Top Up Now 2 ภาคบุรุษหมื่นเหรียญ 51

Now you are reading Top Up Now 2 ภาคบุรุษหมื่นเหรียญ Chapter 51 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เหนือภพวิ่งหนีออกมาไกลพอสมควรกว่าจะเห็นรอยกรงเล็บที่ฉีกยาวตั้งแต่สะดือยาวขึ้นมาถึงหน้าอก เลือดสีแดงไหลทะลักออกเป็นจํานวนมาก

 

“เกิดอะไรขึ้น”

 

เหนือภพมีสีหน้าตกตะลึง เขาไม่เข้าใจ เขามีผ้าประเจียดของพระอาจารย์ที่ช่วยป้องกันอันตรายได้เขาจึงไม่ค่อยระวังตัวนัก ขนาดพิษของพญานาคยังทําอะไรเขาไม่ได้แล้ว เพราะอะไรกันเจ้าตาเหยี่ยวนั่นถึงทําร้ายเขาได้

 

เขาล้วงเอาใบสาบเสือออกมาจากถุงผ้า เคี้ยวจนละเอียดแล้วโปะบนบาดแผล เขาต้องห้ามเลือดให้เร็วที่สุดไม่เช่นนั้น เจ้าตาเหยี่ยวนั่นคงตามเขาเจอแน่ จากนั้นเขาก็กระโดดไปมาระหว่างต้นไม้ สลับกับการวิ่งบนพื้นหินหนา เพื่อลดร่องรอยให้มากที่สุดเท่าที่เขาจะทําได้จะว่าไปน้ำหนักตัวที่มากเกินไปก็ทําให้เขาประสบปัญหาจริง ๆ ด้วย

 

เขาหนีกลับเข้ามาในตัวหมู่บ้านแสนคึกคัก แล้วเขาก็เจออาคารขนาดใหญ่หลังหนึ่งทอดตัวยาวอยู่ข้าง ๆ อาคารประมูลมันมีความสูงสี่ชั้น แต่ละชั้นล้วนก่อสร้างมาอย่างพิถีพิถัน แถมยังมีเวรยามผู้ใช้อาคมสตรีอยู่เป็นจํานวนมาก มันน่าจะเป็นพักอาศัยของบรรดาคุณหนูผู้ร่ำรวยหรือไม่ก็ภริยาของเจ้าเมือง หากเขาหนีเข้าไปในนี้เจ้าตาเหยี่ยวคงนึกไม่ถึงเป็นแน่

 

แต่เขาจะเข้าไปด้วยวิธีไหนโดยไม่ให้มีใครจับได้ จะใช้อาคมย่นระยะทางก็ไม่ได้ เพราะหากสายตาเรามองไม่เห็นจุดที่จะไป อาคมย่นระยะทางก็จะไม่ได้ผล

 

“รู้งี้น่าจะเรียนเรื่องจิตสมาธิให้มากกว่านี้ก็ดี”

 

หากเขาใช้ตาทิพย์มองทะลุกําแพงอาคารได้ เขาก็สาม รถใช้อาคมร่นระยะทางเคลื่อนตัวเองเข้าไปได้ในทันที เห็นทีคงต้องเปลี่ยนแผนเหนือภพหันซ้ายแลขวาหาจุดเหมาะ ๆ ที่คิดว่าจะหลบสายตาผู้คนได้ เขาย่อขาเกร็งกล้ามเนื้อเพิ่มระดับกําลังขาขึ้นเรื่อย ๆ เขาคิดว่าจะกระโดดข้ามอาคารหลังนี้ไปเลย เผื่อเจ้าตาเหยี่ยวจะคิดว่าเป็นแผนซ้อนแผนของเขา จนเข้าใจผิดไปว่าเขาเข้าไปแอบในอาคารหลังนี้

 

“ก็แค่อาคารสี่ชั้นสบายอยู่แล้ว”

 

เหนือภพดีดตัวพุ่งขึ้นฟ้าไม่ต่างจากลูกธนูหลุดจากแล่งความเร็วระดับนั้นยากที่คนอื่น ๆ จะคิดว่าเหนือภพเป็นมนุษย์จึงไม่มีใครสนใจ

 

เหนือภพลอยละลิ่วตกลงมาด้วยความเร็วสูง เขาคิดไว้ว่ายามที่เขาตกถึงพื้นจะต้องหาทางโล่งกลิ้งออกไปเพื่อลดความเสียหายของพื้นอีกฝั่งหนึ่ง และการใช้แรงตกมาเสริมแรงกลิ้งของเขาคงจะทําให้เขาหนีไปต่อได้ไวยิ่งขึ้น

 

แต่มีอย่างหนึ่งที่เขาคาดผิดถนัด ความกว้างของอาคารหลังนี้แตกต่างจากอาคารทั่ว ๆ ไปมากนัก แทบจะกว้างเท่า ๆ กับความยาวของมันเลยทีเดียว เข้าไม่ได้เตรียมตัวมาเจอกับสิ่งนี้เลย

 

“เห้ย”

 

เบื้องล่างมีหลังคาทรงจั่วที่ทํามาจากกระเบื้องชั้นดีทอดตัวยาวหักมุมต่อกันเป็นรูปสี่เหลี่ยม ตรงกลางอาคารเป็นห้องบนชั้นสีที่เปิดโล่งปราศจากหลังคา เหนือภพมองไม่ออกว่า มันคือห้องอะไร เพราะมันดูเหมือนจะมีไอน้ำร้อนจํานวนมากลอยละล่องขึ้นไปสู่ท้องฟ้า และมีแสงจากโคมไฟเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

 

เมื่อเหนือภพตกลงไปใกล้จะถึงกลุ่มไอน้ำร้อนเขาก็สังเกตเห็นว่ามีหญิงสาวผมยาวสยายคนหนึ่งกําลังอาบน้ำขัดตัวอยู่กลางสระน้ำร้อนขนาดใหญ่นั้น

 

หญิงสาวที่มีองครักษ์คุ้มกันมากมายเช่นนั้นถ้าไม่ใช่องค์หญิง ก็คงต้องเป็นผู้ที่มีตําแหน่งใหญ่โตมากแน่ เหนือภพพยายามเก็บเสียงเงียบ ปล่อยให้ตัวเองตกลงไปที่สระ น้ำอย่างไม่มีทางเลือกจะเบนทิศทางตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว

 

“ตายแน่”

 

เหนือภพคร่ำครวญในใจ เขาอยากจะตกลงไปในน้ำให้เบาที่สุดโดยไม่มีใครรู้ แต่มันคงเป็นไปได้ยาก ด้วยเรี่ยวแรงและน้ำหนักตัวของเขาอาจจะทําให้เกิดเสียงน้ำระเบิด หรือหากน้ำในสระนี้ตื้นเขินเกินไป ก้นสระอาจร้าวหรือทะลุได้เลย

 

แต่เมื่อเหนือภพตกลงมาเกือบถึงกลุ่มไอน้ำ เขาก็ปะทะกับม่านอาคมหนาหลายชั้นที่ถูกกางปกป้องกันไว้ด้านบน เหนือภพตกกระแทกม่านอาคมจนแตกทะลุที่ละชั้น ๆ ทําให้การเคลื่อนที่ของเขาช้าลงเรื่อย ๆ ท่ามกลางสีหน้าอํามหิตของหญิงสาวที่อยู่กลางสระน้ำร้อน เธอสังเกตเห็นผู้บุกรุกแล้ว

 

เหนือภพตกน้ำดังจ๋อม ! มีเลือดไหลทะลักออกมาจากตัวเขา แต่เนื่องจากมวลน้ำร้อนในสระใหญ่สั่นกระเพื่อมไปมา รวมกลับกลีบดอกไม้หลากสีสันที่ลอยเต็มผิวน้ำ ทําให้เลือดของเขาถูกเจือจางไปจนไม่สามารถสังเกตเห็นได้ 

 

เขาทะลึงพรวดขึ้นจากน้ำ กลีบดอกไม้มากมายติดทั่วตัวเขาจนแทบจะมองไม่เห็นสิ่งรอบข้าง หญิงสาวร่างเปลือยเปล่าที่อยู่ในสระน้ำลึกเพียงอกพุ่งเข้ามาพร้อมกับตะเกียบเหล็กไหลภายในมือน้อย ๆ ของเธอ เธอจ้วงแทงไปยังจุดอ่อนบนร่างกายเหนือภพโดยที่ไร้ความปรานี

 

ทว่าก่อนที่มันจะสัมผัสตัวเหนือภพได้ ก็เกิดแรงต้านคล้ายกับว่ามีอะไรบางอย่างมากั้นขวางการโจมตีของเธอไว้ และนั่นก็ทําให้เธอมีเวลามองหน้าผู้บุกรุกได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

 

“พี่ภพ”

 

เหนือภพรีบปาดกลีบดอกไม้ออกจากใบหน้าขณะพูดด้วยความรู้สึกผิดว่า

 

“ข้าขอโทษจริง ๆ แม่หญิง ข้าไม่มีเจตนาแอบดูเจ้า ข้าแค่มาตามหาแมว”

 

เหนือภพไม่กล้าบอกว่าเขากําลังถูกคนตามล่า เพราะหากสตรีผู้นี้คิดว่าเขาเป็นคนร้าย ก็จะเป็นปัญหาใหญ่ และเมื่อเขาเหลือบเห็นร่างขาวนวลของหญิงสาว เขาก็รีบหลุบตา หันไปทางอื่นในทันที

 

แน่นอนว่าพราวจันทร์ย่อมรู้ แค่เธอเห็นบาดแผลกับท่าทางร้อนรนแบบนั้น เธอก็รู้ว่าเขากําลังหลบหนีอะไรบางอย่างมา

 

“ข้าไม่รบกวนเจ้าล่ะ ข้าขอตัวก่อน”

 

เหนือภพเดินลุยน้ําที่สูงเพียงแค่ช่วงเอวของเขา ขณะกําลังจะขึ้นฝั่งสายตาของเขาก็เหลือบเห็นเจ้าตาเหยี่ยว มันกําลังบินขึ้นเหนือฟ้าเพื่อสอดส่องหาเขา และทิศทางขอ งมันก็กําลังตรงมาที่สระน้ำแห่งนี้เสียด้วย

 

เหนือภพรีบมุดลงไปที่ก้นสระน้ำทันที

 

พราวจันทร์ยิ้มกว้างขณะเหลือบมองเบื้องบน น้ำลึกเพียงแค่อกเธอแค่นี้คงจะหลบพ้นหรอก สายตาของตระกูลสุบรรณเวนไตยนั้นเฉียบคมมาก สายตาของพวกเขาสามารถแหวกผ่านไอน้ำร้อนได้อย่างสบาย มีหรือที่พวกมันจะมองไม่เห็นเป้าหมายที่ซ่อนอยู่ใต้สระน้ำ

 

“ตาโง่เอ๊ย”

 

พราวจันทร์คิดในใจพลางเผยรอยยิ้มขําขัน เธอทั้งมีความสุขและก็อ่อนใจ ถ้าไม่มีเธอสักคน เขาจะหนีพ้นได้อย่างไร

 

พราวจันทร์แปรเปลี่ยนตะเกียบเหล็กไหลในมือเป็นเส้นด้าย ขณะเหวี่ยงไปทางราวตากผ้า แล้วกระชากเสื้อคลุมยาวเนื้อดีตัวหนึ่งมาคลุมตัวไว้ จากนั้นเธอก็เคลื่อนตัวไปยืนคร่อมตรงจุดที่เหนือภพแอบอยู่ เธอไม่มีเจตนาทําลายเกียรติของเขา แต่นี่เป็นวิธีเดียวที่จะหลบพ้นและทําให้คนของตระกูลสุบรรณเวนไตยไปจากที่นี่

การมีเรื่องกับตระกูลสุบรรณเวนไตยนั้นเป็นเรื่องโง่งม พวกเขาเป็นผู้เรืองอํานาจในแคว้นนี้อย่างแท้จริง พวกเขาไม่เพียงมีอํานาจในการตัดสินใจภายในแคว้นอมตะนครนี้ แต่พวกเขายังมีแคว้นขนาดใหญ่เป็นของตัวเอง ที่นั่นล้วนเต็มไปด้วยผู้คนสายเลือดตระกูลสุบรรณเวนไตยมากฝีมือ

 

ชายตาเหยี่ยวจ้องมองหาเหนือภพขณะบินอยู่บนฟ้า เจ้าเด็กนั่นต้องกระโดดมาทิศทางนี้แน่ ๆ และด้วยร่องรอยที่ทิ้งไว้ บนพื้นเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะสามารถข้ามผ่านอาคารที่ออกแบบพิเศษหลังนี้ได้ ตาเหยี่ยววิเคราะห์อย่างใจเย็น แต่เมื่อสายตาของเขาปะทะเข้ากับสายตาหนึ่ง ดวงตาของชายตาเหยี่ยวก็สั่นคลอน เขารีบทิ้งตัวลงบนหลังคาที่ทอดตัวล้อมรอบสระน้ำตรงกลางทันทีพร้อมกลับหันหลังให้

 

“พราวจันทร์ ข้าขอโทษ ข้าไม่คิดว่าเป็นเจ้า”

 

ท่าทางที่สุภาพเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็ยิ่งสุภาพมากไปอีก คําพูดคําจาของเขาตะกุกตะกักดูสูญเสียความมั่นใจ

 

ชายตาเหยี่ยวหลงรักพราวจันทร์มานานแล้ว เดิมทีด้วยความสามารถของเขาย่อมส่งให้เขารับตําแหน่งสําคัญในตระกูลได้อย่างง่ายดาย แต่เขากลับเลือกดํารงตําแหน่งมือปราบอาคมธรรมดาในเมืองหลวง นั่นก็เพราะนางคณิกาคนหนึ่ง

 

“พราวจันทร์”

 

เมื่อพราวจันทร์เผชิญหน้ากับชายหนุ่มที่คุ้นเคย เธอก็กําชับผ้าคลุมปิดทรวงอกเต่งตึงให้มิดชิด แต่ดูเหมือนเธอจะรีบเกินไป เพราะผ้าคลุมช่วงไหล่ตกลู่ลงมา เผยไหล่ขาวเนียนทั้งสองข้าง มีกลีบกุหลาบแดงกลีบหนึ่งติดอยู่ตรงไหปลาร้า ช่างดึงดูดสายตาของเขานัก ส่วนสายตาของเธอนั้นฉายแววเอียงอาย และไม่มั่นใจดังสาวแรกรุ่น นั่นทําให้ชายตาเหยี่ยวที่สอบ แอบดูรู้สึกตื่นตัวในทันที เขาลอบยิ้มราวกับว่าเขาคือผู้ชนะ 

 

“ทะ ท่านยังไม่ไปอีก”

 

เธอพูดอย่างแง่งอน ใบหน้ามีแววทิ้งตั้งแต่ดูน่ารักเหมือนเด็กสาว ชายตาเหยี่ยวได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกดี เธออายเขาแปลว่าต้องมีใจให้เขาบ้างแน่

 

“ได้ ข้าจะรีบไป หากเสร็จงานแล้ว ข้าจะมาหาเจ้าได้หรือไม่”

 

“นี่มันเวลาอะไรกัน ท่านยังมาหยอกล้อข้าอีก หากท่านต้องการพบข้าจริง เพียงแค่จริงใจข้าก็ยินดีให้พบ มิใช่ทําตัวเยี่ยง.. โจรปล้นสวาทเช่นนี้”

 

คําพูดของพราวจันทร์เต็มไปด้วยความรู้สึกไร้เดียงสา ทว่าเย้ายวน เธอย่อตัวลงในน้ำจนเหลือเพียงแค่ใบหน้าแดงแปร๊ด โผล่พ้นน้ำ สองมือกอดรัดผ้าคลุมแน่นจนทําให้หน้าอกของเธอ แทบจะทะลักออกมา ชายตาเหยี่ยวเหลือบมองครู่หนึ่งก็ถึงกับใจสั่นสะท้าน คอแห้งผาก เขารีบทะยานจากไปในทันทีด้วยสมองว่างเปล่า ลืมเสียสนิทว่าเขาควรจะทําอะไร

 

เมื่อชายตาเหยี่ยวหายลับเข้ากลีบเมฆไปแล้ว พราวจันทร์ก็โล่งอก เธอยืนขึ้นขณะช่วยดึงเหนือภพขึ้นมาจากน้ำ เขาดําดิ่งอยู่ใต้น้ําเป็นเวลานานมากแล้วไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ทว่าต่อให้เธอออกแรงดึงอย่างไรก็ดึงเหนือภพขึ้นมาไม่ได้ 

 

ในสายตาของเหนือภพที่อยู่ใต้น้ํานั้น เขากําลังตะลึงกับพญานาคห้าเศียรที่ย่อกายตัวเองจนมีขนาดเล็ก มันหันมาเผชิญหน้ากับเหนือภพ ขณะที่หางยาวของมันโอบม้วนรอบลําคอของเหนือภพเอาไว้

 

พราวจันทร์ไม่เห็นภาพนี้เลย มีเพียงเหนือภพเท่านั้นที่เห็น

 

“เจ้านี่ก็ยังหนีเก่งเหมือนเดิมนะ”

 

กระแสจิตของพญานาคห้าเศียรที่ส่งมาถึงเหนือภพคล้ายดูถูก แต่แววตาของมันกลับดูสนอกสนใจในตัวเหนือภพไม่น้อย

เหนือภพก้มหน้ามองแก้วจันทรกาลที่ซ่อนอยู่ในอกเสื้อ แล้วเขาก็เริ่มคิดอะไรออก จากนั้นเขาก็โต้ตอบพญานาคในใจ ด้วยความรู้สึกว่าตัวเองช่างโง่งมนัก ทําไมก่อนหน้านี้เขาถึงคิดไม่ออก

 

“เจ้าติดมากับแก้วจันทรกาลนี่เอง ถึงว่าทําไมตอนแรกข้าถึงสลัดเจ้าไม่หลุด อีกทั้งตอนนั้นมกรของศิษย์พี่ก็ยังพยายามโจมตีข้า ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้าอยู่กับข้ามาโดยตลอด”

 

พญานาคหัวเราะในใจ

 

“ถึงรู้ก็สายไปแล้วหนุ่มน้อย ความจริงข้าคิดว่าจะพักฟื้นรอให้หายดี แล้วค่อยจัดการเจ้า แต่ที่ไหนได้อยู่กับเจ้ามีเรื่องน่าสนุกกว่าอยู่ในถ้ํานั่นเยอะเลย เจ้าก็ดูแลข้าดี ๆ หน่อย ข้าจะถือว่าลืม ๆ เรื่องในอดีต แล้วยอมให้เจ้าใช้แก้วจันทรกาลของข้า”

 

เหนือภพครุ่นคิดก่อนพูดตอบกลับไปว่า

 

“ถ้าแค่ดูแลข้าย่อมไม่มีปัญหา แต่ท่านต้องไม่ก่อเรื่องทําให้ข้าเดือดร้อนเหมือนวันนี้ และก็ห้ามกินคนอื่นมั่วชั่ว ข้าถึงจะยอมรับปาก

 

“เรื่องไม่กินคนข้ารับปากได้ แต่ไม่ให้ก่อเรื่องข้ารับปากไม่ได้ เพราะที่ข้าต้องการให้เจ้าทําคือการก่อเรื่อง เผ่าครุฑทําให้เหล่านาคราชต้องเก็บซ่อนตัวเองไว้ใต้พิภพ อยู่อย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ เป็นล้าน ๆ ปี เมื่อมีโอกาสดีเช่นนี้ทําไมข้าจะไม่เอาคืน การที่ข้าได้พบเจ้าถือเป็นวาสนาที่มนุษย์เยี่ยงเจ้าไม่ควรปฏิเสธ เจ้าว่าไง เจ้าคิดจะร่วมมือกับข้าหรือเปล่า ไปฆ่าล้างพันธุ์เผ่าครุฑด้วยกัน

 

พญานาคยื่นข้อเสนอมาเช่นนั้น เหนือภพได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ ใต้น้ำ เขาพยักหน้ารับข้อเสนอก็เพราะหางพญานาคที่โอบรัดคอเขาอยู่นั้นค่อย ๆ รัดแน่นขึ้น หากเขาปฏิเสธก็คงได้ตายกันพอดี

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Top Up Now 2 ภาคบุรุษหมื่นเหรียญ 51

Now you are reading Top Up Now 2 ภาคบุรุษหมื่นเหรียญ Chapter 51 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เหนือภพวิ่งหนีออกมาไกลพอสมควรกว่าจะเห็นรอยกรงเล็บที่ฉีกยาวตั้งแต่สะดือยาวขึ้นมาถึงหน้าอก เลือดสีแดงไหลทะลักออกเป็นจํานวนมาก

 

“เกิดอะไรขึ้น”

 

เหนือภพมีสีหน้าตกตะลึง เขาไม่เข้าใจ เขามีผ้าประเจียดของพระอาจารย์ที่ช่วยป้องกันอันตรายได้เขาจึงไม่ค่อยระวังตัวนัก ขนาดพิษของพญานาคยังทําอะไรเขาไม่ได้แล้ว เพราะอะไรกันเจ้าตาเหยี่ยวนั่นถึงทําร้ายเขาได้

 

เขาล้วงเอาใบสาบเสือออกมาจากถุงผ้า เคี้ยวจนละเอียดแล้วโปะบนบาดแผล เขาต้องห้ามเลือดให้เร็วที่สุดไม่เช่นนั้น เจ้าตาเหยี่ยวนั่นคงตามเขาเจอแน่ จากนั้นเขาก็กระโดดไปมาระหว่างต้นไม้ สลับกับการวิ่งบนพื้นหินหนา เพื่อลดร่องรอยให้มากที่สุดเท่าที่เขาจะทําได้จะว่าไปน้ำหนักตัวที่มากเกินไปก็ทําให้เขาประสบปัญหาจริง ๆ ด้วย

 

เขาหนีกลับเข้ามาในตัวหมู่บ้านแสนคึกคัก แล้วเขาก็เจออาคารขนาดใหญ่หลังหนึ่งทอดตัวยาวอยู่ข้าง ๆ อาคารประมูลมันมีความสูงสี่ชั้น แต่ละชั้นล้วนก่อสร้างมาอย่างพิถีพิถัน แถมยังมีเวรยามผู้ใช้อาคมสตรีอยู่เป็นจํานวนมาก มันน่าจะเป็นพักอาศัยของบรรดาคุณหนูผู้ร่ำรวยหรือไม่ก็ภริยาของเจ้าเมือง หากเขาหนีเข้าไปในนี้เจ้าตาเหยี่ยวคงนึกไม่ถึงเป็นแน่

 

แต่เขาจะเข้าไปด้วยวิธีไหนโดยไม่ให้มีใครจับได้ จะใช้อาคมย่นระยะทางก็ไม่ได้ เพราะหากสายตาเรามองไม่เห็นจุดที่จะไป อาคมย่นระยะทางก็จะไม่ได้ผล

 

“รู้งี้น่าจะเรียนเรื่องจิตสมาธิให้มากกว่านี้ก็ดี”

 

หากเขาใช้ตาทิพย์มองทะลุกําแพงอาคารได้ เขาก็สาม รถใช้อาคมร่นระยะทางเคลื่อนตัวเองเข้าไปได้ในทันที เห็นทีคงต้องเปลี่ยนแผนเหนือภพหันซ้ายแลขวาหาจุดเหมาะ ๆ ที่คิดว่าจะหลบสายตาผู้คนได้ เขาย่อขาเกร็งกล้ามเนื้อเพิ่มระดับกําลังขาขึ้นเรื่อย ๆ เขาคิดว่าจะกระโดดข้ามอาคารหลังนี้ไปเลย เผื่อเจ้าตาเหยี่ยวจะคิดว่าเป็นแผนซ้อนแผนของเขา จนเข้าใจผิดไปว่าเขาเข้าไปแอบในอาคารหลังนี้

 

“ก็แค่อาคารสี่ชั้นสบายอยู่แล้ว”

 

เหนือภพดีดตัวพุ่งขึ้นฟ้าไม่ต่างจากลูกธนูหลุดจากแล่งความเร็วระดับนั้นยากที่คนอื่น ๆ จะคิดว่าเหนือภพเป็นมนุษย์จึงไม่มีใครสนใจ

 

เหนือภพลอยละลิ่วตกลงมาด้วยความเร็วสูง เขาคิดไว้ว่ายามที่เขาตกถึงพื้นจะต้องหาทางโล่งกลิ้งออกไปเพื่อลดความเสียหายของพื้นอีกฝั่งหนึ่ง และการใช้แรงตกมาเสริมแรงกลิ้งของเขาคงจะทําให้เขาหนีไปต่อได้ไวยิ่งขึ้น

 

แต่มีอย่างหนึ่งที่เขาคาดผิดถนัด ความกว้างของอาคารหลังนี้แตกต่างจากอาคารทั่ว ๆ ไปมากนัก แทบจะกว้างเท่า ๆ กับความยาวของมันเลยทีเดียว เข้าไม่ได้เตรียมตัวมาเจอกับสิ่งนี้เลย

 

“เห้ย”

 

เบื้องล่างมีหลังคาทรงจั่วที่ทํามาจากกระเบื้องชั้นดีทอดตัวยาวหักมุมต่อกันเป็นรูปสี่เหลี่ยม ตรงกลางอาคารเป็นห้องบนชั้นสีที่เปิดโล่งปราศจากหลังคา เหนือภพมองไม่ออกว่า มันคือห้องอะไร เพราะมันดูเหมือนจะมีไอน้ำร้อนจํานวนมากลอยละล่องขึ้นไปสู่ท้องฟ้า และมีแสงจากโคมไฟเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

 

เมื่อเหนือภพตกลงไปใกล้จะถึงกลุ่มไอน้ำร้อนเขาก็สังเกตเห็นว่ามีหญิงสาวผมยาวสยายคนหนึ่งกําลังอาบน้ำขัดตัวอยู่กลางสระน้ำร้อนขนาดใหญ่นั้น

 

หญิงสาวที่มีองครักษ์คุ้มกันมากมายเช่นนั้นถ้าไม่ใช่องค์หญิง ก็คงต้องเป็นผู้ที่มีตําแหน่งใหญ่โตมากแน่ เหนือภพพยายามเก็บเสียงเงียบ ปล่อยให้ตัวเองตกลงไปที่สระ น้ำอย่างไม่มีทางเลือกจะเบนทิศทางตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว

 

“ตายแน่”

 

เหนือภพคร่ำครวญในใจ เขาอยากจะตกลงไปในน้ำให้เบาที่สุดโดยไม่มีใครรู้ แต่มันคงเป็นไปได้ยาก ด้วยเรี่ยวแรงและน้ำหนักตัวของเขาอาจจะทําให้เกิดเสียงน้ำระเบิด หรือหากน้ำในสระนี้ตื้นเขินเกินไป ก้นสระอาจร้าวหรือทะลุได้เลย

 

แต่เมื่อเหนือภพตกลงมาเกือบถึงกลุ่มไอน้ำ เขาก็ปะทะกับม่านอาคมหนาหลายชั้นที่ถูกกางปกป้องกันไว้ด้านบน เหนือภพตกกระแทกม่านอาคมจนแตกทะลุที่ละชั้น ๆ ทําให้การเคลื่อนที่ของเขาช้าลงเรื่อย ๆ ท่ามกลางสีหน้าอํามหิตของหญิงสาวที่อยู่กลางสระน้ำร้อน เธอสังเกตเห็นผู้บุกรุกแล้ว

 

เหนือภพตกน้ำดังจ๋อม ! มีเลือดไหลทะลักออกมาจากตัวเขา แต่เนื่องจากมวลน้ำร้อนในสระใหญ่สั่นกระเพื่อมไปมา รวมกลับกลีบดอกไม้หลากสีสันที่ลอยเต็มผิวน้ำ ทําให้เลือดของเขาถูกเจือจางไปจนไม่สามารถสังเกตเห็นได้ 

 

เขาทะลึงพรวดขึ้นจากน้ำ กลีบดอกไม้มากมายติดทั่วตัวเขาจนแทบจะมองไม่เห็นสิ่งรอบข้าง หญิงสาวร่างเปลือยเปล่าที่อยู่ในสระน้ำลึกเพียงอกพุ่งเข้ามาพร้อมกับตะเกียบเหล็กไหลภายในมือน้อย ๆ ของเธอ เธอจ้วงแทงไปยังจุดอ่อนบนร่างกายเหนือภพโดยที่ไร้ความปรานี

 

ทว่าก่อนที่มันจะสัมผัสตัวเหนือภพได้ ก็เกิดแรงต้านคล้ายกับว่ามีอะไรบางอย่างมากั้นขวางการโจมตีของเธอไว้ และนั่นก็ทําให้เธอมีเวลามองหน้าผู้บุกรุกได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

 

“พี่ภพ”

 

เหนือภพรีบปาดกลีบดอกไม้ออกจากใบหน้าขณะพูดด้วยความรู้สึกผิดว่า

 

“ข้าขอโทษจริง ๆ แม่หญิง ข้าไม่มีเจตนาแอบดูเจ้า ข้าแค่มาตามหาแมว”

 

เหนือภพไม่กล้าบอกว่าเขากําลังถูกคนตามล่า เพราะหากสตรีผู้นี้คิดว่าเขาเป็นคนร้าย ก็จะเป็นปัญหาใหญ่ และเมื่อเขาเหลือบเห็นร่างขาวนวลของหญิงสาว เขาก็รีบหลุบตา หันไปทางอื่นในทันที

 

แน่นอนว่าพราวจันทร์ย่อมรู้ แค่เธอเห็นบาดแผลกับท่าทางร้อนรนแบบนั้น เธอก็รู้ว่าเขากําลังหลบหนีอะไรบางอย่างมา

 

“ข้าไม่รบกวนเจ้าล่ะ ข้าขอตัวก่อน”

 

เหนือภพเดินลุยน้ําที่สูงเพียงแค่ช่วงเอวของเขา ขณะกําลังจะขึ้นฝั่งสายตาของเขาก็เหลือบเห็นเจ้าตาเหยี่ยว มันกําลังบินขึ้นเหนือฟ้าเพื่อสอดส่องหาเขา และทิศทางขอ งมันก็กําลังตรงมาที่สระน้ำแห่งนี้เสียด้วย

 

เหนือภพรีบมุดลงไปที่ก้นสระน้ำทันที

 

พราวจันทร์ยิ้มกว้างขณะเหลือบมองเบื้องบน น้ำลึกเพียงแค่อกเธอแค่นี้คงจะหลบพ้นหรอก สายตาของตระกูลสุบรรณเวนไตยนั้นเฉียบคมมาก สายตาของพวกเขาสามารถแหวกผ่านไอน้ำร้อนได้อย่างสบาย มีหรือที่พวกมันจะมองไม่เห็นเป้าหมายที่ซ่อนอยู่ใต้สระน้ำ

 

“ตาโง่เอ๊ย”

 

พราวจันทร์คิดในใจพลางเผยรอยยิ้มขําขัน เธอทั้งมีความสุขและก็อ่อนใจ ถ้าไม่มีเธอสักคน เขาจะหนีพ้นได้อย่างไร

 

พราวจันทร์แปรเปลี่ยนตะเกียบเหล็กไหลในมือเป็นเส้นด้าย ขณะเหวี่ยงไปทางราวตากผ้า แล้วกระชากเสื้อคลุมยาวเนื้อดีตัวหนึ่งมาคลุมตัวไว้ จากนั้นเธอก็เคลื่อนตัวไปยืนคร่อมตรงจุดที่เหนือภพแอบอยู่ เธอไม่มีเจตนาทําลายเกียรติของเขา แต่นี่เป็นวิธีเดียวที่จะหลบพ้นและทําให้คนของตระกูลสุบรรณเวนไตยไปจากที่นี่

การมีเรื่องกับตระกูลสุบรรณเวนไตยนั้นเป็นเรื่องโง่งม พวกเขาเป็นผู้เรืองอํานาจในแคว้นนี้อย่างแท้จริง พวกเขาไม่เพียงมีอํานาจในการตัดสินใจภายในแคว้นอมตะนครนี้ แต่พวกเขายังมีแคว้นขนาดใหญ่เป็นของตัวเอง ที่นั่นล้วนเต็มไปด้วยผู้คนสายเลือดตระกูลสุบรรณเวนไตยมากฝีมือ

 

ชายตาเหยี่ยวจ้องมองหาเหนือภพขณะบินอยู่บนฟ้า เจ้าเด็กนั่นต้องกระโดดมาทิศทางนี้แน่ ๆ และด้วยร่องรอยที่ทิ้งไว้ บนพื้นเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะสามารถข้ามผ่านอาคารที่ออกแบบพิเศษหลังนี้ได้ ตาเหยี่ยววิเคราะห์อย่างใจเย็น แต่เมื่อสายตาของเขาปะทะเข้ากับสายตาหนึ่ง ดวงตาของชายตาเหยี่ยวก็สั่นคลอน เขารีบทิ้งตัวลงบนหลังคาที่ทอดตัวล้อมรอบสระน้ำตรงกลางทันทีพร้อมกลับหันหลังให้

 

“พราวจันทร์ ข้าขอโทษ ข้าไม่คิดว่าเป็นเจ้า”

 

ท่าทางที่สุภาพเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็ยิ่งสุภาพมากไปอีก คําพูดคําจาของเขาตะกุกตะกักดูสูญเสียความมั่นใจ

 

ชายตาเหยี่ยวหลงรักพราวจันทร์มานานแล้ว เดิมทีด้วยความสามารถของเขาย่อมส่งให้เขารับตําแหน่งสําคัญในตระกูลได้อย่างง่ายดาย แต่เขากลับเลือกดํารงตําแหน่งมือปราบอาคมธรรมดาในเมืองหลวง นั่นก็เพราะนางคณิกาคนหนึ่ง

 

“พราวจันทร์”

 

เมื่อพราวจันทร์เผชิญหน้ากับชายหนุ่มที่คุ้นเคย เธอก็กําชับผ้าคลุมปิดทรวงอกเต่งตึงให้มิดชิด แต่ดูเหมือนเธอจะรีบเกินไป เพราะผ้าคลุมช่วงไหล่ตกลู่ลงมา เผยไหล่ขาวเนียนทั้งสองข้าง มีกลีบกุหลาบแดงกลีบหนึ่งติดอยู่ตรงไหปลาร้า ช่างดึงดูดสายตาของเขานัก ส่วนสายตาของเธอนั้นฉายแววเอียงอาย และไม่มั่นใจดังสาวแรกรุ่น นั่นทําให้ชายตาเหยี่ยวที่สอบ แอบดูรู้สึกตื่นตัวในทันที เขาลอบยิ้มราวกับว่าเขาคือผู้ชนะ 

 

“ทะ ท่านยังไม่ไปอีก”

 

เธอพูดอย่างแง่งอน ใบหน้ามีแววทิ้งตั้งแต่ดูน่ารักเหมือนเด็กสาว ชายตาเหยี่ยวได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกดี เธออายเขาแปลว่าต้องมีใจให้เขาบ้างแน่

 

“ได้ ข้าจะรีบไป หากเสร็จงานแล้ว ข้าจะมาหาเจ้าได้หรือไม่”

 

“นี่มันเวลาอะไรกัน ท่านยังมาหยอกล้อข้าอีก หากท่านต้องการพบข้าจริง เพียงแค่จริงใจข้าก็ยินดีให้พบ มิใช่ทําตัวเยี่ยง.. โจรปล้นสวาทเช่นนี้”

 

คําพูดของพราวจันทร์เต็มไปด้วยความรู้สึกไร้เดียงสา ทว่าเย้ายวน เธอย่อตัวลงในน้ำจนเหลือเพียงแค่ใบหน้าแดงแปร๊ด โผล่พ้นน้ำ สองมือกอดรัดผ้าคลุมแน่นจนทําให้หน้าอกของเธอ แทบจะทะลักออกมา ชายตาเหยี่ยวเหลือบมองครู่หนึ่งก็ถึงกับใจสั่นสะท้าน คอแห้งผาก เขารีบทะยานจากไปในทันทีด้วยสมองว่างเปล่า ลืมเสียสนิทว่าเขาควรจะทําอะไร

 

เมื่อชายตาเหยี่ยวหายลับเข้ากลีบเมฆไปแล้ว พราวจันทร์ก็โล่งอก เธอยืนขึ้นขณะช่วยดึงเหนือภพขึ้นมาจากน้ำ เขาดําดิ่งอยู่ใต้น้ําเป็นเวลานานมากแล้วไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ทว่าต่อให้เธอออกแรงดึงอย่างไรก็ดึงเหนือภพขึ้นมาไม่ได้ 

 

ในสายตาของเหนือภพที่อยู่ใต้น้ํานั้น เขากําลังตะลึงกับพญานาคห้าเศียรที่ย่อกายตัวเองจนมีขนาดเล็ก มันหันมาเผชิญหน้ากับเหนือภพ ขณะที่หางยาวของมันโอบม้วนรอบลําคอของเหนือภพเอาไว้

 

พราวจันทร์ไม่เห็นภาพนี้เลย มีเพียงเหนือภพเท่านั้นที่เห็น

 

“เจ้านี่ก็ยังหนีเก่งเหมือนเดิมนะ”

 

กระแสจิตของพญานาคห้าเศียรที่ส่งมาถึงเหนือภพคล้ายดูถูก แต่แววตาของมันกลับดูสนอกสนใจในตัวเหนือภพไม่น้อย

เหนือภพก้มหน้ามองแก้วจันทรกาลที่ซ่อนอยู่ในอกเสื้อ แล้วเขาก็เริ่มคิดอะไรออก จากนั้นเขาก็โต้ตอบพญานาคในใจ ด้วยความรู้สึกว่าตัวเองช่างโง่งมนัก ทําไมก่อนหน้านี้เขาถึงคิดไม่ออก

 

“เจ้าติดมากับแก้วจันทรกาลนี่เอง ถึงว่าทําไมตอนแรกข้าถึงสลัดเจ้าไม่หลุด อีกทั้งตอนนั้นมกรของศิษย์พี่ก็ยังพยายามโจมตีข้า ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้าอยู่กับข้ามาโดยตลอด”

 

พญานาคหัวเราะในใจ

 

“ถึงรู้ก็สายไปแล้วหนุ่มน้อย ความจริงข้าคิดว่าจะพักฟื้นรอให้หายดี แล้วค่อยจัดการเจ้า แต่ที่ไหนได้อยู่กับเจ้ามีเรื่องน่าสนุกกว่าอยู่ในถ้ํานั่นเยอะเลย เจ้าก็ดูแลข้าดี ๆ หน่อย ข้าจะถือว่าลืม ๆ เรื่องในอดีต แล้วยอมให้เจ้าใช้แก้วจันทรกาลของข้า”

 

เหนือภพครุ่นคิดก่อนพูดตอบกลับไปว่า

 

“ถ้าแค่ดูแลข้าย่อมไม่มีปัญหา แต่ท่านต้องไม่ก่อเรื่องทําให้ข้าเดือดร้อนเหมือนวันนี้ และก็ห้ามกินคนอื่นมั่วชั่ว ข้าถึงจะยอมรับปาก

 

“เรื่องไม่กินคนข้ารับปากได้ แต่ไม่ให้ก่อเรื่องข้ารับปากไม่ได้ เพราะที่ข้าต้องการให้เจ้าทําคือการก่อเรื่อง เผ่าครุฑทําให้เหล่านาคราชต้องเก็บซ่อนตัวเองไว้ใต้พิภพ อยู่อย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ เป็นล้าน ๆ ปี เมื่อมีโอกาสดีเช่นนี้ทําไมข้าจะไม่เอาคืน การที่ข้าได้พบเจ้าถือเป็นวาสนาที่มนุษย์เยี่ยงเจ้าไม่ควรปฏิเสธ เจ้าว่าไง เจ้าคิดจะร่วมมือกับข้าหรือเปล่า ไปฆ่าล้างพันธุ์เผ่าครุฑด้วยกัน

 

พญานาคยื่นข้อเสนอมาเช่นนั้น เหนือภพได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ ใต้น้ำ เขาพยักหน้ารับข้อเสนอก็เพราะหางพญานาคที่โอบรัดคอเขาอยู่นั้นค่อย ๆ รัดแน่นขึ้น หากเขาปฏิเสธก็คงได้ตายกันพอดี

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+