Top Up Now 2 ภาคบุรุษหมื่นเหรียญ 64 แค่กิน ทําเป็นตื่นเต้นไปได้

Now you are reading Top Up Now 2 ภาคบุรุษหมื่นเหรียญ Chapter 64 แค่กิน ทําเป็นตื่นเต้นไปได้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Top Up Now 2 ภาคบุรุษหมื่นเหรียญ

ตอนที่ 64 แค่กิน ทําเป็นตื่นเต้นไปได้

 

“มะติยาโน มะติยา…”

 

เหนือภพได้ยินสาวน้อยแสนหลอนท่องมนต์คาถาอีกครั้ง เขารีบดีดตัวขึ้นทันที่แม้จะจุกมาก ก่อนจะรีบยื่นสองฝ่ามือไปข้างหน้าอย่างร้อนรน

 

“เดี่ยว ๆ ใจเย็น ๆ แม่หญิง มีอะไรเราพูดกันได้ เจ้าอยากได้สร้อยคืนก็เอาไปสิ”

 

เหนือภพเอาสร้อยหินแร่ออกมาโบกไปมา ราวกับการหลอกล่อวัวกระทิ้งให้สนใจ ทว่าสางลําไพรยังคงท่องมนต์คาถาต่อไป

 

“มะติท โสธายะ สาปะสา ….”

 

เธอไม่แม้แต่จะฟังเหนือภพ โอกาสดีมาถึงเธอเช่นนี้แล้ว มีหรือเธอจะปล่อยให้มันสูญเปล่า

 

เหนือภพรีบถอยหลังก่อนจะเกร็งกําลังขาทั้งสองข้าง เขาตั้งใจจะพุ่งเข้าไปโจมตีเธอในระยะประชิด ใครจะว่าเขาต่อยที่ผู้หญิงเขาก็ไม่สนใจแล้ว แต่ว่ามันคงไม่ง่ายเช่นนั้น ขนาดสร้อยหินแร่เธอยังลอบลงอาคมเอาไว้จนทําให้เขาเกือบแย่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าบนตัวของเธอจะได้ลงอาคมสิ่งไหนไว้บ้าง นั่นทําให้เขาไม่กล้าเสี่ยงสัมผัสตัวเธอ

 

เหนือภพเลือกดีดตัวขึ้นฟ้า ในเมื่อสู้ระยะประชิดไม่ได้เขาก็จะสู้จากบนฟ้าแทน

 

“เอ๋ ?”

 

จู่ ๆ ก็มีฝูงผึ้ง ต่อ และแตนฝูงใหญ่ยักษ์ ไม่รู้ว่าพวกมันขนมากันมาทั้งตระกูลได้อย่างไร แต่พวกมันก็พุ่งขึ้นตามเขามาติด ๆ แค่เหนือภพคิดว่าต้องโดนแมลงพวกนั้นต่อยก็ทําให้เสียววาบไปถึงท้องน้อยแล้ว เขาไม่มั่นใจว่าผิวหนังของเขาจะทนเหล็กในพิษได้รึเปล่า

 

แต่เขาก็ยังคงรักษาสมาธิเกร็งกําลังขาทั้งสองข้างต่อไป เขาจะเหยียบเธอให้จมดินไปเลย เขาเกร็งกําลังได้เพียงระดับ 6 ก็ถูกบีบให้ต้องหยุด เมื่อฝูงผึ้งต่อแตนบินมาต่อยร่างกายเขาจนผิวหนังปูดบวม ความเจ็บปวดนี้มากมายนัก แต่หากเทียบกับความเจ็บปวดเมื่อครั้งเหล็กไหลผสานเข้าไปในกายของเขา มันเทียบกันไม่ได้เลยเจ็บแค่นี้ก็แค่มดกัด

 

เหนือภพพุ่งลงมาด้วยความเร็วดุจดาวหาง ก่อนจะกดส้นเท้าทั้งสองลงไปยังจุดที่สางลําไพรกําลังพยายามเคลื่อนตัวหนีอยู่เบื้องล่าง

 

บรึ้ม !!

 

แรงกระทบจากท่าถุงเงินร่วงหล่นของเหนือภพทําให้พื้นดินในรัศมีสิบเมตรแตกร้าวละเอียดจนยุบตัวลงไปอีกครึ่งเมตร ขณะที่รอยแตกร้าวใยแมงมุมยังคงขยายกว้างออกไปอีก

 

เหนือภพมองร่างของสางลําไพรที่อยู่ใต้เท้าด้วยความรู้สึกผิด ถึงอย่างไรเธอก็เป็นผู้หญิง ทว่าเมื่อเขาสังเกตให้ชัดเจน เขาก็ถึงกับขนลุกซู่ด้วยความตกใจและสัญชาตญาณป้องกันภัย

 

“หมัดธนูมือ !”

 

เหนือภพหันกลับหลังยกมือขึ้นตั้งท่าต้านรับหมัดธนูที่ต่อยออกมา พร้อมกับร่างกายที่ถูกผลักให้ถอยเซไปด้านหลัง เขาจ้องมองสางลําไพรตัวจริงที่ค่อย ๆ ปรากฏตัวกลางอากาศธาตุที่ว่างเปล่า เธอหยุดยืนอยู่ห่างจากเขาเพียงแค่ 20 เมตร ส่วนสางลําไพรที่อยู่ก้นหลุมนั้นเป็นเพียงหุ่นฟางตัวปลอมของเธอ

 

สางลําไพรจ้องมองเหนือภพที่ยังคงมีสภาพร่างกายภายนอกไร้รอยขีดข่วน มีเพียงรอยปูดบวมจากพิษผึ้งเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ดูเหมือนฝูงผึ้ง ต่อ แตนจะทําอะไรเขาไม่ได้เลย อาจดูคล้ายกับว่าเธอได้เปรียบ แต่ว่าร่างกายของคู่ต่อสู้หนังหนากว่าที่เธอคาดคิดไว้มาก แถมเขายังมีประสาทการตอบโต้ที่ไวกว่าปกติ

 

ภายใต้แป้งแต่งหน้าที่หนาเตอะของเธอ ไม่มีใครรู้ว่าใบหน้าเธอเริ่มซีด เพราะใช้คาถาอย่างต่อเนื่อง แม้เธอจะมีวิชามากมาย แต่ร่างกายแสนบอบบางของเธอก็มีขีดจํากัด

 

โดยปกติแล้วแค่หนึ่งบทคาถาก็ทําให้คู่ต่อสู้เสียท่าแล้ว ทําให้เธอสามารถแย่งชิงสร้อยมาได้ ไม่ว่าจะเป็นทีมนาคราช หรือแม่ทัพหลวงก็ล้วนเสียท่าให้กับเธอมาแล้ว แต่พอเธอต้องมาเจอกับคู่ต่อสู้ที่ทั้งถูกและอึดเกินมนุษย์ แถมยังมีความรู้เรื่องไสยศาสตร์และมีอาวุธ อาคมสําหรับการทําลายวิชาพวกนี้อยู่ทําให้เธอเองก็จนใจที่จะสู้ต่อ

 

สางลําไพรพ่นลมหายใจออกมาอย่างอ่อนใจ ก่อนจะจับสร้อยประคําของตัวเองบริกรรมคาถาบางอย่าง แล้วสร้อยที่ได้รับแจกจากพิธีกรทั้งสามเส้นก็ปรากฏในสายตาของเหนือภพ ไม่เพียงมีสร้อยหินแร่ของทีมเธอเท่านั้น ยังมีสร้อยมรกตของทีมแม่ทัพหลวงและสร้อยไหมสีเงินของทีมนาคราชรวมอยู่ด้วย

 

“ที่แท้เจ้าซ่อนมันไว้ด้วยมนต์พรางตา ร้ายกาจมาก”

 

“ข้ายอมมอบสร้อยให้ก็ได้ แต่เจ้าเอาไปได้แค่เส้นเดียวเท่านั้น จากนั้นก็ขอให้เรื่องของพวกเราจบลงแค่นี้ ตกลงไหม”

 

เหนือภพยังคงมีท่าที่ระแวงระวัง เมื่อสางลําไพรเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ เขาก็ต้องก้าวถอยหลังในทันที เขาไม่รู้ว่าเธอจะมาไม้ไหน เธอไม่น่าไว้ใจอย่างยิ่ง

 

“ข้าจะมั่นใจได้ยังไงว่าเจ้าจะไม่เล่นลูกไม้กับข้า”

 

เหนือภพลังเล แต่เมื่อหางตาของเขาเหลือบไปเห็นสถานการณ์ด้านข้าง เขาก็ยิ้มออกมาอย่างเป็นต่อ ทศพลถูกพญานาคเอาหางรัดตัวไว้ แล้วเลื้อยมาทางเหนือภพ พร้อมกับเอ่ยอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย

 

“เจ้าบ้านเหมือนกับเจ้าจริง ๆ หนีเก่งเป็นบ้า”

 

เหนือภพยิ้มแห้ง ๆ พลางมองไปทางทศพลที่มีสภาพดูไม่ได้เลย เขาอยากจะพูดออกไปจริง ๆ ว่าเขาเข้าใจและเห็นใจทศพลไม่น้อย หากต้องสู้กับพญานาคแล้วล่ะก็ วิ่งหนีไปเสียยังดีกว่า

 

สางลําไพรมีสีหน้าหนักอึ้งเมื่อเพื่อนร่วมทีมของเธอพ่ายแพ้ไปแล้วหนึ่ง ส่วนเตชินท์ก็ไม่อยู่ในสภาพที่จะเอาชนะใครได้เช่นกัน นี่มันทีมไร้ประโยชน์หรือยังไง เธอรู้สึกท้อแท้ราวกับว่าเธอเป็นผู้แบกความหวังของทีมไว้เพียงผู้เดียว และก็เป็นเธอผู้เดียวที่ต้องคอยช่วยเหลือเพื่อนร่วมทีม

 

“ข้าแพ้แล้ว ปล่อยตัวเพื่อนข้าเถิด”

 

สางลําไพรไม่อยากพูดคํานี้ออกมา แต่เธอก็ยอมพูดมันพร้อมกับถอดสร้อยทั้งสามเส้นแล้วยื่นให้เหนือภพ แม้น้ำเสียงของเธอจะฟังดูจริงใจ แต่เหนือภพกลับเชื่อไม่ลง

 

“เจ้าไปเอามาสิ”

 

เหนือภพบอกพลางสะกิดพญานาค เขาไม่กล้าเข้าใกล้เธอเลยจริง ๆ ส่วนพญานาคเองแม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เท่าที่สังเกตจากท่าทางของเหนือภพแล้ว มันก็คิดว่าคงไม่ใช่เรื่องดี

 

“ข้าชอบเป็นดาบ ไม่ชอบเป็นโล่”

 

“นี่เจ้า มาอยู่กับข้าแล้วก็ทําตัวให้มีประโยชน์หน่อย เจ้าอย่าลืมนะว่าเจ้าเอาแต่ก่อเรื่องให้ข้าตามเช็ดตามล้าง ช่วยกันนิด ๆ หน่อย ๆ จะเป็นไรไป”

 

พญานาคทําเป็นหูทวนลมพร้อมหันเศียรไปทางอื่น เรื่องอะไรจะเอาตัวเข้าไปเสี่ยงกับเรื่องน่าเบื่อเช่นการหยิบสร้อยธรรมดา ๆ

 

เหนือภพจนใจจะเรียกได้ชื่อมาก็ไม่ได้ เพราะไร้ชื่อยังคงพัวพันอยู่กับเตชินท์ไม่เลิก ส่วนหนึ่งในใจของเหนือภพก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่เห็นว่าเตชินท์สามารถรับมือไร้ชื่อได้ยาวนานขนาดนี้

 

“เอาล่ะ ๆ เจ้าโยนมาข้างหน้าแล้วถอยออกไปร้อยเมตร”

 

นี่เป็นวิธีเดียวที่เขาจะเอาสร้อยจากเธอได้ อยู่ห่าง ๆ เข้าไว้ถึงจะปลอดภัย สางลําไพรไม่มีทางเลือกมากนัก เธอจึงทําตามที่เหนือภพว่า จากนั้นก็ถอยหลังไปไกล

 

“แล้วเพื่อนข้าล่ะ”

 

เธอตะโกนกลับมาเมื่อเห็นทศพลยังถูกพญานาคใช้หางรัดพันเอาไว้แน่น องค์ชายเตชินท์จะเป็นอย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องของเธอ เข ไม่ใช่คนของเมืองนิรันดร์กาลจะเป็นจะตายอย่างไรก็ช่าง แต่สําหรับทศพลนั้นต่างออกไป เขาและเธอถือว่าเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมาตั้งแต่เด็ก เธอไม่อาจละทิ้งเขา

 

“เดี๋ยวก่อนสิ ข้าต้องตรวจดูก่อน”

 

เหนือภพพูดขัดเธอ ก่อนจะค่อย ๆ ก้าวเข้าหาสร้อยคออย่างระมัดระวัง

 

“ลําไพร เจ้าเอาให้มันไปทําไม ไม่ต้องห่วงข้า แย่งมันกลับมา โอ๊ย”

 

เมื่อเตชินท์ถูกพญานาครัดแน่นขึ้น เขาก็เงียบสงบไปทันใด ไม่รู้ว่าเขาแกล้งทําตัวสงบเสงี่ยมหรือเขาหมดสติไปแล้วจริง ๆ

 

เหนือภพมานั่งยอง ๆ ข้าง ๆ สร้อยทั้งสามเส้น เขาดึงมีดหมอออกมาแล้วก็จิ้มไปที่สร้อยทั้งสามเส้น

 

“กรี๊ดดดดดดดดดดด”

 

“นั่นไง”

 

เป็นอย่างที่เหนือภพคิดไม่มีผิด หากสร้อยมีอาคมหรือคําสาปกํากับไว้มันจะเกิดปฏิกิริยากับมีดหมอที่จิ้มลงไป สร้อยทั้งสามเส้นคงถูกสางลําไพรใช้อาคมกํากับวิญญาณร้ายเอาไว้เพื่อป้องกันคนขโมย แต่มันถูกมีดหมอจัดการเรียบร้อยแล้ว

 

เหนือภพยิ้มกว้างขณะหยิบสร้อยขึ้นมาสวมคอพญานาค เมื่อรวมกับสร้อยที่มีอยู่เดิม ตอนนี้พวกเขามีสร้อยถึงห้าเส้นแล้ว จะว่าไปก็เป็นเรื่องดีที่เธอแส่หาเรื่องอยากแกล้งลงอาคมใส่เขาเอง เขาไม่อยากจะรังแกผู้หญิงสักเท่าไหร่หรอกนะ แต่ถ้าผู้หญิงร้ายกาจมา เขาก็ต้องตอบแทนเธอให้สาสม

 

“เจ้ามันงูพิษดี ๆ นี่เอง หากไม่เอาซะคืนบ้าง ความรู้สึกก่อนหน้าของข้าก็ยากที่จะระบายออก ห่วงมันมากนักใช่มั้ย”

 

“เจ้าหิวไม่ใช่หรอ รออะไรอยู่ล่ะ”

 

พญานาคได้ยินเหนือภพพูดเช่นนั้น มันก็รู้ทันทีว่าตัวเองควรจะทําอะไร

 

สางลําไพรหน้าเปลี่ยนสีทันทีที่รู้ว่าเหนือภพกลับคําพูดใจจริง เธอคิดอยากจะหยุดการสู้รบอันไม่เป็นธรรมนี้จริง ๆ แต่เมื่อเหนือภพไม่ยอมหยุดก็อย่าหาว่าเธอใจร้าย

 

“คัจฉาหิ มหาภูโต สมนุสโส … ประสิทธิยา”

 

สางลําไพรบริกรรมคาถาด้วยความเร็ว แต่ชัดถ้อยชัดคํา ก่อนตบท้ายไปด้วยประโยคคําสั่งว่า

 

“เจ้าแดง ไปช่วยทศพลให้แม่”

 

“จ้าแม่”

 

เสียงของเด็กน้อยแหลมเล็กดังขึ้นพร้อมกับร่างกายสีทองอร่ามที่ปรากฏกลางอากาศ เจ้าแดงเคลื่อนไหวคล่องแคล่วปราดเปรียว พอได้รับคําสั่งก็พุ่งเข้าหาเหนือภพด้วยความเร็วดุจสายฟ้า พลิ้วไหวดุจสายลม

 

แต่เหนือภพลอบเกร็งกล้ามเนื้อรอต้อนรับตั้งแต่ได้ยินเสียงบริกรรมคาถาแล้ว และเป้าหมายของเขาก็ไม่ใช่เด็กสีทองนั้น แต่เป็นสางลําไพร

 

กําปั้นระดับ 8 ชกออกไปด้านหน้าไถหน้าดินเป็นร่องลึก คลื่นอัดอากาศแผ่กระจายออกไปทางสางลําไพรในทันที

 

เมื่อกุมารทองเห็นเช่นนั้นก็เคลื่อนตัวกลับด้วยความเร็วที่เหนือภพคาดไม่ถึง จับไม่ได้ด้วยสายตา แม้คําสั่งของผู้เป็นแม่จะสําคัญ แต่ไม่สําคัญไปกว่าความปลอดภัยของแม่ กุมารทองหอบพาร่างของสางลําไพรออกจากรัศมีการทําลายได้อย่างทันท่วงที ความเร็วนี้อาจเรียกได้ว่าเร็วกว่าการวิ่งของแมวราตรีเสียอีก

 

เหนือภพเห็นดังนั้นก็รีบกระชากร่างของทศพลออกจากปากพญานาค แล้วโยนออกไป

 

“อาหารข้า”

 

“ยังจะห่วงกินอีก ความตายจะมาเยือนแล้ว หนีเร็ว”

 

เหนือภพร้องบอกอย่างร้อนรนก่อนจะพุ่งเข้าหาไร้ชื่อที่ดูท่าจะสู้เตชินท์ไม่ได้แต่ก็ยังจะสู้อีก เหนือภพคว้าคอไร้ชื่อออกมาจากการต่อสู้ ขณะเหลือบมองเตชินท์ที่ดูแปลก ๆ เขาบอกไม่ถูกว่าเพราะอะไร แต่ที่แน่ ๆ คือเตชินท์พยายามเก็บงําฝีมือตัวเองเอาไว้ เขาไม่ได้จริงจังกับการต่อสู้

 

“เจอกันคราวหน้าหวังว่าเจ้าจะไม่เก็บงําความสามารถนะ”

 

เหนือภพยิ้มตามมารยาท ก่อนจะพาไร้ชื่อจากไปพร้อมกับพญานาคที่ยังคงเสียดายอาหารมื้อนั้นอยู่ มันไม่เข้าใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้นทําไมต้องร้อนรน รีบหลบหนีทั้งที่พวกนั้นตกอยู่ในกํามือของเราแท้ ๆ

 

“เห้อ จะหนีทําไม”

 

“ก็เจ้ามัวแต่สนใจที่จะกิน เจ้าไม่ได้เจออย่างข้านี่ และที่สําคัญ ข้าไม่ได้มีเกราะเกล็ดหนาอย่างเจ้า”

 

สิ่งที่เหนือภพกังวลก็คือวิชาไสยเวทย์ของเธอ นี่ขนาดเธอยังเก็บงําวิชาเอาไว้บ้าง แต่ก็ยังมีวิชาใหม่ ๆ ใช้ออกมาได้เรื่อย ๆ แถมยังเป็นวิชาที่เขาไม่อาจใช้กําลังปะทะได้ และเขาก็ไม่อยากแสดงพลังยักษ์กับพลังเหล็กไหลออกมาพร่ำเพรื่อ ดังนั้นทางที่ดีอย่าได้ลงมือแตกหักกันเลย ไม่เช่นนั้นเธออาจจะเรียกอะไรที่น่ากลัวออกมามากกว่านี้

 

ยังไม่ทันคิดจบสิ้นแผ่นดินโดยรอบเส้นทางที่เหนือภพวิ่งอยู่ก็เกิดการสั่นไหว มีฝ่ามือซากศพจํานวนไม่น้อยพุ่งออกมาใต้พื้นดิน บางมือก็มีแต่โครงกระดูก บางมือก็ยังมีเศษเนื้อเน่าเปื่อยอยู่บ้าง ไม่กี่วินาทีต่อมามือเหล่านั้นก็ฝืนค้ำยันตัวเองแล้วค่อย ๆ ดึงร่างขึ้นมาจากดิน เพียงพริบตารอบด้านก็เต็มไปด้วยซากศพคนตายที่แสนดุร้ายพุ่งเข้าโจมตีกลุ่มของเหนือภพตามคําสั่ง

 

ไร้ชื่อตวัดดาบใส่พวกมัน เหนือภพใช้เพลงมวยที่มีตวัดเตะให้พวกนั้นถอยห่าง ขณะที่พญานาค ใช้การสะบัดหางเหมือนปัดแมลงที่น่ารําคาญออก แต่ไม่ว่าซากศพเหล่านั้นจะล้มไปสักกี่ครั้ง พวกมันก็ฟื้นกลับมาได้อีกเสมอ

 

เหนือภพนิ่วหน้า สิ่งที่เขาคิดไว้จริงดังว่า นี่มันกองทัพทหารอมตะชัด ๆ ทําไมสางลําไพรถึงเล่นโหดขนาดนี้

 

“เจ้าไปทําอะไรกับเจ้าหนุ่มกันแน่ นางถึงโกรธเพียงนี้”

 

“ก็เจ้าให้ข้ากิน ข้าก็แค่กินแขนมัน ทําเป็นตื่นเต้นไปได้”

 

“ห้า นี่เจ้า เจ้ารู้มั้ยว่าทําอะไรอยู่ ข้าก็แค่พูดไปเพื่อขู่นางเท่านั้น”

 

“ใครจะไปรู้เล่า แค่กินแขนข้างเดียวทําเหมือนจะเป็นจะตายไปได้ รู้งี้ข้ากินขาด้วยก็ดี นางคงโกรธไม่ต่างกันหรอกมั้ง”

 

“โอ๊ย !”

 

เหนือภพกุมหัวตัวเอง นวดคลึงหนังหัวไปด้วย วิ่งหนีไป เขาเริ่มจะเข้าใจเฮงเฮงบ้างแล้วว่าเมื่อเหตุการณ์ซวย ๆ เกิดขึ้นกับเรา โดยที่เราควบคุมไม่ได้นั้นมันรู้สึกอย่างไร

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Top Up Now 2 ภาคบุรุษหมื่นเหรียญ 64 แค่กิน ทําเป็นตื่นเต้นไปได้

Now you are reading Top Up Now 2 ภาคบุรุษหมื่นเหรียญ Chapter 64 แค่กิน ทําเป็นตื่นเต้นไปได้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Top Up Now 2 ภาคบุรุษหมื่นเหรียญ

ตอนที่ 64 แค่กิน ทําเป็นตื่นเต้นไปได้

 

“มะติยาโน มะติยา…”

 

เหนือภพได้ยินสาวน้อยแสนหลอนท่องมนต์คาถาอีกครั้ง เขารีบดีดตัวขึ้นทันที่แม้จะจุกมาก ก่อนจะรีบยื่นสองฝ่ามือไปข้างหน้าอย่างร้อนรน

 

“เดี่ยว ๆ ใจเย็น ๆ แม่หญิง มีอะไรเราพูดกันได้ เจ้าอยากได้สร้อยคืนก็เอาไปสิ”

 

เหนือภพเอาสร้อยหินแร่ออกมาโบกไปมา ราวกับการหลอกล่อวัวกระทิ้งให้สนใจ ทว่าสางลําไพรยังคงท่องมนต์คาถาต่อไป

 

“มะติท โสธายะ สาปะสา ….”

 

เธอไม่แม้แต่จะฟังเหนือภพ โอกาสดีมาถึงเธอเช่นนี้แล้ว มีหรือเธอจะปล่อยให้มันสูญเปล่า

 

เหนือภพรีบถอยหลังก่อนจะเกร็งกําลังขาทั้งสองข้าง เขาตั้งใจจะพุ่งเข้าไปโจมตีเธอในระยะประชิด ใครจะว่าเขาต่อยที่ผู้หญิงเขาก็ไม่สนใจแล้ว แต่ว่ามันคงไม่ง่ายเช่นนั้น ขนาดสร้อยหินแร่เธอยังลอบลงอาคมเอาไว้จนทําให้เขาเกือบแย่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าบนตัวของเธอจะได้ลงอาคมสิ่งไหนไว้บ้าง นั่นทําให้เขาไม่กล้าเสี่ยงสัมผัสตัวเธอ

 

เหนือภพเลือกดีดตัวขึ้นฟ้า ในเมื่อสู้ระยะประชิดไม่ได้เขาก็จะสู้จากบนฟ้าแทน

 

“เอ๋ ?”

 

จู่ ๆ ก็มีฝูงผึ้ง ต่อ และแตนฝูงใหญ่ยักษ์ ไม่รู้ว่าพวกมันขนมากันมาทั้งตระกูลได้อย่างไร แต่พวกมันก็พุ่งขึ้นตามเขามาติด ๆ แค่เหนือภพคิดว่าต้องโดนแมลงพวกนั้นต่อยก็ทําให้เสียววาบไปถึงท้องน้อยแล้ว เขาไม่มั่นใจว่าผิวหนังของเขาจะทนเหล็กในพิษได้รึเปล่า

 

แต่เขาก็ยังคงรักษาสมาธิเกร็งกําลังขาทั้งสองข้างต่อไป เขาจะเหยียบเธอให้จมดินไปเลย เขาเกร็งกําลังได้เพียงระดับ 6 ก็ถูกบีบให้ต้องหยุด เมื่อฝูงผึ้งต่อแตนบินมาต่อยร่างกายเขาจนผิวหนังปูดบวม ความเจ็บปวดนี้มากมายนัก แต่หากเทียบกับความเจ็บปวดเมื่อครั้งเหล็กไหลผสานเข้าไปในกายของเขา มันเทียบกันไม่ได้เลยเจ็บแค่นี้ก็แค่มดกัด

 

เหนือภพพุ่งลงมาด้วยความเร็วดุจดาวหาง ก่อนจะกดส้นเท้าทั้งสองลงไปยังจุดที่สางลําไพรกําลังพยายามเคลื่อนตัวหนีอยู่เบื้องล่าง

 

บรึ้ม !!

 

แรงกระทบจากท่าถุงเงินร่วงหล่นของเหนือภพทําให้พื้นดินในรัศมีสิบเมตรแตกร้าวละเอียดจนยุบตัวลงไปอีกครึ่งเมตร ขณะที่รอยแตกร้าวใยแมงมุมยังคงขยายกว้างออกไปอีก

 

เหนือภพมองร่างของสางลําไพรที่อยู่ใต้เท้าด้วยความรู้สึกผิด ถึงอย่างไรเธอก็เป็นผู้หญิง ทว่าเมื่อเขาสังเกตให้ชัดเจน เขาก็ถึงกับขนลุกซู่ด้วยความตกใจและสัญชาตญาณป้องกันภัย

 

“หมัดธนูมือ !”

 

เหนือภพหันกลับหลังยกมือขึ้นตั้งท่าต้านรับหมัดธนูที่ต่อยออกมา พร้อมกับร่างกายที่ถูกผลักให้ถอยเซไปด้านหลัง เขาจ้องมองสางลําไพรตัวจริงที่ค่อย ๆ ปรากฏตัวกลางอากาศธาตุที่ว่างเปล่า เธอหยุดยืนอยู่ห่างจากเขาเพียงแค่ 20 เมตร ส่วนสางลําไพรที่อยู่ก้นหลุมนั้นเป็นเพียงหุ่นฟางตัวปลอมของเธอ

 

สางลําไพรจ้องมองเหนือภพที่ยังคงมีสภาพร่างกายภายนอกไร้รอยขีดข่วน มีเพียงรอยปูดบวมจากพิษผึ้งเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ดูเหมือนฝูงผึ้ง ต่อ แตนจะทําอะไรเขาไม่ได้เลย อาจดูคล้ายกับว่าเธอได้เปรียบ แต่ว่าร่างกายของคู่ต่อสู้หนังหนากว่าที่เธอคาดคิดไว้มาก แถมเขายังมีประสาทการตอบโต้ที่ไวกว่าปกติ

 

ภายใต้แป้งแต่งหน้าที่หนาเตอะของเธอ ไม่มีใครรู้ว่าใบหน้าเธอเริ่มซีด เพราะใช้คาถาอย่างต่อเนื่อง แม้เธอจะมีวิชามากมาย แต่ร่างกายแสนบอบบางของเธอก็มีขีดจํากัด

 

โดยปกติแล้วแค่หนึ่งบทคาถาก็ทําให้คู่ต่อสู้เสียท่าแล้ว ทําให้เธอสามารถแย่งชิงสร้อยมาได้ ไม่ว่าจะเป็นทีมนาคราช หรือแม่ทัพหลวงก็ล้วนเสียท่าให้กับเธอมาแล้ว แต่พอเธอต้องมาเจอกับคู่ต่อสู้ที่ทั้งถูกและอึดเกินมนุษย์ แถมยังมีความรู้เรื่องไสยศาสตร์และมีอาวุธ อาคมสําหรับการทําลายวิชาพวกนี้อยู่ทําให้เธอเองก็จนใจที่จะสู้ต่อ

 

สางลําไพรพ่นลมหายใจออกมาอย่างอ่อนใจ ก่อนจะจับสร้อยประคําของตัวเองบริกรรมคาถาบางอย่าง แล้วสร้อยที่ได้รับแจกจากพิธีกรทั้งสามเส้นก็ปรากฏในสายตาของเหนือภพ ไม่เพียงมีสร้อยหินแร่ของทีมเธอเท่านั้น ยังมีสร้อยมรกตของทีมแม่ทัพหลวงและสร้อยไหมสีเงินของทีมนาคราชรวมอยู่ด้วย

 

“ที่แท้เจ้าซ่อนมันไว้ด้วยมนต์พรางตา ร้ายกาจมาก”

 

“ข้ายอมมอบสร้อยให้ก็ได้ แต่เจ้าเอาไปได้แค่เส้นเดียวเท่านั้น จากนั้นก็ขอให้เรื่องของพวกเราจบลงแค่นี้ ตกลงไหม”

 

เหนือภพยังคงมีท่าที่ระแวงระวัง เมื่อสางลําไพรเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ เขาก็ต้องก้าวถอยหลังในทันที เขาไม่รู้ว่าเธอจะมาไม้ไหน เธอไม่น่าไว้ใจอย่างยิ่ง

 

“ข้าจะมั่นใจได้ยังไงว่าเจ้าจะไม่เล่นลูกไม้กับข้า”

 

เหนือภพลังเล แต่เมื่อหางตาของเขาเหลือบไปเห็นสถานการณ์ด้านข้าง เขาก็ยิ้มออกมาอย่างเป็นต่อ ทศพลถูกพญานาคเอาหางรัดตัวไว้ แล้วเลื้อยมาทางเหนือภพ พร้อมกับเอ่ยอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย

 

“เจ้าบ้านเหมือนกับเจ้าจริง ๆ หนีเก่งเป็นบ้า”

 

เหนือภพยิ้มแห้ง ๆ พลางมองไปทางทศพลที่มีสภาพดูไม่ได้เลย เขาอยากจะพูดออกไปจริง ๆ ว่าเขาเข้าใจและเห็นใจทศพลไม่น้อย หากต้องสู้กับพญานาคแล้วล่ะก็ วิ่งหนีไปเสียยังดีกว่า

 

สางลําไพรมีสีหน้าหนักอึ้งเมื่อเพื่อนร่วมทีมของเธอพ่ายแพ้ไปแล้วหนึ่ง ส่วนเตชินท์ก็ไม่อยู่ในสภาพที่จะเอาชนะใครได้เช่นกัน นี่มันทีมไร้ประโยชน์หรือยังไง เธอรู้สึกท้อแท้ราวกับว่าเธอเป็นผู้แบกความหวังของทีมไว้เพียงผู้เดียว และก็เป็นเธอผู้เดียวที่ต้องคอยช่วยเหลือเพื่อนร่วมทีม

 

“ข้าแพ้แล้ว ปล่อยตัวเพื่อนข้าเถิด”

 

สางลําไพรไม่อยากพูดคํานี้ออกมา แต่เธอก็ยอมพูดมันพร้อมกับถอดสร้อยทั้งสามเส้นแล้วยื่นให้เหนือภพ แม้น้ำเสียงของเธอจะฟังดูจริงใจ แต่เหนือภพกลับเชื่อไม่ลง

 

“เจ้าไปเอามาสิ”

 

เหนือภพบอกพลางสะกิดพญานาค เขาไม่กล้าเข้าใกล้เธอเลยจริง ๆ ส่วนพญานาคเองแม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เท่าที่สังเกตจากท่าทางของเหนือภพแล้ว มันก็คิดว่าคงไม่ใช่เรื่องดี

 

“ข้าชอบเป็นดาบ ไม่ชอบเป็นโล่”

 

“นี่เจ้า มาอยู่กับข้าแล้วก็ทําตัวให้มีประโยชน์หน่อย เจ้าอย่าลืมนะว่าเจ้าเอาแต่ก่อเรื่องให้ข้าตามเช็ดตามล้าง ช่วยกันนิด ๆ หน่อย ๆ จะเป็นไรไป”

 

พญานาคทําเป็นหูทวนลมพร้อมหันเศียรไปทางอื่น เรื่องอะไรจะเอาตัวเข้าไปเสี่ยงกับเรื่องน่าเบื่อเช่นการหยิบสร้อยธรรมดา ๆ

 

เหนือภพจนใจจะเรียกได้ชื่อมาก็ไม่ได้ เพราะไร้ชื่อยังคงพัวพันอยู่กับเตชินท์ไม่เลิก ส่วนหนึ่งในใจของเหนือภพก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่เห็นว่าเตชินท์สามารถรับมือไร้ชื่อได้ยาวนานขนาดนี้

 

“เอาล่ะ ๆ เจ้าโยนมาข้างหน้าแล้วถอยออกไปร้อยเมตร”

 

นี่เป็นวิธีเดียวที่เขาจะเอาสร้อยจากเธอได้ อยู่ห่าง ๆ เข้าไว้ถึงจะปลอดภัย สางลําไพรไม่มีทางเลือกมากนัก เธอจึงทําตามที่เหนือภพว่า จากนั้นก็ถอยหลังไปไกล

 

“แล้วเพื่อนข้าล่ะ”

 

เธอตะโกนกลับมาเมื่อเห็นทศพลยังถูกพญานาคใช้หางรัดพันเอาไว้แน่น องค์ชายเตชินท์จะเป็นอย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องของเธอ เข ไม่ใช่คนของเมืองนิรันดร์กาลจะเป็นจะตายอย่างไรก็ช่าง แต่สําหรับทศพลนั้นต่างออกไป เขาและเธอถือว่าเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมาตั้งแต่เด็ก เธอไม่อาจละทิ้งเขา

 

“เดี๋ยวก่อนสิ ข้าต้องตรวจดูก่อน”

 

เหนือภพพูดขัดเธอ ก่อนจะค่อย ๆ ก้าวเข้าหาสร้อยคออย่างระมัดระวัง

 

“ลําไพร เจ้าเอาให้มันไปทําไม ไม่ต้องห่วงข้า แย่งมันกลับมา โอ๊ย”

 

เมื่อเตชินท์ถูกพญานาครัดแน่นขึ้น เขาก็เงียบสงบไปทันใด ไม่รู้ว่าเขาแกล้งทําตัวสงบเสงี่ยมหรือเขาหมดสติไปแล้วจริง ๆ

 

เหนือภพมานั่งยอง ๆ ข้าง ๆ สร้อยทั้งสามเส้น เขาดึงมีดหมอออกมาแล้วก็จิ้มไปที่สร้อยทั้งสามเส้น

 

“กรี๊ดดดดดดดดดดด”

 

“นั่นไง”

 

เป็นอย่างที่เหนือภพคิดไม่มีผิด หากสร้อยมีอาคมหรือคําสาปกํากับไว้มันจะเกิดปฏิกิริยากับมีดหมอที่จิ้มลงไป สร้อยทั้งสามเส้นคงถูกสางลําไพรใช้อาคมกํากับวิญญาณร้ายเอาไว้เพื่อป้องกันคนขโมย แต่มันถูกมีดหมอจัดการเรียบร้อยแล้ว

 

เหนือภพยิ้มกว้างขณะหยิบสร้อยขึ้นมาสวมคอพญานาค เมื่อรวมกับสร้อยที่มีอยู่เดิม ตอนนี้พวกเขามีสร้อยถึงห้าเส้นแล้ว จะว่าไปก็เป็นเรื่องดีที่เธอแส่หาเรื่องอยากแกล้งลงอาคมใส่เขาเอง เขาไม่อยากจะรังแกผู้หญิงสักเท่าไหร่หรอกนะ แต่ถ้าผู้หญิงร้ายกาจมา เขาก็ต้องตอบแทนเธอให้สาสม

 

“เจ้ามันงูพิษดี ๆ นี่เอง หากไม่เอาซะคืนบ้าง ความรู้สึกก่อนหน้าของข้าก็ยากที่จะระบายออก ห่วงมันมากนักใช่มั้ย”

 

“เจ้าหิวไม่ใช่หรอ รออะไรอยู่ล่ะ”

 

พญานาคได้ยินเหนือภพพูดเช่นนั้น มันก็รู้ทันทีว่าตัวเองควรจะทําอะไร

 

สางลําไพรหน้าเปลี่ยนสีทันทีที่รู้ว่าเหนือภพกลับคําพูดใจจริง เธอคิดอยากจะหยุดการสู้รบอันไม่เป็นธรรมนี้จริง ๆ แต่เมื่อเหนือภพไม่ยอมหยุดก็อย่าหาว่าเธอใจร้าย

 

“คัจฉาหิ มหาภูโต สมนุสโส … ประสิทธิยา”

 

สางลําไพรบริกรรมคาถาด้วยความเร็ว แต่ชัดถ้อยชัดคํา ก่อนตบท้ายไปด้วยประโยคคําสั่งว่า

 

“เจ้าแดง ไปช่วยทศพลให้แม่”

 

“จ้าแม่”

 

เสียงของเด็กน้อยแหลมเล็กดังขึ้นพร้อมกับร่างกายสีทองอร่ามที่ปรากฏกลางอากาศ เจ้าแดงเคลื่อนไหวคล่องแคล่วปราดเปรียว พอได้รับคําสั่งก็พุ่งเข้าหาเหนือภพด้วยความเร็วดุจสายฟ้า พลิ้วไหวดุจสายลม

 

แต่เหนือภพลอบเกร็งกล้ามเนื้อรอต้อนรับตั้งแต่ได้ยินเสียงบริกรรมคาถาแล้ว และเป้าหมายของเขาก็ไม่ใช่เด็กสีทองนั้น แต่เป็นสางลําไพร

 

กําปั้นระดับ 8 ชกออกไปด้านหน้าไถหน้าดินเป็นร่องลึก คลื่นอัดอากาศแผ่กระจายออกไปทางสางลําไพรในทันที

 

เมื่อกุมารทองเห็นเช่นนั้นก็เคลื่อนตัวกลับด้วยความเร็วที่เหนือภพคาดไม่ถึง จับไม่ได้ด้วยสายตา แม้คําสั่งของผู้เป็นแม่จะสําคัญ แต่ไม่สําคัญไปกว่าความปลอดภัยของแม่ กุมารทองหอบพาร่างของสางลําไพรออกจากรัศมีการทําลายได้อย่างทันท่วงที ความเร็วนี้อาจเรียกได้ว่าเร็วกว่าการวิ่งของแมวราตรีเสียอีก

 

เหนือภพเห็นดังนั้นก็รีบกระชากร่างของทศพลออกจากปากพญานาค แล้วโยนออกไป

 

“อาหารข้า”

 

“ยังจะห่วงกินอีก ความตายจะมาเยือนแล้ว หนีเร็ว”

 

เหนือภพร้องบอกอย่างร้อนรนก่อนจะพุ่งเข้าหาไร้ชื่อที่ดูท่าจะสู้เตชินท์ไม่ได้แต่ก็ยังจะสู้อีก เหนือภพคว้าคอไร้ชื่อออกมาจากการต่อสู้ ขณะเหลือบมองเตชินท์ที่ดูแปลก ๆ เขาบอกไม่ถูกว่าเพราะอะไร แต่ที่แน่ ๆ คือเตชินท์พยายามเก็บงําฝีมือตัวเองเอาไว้ เขาไม่ได้จริงจังกับการต่อสู้

 

“เจอกันคราวหน้าหวังว่าเจ้าจะไม่เก็บงําความสามารถนะ”

 

เหนือภพยิ้มตามมารยาท ก่อนจะพาไร้ชื่อจากไปพร้อมกับพญานาคที่ยังคงเสียดายอาหารมื้อนั้นอยู่ มันไม่เข้าใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้นทําไมต้องร้อนรน รีบหลบหนีทั้งที่พวกนั้นตกอยู่ในกํามือของเราแท้ ๆ

 

“เห้อ จะหนีทําไม”

 

“ก็เจ้ามัวแต่สนใจที่จะกิน เจ้าไม่ได้เจออย่างข้านี่ และที่สําคัญ ข้าไม่ได้มีเกราะเกล็ดหนาอย่างเจ้า”

 

สิ่งที่เหนือภพกังวลก็คือวิชาไสยเวทย์ของเธอ นี่ขนาดเธอยังเก็บงําวิชาเอาไว้บ้าง แต่ก็ยังมีวิชาใหม่ ๆ ใช้ออกมาได้เรื่อย ๆ แถมยังเป็นวิชาที่เขาไม่อาจใช้กําลังปะทะได้ และเขาก็ไม่อยากแสดงพลังยักษ์กับพลังเหล็กไหลออกมาพร่ำเพรื่อ ดังนั้นทางที่ดีอย่าได้ลงมือแตกหักกันเลย ไม่เช่นนั้นเธออาจจะเรียกอะไรที่น่ากลัวออกมามากกว่านี้

 

ยังไม่ทันคิดจบสิ้นแผ่นดินโดยรอบเส้นทางที่เหนือภพวิ่งอยู่ก็เกิดการสั่นไหว มีฝ่ามือซากศพจํานวนไม่น้อยพุ่งออกมาใต้พื้นดิน บางมือก็มีแต่โครงกระดูก บางมือก็ยังมีเศษเนื้อเน่าเปื่อยอยู่บ้าง ไม่กี่วินาทีต่อมามือเหล่านั้นก็ฝืนค้ำยันตัวเองแล้วค่อย ๆ ดึงร่างขึ้นมาจากดิน เพียงพริบตารอบด้านก็เต็มไปด้วยซากศพคนตายที่แสนดุร้ายพุ่งเข้าโจมตีกลุ่มของเหนือภพตามคําสั่ง

 

ไร้ชื่อตวัดดาบใส่พวกมัน เหนือภพใช้เพลงมวยที่มีตวัดเตะให้พวกนั้นถอยห่าง ขณะที่พญานาค ใช้การสะบัดหางเหมือนปัดแมลงที่น่ารําคาญออก แต่ไม่ว่าซากศพเหล่านั้นจะล้มไปสักกี่ครั้ง พวกมันก็ฟื้นกลับมาได้อีกเสมอ

 

เหนือภพนิ่วหน้า สิ่งที่เขาคิดไว้จริงดังว่า นี่มันกองทัพทหารอมตะชัด ๆ ทําไมสางลําไพรถึงเล่นโหดขนาดนี้

 

“เจ้าไปทําอะไรกับเจ้าหนุ่มกันแน่ นางถึงโกรธเพียงนี้”

 

“ก็เจ้าให้ข้ากิน ข้าก็แค่กินแขนมัน ทําเป็นตื่นเต้นไปได้”

 

“ห้า นี่เจ้า เจ้ารู้มั้ยว่าทําอะไรอยู่ ข้าก็แค่พูดไปเพื่อขู่นางเท่านั้น”

 

“ใครจะไปรู้เล่า แค่กินแขนข้างเดียวทําเหมือนจะเป็นจะตายไปได้ รู้งี้ข้ากินขาด้วยก็ดี นางคงโกรธไม่ต่างกันหรอกมั้ง”

 

“โอ๊ย !”

 

เหนือภพกุมหัวตัวเอง นวดคลึงหนังหัวไปด้วย วิ่งหนีไป เขาเริ่มจะเข้าใจเฮงเฮงบ้างแล้วว่าเมื่อเหตุการณ์ซวย ๆ เกิดขึ้นกับเรา โดยที่เราควบคุมไม่ได้นั้นมันรู้สึกอย่างไร

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+