องครักษ์เสื้อแพร 874 งิ้วโดนใจ เดือนสิบสองขึ้นเหนือ

Now you are reading องครักษ์เสื้อแพร Chapter 874 งิ้วโดนใจ เดือนสิบสองขึ้นเหนือ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 874 งิ้วโดนใจ เดือนสิบสองขึ้นเหนือ

‘ฟ้าดินซาบซึ้งลูกกตัญญู ได้รับผลดีตอบแทน’ งิ้วนี้แพร่หลายทั่วเมืองหลวงในเดือนสิบเอ็ด ว่ากันว่าเมืองเป่าติ้ง เมืองเจิ้นติ้งกับเทียนจินล้วนเตรียมแสดงงิ้วเรื่องนี้

ชายแก่ซื่อสัตย์คนหนึ่งรักลูกชายคนโต ไม่รักลูกชายคนเล็ก ตอนแบ่งสมบัติ ก็แบ่งจวนและร้านค้าให้กับลูกชายคนโตหมด ลูกชายคนเล็กกลับได้แค่เพิงพักและที่รกร้างนอกเมืองเท่านั้น

คิดไม่ถึงว่าลูกชายคนโตจะอกตัญญู ถูกสะใภ้ยั่วยุ ชายแก่ถูกขับไล่ออกจากบ้าน ร่อนเร่ตามท้องถนนน่าสงสาร พอดีกับลูกชายคนเล็กเข้าเมืองมา นำบิดากลับไปดูแลที่บ้าน กตัญญูอย่างมาก

ก่อนชายแก่จะตาย ก็ย้อนคิดถึงที่ตนเองเคยทำมา รู้สึกสำนักเสียใจมาก จึงได้ควักเอาไข่มุกสองเม็ดที่พกติดกายออกมา เดิมคิดไว้ว่าจะมอบให้ลูกชายคนโต แต่ตอนนี้ย่อมมอบให้ลูกชายคนเล็ก

ไข่มุกสองเม็ดนี้มีค่าถึงพันตำลึงทอง ครอบครัวลูกชายคนเล็กย่อมมีชีวิตที่ดีขึ้น คิดไม่ถึงว่าพี่ชายแอบรู้เรื่องเข้า ไปฟ้องทางการ บอกว่าบิดาทิ้งสมบัติไว้ให้ตนเองต่าง ๆ นานา

ยังร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ชั่วร้ายและนักเลงในเมือง สุดท้ายท่านผู้ว่าให้ความเป็นธรรม ตัดสินให้ไข่มุกสองเม็ดเป็นของลูกชายคนเล็ก

การแก่งแย่งสมบัติ ทำดีได้ดีเรื่องพวกนี้เป็นความชอบที่สุดของราษฎร นับประสาอันใดกับเรื่องที่เล่นยังเป็นเรื่องที่กำลังอยู่ในความสนใจของหมู่ราษฎร เข้าถึงได้ง่าย ยังมีเรื่องราวมากมายที่ทุกคนชอบดู เทียบกับองครักษ์เสื้อแพรกล้าหาญเข้าปราบพวกนอกด่าน พวกโจรลัทธิไตรสุริยันแล้ว ก็ดึงดูดมากกว่า

งิ้วนี้แพร่ไปทั่วเมือง ในใจราษฎรก็เริ่มคิดโยง ในงิ้วแสดงให้เห็นอย่างไรก็ย่อมเป็นทิศทางที่ชาวบ้านจะเอนเอียงไป ความเห็นทุกคนเหมือนกัน ก็คือลูกคนไหนไม่สำคัญ สำคัญที่ดี กตัญญูบิดามารดาก็พอ เป็นผู้ควรได้สืบทอดกิจการ

ขุนนางตรวจสอบยื่นฎีกาว่าการทำเช่นนี้ใช่ว่าเป็นการหาข้อพิพาทคดีลูกชายคนโตสืบทอดกิจการหรอกหรือ ทุกคนรู้ว่าเจตนาหมายถึงสิ่งใด งิ้วเรื่อง ‘ฟ้าดินซาบซึ้งลูกกตัญญู ได้รับผลดีตอบแทน’ นี้ คนที่เกี่ยวข้องทุกคนย่อมรูว่ามุ่งหวังเพื่อสิ่งใด

หลักการธรรมเนียมของบรรดาขุนนางบัณฑิตชิงหลิวมีคนรู้ด้วยไม่เท่าไร แต่งิ้วในเมืองหลวงไม่รู้ว่ามีคนมากมายเท่าไรที่ได้ดู แม้แต่ขุนนางเมืองหลวงก็ได้ดู

และพอดูจบ ก็ได้รับอิทธิพลไปไม่แพ้ชาวบ้าน เมืองหลวงเพิ่งจะเริ่มมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ก็ค่อย ๆ เปลี่ยนทิศทางไป ทว่าเรื่องงิ้วที่เล่นนี้ ทางนี้เล่นได้ทางนั้นก็เล่นได้ มีคนยอมจ่ายเงิน ไม่นาน อีกฝั่งก็เริ่มมีงิ้วใหม่ออกแสดงเช่นกัน

ส่วนเนื้อหาที่เล่นนั้นแน่นอนก็ย่อมตรงข้ามกับเนื้อหาลูกกตัญญูก่อนหน้า บอกว่าลูกชายคนโตสืบทอดกิจการบรรพชนเป็นหลักการธรรมเนียม การมอบให้คนอื่นที่ไม่ใช่ลูกคนโตนั้นเป็นการทำลายหลักการ…

ภาษาในงิ้วยอดเยี่ยม ยังมีบัณฑิตเขียนต่อบทเพื่อการนี้ เพื่อแต่งเติมบทให้ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น เมืองหลวงกิจการคัดลอกข่าวดีขึ้นไม่น้อย ที่แท้หากต้องการสร้างข่าวยังต้องจ่ายเงิน ตอนนี้มีคนให้เงินพวกเขากระจายไปทั่ว

ทว่าพูดไปพูดมา ทุกคนก็ไม่ได้เอ่ยถึงจูฉางลั่วและจูฉางสวิน ผู้ใดก็ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องรัชทายาท แต่ทุกคนรู้ดีว่า กำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่

เหนือความคาดหมายของทุกคนก็คือข่าวร้อนแรงที่สุดในเมืองหลวงไม่ใช่ข่าวนี้ ระยะนี้เมืองหลวง ทุกคนวิพากษ์วิจารณ์กันเรื่องความโชคร้ายของอดีตมหาอำมาตย์จางซื่อเหวย

จางซื่อเหวยล้มลง พรรคพวกจางจวีเจิ้งได้นั่งตำแหน่งมหาอำมาตย์  แต่ในยามที่รุ่งเรืองที่สุด บิดาเขากลับจากไปกะทันหันด้วยโรคปัจจุบันทันด่วน ตอนนั้นฮ่องเต้ว่านลี่ไม่ทรงยับยั้งไว้ จางซื่อเหวยได้แต่กลับบ้านเกิดมาไว้ทุกข์เงียบๆ อำนาจที่ได้มาสูญสลายในพริบตา

อยู่บ้านได้เกือบสองปีแล้ว ปีหน้าก็จะจบแล้ว เห็นอยู่ๆ ว่าอดทนมาจนจะครบแล้ว ในห้วงเวลาสำคัญนี้เองก็มีคนตายกะทันหันไปอีก ตายไปถึงสามคน น้องชายสองคนของจางซื่อเหวย ยังมีอาอีกหนึ่ง อยู่ๆ ตายจากไป จางซื่อเหวยเป็นตระกุลใหญ่ที่มีกันหลายคนมารวมกัน พี่น้องล้วนเติบโตมาด้วยกัน การจากไปกะทันหันนี้ทำให้จางซื่อเหวยสะเทือนใจหนักมาก

ข่าวจากมณฑลซานซีมายังเมืองหลวง จางซื่อเหวยทนรับความกระทบกระเทือนใจไม่ไหว ล้มป่วยลุกไม่ขึ้นแล้ว สุขภาพกับสติตอนนี้พังทลายสิ้นแล้ว

ครั้งหนึ่งกำลังอยู่ในอำนาจสูงสุดก็ต้องจากไป ครั้งนี้เห็นๆ ว่ากำลังจะได้ฟื้นคืน ก็กลับประสบเหตุสะเทือนใจเช่นนี้ จางซื่อเหวยสติพังทลายหมดสิ้น พอได้ยินเช่นนี้ หลายคนก็พากันรู้สึกสงสาร รู้สึกว่าเป็นเพราะไร้วาสนา ได้แต่ยอมรับชะตากรรม

พอข่าวนี้มายังเมืองหลวง หลี่จื๋อที่ถูกขังคุกอยู่ก็สติแตกหมดสิ้นไปอีกคน รอบจวนมหาอำมาตย์เซินสือหังมีคนได้ยินเสียงพิณบรรเลง

*************

หวังทงพอได้ยินข่าวเช่นนี้  เขากับกองคาราวานได้ออกจากเมืองหลวงมาหลายสิบลี้แล้ว ตอนได้ยินข่าวนั้น เขารู้สึกต่างจากคนอื่น

“…….พี่เจ็ดไม่มีหน้ามาพบท่านโหว แต่จางซื่อเหวยคุ้มกันแน่นหนาจริง ว่ากันว่าเขาระวังตัวมาก เกรงว่าเมืองหลวงมีคนไม่พอใจเขา พี่เจ็ดไม่รู้ทำเช่นไร ได้แค่หาที่ง่ายแก่การลงมือ…”

ในห้องรถม้าขนาดใหญ่ที่ใช้ม้าลากถึงสี่ตัว หวังทงกำลังนั่งกินโจ๊กอยู่ ตั้งแต่ออกจากเมืองหลวงมา ก็เริ่มกินโจ๊กผสมเนื้อแพะอ่อนๆ ทุกวันกินชามหนึ่ง ค่อยๆ เสริมกำลัง

หน้าหวังทงมีคนผู้หนึ่งคุกเข่าอยู่ มองดูการแต่งกายแบบชาวบ้าน นอบน้อมยิ่ง ไม่กล้าขยับตัว หวังทงกินโจ๊กไปกล่าวไปว่า

“คนเราที่น่าสลดที่สุดในชีวิตไม่มีสิ่งใดเกินกว่าไร้ญาติในครอบครัว มันทุกข์ยิ่งกว่าตาย ชายชราย่อมไม่อาจทนกระทบกระเทือนใจเรื่องนี้ได้ ท่านอำมาตย์จางช่างน่าสงสารจริง”

ได้ยินเขากล่าวเช่นนี้ คนที่คุกเข่าก็เงยหน้าขึ้น แสดงสีหน้างงงวย ตามด้วยโขกศีรษะกล่าวว่า

“ข้าน้อยเข้าใจแล้ว จะกลับไปถ่ายทอดคำสั่ง!”

กล่าวจบก็โขกศีรษะ ก็ลงจากรถม้าไป ข้างรถม้ามีม้าตัวหนึ่งผูกอยู่ ได้ยินเสียงฝีเท้าม้า คนจากไปไกลแล้ว

หลังหวังทงออกจากเมืองหลวง  ก็มุ่งไปทางตะวันตกเข้าสู่มณฑลซานซี จากนั้นก็ขึ้นเหนือจากมณฑลซานซีไปยังเมืองกุยฮว่าเฉิง ตั้งแต่จากเมืองหลวงมา ก็มีหิมะตกสองระลอกแล้ว

 สำหรับพวกหวังทงแล้ว ใกล้เดือนสิบสองขึ้นเหนือ เหมือนชินแล้ว ทุกปีก็เป็นเช่นนี้ เพียงแต่หลายครั้งก่อนไปออกศึก แต่ครั้งนี้ไปพักรักษาตัว

หากจะใช้คำว่าเดินทางแสนสบายเพราะชำนาญทางก็เหมาะสมอยู่ ก็ชำนาญจริง ๆ หวังทงขอราชโองการมาจากฮ่องเต้ว่านลี่จัดการเรื่องการทหารและเรื่องชาวบ้านที่เมืองกุยฮว่าเฉิงให้เป็นระเบียบ ลูกน้องเตรียมการไม่กี่วันก็เรียบร้อย

รถใหญ่บรรทุกหญ้าสำหรับม้า ยังมีผู้คุ้มกันหนึ่งนาย ครั้งนี้ทัพม้าก็ตามมาด้วย มีผู้คุ้มกันสี่ร้อยนายมาจากกองกำลังหู่เวย

นอกจากซ่งฉานฉานที่ใช้ข้ออ้างว่าเฝ้าจวนอยู่เมืองหลวงแล้ว คนที่เหลือก็ติดตามมายังเมืองกุยฮว่าเฉิงกันหมด ประเด็นก็คือหวังทงมีรถที่สะดวกสบายมาก เหมือนบ้านเคลื่อนที่ คนชราอยู่ก็ไม่รู้สึกหนาวเหน็บอันใด

หม่าซานเปียวพาทั้งครอบครัวมาหมด ทหารคนสนิทติดตามก็เช่นกัน เดิมคิดจะรอซาตงหนิงสองสามวัน ทว่าเขาอยู่ทางนั้นน่าจะมาไม่ทัน ได้แต่ให้เขากลับไปเทียนจินรอคำสั่งก่อน

ออกจากเมืองหลวงมาได้สองสามวัน ทุกคนพากันถอนหายใจ หมอเทวดาข่งโหย่วหวาไม่ธรรมดาเลยจริงๆ เห็นๆ เลยว่าพอเข้าสู่ที่หนาวเย็น ท่านโหวที่สุขภาพอ่อนแอก็ค่อยๆ ดีขึ้น สองวันแรกยังดี จากนั้นถึงกับลงจากม้ามาเดินได้ ยังออกกำลังกายได้ด้วย อาหารก็กินได้มากขึ้น

คนหนึ่งที่ทนหิวมานาน ร่างกายย่อมอ่อนกำลัง ตอนนี้ค่อย ๆ ฟื้นตัวแล้ว กำลังวังชากับจิตใจก็ค่อย ๆ ดีขึ้น ที่จริงแล้วความเร็วในการฟื้นคืนนี้เรียกได้ว่ามหัศจรรย์มากในสายตาทุกคน เมื่อเป็นเช่นนี้ ไปเมืองกุยฮว่าเฉิงย่อมเป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมที่สุด

มีคนไปแจ้งข่าวยังเมืองหลวง หมอเทวดาข่งโหย่วหวาก็ยิ่งมีชื่อเสียง ฉายาว่าหมอเทพแห่งยุค เรื่องนี้ไม่ต้องพูดถึง

ขบวนหวังทงเดินทางไม่เร็วนัก ต้นเดือนสิบสองเข้าสู่มณฑลซานซี พอเข้ามณฑลซานซี  สื่อชีกับทหารองครักษ์เสื้อแพรสองสามนายก็ตามมา ‘สมทบ’ ทัน

ตามมาสบทบหรือไม่ ทุกคนไม่อาจวิเคราะห์ได้ เขาอ้อมมาร่วมขบวนด้านหลังตอนดึก

จางซื่อเหวยล้มป่วย…ข่าวนี้ไปทั่วมณฑลซานซี  ทุกคนพากันถอนใจ ท่านอำมาตย์จางที่จริงแล้วกำลังรุ่งแท้ ๆ ไยสวรรค์ไม่ไยดี ครอบครัวต้องมาล้มตายกะทันหันไปหมด  กำลังใจหดหาย  เดาว่าไม่อาจยืนหยัดต่อไปได้แล้ว ช่างน่าสงสารจริง น่าสงสารยิ่งนัก

หวังทงหยิบเงินหนึ่งหมื่นตำลึงจากในรถมอบให้พวกสื่อชี จากนั้นให้อีกห้าพันตำลึง ให้พวกเขาไปเที่ยวเมืองต้าถงสองสามวัน พวกสื่อชีรับเงินไปแต่ไม่ได้ไปเมืองต้าถง เพราะการคุ้มกันขบวนรถก็เป็นหน้าที่พวกเขา หวังทงก็ตามใจพวกเขา

ที่นี่ไม่เหมือนกับแดนใต้ มณฑลซานซีให้ความสำคัญมาก ผู้ตรวจการมณฑลซานซีรีบส่งผู้คุ้มกันกับคนนำทางมาแต่เนิ่นๆ ผู้บัญชาการเมืองต้าถงหม่าต้งก็ส่งทหารมาอารักขา

จะว่าไปหม่าต้งเป็นคนที่ได้ประโยชน์จากชัยชนะเมืองกุยฮว่าเฉิงตัวจริง  เดิมส่งกำลังตามไปร่วมรบที่เมืองกุยฮว่าเฉิง พอรบเสร็จ เขากลับยังเก็บทหารเก่งกล้ากลับคืนไป ทหารเป็นดังสมบัติขุนพล ย่อมไม่ยอมยกให้ผู้ใดง่ายๆ ไม่ว่าผู้ใดก็ต้องกลับมาสังกัดเดิม

หม่าต้งได้จากเมืองกุยฮว่าเฉิงไปมากมายเหลือเกิน ยังสานสายสัมพันธ์เมืองหลวงเรียบร้อย เงินก้อนโตหว่านไป ความขัดแย้งก็สลายไป ผู้ใดก็ไม่อยากมีปัญหากับเงินทอง เมื่อเป็นเช่นนี้ กอปรกับกำลังของหม่าต้งเอง กำลังในมือจึงเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว

แม้กล่าวว่าทุกคนเป็นข้าราชสำนัก แต่กำลังในมือนั้นไม่เหมือนกัน ผู้บัญชาการเมืองต้าถงหม่าต้งตอนนี้บารมีข่มผู้ตรวจการและผู้บัญชาการมณฑลทหารไปแล้ว แม้แต่ขันทีคุมเสบียงต่อหน้าเขายังต้องเกรงใจ ประเด็นก็คือหลังสงครามเมืองกุยฮว่าเฉิง กำลังตระกูลหม่าของหม่าหลินที่เป็นรองขุนพลที่เมืองเหลียวโจวยังโดดเด่นไม่เท่า แม่ทัพหม่าฟางมีจดหมายมาชื่นชมแล้ว เด็กหนุ่มในตระกูลหม่าที่เมืองเซวียนฝู่ล้วนอยากมาอยู่เมืองต้าถง

ถูกกดมาหลายปี แต่พลิกกลับในคืนเดียว บารมีก็ส่วนบารมี หม่าต้งยังไม่ลืมที่มา รู้ว่าตนเองเพราะมีวันนี้เพราะใคร ดังนั้นพอหวังทงเข้าเขตมา เขายังกระตือรือร้นกว่าใคร มีอันใดต้องจัดหาก็รีบจัดหามาให้ ไม่ต้องให้หวังทงเอ่ยปาก

เดินทางผ่านมณฑลซานซีไปอย่างราบรื่น หลังวันที่ 25 เดือนสิบสองขบวนหวังทงก็ผ่านช่องเขาสังหารพยัคฆ์ เข้าสู่ทุ่งหญ้า…

…………

***ตามประวัติศาสตร์ จางซื่อเหวยกลับบ้านเกิดไปไว้ทุกข์สองปี พี่น้องหลายคนยังมีมารดาเลี้ยงก็ป่วยตายกะทันหัน เขาสะเทือนใจจนล้มป่วยจากไปด้วย จึงได้แต่งเรื่องต่อจากตรงนี้

แม้ว่าประวัติศาสตร์ว่าไว้เรียบง่าย แต่เป็นตระกูลยิ่งใหญ่ อยู่ๆ จะป่วยตายไปมากมายเช่นนี้ได้อย่างไร ผู้ใดจะรู้ความจริง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด