Top Up Now 2 ภาคบุรุษหมื่นเหรียญ 55 สาวบ้านลานเงิน

Now you are reading Top Up Now 2 ภาคบุรุษหมื่นเหรียญ Chapter 55 สาวบ้านลานเงิน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Top Up Now 2 ภาคบุรุษหมื่นเหรียญ

 

ตอนที่ 55 สาวบ้านลานเงิน

 

จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ เสียงนกร้องยามเช้าตรู่ แสงอาทิตย์สีส้มอ่อนค่อยๆเรืองรองขึ้นในทิศตะวันออก

 

เหนือภพออกจากอาคารประมูลด้วยใบหน้าที่ห่อเที่ยวสุดๆ แม้เงินนั้นจะไม่ใช่ของเขา แต่เขาก็รู้สึกเสียดาย เพราะถือว่าตระกูลนาคราชให้เขาแล้ว เขาทําใจแล้วว่าซื้อให้น้องสาวแต่ตราบใดที่ของขวัญยังส่งไปไม่ถึงเขาก็ไม่สบายใจ น้องสาวของเขายังไม่เขียนจดหมายตอบกลับมาเสียที เขากังวลมากจนถึงขั้นจิตตกพึมพําอยู่คนเดียว

 

บุษบาเป็นห่วงจึงเดินมาส่งเขาถึงเรือนธารใสที่อยู่ไม่ไกลจากอาคารประมูลนัก ตลอดเส้นทางผู้คนทั้งหมดมองเหนือภพด้วยสายตาอิจฉาหรือ

 

ต่อให้เคียดแค้นมากแค่ไหน เหนือภพก็ไม่รับรู้สักนิด หลังจากบุษบาจากไปเขาก็นอนแผ่อยู่เหมือนคนอดอะไรตายอยาก ทว่าจู่ๆเขาก็นึกอะไรขึ้นได้

 

“เห้ย เจ้านั่นล่ะ หายไปไหน”

 

เหนือภพเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเขานัดไร้ชื่อไปเจอที่อาคารประมูล แต่เขาไม่มาตามนัด ไม่รู้ว่าโดนจับตัวไปแล้วหรือยัง

 

“คงไม่หรอกมั้ง เจ้านั่นมีฝีมือเอาการคงเอาตัวรอดได้”

 

คิดได้ดังนั้นเหนือภพก็สบายใจ ก็นอนหลับตาอยู่ที่ห้องโถงกลางอย่างง่ายดายเช่นนั้นเอง

 

สี่ชั่วโมงผ่านไป

 

พี่สะใภ้ทั้งสองก็กลับมาด้วยใบหน้าเบิกบาน เมื่อสิ่งที่เหนือภพแนะนําพวกเธอดันถูกใจศิษย์พี่ทั้งสองซะแบบนั้น

 

“นี่น้องเขยเจ้าทําดีมาก อ่ะนี่รางวัล”

 

อังกาบและราตรีวางเงินพร้อมกันบนโต๊ะตรงข้างๆ เก้าอี้ยาวที่เหนือภพนอนอยู่

 

เสียงเหรียญกระทบกันราวกับเสียงสวรรค์ที่ทําให้เหนือภพพื้น จากความตาย เขาเด้งตัวขึ้นนั่งมองตั๋วเงินและเหรียญมากมายที่อยู่ในถุง รวมแล้วมูลค่าน่าจะมากกว่ากว่าสามพันเหรียญทอง เหนือภพเก็บพวกมันเข้าอกเสื้อโดยเร็ว

 

“ขอบคุณครับ หากพวกพี่ต้องการให้ช่วยเรื่องอะไร ข้ายินดีช่วย

เสมอ”

 

เหนือภพยิ้มกว้างพลางพูดจาฉอเลาะ จากนั้นเขาก็รอจนพี่สะใภ้ทั้งสองจากไป แล้วเขาก็หยิบแท็บเล็ตขึ้นมาอย่างลืมตัว เพื่อตรวจดูระบบ แต่แล้วกลับพบว่าเขาต้องรออีก 2 วันถึงจะใช้กงล้อหรรษาได้อีกครั้ง

 

เหนือภพถอนหายใจออกมาด้วยความเซ็ง ขณะนั้นเองจดหมายจากเหนือฟ้าก็ส่งมาถึงเขาความรู้สึกยินดีและความปลื้มปริ่มเอ่อท่วมหัวใจของเขา ความรู้สึกเสียดายกับเม็ดเงินที่สูญเสียนั้นหายไปจนหมดสิ้น เมื่อน้องสาวเขาแนบภาพวาดของตัวเองที่ใส่ชุดใหม่ที่เขาซื้อให้มาด้วย เหนือภพมองมันด้วยรอยยิ้มมีความสุข ขณะค่อยๆพับมันอย่างเบามือแล้วเก็บไว้ในอกเสื้ออย่างทะนุถนอม

 

อีกมุมหนึ่งของหมู่บ้าน

 

เสียงการเคลื่อนไหวของชายหนุ่มร่างเพรียวบางดังเป็นจังหวะ ขณะไต่ตามผนัง ท่าทางการเคลื่อนไหวของเขาแตกต่างจากคนทั่วไปอยู่มาก เขาเคลื่อนไหวราวกับสัตว์ปาสี่เท้าที่กระโดดไต่ไปตามผนังของอาคารสูง ปืนปายขึ้นไปที่คิ้วหน้าต่าง เกาะขึ้นไปตามระเบียง จนกระทั่งพุ่งทะลุเข้าหน้าต่างที่เปิดทิ้งไว้บนชั้นห้า

 

การกระทําของไร้ชื่อสร้างความตกใจให้แก่สาวน้อยที่อยู่ในห้องเป็นอันมาก ยังไม่ทันที่เธอจะได้กรีดร้อง คมดาบของไร้ชื่อก็พาดอยู่บนคอเธอเรียบร้อยแล้ว นั่นทําให้เธอต้องเก็บเสียงหุบปากแน่น

 

“อีก”

 

“ที่นี่ใช่อาคารประมูลชั้น 5 หรือเปล่า ?”

 

ไร้ชื่อถามขณะมองสํารวจรอบห้อง เขาก็พบว่าในห้องมีนกน้อยหลายตัวที่เกาะอยู่บนขอบหน้าต่างอีกด้าน ส่วนที่พื้นที่ที่มีหนูนาขนาดใหญ่ แมวน้อยและลูกอีกหนึ่งครอก ข้างๆกันก็มีลูกหมาอีกสองตัว พวกมันทุกตัวดูมีความสุขดีและดูคุ้นเคยกับหญิงสาวมาก

 

จากนั้นเขาก็หยุดมองเครื่องครัว กระทะ หม้อบนเตาที่เต็มไปด้วยอาหาร กลิ่นหอมนั้นทําให้ไร้ชื่อกลืนน้ําลายลงคอ ดวงตาเป็นประกายแวววาว

 

เมื่อหญิงสาวเห็นเช่นนั้นก็เอ่ยถามอย่างกล้าๆกลัวๆ

 

“เจ้าคงหิวมากสินะ มาเถอะ ข้าจะตักให้”

 

ดาบที่พาดอยู่บนลําคอขาวเนียนคลายออกอย่างเห็นได้ชัด หญิงสาวแอบพ่นลมหายใจอย่างโล่งอก เธอคิดไม่ผิดเลยชายคนนี้ไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอะไร

 

เมื่อไร้ชื่อได้ยินเสียงไพเราะอ่อนหวาน ท่าที่แข็งกร้าวดุร้ายก็คลายลงอย่างน่าประหลาด เขาพยักหน้าหงกๆ อย่างอายๆ ขณะที่เก็บดาบเข้าฝักก่อนจ้องมองหญิงสาวที่กําลังตักอาหารใส่ชามไม้ให้เขาจํานวนมากด้วยท่าทางไม่ต่างจากสุนัขหิวโซ เขากินมันอย่างมูมมามคล้ายสัตว์ป่า โดยไม่สนช้อนไม้ที่หญิงสาวยื่นให้แม้แต่น้อย

 

“กินช้าๆหน่อยก็ได้ ไม่ต้องรีบ ข้ายังมีอีก”

 

ใบหน้ายิ้มแย้มและแววตาของเธอเต็มไปด้วยความเมตตาอ่อนโยน จิตใจงดงามไม่ต่างจากรูปลักษณ์หน้าตา เธอไม่ได้สวยหยาดเยิ้มแต่สวยแบบยิ่งมองก็ยิ่งสบายตา ดังดอกไม้ริมทางที่ไม่ว่ามองกี่ครั้งก็ยังรู้สึกว่ามันงดงามไม่รู้เบื่อ และเธอก็มอบความเมตตาดุจมารดานี้ให้แก่ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นสรรพสัตว์ หรือมนุษย์ผู้คิดร้าย เมื่อได้เจอกับเธอล้วนไม่มีผู้ใดทําร้ายเธอได้ลงคอ

 

หลังจากที่ได้ชื่อกินอาหารไปนับยี่สิบชาม เขาก็อิ่ม แล้วเขาก็จ้องมองหญิงสาวนิ่งค้างอยู่แบบนั้น ใบหน้าเริ่มแดงก่ําโดยไม่รู้ตัว ขณะเอ่ยคําน่าอายออกไปโดยที่ไม่รู้ความหมายลึกซึ้ง

 

“ข้าชอบเจ้า”

 

หญิงสาวได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจ เธอยิ้มพลางลูบหัวไร้ชื่อ ดูจากรูปร่างและอายุเขาน่าจะอ่อนกว่าเธอหลายปี

 

“เด็กน้อย คิดจะจีบพี่สาวหรือยังไง”

 

ไร้ชื่อไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก เขาไม่รู้ด้วยซ้ําว่า “จีบ” หมายความว่าอย่างไร แต่สิ่งที่เขาสนใจคือความรู้สึกอบอุ่นอ่อนโยนเวลาที่หญิงสาวผู้นี้ลูบหัวของเขา เมื่อหญิงสาวกําลังจะถอนมือออก ไร้ชื่อก็รีบเอ่ยขึ้นมาทันที

 

“เจ้าทําแบบนั้นอีก ข้าชอบ”

 

“ทํา? ทําอะไร” หญิงสาวจุนงงก่อนจะร้องอ๋อ

 

“เจ้ายังไม่อิ่มหรอ ได้สิ พี่สาวจะทําเพิ่มให้”

 

“ไม่ใช่

 

หญิงสาวนิ่งก่อนจะนึกย้อนความทรงจํา

 

“ลูบหัวแบบนี้หรอ”

 

เธอใช้มือขาวแตกและด้านจากการโหมงานหนักแตะที่หัวของตัวเอง ไร้ชื่อพยักหน้าทันทีพร้อมขยับเข้าไปใกล้แล้วยื่นหัวให้ หญิงสาวยิ้มแม้จะแปลกใจที่ผู้ชายคนนี้ดูเหมือนกับสัตว์อสูรที่เธอเคยเลี้ยง แต่เธอก็ไม่ได้คิดมากอะไร เธอรู้สึกว่าเขาน่ารักดีเลยทําให้โดยไม่บ่น

 

แต่เมื่อไร้ชื่อกําลังจะผล็อยหลับไปด้วยความสุข เขาก็ถูกหญิงสาวปลุกเสียก่อน

 

“เจ้าเป็นคนใหม่ที่จะเข้ามา บ้านลานเงิน วันนี้หรอ”

 

บ้านลานเงินคือบ้านที่เหล่าฮันเตอร์มารวมตัวกันเพื่อรับงาน พวกเขาตั้งชื่อบ้านของตัวเองว่า “ลานเงิน” อาจมีผู้ไร้พรสวรรค์มา ร่วมบ้านเพื่อช่วยทํางานใช้แรงงานทั่วไปเช่นเธอเป็นต้น ทว่าไร้ชื่อกลับส่ายหน้า

 

“อสูรทะเลสาบบอกข้าว่าให้ข้าไปเจอเขาที่ลานประมูลชั้น 5”

 

ไร้ชื่อเหมือนจะร้องไห้ขณะรีบลุกขึ้น ก่อนจะมองไปรอบๆ พยา ยามมองหาเหนือภพ แต่มองหาอย่างไรก็ไม่เห็น นั่นทําให้ไร้ชื่อแปลกใจ

 

หญิงสาวยิ้มก่อนจะส่ายหน้า ชายหนุ่มหน้าตาน่ารักตรงหน้านี้ ช่างไม่จากเด็กไร้เดียงสาผู้หนึ่ง ซึ่งเธอก็พอมีประสบการณ์ในการ เลี้ยงดูเด็กพิเศษเหล่านี้มาก่อนจึงมีความเข้าใจ และรู้ว่าควรจะทําเช่นไร

 

“ที่นี้ไม่ใช่ลานประมูลหรอกนะ แม้จะมีห้าชั้นเหมือนกัน แต่ก็ อยู่คนละทางกันนะ มาเถอะให้พี่สาวพาเจ้าไปส่ง ยังไงพี่สาวก็มีธุระต้องไปที่นั่นพอดี”

 

หญิงสาวยื่นมือให้ไร้ชื่อจับ แล้วเธอก็จูงมือเขาเดิน ส่วนไร้ชื่อก็เดินตามอย่างว่าง่ายทั้งๆที่จริงแล้วไร้ชื่อสามารถไปถึงที่นั่นได้ภายในชั่วอึดใจ ขอเพียงเขารู้ทิศทางแน่ชัดเท่านั้น

 

เหนือภพเดินไปเที่ยวฆ่าเวลาที่ตลาดเช้า ความจริงตลาดแห่งนี้เป็นตลาดโต้รุ่งที่เปิดกันทั้งวันทั้งคืนโดยที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร นอกจากพนักงานขายที่ดูเปลี่ยนหน้าตาไปตามเวลางาน

 

เหนือภพเดินมองสองข้างทางอย่างละเอียด โดยไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่าข้างขวาของเขามีร้านขายของที่ระลึกขนาดใหญ่กับพนักงานขายที่กําลังร้องประกาศขายของอย่างขยันขันแข็ง เสียงของเขาดังกังวาน แต่น่าแปลกกลับไม่มีลูกค้าคนใดสังเกต หรือเฉียดเข้าไปใกล้เลยสักคน

 

จึงเกิดเป็นภาพแปลกประหลาดคือมีสองร้านที่ขายดิบขายดีมีคนต่อแถวยาวเป็นพืด โดยมีร้านขายของที่ระลึกที่แสนเงียบเห แทรกอยู่ระหว่างร้านทั้งสอง ไม่มีลูกค้าเลยสักคน ไม่มีแม้กระทั่ง รอยเท้าติดอยู่หน้าลานทางเข้าแม้สักรอยเดียว

 

แม้แต่เหนือภพมองทุกสิ่งรอบกายอย่างถี่ถ้วนเพื่อศึกษา เขาเองก็ยังไม่เห็นร้านนั้นเช่นกัน ขณะที่เขากําลังจะเดินผ่านร้านดังกล่าว ก็มีเสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวายก็ดังมาถึงเขาเสียงนั้นชัดเจนมาก

 

“เหนือภพ เหนือภพ”

 

เหนือภพหันมองหาเสียงตะโกน แต่ก็ยังแยกไม่ออกว่ามันมาจากทางไหน

 

“ทางนี้ หันหลังมาสิ ข้างขวาๆ”

 

ชายปริศนาตะโกนออกมาต่อเนื่อง เสียงดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ คล้ายกับว่าผู้เรียกกําลังเคลื่อนตัวเข้าหา เหนือภพหันกลับไปในทันที เขาถึงกับผงะเมื่อพบว่าเสียงเรียกนั้นเป็นของเฮงเฮง หน้าตาของเขาไม่ได้เปลี่ยนไปจากเมื่อหกปีก่อนมากนัก แตกต่างตรงที่ตามร่างกายมีบาดแผลใหม่เพิ่มมาหลายแห่งและร่างกายที่ดูสูงกว่าเดิม

 

“เฮงซวย ?”

 

“ใช่เจ้าจริง ๆ ด้วยเหนือภพ ข้าจําอีเตอร์ของเจ้าได้ เจ้าเปลี่ยนไปเยอะเลยหากไม่ใช่ อีเตอร์ข้าคงจําเจ้าไม่ได้ โอ๊ย!”

 

เฮงเฮงร้องเสียงหลงเมื่ออยู่ๆ ก็มีกิ่งไม้ตกใส่หัวเขา ทั้งๆที่รอบทิศนี้ไม่มีต้นไม้สักต้น แต่เหนือภพไม่แปลกใจเท่าไหร่นัก

 

“เป็นอะไรหรือเปล่า”

 

“ช่างเถอะๆ ก็แค่กิ่งไม้ มาเถอะเราไม่ได้เจอกันตั้งนานเจ้าเป็นยังไงบ้าง”

 

เฮงเฮงเองก็เคยชินเสียแล้ว เขาลูบหัวตัวเองเบาๆ ก่อนพาเหนือภพเข้าไปนั่งที่ร้านของตน

 

เหนือภพมองร้านขายของที่ระลึกของเฮงเฮงแล้วก็อยากจะทิ่มตาตัวเองจริงๆ ร้านใหญ่ขนาดนี้ทําไมเขาถึงมองไม่เห็นได้นะ แถมยังใหญ่กว่าทุกร้านในละแวกนี้ด้วยซ้ํา เมื่อเห็นเช่นนี้เหนือภพก็แยกออกอย่างง่ายดายว่าคนตรงหน้าเขาคือเฮงเฮง ไม่ใช่ซวยซวย

 

“พี่ชายเจ้าล่ะ”

 

ปกติแล้วฝาแฝดคู่นี้มักไปไหนด้วยกัน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เหนือภพไม่เห็นทั้งคู่อยู่ด้วยกัน

 

“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน เมื่อหลายเดือนก่อนพี่ส่งจดหมายมาบอกว่าจะไปตามหาความฝันในสนามประลอง ตั้งแต่นั้นมาข้าก็ไม่เห็นเขาอีกเลย ไม่รู้เป็นยังไงบ้าง แต่ก็ช่างเถอะ คนอย่างพี่คงไม่เป็นไรหรอก โอ๊ย !”

 

เหนือภพพยักหน้าโดยพยายามมองข้ามแก้วไม้จากร้านน้ําร้านไหนสักแห่ง ที่ลอยละลิ่วมาโดนหัวของเฮงเฮง

 

เฮงเฮงกับเหนือภพอยู่คุยกันอยู่พักใหญ่ แน่นอนว่าเหนือภพอ ยากจะไปที่นี่แทบแย่ แต่ก็ตัดใจจากไปไม่ได้ เมื่อเห็นสิ่งของต่างๆ หรืออะไรบางอย่างทําให้เฮงเฮงเจ็บตัวได้ทุกๆ สิบนาที ด้วยความเป็นห่วง เหนือภพจึงออกปากชวนให้ไปอยู่ด้วยกัน แต่เฮงเฮงกลับปฏิเสธ

 

“ยังไม่ได้ อย่างน้อยก็ขอให้ข้าขายของให้หมดก่อนแล้วข้าค่อ ยตัดสินใจว่าจะไปกับเจ้าหรือเปล่า”

 

เหนือภพนิ่ง ทําไมคนรอบตัวเขาถึงได้มีนิสัยประหลาดกันนักนะ จะมีคนดีๆ คนปกติอยู่บ้างหรือเปล่า?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Top Up Now 2 ภาคบุรุษหมื่นเหรียญ 55 สาวบ้านลานเงิน

Now you are reading Top Up Now 2 ภาคบุรุษหมื่นเหรียญ Chapter 55 สาวบ้านลานเงิน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Top Up Now 2 ภาคบุรุษหมื่นเหรียญ

 

ตอนที่ 55 สาวบ้านลานเงิน

 

จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ เสียงนกร้องยามเช้าตรู่ แสงอาทิตย์สีส้มอ่อนค่อยๆเรืองรองขึ้นในทิศตะวันออก

 

เหนือภพออกจากอาคารประมูลด้วยใบหน้าที่ห่อเที่ยวสุดๆ แม้เงินนั้นจะไม่ใช่ของเขา แต่เขาก็รู้สึกเสียดาย เพราะถือว่าตระกูลนาคราชให้เขาแล้ว เขาทําใจแล้วว่าซื้อให้น้องสาวแต่ตราบใดที่ของขวัญยังส่งไปไม่ถึงเขาก็ไม่สบายใจ น้องสาวของเขายังไม่เขียนจดหมายตอบกลับมาเสียที เขากังวลมากจนถึงขั้นจิตตกพึมพําอยู่คนเดียว

 

บุษบาเป็นห่วงจึงเดินมาส่งเขาถึงเรือนธารใสที่อยู่ไม่ไกลจากอาคารประมูลนัก ตลอดเส้นทางผู้คนทั้งหมดมองเหนือภพด้วยสายตาอิจฉาหรือ

 

ต่อให้เคียดแค้นมากแค่ไหน เหนือภพก็ไม่รับรู้สักนิด หลังจากบุษบาจากไปเขาก็นอนแผ่อยู่เหมือนคนอดอะไรตายอยาก ทว่าจู่ๆเขาก็นึกอะไรขึ้นได้

 

“เห้ย เจ้านั่นล่ะ หายไปไหน”

 

เหนือภพเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเขานัดไร้ชื่อไปเจอที่อาคารประมูล แต่เขาไม่มาตามนัด ไม่รู้ว่าโดนจับตัวไปแล้วหรือยัง

 

“คงไม่หรอกมั้ง เจ้านั่นมีฝีมือเอาการคงเอาตัวรอดได้”

 

คิดได้ดังนั้นเหนือภพก็สบายใจ ก็นอนหลับตาอยู่ที่ห้องโถงกลางอย่างง่ายดายเช่นนั้นเอง

 

สี่ชั่วโมงผ่านไป

 

พี่สะใภ้ทั้งสองก็กลับมาด้วยใบหน้าเบิกบาน เมื่อสิ่งที่เหนือภพแนะนําพวกเธอดันถูกใจศิษย์พี่ทั้งสองซะแบบนั้น

 

“นี่น้องเขยเจ้าทําดีมาก อ่ะนี่รางวัล”

 

อังกาบและราตรีวางเงินพร้อมกันบนโต๊ะตรงข้างๆ เก้าอี้ยาวที่เหนือภพนอนอยู่

 

เสียงเหรียญกระทบกันราวกับเสียงสวรรค์ที่ทําให้เหนือภพพื้น จากความตาย เขาเด้งตัวขึ้นนั่งมองตั๋วเงินและเหรียญมากมายที่อยู่ในถุง รวมแล้วมูลค่าน่าจะมากกว่ากว่าสามพันเหรียญทอง เหนือภพเก็บพวกมันเข้าอกเสื้อโดยเร็ว

 

“ขอบคุณครับ หากพวกพี่ต้องการให้ช่วยเรื่องอะไร ข้ายินดีช่วย

เสมอ”

 

เหนือภพยิ้มกว้างพลางพูดจาฉอเลาะ จากนั้นเขาก็รอจนพี่สะใภ้ทั้งสองจากไป แล้วเขาก็หยิบแท็บเล็ตขึ้นมาอย่างลืมตัว เพื่อตรวจดูระบบ แต่แล้วกลับพบว่าเขาต้องรออีก 2 วันถึงจะใช้กงล้อหรรษาได้อีกครั้ง

 

เหนือภพถอนหายใจออกมาด้วยความเซ็ง ขณะนั้นเองจดหมายจากเหนือฟ้าก็ส่งมาถึงเขาความรู้สึกยินดีและความปลื้มปริ่มเอ่อท่วมหัวใจของเขา ความรู้สึกเสียดายกับเม็ดเงินที่สูญเสียนั้นหายไปจนหมดสิ้น เมื่อน้องสาวเขาแนบภาพวาดของตัวเองที่ใส่ชุดใหม่ที่เขาซื้อให้มาด้วย เหนือภพมองมันด้วยรอยยิ้มมีความสุข ขณะค่อยๆพับมันอย่างเบามือแล้วเก็บไว้ในอกเสื้ออย่างทะนุถนอม

 

อีกมุมหนึ่งของหมู่บ้าน

 

เสียงการเคลื่อนไหวของชายหนุ่มร่างเพรียวบางดังเป็นจังหวะ ขณะไต่ตามผนัง ท่าทางการเคลื่อนไหวของเขาแตกต่างจากคนทั่วไปอยู่มาก เขาเคลื่อนไหวราวกับสัตว์ปาสี่เท้าที่กระโดดไต่ไปตามผนังของอาคารสูง ปืนปายขึ้นไปที่คิ้วหน้าต่าง เกาะขึ้นไปตามระเบียง จนกระทั่งพุ่งทะลุเข้าหน้าต่างที่เปิดทิ้งไว้บนชั้นห้า

 

การกระทําของไร้ชื่อสร้างความตกใจให้แก่สาวน้อยที่อยู่ในห้องเป็นอันมาก ยังไม่ทันที่เธอจะได้กรีดร้อง คมดาบของไร้ชื่อก็พาดอยู่บนคอเธอเรียบร้อยแล้ว นั่นทําให้เธอต้องเก็บเสียงหุบปากแน่น

 

“อีก”

 

“ที่นี่ใช่อาคารประมูลชั้น 5 หรือเปล่า ?”

 

ไร้ชื่อถามขณะมองสํารวจรอบห้อง เขาก็พบว่าในห้องมีนกน้อยหลายตัวที่เกาะอยู่บนขอบหน้าต่างอีกด้าน ส่วนที่พื้นที่ที่มีหนูนาขนาดใหญ่ แมวน้อยและลูกอีกหนึ่งครอก ข้างๆกันก็มีลูกหมาอีกสองตัว พวกมันทุกตัวดูมีความสุขดีและดูคุ้นเคยกับหญิงสาวมาก

 

จากนั้นเขาก็หยุดมองเครื่องครัว กระทะ หม้อบนเตาที่เต็มไปด้วยอาหาร กลิ่นหอมนั้นทําให้ไร้ชื่อกลืนน้ําลายลงคอ ดวงตาเป็นประกายแวววาว

 

เมื่อหญิงสาวเห็นเช่นนั้นก็เอ่ยถามอย่างกล้าๆกลัวๆ

 

“เจ้าคงหิวมากสินะ มาเถอะ ข้าจะตักให้”

 

ดาบที่พาดอยู่บนลําคอขาวเนียนคลายออกอย่างเห็นได้ชัด หญิงสาวแอบพ่นลมหายใจอย่างโล่งอก เธอคิดไม่ผิดเลยชายคนนี้ไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอะไร

 

เมื่อไร้ชื่อได้ยินเสียงไพเราะอ่อนหวาน ท่าที่แข็งกร้าวดุร้ายก็คลายลงอย่างน่าประหลาด เขาพยักหน้าหงกๆ อย่างอายๆ ขณะที่เก็บดาบเข้าฝักก่อนจ้องมองหญิงสาวที่กําลังตักอาหารใส่ชามไม้ให้เขาจํานวนมากด้วยท่าทางไม่ต่างจากสุนัขหิวโซ เขากินมันอย่างมูมมามคล้ายสัตว์ป่า โดยไม่สนช้อนไม้ที่หญิงสาวยื่นให้แม้แต่น้อย

 

“กินช้าๆหน่อยก็ได้ ไม่ต้องรีบ ข้ายังมีอีก”

 

ใบหน้ายิ้มแย้มและแววตาของเธอเต็มไปด้วยความเมตตาอ่อนโยน จิตใจงดงามไม่ต่างจากรูปลักษณ์หน้าตา เธอไม่ได้สวยหยาดเยิ้มแต่สวยแบบยิ่งมองก็ยิ่งสบายตา ดังดอกไม้ริมทางที่ไม่ว่ามองกี่ครั้งก็ยังรู้สึกว่ามันงดงามไม่รู้เบื่อ และเธอก็มอบความเมตตาดุจมารดานี้ให้แก่ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นสรรพสัตว์ หรือมนุษย์ผู้คิดร้าย เมื่อได้เจอกับเธอล้วนไม่มีผู้ใดทําร้ายเธอได้ลงคอ

 

หลังจากที่ได้ชื่อกินอาหารไปนับยี่สิบชาม เขาก็อิ่ม แล้วเขาก็จ้องมองหญิงสาวนิ่งค้างอยู่แบบนั้น ใบหน้าเริ่มแดงก่ําโดยไม่รู้ตัว ขณะเอ่ยคําน่าอายออกไปโดยที่ไม่รู้ความหมายลึกซึ้ง

 

“ข้าชอบเจ้า”

 

หญิงสาวได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจ เธอยิ้มพลางลูบหัวไร้ชื่อ ดูจากรูปร่างและอายุเขาน่าจะอ่อนกว่าเธอหลายปี

 

“เด็กน้อย คิดจะจีบพี่สาวหรือยังไง”

 

ไร้ชื่อไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก เขาไม่รู้ด้วยซ้ําว่า “จีบ” หมายความว่าอย่างไร แต่สิ่งที่เขาสนใจคือความรู้สึกอบอุ่นอ่อนโยนเวลาที่หญิงสาวผู้นี้ลูบหัวของเขา เมื่อหญิงสาวกําลังจะถอนมือออก ไร้ชื่อก็รีบเอ่ยขึ้นมาทันที

 

“เจ้าทําแบบนั้นอีก ข้าชอบ”

 

“ทํา? ทําอะไร” หญิงสาวจุนงงก่อนจะร้องอ๋อ

 

“เจ้ายังไม่อิ่มหรอ ได้สิ พี่สาวจะทําเพิ่มให้”

 

“ไม่ใช่

 

หญิงสาวนิ่งก่อนจะนึกย้อนความทรงจํา

 

“ลูบหัวแบบนี้หรอ”

 

เธอใช้มือขาวแตกและด้านจากการโหมงานหนักแตะที่หัวของตัวเอง ไร้ชื่อพยักหน้าทันทีพร้อมขยับเข้าไปใกล้แล้วยื่นหัวให้ หญิงสาวยิ้มแม้จะแปลกใจที่ผู้ชายคนนี้ดูเหมือนกับสัตว์อสูรที่เธอเคยเลี้ยง แต่เธอก็ไม่ได้คิดมากอะไร เธอรู้สึกว่าเขาน่ารักดีเลยทําให้โดยไม่บ่น

 

แต่เมื่อไร้ชื่อกําลังจะผล็อยหลับไปด้วยความสุข เขาก็ถูกหญิงสาวปลุกเสียก่อน

 

“เจ้าเป็นคนใหม่ที่จะเข้ามา บ้านลานเงิน วันนี้หรอ”

 

บ้านลานเงินคือบ้านที่เหล่าฮันเตอร์มารวมตัวกันเพื่อรับงาน พวกเขาตั้งชื่อบ้านของตัวเองว่า “ลานเงิน” อาจมีผู้ไร้พรสวรรค์มา ร่วมบ้านเพื่อช่วยทํางานใช้แรงงานทั่วไปเช่นเธอเป็นต้น ทว่าไร้ชื่อกลับส่ายหน้า

 

“อสูรทะเลสาบบอกข้าว่าให้ข้าไปเจอเขาที่ลานประมูลชั้น 5”

 

ไร้ชื่อเหมือนจะร้องไห้ขณะรีบลุกขึ้น ก่อนจะมองไปรอบๆ พยา ยามมองหาเหนือภพ แต่มองหาอย่างไรก็ไม่เห็น นั่นทําให้ไร้ชื่อแปลกใจ

 

หญิงสาวยิ้มก่อนจะส่ายหน้า ชายหนุ่มหน้าตาน่ารักตรงหน้านี้ ช่างไม่จากเด็กไร้เดียงสาผู้หนึ่ง ซึ่งเธอก็พอมีประสบการณ์ในการ เลี้ยงดูเด็กพิเศษเหล่านี้มาก่อนจึงมีความเข้าใจ และรู้ว่าควรจะทําเช่นไร

 

“ที่นี้ไม่ใช่ลานประมูลหรอกนะ แม้จะมีห้าชั้นเหมือนกัน แต่ก็ อยู่คนละทางกันนะ มาเถอะให้พี่สาวพาเจ้าไปส่ง ยังไงพี่สาวก็มีธุระต้องไปที่นั่นพอดี”

 

หญิงสาวยื่นมือให้ไร้ชื่อจับ แล้วเธอก็จูงมือเขาเดิน ส่วนไร้ชื่อก็เดินตามอย่างว่าง่ายทั้งๆที่จริงแล้วไร้ชื่อสามารถไปถึงที่นั่นได้ภายในชั่วอึดใจ ขอเพียงเขารู้ทิศทางแน่ชัดเท่านั้น

 

เหนือภพเดินไปเที่ยวฆ่าเวลาที่ตลาดเช้า ความจริงตลาดแห่งนี้เป็นตลาดโต้รุ่งที่เปิดกันทั้งวันทั้งคืนโดยที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร นอกจากพนักงานขายที่ดูเปลี่ยนหน้าตาไปตามเวลางาน

 

เหนือภพเดินมองสองข้างทางอย่างละเอียด โดยไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่าข้างขวาของเขามีร้านขายของที่ระลึกขนาดใหญ่กับพนักงานขายที่กําลังร้องประกาศขายของอย่างขยันขันแข็ง เสียงของเขาดังกังวาน แต่น่าแปลกกลับไม่มีลูกค้าคนใดสังเกต หรือเฉียดเข้าไปใกล้เลยสักคน

 

จึงเกิดเป็นภาพแปลกประหลาดคือมีสองร้านที่ขายดิบขายดีมีคนต่อแถวยาวเป็นพืด โดยมีร้านขายของที่ระลึกที่แสนเงียบเห แทรกอยู่ระหว่างร้านทั้งสอง ไม่มีลูกค้าเลยสักคน ไม่มีแม้กระทั่ง รอยเท้าติดอยู่หน้าลานทางเข้าแม้สักรอยเดียว

 

แม้แต่เหนือภพมองทุกสิ่งรอบกายอย่างถี่ถ้วนเพื่อศึกษา เขาเองก็ยังไม่เห็นร้านนั้นเช่นกัน ขณะที่เขากําลังจะเดินผ่านร้านดังกล่าว ก็มีเสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวายก็ดังมาถึงเขาเสียงนั้นชัดเจนมาก

 

“เหนือภพ เหนือภพ”

 

เหนือภพหันมองหาเสียงตะโกน แต่ก็ยังแยกไม่ออกว่ามันมาจากทางไหน

 

“ทางนี้ หันหลังมาสิ ข้างขวาๆ”

 

ชายปริศนาตะโกนออกมาต่อเนื่อง เสียงดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ คล้ายกับว่าผู้เรียกกําลังเคลื่อนตัวเข้าหา เหนือภพหันกลับไปในทันที เขาถึงกับผงะเมื่อพบว่าเสียงเรียกนั้นเป็นของเฮงเฮง หน้าตาของเขาไม่ได้เปลี่ยนไปจากเมื่อหกปีก่อนมากนัก แตกต่างตรงที่ตามร่างกายมีบาดแผลใหม่เพิ่มมาหลายแห่งและร่างกายที่ดูสูงกว่าเดิม

 

“เฮงซวย ?”

 

“ใช่เจ้าจริง ๆ ด้วยเหนือภพ ข้าจําอีเตอร์ของเจ้าได้ เจ้าเปลี่ยนไปเยอะเลยหากไม่ใช่ อีเตอร์ข้าคงจําเจ้าไม่ได้ โอ๊ย!”

 

เฮงเฮงร้องเสียงหลงเมื่ออยู่ๆ ก็มีกิ่งไม้ตกใส่หัวเขา ทั้งๆที่รอบทิศนี้ไม่มีต้นไม้สักต้น แต่เหนือภพไม่แปลกใจเท่าไหร่นัก

 

“เป็นอะไรหรือเปล่า”

 

“ช่างเถอะๆ ก็แค่กิ่งไม้ มาเถอะเราไม่ได้เจอกันตั้งนานเจ้าเป็นยังไงบ้าง”

 

เฮงเฮงเองก็เคยชินเสียแล้ว เขาลูบหัวตัวเองเบาๆ ก่อนพาเหนือภพเข้าไปนั่งที่ร้านของตน

 

เหนือภพมองร้านขายของที่ระลึกของเฮงเฮงแล้วก็อยากจะทิ่มตาตัวเองจริงๆ ร้านใหญ่ขนาดนี้ทําไมเขาถึงมองไม่เห็นได้นะ แถมยังใหญ่กว่าทุกร้านในละแวกนี้ด้วยซ้ํา เมื่อเห็นเช่นนี้เหนือภพก็แยกออกอย่างง่ายดายว่าคนตรงหน้าเขาคือเฮงเฮง ไม่ใช่ซวยซวย

 

“พี่ชายเจ้าล่ะ”

 

ปกติแล้วฝาแฝดคู่นี้มักไปไหนด้วยกัน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เหนือภพไม่เห็นทั้งคู่อยู่ด้วยกัน

 

“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน เมื่อหลายเดือนก่อนพี่ส่งจดหมายมาบอกว่าจะไปตามหาความฝันในสนามประลอง ตั้งแต่นั้นมาข้าก็ไม่เห็นเขาอีกเลย ไม่รู้เป็นยังไงบ้าง แต่ก็ช่างเถอะ คนอย่างพี่คงไม่เป็นไรหรอก โอ๊ย !”

 

เหนือภพพยักหน้าโดยพยายามมองข้ามแก้วไม้จากร้านน้ําร้านไหนสักแห่ง ที่ลอยละลิ่วมาโดนหัวของเฮงเฮง

 

เฮงเฮงกับเหนือภพอยู่คุยกันอยู่พักใหญ่ แน่นอนว่าเหนือภพอ ยากจะไปที่นี่แทบแย่ แต่ก็ตัดใจจากไปไม่ได้ เมื่อเห็นสิ่งของต่างๆ หรืออะไรบางอย่างทําให้เฮงเฮงเจ็บตัวได้ทุกๆ สิบนาที ด้วยความเป็นห่วง เหนือภพจึงออกปากชวนให้ไปอยู่ด้วยกัน แต่เฮงเฮงกลับปฏิเสธ

 

“ยังไม่ได้ อย่างน้อยก็ขอให้ข้าขายของให้หมดก่อนแล้วข้าค่อ ยตัดสินใจว่าจะไปกับเจ้าหรือเปล่า”

 

เหนือภพนิ่ง ทําไมคนรอบตัวเขาถึงได้มีนิสัยประหลาดกันนักนะ จะมีคนดีๆ คนปกติอยู่บ้างหรือเปล่า?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+