องครักษ์เสื้อแพร 1006 นโยบายสามสิ้น

Now you are reading องครักษ์เสื้อแพร Chapter 1006 นโยบายสามสิ้น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“พวกนอกด่านทั้งหมดไม่ว่าชายหญิง คนแก่หรือเด็กล้วนจับมัดโยงกัน เหมือนตลาดขายม้า…”

 บัณฑิตหลายคนที่ตามกองทัพล้วนจดบันทึกเช่นนี้ จากนั้นก็ทอดถอนใจ แล้วกล่าวเรื่องความเป็นความตาย แต่ไรมาไม่เคยเห็นอะไรน่าอนาถเช่นนี้  แต่ทว่าเหล่าบัณฑิตนี้พอกลับถึงในด่าน ก็มักจะมีหญิงสาวเผ่าหนี่ว์เจินสองนางปรนนิบัติข้างกาย พวกหนังสัตว์โสมป่าอันใดล้วนมีไม่น้อย ยิ่งชำนาญการค้าขาย ยังมีพวกโรงบ้านนอกกำแพงเมือง เรื่องพวกนี้มีบันทึกเป็นลายลักษณ์น้อยมาก

มีตระกูลหลี่เป็นหัวหน้าขุนพลทหารนำสมบัติและเชลยกลับมาในด่านขายเกลี้ยง ผลที่ได้มาเปล่าๆ เช่นนี้ย่อมขายต่ำกว่าราคาตลาดมาก ไม่มีอะไรให้เสียเปรียบ ขอเพียงซื้อ ก็ไม่มีคำว่าไม่กำไร  เชลยพวกนี้กินแต่ข้าวไม่เอาเงินเดือน ขอเพียงเลี้ยงดูคนคอยควบคุมพวกนี้ไว้ก็พอ

เมืองเหลียวโจวขาดอะไรก็ขาด แต่ไม่ขาดพวกถือมีดถือดาบ คนเหล่านี้ทำงานเพาะปลูกยาก ทำงานคุ้มกันก็พอได้ อย่าว่าแต่แถบนอกกำแพงเมือง ในเมืองเหลียวโจวตอนนี้เองก็ยังมีพื้นที่รกร้างมากมายยังไม่ได้บุกเบิก ขาดก็แต่แรงงานคน  ได้มากมาคนหนึ่งก็กำไรมากอีกหนึ่งส่วน

สำหรับที่นานอกกำแพงเมือง หากไม่ใช่ทหาร ไม่ใช่คหบดีใหญ่ ก็ล้วนไม่มีปัญญาจะไปครอบครอง ของพวกนี้คนธรรมดาจึงไม่คิดว่าตนเองจะออกไปครอบครองเองได้

แต่ก็มีคนเสนอว่าให้รวมตัวกัน หรือไม่ก็เลือกผู้นำ ทุกคนลงเงินลงคน ไปร่ำรวยนอกกำแพงเมืองกันสักก้อน ที่นานอกกำแพงเมืองไม่อาจเห็นเงินได้ในเวลาสั้นๆ แต่หากระยะยาวแล้ว จะไม่ร่ำรวยได้อย่างไรไหว เจ้าว่าต้องระวังให้มากหน่อย เกิดพวกนอกด่านบุกมาจึงทำเช่นไร พวกนอกด่านล้วนใกล้ถูกสังหารเกลี้ยงแล้ว จะบุกกลับมาอีกได้อย่างไร ไม่ได้ยินหรือว่าในด่านหรือทางพวกกลุ่มพ่อค้าพ่อค้าทางนั้นกำเงินมากันแล้ว

ที่นาทรัพย์สินและแรงงาน มีขายไม่ขาด เขตปกครองเหนือโดยเฉพาะทางแถวเมืองหลวงและเทียนจิน เริ่มมีพ่อค้าไม่น้อยกำเงินเร่งเดินทางมากันแล้ว พ่อค้าในและนอกพื้นที่จำนวนมากล้วนกำลังรออยู่เมืองเสิ่นหยางและกองกำลังฝู่ซุ่นดูว่าจะมีของที่ได้จากสงครามอันใดมาขายกันบ้าง

ผู้ที่กล่าวอ้างคุณธรรมใหญ่ในกระโจมแม่ทัพนั่นกลับเป็นคนแรกที่ลงมือก่อน ในเมื่อของที่ได้จากสงครามไปมาต้องใช้เวลา ไม่สู้พวกเขามาซื้อกันเอง

จากด่านฝู่ซุ่นกวนมายังเฮ่อถูอาลาเส้นทางนี้ ล้วนมีทหารกองกำลังหมิงเฝ้ารักษา ป้อมค่ายตลอดทางล้วนถูกเก็บกวาดสะอาด ตลอดทางอันตรายใดล้วนไม่มี กำเงินมากัน มาซื้อที่ทัพใหญ่เลย ทัพใหญ่อย่างไรก็ลดความยุ่งยากในการนำกลับไป  ราคาก็ย่อมถูกลงได้อีกมาก หากนำสินค้าที่ทัพใหญ่ต้องการมาด้วย ไปมาค้าขายสองทาง ก็ยิ่งกำไรสองทาง อีกอย่างอาจได้เห็นที่นาริมทาง หากต้องการสร้างการค้า ก็ต้องรีบวางแผน

หากตาดี สามารถลงมือได้ก่อนผู้อื่น คิดไม่รวยก็คงยาก  ขุนนางที่กล่าวอ้างแต่คุณธรรมก็ร่ำรวยใหญ่ ทำให้บรรดาคนทัพใหญ่ต้องมองใหม่อีกรอบ

มีคนนำทางเช่นนี้ ต่อมาก็ตามๆ กันมาอีก พวกพ่อค้าล้วนทำเพื่อกำไร ผู้ใดจะไม่รังเกียจเส้นทางยากลำบาก จะว่าไปไปมาก็ล้วนมีกำลังผู้คุ้มกัน ความปลอดภัยไม่ต้องเป็นกังวล  ในด่านนอกด่าน ขุนนางพ่อค้าทางการและส่วนตัวล้วนเร่งเดินทางมา

ตระกูลหลี่เห็นว่า ของได้จากสงครามควรส่งไปขายในเมืองเหลียวโจวจะเหมาะกว่า  ราคาสูงกว่าได้อีกหน่อย  แต่เมืองจี้โจว เมืองต้าถง เมืองเซวียนฝู่ แม้แต่กองกำลังหู่เวย ล้วนอยากขายในพื้นที่ให้เสร็จ ทุกคนล้วนรู้ว่าพวกเมืองเหลียวโจวคิดอะไร ของพวกนี้กำไรมาก ผู้ใดผ่านมือ ผู้นั้นก็เก็บเกี่ยวได้ไป ไยต้องไปให้เมืองเหลียวโจวกินคนเดียวด้วย  จะว่าไป ตอนนี้ในเมืองเหลียวโจว สายหม่าหลินและสายซุนโส่วเหลียน ล้วนค่อยๆ สร้างอิทธิพลอำนาจ ไม่อยากให้ตระกูลหลี่กินคนเดียวมากไป

หวังทงก็แอบเห็นด้วย กล่าวตามจริง เขาเองก็ต้องมอง ‘ผู้กล่าวอ้างคุณธรรมใหญ่’ ผู้นั้นใหม่อีกรอบเช่นกัน ปากกล่าวสวยหรู ปฏิบัติงานได้มีหลักการ ไม่อาจมองข้ามบัณฑิตพวกนี้จริงๆ ตามทัพใหญ่มาเก็บเกี่ยวผลแห่งสงครามกันยิ่งมากขึ้น ก็ยิ่งมีประโยชน์ใหญ่ต่อการเพาะปลูกในวันหน้ายิ่งมาก ให้ร้านค้าที่มีใจหวาดกลัวเหล่านี้ได้เห็นความอุดมของแม่น้ำเฮยสุ่ยและเขาไป่ซาน เห็นเองว่ามีผลประโยชน์มากมายอีกเท่าไร พวกที่กล้าหาญก็ต้องยิ่งให้กำลังใจ ให้พวกเขานำมีดดาบออกต่อสู้แย่งชิงปล้นเพิ่ม

ทัพใหญ่แม้ว่าอยู่ระหว่างเดินทัพ แต่ทว่าข่าวตอนเหนือกับเมืองเหลียวโจวก็ยังคงมีมาไม่ขาด ตอนทัพใหญ่หวังทงเริ่มออกจากด่าน กลุ่มพ่อค้าติดอาวุธเมืองกุยฮว่าเฉิงก็เริ่มเรียกระดมกำลังเดินทางไปบุกเบิกที่ตัวหลุน

พื้นที่ฐานกำลังของเผ่าฉาฮาเอ่อร์อยู่ที่ตอนเหนือของตัวหลุน พวกเขาตั้งหลักที่ตัวหลุนยังไม่มั่น ย่อมมิอาจต้านทานกลุ่มพ่อค้าติดอาวุธที่ราวกับพยัคฆ์ร้ายเช่นนี้ได้ การตีตัวหลุนกับที่อื่นนั่นไม่เหมือนกัน ทหารม้าชนเผ่ารอบนอกเมืองกุยฮว่าเฉิงกำลังมากพอ แม้แต่ทางหนิงเซี่ยเองก็สนใจ

เพราะตัวหลุนเป็นที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดบนทุ่งหญ้า เมืองกุยฮว่าเฉิงก็เป็นที่ดี  แต่กลุ่มพ่อค้าติดอาวุธกับโรงบ้านล้วนครอบครองผลประโยชน์ไปหมดแล้ว ชนเผ่าต่างๆ ก็มากไป แต่ตัวหลุนไม่เหมือนกัน ที่นี่เริ่มแรกก็เป็นที่เลี้ยงสัตว์และล่าสัตว์ที่ดีมาก ติ้งเป่ยโหวกับกลุ่มพ่อค้าล้วนอนุญาต ที่นี่ย่อมแบ่งสรรเป็นพื้นที่เลี้ยงสัตว์ให้กับผู้มีความชอบ พื้นที่หญ้าอุดมเช่นนี้ ผู้ใดไม่อยากได้ครอบครองสักผืน ผู้ใดไม่คิดครอบครองให้มากอีกหน่อย

แม้ทุกคนรู้ว่ากลุ่มพ่อค้าเมืองกุยฮว่าเฉิงจะมาสร้างป้อมโรงบ้านกันที่นี่ แต่ขอเพียงสามารถแบ่งพื้นที่เลี้ยงสัตว์ออกมาได้บ้าง ได้รับการส่งเสริมจากป้อมโรงบ้านใกล้ๆ นำม้าวัวไปขายให้กับร้านค้าใกล้ๆ  ก็นับว่าเป็นโอกาสที่ดี

ขนาดพื้นที่เลี้ยงสัตว์ ที่ตั้งดีหรือไม่ ต้องดูว่าแต่ละฝ่ายตีมาได้อย่างไร พวกชนเผ่ารอบนอกเมืองกุยฮว่าเฉิงอะไรก็ไม่เป็น แต่การรบสู้ตายเป็นงานถนัด

ชายบนทุ่งหญ้าตอนนี้ล้วนรู้ ขอเพียงกล้าไปเสี่ยงภัย อำนาจวาสนาล้วนไม่ต้องกังวล กลุ่มพ่อค้าแต่ไรไม่เอาเปรียบ มีคนรับประกัน ทุกคนแน่นอนรุมกันมาราวฝูงผึ้ง

กำลังเผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นส่วนใหญ่ล้วนดึงไปทางตอนเหนือและตะวันออกของเมืองเหลียวโจว การต่อสู้หลายครั้งที่เมืองเหลียวโจว ทำให้พวกเขาสูญกำลังไปมาก ขณะเดียวกันยังต้องระวังป้องกันตนเองอีก ในเวลากระชั้นชิดนี้ไม่อาจสนใจทางตัวหลุนได้อีก

รถใหญ่กับปืนกลุ่มพ่อค้าติดอาวุธ กับกลุ่มผู้คุ้มกันยังไม่ทันลงมือ  เพียงแค่ชนเผ่ารอบนอกเมืองกุยฮว่าเฉิง เผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นก็แทบรักษาตัวหลุนไม่อยู่แล้ว เผ่าเล็กๆ ที่เคยสวามิภักดิ์ก็เริ่มแปรพักตร์

*****************

หวังทงตอนนี้แต่ไรไม่เคยเห็นรายงานความชอบ สาเหตุก็ง่ายมาก ตอนนี้ทหารแต่ละค่ายทุกวันล้วนรายงานความชอบมา วันนี้จับพวกนอกด่านได้เท่าไร พรุ่งนี้ตัดหัวทิ้งเท่าไร

การที่ได้รับผลสำเร็จแห่งการรบดีเช่นนี้ เป็นเพราะราษฎรเฮ่อถูอาลาพากันหนี หลังจากนู่เอ่อร์ฮาชื่อนำกองทหารและครอบครัวจากไป บรรดาชนชั้นสูงเผ่าหนี่ว์เจินในเฮ่อถูอาลาก็ส่งคนไปขอสวามิภักดิ์หวังทง ผู้ใดจะคิดว่าหวังทงไม่รับ กลับไล่กลับไป

ไหนตอนแรกส่งทูตมาว่า คิดยอมจำนนหรือจะรบ ตอนนี้กลับปิดประตูจะรบอย่างเดียว  สถานการณ์ตอนนี้ ชาวเฮ่อถูอาลาล้วนพากันหนี เดิมก็เป็นเมืองไม่ใหญ่นัก จะต้านทานกำลังทัพเกือบแสนได้อย่างไร

รายงานความดีความชอบแต่ละค่ายทหารนี้ก็ล้วนเป็นบันทึกพวกที่หลบหนีเหล่านี้  ตลาดค้ามนุษย์ที่ทัพใหญ่คึกคักมาก ทหารราบเมืองเหลียวโจวกับเมืองจี้โจวเก็บเงินไม่มาก  ก็สามารถช่วยคุมเชลยทาสพวกนี้กลับเมืองเหลียวโจวให้ พ่อค้าที่มาทำการค้าล้วนยินดียิ่ง เชลยที่จับได้ก็ได้เงิน ผู้ใดไม่ยินดีจะออกไปจับกัน

ทหารเผ่าหนี่ว์เจินที่แบ่งเป็นกลุ่มย่อยออกก่อกวนกองกำลังหมิงล้วนถูกกำจัดไปเช่นนี้ ถึงกับมีชาวเผ่าหนี่ว์เจินมาแจ้งที่อยู่ของกองทหารเจี้ยนโจวที่กองกำลังหมิงเอง  ไม่มีหมู่บ้านคอยส่งเสบียง ไม่มีหมู่บ้านคอยให้ที่พัก การเคลื่อนไหวโจมตีแบบกองโจรของพวกเผ่าหนี่ว์เจินแห่งเจี้ยนโจวก็ค่อยๆ สูญหายไป ทหารม้ากองกำลังหมิงก็ยิ่งกระจายกำลังออกตรวจตรากว้างขึ้น

 ทหารเผ่าหนี่ว์เจินแห่งเจี้ยนโจวไม่น้อยที่หลบซ่อนอยู่ตามเขาก็ถูกบีบให้ลงจากเขามาหาอาหาร จากนั้นก็ถูกกองลาดตระเวนขบวนทัพม้ากองกำลังหมิงพบเข้า ปราบราบ

ทัพใหญ่ปลายเดือนสามเข้าใกล้เฮ่อถูอาลา กองทัพประชิดเมือง รอบๆ เจี้ยนโจวเกือบครึ่งล้วนถูกเก็บกวาดราบ ป้อมค่ายถูกทำลายเรียบ จากด่านฝู่ซุ่นกวนมาถึงรอบเฮ่อถูอาลา เส้นทางล้วนมีแต่ขบวนการค้าชาวฮั่นขนส่งสินค้าและทาส มีความรุ่งเรืองอย่างมาก

ในเมืองเฮ่อถูอาลาตอนนี้มีไม่ถึงหกหัน ต้านได้อย่างไร น่าขำสิ้นดี หวังทงไม่รับคำจำนนพวกเขา คิดจะหนีออกไปก็ย่อมถูกกองกำลังหมิงจับไปเป็นทาส

สุดท้าย รอบเมืองเฮ่อถูอาลาก็มีทหารเผ่าหนี่ว์เจินที่สิ้นหวังหลายร้อยต้องบุกทัพใหญ่อย่างไม่อาจหนีได้ ประตูเมืองปิดสนิทแน่น ล้วนรอความตาย

****************

“แม่ทัพใหญ่ ทหารสี่ร้อยตีนกำแพงเมืองถูกกวาดเรียบแล้ว”

ผู้ที่มารายงานมีน้ำเสียงแปลกประหลาดอยู่บ้าง จำนวนนี้ไม่ควรมารายงานต่อหน้าหวังทงด้วยซ้ำ หวังทงส่ายหน้ายิ้ม

“หม่าหย่งนำทัพต้าถง หลี่ซานสือนำทัพเซวียนฝู่ พวกเจ้านำกำลังทหารทั้งหมดโจมตี จู่เฉิงซวิ่นนำทหารม้าหนึ่งพันเข้าประสานงาน  จากเวลานี้จนตะวันตกดิน พวกเจ้าทำอะไรในเมือง ข้าไม่ยุ่งเกี่ยว หลังตะวันตกดิน ข้าจะเผาเมืองทิ้ง ไม่ออกมา ก็อยู่เป็นเพื่อนพวกนอกด่านไปก็แล้วกัน!”

ได้ยินวาจานี้แล้ว ขุนพลทหารทุกคนเบื้องหน้าสบตากัน ล้วนมีสีหน้าตื่นเต้น วาจาหวังทงนี้ก็เท่ากับปล่อยให้พวกเขาทำอันใดก็ได้ในเมือง ให้มีความสุขได้วันหนึ่งเต็มๆ

แต่ละคนรับคำเสียงดัง นำกำลังออกไปตั้งทัพ กองกำลังที่เหลือรักษาการณ์ในตำแหน่ง ทหารม้ากองกำลังหู่เวยข้ามเฮ่อถูอาลา ต่อไปทางตะวันออกเฉียงเหนือเพื่อดูเส้นทาง ทั้งกองทัพตอนนี้อยู่ในสถานการณ์เท่ากับตั้งค่ายพัก

ปืนใหญ่ระดมยิงประตูเมืองเสร็จ ทหารหลายทางก็บุกเข้าเมืองเฮ่อถูอาลา ไม่นานในเมืองก็เริ่มลุกเป็นไฟ ได้ยินเสียงหัวเราะบ้าคลั่งกับเสียงตะโกนร้องดังและเสียงร่ำไห้ดังมาเป็นระยะ

“แม่ทัพใหญ่ ปล่อยให้คนเหล่านี้กระทำการตามอำเภอใจเช่นนี้ วันหน้าเกรงว่าจะเอาไม่อยู่ อาจเกิดเรื่องขึ้นได้!”

คนอื่นไม่พูด แต่ไช่หนานหาโอกาสกล่าวเตือน อย่างไรหากวินัยหย่อนยาน แม้แต่เป็นกองกำลังหู่เวยที่เข้มงวด แต่เห็นทหารด้วยกันทำตามอำเภอใจเช่นนี้ได้ก็กระทบขวัญทหารอยู่ไม่น้อย

เมืองเฮ่อถูอาลาเป็นเมืองหลวงเผ่าหนี่ว์เจินแห่งเจี้ยนโจวก็จริง แต่ทัพใหญ่ปราบตะวันออกเหมือนไม่หยุดแค่นี้ ยังเดินทางต่อไป  หากตอนนี้ปล่อยปละทหารเช่นนี้ จากนี้จะยุ่งยาก

หวังทงโบกมือให้ทหารติดตามออกไป ขยี้ขมับ ยิ้มกล่าวกับไช่หนานว่า

“ทหารชายแดนเหล่านี้ เจ้ายังหวังให้พวกเขารบอีกหรือ ทำร้ายราษฎรบริสุทธิ์ จึงเป็นงานถนัดพวกเขา เช่นนี้ก็ดี ให้พวกนอกด่านเห็นว่าเรากวาดเรียบไม่เหลือเป็นเช่นไร สังหารสิ้นพวกที่คิดต่อต้าน เผาสิ้นที่อยู่ของพวกกล้าเป็นปรปักษ์กับเรา ให้พวกเขาเกรงกลัว”

พอฟ้ามืด ทหารม้าในเมืองก็เริ่มออกมา แต่ละคนตามตัวล้วนเต็มไปด้วยคราบเลือด สีหน้าตื่นเต้นเหน็ดเหนื่อย จากนั้นก็เผาเมือง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด