญาณและคนตายมาไม่มากก็น้อยเขาก็เป็นหนึ่งในนั้น หลาย ๆ ครั้งแม่เคยเล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับ วิญญาณของบรรพบุรุษและวิญญาณของพ่อที่มาเข้าฝันแม่เขาก็เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง ไม่คิดเลยว่าวันนี้จะได้มาเห็นผีตัวเป็น ๆ

 

“ไม่ใช่ผี แต่เป็นวิญญาณวนเวียน มันเป็นวิญญาณที่มีแรงอาฆาต สูงมากต่างหาก”

“มันก็ผีไม่ใช่หรือไง”

“เจ้านี่มันโง่ อยากอวดฉลาดกับข้าหรือไง”

 

“วิญญาณก็วิญญาณสิ ไม่เห็นต้องด่ากันเลย”

เหนือภพตอบโต้เสียงอ่อย พลางหันหลังกลับไปมองวิญญาณ วนเวียนที่พญานาคพูดถึง พวกมันเคลื่อนที่ได้เร็วมาก พวกมันไม่จํา เป็นต้องอ้อมสิ่งกีดขวาง ร่างกายที่พิเศษของมันทะลุทะลวงได้ทุ กสิ่ง

 

พญานาคเล่าให้ฟังระหว่างหนีว่าพวกมันแตกต่างจากวิญญาณ ทั่วไปมันไม่สามารถฆ่าคนได้ก็จริงแต่ก็ใช่ว่ามันจะทําอะไรไม่ได้เลย มันเป็นวิญญาณที่ยึดติด มีตัวตนอยู่เพื่อวนเวียนทําสิ่งที่มันปรารถนา ยิ่งหากมันตายจากการต่อสู้พวกมันก็จะพยายามกลับมาต่อสู้อี กครั้งเพื่อล้างแค้นและเพื่อให้บรรลุสิ่งที่มันต้องการ มันจําเป็นต้อ งมีกายเนื้อ ดังนั้นพวกมันจึงมีความสามารถพิเศษในการสิงสู่ต่อให้คนผู้นั้นแข็งแกร่งแค่ไหน มีอาคมสูงส่งแค่ไหนก็ยากที่จะต่อต้านหากประมาทเพียงเล็กน้อยก็คงถูกยึดครองร่างโดยไม่รู้ตัว

 

พอคนที่ถูกสิ่งสู่รู้ตัวอีกที่คนรอบข้างเพื่อนพี่น้องก็อาจจะตายกัน หมดสิ้นด้วยน้ํามือตัวเอง

 

“ข้าเคยได้ยินมาว่า อาคมใช้ปราบภูตผีได้ไม่ใช่เหรอ ?”

 

“แค่นั้นมันใช้ได้ซะที่ไหนล่ะ สิ่งมีชีวิตที่ปราบพวกภูตผีปีศาจหรือวิญญาณได้จําเป็นต้องเรียนไสยเวทย์ปราบผีมันเป็นวิชาเฉพาะ ที่เลือกผู้ฝึก ใช่ว่าตาสีตาสาที่ไหนจะเรียนได้ ถึงมันจะใช้กระแสปราณอาคมในการขับเคลื่อนก็เถอะ”

 

“แล้วพวกสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ล่ะ อย่างเจ้า ครุฑ และสัตว์บางชนิดมันกันภูตผีได้ไม่ใช่เหรอ ?”

“หากกันได้จริง ข้าจะหนีเรอะ ไอ้ความเชื่อผิด ๆ นี่เจ้าไปเอามาจากไหนสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อย่างพวกข้าก็ไม่ได้ต่างจากมนุษย์เกิดมามีความสามารถไม่เหมือนกัน ถนัดไม่เหมือนกัน ข้าเป็นสายกําลังไม่ใช่สายเวทมนต์คาถา”

เหนือภพถึงกับหนังศีรษะตึง ขมวดคิ้วมั่น เขาพยายามคิดหาวิธีแก้ไขสถานการณ์ ครั้นจะให้เฮงเฮงวิ่งแยกออกไปอีกทางมันก็ดูไร้ น้ําใจเกินไปแม้มันจะเป็นตัวซวยที่ดึงหายนะมาให้เพื่อนฝูงก็เถอะ

“จะทํายังไงดี

เหนือภพพยายามใช้สมองน้อย ๆ คิดทบทวนสิ่งที่อาจารย์เคยสอนแม้อาจารย์จะไม่ได้สอนวิชาปราบผีให้เขาแต่ก็ใช่ว่าอาจารย์จะไม่พูดถึงเลย

 

วัตถุทรงฤทธิ์ทางไสยศาสตร์ที่ป้องกันภูตผีได้ แบ่งออกเป็นสามส่วน คือ เกิดเองตามธรรมชาติ ถูกสร้างขึ้น และประเภทผสมผสานนั่นคือการนําสิ่งของที่มีฤทธิ์ตามธรรมชาติแล้วนํามาเพิ่มฤทธิ์ที่โดยสิ่งมีชีวิตที่มีความสามารถ

“เหล็กไหลใช้ได้หรือเปล่า” เหนือภพถามอย่างลังเลใจ

“ข้าไม่มั่นใจ พวกวัตถุทนสิทธิ์พวกนั้นแม้จะกันได้จริงแต่ก็ใช่ว่าจะได้ผลกับวิญญาณที่แข็งแกร่ง”

 

“โอ้ ไม่มั่นใจก็ดีกว่าไม่ได้”

เหนือภพเอ่ยขึ้น ขณะเปล่งกําลังเพื่อชักนํากระแสอาคมเหล็กไหลที่อยู่ภายในร่างออกมาใช้ แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเหล็กไหลที่อยู่ภายในตัวเขาไม่ได้ตอบสนองกับความต้องการเขาทุกครั้ง แม้ช่วงหลัง ๆ มานี้เขาจะกินเหล้าน้ําผึ้งบ่อย ๆ เพื่อปรนเปรอเหล็กไหลแต่มันก็คงยังดื้อดึง ก็ยังดีที่ความดื้อดึงนี้ลดน้อยลงไปบ้าง เขา จึงใช้พลังของมันได้ถึง 10% ซึ่งไม่ได้ต่างจากปราณอาคมระดับ 10 ของพวกผู้มีพรสวรรค์

 

ปกติเขาต้องใช้คู่กับยันต์อาคมของพระอาจารย์จึงจะดึงพลังออกมาได้สัก 30% หากได้รับการสนับสนุนจากชองแซงและชองซาเหมีอนในครั้งนั้นเขาจะใช้พลังออกมาได้ 100% เต็ม เขาหวนคิดถึงความรู้สึกนั้นอีกครั้งมันเป็นความรู้สึกที่สุดยอดมาก

 

เหนือภพคิดพลางรวบรวมกําลังพลางเมื่อได้ถึง 6 ระดับวิญญาณอาฆาตก็อยู่ห่างจากเขาเพียงแค่สิบเมตร บีบให้เขาต้องออกหมัดไปอย่างช่วยไม่ได้

ตูม!

เหนือภพยิ้มหน้าบานเมื่อผลลัพธ์จะเหมือนจะเป็นอย่างที่เขาจินตนาการ ก่อนจะรีบหุบยิ้มทันทีแล้ววิ่งตามพรรคพวกของตัวเองที่ไม่คิดรอเขาแม้แต่น้อย

 

ควันดําเริ่มแตกแยกออกจากกัน บางส่วนถูกทําลายไปพร้อมกับการถูกพัดลอยถอยหลัง แต่ไม่กี่วินาทีต่อมาควันดําก็กลับมารวมตัวอีกครั้งควันทั้งสิบกลุ่มกลับรวมตัวเป็นกลุ่มก้อนเดียวกันกลายเป็นก้อนเมฆทะมึนดํามืดมิดที่มีความกว้างกินพื้นที่กว่า 20 ตารางเมตรมันลอยสูงเหนือพื้นดินเพียงไม่กี่สิบนิ้วเท่านั้น

ทิศทางที่มันกําลังมุ่งไปคือทิศทางที่มันไล่ต้อนทีมเหนือภพไปที่มหาวิหารกลางป่า แต่เมื่อมันรวมตัวกันเป็นก้อนใหญ่ขึ้นก็ราวกับว่าจิตอาฆาตจะแรงขึ้นด้วย มันเกิดความรู้สึกเป็นปฏิปักษ์อย่างแรงดุจวิญญาณคลุ้มคลั่งกับคนที่วิ่งรั้งท้าย ผู้นั้นก็คือเฮงเฮงผู้น่าสงสาร

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Top Up Now 2 ภาคบุรุษหมื่นเหรียญ 61 วิญญาณวนเวียน

Now you are reading Top Up Now 2 ภาคบุรุษหมื่นเหรียญ Chapter 61 วิญญาณวนเวียน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 61 วิญญาณวนเวียน

“แฮ่ก ๆ เร็วเข้า”

เสียงหอบดังมาจากสตรีนางหนึ่งที่กําลังวิ่งต่อเนื่องด้วยความเร็วสูงสุดเธอคือองค์หญิงบุษย์น้ําทองแห่งทีมบ้านปักษาหงส์ทองเบื้องหลังเธอมีชายหนึ่งหญิงหนึ่งกําลังวิ่งตีคู่มาในระยะกระชั้นชิด พวกเขาเป็นฮันเตอร์แรงค์ D อายุน้อยที่เป็นสมาชิกในบ้านของเธอเอง

พวกเขาทั้งสามวิ่งสุดฝีเท้าด้วยหน้าตาแตกตื่น ขณะที่ข้างหลังมีควันดํานับสิบกลุ่มพุ่งตามมา ควันดังกล่าวนับว่าแปลกประหลาด ทุกสิ่งที่มันพุ่งผ่านไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูร พืชพรรณ สิ่งมีชีวิตน้อยใหญ่ ล้วนหลบหนีหน้า หากเป็นต้นไม้ดอกไม้ที่วิ่งหนีไม่ได้ พวกมันก็จะหุบดอกใบของตนราวกับต้องการปกป้องตัวเองจากสิ่งชั่วร้าย

เหมือนเคราะห์ซ้ํากรรมซัด กลุ่มบ้านปักษาหงส์ทองวิ่งหนีมาได้ไม่เท่าไหร่ทั้งกลุ่มก็ต้องเผชิญหน้ากับเสียงระเบิดบริ้ม พื้นดิน แตกทลาย ต้นไม้ถูกแรงระเบิดจนฉีกขาด พร้อมแรงลมหมุนเกลียวดุจพายุงวงช้างสีส้มทองที่หมุนปั่นไปตามแนวราบพุ่งมาทางพวกเขาทําให้เกิดแรงต้านและสร้างความเสียหายทางกายภาพ ผลัก ร่างทั้งสามให้ลอยพุ่งกลับไปอย่างไม่อาจต่อต้านได้

 

แต่ว่าสายลมโหมกระหน่ําดุจกระสุนปืนใหญ่อากาศที่ยิงออกมาจากเหนือภพที่ยืนอยู่เหนือยอดไม้สูงกลับไม่สามารถพัดกลุ่มควันดําประหลาดทั้งสิบกลุ่มไปได้ พวกมันเสมือนไร้ตัวตนหากเป็นควันดําปกติคงลอยตามกระแสลมไปแล้ว

จากที่ควันดํากลุ่มนี้เคยติดตามที่มปักษาหงส์ทองพวกมันกลับเปลี่ยนทิศทางมุ่งหน้าเข้ามาหากลุ่มของเหนือภพแทนโดยที่เหนือภพไม่สามารถรับรู้ได้เลย

 

“ยะฮ้ว ! สะใจเป็นบ้าเลย”

เหนือภพคลายกําปั้นของตัวเองขณะมองดูเป้าหมายของเขาลอยละลิ่วไปไกลเรื่องอะไรเขาจะไปสู้กับกลุ่มอื่น ๆ โดยตรงในเมื่อเขาสามารถโจมตีระยะไกลกว่าหลายร้อยเมตรได้อย่างสบายเพียงแต่ยิ่งระยะไกลพลังการทําลายทางกายภาพก็จะลดทอนลงไปแต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเขามีตัวช่วย

“มีอีกไหม”

เหนือภพถามอย่างกระตือรือร้น พญานาคที่พันอยู่รอบตัวเขาได้ยินเช่นนั้นก็ชูคอขึ้นสูงพลางหันซ้ายหันขวา

พญานาคราชห้าเศียรที่แสนเกรียงไกร กําลังสวมบทบาทเป็นกล้องส่องทางไกลและก็เป็นตัวช่วยชี้เป้าให้กับเหนือภพ มันช่วยไม่ได้ที่เขาเป็นคนธรรมดาไร้พรสวรรค์ไม่มีอาคมที่ใช้สําหรับมองระยะไกลดังนั้นระยะทางในปาทึบสลับซับซ้อนเช่นนี้เขามองเห็นได้ชัดเจนเพียงแค่ 200 เมตรก็นับว่าดีมากแล้ว

แต่ระยะนี้ก็เป็นระยะเฝ้าระวังที่แต่ละทีมต่างพยายามรักษาระยะห่างกันไว้ทําให้กลุ่มของเหนือภพไม่สามารถทําอะไรได้ หากพวกเขาเคลื่อนตัวเข้าใกล้แล้วที่มอีกฝ่ายไม่มั่นใจก็จะถอนตัวทันทีทําให้ยากที่จะคาดเดาผลแพ้ชนะ จะไล่ตามก็ไม่ได้ แม้เขาจะไม่เข้าใจยุทธวิธีในการรบแบบกลุ่ม แต่เขาก็รู้ดีว่าควรรับฟังความคิด เห็นของผู้อื่นที่มีประสบการณ์และพญานาคเป็นที่ปรึกษาชั้นดีให้แก่เขาแม้มันจะสร้างปัญหาให้เขาไม่น้อยก็ตาม

 

“วิ่ง !”

พญานาคร้องเสียงดังจนเฮงเฮงและไร้ชื่อที่ปักหลักซ่อนตัวอยู่บนกิ่งไม้อีกกิ่งได้ยิน จากนั้นพญานาคก็พุ่งลงจากต้นไม้ลับหายไปในทิศทางที่พวกเขาเพิ่งจากมาในทันที

 

“มันเกิดอะไรขึ้น”

เหนือภพยังไม่ทันได้รับคําตอบ เขาก็ถึงกับขนลุกซู่ บรรยา กาศเย็นยะเยือกอันน่าขนลุกมาพร้อมกับควันดํานับสิบกลุ่มที่กําลัง มุ่งตรงมาทางเขา

 

ไม่สิ พวกมันกําลังพุ่งไปทางเฮงเฮงที่เริ่มจะรู้ตัวแล้วว่าเขาคือเป้าหมายเฮงเฮงเริ่มวิ่งตีคู่ไปกับพญานาคอย่างไม่รอช้า

ไร้ชื่อขู่คํารามในลําคออย่างเกรี้ยวกราดแต่เขาไม่เข้าไปปะทะตรงๆได้แต่ฟันดาบอาคมของตัวเองออกไปโจมตีระยะไกลแล้วถอยร่นตัวเองไปเรื่อยๆอย่างกล้าๆกลัว ๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เหนือภพเห็นความกลัวของเขาไร้ชื่อดูผิดแปลกไปมาก

 

เหนือภพเองไม่รู้ว่าควันดํานั้นคืออะไร แต่มันบรรยายความรู้สึกไม่ถูกมันเป็นความรู้สึกเหมือนเห็นผียังไงก็ไม่รู้เขาออกตัววิ่งตามทุกคนไปสุดฝีเท้า

 

ขนาดพญานาคยังเลื้อยหนีอย่างเร็วไวทิ้งเขาไปอย่างไม่ยอมสู้แสดงว่าพญานาคยังสู้ไม่ได้ เช่นนั้นแล้วเขาจะอยู่ไปเพื่ออะไรดังนั้นต้องวิ่งก่อนแล้วค่อยสอบถาม

“ช่วยบอกที มันคือตัวบ้าอะไร”

 

ด้วยพละกําลังที่ได้มาจากวัตถุดิบลับในแท็บแล็ตทําให้เหนือภพวิ่งขึ้นมาตีคู่อยู่ข้างพญานาคได้ในไม่ช้า ขณะที่ได้ชื่อและเฮงเฮงที่งมาในแนวเรียงแถวหน้ากระดานไล่เลี่ยกัน พยายามวิ่งกลับไปที่ขอบปาอีกครั้งพวกเขาพยายามวิ่งเลาะไปตามชายปาด้วยความรู้สึกขนหัวลุกตลอดเวลา

 

หากจะวัดความสามารถในด้านการวิ่ง จริง ๆ แล้วเฮงเฮงนับว่า มีฝีเท้าเร็วกว่าทุกคนในที่นี้กําลังขาของเขาเป็นดั่งลําขาของนักวิ่ง ลมกรดที่ฝึกฝนอย่างหนักมาตั้งแต่จําความได้มันเป็นส่วนสําคัญอ ย่างหนึ่งที่ทําให้เขารอดชีวิตมาได้จนถึงวันนี้ แต่ในตอนนี้เขากลับอยู่รั้งท้ายทุกคน เพราะเขาต้องพบเจอกับอุปสรรคนานาประการที่ พร้อมใจกันออกมาขัดขวางเขาทําให้ความเร็วของเขาช้าลงมาก

 

เฮงเฮงรีบซอยเท้าเร็วจี้จนปลายเท้าจิกลึกแทบจะขุดเจาะลง ไปในดิน ฝุ่นควันตลบอบอวลแต่เขาก็ทําได้แค่ไล่ตามพวกเหนือภพ ที่อยู่ข้างหน้าห่างจากเขาเกือบยี่สิบเมตร ทําให้เขาไม่สามารถฟังบทสนทนาของพญานาคและเหนือภพได้ชัดเจน

“ว่าไงนะ ! พวกนั้นคือฝั่งั้นเหรอ บรื้อออ”

เหนือภพตกใจจนเลือดในกายสูบฉีด ภายในร้อนรุ่มแต่ผิวด้านน อกกลับรู้สึกหนาวเย็นจนขนลุกซู่เด็ก ๆ ทุกคนมักเติบโตมากับ เรื่องเล่าสยองขวัญเกี่ยวกับวิญญาณและคนตายมาไม่มากก็น้อยเขาก็เป็นหนึ่งในนั้น หลาย ๆ ครั้งแม่เคยเล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับ วิญญาณของบรรพบุรุษและวิญญาณของพ่อที่มาเข้าฝันแม่เขาก็เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง ไม่คิดเลยว่าวันนี้จะได้มาเห็นผีตัวเป็น ๆ

 

“ไม่ใช่ผี แต่เป็นวิญญาณวนเวียน มันเป็นวิญญาณที่มีแรงอาฆาต สูงมากต่างหาก”

“มันก็ผีไม่ใช่หรือไง”

“เจ้านี่มันโง่ อยากอวดฉลาดกับข้าหรือไง”

 

“วิญญาณก็วิญญาณสิ ไม่เห็นต้องด่ากันเลย”

เหนือภพตอบโต้เสียงอ่อย พลางหันหลังกลับไปมองวิญญาณ วนเวียนที่พญานาคพูดถึง พวกมันเคลื่อนที่ได้เร็วมาก พวกมันไม่จํา เป็นต้องอ้อมสิ่งกีดขวาง ร่างกายที่พิเศษของมันทะลุทะลวงได้ทุ กสิ่ง

 

พญานาคเล่าให้ฟังระหว่างหนีว่าพวกมันแตกต่างจากวิญญาณ ทั่วไปมันไม่สามารถฆ่าคนได้ก็จริงแต่ก็ใช่ว่ามันจะทําอะไรไม่ได้เลย มันเป็นวิญญาณที่ยึดติด มีตัวตนอยู่เพื่อวนเวียนทําสิ่งที่มันปรารถนา ยิ่งหากมันตายจากการต่อสู้พวกมันก็จะพยายามกลับมาต่อสู้อี กครั้งเพื่อล้างแค้นและเพื่อให้บรรลุสิ่งที่มันต้องการ มันจําเป็นต้อ งมีกายเนื้อ ดังนั้นพวกมันจึงมีความสามารถพิเศษในการสิงสู่ต่อให้คนผู้นั้นแข็งแกร่งแค่ไหน มีอาคมสูงส่งแค่ไหนก็ยากที่จะต่อต้านหากประมาทเพียงเล็กน้อยก็คงถูกยึดครองร่างโดยไม่รู้ตัว

 

พอคนที่ถูกสิ่งสู่รู้ตัวอีกที่คนรอบข้างเพื่อนพี่น้องก็อาจจะตายกัน หมดสิ้นด้วยน้ํามือตัวเอง

 

“ข้าเคยได้ยินมาว่า อาคมใช้ปราบภูตผีได้ไม่ใช่เหรอ ?”

 

“แค่นั้นมันใช้ได้ซะที่ไหนล่ะ สิ่งมีชีวิตที่ปราบพวกภูตผีปีศาจหรือวิญญาณได้จําเป็นต้องเรียนไสยเวทย์ปราบผีมันเป็นวิชาเฉพาะ ที่เลือกผู้ฝึก ใช่ว่าตาสีตาสาที่ไหนจะเรียนได้ ถึงมันจะใช้กระแสปราณอาคมในการขับเคลื่อนก็เถอะ”

 

“แล้วพวกสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ล่ะ อย่างเจ้า ครุฑ และสัตว์บางชนิดมันกันภูตผีได้ไม่ใช่เหรอ ?”

“หากกันได้จริง ข้าจะหนีเรอะ ไอ้ความเชื่อผิด ๆ นี่เจ้าไปเอามาจากไหนสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อย่างพวกข้าก็ไม่ได้ต่างจากมนุษย์เกิดมามีความสามารถไม่เหมือนกัน ถนัดไม่เหมือนกัน ข้าเป็นสายกําลังไม่ใช่สายเวทมนต์คาถา”

เหนือภพถึงกับหนังศีรษะตึง ขมวดคิ้วมั่น เขาพยายามคิดหาวิธีแก้ไขสถานการณ์ ครั้นจะให้เฮงเฮงวิ่งแยกออกไปอีกทางมันก็ดูไร้ น้ําใจเกินไปแม้มันจะเป็นตัวซวยที่ดึงหายนะมาให้เพื่อนฝูงก็เถอะ

“จะทํายังไงดี

เหนือภพพยายามใช้สมองน้อย ๆ คิดทบทวนสิ่งที่อาจารย์เคยสอนแม้อาจารย์จะไม่ได้สอนวิชาปราบผีให้เขาแต่ก็ใช่ว่าอาจารย์จะไม่พูดถึงเลย

 

วัตถุทรงฤทธิ์ทางไสยศาสตร์ที่ป้องกันภูตผีได้ แบ่งออกเป็นสามส่วน คือ เกิดเองตามธรรมชาติ ถูกสร้างขึ้น และประเภทผสมผสานนั่นคือการนําสิ่งของที่มีฤทธิ์ตามธรรมชาติแล้วนํามาเพิ่มฤทธิ์ที่โดยสิ่งมีชีวิตที่มีความสามารถ

“เหล็กไหลใช้ได้หรือเปล่า” เหนือภพถามอย่างลังเลใจ

“ข้าไม่มั่นใจ พวกวัตถุทนสิทธิ์พวกนั้นแม้จะกันได้จริงแต่ก็ใช่ว่าจะได้ผลกับวิญญาณที่แข็งแกร่ง”

 

“โอ้ ไม่มั่นใจก็ดีกว่าไม่ได้”

เหนือภพเอ่ยขึ้น ขณะเปล่งกําลังเพื่อชักนํากระแสอาคมเหล็กไหลที่อยู่ภายในร่างออกมาใช้ แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเหล็กไหลที่อยู่ภายในตัวเขาไม่ได้ตอบสนองกับความต้องการเขาทุกครั้ง แม้ช่วงหลัง ๆ มานี้เขาจะกินเหล้าน้ําผึ้งบ่อย ๆ เพื่อปรนเปรอเหล็กไหลแต่มันก็คงยังดื้อดึง ก็ยังดีที่ความดื้อดึงนี้ลดน้อยลงไปบ้าง เขา จึงใช้พลังของมันได้ถึง 10% ซึ่งไม่ได้ต่างจากปราณอาคมระดับ 10 ของพวกผู้มีพรสวรรค์

 

ปกติเขาต้องใช้คู่กับยันต์อาคมของพระอาจารย์จึงจะดึงพลังออกมาได้สัก 30% หากได้รับการสนับสนุนจากชองแซงและชองซาเหมีอนในครั้งนั้นเขาจะใช้พลังออกมาได้ 100% เต็ม เขาหวนคิดถึงความรู้สึกนั้นอีกครั้งมันเป็นความรู้สึกที่สุดยอดมาก

 

เหนือภพคิดพลางรวบรวมกําลังพลางเมื่อได้ถึง 6 ระดับวิญญาณอาฆาตก็อยู่ห่างจากเขาเพียงแค่สิบเมตร บีบให้เขาต้องออกหมัดไปอย่างช่วยไม่ได้

ตูม!

เหนือภพยิ้มหน้าบานเมื่อผลลัพธ์จะเหมือนจะเป็นอย่างที่เขาจินตนาการ ก่อนจะรีบหุบยิ้มทันทีแล้ววิ่งตามพรรคพวกของตัวเองที่ไม่คิดรอเขาแม้แต่น้อย

 

ควันดําเริ่มแตกแยกออกจากกัน บางส่วนถูกทําลายไปพร้อมกับการถูกพัดลอยถอยหลัง แต่ไม่กี่วินาทีต่อมาควันดําก็กลับมารวมตัวอีกครั้งควันทั้งสิบกลุ่มกลับรวมตัวเป็นกลุ่มก้อนเดียวกันกลายเป็นก้อนเมฆทะมึนดํามืดมิดที่มีความกว้างกินพื้นที่กว่า 20 ตารางเมตรมันลอยสูงเหนือพื้นดินเพียงไม่กี่สิบนิ้วเท่านั้น

ทิศทางที่มันกําลังมุ่งไปคือทิศทางที่มันไล่ต้อนทีมเหนือภพไปที่มหาวิหารกลางป่า แต่เมื่อมันรวมตัวกันเป็นก้อนใหญ่ขึ้นก็ราวกับว่าจิตอาฆาตจะแรงขึ้นด้วย มันเกิดความรู้สึกเป็นปฏิปักษ์อย่างแรงดุจวิญญาณคลุ้มคลั่งกับคนที่วิ่งรั้งท้าย ผู้นั้นก็คือเฮงเฮงผู้น่าสงสาร

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+