องครักษ์เสื้อแพร 1016 นี่เป็นพื้นที่ผืนงาม

Now you are reading องครักษ์เสื้อแพร Chapter 1016 นี่เป็นพื้นที่ผืนงาม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บรรดาขุนพลเมืองเหลียวโจวคุกเข่าใจเต้นไม่เป็นจังหวะ มีคนแอบเหล่มองทหารติดตามหวังทงที่บางคนมือจับด้ามดาบไว้แล้ว ในใจก็ยิ่งหวาดกลัว

พวกเขาไม่รู้ว่าทหารติดตามหวังทงเป็นเพราะหลี่หรูป๋ออยู่ ๆ คุกเข่าลง ทุกคนจึงมีปฏิกิริยาเช่นนั้น เดิมในใจคิดไม่ดีนัก มาอยู่ตรงหน้าก็ยิ่งคิดมากเกินไป มีคนคิดถึงเหตุใดหวังทงให้แต่ละค่ายนำทหารม้ามาได้แค่ 500 มิใช่เพื่อสะดวกลงมือหรอกหรือ น่าเสียดายตอนนั้นผีบังใจ ไม่รู้จักคิด ตอนนี้เสียใจภายหลังก็สายไปเสียแล้ว

“ทหารราบพวกเจ้าก็เป็นชาวนา ถึงกับเทียบชายฉกรรจ์จากหมู่บ้านตามค่ายต่างๆ ยังไม่ได้ เป็นเพราะอาศัยทหารในสังกัดขุนพล ทหารม้าพวกเจ้าเทียบกับทหารม้าพวกนอกด่านเป็นเช่นไร เทียบกับทหารม้าข้าแล้วเป็นอย่างไร?”

หวังทงเอ่ยถามขึ้น หลี่หรูป๋อเงยหน้ามองสีหน้าหวังทง หวังทงสีหน้าเรียบเฉย มีแต่รอยเหนื่อยล้าและเหมือนกำลังคิด มองไม่เห็นความโหดเหี้ยมอันใด สถานการณ์ตอนนี้ ได้แต่ตอบไปตามตรงว่า

“เทียบทหารแม่ทัพใหญ่ไม่ได้!”

ทหารเจี้ยนโจวยกทัพบุก ตอนต่อสู้องอาจกล้าหาญ ทหารเมืองเหลียวโจวไม่รู้สึกว่ากองกำลังนี้จะทำได้เช่นนี้ ความเก่งกล้าไม่ได้ต่างกันมา แต่เพราะตอนนี้เลี้ยงดูกันสบายเกินไป  ทุกคนต่างมีกิจการ จึงไม่ค่อยตั้งใจสู้รบพลีชีพบนสนามรบ นี่ยังแค่สู้กับเผ่าหนี่ว์เจิน หากต่อหน้ากองกำลังหู่เวย อานุภาพปืนไฟกับปืนใหญ่ทุกคนล้วนเห็นด้วยตา ความจริงนั้น พวกที่หัวไวสักหน่อยก็สามารถวิเคราะห์เข้าใจได้ แม้แต่กองกำลังหู่เวยถือเพียงทวนยาว ใช้ขบวนทัพม้าก็ยังไม่อาจได้เปรียบ

หวังทงพยักหน้า เอ่ยถามขึ้นอีกว่า

“พวกเจ้าตระกูลหลี่อยู่เมืองเหลียวโจวนาน เทียบกับทหารหน่วยค่ายอื่นแล้วเรียกได้ว่าเก่งกล้ากว่า ย่อมไม่ยอมให้จัดการ แตะต้องสมบัติที่นาพวกเจ้า พวกเจ้าย่อมคิดเคียดแค้นในใจ แอบหาทางก่อการไม่ว่า ไม่แน่ยังอาจถืออาวุธขี่ม้าออกมากระทำการไม่ควรทำ ใช่หรือไม่?”

วาจานี้ตรงไปตรงมาอย่างมาก เมืองเหลียวโจวอาศัยกำลังลูกน้องเก่งกล้าเป็นใหญ่ ยังอาศัยกองกำลังขูดรีดสะสมเงินทอง จากนั้นขยายอิทธิพลเลี้ยงดูทหารยิ่งมาก เป็นเช่นนี้ต่อมาเรื่อยๆ

ทหารสังกัดตระกูลหลี่ในชื่อถือเป็นทหารแผ่นดินหมิง แต่มีเพียงตระกูลหลี่ออกคำสั่งได้ ผลประโยชน์ตระกูลหลี่เสียหาย ทหารเก่งกล้าเหล่านี้ย่อมไม่นั่งดูเฉย

เรื่องจริงเช่นนี้ ตระกูลหลี่รู้ คนอื่นก็ย่อมรู้ ดังนั้นเมืองเหลียวโจวแต่ไรไม่เคยเสียภาษีให้ราชสำนัก  ได้รับสิทธิพิเศษแต่ละอย่างสบาย ร่ำรวยใต้หล้า ยังได้รับเบี้ยหวัดและเสบียงจากราชสำนักส่วนกลาง

เมื่อก่อนเป็นเช่นนี้ หากมีคนถามขึ้นเช่นนี้ หลี่หรูป๋อดีไม่ดีก็คงยอมรับนิ่งๆ  อาจจะกระแทกกลับก็เป็นได้  แต่ตอนนี้ต่อหน้าหวังทง กำลังเมืองเหลียวโจวนั้นไม่นับว่ากระไรนัก เอ่ยก็ไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึง หลี่หรูป๋อเริ่มหนาวไปทั้งตัว ก้มหน้ากล่าวเบาๆ ว่า

“มิกล้าๆ  เมืองเหลียวโจวเป็นเมืองเหลียวโจวแผ่นดินหมิง พวกข้าน้อยเป็นขุนนางแผ่นดินหมิง ไหนเลยจะกล้าเหิมเกริมไร้คุณธรรมเพียงนั้น”

ทหารติดตามย้ายลังไม้ใหญ่ลงมาจากรถใหญ่ ใช้พรมปิดไว้ เป็นที่นั่งให้หวังทง หวังทงนั่งกางขาองอาจอยู่ตรงนั้น พื้นไม่สะอาดนัก ขุนพลเมืองเหลียวโจวคุกเข่าอยู่ตรงนั้น หวังทงไม่ได้คิดเรียกให้พวกเขาลุกขึ้น  หากกล่าวต่อว่า

“วันนี้ที่ข้าควรกล่าวก็กล่าวแล้ว ตั้งแต่ข้าก้าวเข้าสู่เหลียวโจว การต่อสู้ที่ผ่านมา พวกเจ้าอาจเคยได้ยินได้เห็นมาแล้ว ความสามารถเหนือกว่าหรือต่ำกว่าพวกเจ้าเองก็คงรู้แล้ว จากนี้ไปเมืองเหลียวโจวหากมีการเคลื่อนไหวผิดปกติ ตอนนี้ทัพใหญ่ก็จะกำจัดพวกเจ้าทิ้งทันที”

พวกหลี่หรูป๋อล้วนพากันโขกศีรษะ กล่าวติด ๆ กันว่าไม่กล้าๆ  พูดถึงตรงนี้ ขุนพลเมืองเหลียวโจวเริ่มใจสงบลงบ้าง ไม่เหมือนกับเมื่อครู่ที่หวาดกลัวยิ่ง หวังทงกล่าวเรื่องเหล่านี้เหมือนเป็นการเตือน

“ตระกูลหลี่ในเมืองเหลียวโจวครอบครองพื้นที่ทำนาไปหมด พวกเจ้าเองก็คายออกมาละกัน การค้าต่างๆ ในเมืองเหลียวโจว ภาษีต่างๆ ราชสำนักล้วนจะส่งคนมาควบคุม พวกเจ้ายินยอมหรือไม่?”

เมืองเหลียวโจวเป็นเรื่องของหลี่เฉิงเหลียง  คนเบื้องหน้าเหล่านี้จะตัดสินใจได้อย่างไร แต่คนเหล่านี้เป็นทหารเมืองเหลียวโจวระดับหัวหน้าทหารแต่ละหน่วย หลี่เฉิงเหลียงเห็นด้วยหรือไม่กับความคิดนี้ของหวังทงไม่สำคัญ ด้วยกำลังเมืองเหลียวโจวตอนนี้ไม่อาจต่อต้านคำสั่งราชสำนักได้ การเปรียบเทียบนี้กับการรับรู้นี้เพียงพอแล้ว

หวังทงพูดได้กระจ่าง ขุนพลตระกูลหลี่เองก็ล้วนเข้าใจ หลี่หรูป๋อแอบสงสัยครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจทันที ลังเลสงสัยไปไม่มีประโยชน์อันใด ท่าทีหวังทงชัดเจนมาก จากนี้ราชสำนักจะส่งขุนนางบุ๋นมาประจำเมืองเหลียวโจว ยึดคืนสิทธิพิเศษและอำนาจผลประโยชน์ตระกูลหลี่คืนไป หากตระกูลหลี่ไม่ยินยอม ก็ย่อมต้องเผชิญกับการกวาดล้างใหญ่ แหลกสลายเป็นชิ้น คิดเทียบดูแล้ว หลี่หรูป๋อเริ่มน้ำเสียงสั่น คุกเข่ากล่าวว่า

“แม่ทัพใหญ่กล่าวอันใดเช่นนั้น ราชสำนักมีราชโองการมา ตระกูลหลี่จะกล้าไม่ปฏิบัติตามได้อย่างไร นี่เป็นหน้าที่ของขุนนางในพระองค์”

“คำพูดเหล่านี้ พวกเจ้าเองจดจำให้ดี ข้าไม่ได้มาปลอบใจพวกเจ้า แต่มาตักเตือนเท่านั้น อย่าได้หาว่าไม่บอกกล่าวก่อน ขอกล่าวกันตรงหน้าตอนนี้ให้กระจ่าง”

เดิมทีหลังชัยชนะใหญ่ ขุนพลทหารเมืองเหลียวโจวล้วนตื่นเต้นยินดี  ความดีความชอบเช่นนี้เห็นได้ชัดว่ายิ่งใหญ่ แม้ว่าความชอบอันดับแรกจะเป็นของกองกำลังหู่เวย แต่ความชอบเช่นนี้ แม้ว่าแบ่งสรรกัน ก็ยังเรียกได้ว่าก้อนโต คิดไม่ถึงว่าดีใจได้ไม่นาน ก็ถูกเรียกมาพบหวังทง  สั่งสอนข่มขู่ราวกับตบหน้า  พริบตาทุกคนล้วนหนาวสันหลังวาบ ยังมีคนคิดได้ว่า หรือเมื่อครู่ที่วิจารณ์กันนั้น หวังทงได้ยินเข้า

“ชัยชนะใหญ่วันนี้ พวกเจ้าล้วนออกแรงไม่น้อย ลุกขึ้นได้!”

กำลังไม่สบายใจและสงสัยอยู่นั้น ก็ได้ยินหวังทงกล่าวเช่นนี้  ทุกคนล้วนยังงง แต่ตอนนี้หวังทงสรุปเรียบร้อย ไม่มีที่ให้พวกเขาได้กล่าวอันใด ที่ทำได้ตอนนี้ก็คือก้มหน้ารับคำสั่งนอบน้อมเท่านั้น

ทุกคนลุกขึ้น หวังทงยกมือวาดอากาศ เอ่ยถามขึ้น

“จากด่านฝู่ซุ่นกวนเส้นทางนี้มา ระหว่างทางพวกเจ้าคิดอย่างไร เทียบกับเมืองเหลียวโจวแล้วเป็นอย่างไร?”

คำถามนี้หมายความว่าอะไร ทุกคนยังคงงง หลี่หรูเจินอายุน้อยในหมู่คนเหล่านี้ จึงไม่ได้คิดระวังมากนัก เอ่ยตอบตรงไปตรงมากล่าวว่า

“เรียนแม่ทัพใหญ่ หมู่บ้านยากจนนอกกำแพงเมืองนี้จะเทียบกับเมืองเหลียวโจวได้อย่างไร แม้แต่เฮ่อถูอาลา หรือเสิ่นหยาง ก็ยังไม่ได้เลย”

คำตอบตรงไปตรงมาของเขา ทำให้หลี่หรูเหมยยกเท้าเตะไปทีหนึ่ง จึงได้เงียบลง ยามนี้หวังทงท่าทีดีกว่าเดิม สีหน้ามีรอยยิ้ม เอ่ยถามขึ้น

“แต่ละแห่งตลอดทางมานี้ เทียบกับหมู่บ้านรอบเหลียวหยาง เสิ่นหยางล่ะ?”

คิดไม่ถึงหวังทงถามเช่นนี้ขึ้น ทุกคนเริ่มพากันคิด หลี่หรูป๋อเงียบไปครู่หนึ่ง เอ่ยตอบว่า

“ข้าน้อยมักไปตามหมู่บ้านพวกนี้บ่อยๆ  หมู่บ้านแถบเมืองเหลียวโจวกับหมู่บ้านทางนี้ไม่ต่างกันนัก ว่ากันว่ามีผลผลิตยิ่งมากกว่า!”

หวังทงพยักหน้าชี้ไปยังทางตะวันออกเฉียงเหนือกล่าวว่า

“เจี้ยนโจวมีพื้นที่ไม่ถึงหนึ่งในสามของเมืองเหลียวโจว หากนับรวมเผ่าหนี่ว์เจินแห่งไห่ซีทางนั้นล่ะ นับพวกเผ่าหนี่ว์เจินบนเขาด้วยล่ะ มีหมู่บ้านเท่าไร?”

ทุกคนเริ่มคิดคำนวณ  แต่ก็ยังไม่เข้าใจว่าหวังทงต้องการบอกอะไร หวังทงสีหน้ามีรอยยิ้มมากยิ่งขึ้น กล่าวต่อว่า

“ริบคืนจากเมืองเหลียวโจวของพวกเจ้าไป พวกเจ้าคิดแล้วคงเจ็บปวดใจ เหมือนถูกเฉือนเนื้อออก พวกเจ้าตระกูลหลี่หลั่งเลือดเนื้อเพื่อแผ่นดินหมิง อย่างไรก็ต้องชดเชยให้พวกเจ้า พื้นที่นอกกำแพงเมืองกว้างใหญ่และมีแรงงานมาก ล้วนเป็นของพวกเจ้าแล้ว  ทางเจี้ยนโจวข้าก็เก็บกวาดให้แล้ว แต่ละค่ายทหารคิดจะแบ่งอย่างไร พวกเจ้าไปตกลงกันเอง  ทางไห่ซีและทางเขาตอนเหนือ พวกเจ้าต้องการครอบครองเท่าไร ก็อาศัยความสามารถไปจัดการเอาเอง ไม่เช่นนั้น ไม่งั้นกลุ่มพ่อค้าเมืองกุยฮว่าเฉิงก็จะมาแย่งชิงไปแล้ว”

ทุกคนล้วนอึ้งไป วาจาหวังทงไม่ต่างกับที่หวังซีเจวี๋ยกล่าวในงานเลี้ยง เพียงแต่หนึ่งนุ่มนวล อีกหนึ่งตรงไปตรงมา

การบุกเบิกนอกกำแพงเมืองล้วนมีความยากลำบากมากมาย แต่ทว่าอย่างไรก็ถือว่าเป็นการชดเชยให้ เผ่าหนี่ว์เจินแห่งไห่ซีกับเผ่าหนี่ว์เจินบนเขาตอนเหนือเป็นอย่างไร ชาวเมืองเหลียวโจวล้วนกระจ่าง แม้ไม่สู้เมืองเหลียวโจวหลายแห่ง แต่ก็ไม่ใช่ที่รกร้าง จับชาวเผ่าหนี่ว์เจินมาเป็นแรงงานเพาะปลูกได้อีก ในเวลาสั้นๆ ย่อมไม่อาจส่งขุนนางบุ๋นมาควบคุมได้ ภาษีอันใดก็ไม่ต้องเสีย แน่นอนผลประโยชน์มากมาย

“โสมคน ขนสัตว์ และสินค้าป่าอื่นๆ กับพวกไม้ท่อน พวกเจ้ากุมผลประโยชน์พวกนี้ไว้ได้มากเท่าไร แน่นอนย่อมไม่ต้องให้ข้ากล่าวละเอียด  สามารถค้าขายเกลือและผ้ากับของใช้ต่างๆ ไปยังแต่ละแห่งได้ นับเป็นผลประโยชน์ใหญ่ไม่น้อย”

พูดถึงตรงนี้  ขุนพลเมืองเหลียวโจวสีหน้าที่เคยกลัดกลุ้มพลันหายไป หลายคนที่อายุน้อยถึงกับเริ่มยิ้มแก้มปริ ให้พวกทาสไปเพาะปลูก ทุกปีอย่างไรก็เป็นผลประโยชน์ไร้จำกัด แต่หากเปิดการค้าได้ ก็ย่อมราวภูเขาเงินทะเลทองคำ คนพอมีสถานะในเมืองเหลียวโจวล้วนมีการค้าที่เทียนจิน แน่นอนรู้ว่าการค้านี้ทำกำไรได้มากมายเพยงใด

คิดไปคิดมาแล้ว ก็เหมือนว่ายิ่งคุ้มกว่าอีก ขุนพลที่นี่ตอนนี้อายุยังน้อยทั้งนั้น ก็มักคิดถึงสิ่งใหม่ เรื่องที่จะพัฒนาใหม่

หลี่เฉิงเหลียงสนใจแค่ที่นาและการค้าสามอย่างเช่น เกลือ ชาและม้าเท่านั้น แม้ว่ามั่นคง แต่ทุกอย่างล้วนกุมไว้หมดแล้ว ทุกคนหนึ่งคิดว่าไม่พอ สองรู้สึกว่าน่าเบื่อ ล้วนคิดจะบุกเบิกเส้นทางใหม่ด้วยตนเอง หวังทงกล่าวเช่นนี้ ก็เริ่มคิดหนทางได้ อารมณ์จึงเริ่มคึกคักขึ้น

หวังทงกล่าวถึง ‘กลุ่มพ่อค้าเมืองกุยฮว่าเฉิง’ พวกเขาแน่นอนรู้ว่าหมายถึงอะไร คนเหล่านี้ออกกวาดล้างมีชื่อเสียงโหดเหี้ยมบนทุ่งหญ้า เมืองเหลียวโจวเองได้ยินมามาก ได้ยินหวังทงเอ่ยถึง ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะร้อนใจ ดูท่าต้องรีบแล้ว รอให้พวกหมาป่าพวกนั้นมาถึง อันใดล้วนไม่เหลือให้ทุกคนแล้ว

แต่หลี่หรูป๋อเหมือนประสบการณ์มากกว่า จึงคิดต่างกับทุกคน เขากระแอมไอสองสามที เพื่อให้ทุกคนหยุดส่งเสียงจอกแจก ออกหน้ามาประสานมือคำนับกล่าวว่า

“แม่ทัพใหญ่ พวกข้าน้อยแม้ว่าคิดทำเรื่องพวกนี้ แต่ก็ไม่คุ้นเคย เกรงว่าจะผิดพลาด ทำให้แม่ทัพใหญ่ผิดหวัง และการค้าต่างๆ คนไม่รู้วิธีก็ย่อมไม่ได้ ร้านสามธาราเทียนจินกับเมืองเหลียวโจวมีการคบค้ากันมาก หลายอย่างล้วนคุ้นเคยกันดี ข้าน้อยขอบารมีแม่ทัพใหญ่สักหน่อย ให้ร้านสามธารามาช่วยชี้แนะพวกข้าน้อย จะได้รู้จักธรรมเนียม”

ทุกคนล้วนอึ้งไป จากนั้นขุนพลทหารเมืองเหลียวโจวล้วนพากันคำนับพร้อมกัน ขอให้หวังทงช่วย หวังทงมองหลี่หรูป๋อ ทอดถอนใจ ขุนพลเช่นนี้ไม่อาจสู้รบเก่ง แต่การขุนนางนี้นับว่าไม่เลว ขอให้ร้านสามธารามา ไม่ได้มาเพื่อช่วยอันใด เห็นๆ ว่าขอให้หวังทงมาร่วมรวย ผลประโยชน์ก้อนใหญ่สุดย่อมให้หวังทง หากการรบคิดละเอียดเช่นนี้ หวังทงก็คงไม่ต้องมาช่วยแล้ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด